ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นนางร้ายต้องอดทน เรื่องซวยทับถมต้องไม่ตาย!

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งความวุ่นวาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.2K
      377
      1 มิ.ย. 66

       


     

    ปฐมบทแห่งความวุ่นวาย

    ______________________________________


     

      "ถ้าใครเข้ามาฉันจะฆ่านังแพศยานี่!"
     

    เสียงตะโกนฟังดูคลุ้มคลั่ง  ฉันกลอกตาไปมา  แขนข้างนึงล็อคคอนังมารร้ายในชีวิตไว้  อีกข้างนึงฉันกำมีดแน่นจนมือสั่น  ข้อนิ้วเรียวซีดขาว  หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก  หูอื้อ สมองตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียวว่าจะหลุดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง 

     

     ฉันถูกจับได้แล้ว...ทำยังไงดี...ทำยังไงดี....  ตอนนี้มีคนเต็มไปหมด  คนระดับสำคัญของอาณาจักรทั้งนั้นที่จะเป็นพยานเอาผิดฉันได้  ให้ฆ่าทุกคนที่นี่คงทำไม่ไหว  ฉันควรจะต้องทำยังไงดี!

     

       "เป็นบ้าอะไรของเธอวะ!"

      เสียงทุ้มเข้มตะคอกด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังดูการแสดงโง่ๆอะไรบางอย่าง  ดวงตาสีเข้มฉายแววเป็นห่วงเป็นใยคนที่ถูกฉันจับไว้เป็นตัวประกัน  ขัดกับความสมเพชและรังเกียจที่ส่งมาให้ฉันราวกับหนังคนละม้วน

     

       ฉันเม้มปากแน่น  ดวงตาแข็งกร้าวตอนเห็นใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ในระยะที่คิดว่า 'ใกล้' มากเกินกว่าความจำเป็น
     

     "ถอยออกไปนะ! บอกให้ถอยออกไปไง!!"

     

    มีดในมือหันไปทางเจ้าชายอันดับสองของราชอาณาจักร  ฉันนึกปวดใจที่ต้องทำแบบนี้ทั้งๆที่เคยสาบานว่าจะไม่มีวันคิดร้ายต่อเขา  ลมหายใจถี่เร็วขึ้นเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่งกดดันจนความกังวลดีดตัวขึ้นจนถึงขีดสุด  เล็บจิกเข้าไปในเนื้อของยัยผู้หญิงแพศยานี่ด้วยความโกรธและเกลียดชัง  ก่อนจะออกแรงบังคับให้เจ้าหล่อนเดินตามมา

     

       มันดูตลกสิ้นดีที่ฉันใช้มีดโง่ๆนี่ในการขู่พวกเขา  ในความเป็นจริงแค่ใครสักคนในสี่คนนั้นซัดพลังเวทย์ใส่ฉันสักครั้งฉันก็คงตายในทันทีโดยแทบไม่ต้องเปลืองแรงอะไร  ร่างกายของพวกไร้พลังเวทย์อย่างฉันอ่อนแอและเปราะบางตายง่ายเสียจนไม่ต่างอะไรจากมดปลวก  แต่โชคดีที่อย่างน้อยฉันก็ไวพอที่จะฉวยโอกาสในช่วงที่ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายกับการต่อสู้ไปคว้าตัวยัยนี่เอาไว้ได้ก่อน

     

     เดลฟิล่า ฮาฟิลเทีย  นังคนน่าขยะแขยงที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันไป  
     

    ทั้งๆที่เป็นแค่สาวชาวบ้านสกปรก....สายเลือดต่ำต้อย....

     

    เพราะแค่มีพลังเวทย์แสงเเท้ๆ....ถึงได้มีสิทธิ์มาเหยียบในรั้วชนชั้นสูงได้....
     

       ทั้งๆที่เป็นแค่ขยะชั้นต่ำแท้ๆ!
     

    ฉันกัดฟันกรอด  เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆราวจะแตกออกมา  ความรู้สึกแย่และอดสูตีตื้นขึ้นมาในอกจนอึดอัดอยากจะร้องไห้ออกมา  แต่ในใจฉันก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิดในเวลาแบบนี้  ฉันจะมาร้องไห้ไม่ได้  ฉันต้องเข้มแข็ง...เข้มแข็ง... ต้องหาทางรอดให้ตัวเองให้ได้!

     

    "ซาร์ลีนเน่ใจเย็นๆก่อนนะครับ  วางมีดในมือลงก่อนเถอะ"

     

        น้ำเสียงนุ่มที่มักเจือปนด้วยความอบอุ่นเสมอเรียกความสนใจจากฉันได้ดีที่สุด  อาร์กีแอฟ วี. แมธธีอัส เจ้าชายลำดับที่สองของราชอาณาจักรกราสฟิลาโด  เป็นคู่หมั้นของฉัน  เป็นแรงจูงใจในความพยายามของฉัน  เป็นทุกอย่างในชีวิตของฉัน   ถึงแม้เขาจะไม่เคยมองฉันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่าคู่หมั้น  หรือคนสำคัญสำหรับเขาเลยก็ตาม

      ถึงจะโง่งมและหลงใหลในตัวเขาจนแทบจะยกให้ได้ทุกอย่าง  แต่ฉันก็ไม่ได้โง่เง่าจนถึงขั้นมองไม่ออกว่าในแววตาที่แสนอบอุ่นของเขามันมักจะมีความเย็นชาอยู่ในนั้นเสมอ  ไม่ว่าจะทำอะไร  จะพยายามแค่ไหนฉันก็ไม่เคยได้รับดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนตอนที่เขามองเดลฟิลล่าแบบนั้นเลยสักนิด
     

       เพราะเป็นแบบนั้น....ฉันถึงต้องทำทุกวิถีทางให้เขาหันมารักฉันโดยไม่สนวิธีการใดๆ แม้จะต้องทำผิดกฏหมายของอาณาจักรด้วยการลักลอบนำมนตราจากแดนปีศาจเข้ามาเพื่อทำยาสเน่ห์ หรือกลั่นแกล้งนังเดลฟิลล่าให้อยู่ในสภาพน่าสังเวชเพื่อให้หล่อนยอมพ่ายแพ้....    

    แต่ทุกครั้ง ทุกครั้งที่ยิ่งทำอะไรมากเท่าไหร่คนที่จะเข้าไปปกป้องมันก็คืออาร์กีแอฟเสมอ!

     "ใจเย็น?....ทั้งๆที่พวกคุณจะรวมหัวกันแล้วจับฉันส่งเข้าคุกอย่างนั้นเหรอคะ!!?" 

    เสียงกรีดร้องโหยหวนคงแสบแก้วหูน่าดู ขนาดผู้ชายที่ดูเย็นชาหนึ่งในนั้นยังแอบขมวดคิ้ว

     "ปวดหูจริงๆ"

     ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงหันไปด่ากราดสาดเสียเทเสียใส่เข้าให้แล้ว แต่ในเวลาแบบนี้ สิ่งเดียวที่ฉันสนใจคือการเอาตัวรอดไปจากเรื่องบ้าๆพวกนี้เท่านั้น!! 

    "เลิกทำตัวแบบนี้สักทีเถอะ!!"

     ฉันชะงัก ตอนสบตากับดวงตาสีแดงเจิดจรัสราวกับประกายของทับทิม 

    "มันจบแล้วซาร์ลีนเน่ เธอไม่มีทางหนีจากความผิดตัวเองไปได้หรอก"

     ไซรัส คอนสแตนติน พี่ชายของฉันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ 

    "อย่าทำให้เรื่องมันร้ายแรงไปกว่านี้เลยเถอะ รับผิดแล้วไปมอบตัวกับพี่ พี่สัญญาว่าพี่กับพ่อจะช่วยเธออย่างแน่นอน"

     "ช่วย...?" 

    แค่ได้ฟังถ้อยคำให้ความหวังพวกนั้นราวกับว่าเห็นแสงสว่างเล็กๆขึ้นที่ปลายอุโมงค์ มือที่ถือมีดอยู่สั่นระริก 

    "แต่แล้วยังไงล่ะ?"

     ต่อให้รอดจากคุกมาได้ ชื่อเสียงของฉันล่ะ?

     สายตาที่ทุกคนมองฉันล่ะ?

     มันจะแก้ไขยังไง!?

     พี่ชายของฉันส่ายหัว สีหน้าของเขาดูผิดหวัง จากนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

     

     ทั้งหมดนี่.... ทั้งหมดนี่.... 

    ฉันกัดริมฝีปากตัวเองจนได้เลือด 

    "เพราะพวกคุณนั่นแหละ!!"

     วิสัยทัศน์พร่ามัว น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลผ่านแก้ม

     "พวกคุณมันโง่!! มัวเอาแต่วิ่งไล่ตามนังนี่อยู่ได้! ตกต่ำถึงขนาดต้องมารุมแย่งนังบ้านนอกนี่คนเดียว! คนที่น่าสมเพชน่ะมันเป็นพวกคุณ!! พวกคุณทั้งหมดนั่นแหละ!!"

     ฉันตะโกน หันมีดในมือสะบัดสเปะสปะอย่างไร้ทิศทาง

     "ถ้าไหนๆ....จะต้องเสียชื่อเสียงไปแล้วล่ะก็......" 

    มือข้างหนึ่งล็อคคอนังเศษสวะไว้แน่น อีกข้างเงื่อมีดขึ้นสูง

     "ฉันจะทำให้นังนี่ต้องได้ชดใช้!"

     ก่อนจะพุ่งลงมาอย่างแรงที่ลำคอ หมายจะทำลายเส้นเสียงให้ขาดสะบั้น ทว่า วินาทีนั้นเอง แสงสีขาวจ้าระเบิดขึ้น พร้อมแรงปะทะที่ทำให้ฉันกระเด็น ทุกอย่างสว่างวาบ ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผดเผาไปทั่วร่าง

     

       โลกใบนี้แบ่งคนออกเป็นสองประเภท

     

      ประเภทแรกคือพวกเหล่าชนชั้นสูงที่มีพลังเวทย์มากมายเสียจนล้นฟ้า โชคชะตาเกิดมาเพื่อเป็นนักปกครอง ใช้ชีวิตในโลกที่เอื้ออำนวยทุกสิ่งให้พวกเขาได้ยืนอย่างมั่นคง

    ประเภทที่สองคือเหล่ากลุ่มคนที่ไร้พลังเวทย์หรือพลังเวทย์น้อยนิด สำหรับในโลกใบนี้ที่ทุกสิ่งต่างถูกวัดคุณค่าด้วยพลังเวทย์แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเดนเศษดิน เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตให้ถูกด่าทอเหยียดหยันอย่างน่าอดสู

     

      และสำหรับฉันผู้เกิดมาในชนชั้นสูงแต่กลับไร้ซึ่งพลังเวทย์นั้น เปรียบเสมือนตัวตนบิดเบี้ยวบนเส้นขนานที่ไม่มีใครให้การยอมรับโดยสิ้นเชิง
     

       แรงแผดเผาจากเวทย์แห่งแสงทำให้แขนลวกแทบไหม้  แม้จะขึ้นว่าเป็นเวทย์รักษาแต่ยามต้องแสดงอานุภาพกลับร้ายแรงฆ่าคนได้ไม่ต่างจากเวทย์ธาตุไหน ฉันอ้าปากค้าง ภาพที่ตัวเองกำลังลอยค้างอยู่อากาศยาวนานเสียจนเห็นใบหน้าเย็นชาของน้องสาวบุญธรรมที่กำลังมองมา 

     

       ใบหน้าอ่อนหวานที่ใครต่างหลงใหล ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเป็นรอยยิ้มน่ารังเกียจราวจะเย้ยหยันกันอย่างชัดเจนนั้นเป็นเสี้ยววินาทีอึดใจที่นอกจากฉันแล้วก็ไม่มีใครเห็นอีก

     

        ความเดือดพล่านในตัวปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน ฉันมองนังแพศยานั่นอย่างเคียดเเค้น มือคว้าออกไปกลางอากาศหมายอยากจะบีบคอสวยนั่นให้ขาดใจตายไปต่อหน้า  อยากให้ทุกคนที่ไปหลงใหลหล่อนได้เห็นธาตุแท้ว่าความจริงแล้วนังนี่มันโสมมขนาดไหน น่ารังเกียจเพียงใด

     

       แต่ท้ายที่สุดแล้ว  ร่างของฉันกลับร่วงหล่นสู่ผืนท้องทะเลโดยไม่อาจมีใครให้ความช่วยเหลือได้

     

      หรือต่อให้ช่วยได้ทุกคนก็คงหันหลังเลือกที่จะเมินเฉยอย่างเย็นชา

     

       ฉันตกลงไปในน้ำ ร่างทั้งร่างกระแทกเข้ากับกับมวลน้ำมากมายที่ไหลเชี่ยวกราก  สำลักตะเกียกตะกายพยายามดำผุดดำว่ายสวนกระแสน้ำไปให้ถึงฝั่ง แต่ขนาดต่อให้เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กระแสน้ำนี้ก็ยังเชี่ยวแรงเกินกว่าจะว่ายไปได้

     

      เรี่ยวแรงที่มีลดน้อยถอยลง หากมีพลังน้ำแข็งคงจะแช่เเข็งเพื่อให้ตัวเองหนีรอดไปได้ หากมีพลังลมก็คงบังคับร่างกายให้ลอยหนีออกไปดั่งใจนึก ฉันได้แต่สำลักน้ำทะเลจนแสบจมูก สายตาพร่ามัวลงช้าๆ จากนั้นแขนขาที่อ่อนแรงก็หยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้ตัวเองค่อยๆจ่มลงสู่ก้นทะเลไป

     

      นี่คือจุดจบชีวิตของฉันงั้นเหรอ?

     

       มันช่างโดดเดี่ยว และอ้างว้างเสียเหลือเกิน

     

     คิดหรือว่าหากอยากจะช่วยจริงๆเหล่าเจ้าชายที่อยู่บนหอคอยพวกนั้นจะทำไม่ได้?

     

     พวกเขามีทั้งเวทย์มนต์ ทั้งพลังที่แข็งแกร่ง แค่การช่วยคนๆนึงที่กำลังจมน้ำคงทำได้ไม่ยาก แต่การที่พวกเขาปล่อยให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้มันก็แสดงออกอย่างชัดเจน

     

      ว่าไม่อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

     

     

      ฉันหลับตาลง สายน้ำหลั่งไหลเข้าท่วมท้นจนทั้งร่างจมดิ่งลง อาการแสบร้อนในปอดเมื่อกระแสน้ำไหลทะลักเข้าไปในจมูกเริ่มชาจนไม่รู้สึกอะไรอีก

     

       และนั่นคือจุดจบของ[ซาร์ลีนเน่ คอนสแตนติน] นางร้ายจากเกม [โชคชะตาน่ะเหรอ? ฉันจะพลิกมันเอง!] เกมแนวโอโตเมะจีบหนุ่มค่ายดังที่เป็นแสโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง

     

        ในรูทหลักของเจ้าชาย [อาร์กีแอฟ วี. แมธธีอัส] นางเอกของเกมจะสามารถครองใจของเขาได้สำเร็จ เป็นสาเหตุให้ [ซาร์ลีนเน่ คอนสแตนติน] คู่หมั้นสมัยเด็ก นางร้ายผู้โง่เขลาไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ถึงได้ล่อลวงนางเอกของเกมไปจัดฉากบนยอดหอคอยว่าถูกข่มขืนเพื่อให้ตัวเจ้าหล่อนมีมลทินจะได้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน

      แต่ในระหว่างนั้นเหล่าฮาเร็มกลับตามมาทันและช่วยนางเอกไว้ได้  ซาร์ลีนเน่ที่กลัวจะถูกเอาผิดจึงคิดจะทำร้ายนางเอก แต่คนธรรมดาที่อยากจะทำร้ายผู้ถือครองเวทย์ก็เหมือนใช้มือเปล่าสู้กับรถถัง ดังนั้นซาร์ลีนเน่ถึงถูกเดลฟิลล่าใช้เวทย์แสงทำลายหอคอยโดยจงใจผ่าให้เธอกระเด็นออกไปไกลที่สุด และท้ายที่สุดก็ถึงแก่ความตายเพราะจมน้ำ

     

      ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนั้นเธอเป็นอย่างไร เพราะแม้แต่ร่างศพก็ยังหาไม่เจอ

     

     และนั่นก็เป็นฉากปิดเรื่องราวของซาร์ลีนเน่ คอนสแตนติน นางร้ายสาวไร้พลังเวทย์ผู้ไม่มีใครรักเธออย่างแท้จริงไปตลอดกาล……

     

     


     _______________________________________
     


     จำได้ว่าแต่งเรื่องนี้ตอนม.3 แจ้งว่าจะกลับมาแต่งตอนม.5 ลงมือแต่งจริงคือปี1 ค่ะ56555555

     

     ตอนนี้ไรท์เป็นสาวมหาลัยไปแล้วววว กลับมาย้อนอ่านเรื่องนี้แล้วสนุกดีเลยอยากอ่านต่อค่ะ นั่นเป็นเหตุผลที่กลับมาเริ่มเขียนอีกครั้ง แฮะๆ 

     

     ขอบคุณทุกคนที่ยังรอกันเสมอมานะคะ เลิ้ฟยูววว


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×