ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #19 : ฤทธิ์เดชพระองค์ใหญ่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.55K
      0
      25 ส.ค. 49

    16

    ฤทธิ์เดชพระองค์ใหญ่

     

            สาเหตุหนึ่งที่พสกนิกรชาวคาโนวาลไม่อาจจำพระพักตร์เจ้าชายคนสำคัญได้ ก็เนื่องมาจากคาเรนมักไม่ปรากฏองค์ให้ใครเห็นในลักษณะของเจ้าชายบ่อยนัก และไม่ว่าจะทรงประพาสเยี่ยมเยี่ยมความเป็นอยู่ราษฎร หรือร่วมต่อสู้ประลองความกล้าในงานชุมนุมอัศวินประจำปี ก็มักจะแปลงองค์มาเป็นแค่บุตรบุญธรรมท่านเสนานาม เคเรสหรือให้หนักกว่านั้นก็เป็นเด็กเร่ร่อนอนาถาไม่มีชื่อไม่มีเสียงเสียเลย

                เพราะการทำอย่างนั้นจะทำให้ทรงทราบถึงสภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงได้ดีกว่า

                วันนี้ก็เช่นกัน คาเรนทรงเสด็จเรื่อยๆในเขตชุนชนที่คึกคักที่สุดของคาโนวาล ซึ่งมีผู้คนมากมายเดินสวนกันขวักไขว่ตลอดเวลา ดูสับสนวุ่นวายได้ทั้งวัน

    บางคนหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาชนโครมเข้าให้ แล้วรีบรุดจากไปไม่ได้เอ่ยขอโทษ พระองค์ก็มิได้ถือสา หนำซ้ำยังช่วยเก็บของที่หล่นส่งคืนให้อีก แล้วในหลายครั้งที่ทรงพบเห็นชีวิตชาวเมือง คาเรนก็อดไม่ได้ที่จะทรงเข้าไปช่วย

     

                ลุง หนักมั้ยล่ะนั่น

     

                ทรงปราดเข้าไปถามชายวัยกลางคนที่แบกอะไรสักอย่างบนหลังมาหอบเบ้อเร่อ น่าจะหนักไม่ใช่เล่น ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำหน้าเหยเกมาตลอดทางแล้วหอบถี่เอาขนาดนั้น

     

                ถอยไป ไอ้หนู

     

                อีกฝ่ายกัดฟันตอบ ก่อนเดินเลี่ยงไป

                คงจะเห็นว่าร่างสูงๆ บางๆนี่มันไม่เหมาะกับงานหนัก และดวงหน้าที่ค่อนข้างดูดีของคนถามก็ดูยังอ่อนนัก จึงเรียก ไอ้หนูซะเลย แต่ถึงจะบอกให้มันถอยไป หรืออีกนัยๆหนึ่งก็คือไล่ มันก็ยังเดินตามต้อยๆมาให้ต้องหันกลับมาคุยกับมันจนได้

     

                ฉันช่วยมั้ย

     

                คราวนี้มีแววตายากประเมินมองมา เป็นการมองตั้งแต่หัวจรดเท้าทีเดียว สงสัยจะคิดว่าพระองค์เป็นพวกพเนจรไม่มีงานทำ จึงมาของานหวังเงินหวังเบี้ยประทังชีวิตแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดตอกกลับมาว่า

     

                ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เอ็ง ในถุงนี้เป็นถ่าน ข้าขายหมดถุงยังไม่รู้เลยว่าจะพอมื้อเย็นนี้หรือเปล่า

     

                องค์คาเรนเพียงสรวลรับอย่างมิได้ทรงโกรธเคือง ทั้งยังก้มลงมององค์เองเช่นเดียวกัน แล้วสุดท้ายก็เผลอหัวเราะออกมา

                เสื้อผ้าของคนใช้ที่บ้านท่านเมนิสนี่ใช้ได้เหมือนกันแฮะ......ไม่เสียทีที่อุตส่าห์ ยืมมา

     

                ฉันช่วย.... ทรงย้ำอีกครั้ง ฟรีๆ...เอาไม่อะไรเป็นค่าตอบแทนทั้งสิ้น

     

                ชายวัยกลางคนทำท่าไม่เชื่อถือ คงจะถือคติเดียวกับท่านแม่เฟรินสมัยยังเป็นเพียงหัวขโมยเร่ร่อนว่า ของฟรี.....ไม่เคยมีในโลก     

     

            ไม่ต้องเว้ย อย่างเอ็งจะมาแบกของหนักๆ เดี๋ยวหลังหักตาย

     

                ใครบอกว่าฉันจะแบกของแทนลุงกันเล่า ทรงรับสั่งพลางหัวเราะร่วน ฉันมีเกวียนเล็กๆอยู่คันหนึ่ง จอดแอ้งแม้งอยู่โน่น แล้วชี้พระดรรชนีไปทางซอยเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ติดถนนเลยทีเดียว ที่ว่าฉันช่วยก็คือให้ลุงยืมใช้ขนถ่านนี่ไปได้ เสร็จแล้วก็เข็นมันมาไว้ที่เดิมด้วยแล้วกัน

     

                อ้าว เกวียนคันนั้นของเอ็งหรอกเรอะ

     

                เจ้าชายในคราบคนอนาถาพยักพระพักตร์

     

                แต่ข้าเห็นมันอยู่อย่างนั้นมาหลายเดือน นานๆทีถึงมีคนเอาไปใช้

     

                แน่ล่ะ เกวียนคันนั้น พระองค์สั่งให้ท่านเสนาฯเมนิสเตรียมไว้ให้ยามเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชน เพราะฉะนั้นตอนที่พระองค์กลับไปเรียนในโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก มันจึงถูกปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่มีใครสนใจ

     

                อืม ฉันไม่ค่อยได้ใช้หรอก ลุงใช้ขนถ่านเสร็จ ถ้ายังอยากเอาไว้ใช้ก็เอาไปก่อนได้

     

                เฮ่ย เอ็งไม่ได้รวยอะไรมากมาย  ทำใจดียกสมบัติให้คนอื่นไปได้

     

                เจ้าชายคาเรนสรวลกว้าง ดำริในพระทัยว่า สำหรับชาวบ้านธรรมดาเกวียนซีดๆผุๆคันหนึ่ง ก็กลายเป็นสมบัติได้ แล้วพระองค์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ จะทรงมีไว้ในครอบครองทำไมกัน

     

                เอาเถอะน่า ลุงนี่ดื้อจริง เกวียนอยู่กับลุงมันยังได้ทำประโยชน์ อยู่กับฉันมันก็วางเฉยๆอย่างที่ลุงเห็นนั่นแหละ เอาเป็นว่า ถ้าฉันนึกออกว่าจะเอาไปทำอะไร ฉันค่อยไปทวงคืนจากลุงก็แล้วกัน

     

    ------------------------------------------------------------------

                วรองค์สูงประทับบังหน้าต่าง แสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาจึงกลายเป็นพื้นหลัง ให้พระฉายาแห่งพระองค์ใหญ่ปรากฏชัดเจนเหมือนภาพวาดสีดำ ที่ทรงสง่างาม สุขุม และน่าเกรงกลัวไปในคราวเดียวกัน

                ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เบื้องพระพักตร์ หลังจากได้พาร่างอันอ่อนแอไร้กำลังของตัวเองลงคำนับเจ้าชายแห่งคาโนวาลอย่างทุลักทุเล และได้รับพระราชทานอนุญาตให้ลุกขึ้นนั่งได้อย่างไม่ต้องมีพิธีรีตอง

     

                ท่านแข็งแรงขึ้นนี่

     

                ทรงรับสั่งหลังจากทอดพระเนตรอย่างพิจารณา จากวันที่ทรงเห็นคนผู้นี้ในหอคอยคุมขัง ร่างที่ เคยแข็งแรงนั้นหมอบอยู่ในมุมมืดของห้องขังคับแคบราวเศษขยะ ดูไร้สุขภาพและสติโดยสิ้นเชิง กระทั่งตอนที่ท่านเสนาบดีกระทรวงการคลังตะโกนเรียกชื่อหลายครั้ง อีกฝ่ายก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาเสียเฉยๆ

                ไม่น่าเชื่อว่าเพียงวันเดียว หลังจากได้พักอยู่ในห้องคนรับใช้ในคฤหาสน์ท่านเสนาฯ ได้กินอาหารที่แม้ไม่ดีเลิศ แต่ก็ปรุงมาเพื่อปรับสภาพและบำรุงร่างกายโดยเฉพาะ ชายหนุ่มคนนี้ถึงกับฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้

                อาจจะไม่ถึงกับแข็งแรงสมบูรณ์ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ลุกขึ้นมาพูดคุยได้รู้เรื่องแล้ว

                หอคอยคุมขัง....สถานที่ที่สูบความเป็นตัวตนของคนที่ต้องเข้าไปได้หมดจริงๆ

                อย่างบุรุษที่อยู่เบื้องพักตร์นี่ก็เหมือนกัน ใครจะคิดว่าครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นนักรบฝีมือดีอนาคตไกลคนหนึ่ง ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากท่านเซต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังถูกเลี้ยงให้เติบโตมาพร้อมกับซาฟา อิมรีอา บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านเสนาเซต และพระองค์เองยังเคยเห็นเขาเข้าไปประชุมในหลายครั้งที่ท่านพ่อทรงเรียกบุคคลสำคัญฝ่ายการทหารอยู่เหมือนกัน

                กระทั่งครั้งสุดท้ายที่ทรงพบ ก็เมื่อก่อนไปเข้าเรียนปีห้าที่เอดินเบิร์กเมื่อปิดเทอมคราวที่แล้วนี่เอง

     

                ด้วยพระกรุณาธิคุณ หม่อมฉันแข็งแรงขึ้นมากแล้ว

     

                เท่านั้น เจ้าชายคนสำคัญถึงกับสรวลกว้าง ก่อนพ่นพระปัสสาสะพรืด อย่างไม่รู้จะชมเชยคนยังจำธรรมเนียมการตอบรับความห่วงใยได้ หรือจะเยาะเย้ยความอวดดีอย่างน่าสมน้ำหน้า เพราะมันเองยังห่างไกลคำว่าแข็งแรงมากมายนักดี

     

                ช่างความกรุณาของเราเถอะ มันไม้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือท่านหรืออะไรทั้งสิ้น.... ทรงเว้นไปนิด เพื่อรอสังเกตอาการของอดีตนักรบตรงหน้า หากท่าน....ไม่ได้ทำความผิดจริง ท่านจัสติน

     

                แววตาสีดำสนิทของอดีตนักรบวาวขึ้นอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง ก่อนจะมอดแสงลงอย่างรวดเร็วเมื่อก้มต่ำ หลุบสายตาหนีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ต่อสายพระเนตรที่ทรงเมตตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในนัยน์เนตรสีสวยเหมือนพระราชินีแห่งคาโนวาลคู่นั้น

                เคยได้ยินมาว่าเจ้าชายองค์นี้โหดร้ายนัก ทั้งยังไม่มีเหตุผลและเอาแต่พระทัยอย่างยิ่งด้วย

                หรือจะได้ยินมาผิด....ผิดอย่างมหันต์

     

                ความผิดของหม่อมฉันหนักหนายิ่งนัก เหตุใดฝ่าบาทจึงยังคลางแคลงว่าผิดจริงหรือไม่ น้ำเสียงจัสตินสั่นเครือขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แม้จะพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมมัน หม่อมฉันทรยศต่อบัลลังก์กษัตริย์คาโล ทั้งยังลอบปลงพระชนม์พระองค์อีกด้วย

     

                เราพอดูออก ท่านจัสติน แม้ในยามนี้ สุรเสียงเจ้าชายคาเรนยังนุ่มนวลอย่างทรงเมตตา รอยสรวลบางปรากฏอยู่บนพักตร์งามสงบราวกับรูปสลักจากฝีมือประติมากรชั้นเอก         ว่าบุคคลที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวจนกระทำการเช่นนั้นได้ ควรมีลักษณะอย่างไร ซึ่งมันย่อมแตกต่างจากท่านโดยสิ้นเชิง ท่านจัสติน นักรบคนหนึ่งของคาโนวาล

     

                นักรบ...โอ...นักรบของคาโนวาล

                หยาดน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาในดวงตาแห้งแล้งคู่นั้น ช่างปวดร้าวเหลือประมาณที่จะต้องยอมรับว่าคำเรียกที่เคยภาคภูมิใจคำนั้น ได้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว กลายเป็นเพียงอดีตที่จะไม่มีวันคืนมาอีก

                มือซีดเซียวและเหลือแต่กระดูกเกร็งขึ้น จนกลายเป็นกำแน่น เพื่อรองรับน้ำตาที่หยดหยาดลงด้วยความเจ็บแค้นอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

                ความภูมิใจของเหล่านักรบผู้กล้า คือสามารถปกป้องและเคียงคู่บัลลังก์กษัตริย์ที่ตนเองถวายชีวิตรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์.....และความอัปยศที่สุดของนักรบเหล่านั้นก็คือ การทรยศต่อนาย ต่อความเป็นนักรบที่ตนได้ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าตนจะยึดถือจนกว่าชีวิตจะหาไม่

                มันเป็นความเจ็บปวดที่กัดกร่อนจิตใจยิ่งกว่าการใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้ค่าทุกเมื่อเชื่อวันในหอคอยคุมขัง

                เป็นความเจ็บปวดที่สุดของชีวิต....เจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

     

                ฝ่าบาท

     

                ร่างผอมเกร็งทรุดลงมากองแทบพระบาท คาเรนทรงถอยหลบด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนจะรับฟังคำทูลอ้อนวอนอดีตนักรบแห่งคาโนวาลด้วยความสะเทือนใจไม่ผิดกัน

     

                ทรงประหารหม่อมฉันเสียเถิดกระหม่อม หากฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันได้แลกทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้หอคอยนั่นไปมากพอแล้ว ประหารเสียเถิด กระหม่อมจะได้ชดใช้ในสิ่งที่กระหม่อมทำทั้งหมด ทรงเอาดาบของพระองค์ฟันหม่อมฉันให้ตายในดาบเดียวสมกับที่หม่อมฉันบังอาจเอาดาบเลวๆไปทาบพระศอฝ่าบาทเถิด

     

                เจ้าชายคาเรนทรงรับฟังคำทูลขอด้วยพระอาการเวทนา ไม่ได้เดือดร้อนโกรธเคืองในสิ่งที่นักรบคนหนึ่งที่พระองค์เคยทรงชื่นชมทำกับองค์เองสักนิด เรียกว่าแทบจะทรงลืมเลือนไปหมดแล้วด้วยซ้ำ

    แต่หากภาพที่ตนเองเกือบปลงพระชนม์เจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาลยังตรึงแน่นอยู่ในสำนึกของจัสตินมาจนถึงวินาทีนี้.....

                ทว่าคาเรนเข้าพระทัยบางอย่างดี ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะปลงพระชนม์พระองค์เลย

                ไม่เช่นนั้น นักรบคนนี้คงทำร้ายพระองค์ตอนเผลอ และไม่มัวแต่เอาดาบทาบพระศออย่างไม่ยอมลงมือสักที จนทหารมาจุบกุมตัวไป และต้องมาชดใช้ความผิดในคดีอุกฉกรรจ์ที่หอคอยคุมขังเป็นเวลาถึงหนึ่งปีเต็ม

     

                ท่านจัสติน

     

                คราวนี้พระสุรเสียงเข้มขึ้นอย่างสมกับเป็นเจ้าชายแห่งคาโนวาล คนซบลงแทบบาทจึงเงยขึ้นทำตาปริบๆอย่างงงงวย

     

                เรานับถือท่าน ที่เป็นนักรบของคาโนวาลอันเก่งกล่า และมีฝีมือขนาดที่สามารถฆ่าเราได้มาแล้ว เพราะฉะนั้น ถือว่าเราขอร้อง ท่านอย่าได้ร้องไห้ ท่านควรทราบ เราเกลียดความอ่อนแอของบุรุษยิ่งนัก

     

                แน่ล่ะ พระองค์พยายามแทบตายกว่าจะเข้มแข็งได้เท่าบุรุษ...แล้วจะให้บุรุษที่เคยเป็นผู้กล้ามาทำตัวอ่อนแอตรงหน้าได้อย่างไร

                และนับว่าเป็นคำตรัสที่ได้ผล เพราะบัดนี้ท่านจัสตินได้เงยหน้าขึ้นมาสบพักตร์ด้วยอย่างกล้าหาญ เก็บกลืนอาการเสียใจอย่างสุดแสนไว้ได้ หากแต่ก็ยังยืนยันคำเดิม

     

                ประทานความตายให้หม่อมฉันด้วยพระเจ้าค่ะ

     

               

                เจ้าชายคาเรนทรงถอยออกไปก้าวหนึ่ง ก่อนขยับพระหัตถ์ขวาเข้าหาด้ามดาบที่หัตถ์ซ้ายถืออยู่อย่างช้าๆ นิ้วพระหัตถ์ทั้งห้ากรีดอย่างงดงาม ก่อนจับและกระชับแน่นที่ด้ามดาบประจำพระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งคือดาบปราบมารของท่านปู่ แล้ว.....

                เสียงกรีดดังช้าๆราวดีดเส้นสายของพิณดังขึ้น แสงแดดที่ส่องมาจากเบื้องพระขนองกระทบคมดาบเกิดเป็นประกายจับตา และประกายนี้ทอดจับลงไปบนร่างอดีตนักรบแห่งคาโนวาล ฝักดาบซึ่งดูเรียบๆด้วยเครื่องเงินธรรมดาถูกเลื่อนออก

                ชิ้ง....

                ดาบทั้งเล่มเปลือยคมจนหมด หัตถ์ขวากำดาบแน่น ขณะที่จัสตินได้หลับตาลงอย่างสงบเพื่อรอรับความตายที่ประทานจากหัตถ์คนที่ตนเองเคยหมายลอบปลงพระชนม์

                แต่แล้วดาบก็ถูกสอดคืนฝักอย่างรวดเร็ว

                คนกำลังจะตายแหงนหน้ามองอย่างไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

     

                จัสติน เรโอวา เดอะวอริเออร์ ออฟคาโนวาล สุรเสียงค่อนไปทางใสดังกังวานในห้องแคบ ก่อนดาบจะถูกยื่นมาตรงหน้า ให้คนเบื้องล่างต้องยื่นสองมือรับอย่างงุนงง ฟังคำสั่งเรา

     

                นั่นคือ การออกคำสั่งตามวิสัยของกษัตริย์ที่มีต่อแม่ทัพในสนามรบ

     

                ท่านจงชดเชยสิ่งที่ท่านทำผิดไปต่อเราเดี๋ยวนี้ เราแล้วจะคืนตำแหน่งนักรบแห่งคาโนวาลให้ท่าน

     

                โอ.....เจ้าชายคาเรน

                คาเรน วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟคาโนวาล ทรงเลือกเขา ซึ่งเป็นเพียงคนมีโทษอุกฉกรรจ์ให้เป็นแม่ทัพประจำพระองค์หรือนี่

     

                รับด้วยเกล้า รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท

     

                ท่านจัสตินรับคำอย่างลนลาน ดีใจอย่างที่ไม่เคยนึกฝันว่าจะมีวันนี้ ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจ.....เดินเข้าหอคอยคุมขังด้วยตนเอง

     

                หากสิ่งใดที่หม่อมฉันทำได้ หม่อมฉันจะทุกถวายเดี๋ยวนี้

     

                ดี พักตร์นวลดูเคร่งขรึมรับแสงทองจากเบื้องนอกดูน่ามองยิ่ง งั้นบอกเรามา ท่านจัสติน ท่านทำทีเป็นต้องการฆ่าเราเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของนายคนเก่าท่าน ซาฟา อิมรีอา เดอะวอริเออร์ ออฟคาโนวาล....ใช่หรือไม่

     

                คนฟังตัวแข็งทื่อไปในทันใด

     

                หน้าที่ความรับผิดชอบต้องมาก่อนบุญคุณความแค้นส่วนตัว กฎข้อนี้ของคนเป็นนักรบท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ บอกเรามาเสีย ท่านนักรบ คนที่ต้องการให้เราตายจริงๆคือคนผู้นั้น...ใช่หรือไม่     

     

                เนตรวาววามทอดจับมา ทรงอำนาจอย่างยิ่ง

     

                โอ ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบ.......

     

                เราย่อมรู้......ท่านจัสติน ว่าใครที่เป็นคนทรยศตัวจริง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×