ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #38 : เดอะเมจิคเชี่ยนออฟทริสทอร์(อีกครั้ง)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.21K
      1
      21 ต.ค. 49

    33

    เดอะเมจิคเชี่ยน ออฟทริสทอร์ (อีกครั้ง)

     

                    วรองค์บางในชุดมอมแมมเสด็จเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่แม้จะเป็นเพียงมุมๆหนึ่งในชุมชนเมืองคาโนวาล แต่พระองค์ใหญ่ก็ทรงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถเสด็จในลักษณะของเด็กหนุ่มอนาถาได้อย่างสบาย

                ติดก็แต่ พอไม่มีเครื่องทรงหรูหราของเจ้าชายรัชทายาท วรองค์สูง โปร่ง กลับยิ่งดูบางลง แล้วพอมาอยู่ในเสื้อผ้ารุ่มร่ามเกินพอดีที่บ่งบอกถึงฐานะยากไร้ ก็ยิ่งดูเปราะบางสมกับเป็นสตรีแต่กำเนิดโดยแท้

                อาจเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่ทรงโปรดนัก

                แต่ความบอบบางอันนี้จะทำให้พระองค์ดูไร้พิษสงและปลอดภัยดี

                บางคน มองว่าเป็นเพียง เด็กชายด้วยซ้ำ

     

                ไอ้หนู เอ็งนี่เอง

     

                ชายฉกรรจ์คนหนึ่งโผล่เข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม แวบแรกคาเรนเองยังทรงฉงนอยู่นานกว่าจะระลึกได้ว่านี่เป็นชายคนที่พระองค์เคยให้ยืมเกวียนเล่มเล็กๆเหลือใช้เมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง

                ขอบใจเอ็งมาก ที่ให้ข้ายืมเกวียน ตอนนี้เลยสบายขึ้นเยอะ

     

                ไอ้หนูพยักหน้ารับ น่าแปลก.....มันไม่ช่างจ้อเหมือนตอนแรกเห็น

     

                ตอนนี้ข้ามีเงินแล้ว เขาตบกระเป๋ากางเกงตัวเองพลางยิ้มเฉ่ง ก่อนล้วงถุงผ้าออกมายื่นให้

                ไอ้หนูมองเฉย ไม่ทำท่าประหลาดใจหรือแม้แต่สงสัย

     

                ข้าไม่อยากเอาเปรียบเอ็ง นี่เป็นเงินที่ข้ายืมเกวียนเอ็ง รับไว้นะ

     

                แล้วชายฉกรรจ์ก็จากไป โดยทิ้งถุงผ้าไว้ในหัตถ์เล็กที่ถูกดึงขึ้นมาให้รับไว้

                คาเรนทรงยกมันขึ้นมาทอดพระเนตร ทว่ากลับสัมผัสไม่ได้ถึงความมีค่าของเงินตราในถุง แม้มันจะทำให้ชายคนหนึ่งรู้สึกเป็นสุขจนยิ้มแย้มแจ่มใสได้ และสำหรับพระองค์แล้ว มันก็ไม่ต่างจากกรวดทรายข้างถนนสักเท่าไหร่

                เพราะฉะนั้นเมื่อทรงมีก็ไม่มีประโยชน์ จึงทรงโยนทิ้งเอาง่ายๆ

                เป็นการโยนไปเบื้องขนอง และไม่สนใจจะเหลียวกลับไปด้วยซ้ำ

                แต่....เป็นการหมุนขวับกลับไปอย่างรวดเร็ว

                เพราะเสียงใครบางคนลอยมา

     

                ถ้าเดี๋ยวนี้ร่ำรวยจนโยนเงินทิ้งได้แล้ว ก็น่าจะมาดูมายากรยากจนแสดงกลข้างถนนบ้างนะ จะได้เอาเงินนั้นทำทานสร้างบุญกุศลแก่ท้องกิ่วๆสักท้อง

     

     

                นึกอยู่แล้วว่าต้องได้เจอน้องชายที่นี่

     

                คนคุยได้ก็คุยไปเรื่อยๆ ขณะคนไม่มีอารมณ์จะคุย และไม่ได้อยากเจอคนรู้จักสักเท่าไหร่ กลับนิ่งเฉย และยกน้ำหวานในขวดขึ้นกรอกอย่างไม่รับรู้รสชาติ ไหนๆก็มีคนอาสาจะเลี้ยงข้าว จนถึงขนาดพามาร้านอาหารแบบนี้แล้ว

                ซื้อน้ำหวานให้....ทำอย่างกับเราเป็นเด็ก

                แถมยังเรียกเหมือนเดิม....น้องชาย ไอ้หนู

                มันน่านัก

     

                บ้านท่านเสนาเมนิส อยู่แถวนี้หรือ

     

                คนไม่ยอมปริปากชี้นิ้วส่งๆไปข้างหนึ่ง แน่ล่ะ....ไม่ทรงกล่าวเท็จ แค่ชี้ไม่ตรงทางเท่านั้นเอง

     

                แล้วเราออกมาเดินเที่ยวเล่นอีกหรือไง

     

                ไอ้หนูพยักหน้านิดเดียว....บ๊ะ เจอกันครั้งนี้มันหยิ่งขึ้นเยอะ

     

                กำลังจะไปไหนล่ะ

     

                ท่านเสนาใช้ให้ไปทำอะไรอีก

     

                หิวมั้ย

     

                ต้องรีบกลับมั้ย

     

                และอีกสารพันคำถามที่ไม่ว่าจะต้องการให้ตอบแค่ไหน อีกฝ่ายก็แค่ส่ายหน้ากับพยักหน้า หรือไม่ก็เงียบไปเลย สร้างความประหลาดใจให้กับคนเพิ่งดีใจว่าได้เจอคนที่อยากเจอในเมืองหลวงได้พอสมควร

     

                เป็นอะไรไปน่ะ

     

                ชู่ว์

     

                จู่ๆคาเรนก็ทรงใช้ดรรชนีแตะโอษฐ์บาง ก่อนส่งสัญญาณให้เรย์เงียบ

                เนตรสีน้ำตาลกวาดไปยังโต๊ะข้างๆ ก่อนจะรีบหันกลับมามองชายหนุ่มนักมายากรนิ่ง

                เรย์เข้าใจท่าทางนั้นหมายถึงอะไร จึงก้มหน้าก้มตาลงกินอาหารอย่างไม่มีอาการผิดปกติ แต่เงียบเชียบเพื่อให้มีเสียงรบกวนน้อยที่สุด และเพื่อให้คาเรนพอจะได้ยินสิ่งที่ชายสองคนที่นั่งโต๊ะถัดไปพูดคุยกัน

                สองคนนั่น....เป็นพ่อค้าเดินทางมาจากบารามอส

                ประเทศนั้นอยู่ใกล้คาโนวาลนิดเดียว ทั้งยังเป็นเมืองของท่านแม่

                พระองค์จะไม่ทรงรู้จักดีได้อย่างไร

                โดยเฉพาะช่วงนี้....ข่าวจากบารามอสสำคัญมาก

     

                ไฮคิงเรียกประชุมที่เอดินเบิร์กคราวนี้ คิงของเอเดนทั้งยี่สิบสี่ประเทศ ต้องไปพร้อมกันเลยนี่

     

            ไม่รู้ว่าคุยกันไปถึงไหนแล้ว แต่เรื่องราวที่กำลังหยิบยกมาพูดกันอยู่นี้ เป็นเรื่องที่คาเรนทรงสนพระทัยอย่างยิ่ง

     

    เค้าว่างานนี้เป็นบทตัดสินว่าสภากษัตริย์จะมีอำนาจทัดทานคิงอาเธอร์ได้ไหม วิทช์ก็หายไปแล้วทั้งประเทศ แอเรียสอีกครึ่ง ไนล์กับฟรานซ์ก็อยู่ในอุ้งมือ ขนาดเจมิไนยังถูกใช้เป็นทางผ่านไปแอเรียสจนกลายเป็นของซาเรสแล้ว มหาราชโรเวนยังไม่ทำอะไรสักอย่าง

     

    ก็อาจจะเห็นว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้นี่ เจมิไนรวมแผ่นดินกับเวนอลแล้ว ผืนดินตอนล่างลงมาอุดมสมบูรณ์กว่าไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ปล่อยแผ่นดินส่วนที่มีแต่หิมะตกตลอดปีตลอดชาติไปเถอะ ดีกว่าต้องทำสงครามกับคิงอาเธอร์ตั้งเยอะ

     

    แหม แต่แบบนี้มันเท่ากับหยามกันชัดๆ เป็นถึงมหาราชแล้ว ทำไมต้องกลัวกะอีแค่ประจันหน้ากับเจ้าชายใจสิงห์

     

    ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างใส่อารมณ์ ขณะคาเรนส่งเสียงฮึในพระศอ จนคนตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต้องเงยขึ้นมองแล้วเผยยิ้มบาง

    ไอ้หนูนี่มันรู้จริง.....มันถึงได้ดูถูกคนที่พูดประโยคนั้นขึ้นมา

    เพราะความจริง มหาราชโรเวนนั้นทรงตัดสินพระทัยถูกแล้วที่ไม่ทรงทำสงครามกับคิงอาเธอร์ในครั้งที่กองทัพซาเรสเดินทางผ่านดินแดนทางเหนือของซาเรส โดยอ้างว่าทรงทำเพียงเดินทางผ่านไปยึดครองแผ่นดินแอเรียส แต่แล้วก็ไม่ยอมถอนกำลังออกไปจากบริเวณนั้น ดินแดนส่วนหนึ่งของเจมิไนจึงกลายเป็นของซาเรสไปโดยปริยาย

    เพราะทางเจมิไนยังไม่พร้อมสำหรับการทำศึกสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกองทัพอันเกรียงไกรของคิงอาเธอร์

    และอีกประการหนึ่ง....อันต้องยอมรับว่ามหาราชโรเวนทรงมีพระปรีชาสามารถโดยแท้ ก็คือ ทรงคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าเมื่อซาเรสยึดครองดินแดนทางเหนือของเอเดนได้แล้ว หลายๆประเทศย่อมต้องไม่ยอมจนต้องเปิดประชุมกษัตริย์ทั้งยี่สิบสี่ประเทศขึ้น เพื่อทัดทานคิงอาเธอร์

    หากคิงแห่งซาเรสไม่ย่อมรับข้อเสนออันมาจากมติประชุม

    ประเทศต่างๆจะพากันประกาศเป็นศัตรู

                รบร่วมกับพันธมิตรอีกหลายฝ่าย ย่อมดีกว่านำทหารเจมิไนฝ่ายเดียวไปประจันหน้า

                แบบนี้เข้าทางกว่ากันเยอะ

                แต่คาโนวาลเล่า.....ไม่ใช่ต้องเข้าร่วมสงครามในฐานะพันธมิตรของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรอกหรือ

                ท่านพ่อทรงปรารถนาความสงบสุข คงไม่ประสงค์ให้เกิดสงคราม

                จะทรงทำอย่างไรในที่ประชุม....

               

     

                ตื่นเต้นอะไรนักกับข่าวสงคราม

     

                เรย์เอ่ยขึ้น ขณะออกมาจากร้านอาหารแล้ว แต่คนข้างตัวก็ยังเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น ดุจอยู่ในภวังค์ความคิดอันลึกซึ้ง

     

                ห่วงคาโนวาล

     

                ทรงรับสั่งสั้น ทว่าตรงความจริงที่สุด

                มายากรหนุ่มพยักหน้ารับ....ไม่แปลก มันแค่ห่วงบ้าน

                ถึงมันจะเรียกตัวเองว่าคนเร่ร่อน กลับบ้านมั่งไม่กลับบ้านมั่ง แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นบ้าน ต่อให้เป็นบ้านของท่านเสนาบดีกระทรวงการคลังก็ตาม

                ทว่ายังไงมันก็ยังดีกว่าเขา ที่ถึงจะมีบ้านแต่ก็ยังกลับไม่ได้

                รอเถอะ...รอเพียงเวลาอันเหมาะสมเท่านั้น

     

                ไม่ต้องห่วงหรอก สงครามยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้

     

                นี่ถือเป็นคำปลอบ และเป็นคำอธิบายในเวลาเดียวกัน

     

                ทำไม

     

                เนตรงามเงยขวับ มีเค้ารอยความสงสัยจนไร้เดียงสายิ่งนัก

     

                มติจากสภากษัตริย์ยังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ และคิงอาเธอร์ยังไม่ได้บางสิ่งที่มุ่งหวัง กองทัพของซาเรสจึงไม่ยิ่งใหญ่พอจะเป็นศัตรูกับคนทั้งเอเดน

     

                ขอให้เป็นอย่างนั้นเถิด

     

                แน่ล่ะ หากสงครามต้องมาถึง ก็ขอให้เวลาแบบนั้นยืดเยื้อออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่างน้อยพระองค์จะได้เตรียมความพร้อมทางทหารและเตรียมประเทศเข้าสู่การสงคราม ใช่แล้ว จนป่านนี้ท่านพ่อยังมิได้มีกระแสรับสั่งให้ตุนเสบียง หรือซ่อมแซมอาวุธยุทโธปกรณ์เลย

                พระองค์ใหญ่ดำริโดยทรงลืมไปว่า พระองค์ไม่ได้กลับเข้าไปในวังอีกเลย หลังจากที่ทรงวิ่งหนีความจริงวันนั้นมา

                ความจริงว่า.....ในโลกนี้ บางทีพระองค์อาจไม่มีใครเลย

                ท่านปู่ รักแสนรัก แต่ก็ฝากความหวังไว้กับคาเรนมากกว่าใคร ขณะที่ท่านพ่อก็ทั้งเคารพและยำเกรงอยู่ลึกๆจนไม่อยากทำให้ไม่พอพระทัย  ท่านแม่หรือ อาจพอปรึกษาได้ ทว่าอะไรที่ทรงทำให้วิตกกังวล คาเรนก็ไม่อยากจะทูลเช่นกัน

                คลาเอน่า.....ก็เด็กนัก

                ออเรียล....หมอนี่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องศึกกับซาเรส

                เพราะมันเป็นเจ้าชายจากทริสทอร์ ประเทศที่ไม่อาจสรุปได้อย่างแน่นอนว่าหากเกิดสงคราม ทริสทอร์จะเข้าข้างฝ่ายไหน เนื่องจากมีอาณาเขตอยู่ในดินแดนทางเหนือ และยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน

                บางทีทริสทอร์อาจเป็นพันธมิตรซาเรส

                ออเรียลมันไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้

                คาร์ซาร์เล่า...โอ พระองค์ไม่ทรงกริ้วมันสักนิด เพราะทรงทราบดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นสาเหตุให้เซลด้าบาดเจ็บ มันคงไม่พูดออกมาแบบนั้น และพอรองดูดีๆ คำพูดของคาร์ซาร์ก็มีส่วนถูก

                เพื่อท่านพ่อ เพื่อคาโนวาล.....หากไม่ใช่เพื่อองค์เอง

     

                เอาล่ะ มาส่งถึงที่แล้ว

     

                จู่ๆเรย์ก็หยุดเดิน คาเรนที่ทรงครุ่นคิดอะไรเพลินๆจึงเผลอเสด็จนำไปหลายก้าว กว่าจะรู้ตัวและกลับองค์หันไปมอง ก็เมื่อห่างจากมายากรหนุ่มมากแล้ว

     

                ฉันต้องไปต่อแล้ว

     

                ไม่รู้ทำไม กะอีแค่เดินทางต่ออย่างที่ทำมาทั้งชีวิต เสียงตัวเองยังเจือเศร้าขนาดนี้

                เรย์คิดอย่างสับสนในตนเอง ทว่ายังคงยิ้มบางอยู่อย่างนั้น

     

                อ้าว?

     

                เจ้าชายแห่งคาโนวาลทรงหลุดพระโอษฐ์ ก่อนจะตรัสถามขึ้นใหม่ด้วยสุรเสียงเรียบสนิท ดุจไม่รู้สึกว่ากำลังจะเป็นการอำลาแต่อย่างใด ทั้งที่ทรงทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นมายากรที่เดินทางไปเรื่อย จากกันครั้งนี้ไม่รู้จะได้พบกันอีกเมื่อไหร่

     

                จะไปไหนล่ะ

     

                เอดินเบิร์ก

     

                ไปทำอะไรที่นั่น เปิดการแสดงเรอะ

     

                ไม่แปลกเลย ในเมื่อการประชุมคิงยี่สิบสี่พระองค์กำลังถูกจัดขึ้นเร็วๆนี้ เอดินเบิร์กย่อมเป็นแหล่งชุมนุมชั้นดี ที่พอจะไปเปิดการแสดงมายากลอันน่าตื่นตาตื่นใจนั้นได้

     

                มีบางอย่างที่อยากรู้น่ะ

     

                คำตอบค่อนข้างผิดคาด แต่บางอย่างที่ว่านั่น จะมีอะไรถ้าไม่ใช่มติสภา และการตัดสินพระทัยของกษัตริย์อาเธอร์อันมีผลต่อคนทั้งเอเดน พระองค์เองก็อยากจะไปดูด้วยองค์เองบ้างเหมือนกัน

     

                จำได้ไหม พี่ชายเคยชวนฉันเดินทางไปด้วย

     

                คราวนี้ทรงตรัสขึ้นอย่างแจ่มใส ปิดบังท่าทีอันมีแต่ความหมองเศร้าดุจมีเรื่องในพระทัยเอาไว้

     

    แต่เราปฏิเสธนี่

     

                ไม่ใช่กษัตริย์สักหน่อย ที่ตรัสแล้วห้ามคืนคำ

     

                เดินทางน่ะลำบากนะ อดมื้อกินมื้อ เร่ร่อนไปเรื่อยๆ เหงาจะตายไป

     

                เดินทางมันลำบากแต่สนุก แล้วก็ไม่ได้อดมื้อกินมื้อสักหน่อย ดำรัสถึงตรงนี้แล้วก็แสยะรอยสรวลเจ้าเล่ห์จนคนมองชักเสียใจที่ไปชวนมันเดินทางในตอนแรก เราสองคนอดมื้อได้กินมื้อ ถ้าพี่ชายให้ฉันกินคนเดียว ก็ได้กินทุกมื้อ แล้วพอเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยก็ได้เห็นอะไรเรื่อยๆ มีกันอยู่ตั้งสองคนจะเหงาได้ไง

     

                เออ มันพูดเข้าท่า แต่มันได้อยู่ฝ่ายเดียวนี่หว่า

                ตาโตสวย สีน้ำตาลแจ๋วแหววมองตรงมาอย่างไร้เดียงสา น่าเอ็นดูดี แบบนี้มันคงไม่โกหกหรอก

                ท่าทางมันจะอยากเดินทางจริงๆ คงเบื่อชีวิตแบบนี้แล้ว

     

                เอา ไปก็ไป

     

                ไชโย ท่าทางดีใจนั้น หากใครบอกว่าเป็นเจ้าชายคาเรนคงหาคนเชื่อยาก แต่หากบอกว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าที่ทั้งชีวิตไม่เคยลิ้มรสอิสรภาพอย่างที่ไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร อย่างนี้ค่อยน่าเชื่อหน่อย

                เรย์ตกหลุมพรางที่พระองค์ใหญ่ทรงขุดขึ้นอย่างง่ายดาย

    ก็เขาไม่ใช่หรือที่เพิ่งได้ยินว่ามันห่วงคาโนวาล.....แล้วมันจะเดินทางเร่ร่อนทิ้งคาโนวาลไปได้ยังไง

                แต่เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือ เอดินเบิร์ก ที่ถ้าท่านเสนาเมนิสได้ยินมาไม่ผิด ท่านพ่อก็ต้องเดินทางไปประชุมในฐานะคิงแห่งคาโนวาลเร็วๆนี้เหมือนกัน

                ที่มันทำก็เพราะห่วงคาโนวาล ห่วงท่านพ่อ.....ตามเคย

            ไม่ใช่เพราะอยากเดินทาง

                ใช่แล้ว ต่อให้คาเรนอยู่ในคราบของเด็กหนุ่มอนาถา ความจริงก็คือยังดำรงพระยศเจ้าชายรัชทายาทอยู่ดี และเพราะมงกุฎของพระองค์เป็นมงกุฎเงา มาตรแม้นว่าไม่สามารถมองเห็น แต่มันก็ยังธำรงอยู่ และยังหนักเท่าแผ่นดินคาโนวาลอยู่เช่นเดิม

                ความหนักของมงกุฎที่มองไม่เห็น ทำให้พระองค์ตระหนักถึงหน้าที่สำคัญ

                หน้าที่แห่งเจ้าชายรัชทายาท

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×