ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #42 : ขบวนเสด็จยี่สิบสี่ประเทศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      0
      24 ต.ค. 49

    37

    ขบวนเสด็จยี่สิบสี่ประเทศ

     

                    คาเรนทรงประทับอยู่บนระเบียงปราสาทด้านหน้า ขณะทอดพระเนตรลงไปยังขบวนเสด็จเบื้องล่าง

                ตามกำแพงปราสาท ธงเอเดนยี่สิบสี่ประเทศประดับไว้อย่างงดงาม มีธงสีม่วงของเอดินเบิร์กประทับตราสัญลักษณ์สี่บ้านและธงสีขาวลายอักขระโบราณสีทองของบารามอสถูกชักขึ้นสูงสุด แสดงการเสด็จมาถึงแล้วของคิงยูริซิส ฟาโรเวล ซึ่งความจริงแล้วมีศักดิ์ในบัลลังก์รองจากพระมารดาของพระองค์

                และบัดนี้....ธงสีขาวลายจันทร์เสี้ยวสีเหลืองทองของเวนอลก็กำลังถูกชักขึ้นพร้อมกับธงสีน้ำเงินอมม่วง มีลายหยักสีเงินคั่นตรงกลางของเจมิไน

                มังกรจันทรานับสิบบินตรงเหนือน่านฟ้า ผ่านปราสาทไปยังลานภายในอย่างสง่างาม

                เสียงโห่ร้องดังมาจากทุกสารทิศ เส้นทางเสด็จมีชาวบ้านรายล้อมคอยถวายคำนับอย่างจงรักภักดี พร้อมกับมีไอเวทย์คอยเสกกลีบดอกไม้โรยรายทาง

                ท่านอาวิเวียนซึ่งบัดนี้ควบทั้งตำแหน่งจักรพรรดินีเวนอลและราชินีแห่งเจมิไน ตามเสด็จไม่ห่างจากพระสวามี มหาราชโรเวนแห่งเจมิไนมีรอยสรวลงดงาม ปรานี หากคงท่าทางสง่างามไม่เปลี่ยนแปร

                คาเรนก้มพักตร์ให้จากบนปราสาท....แด่อดีตเสนาธิการผู้ยิ่งใหญ่แห่งป้อมอัศวิน

                กุญแจสำคัญที่ช่วยไม่ได้ศึกแย่งดินแดนลุกลามไปมากกว่านี้

                และเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการจัดประชุมกษัตริย์ขึ้นในวันนี้

     

                มาอยู่นี่เอง

     

                เสียงทักเบื้องขนอง ไม่ต้องหันก็ทรงทราบ

     

                ขบวนเสด็จของทริสทอร์อยู่ถัดจากเวนอลและเจมิไนไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ไปรอรับเสด็จหน้าปราสาท

     

                ท่านพ่อทรงส่งข่าวมาเมื่อกี้ ว่าขบวนเสด็จมาไกลจากทริสทอร์จะแวะพักที่คาโนวาล แล้วจึงเสด็จพร้อมท่านอาคาโล

     

                งั้น....ค่อยลงไปด้วยกัน

     

                ออเรียล เซวาเรส ขยับมายืนข้างองค์บาง พลางกวาดสายตาไปเบื้องล่าง ดุจหาอะไรบางอย่างอยู่

                จนในที่สุดก็หยุดนิ่งที่ใครคนหนึ่งนอกกลุ่มชาวบ้านที่มารอยลความงามของขบวน แล้วเมื่อคาเรนทรงมองตาม ก็ถึงกับสะดุ้งน้อยๆโดยไม่รู้องค์

                ออเรียลกำลังมอง.....นักมายากรสหายร่วมทางของพระองค์

                หรือว่า.....มันจะเห็นตอนพระองค์เป็นไอ้หนูของเรย์

                พักตร์ยับเยินแน่คราวนี้

                ทว่า...คงไม่ใช่ เพราะดวงตาสีเขียวมรกตตวัดผ่านเลย ไม่แสดงอาการสงสัยอันใดทั้งสิ้น กลับร่วมตะโกนส่งเสียงโห่ร้องรับขบวนเสด็จต่อมา ที่มาจากอเมซอนด้วยความรื่นรมย์

                ท่ามกลางกองทัพหญิงอันแข็งแกร่ง ท่านอามาทิลด้าในฉลองพระองค์เรียบง่าย ทว่าโดดเด่นในด้านความสง่างามทรงม้าเสด็จนำ ก่อนจะมาหยุดที่พระราชธิดาซึ่งถวายคำนับอ่อนช้อย ขณะที่เหล่าทหารคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง อันแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีแล้วว่าเซลด้าเป็นที่รักของชาวอเมซอนแค่ไหน

     

                คาร์ซาร์มันจะรอดูขบวนอยู่ที่ตรงไหนนะ

     

                พระสหายสนิทพึมพำพลางทำท่ามองหาจริงๆ

     

                โน่น อยู่โน่น

     

                คาเรนทรงผินพักตร์มองตาม แล้วก็เห็นนักฆ่าจากตระกูลฟีลมัสนั่งอยู่ในเงาของปราสาท ขณะมองตามขบวนเสด็จพร้อมคนรักที่หายเข้าไปในประตูปราสาท บนใบหน้าเย็นชา มีรอยยิ้มปลาบปลื้มทว่าเศร้าสร้อยแฝงอยู่

                ช่วยไม่ได้เลย

                แล้วเนตรสีน้ำตาลก็ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอะไรๆต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ทรงทราบเช่นกันว่าสายพระเนตรไปหยุดอยู่ที่เรย์ตั้งแต่เมื่อไหร่

                ชายหนุ่มคนนั้นมีท่าทางไม่สบายใจเลย และไม่ได้ตั้งใจดูขบวนงดงามที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปด้วยซ้ำ ทว่ากลับเหลียวซ้ายแลขวามองหาอะไรบางอย่างในหมู่คนมา รอชมขบวนด้วยกัน

                คาเรนทรงทราบ....หมอนั่นมองหาพระองค์

                ไอ้หนูตัวเล็กๆผอมๆที่หายไป

                แล้วพระองค์ก็ไม่ทรงทราบอีกนั่นแหละว่า.....รอยสรวลขององค์เองก็มีความปลาบปลื้มปนเศร้าสร้อยแฝงอยู่

                ขอโทษ พี่ชาย...ที่ไม่ได้แต่แม้อำลา

                แต่อย่าห่วงเลย...ฉันไปกับพี่แน่

                รอให้คาโนวาลกลับสู่ความสงบสุขก่อนเถอะ

     

     

                คาเรนทรงขมวดขนงอย่างพิศวง เมื่อขบวนเสด็จตามกำหนดการที่ควรจะเป็นคาโนวาลกับทริสทอร์ กลับกลายเป็นขบวนเสด็จของคิงแห่งซาเรส ซึ่งความจริงต้องเสด็จมาถึงเป็นขบวนสุดท้าย

                แปรลำดับกันง่ายๆได้อย่างไร

                หยามคาโนวาลชัดๆ

     

                ใจเย็นคาเรน ออเรียลที่ยืนอยู่ข้างๆส่งสัญญาณสงบเปลวไฟในดวงเนตรสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มแย้มต้อนรับขบวนที่จะเสด็จมาอย่างอาจหาญ เพราะคิงอาเธอร์ทรงนำทหารจำนวนมากเสด็จมาอย่างพรั่งพร้อม กระทั่งธงศึกสีแดงเข้มและสีดำก็มิได้ลดลงแต่อย่างใด

                ราวกับยาตราทัพสู่สมรภูมิรบกระนั้นแหละ

                ช่างไม่ได้มีทีท่าจะอ่อนโอ่นต่อสภากษัตริย์เลย

     

                ทรงพระเจริญ

     

                ออเรียลเป็นฝ่ายย่อกายลงก่อน ขณะที่ใช้สายตาเร่งเพื่อนให้ทรงทำตาม

                คาเรนทรงก้มองค์ หน่อยเดียว ไม่อาจเทียบได้กับที่ถวายให้คิงแห่งคาโนวาล กระทั่งมหาราชโรเวน

     

                อุตส่าห์มารอรับเราเชียวหรือ ออเรียล คาเรน เจ้าชายสามแผ่นดิน

     

                คิงอาเธอร์ตรัสพลางสรวลก้อง มิหรือที่จะไม่ทรงทราบว่าขบวนของพระองค์เสด็จมาก่อนเวลา และตัดหน้าขบวนเสด็จจากคาโนวาลกับทริสทอร์พอดี แต่ก็นั่นแหละ ทรงพึงพระทัยเป็นที่ยิ่งหากเจ้าชายสองแผ่นดินจะต้องพากันน้อมองค์เคารพอย่างช่วยไม่ได้

                คาเรน วาเนบลี ไอ้เด็กนี่ผยองนัก....มันคงไม่อยากคำนับเราสักเท่าไหร่

                ดวงเนตรราวพญาอินทรีมองไปอย่างเหยียดหยัน....จากม้าศึกตัวทรง

                แต่ดวงเนตรคมปลาบเหมือนเหยี่ยวทะเลทรายก็เงยสบไม่ลดละ

                คนของป้อมอัศวิน....จะรุ่นไหนๆก็เหมือนๆกันหมด

                หยิ่งยโสและมุทะลุนัก มันน่า.....

     

     

                พระดำริแห่งคิงอาเธอร์ค้างอยู่แค่นั้น เมื่อจู่ๆเสียงประโคมต้อนรับขบวนเสด็จจากคาโนวาลก็มาถึง

                ทวยทหารแห่งซาเรสที่เดินตามเสด็จมาแหวกเป็นสองฟากโดยอัตโนมัติ ทว่าคิงอาเธอร์ทรงชักม้ากลับ

    หลังหัน และเร่งฝีเท้าขึ้นไปขวางเบื้องหน้า

                แทนที่จะรีบเสด็จเข้าไปในปราสาท

                คาเรนทรงหันไปยังเด็กปีสองคนหนึ่งของป้อมอัศวิน ก่อนพยักพักตร์ให้นำม้ามาสองตัว

     

                ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คาโล เฟลิโอน่า

     

                คิงอาเธอร์ บริสตั้น ทรงทักทายราวกับมิได้อยู่ในตำแหน่ง ขวางทางเสด็จพักตร์ราวรูปสลักบนหลังอาชาจึงนิ่งสนิท ขณะพระราชินีและพระองค์เล็กในรถม้าต่างเสด็จลงมาประทับยืนเบื้องพระขนอง

                มีเพียงคิงโร เซวาเรสเท่านั้นที่ทรงรับสั่งรื่นรมย์

     

                มิได้พบนานเช่นกัน คงทรงพระสำราญดี

     

                พ่อลูก....เหมือนกันราวลอกแบบ....คาเรนที่เร่งอาชาทรงขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนรักทรงดำริในพระทัย

                นั่นล่ะ.....หน้ากากแห่งกษัตริย์ หน้ากากที่จะแปลงยังไงก็ได้มิให้มีผลเสีย กระทั่งหน้ากากแห่งความนอบน้อมหรือทรงอำนาจ ก็สุดแล้วแต่ความเหมาะสม

                ทว่าพระองค์กับท่านพ่อมิอาจทำเช่นนั้นได้

                ศักดิ์ศรีแห่งนักรบคาโนวาลมาเหนืออื่นใด

     

                ดี รับสั่งแรกของกษัตริย์แห่งซาเรสห้วน ทว่าแฝงความพอพระทัยลึกๆ เราสำราญดี

     

                แน่ล่ะ ทรงพระสำราญท่ามกลางสงคราม การรบแย่งชิงดินแดน และขยายอาณาเขตให้ไพศาล ไม่ต้องสนพระทัยสิ่งใด กระทั่งความเป็นอยู่ของคนทั้งเอเดน

     

                งั้นหม่อมฉันใคร่ขอประทานพระราชอนุญาต ขอทางให้ขบวนเสด็จหน่อย

     

                คิงแห่งทริสทอร์พูดอย่างนอบน้อม ท่ามกลางความตระหนกตกพระทัยยิ่งของพระราชวงศ์แห่งคาโนวาล ที่คงจะไม่มีวันตรัสทำนองนั้นออกมาเด็ดขาด ต่อให้พระแสงขรรค์อันทรงฤทธิ์จะตวัดลงมาทาบพระศอก็ตาม

     

                ได้ รับสั่งเสร็จก็ชักม้ากลับไปเหนือขบวน แล้วกระแสรับสั่งก็ดังลั่น เสด็จ

                นั่นเท่ากับนำขบวนเสด็จจากสองประเทศไปชัดๆ โดยที่ธงของคาโนวาลยังไม่ได้ถูกชักขึ้นเหนือปราสาทเสียด้วยซ้ำ

                ทำอย่างนี้ได้อย่างไร.....

                เนตรสองคู่ของพระองค์ใหญ่และพระองค์เล็กฉายรอยกริ้ว ทว่าคนทรงพระเยาว์กว่าแอบแบพระหัตถ์รอ ก่อนสุรเสียงกระซิบจะดังขึ้น

     

                หมื่นเหมันต์

     

                พระมารดาเท่านั้นทรงได้ยิน ทว่าก็ไม่อาจห้ามทันเมื่อหัตถ์เล็กบางตวัดคทาโบกเหนือเศียร

                ทันใดนั้น....

                ฟึ่บ

                ธงสีแดงเข้มสลับดำแห่งซาเรสเปลี่ยนเป็นธงพื้นดำลายดาบคู่ประสานสีทองแห่งคาโนวาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ธงสัญญาณศึกกลายเป็นธงสีขาวลายอักขระโบราณสีทองแห่งบารามอส และท้ายที่สุด....กระทั่งธงสีต่างๆบนปราสาทเอดินเบิร์กยังกลายเป็นธงสัญลักษณ์แห่งเดมอส

                คาโนวาล บารามอส และเดมอส....สามแผ่นดินที่เป็นของเจ้าชายคาเรน เจ้าหญิงคลาเอน่า

                กลับมีคิงอาเธอร์แห่งซาเรสนำขบวน

                น่าขำน้อยหรือ ที่วรองค์หนา แข็งแรง ชักอาชาทรงนำไปด้วยความองอาจ โดยไม่ทันสังเกตว่าสัญลักษณ์แห่งซาเรสหายไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งประชาชนที่อยู่รอบนอกเส้นทางส่งเสียงฮือฮา ก็ยังสรุปไปเองก็นั่นคือเสียงของเหล่าผู้ชื่นชมบารมี

                ขณะท่านแม่ทรงหันไปตีเพี๊ยะที่พระพาหาพระธิดาองค์เล็ก

     

                คลาเอน่า....ทำอย่างนี้ได้อย่างไร

     

                ปล่อยเถอะ เฟริน กระแสรับสั่งของพระสวามีมีรอยอ่อนโยน แล้วฟังเสียงรอบด้านดีกว่า

     

                ใช่แล้ว....รอบด้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนจากบารามอส เปล่งเสียงตะโกนโห่ร้องถวายพระเกียรติร่วมกับทหารชาวคาโนวาล

                คาโล วาเนบลี เดอะคิง ออฟคาโนวาล

                เฟลิโอน่า วาเนบลี เดอะควีน ออฟคาโนวาล

                คาเรน วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟคาโนวาล บารามอส แอนด์เดมอส

                คลาเอน่า วาเนบลี เดอะปรินเซส ออฟคาโนวาล บารามอส แอนด์เดมอส

                ณ ที่นี้ ตรงนี้ พระนามทั้งสี่พระองค์ถูกกล่าวขาน ดุจเป็นประวัติศาสตร์ที่จารึกลงบนแผ่นศิลา นานเท่านานกลับไม่เสื่อมสลาย

                กษัตริย์.....ธำรงความเมตตาให้ประชาชน

                ประชาชน.....ธำรงความภักดีถวายแด่กษัตริย์

                ความกลัวจากพระแสงขรรค์ปกครองประชาชนง่ายกว่าความรักความเมตตา....เช่นคิงอาเธอร์ที่ทรงเชี่ยวชาญการสงคราม

                ทว่าความรักความเมตตาเท่านั้นที่ยิ่งยืนนาน

                ถวายพระพร....ต้องมาจากใจ มิใช่แค่น้อมเศียร

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×