คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : ขบวนเสด็จยี่สิบสี่ประเทศ
37
ขบวนเสด็จยี่สิบสี่ประเทศ
คาเรนทรงประทับอยู่บนระเบียงปราสาทด้านหน้า ขณะทอดพระเนตรลงไปยังขบวนเสด็จเบื้องล่าง
ตามกำแพงปราสาท ธงเอเดนยี่สิบสี่ประเทศประดับไว้อย่างงดงาม มีธงสีม่วงของเอดินเบิร์กประทับตราสัญลักษณ์สี่บ้านและธงสีขาวลายอักขระโบราณสีทองของบารามอสถูกชักขึ้นสูงสุด แสดงการเสด็จมาถึงแล้วของคิงยูริซิส ฟาโรเวล ซึ่งความจริงแล้วมีศักดิ์ในบัลลังก์รองจากพระมารดาของพระองค์
และบัดนี้....ธงสีขาวลายจันทร์เสี้ยวสีเหลืองทองของเวนอลก็กำลังถูกชักขึ้นพร้อมกับธงสีน้ำเงินอมม่วง มีลายหยักสีเงินคั่นตรงกลางของเจมิไน
มังกรจันทรานับสิบบินตรงเหนือน่านฟ้า ผ่านปราสาทไปยังลานภายในอย่างสง่างาม
เสียงโห่ร้องดังมาจากทุกสารทิศ เส้นทางเสด็จมีชาวบ้านรายล้อมคอยถวายคำนับอย่างจงรักภักดี พร้อมกับมีไอเวทย์คอยเสกกลีบดอกไม้โรยรายทาง
ท่านอาวิเวียนซึ่งบัดนี้ควบทั้งตำแหน่งจักรพรรดินีเวนอลและราชินีแห่งเจมิไน ตามเสด็จไม่ห่างจากพระสวามี มหาราชโรเวนแห่งเจมิไนมีรอยสรวลงดงาม ปรานี หากคงท่าทางสง่างามไม่เปลี่ยนแปร
คาเรนก้มพักตร์ให้จากบนปราสาท....แด่อดีตเสนาธิการผู้ยิ่งใหญ่แห่งป้อมอัศวิน
กุญแจสำคัญที่ช่วยไม่ได้ศึกแย่งดินแดนลุกลามไปมากกว่านี้
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการจัดประชุมกษัตริย์ขึ้นในวันนี้
“มาอยู่นี่เอง”
เสียงทักเบื้องขนอง ไม่ต้องหันก็ทรงทราบ
“ขบวนเสด็จของทริสทอร์อยู่ถัดจากเวนอลและเจมิไนไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ไปรอรับเสด็จหน้าปราสาท”
“ท่านพ่อทรงส่งข่าวมาเมื่อกี้ ว่าขบวนเสด็จมาไกลจากทริสทอร์จะแวะพักที่คาโนวาล แล้วจึงเสด็จพร้อมท่านอาคาโล”
“งั้น....ค่อยลงไปด้วยกัน”
ออเรียล เซวาเรส ขยับมายืนข้างองค์บาง พลางกวาดสายตาไปเบื้องล่าง ดุจหาอะไรบางอย่างอยู่
จนในที่สุดก็หยุดนิ่งที่ใครคนหนึ่งนอกกลุ่มชาวบ้านที่มารอยลความงามของขบวน แล้วเมื่อคาเรนทรงมองตาม ก็ถึงกับสะดุ้งน้อยๆโดยไม่รู้องค์
ออเรียลกำลังมอง.....นักมายากรสหายร่วมทางของพระองค์
หรือว่า.....มันจะเห็นตอนพระองค์เป็นไอ้หนูของเรย์
พักตร์ยับเยินแน่คราวนี้
ทว่า...คงไม่ใช่ เพราะดวงตาสีเขียวมรกตตวัดผ่านเลย ไม่แสดงอาการสงสัยอันใดทั้งสิ้น กลับร่วมตะโกนส่งเสียงโห่ร้องรับขบวนเสด็จต่อมา ที่มาจากอเมซอนด้วยความรื่นรมย์
ท่ามกลางกองทัพหญิงอันแข็งแกร่ง ท่านอามาทิลด้าในฉลองพระองค์เรียบง่าย ทว่าโดดเด่นในด้านความสง่างามทรงม้าเสด็จนำ ก่อนจะมาหยุดที่พระราชธิดาซึ่งถวายคำนับอ่อนช้อย ขณะที่เหล่าทหารคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง อันแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีแล้วว่าเซลด้าเป็นที่รักของชาวอเมซอนแค่ไหน
“คาร์ซาร์มันจะรอดูขบวนอยู่ที่ตรงไหนนะ”
พระสหายสนิทพึมพำพลางทำท่ามองหาจริงๆ
“โน่น อยู่โน่น”
คาเรนทรงผินพักตร์มองตาม แล้วก็เห็นนักฆ่าจากตระกูลฟีลมัสนั่งอยู่ในเงาของปราสาท ขณะมองตามขบวนเสด็จพร้อมคนรักที่หายเข้าไปในประตูปราสาท บนใบหน้าเย็นชา มีรอยยิ้มปลาบปลื้มทว่าเศร้าสร้อยแฝงอยู่
ช่วยไม่ได้เลย
แล้วเนตรสีน้ำตาลก็ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอะไรๆต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ทรงทราบเช่นกันว่าสายพระเนตรไปหยุดอยู่ที่เรย์ตั้งแต่เมื่อไหร่
ชายหนุ่มคนนั้นมีท่าทางไม่สบายใจเลย และไม่ได้ตั้งใจดูขบวนงดงามที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปด้วยซ้ำ ทว่ากลับเหลียวซ้ายแลขวามองหาอะไรบางอย่างในหมู่คนมา รอชมขบวนด้วยกัน
คาเรนทรงทราบ....หมอนั่นมองหาพระองค์
ไอ้หนูตัวเล็กๆผอมๆที่หายไป
แล้วพระองค์ก็ไม่ทรงทราบอีกนั่นแหละว่า.....รอยสรวลขององค์เองก็มีความปลาบปลื้มปนเศร้าสร้อยแฝงอยู่
ขอโทษ พี่ชาย...ที่ไม่ได้แต่แม้อำลา
แต่อย่าห่วงเลย...ฉันไปกับพี่แน่
รอให้คาโนวาลกลับสู่ความสงบสุขก่อนเถอะ
คาเรนทรงขมวดขนงอย่างพิศวง เมื่อขบวนเสด็จตามกำหนดการที่ควรจะเป็นคาโนวาลกับทริสทอร์ กลับกลายเป็นขบวนเสด็จของคิงแห่งซาเรส ซึ่งความจริงต้องเสด็จมาถึงเป็นขบวนสุดท้าย
แปรลำดับกันง่ายๆได้อย่างไร
หยามคาโนวาลชัดๆ
“ใจเย็นคาเรน” ออเรียลที่ยืนอยู่ข้างๆส่งสัญญาณสงบเปลวไฟในดวงเนตรสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มแย้มต้อนรับขบวนที่จะเสด็จมาอย่างอาจหาญ เพราะคิงอาเธอร์ทรงนำทหารจำนวนมากเสด็จมาอย่างพรั่งพร้อม กระทั่งธงศึกสีแดงเข้มและสีดำก็มิได้ลดลงแต่อย่างใด
ราวกับยาตราทัพสู่สมรภูมิรบกระนั้นแหละ
ช่างไม่ได้มีทีท่าจะอ่อนโอ่นต่อสภากษัตริย์เลย
“ทรงพระเจริญ”
ออเรียลเป็นฝ่ายย่อกายลงก่อน ขณะที่ใช้สายตาเร่งเพื่อนให้ทรงทำตาม
คาเรนทรงก้มองค์ หน่อยเดียว ไม่อาจเทียบได้กับที่ถวายให้คิงแห่งคาโนวาล กระทั่งมหาราชโรเวน
“อุตส่าห์มารอรับเราเชียวหรือ ออเรียล คาเรน เจ้าชายสามแผ่นดิน”
คิงอาเธอร์ตรัสพลางสรวลก้อง มิหรือที่จะไม่ทรงทราบว่าขบวนของพระองค์เสด็จมาก่อนเวลา และตัดหน้าขบวนเสด็จจากคาโนวาลกับทริสทอร์พอดี แต่ก็นั่นแหละ ทรงพึงพระทัยเป็นที่ยิ่งหากเจ้าชายสองแผ่นดินจะต้องพากันน้อมองค์เคารพอย่างช่วยไม่ได้
คาเรน วาเนบลี ไอ้เด็กนี่ผยองนัก....มันคงไม่อยากคำนับเราสักเท่าไหร่
ดวงเนตรราวพญาอินทรีมองไปอย่างเหยียดหยัน....จากม้าศึกตัวทรง
แต่ดวงเนตรคมปลาบเหมือนเหยี่ยวทะเลทรายก็เงยสบไม่ลดละ
คนของป้อมอัศวิน....จะรุ่นไหนๆก็เหมือนๆกันหมด
หยิ่งยโสและมุทะลุนัก มันน่า.....
พระดำริแห่งคิงอาเธอร์ค้างอยู่แค่นั้น เมื่อจู่ๆเสียงประโคมต้อนรับขบวนเสด็จจากคาโนวาลก็มาถึง
ทวยทหารแห่งซาเรสที่เดินตามเสด็จมาแหวกเป็นสองฟากโดยอัตโนมัติ ทว่าคิงอาเธอร์ทรงชักม้ากลับ
หลังหัน และเร่งฝีเท้าขึ้นไปขวางเบื้องหน้า
แทนที่จะรีบเสด็จเข้าไปในปราสาท
คาเรนทรงหันไปยังเด็กปีสองคนหนึ่งของป้อมอัศวิน ก่อนพยักพักตร์ให้นำม้ามาสองตัว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คาโล เฟลิโอน่า”
คิงอาเธอร์ บริสตั้น ทรงทักทายราวกับมิได้อยู่ในตำแหน่ง ‘ขวางทางเสด็จ’ พักตร์ราวรูปสลักบนหลังอาชาจึงนิ่งสนิท ขณะพระราชินีและพระองค์เล็กในรถม้าต่างเสด็จลงมาประทับยืนเบื้องพระขนอง
มีเพียงคิงโร เซวาเรสเท่านั้นที่ทรงรับสั่งรื่นรมย์
“มิได้พบนานเช่นกัน คงทรงพระสำราญดี”
พ่อลูก....เหมือนกันราวลอกแบบ....คาเรนที่เร่งอาชาทรงขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนรักทรงดำริในพระทัย
นั่นล่ะ.....หน้ากากแห่งกษัตริย์ หน้ากากที่จะแปลงยังไงก็ได้มิให้มีผลเสีย กระทั่งหน้ากากแห่งความนอบน้อมหรือทรงอำนาจ ก็สุดแล้วแต่ความเหมาะสม
ทว่าพระองค์กับท่านพ่อมิอาจทำเช่นนั้นได้
ศักดิ์ศรีแห่งนักรบคาโนวาลมาเหนืออื่นใด
“ดี” รับสั่งแรกของกษัตริย์แห่งซาเรสห้วน ทว่าแฝงความพอพระทัยลึกๆ “เราสำราญดี”
แน่ล่ะ ทรงพระสำราญท่ามกลางสงคราม การรบแย่งชิงดินแดน และขยายอาณาเขตให้ไพศาล ไม่ต้องสนพระทัยสิ่งใด กระทั่งความเป็นอยู่ของคนทั้งเอเดน
“งั้นหม่อมฉันใคร่ขอประทานพระราชอนุญาต ขอทางให้ขบวนเสด็จหน่อย”
คิงแห่งทริสทอร์พูดอย่างนอบน้อม ท่ามกลางความตระหนกตกพระทัยยิ่งของพระราชวงศ์แห่งคาโนวาล ที่คงจะไม่มีวันตรัสทำนองนั้นออกมาเด็ดขาด ต่อให้พระแสงขรรค์อันทรงฤทธิ์จะตวัดลงมาทาบพระศอก็ตาม
“ได้” รับสั่งเสร็จก็ชักม้ากลับไปเหนือขบวน แล้วกระแสรับสั่งก็ดังลั่น “เสด็จ”
นั่นเท่ากับนำขบวนเสด็จจากสองประเทศไปชัดๆ โดยที่ธงของคาโนวาลยังไม่ได้ถูกชักขึ้นเหนือปราสาทเสียด้วยซ้ำ
ทำอย่างนี้ได้อย่างไร.....
เนตรสองคู่ของพระองค์ใหญ่และพระองค์เล็กฉายรอยกริ้ว ทว่าคนทรงพระเยาว์กว่าแอบแบพระหัตถ์รอ ก่อนสุรเสียงกระซิบจะดังขึ้น
“หมื่นเหมันต์”
พระมารดาเท่านั้นทรงได้ยิน ทว่าก็ไม่อาจห้ามทันเมื่อหัตถ์เล็กบางตวัดคทาโบกเหนือเศียร
ทันใดนั้น....
ฟึ่บ
ธงสีแดงเข้มสลับดำแห่งซาเรสเปลี่ยนเป็นธงพื้นดำลายดาบคู่ประสานสีทองแห่งคาโนวาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ธงสัญญาณศึกกลายเป็นธงสีขาวลายอักขระโบราณสีทองแห่งบารามอส และท้ายที่สุด....กระทั่งธงสีต่างๆบนปราสาทเอดินเบิร์กยังกลายเป็นธงสัญลักษณ์แห่งเดมอส
คาโนวาล บารามอส และเดมอส....สามแผ่นดินที่เป็นของเจ้าชายคาเรน เจ้าหญิงคลาเอน่า
กลับมีคิงอาเธอร์แห่งซาเรสนำขบวน
น่าขำน้อยหรือ ที่วรองค์หนา แข็งแรง ชักอาชาทรงนำไปด้วยความองอาจ โดยไม่ทันสังเกตว่าสัญลักษณ์แห่งซาเรสหายไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งประชาชนที่อยู่รอบนอกเส้นทางส่งเสียงฮือฮา ก็ยังสรุปไปเองก็นั่นคือเสียงของเหล่าผู้ชื่นชมบารมี
ขณะท่านแม่ทรงหันไปตีเพี๊ยะที่พระพาหาพระธิดาองค์เล็ก
“คลาเอน่า....ทำอย่างนี้ได้อย่างไร”
“ปล่อยเถอะ เฟริน” กระแสรับสั่งของพระสวามีมีรอยอ่อนโยน “แล้วฟังเสียงรอบด้านดีกว่า”
ใช่แล้ว....รอบด้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนจากบารามอส เปล่งเสียงตะโกนโห่ร้องถวายพระเกียรติร่วมกับทหารชาวคาโนวาล
คาโล วาเนบลี เดอะคิง ออฟคาโนวาล
เฟลิโอน่า วาเนบลี เดอะควีน ออฟคาโนวาล
คาเรน วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟคาโนวาล บารามอส แอนด์เดมอส
คลาเอน่า วาเนบลี เดอะปรินเซส ออฟคาโนวาล บารามอส แอนด์เดมอส
ณ ที่นี้ ตรงนี้ พระนามทั้งสี่พระองค์ถูกกล่าวขาน ดุจเป็นประวัติศาสตร์ที่จารึกลงบนแผ่นศิลา นานเท่านานกลับไม่เสื่อมสลาย
กษัตริย์.....ธำรงความเมตตาให้ประชาชน
ประชาชน.....ธำรงความภักดีถวายแด่กษัตริย์
ความกลัวจากพระแสงขรรค์ปกครองประชาชนง่ายกว่าความรักความเมตตา....เช่นคิงอาเธอร์ที่ทรงเชี่ยวชาญการสงคราม
ทว่าความรักความเมตตาเท่านั้นที่ยิ่งยืนนาน
ถวายพระพร....ต้องมาจากใจ มิใช่แค่น้อมเศียร
ความคิดเห็น