ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #68 : หิมะอาลัย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      0
      13 ธ.ค. 49

    59

    หิมะอาลัย

     

    เราไม่ได้ช่วยท่าน เพียงแต่ชีวิตท่านเป็นของเรา....ใครก็แตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น      

      

    วินาทีหนึ่ง เบื้องลึกในเนตรสีน้ำผึ้ง ความโศกเศร้าอาลัยปรากฏชั่วครู่ ครู่เดียวจริงๆ เพราะเพียงเจ้าชายเรย์พยายามมองให้เต็มตา ประกายอันงดงามเศร้าสร้อยนั้นก็หายไปทันที

    เหลือแต่ความทระนงองอาจสมตำแหน่งจอมทัพแห่งคาโนวาลเท่านั้น

    ว่าแล้วพระหัตถ์ข้างขวาที่ว่างเปล่าเพราะไร้ดาบคู่พระทัยก็ชูขึ้นสูง พร้อมสายลมที่หมุนวนขึ้นมาแล้วนำพาการปรากฏขึ้นของดาบเล่มหนึ่ง ทว่ากระแสพลังที่ก่อเกิดนั้นแตกต่างจากดาบปราบมารโดยสิ้นเชิง และเพียงลมปริศนาระบัดโบย กลิ่นแห่งการทำลายล้างและกลิ่นอายแห่งเดมอสก็ลอยตามมาทันที

     

    ดาบผ่าปฐพี!”

     

    ดาบเล่มเดิมที่เคยฝากฤทธิ์เดชไว้ในประวัติศาสตร์ของเอเดนเมื่ออดีตเจ้าหญิงแห่งเดมอสเป็นผู้ครองครอง บัดนี้กลับมาปรากฏท่ามกลางสมรภูมิรบอีกครั้ง และเจ้าชายซึ่งความจริงเป็นพระธิดาของเจ้าหญิงพระองค์นั้นก็ไม่เคยเรียกมันออกมาใช้มาก่อนเลยสักครั้ง

    เพราะพระมารดารับสั่งห้ามนักห้ามหนา เนื่องจากทรงทราบดีว่าพระธิดาไม่เหมาะกับศาตราวุธเล่มนี้

     

    คาเรนอารมณ์ร้อน.....ดาบที่ร้องรับและสนองต่อเลือดปีศาจอันพุ่งพล่าน ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับตัวลูก

     

    แต่เพราะอะไรกันเล่า.....คาเรนจึงทรงเรียกดาบผ่าปฐพีขึ้นมาในเวลานี้

    หรือเพราะทรงกระหายในชัยชนะอันมีต่อทริสทอร์จนลืมหมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง

    ชัยชนะอันได้มาพร้อมความเจ็บปวดเหลือแสน....ทรงอยากให้มันมาถึงนักหรือ

     

    ผ่าปฐพี!!”

     

    สุรเสียงกึกก้อง ผยอง และยโสดังขึ้น ก่อนพลังมหาศาลจะพุ่งวูบออกจากปลายดาบ แล้วพุ่งเข้าหาแนวป่าที่อยู่ห่างออกไป

    ต้นไม้ระเนระนาดในพริบตาทันที

     

    เคเรส!!”

     

    เรย์ร้องลั่น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ฉิวเฉียดไปด้านหลัง ก่อนจะรีบเรียกคทาแสนวสันต์ขึ้นมาแล้วชี้ตรงไป

     

    อำนาจวสันต์

     

    น่าอัศจรรย์นัก พลังแห่งการทำลายล้างพ่ายแพ้พลังแห่งการเริ่มต้นใหม่อย่างราบคาบ ต้นไม้ส่วนที่เหลือแทนที่จะถูกฟันราบคาบหมดสิ้นภายในดาบเดียว จึงยิ่งเติบโตขึ้นอย่างน่าตกใจ ยอดของมันแหวกอากาศพุ่งสูงขึ้นไป และผลิใบอย่างรวดเร็วราวเลื่อนเวลาแห่งฤดูใบไม้ผลิให้ใกล้เข้ามากว่าที่เป็น

     

    ยอดเยี่ยมจริงๆ เวทย์ฟื้นคืนของท่านน่ะ คาเรนทรงดำรัสเรียบๆ พร้อมรอยสรวลบางงดงาม

    หากเรย์ชักม้าถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างไหวตัว!!

    และเขาก็คิดถูกจริงๆ เพราะประกายดาบผ่าปฐพีวาบเข้ามาในสายตาเพียงช่วงเสี้ยววินาที ณ ตรงที่ที่เขายืนม้าอยู่ตอนแรกเพียงเส้นยาแดงเท่านั้น

    ดาบนั้นเอาจริงแน่ๆ.....ไม่มีร่องรอยการลังเลเลยแม้แต่น้อย

    เขาเองก็ควรสู้บ้างแล้วสินะ

     

    พันใบไม้ผลิ!!!”

     

                เสียงเรียกดาบเล่มใหญ่ดังกึกก้อง ทันเวลาที่เรย์จะสวนดาบกลับ เพื่อรับวิถีดาบผ่าปฐพีเอาไว้ได้พอดี

                ดวงเนตรสีสวยเหนือคมดาบวับวาวกระหื่นกระหาย ไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเพียงชั่ววินาทีที่เขาสะบัดดาบออก คาเรนก็ทรงหมุนดาบกลับเข้ามารวดเร็ว

                เคร้ง!

                เสียงดาบปะทะดาบดังเลื่อนลั่น เนตรสองคู่สบมองแล้วเบือนจาก

     

                เลิกทำเป็นพี่ชายแสนดีสักที

     

            ดาบผ่าปฐพีหมุนขวับราวจักรผัน พันใบไม้ผลิต้านรับ แล้วถูกตีกลับ คมดาบจึงบาดเอาอย่างเหี้ยมเกรียม และเกิดรอยแผลยาวใต้ชุดนักรบนั้น

     

                ฉันเลวพอที่พี่ชายจะฆ่าได้แล้วนะ

     

                นั่นคือเหตุผลของเราหรือไง

     

                ถ้าใช่ล่ะ

     

                เวลาไม่นานที่หยุดเถียงกัน เลือดสีสดไหลจากต้นแขนล่ำสันของบุรุษ ทว่าความเจ็บปวดที่บังเกิดกลับพวยพุ่งขึ้นมาจากใจ

    เลือดนั้นไหลที่แขน ทว่าหัวใจชอกช้ำร้าวราน

     

    ฉัน....ไม่สิ... รอยสรวลบนพักตร์งามเหยียดหยันดูแคลนนัก เรา...ฆ่าท่านได้ ท่านจึงควรทำใจให้ฆ่าเราได้เช่นกัน หาไม่ เกียรติยศแห่งกษัตริย์จะเสื่อมสูญ ทหารที่ท่านนำมาจะตายโดยไร้ประโยชน์

     

    เรานี่สมเป็นกษัตริย์โดยแท้

     

    ท่านก็สมเป็นคนเร่ร่อนโดยแท้

     

    ประโยคนั้นทำให้คนฟังคลางแคลง ขณะเนตรคู่งามที่คนมองมักชมว่าสวยจะเบิกกว้างขึ้น พร้อมถ้อยดำรัสที่จี้ตรงใจคนฟังราวกับราดด้วยน้ำร้อนตั้งแต่หัวจรดเท้า!!!

     

    ท่านเหมาะแล้วที่จะหนีไปเรื่อยๆ หนีไปจากความเป็นจริงตลอดกาล เหมือนคนที่หลับฝันแล้วไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักทีไงล่ะ”!!!!

     

    แล้วดาบแห่งคาเรนก็พุ่งเข้ามาอีกครา แต่กระแสโทสะที่เดือดพล่านทำให้ดาบพันใบไม้ผลิตวัดรวดเร็ว จนคมดาบนั้นเฉือนเอาพระมังสาบนพระพาหาเจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาลได้ในทันที!!

    โลหิตสีแดงฉานอาบชุดเกราะนักรบ ก่อนพุ่งเป็นสายราวกับน้ำพุ!!

     

     

                เคเรส.... ชื่อนี้แหละที่ติดในใจเรื่อยมา จะสลัดออกไปกี่ครา ก็ยังประทับตราตรึงไม่เปลี่ยนแปลง เจ็บหรือเปล่า....

     

                เจ็บ แม้ตอนกล่าวคำนั้น เนตรสีน้ำผึ้งยังฉายรอยเหี้ยมเกรียม โดยหามีใครรู้ไม่ว่า หัตถ์ที่กุมดาบกำลังกระชับแน่นอย่างมาดหมาย

    เรย์กำลังมองบาดแผลที่เขาเผลอทำร้ายด้วยความเสียวซ่าน อยากจะรับความเจ็บปวดแทนเหมือนวันที่เจ้าตัวน้อยของเขาโดนทำร้ายเสียเหลือเกิน ซึ่งคราวนี้ความเจ็บปวดยิ่งทบเท่าทวีคูณ เนื่องจากเขานั่นเองที่ลงดาบกับมันได้ลงคอ

    โอ...ไม่น่าเลย

    แต่แล้วในวินาทีหนึ่ง ทุกอย่างก็หยุดนิ่งลง!!!

    เมื่อ....

    ดาบผ่าปฐพีแทงสวบเข้ากลางลำตัวเจ้าชายรัชทายาทแห่งทริสทอร์..........เกราะแข็งแกร่งถึงกาลแหลกสลายในพริบตาทันที!!!

                เรย์ไม่เชื่อว่าคาเรนจะทรงทำเช่นนั้นได้ บนดวงตาที่ชะงักค้างเพราะความเจ็บปวดจึงมีความสงสัยไม่อยากเชื่ออยู่เต็มเปี่ยม

                เจ้าตัวน้อยฆ่าเขาได้ง่ายดายเหมือนฆ่าคนอื่นไม่มีผิด

                เขามีค่าในสายตาแสนงามคู่นั้นเพียงเท่านี้เองหรือ....

     

                ความเจ็บของเรา น่าจะประมาณนี้แหละนะ

     

                เนตรสีน้ำผึ้งวับวาวเป็นประกายงดงาม พลางเอียงพระศอมองอย่างประหลาดพระทัยนัก และท่าทางนั้นแสนจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับทรงต้องการทราบคำตอบจริงๆหรือว่า....

     

                หัตถ์อีกข้างยื่นออกไปแกะดาบพันใบไม้ผลิออกจากมือเจ้าชายเรย์ และถือมันด้วยท่าทางมั่นคงตรงเบื้องพักตร์

                ประกายดาบจึงวาววาบบนวงพักตร์งามราวประติมากรรมจากสรวงสวรรค์

    และฉับพลันที่ใครก็คาดไม่ถึงนั่นเอง

    เรย์เห็น....หยาดอัสสุชลไหลปรี่ล้นลงอาบพระปราง!!!.....

     

    อย่า!!!”

     

    เขาตะโกนสุดเสียงด้วยความกลัวที่โผนพุ่งขึ้นมาจากหัวใจ ความเจ็บปวดจากปลายดาบและความผิดหวังแทบจะมลายหายสิ้น เมื่อเขารู้แล้วว่า เจ้าตัวน้อยที่สลักเงาในดวงใจของเขาคิดจะทำอะไร

     

            หรือว่าจะ....เจ็บประมาณนี้นะ

     

                สิ้นสุรเสียงอ่อนเบา ดาบพันใบไม้ผลิตวับกลับ ปลายดาบแทงสวบกลับเข้าหาผู้ทรงอย่างแน่วแน่ และเสียบทะลุเกราะแกร่งกับวรองค์บางในทันใด!!!!

     

                อ้อ ที่แท้ฉันก็ทำพี่ชายเจ็บขนาดนี้เอง

     

     

                สายลมหมุนคว้าง เสียงโหยหวนร่ำไห้ดังไปทั่ว บางครั้งดัง บางครั้งค่อย บางครั้งทุ้มต่ำ บางครั้งแหลมสูง หิมะพร่างพรูลงมาจนมองมิเห็นสิ่งใด เบื้องบนท้องฟ้าเป็นสีหม่น ตัดกับเงาดำๆของทหารสองทัพที่หยุดนิ่ง เบื้องล่างพื้นดินเป็นสีขาว ตัดกับพระโลหิตสีเดียวที่ไหลลงปนกัน

                คาร์ซาร์ก้าวลงจากหลังม้า และคุกเข่าลงข้างเพื่อนรักซึ่งทอดพระวรกายกับพื้นอย่างเต็มพิธีการราวถวายแด่กษัตริย์ ต่อมาจึงค่อยเลื่อนวรองค์บางเปื้อนพระโลหิตให้ประทับเอนบนตัก และทั้งที่รู้ว่ามันอาจสัมผัสไม่ได้แล้วถึงความหนาวเหน็บรอบองค์ หากเขาก็กอดมันแม่น กอดอย่างที่ในหลายปีมานี้ไม่เคยได้กอดมาก่อน แต่ตอนเด็กๆที่แม่เขาเลี้ยงดูมาด้วยกันกับมันซึ่งเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท เขาทั้งกอด ทั้งอุ้ม ทั้งให้ขี่คอจนเบื่อ มาบัดนี้ก็ยังต้องมาดูแลมันอีก

                นัยน์ตาสีม่วงมีแววทดท้อ เพราะการสูญเสียถึงสองครั้ง

                สตรีที่รัก.......สูญเสียเพราะยังต้องมีชีวิตอยู่ ในคนละเส้นทาง

                เพื่อนรัก......สูญเสียเพราะตายไป อยู่กันคนละภพ

                แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีวี่แววแห่งน้ำตาและความเสียใจ......นี่แหละคือนักฆ่าแห่งเอเดน

     

                ฉันนับถือนายจริงๆ

     

                ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างพระกรรณ และปัดหิมะออกจากริมโอษฐ์เล็กบางนั้น

     

                ถ้าให้นายเลือกระหว่างคนที่รักกับคาโนวาล นายเลือกคาโนวาลสินะ

     

                อ้อมแขนยิ่งกระชับแน่น ยิ่งรู้สึกว่าวรองค์แข็งแกร่งแท้จริงแล้วบอบบางเพียงไร

     

                และถ้าให้เลือกระหว่างชีวิตตัวเอง กับชีวิตคนที่รัก นายก็เลือกชีวิตคนที่รัก

     

                คาเรนไม่ทรงตอบ อาจเพราะไม่อาจตรัสคำใดได้อีก

                หรือทรงตรัสได้ ให้ตรัสคำได้เล่า?

                เมื่อทรงเลือกด้วยองค์เอง ความยินดีหรือเจ็บปวดบนเส้นทางนั้น ก็ต้องทรงรับไปเองทั้งหมด

     

                แล้วทีนี้ บอกฉันหน่อยซิ คาเรน นายเหลืออะไรบ้าง

     

                ความจริงคือไม่เหลืออะไรทั้งนั้น พระหทัยแหลกสลายไปก่อนลงดาบประหารศัตรู พระชนม์ชีพก็ทรงทำลายด้วยหัตถ์องค์เอง พระปนิธานที่จะดำรงบัลลังก์ให้ราชวงศ์วาเนบลีก็กลับกลายลืมเลือน แถมพระเกียรติ พระยศ ก็ไม่ใช่......เจ้าชายผู้เสียสละในสงคราม

                กลายเป็น......เจ้าชายผู้ทรงพ่ายแพ้ความรัก

     

                ถ้ารู้อย่างนี้นะคาเรน ฉันไม่ยอมให้นายเป็นเจ้าชายรัชทายาทหรอก......ตำแหน่งบ้านั่น มีแต่ความเจ็บปวดเพราะไม่สามารถเลือกทางที่ตัวเองต้องการได้ นายเองก็รู้นี่

     

            แล้วตอนนั้นเองที่ทหารทุกคนทรุดกายลงคุกเข่าเบื้องพระพักตร์เป็นครั้งสุดท้าย

     

                น้อมส่งเสด็จ

     

            สวรรค์ชั้นใด วิมานที่ใด โปรดรับเจ้าชายของเราไปด้วย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญและพบกับความสุขเสียที.......

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×