คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Addict04 ll ยกที่สี่ {อัพ100%}
เคยได้ยินคนพูดกันว่า มนุษย์เราเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะ 3 สิ่ง
หนึ่ง เปลี่ยนเพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นไป
สอง เปลี่ยนเพราะสภาพจิตใจและความรู้สึก
ส่วนข้อสาม เปลี่ยนไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
เกร้ง!!
“อ้าว ชนให้โหมดแก้วววววว~” นั่นน่ะเสียงของฉันเอง
ตอนนี้ฉันได้ยินแต่เสียงตัวเองดังอยู่ในหูกลับทับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ ภายในร้าน ตัวฉันโงนเงนเหมือนคนไม่มีแรง ทรงตัวแทบไม่อยู่ โชคดีที่มีเจ๊ตาลนั่งอยู่ข้างๆ เธอเลยประครองตัวฉันไว้
เลือดลมในกายสูบฉีดมากกว่าที่เคยเป็น อาการหนาวๆ
ร้อนๆ ในตัวทำให้ทุกอย่างรอบตัวตอนนี้ดูสนุกมากกว่าที่เคยเป็น
ภาพทุกภาพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เหมือนฉากในหนังถูกตัดเป็นช็อตๆ
เพียงแค่กะพริบตาเดียว ทุกอย่างที่อยู่ตรงนั้นก็เปลี่ยนไป
มหัศจรรย์ซะจริง!
ฉันพยายามเพ่งมองหน้าเจ๊ตาล แต่สิ่งที่เห็นคือ ใบหน้าเรียวสวยแบบผู้ใหญ่ซ้อนทับกันนับสิบ
พอเห็นแล้วมันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เจ๊ตาลแยกร่างอ่อ~ นี่เจ๊เป็นนารูโตะหรืองายยย”
ฉันถามอย่างนึกตลก พลางรวบรวมลมปราณจิ้มไปที่ใบหน้าสวยๆ
หน้าใดหน้าหนึ่งอย่างจงใจ ก่อนจะถูกเธอปัดมือออกอย่างรวดเร็ว
“เมย์ เจ๊ว่าพากานต์กลับห้องเถอะ”
ถึงตาจะมองหลายอย่างพล่าเบลอ แต่ไม่ใช่กับหูซึ่งยังใช้การได้ดี
และได้ยินคำพูดของเจ๊ตาลกับเมย์อย่างชัดเจน
“นั่นสิ ฉันว่าพากลับห้องเจ๊เถอะ”
“ม่ายยยย!!” ฉันโพล่งเสียงขัดพลางยกแก้วเหล้าบนโต๊ะชูขึ้นเหนือหัว
จนน้ำในแก้วกระฉอกลงมา
อั้ยยะ! ฝนเหล้า~ =w=
“เบาๆ สิกานต์ คนมองกันหมดแล้ว”
“คนซอง? ซองอะไรอะ? ซองผ้าป่าเหรอเอิ้กก~” ฉันย้อนกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
และนั่นทำให้เจ๊ตาลพ่นลมหายใจทิ้งอย่างนึกละเหี่ยใจ
พร้อมทั้งดึงฉันให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง ส่วนปากก็พูด
“พากานต์กลับห้องก่อนนะ แผนบ้าบออะไรนั่นไม่ต้องทำแล้ว
ยัยนี่ไม่ไหวหรอก” นี่คือสิ่งที่ฉันได้ยิน ถ้าหากว่าหูไม่เพี้ยนน่ะนะ
“โอเคเจ๊ กลับก็กลับ”
“ไม่เอา!” ฉันแย้ง
“ฉันจะทำตามแผน ไม่เอา ไม่กลับห้องเด็ดขาด!”
เจ๊ตาลหันมองหน้ากับเมย์
ทั้งคู่ส่ายหน้าคล้ายกับปลงสิ่งที่ฉันเป็น และก่อนที่พวกเธอจะแทรกขัดอะไรออกมา
ฉันจึงชิงพูดออกไปก่อน
“ฉันอยากปรับความเข้าใจกับพี่นัท… วันนี้ฉันหนีเขากลับเพราะเธอน้าเมย์… ถ้าไม่ได้คุยเราคงต้องโกรธกันต่อไปแน่ๆ อีกอย่างฉันอยากรู้เรื่องที่เขานอกใจ ม่ายต้องนอนด้วยกันตามแผนก็ด้ายยย นะๆ ขอเถอะ ฉ้านอยากปายคุยกับเขา… น้าาา~” ไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าหรือเปล่า ฉันถึงได้รัวคำพูดไปแบบนั้น ความรู้สึกมันเหมือนคนอยากจะร้องไห้ เวลาพูดถึงพี่นัทด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่อย่างตอนนี้
ท่าทางและอาการแบบนี้น่ะ ไม่สมเป็นฉันเลยสักนิด
“ฉันรู้นะว่าแกพยายามตามแผน
แต่สภาพแกแบบนี้มัน…”
“พี่นัทไม่ทามอารายฉันหรอก เอิ้ก… พี่เขาสุภาพบุรุษจะตาย~” ฉันพยายามฝืนความรู้สึกลึกๆ
ด้วยการฉีกยิ้มตาหยีใส่เพื่อนรักทั้งสอง และเป็นอีกครั้งที่พวกเธอหันหน้ามองกัน
เจ๊ตาลกับเมย์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อเจอลูกอ้อนและคำขอของฉัน ถึงแม้พวกเธอจะรู้นิสัยพี่นัทไม่ต่างไปจากฉันนัก แต่สุดท้ายเธอก็พูดเตือนสติอยู่ดี
“ถ้าเธอพูดแบบนั้นพวกเราก็เชื่อ
แต่เอาจริงๆ เจ๊ไม่อยากให้…”
หมับ!
“เจ๊ตาลน่าร๊ากที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดด~”
ร่างกายโผเข้ากอดอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติแบบไม่ฟังอะไรต่อ จนเราทั้งคู่เกือบจะเสียหลักล้มลงไปด้วยกัน โชคดีที่ตรงนั้นมีโต๊ะรองรับเอาไว้
เจ๊ตาลจึงรีบใช้มือตีแขนฉันแรงๆ เพื่อให้สร่างเมา แล้วบ่นต่อ
“นี่ อย่าทำแบบนี้อีกนะ!” ฉันได้ยิน แต่เหมือนไม่สนใจ ในหัวมีแต่เสียงจังหวะดนตรีตื๊ดๆ ดังคลออยู่ตลอดเวลา ฉันก็เลยยืนโยกอย่างคนมีความสุขตามจังหวะเพลง
เพียงแค่หลับตา จู่ๆ
เสียงเพลงดังกล่าวก็เงียบลง พอลืมตาขึ้นมาฉันก็ถูกพาขึ้นมาอยู่บนรถแท็กซี่ซะแล้ว
ตลกดี!
เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนั้น ฉันจึงลองหลับตาอีกครั้ง คราวนี้กะพริบถี่ๆ ทุกอย่างเหมือนกับการถ่ายภาพ มาเป็นช่วงๆ ช็อตๆ ราวกับว่าฉันมีพลังเคลื่อนย้ายมวลสาร รู้ตัวอีกทีฉันก็กำลังยืนพิงประตูห้องๆ หนึ่งในสภาพไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่
ในหูเหมือนจะได้ยินเสียงของใครสักคนพูดโดยมีฉันโต้กลับไปเสียงดังฟังชัด
‘ฉันกลับแล้วนะ เธอเข้าห้องพี่นัทเองได้ใช่ไหม? ให้ช่วยเรียกพี่นัทหรือเปล่า?’
‘ม่ายยยยย ฉันเข้าเองด้ายยยย!’
ฉันส่ายหัวไปมาเบาๆ เพื่อเรียกสติ พยายามหรี่ตามองหมายเลขห้อง
ก่อนพบว่าประตูห้องที่ฉันถูกเพื่อนพามาทิ้งไว้คือห้องของพี่นัทจริงๆ
ปี๊บ! ปี๊บ!
ยังไม่ทันที่จะทำอะไรไปมากกว่านี้เสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้น
ร่างกายตอบสนองเสียงดังกล่าวด้วยการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู พอเห็นชื่อ ‘ที่รัก’ ฉันก็รีบเก็บโทรศัพท์ยัดลงกระเป๋ากางเกงทันที
เขาคงจะส่งมาคุยกับฉันเรื่องวันนี้แน่ๆ
คิกๆ
รอแป๊บหนึ่งนะคะพี่นัท หนูจะเข้าไปคุยกับพี่ในห้องเดี่ยวนี้แหละ!
-GAME
TALK-
‘ถ้าวันหนึ่งกูกับกานต์เลิกกัน กูขออะไรมึงอย่างได้ป้ะ? กูขอให้คนที่กานต์คบต่อจากกูเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึง… ได้ปะวะ?’
ตาผมกำลังจ้องตัวละครในเกมส์ออนไลน์ ขณะมือบังคับเม้าส์ให้เดินไปตามเส้นทางใน Map ตามเนื้อเรื่องในเกม ทั้งนี้ก็เพื่อให้คำขอร้องของไอ้นัทเมื่อช่วงบ่ายหยุดดังในหัวผมสักที
เสียงซาวเอฟเฟ็กและเสียงดนตรีประกอบในเกม ทำผมเหมือนถูกดึงมาสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง
ผมตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว ปิดทุกการรับรู้หรือได้ยินอะไรรอบกาย
‘คืนนี้กูจะกลับไปนอนที่บ้าน กูคิดว่ากูจะจบเรื่องรักสามเศร้านี่สักที ยังไงมึงช่วยนอนเฝ้าห้องกูให้ทีนะ กูจะรีบกลับมา…’ ทั้งที่พยายามไม่คิด แต่เสียงของไอ้นัทก็ดังแทรกเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา การที่เป็นแบบนั้นมันทำให้ผมรู้ว่า ผมควรเลิกล้อเล่นกับกานต์สักที…
ทว่า
จู่ๆ ร่างกายผมกลับถูกโอบกอดด้วยวงแขนเล็กของใครคนหนึ่งจากทางด้านหลัง ซึ่งผมไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวเธอคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของเหล้า ผมพยายามไม่สนใจ ไม่หันไปมอง แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือแรงกอดกระชับที่แน่นมากขึ้นและเสียงหวานยางครางสั้นๆ ว่า
“กอดหนูหน่อย…” ไม่บอกก็รู้ว่าเธอ คือ น้องกานต์
นอกจากไอ้นัท ตัวผม แล้วก็เธอ คงไม่มีใครมีกุญแจสำหรับไขเข้าห้องนี้อีกแล้วล่ะ
“กอดหนูหน่อยสิคะ~” เธอพูดชิดข้างหูพร้อมทั้งพยายามถอดเฮดโฟนที่ผมสวมอยู่ออกไปด้วย มันเลยทำให้ผมได้ยินเสียงเธอชัดมากเข้าไปใหญ่
ลมหายใจร้อนๆ ของเธอเป่าลงมาข้างหู
เมื่อคนตัวเล็กเอียงหน้าจรดริมฝีปากบริเวณกกหู
“หนูขอโทษนะคะ ที่วันนี้ปล่อยให้พี่นัทรอนานน~”
“เมาแล้วก็ไปนอน” ผมพยายามตัดความสนใจเอ่ยไล่เธอ
“พี่นัทโกรธหนูเหรอคะ?” แต่เธอก็ยังไม่หยุดพึมพำ
ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะถือว่าประโยคที่น้องกานต์กล่าวมานั้น มันไม่ได้หมายถึงผม อีกทั้งตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมต่อไปอย่างไม่สนใจ
ทำเหมือนว่าธรณีนี่นี้มีผมแค่เพียงลำพังแต่
“พี่นัทโกรธหนูเหรอคะ?” เธอถามซ้ำอีกครั้ง
ผมไม่รู้ว่านี่เรียกว่าเป็นวิธีอ้อนระหว่างเธอกับไอ้นัทหรือเปล่า เพราะจู่ๆ น้องกานต์ที่กลิ่นกายตลบไปด้วยเหล้า ก็เริ่มขยับเคลื่อนไหว เธอเดินโซเซมาหย่อนก้นลงบนตักผม
แรงทิ้งน้ำหนักของเธอทำผมรู้ได้ทันทีว่าเธอในตอนนี้ไม่มีสติหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว
ผมใช้มือข้างหนึ่งประครองหลังเธอไว้ เมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะหงายหลังตกจากตักลงไป
“หนูโกรธพี่… ที่พี่นัดเจอคนอื่น” แต่เธอดูจะไม่สนอาการขาดสติของตัวเองนัก เพราะน้องกานต์ยังเอาแต่พล่ามไม่หยุด มิหนำซ้ำเธอยังเลื่อนใช้แขนไล่ไต่ขึ้นโอบคล้องรอบคอผมเอาไว้
“น้องกานต์ ตั้งสติครับ พี่ไม่ใช่พี่นัท” ผมจงใจทำเสียงดุ
เพื่อเตือนสติเธอ พยายามแกะฝ่ามือเล็กออกไปพลาง แต่เหมือนว่าคำพูดของผมจะไม่ทะลุเข้าสู่สมองของเธอเลยสักนิด
“คุยกับหนูก่อนสิ นี่หนูกำลังง้อพี่นัทอยู่นะ~”
อ่าบ้าฉิบ
ผมเบื่อจริงๆ เวลาต้องคุยกับคนเมาขาดสติแบบนี้
“พี่นัทมีคนอื่นเหรอคะ?” ผมพยายามบอกเธอแล้วว่าผมไม่ใช่ไอ้นัท
ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ผมจึงเลือกที่จะไม่สนใจเธออีกต่อไป
มือเลื่อนกลับไปประจำที่คีย์บอร์ดและเม้าส์ สายตาจ้องจับไปที่ภาพหน้าจอตรงหน้า
แต่…
‘จุ๊บ’ วินาทีนั้นเอง
สติผมที่เพ่งไปที่หน้าจอก็ต้องเป็นอันชะงัก
เมื่อน้องกานต์จรดริมฝีปากลงมาที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา
การกระทำดังกล่าวทำผมเลื่อนสายตาจากหน้าจอไปที่ใบหน้าสวยๆ ของเธออย่างห้ามไม่ได้
แสงไฟสลัวๆ ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งถูกผมลดจนต่ำพอทำให้เห็นใบหน้าเรียวสวยของเธอ แม้ไม่ชัดนัก แต่ผมพอสังเกตได้ว่าแก้มเนียนขาวของเธอกำลังขึ้นสีจัด ไม่ใช่เพราะเธอกำลังเขิน แต่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
และที่ผมมองหน้าก็เพื่อให้เธอตั้งสติ
เห็นว่าผมไม่ใช่คนที่เธอกำลังคิด
“ดีกันน้าา~ คิกๆ”
สายตาของเธอตอนนี้คงมองเห็นอะไรๆ
เป็นไอ้นัทไปหมด กลับกันแม้เธอไม่ได้เอ่ยขานชื่อผมออกมาสักนิด
แต่ทุกสัมผัสที่เธอแสดงออกมามันกำลังทำให้ผมหวั่นไหว
มึงแค่มานอนเฝ้าห้อง อดทนไว้ไอ้เกมส์ ท่องไว้ว่านั่นน่ะแฟนเพื่อน...
“เธอทำพี่ไม่มีสมาธิ” ผมพูดก่อนเบือนสายตาไปจากหน้าเธอ จับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง พยายามตั้งสติและบังคับตัวละครในเกมให้ดำเนินต่อไป
“พี่นัทก็เลิกเล่นเกมก่อนเซ่ คุยกับหนู…” ยิ่งได้ฟังคำขอ ผมยิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของเธอ โดยเฉพาะกับร่างกายที่เธอจงใจเลื้อยเสียดสีกับลำตัวของผมคล้ายกับจะออดอ้อนกึ่งยั่วยวน
“มีอะไรก็รีบพูดให้มันเสร็จๆ สักที หัวเธอมันบังจอ!” และคงเป็นเพราะฤทธิ์เหล้านั่นแหละมั้ง ถึงทำให้เธอใจกล้าบ้าดีเดือดโต้ตอบผมกลับมาเหมือนไม่สนใจ
“ครบ 7 ปีเราก็จะแต่งงานกันแล้ว คืนนี้หนูยอมเป็นของพี่ได้น้าา ถ้ามันจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้น…” น้องกานต์ไม่ใช่แค่พูด
แต่เธอกลับเริ่มขยับกายใช้หน้าอกถูกไถแผ่นอกเปล่าเปลือยของผมไปด้วย
“หยุดเถอะน้องกานต์… พี่ไม่ใช่ไอ้นัทนะคะ”
“อื้อ…” วงแขนที่โอบรอบต้นคอเองก็เริ่มกระชับแน่นมากขึ้น ลมหายใจอุ่นๆ เคล้ากลิ่นของแอลกอฮอล์เป่ารดลงมาบนใบหน้า
วินาทีที่ผมกลอกตากลับไปมองหน้าเธออีกครั้ง ริมฝีปากอวบอิ่มก็จรดลงทาบลงมาบนปากผมอย่างแผ่วเบา
พอให้รู้สึกถึงความนุ่มและความอุ่นร้อนของผิวปากอีกฝ่ายได้ชัดเจน
เธอจรดริมฝีปากลงมาซ้ำๆ
คลอเสียงหัวเราะคิกคัก คล้ายกับรู้สึกสนุกกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เมื่อรู้สึกว่าระหว่างเราตอนนี้มันดูไม่สมควร
ผมจึงตัดสินใจ ผละกายเธอออกห่างทันที
“หยุดค่ะ มีสติได้แล้ว!”
“อ๊ะ!” แผ่นหลังเล็กของน้องกานต์กระแทกเข้ากับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนอีกฝ่ายครวญเสียงออกมาเบาๆ
มือของผมยังบีบไหล่เล็กของเธอไว้แน่น จับจ้องสายตาดุดันเพื่อเตือนสติเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ถ้าน้องกานต์ยังไม่หยุดตอนนี้ หนูจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วพี่ไม่ใช่คนดี...”
คนตัวเล็กมองหน้าผมเหมือนจะเข้าใจ สภาพเธอดูเมามากจนผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังพูดจะทำให้เธอเกรงกลัวหรือคืนสติได้มากน้อยแค่ไหน
“พี่เป็นผู้ชาย พี่ไม่สามารถนิ่งหรือทนแรงกระตุ้นได้ตลอดไปเวลาถูกผู้หญิงรุกนะคะ…”
แต่ถึงเธอไม่รับรู้หรือปฏิเสธที่จะเข้าใจ ผมก็อยากให้เธอรู้ไว้ว่าตอนนี้เส้นความอดทนผมใกล้จะถึงทางตันแล้วเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเธอไม่หยุด ผมคง...
“เพราะพี่ก็อยาก... เป็นเหมือนกัน”
เธอยิ้มตาปิด
มองแล้วโคตรจะน่ารักและพูดออกมาเหมือนไม่ได้สนใจคำขู่ของผมเลยแม้แต่นิดเดียว
“หนูรักพี่นะคะ คิกๆ~”
น้องกานต์ขยับกายโน้มหน้าเข้ามาคล้ายกับไม่หวาดกลัวคำเตือนดังกล่าว เธอจรดริมฝีปากอิ่มลงมาอีกครั้งเบาๆ พลางกระชับอ้อมแขนโอบรัดรอบคอผมแน่นขึ้น
‘ถ้าวันหนึ่งกูกับกานต์เลิกกัน
กูขออะไรมึงอย่างได้ป้ะ? กูขอให้คนที่กานต์คบต่อจากกูเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึง… ได้ปะวะ?’
วินาทีนั้นเหมือนเส้นคั่นบางๆ ของจิตใต้สำนึกของผมขาดผึ่งออกจากกัน
แม้ว่าในหัวจะมีเสียงก้องของเพื่อนสนิทดังแว่วเข้ามา
แต่ผมหยุดตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ผมกดริมฝีปากบดเบียดตอบโต้คนตัวเล็กกลับไปอย่างดุดัน มือสองข้างละออกจากเม้าส์และคีย์บอร์ดประครองรอบเอวเล็กของเธอแน่น
เพราะการถูกรุกรานที่ต่างออกไปล่ะมั้ง มันเลยทำให้น้องกานต์ขยับปากออกไปทางอื่น
ลมหายใจของเธอเองก็เริ่มปั่นป่วนตามการรุกของผมด้วยเช่นกัน
“อื้อ!” แต่ผมไม่ยอมยังคงดึงดันรุกไล่ริมฝีปากกลับไป
ฝ่ามือเล็กเริ่มมีการเคลื่อนไหว เธอพยายามผลักและดันไหล่ผมให้ออกห่าง
เสียงอื้ออึงดังขึ้นในลำคอคล้ายกับทรมาน
วินาทีนี้ผมไม่สนใจอย่างอื่นแล้วนอกจากผู้หญิงที่ผมชอบตรงหน้า
แม้จะรู้ดีว่าเธอคือคนรักของเพื่อนสนิท
แต่อารมณ์ผมในตอนนี้มันยากเกินไปแล้วที่จะฉุดดึงให้กลับมาเป็นปกติ
“อะ… พี่นัท…” เธอพยายามขานชื่อไอ้นัท และนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากฟังมากที่สุด
เลยพยายามทำให้เธอเงียบเสียงลงด้วยการดูดกลืนริมฝีปากบางได้รูปจนบวมเจ่อ
ลมหายใจหอบหนักๆ ของน้องกานต์บ่งบอกได้ชัดเจนว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กำลังทำให้เธอเผลอไผลมีอารมณ์ร่วมไปกับการปลุกเร้า
เธอพยายามขยับปากหนี สูดรับอากาศเข้าปอด ส่วนผมก็ฉวยโอกาสในช่วงจังหวะนั้นสอดแทรกเรียวลิ้นลิ้มรสความหวานภายในอย่างต้องการ
กึก!
เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด ผมจึงขยับตัวลุกจากเก้าอี้ โดยใช้มือประคองร่างของเธอเอาไว้จับขึ้นนั่งบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สนว่าร่างกายเธอจะโดนหน้าจอ เม้าส์ คีย์บอร์ดจนเกมส์ออนไลน์ที่ผมเล่นค้างไว้เป็นอันจบเห่หรือไม่
ที่สนใจตอนนี้มีแค่เธอเท่านั้น
“อื้อ…” อีกฝ่ายไม่ได้แสดงทีท่าขัดขืนใดออกมา อาจเพราะเธอคงคิดว่าผมเป็นคนที่เธอมโนอยู่ในหัวล่ะมั้ง
ทำยังไงดีล่ะ
ผมจะดูเลวเกินไปหรือเปล่าถ้าหากว่าตอนนี้ สติสตังที่มีมันได้หล่นหายไปเพราะริมฝีปากของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หน้าอกกลมกลึงภายใต้เสื้อยืดตัวบางถูกผมสัมผัสอย่างเต็มมือ แรงคลึงเพียงเบาๆ ทำเอาร่างบางบิดกายเล็กน้อย
อ่า… น่ารักเป็นบ้า
ผมชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ ทั้งรูปร่าง
ทั้งนิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนแถมเอาแต่ใจนิดๆ
หรือแม้แต่จะหน้าตาที่ทำให้ผมต้องหยุดมองตั้งแรกแรกเห็น
‘เลว’ วลีสั้นๆ
ดังก้องขึ้นมาในหัว เหมือนจะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ไอ้นัทถามค้างเอาไว้
‘ถ้าวันหนึ่งกูกับกานต์เลิกกัน กูขออะไรมึงอย่างได้ป้ะ? กูขอให้คนที่กานต์คบต่อจากกูเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึง… ได้ปะวะ?’ และถ้าย้อนกลับไปได้ คำตอบของผมในตอนนั้นอาจจะเป็น ‘ขอโทษทีว่ะ กูก็รักเขาเหมือนกัน’
เพียงไม่นานทั้งผมและน้องกานต์ก็ตกอยู่ในสภาพชุดวันเกิด ผมสามารถมองเห็นเรือนร่างของเธอได้ทุกสัดส่วน เธอกอดผม เรากอดกัน ตั้งแต่บนโต๊ะหน้าคอม จนไปถึงบนเตียงนอนอุ่นๆ ผมจูบเธอ ส่วนเธอก็เป็นฝ่ายตอบรับทุกสัมผัสที่ผมมอบให้
ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีเพียงเสียงหอบหายใจของเราสลับดังเพียงเท่านั้นขณะร่างกายกำลังสอดประสานรวมเป็นหนึ่ง ดูๆ ไปแล้วเหมือนว่าเรากำลังทรยศผู้เป็นเจ้าของห้องอยู่ยังไงอย่างงั้น
“พี่นัท… หนูเจ็บ”
“นิดเดียวนะคะ…” ผมพยายามเอ่ยปลอบประโลมลดความเจ็บปวดให้เธอ
ด้วยการซุกไซร้ปลายจมูกเพื่อเพิ่มความรู้สึกอื่นให้กับคนตัวเล็กใต้ร่างไปด้วย แม้ว่าชื่อที่เธอขานเรียกออกมานั้นจะไม่ใช่ตัวเองก็ตามที
“พะ พี่นัท…” ผมจูบเธอ
เมื่อเธอร้องเรียกหาเพื่อนสนิท
“พี่ชื่อเกมส์ค่ะ ไม่ได้ชื่อนัท” และบอกเธอออกไปว่าผมเป็นใคร
อาจเป็นเพราะความเมาขาดสติของเธอนั่นแหละ
ถึงทำให้น้องกานต์หลุดขานชื่อหนึ่งออกมาสั้นๆ หลังจากนั้น
“อื้อ… พะ พี่เกมส์…”
To Be Continued...
ปล.เราขออนุญาตปรับเป็น100% ยกยอดไปที่ตอนต่อไปเลยแล้วกันเนอะ
ไม่รู้ว่าคนอ่านหวังอะไร แต่เราจัดให้แค่นี้เคนะ
ฟินไม่ฟินไม่รู้ ที่รู้ๆ คือเขาได้กัน #ตบโต๊ะ!!!
ตอนหน้ามีคลายปมยิ่งแซ่บบอกเลย ฮ่าๆๆๆ
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต
#รักติดเกม
#ฟิคแฟนติดเกม
#ฟิคเมียหลวงได้เมียน้อย
{ เรื่องอื่นของหนุ่มๆ ในสังกัด }
ไม่เคยส่องหรือลองอ่านเรื่องไหน จิ้มได้น้า
ความคิดเห็น