ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HALF LIFE ¼ สายกามตามรัก l ลูกเทพ Set

    ลำดับตอนที่ #7 : HALF06 ; ความสัมพันธ์ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.89K
      150
      7 ม.ค. 63

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP06

    วันต่อมา...

    มหาวิทยาลัยเอกชน H

    จริงอ่ะ !?”

    เสียงตกอกตกใจของเพื่อนสาวย้อนขึ้นทันทีที่ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เธอฟังจนจบ ส่วนเรื่องที่เล่าก็คงเป็นเรื่องที่ฉันกับคุณพี่กั้งคุยกันระหว่างเดินไปยังประรั้วหลังคฤหาสน์นั่นแหละ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ควรเป็นความลับ ฉันไม่ได้เล่าหรอกค่ะ เพราะยึดสุภาษิตที่ว่า ความในอย่านำ ความนอกอย่างนำเข้า

    นี่เขาพูดใส่เธอแบบนั้นจริงๆ อ่ะ ไม่น่าเชื่อเลย...” ดูเหมือนกาละแมร์จะหัวเสียนิดๆ ที่รู้ว่าเมื่อคืนคุณพี่กั้งพูดอะไรใส่ฉันไว้บ้าง แน่ล่ะ ก็เธอเป็นเพื่อนฉันนี่ การที่จะโกรธเพราะเป็นห่วงเช่นนี้จึงไม่แปลกอะไร

    ตอนแรกฉันก็คิดแบบนี้แหละค่ะ จนกระทั่ง กาละแมร์เริ่มโยงเรื่องอื่นเข้ามารวบยอดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

    เฮอะ ! ผู้ชายเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดเลยให้ตายสิ วอร์อปป้าก็อีกคน !” เมื่อรู้สึกว่าเพื่อนสาวน่าจะโยงเรื่องออกทะเลจนมั่วไม่เกี่ยวข้องเรื่องที่เล่า โสตประสาทการรับฟังที่มีจึงเริ่มทำการ Shut down เสียงบ่นยืดยาวของกาละแมร์ออกจากหัว

    และใช่ค่ะ ! หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้น ดูเหมือนว่าคุณพี่กั้งจะโกรธฉันอยู่หน่อยๆ ซึ่งสิ่งที่ทำให้แน่ชัดว่าเขากำลังโกรธก็คงเป็นตอนที่เราทั้งคู่สามารถพากันกลับเข้าภายในพื้นที่ของคฤหาสน์ได้นั่นแหละค่ะ เพราะเขาไม่ได้แสดงมารยาระดับนักแสดงหนังเฉพาะกลุ่มให้ฉันได้เห็นอีก

    ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าเขา ก็คงเป็นตอนที่ฉันติดรถรับส่งส่วนตัวของเขามาลงที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละ...

    ฟังอยู่ป่ะเนี่ย...ถิน

    เขาคงจะงอนๆ มั้งคะ เลยทำแบบนั้น...

    ...ถิน” แต่แม่เคยสอนไว้ว่า สถานะเราคือผู้น้อย ต่อให้ผิดหรือถูก หากนั่นเป็นการทำให้เจ้านายไม่พอใจก็ควรต้องขอโทษ ดังนั้นฉันเลยคิดว่า...ถ้ามีโอกาสฉันคงต้องพูดขอโทษเขาสักหน่อยตามอย่างคำสอน

    ถินได้ยินที่ฉันระบายเรื่องวอร์อปป้าไหมเนี่ย!?”

    เสียงตะโกนเคล้าการโวยวายของเพื่อนสาว ซึ่งถูก Mute เสียงไปชั่วขณะหนึ่งดังขึ้น พานให้ต้องเลื่อนสายตามองหน้าเจ้าของเสียงอีกครั้ง ก่อนพบว่าเพื่อนสาวที่ดูจะโกรธแค้นเวลานี้ มีสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ เพราะไม่ได้ฟังเลยสักวลี ว่าสิ่งที่กาละแมร์พูดไปก่อนหน้านี้มีอะไรบ้าง หากจะบอกตรงๆ ก็กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท ฉันจึงเลือกใช้คำถามเลี่ยงๆ

    แล้วไงต่อ ?” พอถามจบ คนฟังก็รีบฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมให้คำตอบ

    ฮืออ ฉันอยากฆ่าวอปป้า” เดาจากน้ำเสียง ดูท่าเธอคงจะเศร้ากับเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับนักร้องและดาราเกาหลีอยู่เป็นแน่ 

    แต่อาการซึมเศร้าดังกล่าวของกาละแมร์ก็ปรากฏให้เห็นต่อสายอยู่ครู่เดียว เพราะวินาทีที่เสียงเตือนข้อความของเธอดังขึ้น เพื่อนสาวซึ่งตกอยู่ในอาการซึมเศร้าก็หันเหความสนใจทั้งหมดของตัวเองไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือทันที

    ปี๊บ ! ปี๊บ !

    อ๊ะ ! อย่าว่าแต่ของกาละแมร์เลยค่ะ ของฉันก็ดัง พอก้มดูก็พบว่าคนที่ส่งข้อความมานั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉันเอง

    ทาม : เลิกเรียนยัง รออยู่หน้ามหาลัยแล้วนะ

    ความแปลกใจโถมเข้าใส่ทันทีเมื่อได้เห็นข้อความของถามถูกส่งมาแบบนั้น จนต้องพิมพ์ถามกลับให้หายสงสัย

    กระถิน : มาทำไม

    ทาม : เอ้า ก็เรานัดดูหนังกันวันนี้ไง ลืมแล้วเหรอ ?

    พอได้รับข้อความตอบกลับมา ความจำอันน้อยนิดในหัวก็เริ่มประมวลผล ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาพิมพ์บอกผ่านทางข้อความ ก่อนจะนึกได้ว่า ตอนที่ทามขับรถพาฉันกลับมาส่งบ้านหลังเลิกงานเมื่อวาน เราสองคนได้นัดกันไว้แบบนั้นจริงๆ ด้วยเหตุนั้นข้อความตอบรับการนัดหมายจึงถูกพิมพ์ตอบรับกลับไปทั้งที่ลึกๆ ยังรู้สึก งง อยู่

    กระถิน : เดี๋ยวเดินออกไปนะ

    หลังเสร็จสิ้นการนัดหมายผ่านทางข้อความแชท สมองก็สั่งการให้ฉันหันมองเสี้ยวหน้าเพื่อนสาวคนสนิททันที โดยตั้งใจจะพูดขอปลีกตัว แต่ว่าเหมือนเดิมค่ะ ฉันช้ากว่าทุกคนเสมอ

    นี่กระถิน...” เพราะเพื่อนสาวที่ดูจะสนใจกับข้อความบนมือถือตัวเองถามแทรกขึ้นก่อน “บนโลกเรามันมียาสลบสำหรับล้มช้างไหม?”

    ถามทำไม ? จะเอาไปทำอะไร?”

    ฉันจะเอาไปล้มผู้ชาย !” น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังของกาละแมร์ในครั้งนี้ ทำฉันพูดอะไรต่อไม่ถูก แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องเล่นหรือเรื่องจริง แต่อย่างไรเสียฉันคิดว่า การที่เธอต้องการยาสลบไว้ล้มช้างกับผู้ชายมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันอยู่ดี เพราะงั้นฉันจึง...

    เดี๋ยวกลับก่อนนะ เพื่อนมารอแล้ว” ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะฉันต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองอย่างเดียวหรอกนะ แต่ที่พูดก็เพราะ ฉันกลัวเธอค่ะ...

    ฉันอาศัยจังหวะในช่วงที่กาละแมร์คุ้มคลั่งร้องหาแต่ยาสลบล้มช้าง ลุกเดินปลีกตัวออกจากโต๊ะม้าหินไปโดยไม่พูดอะไรต่อ มันคงดีเสียกว่าจะไปรบกวนความคิดเพ้อฝันคละความน่ากลัวของเพื่อนสาวให้เสียมารยาทจริงไหมคะ อีกอย่างทามเองก็กำลังรออยู่ด้วย

    และฉันไม่อยากให้เขารอนาน...

    ตึก... ตึก...

    วันนี้น่าจะเป็นวันแรกที่รอบตัวฉันกลับมาเอื่อยเฉื่อยได้อย่างที่ควรเป็น นับตั้งแต่มีโอกาสได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหญ่เสมือนปราสาทโอซาก้า (หากไม่นับเรื่องเสียงหวีดร้องหายาสลบสำหรับล้มช้างของกาละแมร์ล่ะก็น่ะ) ซึ่งการที่รอบตัวกลับสู่ความสงบได้แทบทั้งวันเช่นนี้ มันก็ชี้ชัดได้ว่า คุณพี่กั้งนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตฉันหาความสงบสุขเหมือนช่วงเวลาเก่าๆ ไม่ได้

    ทั้งที่คิดว่ารอบตัวกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนช่วงเวลาเก่าๆ สมัยอยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่นานนักบรรยากาศสงบแสนเอื่อยเฉื่อยกลับต้องมีอันเป็นไป

    ตึก... ตึก...

    ยิ่งเดินออกมาไกลจากตึกคณะที่เรียนอยู่เท่าไหร่ ท่ามกลางความสงบสุขของบรรยากาศก็เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ แทรกซึมผ่านบรรยากาศรอบตัวให้เริ่มรู้สึกถึงอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่ไม่ทราบที่มา ซึ่งกำลังจดจ้องมาทางฉัน จับตาดูทุกการกระทำจากที่ที่ห่างไกล

    หากคิดในแง่ดี อาจเป็นเพราะพักหลังชีวิตฉันค่อยข้างเจอแต่ความวุ่นวาย พอขาดไป ฉันเลยมโนทึกทักเรื่องความรู้สึกทีคล้ายถูกมองขึ้นเองก็เป็นได้ ดังนั้นการไม่สนใจความรู้สึกที่รับรู้ได้ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า

    ตึก... ตึก... ตึก...

    ฉันใช้เวลาเกือบๆ สิบนาทีในการพาตัวเองเดินเท้าจากตึกคณะออกมายังหน้ารั้วมหาวิทยาลัย และใช้เวลาอีกนิดหน่อยไปกับการมองหาเพื่อนสมัยเรียนที่นัดหมายกันไว้

    ถิน !” ทามที่มารออยู่ก่อนหน้านี้และเห็นฉันก่อน รีบเดินเข้ามาทักทันที

    สังเกตได้ว่าในมือเขาถือหมวกกันน็อกใบใหญ่เอาไว้ในมือถึงสองใบ ซึ่งฉันไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลเรื่องหมวกกันน็อกกับเขาหรอก เมื่อทามเป็นฝ่ายยื่นหมวกกันน็อกส่งมาให้ แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    เราจอดมอไซค์ไว้ตรงนู้น ไปกันเถอะ

     

    -KANG TALK-

    เขาเดินไปด้วยกันแล้วว่ะเฮีย...

    ผมได้ยินเสียงของ ‘หม่อง’ เพื่อนรุ่นน้องพูดขึ้นแทนการรายงานความเคลื่อนไหวของเป้าหมาย แม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สายตาผมยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวตัวเล็ก เจ้าของความมึนและความเชื่องช้าไม่ว่าจะทางกายหรือความรู้สึกจนต้องยกนิ้วให้ก็ตามที

    เป็นแฟนกันแน่เลยว่ะเฮีย” ยิ่งได้ยินเพื่อนรุ่นน้องพูดออกมาแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประโยคหลังที่ไอ้หม่องกล่าวขึ้นคล้ายกับจะเยาะเย้ยกัน “ไหนเฮียบอกว่าเขาจะมาง้อไง เขาไม่เห็นจะสนใจตามง้อเฮียตรงไหนเลยนี่

    ยิ่งได้ฟังยิ่งเจ็บใจ เจ็บใจเสียจนต้องอุทานอย่างนึกโกรธๆ ในอกว่า ‘ได้ !’ ประจวบเหมาะกับที่ไอ้หม่องถามขึ้นอีกครั้งพอดิบพอดี

    เอาไงต่อดีวะเฮีย...

    แน่นอนว่า ผมเองก็ให้คำตอบเพื่อนรุ่นน้องแบบมันกลับไปทันทีเช่นกัน

    ตามไป !”

    ว่าจบผมก็ไม่รอช้ารีบโยนหมวกกันน็อกใบใหญ่ใส่มือไอ้หม่องอย่างรีบๆ ซึ่งคนถูกสั่งก็ไม่รอช้า รีบลุกตามมาติดๆ ตรงไปยังมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเองซึ่งจอดห่างออกไปนิดหน่อย ก่อนกวาดขาขึ้นคร่อมรถไว้ในฐานะคนคนขับ 

    ส่วนผมที่ทั้งชีวิตถูกประคบประหงมจนเหมือนเป็นง่อย ซ้ำยังนำหน้ามาก่อนนั้น ก็ทำหน้าที่ซ้อนท้ายสิครับจะเหลืออะไรล่ะ!

    บรื้นนนน...

    เสียงเครื่องยนต์ขนาดเล็กดังหระหึ่มไปทั่วบริเวณ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนออกจากที่หลบซ่อนตัว เลี้ยวไปบนถนนภายในมหาวิทยาลัยมุ่งตรงสู่พื้นที่ด้ายนอก อันที่จริงแล้วผมอยากตามไอ้วินทร์มาช่วยสะกดรอยตามดูพฤติกรรมของเด็กที่บ้านมากกว่าไอ้หม่องเสียอีก ติดอยู่นิดเดียว เมื่อคืนมันดันบอกว่าวันนี้มีธุระ ผมเลยไม่อยากรบกวน

    ส่วนเหตุที่ผมคิดพึ่งไอ้วินทร์มากกว่าไอ้หม่องก็คงเพราะ บรรดาเพื่อนทุกคนต่างรุ่นในกลุ่มนั้น ไอ้หม่องเนี่ยเด็กสุด ไม่ใช่แค่อายุแต่ความคิดมันก็เหมือนเด็กทั้งรูปลักษณ์ภายนอกเปื้อนไปด้วยรอยสักไม่ต่างจากพวกจิ๊กโก๋

    ถึงอย่างนั้นไอ้หม่องมันก็มีข้อดี ตรงที่มีน้ำใจและยินดีที่จะให้การช่วยเหลือในยามที่ถูกร้องขอเสมอ นอกจากนั้นแล้วไอ้เพื่อนต่างรุ่นของผมคนนี้ มันก็พอเป็นการเป็นงานอยู่บ้าง รู้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร เช่นตอนนี้ ตอนที่มันพยายามบิดรถไล่หลังรถมอเตอร์ไซค์อีกคันที่กระถินใช้โดยสารออกไปพร้อมกับนักศึกษาแปลกหน้าต่างสถาบัน

    ฝีมือในการขับรถโดยพยายามทำให้ตัวเองกลมกลืนไปกับรถคันอื่นๆ ของไอ้หม่องนั้นไม่เป็นรองใคร นั่นเลยทำให้การสะกดรอยตามในครั้งนี้ค่อนข้างไปได้สวย

    ผมใช้เวลานั่งอยู่เบาะหลังตะลุยไปบนถนนอยู่เกือบๆ สิบห้านาทีเห็นจะได้ ก่อนพบว่าสถานที่ที่เป็นจุดหมายของเป้าหมายนั้นคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมือง

    ไอ้หม่องชะลอรถเลี้ยวตามคู่ชายหญิงที่เป็นเป้าลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ก่อนหยุดจอดหลบมุมอยู่ครู่สั้นๆ เมื่อสบโอกาสที่เป้าหมายจอดรถเสร็จและพากันเดินเข้าห้าง มันถึงได้ยอมเลี้ยวรถไปยังจุดจอดและพาผมสะกดรอยตามเหยื่อไปแบบติดๆ

    เฮีย...เฮียว่าสองคนนั้นมาทำอะไรกันที่ห้างวะ” ขณะเดินเร่งฝีเท้าตามเป้าหมาย จู่ๆ ไอ้หม่องที่มาด้วยกันก็ถามขึ้น

    กูไม่รู้” และนี่คือคำตอบของผม

    สองคนนั้นเขาเหมือนแฟนกันเลยนะ เฮียไม่คิดงั้นเหรอ ?” แม้ว่าหูจะได้ยินสิ่งที่ไอ้หม่องถาม แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จนมันเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองอีกหน “แค่เด็กทำงานบ้านมีแฟนเอง ทำไมเฮียต้องตามขนาดนี้ด้วยวะ หม่องไม่เข้าใจ...

    ซึ่งในครั้งนี้ผมไม่ได้รอให้มันพล่ามจี้ใจดำจนจบประโยคหรอกนะ

    มึงเงียบปากสัก 5 นาทีดิหม่อง...กูต้องการสมาธิ !” ที่ขัดเพื่อนรุ่นน้องไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะต้องการสมาธิในการสะกดรอยตามอะไรขนาดนั้นหรอก ผมก็แค่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนอย่างไอ้หม่องเข้าใจต่างหาก

    จะบอกว่าผมโกรธกระถิน มันก็ใช่ แต่ถ้าว่ามากไหมมันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น เรียกว่า ผมคงแค่หงุดหงิดมากกว่า

    ลองคิดตามนะ ผมซึ่งมีเป็นถึงนักแสดงนำชายหนังแนวผู้ใหญ่ ซ้ำยังมีดีกรีว่าเป็นนักแสดงหนังใต้ดินที่ฮ็อตที่สุดในชั่วโมงนี้ สาวๆ ที่ได้เห็นเรือนร่างหรือลีลาล้วนแล้วอยากได้อยากโดนกันทั้งนั้น นี่ยังไม่นับถึงเรื่องภาพลักษณ์คนละแบบกับในหนังใต้ดิน ที่ทำให้ผมต้องทนรำคาญเสียงหวีดหรือคำพูดลวนลามจากสาวๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกนะ

    ทั้งที่ผมคือบุคคลที่สาวน้อย สาวใหญ่พากันคลั่งไคล้อยากได้อยากโดนขนาดนี้ แต่กับกระถินดันต่างออกไป

    เธอใช้นิสัยและความรู้สึกเชื่อง ใสซื่อ และตรงไปตรงมาฟาดหน้าผมไว้ด้วยความงง หยามความมั่นในรูปลักษณ์และลีลาบนเตียงที่มีจนปี้ป่น ด้วยท่าทางเหมือนไร้อารมณ์

    เออ ! เข้าใจว่ายัยนั่นเป็นพวกความรู้สึกช้า แล้วยังไงวะ นี่แม่งก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่พยายามประชิดตัวเธอ โดยหวังว่าน่าจะมีสักเสี้ยวหนึ่งในตัวผม ที่จะพอทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวั่นไหว และรู้สึกกับผมได้เหมือนกับผู้หญิงรายอื่นๆ

    แต่เปล่าเลย นอกจากผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีทีท่าหวั่นไหวแล้ว ซ้ำยังไม่ไหวติ่งต่อการปลุกเร้าทุกอย่างที่ผมมักปฏิบัติกับเธออย่างฉวยโอกาสในคราบของหน้าที่ ที่หงุดหงิดฉิบหายจนหัวแทบไหม้อยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องเมื่อคืน ทั้งที่ผมก็แสดงออกไปชัดเจนแล้วว่าโกรธ ในฐานะของคนถูกโกรธก็ควรตามง้อไหม ?

    ยิ่งด้วยมีสถานะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยในบ้าน ถ้ารู้ว่าเจ้านายตัวเองไม่พอใจ ยิ่งต้องรีบถามความเป็นไปเพื่อแก้ไขบรรยากาศให้ดีขึ้น

    แล้วนี่แม่งอะไร รอมาทั้งวัน แต่ยัยนั่นดันหนีออกมาเที่ยวกับผู้ชาย !?

    กึก ! ฟึ่บ !

    เฮียระวัง !” เสียงเรียกและแรงดึงชายเสื้อด้านหลัง ทำผมซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินไวอย่างนึกหงุดหงิดมีอันต้องหยุดชะงักลง ก่อนพบว่าสถานที่ที่ผมกับไอ้หม่องพากันเดินสะกดรอยตามเป้าหมายมานั้น คือพื้นที่ของโรงหนังชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า

    เหตุผลที่ไอ้หม่องเรียกและดึงชายเสื้อผมไว้แบบนี้ก็คงเพราะ เป้าหมายที่กำลังถูกสะกดรอยตามนั้น กำลังยืนอยู่ในช่องขายตั๋วหนัง ห่างจากจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่ออกไปเพียงร้อยเมตรเท่านั้น

    ดูหนังเหรอวะ...

    อ๋อ ยัยนี่กล้าหนีมาดูหนังงั้นเหรอ !?

    ผมใช้เวลายืนหลบๆ ซ่อนๆ อยู่บริเวณตู้ฉายบอกเวลาฉายหนังอยู่เกือบสองนาทีเห็นจะได้ เมื่อเห็นว่ากระถินกับนักศึกษาชายที่มาด้วยกันทำท่าจะเดินออกจากช่องขายตั๋ว ผมก็ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปยังช่องขายตั๋วเดียวกับเธอโดยทันที โดยไม่ลืมที่จะลากไอ้หม่องให้เดินตามมาด้วย

    สวัสดีค่ะ วันนี้ดูหนังเรื่องอะไรดีคะ ?” เสียงของพนักงานขายตั๋วถามขึ้นตามหน้าที่ ทันทีที่ผมยื่นหน้าไปให้เธอเห็น ส่วนนี่ก็คงเป็นคำตอบของผม

    คู่ชายหญิงเมื่อกี้ ดูหนังเรื่องอะไร?”

    วะ ว่ายังไงนะคะคุณลูกค้า ?”

    ผู้หญิงกับผู้ชายที่ซื้อตัวเมื่อกี้ เขาซื้อตั๋วหนังเรื่องอะไร ?” แม้จะถูกย้อน ผมก็ยังยืนยันด้วยคำถามเดิม

    อะ เอ่อ...ล่า ไล่ เชือด ค่ะ เป็นหนังแนวฆาตตะ...

    เอาเรื่องนั้นอ่ะ รอบเดียวกับสองคนนั้นด้วย” ผมแทรกเสียงขัดแบบไม่ฟังสิ่งที่พนักงานสาวพยายามบอก ผมไม่สนใจหรอกว่าหนังที่สองคนนั้นมาดูเป็นเรื่องอะไร รู้แค่ว่าสองคนนั้นดูเรื่องอะไร รอบไหนก็พอแล้ว

    ดะได้ค่ะ รอบล่าสุดนะคะ กี่ที่คะ ?”

    สอง

    เลือกที่นั่งได้เลยค่ะ” อีกหนที่พนักงานสาวกล่าวขึ้น จนต้องชำเลืองสายตามองตารางที่นั่งบนหน้าจอบริเวณเคาน์เตอร์ แต่ก่อนที่ผมจะอ้าปากเรื่องที่นั่ง พนักงานสาวก็คล้ายกับรู้ท่าน ถึงได้กล่าวแทรกขึ้นมาก่อน “เพื่อนคุณสองคนนั้น เลือกที่นั่งทางด้านนี้ไว้ค่ะ

    เอาข้างกันเลยครับ” ว่าจบผมก็ไม่รอช้ารีบก้มหยิบกระเป๋าเงิน เพื่อจัดการจ่ายค่าตั๋วหนังที่เพิ่งไป แน่นอนว่าผมต้องจ่ายให้ไอ้หม่องที่ถูกลากตัวมาด้วยเช่นกัน แต่แล้วใจจังหวะที่กำลังก้มหน้าเปิดกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรสักใบออกมาจ่ายค่าตั๋วอยู่นั้น เรื่องไม่คาดฝันก็ดันเกิดขึ้น

    กึก...

    เมื่อเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งดังขึ้น ห่างจากตัวไปเล็กน้อย ซึ่งลำพังแค่เสียงฝีเท้าแค่นั้นผมคงไม่คิดจะเงยหน้าหันไปมองหรอก แต่ว่าการมาของเสียงฝีเท้าครั้งนี้กลับมาพร้อมด้วยเสียงเรียกมันเสียอย่างนั้น

    คุณ...พี่กั้ง...

    เสียงหวานหากแต่มีเอกลักษณ์ของความเฉื่อยช้าและใจเย็น ทำผมรีบเงยหน้าขวับขึ้นจากประเป๋าเงินในมือด้วยความตกใจ ก่อนต้องเปลี่ยนเป็นช็อกเมื่อพบว่า เจ้าของเสียงทักทายและเสียงฝีเท้านั้นไม่ใช่ใคร แต่ว่าเป็นบุคคลที่ผมพยายามสะกดรอยตามมาเกือบจะชั่วโมงนั่นแหละ !

    สภาวะที่เหมือนถูกจับได้ ทำผมตกอยู่ในอาการค้าง ไม่ได้ต่างไปจากไอ้หม่องซึ่งกำลังแสดงทีท่าร้อนร้อนไม่ต่างกัน ทั้งที่ความรู้สึกของผู้สะกดรอยตามตกอยู่ในสภาวะนั้น แต่นั่นกลับไม่ใช่กับเป้าที่ตรงเข้ามาทัก

    เมื่อกระถินตบมือแปะๆ คล้ายกับดีอกดีใจอะไรเมื่อเรามีโอกาสได้มองหน้ากัน ซ้ำยังกล่าวขึ้นคล้ายกับว่านั่นคือคำทักทายที่ขาดหายไป

    มาดูหนังเหมือนกันเหรอคะ ? บังเอิญจังเลย...

    สิ้นเสียงคำถามเหมือนคนไม่รู้อะไร ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงที่ผมกับไอ้หม่องกำลังสะกดรอยตามอยู่นั้นค่อนข้างซื่อบริสุทธิ์ค่อนไปทางซื่อบื้อด้วยซ้ำ พอคิดได้เช่นนั้นไอ้ที่เคยตกใจเพราะถูกพบตัวจึงค่อยเลือนหายไปจนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

    ไปหม่องจ่ายค่าตั๋วที เดี๋ยวกูไปซื้อป๊อบคอร์นแป๊บ” โดยสิ่งที่ลอดผ่านปากในช่วงเวลานั้นคือถ้อยคำสื่อถึงเรื่องราวอื่น ไม่ใช่คำตอบของคำถามที่คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าต้องการ

    ไอ้หม่องเองก็ไม่ทำตัวยืดยาดจนมีพิรุธ รีบวิ่งมารับเงินไปจากมือแล้วหันไปจัดการกับค่าตัวที่ซื้อค้างไว้ ส่วนผมที่หมดหน้าที่จ่ายค่าตั๋วก็เลือกเดินหนีเป้าหมายตรงไปยังช่องขายป๊อบคอร์นตามอย่างที่ปากว่า

    ถ้าพูดกันตามตรง ต่อให้รู้ว่ากระถินเป็นคนมีนิสัยแบบไหน แต่การถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้อาการประหม่าลดหายลงไปจากเดิมแต่อย่างใด ดังนั้นการเลี่ยงเผชิญหน้าแบบนี้ น่าจะทำให้ผมควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ดีกว่า อีกอย่างที่นั่งในโรงหนังของเราก็ติดกัน แม้ไม่เจอตรงตรงนี้สุดท้ายก็ต้องเจอกันในโรงอยู่ดี

    แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ขอเวลาให้ผมปรับอารมณ์สักหน่อยมันก็น่าจะดี...

    วินาทีที่เดินหลุดออกจากพื้นที่ที่ต้องเผชิญหน้ากับกระถิน ผมยังคงทำหน้าที่เดิม แอบลอบมองเธอกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันเป็นพักๆ และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่ากระถินเองก็พยายามมองหาผมอยู่

    คนอะไรไม่รู้จักง้อ เจอหน้ายังจะกล้าทักกันแบบนั้นอีก เวรฉิบ !

    หลังจากเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ เป้าหมายมาได้ครู่ใหญ่ ในที่สุดเวลาของการเผชิญหน้าครั้งที่สองก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งผมและไอ้หม่องพากันเดินเข้าโรงหนังตามหมายเลขบนตั๋วในมือ และใช่ ! ที่นั่งที่ซื้อไว้อยู่ติดกับที่นั่งของกระถินและผู้ชายคนนั้นจริงๆ

    แต่ครั้งนี้โชคดันเป็นของผม เมื่อที่นั่งที่เลือกไว้ใกล้เคียงกันยังว่างเปล่า นั่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสองคนนั้นยังไม่ได้เข้ามา หลังจากนี้เหตุการณ์ได้เจอกันมันก็คงถึงคราวเธอเสียบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายถูกจับตามอง

    เวลาในโรงหนังเริ่มไปเกือบๆ ห้านาที สุดท้ายเป้าหมายที่ผมตามตัวมานับตั้งแต่มหาวิทยาลัยก็ปรากฏตัวขึ้น กระถินคือฝ่ายที่เดินนำเข้ามาก่อน และดูเหมือนว่าเธอคงไม่ทันสังเกตเห็นผม ถึงได้เลือกที่นั่งติดกันแล้วทำตัวตามสบายเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไรมาก่อน

    ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเธอในยามที่ต้องนั่งข้างกัน รับรู้ถึงการเสียดสีระหว่างแขนของเราที่บังเอิญชนกันบริเวณที่วางแขน จนบ่อยครั้งผมต้องอาศัยแสงไฟจากหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าเป็นแสงเพื่อคอยชำเลืองหางตาลอบมองเสี้ยวหน้าสวยของอีกฝ่าย

    ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกระถินมา เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ใกล้แล้วผมรู้สึกถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะความคิด นิสัยที่เธอเป็น โดยเฉพาะนิสัยที่คล้ายกับโลกส่วนตัวสูงจนไม่สนสิ่งต่างๆ รอบตัว นอกจากสิ่งที่เธอให้ความสนใจ ความเชื่องช้าเช่นเดียวกับความรู้สึกที่เธอเป็นนั้น หลายครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกตลก และหลายครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน หงุดหงิดเพราะคำพูดที่เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร กับท่าทางซื่อๆ และไม่ค่อยอินร่วมไปกับสถานการณ์

    ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ตัวเลยว่า ผมมักหาเรื่องลวนลามเธอมันทุกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่กระถินต่างจากคนอื่นก็คือ เธอไม่ได้โอนเอนตามน้ำคำหรือสถานการณ์ที่เกิดโดยง่าย แต่เลือกที่จะทำสิ่งอื่นตอบโต้กลับมาราวกับไม่เข้าใจ

    นั่นแหละมั้งจุดเด่นที่ทำให้เธอดูแปลกกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งที่เรานั่งติดกันขนาดนี้ อีกฝ่ายถึงไม่รู้ตัวสักที

    เฮียรู้ใช่ไหมว่าหนังเรื่องนี้จำกัดเรทผู้เข้าชม...” เสียงกระซิบแผ่วๆ ของเพื่อนรุ่นน้องซึ่งนั่งอยู่ข้างกันที่ดังขึ้นหลังจากหนังเริ่มฉายเข้าเรื่องไปได้พักใหญ่ ทำเอาความคิดในหัวสงบลงอย่างฉับพลัน รีบละสายตาจากหญิงสาวข้างหันกลับไปมองมันด้วยความสงสัย

    ว่า ?”

    เฮียได้สังเกตหนังที่เรามาดูกันหรือเปล่า ว่ามันแนวไหน ?” ไอ้หม่องกระซิบถามต่อ

    ไม่ว่ะ ทำไมวะ ?”

    ผมว่าหนังเรื่องนี้แม่งต้องไม่ใช่แนวเราว่ะเฮีย...” ไอ้หม่องแบบนั้นและทำท่ากลืนน้ำลายลงคอ ซ้ำยังเป็นฝ่ายละสายตาเลื่อนกลับไปมองหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเหยเก ซึ่งนั่นเป็นช่วงเดียวกับที่เสียงจากหนังดังขึ้นให้ได้ยินชัดเจนที่สุดราวกับเรียกร้องความสนใจ

    (ชู่ว์บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่างส่งเสียง...) ด้วยสถานการณ์ลงเอยเช่นนั้น ผมจึงเลื่อนสายตากลับไปยังหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าบ้าง ทว่า วินาทีที่ได้ได้เห็นภาพบนจอขนาดยักษ์ตรงหน้า ร่างกายผมมันก็เริ่มเกิดอาการตึงเกร็งขึ้นมาเสียดื้อๆ แถมมือไม้ที่เคยเป็นปกติก็เริ่มชุ่มแฉะขึ้นมาอย่างไร้การบังคับ

    เหตุก็เพราะ ภาพที่ฉายอยู่เบื้องหน้าขนาดนี้ คือภาพของชายตัวใหญ่ซึ่งกำลังใช้มือข้างหนึ่งบีบบังดึงลิ้นของหญิงสาวในสภาพถูกมัดออกมาด้วยความรุนแรง โดยขณะเดียวกันมือของเขาอีกข้างนั้นก็ยังถือกรรไกรเลื่อนไปยังลิ้นของหญิงเคราะห์ร้าย

    จากเดิมทีที่เกร็ง ตอนนี้เริ่มสั่นเทิ้มอย่างคนเจ้าเข้า ยิ่งด้วยเสียงของหนังยังคงดังคลอด้วยเสียงหวีดร้องของความกลัวด้วยแล้ว อาการสั่นก็ยิ่งรุนแรงเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อภาพในจอคือภาพของกรรไกรแหลมคมซึ่งกำลังบรรจงตัดลิ้นของหญิงสาวจนเลือดทะลักเคล้าเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนจะขาดใจด้วยแล้ว

    ผมแม่งเหมือนกำลังจะหน้ามืด...

    อุ๊บ...” นอกจากหน้ามืดแล้ว ผมยังรู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอ้วก ทั้งที่ผมกำลังจะตายเพราะภาพฉากความรุนแรงในหนังจำกัดเรท หากแต่วินาทีที่สายตาเผลอเหลือบมองไปยังที่นั่งของหญิงสาวเบาะข้างๆ ผมกลับต้องพบกับเรื่องประหลาดใจ

    เมื่อภาพของหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ดูใส่ซื่อจนซื่อบื้อ และไม่ค่อยทันคน กำลังขยับยิ้มหวานๆ ในแบบที่ผมไม่เคยเห็น หากว่าเวลานี้เรากำลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่ใช่ในโรงหนังซึ่งกำลังฉากหนังน่ากลัวแบบนี้ล่ะก็

    ผมว่านั่นคือภาพที่ดูดึงดูดสายตาอย่างสุดๆ เลยก็ว่าได้ ทว่า แม้ว่าภาพของกระถินจะดึงดูดสายตาให้หยุดมองเท่าไหร่ แต่สภาพร่างกายที่ไร้ภูมิต้านทางกับเรื่องแหวะๆ และภาพเลือดสาดตรงหน้าก็ไม่สามารถอดทนและอดกลั้นไว้ได้นาน

    อุ๊บ....แหวะ” ผมอาเจียนกลางโรงหนัง ซ้ำยัง อาเจียนออกมาในช่วงเวลาที่บรรยากาศของหนังตกอยู่ในความเงียบที่สุด

    และใช่ ! เสียงของผมตอนอ้วก แม่งดังกว่าเสียงนักแสดงในหนังระยำนั่นด้วย !

    ________________________________________

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ติดแท็กในทวิต #กระต่ายกินเต่า

      

     

    FEAT.

      


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×