ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Collection of My Writings: รวมงานเขียน/เรื่องสั้น/fanfic/แปลโดจิน) / focus on Naruto.

    ลำดับตอนที่ #8 : (Naruto) Sasusaku | Home is where the heart is. (30%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      29
      23 ต.ค. 62






     

    Special part.

     

    Home is where the heart stops.

    ฉันมองเห็นเขา ฉันสัมผัสเขา แต่ฉันรู้สึกได้ด้วยทั้งหมดของหัวใจว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
    ความสงสารเห็นใจเหตุเพราะสังเวช ทั้งที่ไม่เคยคิดต่อกันจริงจังคือการฟาดฟันอีกฝ่ายหนึ่ง
    ให้ย่อยยับด้วยความปราณีที่เคลือบพิษร้าย มันค่อยๆ ซึมลึกทีละน้อยจนทรมานยิ่ง

    1.        

    ดวงดาวดารดาษอยู่บนผืนกำมะหยี่สีดำสนิท นั่นคือท้องฟ้ายามราตรีที่กำลังโอบอุ้มชายผู้สวมอาภรณ์เฉกเช่นเดียวกับมัน

    ประตูใหญ่ของโคโนะฮะปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว เมื่อช่วงก้าวที่ยาวของชายหนุ่มย่นระยะทางลงเรื่อยๆ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำปกปิดทั่วทั้งร่างกายไม่เว้นแม้ใบหน้า มีเพียงดวงตาสีนิลที่โชนแสงออกมายามเหลือบมองสรรพสิ่งรอบข้าง ยามก้าวเดินร่างสูงติดจะโงนเงนเล็กน้อยด้วยขาซึ่งกระโผลกกระเผลกแต่อย่างไรอุจิวะคนสุดท้ายผู้เหลือรอดจากโศกนาฎกรรมของตระกูลก็ยังคงไว้ซึ่งความสง่าผ่าเผย กอปรกับความกดดันอันเยียบเย็นและบรรยากาศหวาดหวั่นน่ายำเกรง

    เหล่านั้นทำให้นินจารักษาการณ์หน้าประตูสัมผัสได้ทันทีว่าใครคือผู้มาเยือนในยามวิกาล แสงสาดส่องจากโคมไฟตามทางไล้ไปตามใบหน้าคมสันเมื่อเจ้าตัวเคลื่อนออกจากความมืดเข้ามาภายใต้แสงจันทร์สลัว ที่ฉาบทับใบหน้าบูดบึ้งแลดูไม่สบอารมณ์ คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันราวกับจะผูกเป็นเงื่อนปมได้ อุจิวะ ซาสึเกะปลดอาภรณ์ส่วนที่คลุมศีรษะลง จูนินนายหนึ่งเดินเข้ามาตรวจสอบตามปกติทว่าในท่าทีมีความระแวดระวังแฝงอยู่อย่างไม่คิดปกปิด ดวงตาเคลือบความหวาดระแวงชัดเจน

    ยากนักที่จะให้คนเชื่อใจนินจาถอนตัว ผู้มีรายชื่อปรากฏในบิงโกบุ๊คของหน่วยราก ทั้งยังเป็นฉนวนตัวหนึ่งที่ชักนำสงครามนินจาเข้ามา ซาสึเกะปล่อยผ่านความสนใจต่ออากัปกิริยาและสายตาพวกนั้นนานแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังมีสิ่งหนึ่งกับตัวอยู่เสมอไม่ว่าใครอื่นจะมองเขาเช่นไร เขาเพิ่งค้นพบได้ไม่นานว่าเพื่อนเป็นคำที่ดีมากแค่ไหน หากลึกๆ แล้ว ซาสึเกะไม่รู้ตัวว่าตนยอมรับให้คำว่าครอบครัวดีที่สุดอย่างไร บางครั้งอิทาจิจะแวะเวียนเข้ามาในความทรงจำ คอยย้ำเตือนว่ายังมีสิ่งสำคัญคอยเขากลับไป ดังนั้นแม้จะออกเดินทางไปทั่วแต่ไม่วันใดวันหนึ่งก็ยังต้องมีบ้านให้กลับมาอยู่ดี

    แมลงกลางคืนบินอยู่ใต้ดวงไฟที่เรียงรายตลอดแนวถนน วงชีวิตมีอยู่แค่นั้นเมื่อรุ่งเช้ามาถึงก็จะตายจากไป บางส่วนของมันจึงคล้ายเขาอยู่นิดหน่อย ซาสึเกะถอนสายตาออกมาขณะเคลื่อนตัวด้วยฝีเท้าเบาแม้กระทั่งในความเงียบสงัดรอบด้าน แมกไม้ข้างทางเป็นเงาตะคุ่ม มันยืนต้นอยู่เหนือสันหินที่ก่อขึ้นต่อจากพื้นหินแผ่นบาง เขานึกถึงเธอเสมอเมื่อเดินผ่านตรงนี้ โคโนะฮะเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เช่นเดียวกับภาพที่เคยจำได้ หากเขาเลือกจะจดจำหมู่บ้านนี้ด้วยความทรงจำหนึ่งเดียวในวันที่ลาจาก เด็กหญิงผู้พยายามหยิบยื่นแสงมาให้ยามเขาถูกความมืดมิดเข้ากลืนกินและครอบงำสติ นั่นคือวิธีที่เขาจดจำโคโนะฮะ บ้านของเขาซึ่งทำลายบ้านของเขาเอง

    ขาหยุดชะงักลงราวกับความรู้สึกหนักๆ ที่แผ่นหลังยื้อยุดไว้ หากนั่นเป็นเพียงสิ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำของชายหนุ่ม ราวกับร่างหดลงกลับเป็นเด็กชายผู้เยาว์วัยในอ้อมแขนของเด็กสาวคนนั้น สายลมพัดโหมมาพร้อมด้วยกลิ่นหอมจากตัวอีกฝ่ายยังตราตรึงและหยดน้ำเย็นๆ ที่ซึบซาบเข้ามาในสติอันพร่ามัวเพราะความคิดอันดำมืดเช่นการแก้แค้น น้ำตาของเธอพร่างพรมขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแทบจะกลายเป็นคำขอร้องเว้าวอน สะท้านความรู้สึกลึกลงไป

    แต่เขาเพิกเฉย และทำลายมันลง ความดีงามเพียงหนึ่งเดียวนั่น

    ไม่เป็นไร ขอแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็พอ ร่างสูงเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับว่าอาการบาดเจ็บขาไม่อาจยับยั้งความต้องการที่จะพบได้ ชายเสื้อคลุมตัวยาวสบัดพลิ้วไปตามแรงลมซึ่งลู่มาขณะก้าวเดิน แสงไฟเริ่มมีสีสันมากขึ้นเมื่อผ่านทางเดินหลักจากประตูใหญ่เข้าสู่เขตอาคาร โคโนะฮะดูมีชีวิตชีวาในยามราตรีไม่ต่างจากหมู่บ้านอื่นที่ซาสึเกะแวะเวียนไประหว่างออกเดินทาง นินจาคนสุดท้ายของอุจิวะรีบสาวเท้าตัดผ่านถนน หลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนที่ค่อนข้างเดินกันขวักไขว่พอดูแม้จะเป็นในเวลานี้ก็ตาม ดึกดื่นถึงเพียงนี้แต่ย่านการค้ายังคึกคัก คลาคลั่ง และถูกเติมเต็มด้วยเสียงจอแจตลอดเส้นทาง ยิ่งเดินไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ใบหน้าของอุจิวะคนสุดท้ายก็ยิ่งเฉยชาเหมือนรูปสลัก คล้ายกำลังพยายามบังคับตนเองไม่ให้เผลอปล่อยตัวไปกับความสนุกสนานรื่นเริงที่รายล้อม เพราะนั่นคงเป็นคนละโลกกับที่เขาอยู่

    ดวงตาสีนิลมองตรง ภาพเบื้องหน้าสุดสายตาคือหน้าผาสูงเรียงรายด้วยรูปสลักของโฮคาเงะซึ่งสืบทอดกันมาถึงหกรุ่นภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทและดวงดาวพร่างพรายระยับ ต้องสังเกตดีๆ จึงจะเห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มแต้มรอยยิ้มเยาะเมื่อนึกถึงเพื่อนผู้วางเป้าหมายแน่วแน่ถึงการเป็นรุ่นที่เจ็ด และถัดจากนั้นเขาไม่อยากยอมรับว่าค่อนข้างมีความยินดีเปี่ยมล้นเมื่อประหวัดถึงเธอ หญิงสาวคนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกดุจเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ เพราะเธอนำพาการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ มาเช่นเดียวกัน

    ซากุระ

    สตรีร่างโปร่งในชุดคลุมของนินจาแพทย์ปรากฏบนดวงตาสีนิลที่มีประกายความประหลาดใจพาดผ่านวูบหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอในยามนี้ นินจาแพทย์มือดีของหมู่บ้านอย่างฮารุโนะ ซากุระกำลังฉีกยิ้มให้นินจาหนุ่มที่ซาสึเกะมองปราดเดียวก็รู้ว่าหวังผลอะไรกับเธอ ผู้ซึ่งเขาเฝ้าทะนุถนอมอยู่ในความทรงจำเมื่อถึงคราวตัดสินใจว่าจะออกเดินทางไปนอกโคโนะฮะ และแม้เขาจะกลับมาเป็นครั้งคราวก็ยังพึงใจที่เห็นว่าซากุระยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ไอ้หมอนั่นเป็นใคร เป็นความจริงว่าซาสึเกะวางมาดเฉยหากความคุกรุ่นกำลังพวยพุ่งอยู่ในใจ ไม่ต่างจากน้ำร้อนเดือดพล่านในกาต้มที่จวนเจียนจะพ่นควันขุ่นมัวออกมาเมื่อถึงจุดเดือด

    ฝีเท้ามั่นคงรีบรุดเข้าไปแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อใจอยากจะจับตามองคนทั้งสองต่ออีกสักครู่หนึ่ง ใจของชายหนุ่มผู้เคร่งครึมกำลังเต้นเร่า ปรอทอารมณ์ขุ่นมัวพุ่งสูงจะเลยขีดจำกัดอยู่รอมร่อ หากน่าประหลาดนักที่เจ้าของอารมณ์หงุดหงิดนั้นยังไม่รู้สึกตัวเลยว่าเพราะเหตุใดตนเองจึงไม่พอใจ ซาสึเกะรู้แต่เพียง เขาไม่ใคร่ชอบใจเลยที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะกัน ถึงเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง

    กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เดินเข้าไปแล้ว ซาสึเกะยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่พวกที่มีความอดทนต่ำหากครั้งนี้ความอดทนเขาแทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว

    ตอนแรกซากุระไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นน้องที่กำลังคุยกันติดลมถึงเริ่มทำหน้าเหมือนถูกเล็งเป็นเป้านิ่งสั่งตาย แต่เมื่อหันไปด้านหลังก็เข้าใจท่องแท้ ร่างสูงของชายหนุ่มจากอุจิวะยืนทะมึงถึงถลึงตาใส่คู่สนทนาเธออย่างเอาเรื่อง เพราะไม่ทันตั้งตัวมาก่อนซากุระจึงเผลอกรีดร้องในลำคอด้วยความตกใจ และเมื่อเขาคว้าข้อมือเธอกะทันหันก็พลันสะดุ้งตัวโยนจนเกือบหงายหลัง ตอนนั้นเองที่ความรู้สึกเป็นสุขท่วมท้นออกมาจนไม่สามารถกักเก็บไว้ข้างใน กลับมาแล้ว ซาสึเกะคุงกลับมาแล้ว ชายหนุ่มคนที่เธอเฝ้านับวันคอยการกลับมาใช้ท่อนแขนประคองหลังให้ รอจนกว่าเธอจะทรงตัวได้ และเมื่อคุโนะอิจิสาววางเท้ากับพื้นมั่นคง ดวงตาสีนิลของชายหนุ่มก็จงใจใช้โอกาสนั้นเพ่งลึกลงไปในดวงตาของเธออย่างค้นหา ซาสึเกะค้นพบว่าในนั้นมีความแปลกใจระคนตื่นเต้น และเศษเสี้ยวแห่งความสับสนซุกซ่อนอยู่

    “กลับมาแล้วเหรอ” ซากุระกล่าวแค่นั้นแล้วเขาก็เข้าใจว่าทำไมนารุโตะถึงยึดติดกับคำนี้นัก มันทำให้รู้สึกโดยแท้จริงว่านี่คือบ้านของเขา แล้วเขาได้กลับมาถึงแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือบ้านดวงตาสีเขียวมรกตของเธอเต็มตื้นด้วยความเบิกบาน นั่นช่วยกระเทาะน้ำค้างแข็งในใจเขาลง ผิวเนื้ออุ่นๆ ที่ได้สัมผัสก็ช่วยย้ำเตือนว่าเขายังคงเป็นมนุษย์ เมื่ออยู่ภายใต้แสงสว่างของเธอจิตใจอันว่างเปล่าก็ถูกเติมเต็มให้อบอุ่นขึ้นบ้าง ซาสึเกะเงื้อนิ้วมือขึ้นหวังจะดีดหน้าผากมนๆ ของยัยเหม่งสักทีก่อนจัดการซักประวัติไอ้หมอนั่นที่ริอาจเข้ามาตีซี้ยัยเฟอะฟะซากุระนี่ให้หมดเปลือก

    ดังนั้นแล้วคำทักทายแรกจากชายที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีคือ “หมอนี่ใคร”

    2.

                หญิงสาวไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะไม่สบอารมณ์มากเพียงใด เธอเปิดประตู กึ่งบังคับให้ชายหนุ่มเดินตามเข้ามาในห้องพักอย่างเสียไม่ได้ จริงอยู่ว่าอุจิวะ ซาสึเกะไม่เคยต้องตามใครมาก่อนแต่เมื่อนินจาแพทย์คนเก่งของหมู่บ้านยื่นคำขาดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังหลังจากเธอพบว่าเขาเดินกระโผลกกระเผลกอย่างไร ซาสึเกะก็โดนสาวเจ้าต้อนสู่ทางตัน พูดง่ายๆ คือจนมุมนั่นเอง แถมเธอยังบังคับแกมขู่ว่าถ้าไม่ยอมกลับอพาร์ทเม้นท์ด้วยกันแต่โดยดีก็อย่าหวังจะได้รู้ว่าชายคนที่เธอพูดด้วยอยู่ในสถานะใด

                ภายในห้องพักถูกจัดแบ่งเป็นสัดส่วนเรียบร้อย อุจิวะคนสุดท้ายได้รับการเชื้อเชิญอย่างสุภาพให้นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวยาวขณะเธอหันไปเปิดโคมไฟจนแสงสลัวคลี่คลุมความมืดบางส่วนของห้องต่างม่านสีอ่อน ทุกครั้งที่ซาสึเกะเห็นคุโนะอิจิเพียงหนึ่งเดียวในทีมตีหน้านิ่งเฉยก็มักรู้สึกเกรงใจขึ้นมา เขาสงบเสงี่ยมขึ้นมากเมื่อซากุระหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากกระเป๋าหนัง เบาะนั่งยวบลงขณะหญิงสาวทิ้งน้ำหนักตัวลงข้างๆ ดวงตาสีเขียวมรกตส่องแสงวาววับสะท้อนเด่นชัดท่ามกลางบรรยากาศมืดหม่น มือนุ่มนิ่มแกะผ้าพันแผลด้วยความระมัดระวัง เธอมักจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นและนั่นก็ทำให้เธอเป็นเธอ คนที่เขาสนิทใจ

                ซาสึเกะมองผมที่ตกประบ่าของหญิงสาว เรือนผมนุ่มน่าสัมผัสเคล้าคลอข้างแก้มนวลเนียน เธอแทบจะดูไม่เปลี่ยนไปเลยจากการพบกันครั้งล่าสุด ซากุระเริ่มบรรจงทำแผลที่แขนอย่างเบามือ หากเหมือนทุกการเคลื่อนไหวจะมีอารมณ์โกรธแฝงอยู่จางๆ เมื่อเห็นเขาปล่อยให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด ทว่าพอลองชั่งน้ำหนักแล้วนั่นก็คุ้มดีกับการที่นินจาแพทย์คนสำคัญของหมู่บ้านมาดูแลกันเป็นพิเศษยิ่งกว่าใครทั้งหมด พิเศษ ทายาทคนสุดท้ายแห่งอุจิวะนึกถูกใจคำนี้ขึ้นมาหน่อยๆ ก็เพราะมันมาจากเธอ ดวงตาสีนิลจับจ้องอีกฝ่ายโดยไม่รู้จักเบื่อ แต่เขาจะใช่คนเดียวที่เธอเห็นสมควรกับคำนั้นหรือเปล่า คิดแล้วความไม่พอใจก็คละคลุ้งทั่ว น้ำเสียงขุ่นเขียวตอนเอ่ยปากออกมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “หมอนั่นเป็นคนพิเศษของเธอรึไง ดูรักกันดีนะ”

                ชั่วขณะนั้น ดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบขึ้นมองผู้ชายที่เธอเฝ้ามองมาเกือบทั้งชีวิต มือเรียวยาวชะงักกะทันหัน เขาเคยรู้บ้างหรือไม่ว่าสำหรับเธอแล้วใครเป็นคนพิเศษโดยแท้จริง ความรู้สึกบางประการ อาจจะเป็นความน้อยใจกระมังถาโถมเข้าทับเต็มแรงจนหญิงสาวจุก หัวใจบิดเร้าเหมือนกระเพาะที่ปั่นป่วน หากฮารุโนะ ซากุระกลับแสดงออกเพียงใบหน้ายิ้มแย้มพลางกล่าวปฏิเสธกึ่งๆ ขบขันไม่น้อย ทว่าภายในย่อยยับ ทั้งที่อยากตะโกนตอบไปสุดตัวแท้ๆ ว่าคนตรงหน้าคือหนึ่งเดียว

                “ไม่ใช่สักหน่อย เขาก็แค่นินจารุ่นน้องที่มาขอคำปรึกษาน่ะ” มือกดสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนปากแผลที่มีสภาพไม่สู้ดีนักอย่างแรงเพราะความหมันไส้ล้วนๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดๆ นอกเสียจากความขุ่นข้องใจต่อคำตอบของเธอ

                เชื่อใจกันหน่อยสิ

                เพราะอุจิวะคนสุดท้ายไม่คิดอำพรางอารมณ์หงุดหงิดอันคุกรุ่นที่แทรกซึมสู่บรรยากาศโดยรอบ ผู้ครอบครองศาสตร์การแพทย์ขั้นสูงอย่างซากุระจึงมีสีหน้าหมองลงเสมอกัน อย่างน้อยแม้เพียงนิดก็ยังดี หากซาสึเกะไม่เห็นความจริงที่สะท้อนบนดวงตาเธอตลอดมาเลยหรือ บางทีเขาอาจไม่อยากจะเห็นกระมัง ดวงตากลมหลุบต่ำพยายามขะมักเขม้นกับสิ่งที่ดำเนินอยู่ปัจจุบันให้ดีที่สุด กลิ่นละมุนของดอกชิบะซากุระบนแจกันเจือจางมาในอากาศ แต่เธอกลับได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อรุนแรงฟาดฟันเข้ามาขณะอุจิวะ ซาสึเกะโน้มตัวใกล้ ไอร้อนจากชายหนุ่มแผ่อุณหภูมิยามผิวเนื้อสัมผัสต้อง เขากำลังรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเธอ “แค่รุ่นน้องแน่เหรอ ทำไมถึงทำเหมือนไม่ใช่แค่รุ่นน้องล่ะ เป็นคนพิเศษก็บอกมาเถอะไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย” แค่จะฆ่ามัน

                ถ้าเป็นคราวอื่นซากุระคงจะดีใจที่ฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีสนอกสนใจ แต่ชั่วขณะนี้หญิงสาวถูกความอึดอัดขับข้องเข้ากัดกร่อน อารมณ์โกรธกดดันให้เธอตัดสินว่าคนตรงหน้าไม่มีสิทธิถึงขนาดนั้น หากไม่แม้แต่จะเข้าใจกันก็ไม่ควรแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกแท้จริง แสงจันทร์สีขาวลอดผ่านผ้าม่านกรองแสงดูนิ่มนวล คุโนะอิจิผู้ถนัดวิชาแพทย์พยายามรักษาระยะห่าง เธอผงะเล็กน้อยเมื่ออุจิวะคนสุดท้ายยกมือขึ้นวางแปะลงบนศีรษะก่อนดึงเข้าหาตัวจนสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าว แก้มแนบกันขณะจมูกซุกไซ้บริเวณใบหูและต้นคอเธออย่างซุกซน ความอดทนของหญิงสาวจึงสิ้นสุดลงที่ตรงนั้น เธอยึดไหล่กว้างๆ แน่นพร้อมผลักออกโดยปราศจากการถนอมน้ำใจ

    “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของซาสึเกะคุงเลยนะจะใช่หรือไม่ใช่รุ่นน้องน่ะก็เรื่องของฉัน” หญิงสาวก้มหน้างุด หลุบดวงตาเศร้าสร้อยลงต่ำขณะเอื้อนเอ่ยด้วยประโยคที่เสียดแทงจิตใจตัวเองไม่ต่างกัน ชอบหลอกให้ดีใจนักนะ ถ้าไม่จริงจังก็อย่ามาให้ความหวังหรือทำเพราะสงสารกันแบบนี้ ความรู้สึกในใจลุ่มลึกกว่าที่เห็นอีกเท่าตัวมันผลักดันให้เธอกระทำสิ่งไม่คาดคิดเพราะขาดซึ่งสติยั้งคิดด้วยอารมณ์อันพลุกพล่าน “ซาสึเกะคุงออกไปก่อนเถอะ กลับไปได้แล้ว

    “ซากุระ เธอเป็นอะไรไป” ปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามที่เปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือในชั่วไม่กี่นาทีทำเอาอุจิวะผู้เหลือรอดสับสน คิ้วขมวดเคร่งขณะดวงตาวาวโรจน์ดูน่าหวาดหวั่นอันเนื่องจากความสงสัยต่อท่าทีแปลกประหลาดผิดวิสัยของหญิงสาวซึ่งรู้จักกันแต่เยาวว์วัย ลึกลงไปในสีดำสนิทมีความไม่พอใจก่อตัวขึ้นเพราะคำพูดจากปากซากุระตัดรอนกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังคล้ายจะปกป้องนินจาหนุ่มคนนั้นอยู่ในที มือทั้งสองข้างจับท่อนแขนของคนตัวเล็กกว่ามั่นพลางก้มลงมองดวงหน้างอง้ำที่ตกอยู่ใต้เงามืดตัวเอง หยดน้ำจากก็อกหลังเคาน์เตอร์ครัวส่งเสียงกระทบอ่างเบื้องล่างสะท้อนก้องท่ามกลางโสตประสาทของคนทั้งคู่

    “กลับไปเถอะนะ ขอเวลาฉันสักพัก ฉันเหนื่อยแล้ว” ปลายเสียงอ่อนแรงขณะช้อนดวงตาหม่นหมองขึ้นมองชายหนุ่มคนสำคัญ หญิงสาวผู้ซื่อสัตย์ ภักดีต่อผู้ชายคนเดียวเสมอมาสะบัดแขนหนีการเกาะกุมของผู้ชายคนนั้นอย่างเชื่องช้า ตลอดมาเธอมอบทุกสิ่งให้เขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทนและโดยไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเฝ้าติดตามห่วงใยเลยแม้เพียงนิด คำว่าเหนื่อยที่เธอพูดวันนี้เปรียบเหมือนการดึงหมุดตรึงทั้งชีวิตออกและเธอก็จะปล่อยร่างลงสู่ความว่างเปล่า ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว หาได้มีอะไรคอยรองรับเธอไม่เพราะตั้งแต่แรกมีแค่เพียงเขาเท่านั้น อุจิวะ ซาสึเกะ สิ่งค้ำจุนจิตใจเธอให้เข้มแข็งอยู่ได้

    “เธอเปลี่ยนไปนะ”

    ดวงตาสีนิลสว่างวับในความมืดที่แสงจากโคมไฟไม่อาจขยายอิทธิพลไปละลายได้หมด ซาสึเกะเอ่ยขึ้นเรียบเฉย ร่างเล็กที่คูดคู้ตัวกระตุกเล็กน้อยเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านชั่วเสี้ยวหัวใจเต้นจังหวะเดียว ชายหนุ่มพยายามผลักไสความผิดหวังอย่างสุดความสามารถ บ้านสำหรับเขาจะยังมีเหลืออยู่อีกหรือไม่ เขาสูญเสียมันหลังแล้วหลังเล่าจนเมื่อบ้านหลังนี้เริ่มจะก่อเป็นรูปเป็นร่างก็เหมือนจะพังทลายลงอีกหน ซาสึเกะได้แต่เฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ เป็นเพราะเขางั้นเหรอ

    ซากุระจะบานเพียงอาทิตย์เดียวและร่วงโรย แต่มักจะตรงเวลาเสมอไม่เคยขาด บางทีบางสิ่งก็มีข้อจำกัด หากไม่รีบชมเชยมันก็จะโรยราลง อุจิวะคนสุดท้ายจากโศกนาฏกรรมครั้งอดีตควรประหวัดได้ถึงข้อเท็จจริงนี้ ทว่าก็ไม่ ซาสึเกะปล่อยมือจากการขัดขืนของหญิงสาว ซากุระจึงเป็นอิสระ เธอลุกขึ้นพร้อมสีหน้าหมองก่อนตรงเข้าห้องโดยปิดประตูแน่นสนิท ความเงียบก่อตัวในทุกอณูบรรยากาศทันที กำแพงซึ่งขวางกั้นคนทั้งสองไว้ดูเหมือนจะแผ่ความเศร้าออกมาแทรกซึมสภาพรอบด้านจนแทบสำลัก ชายหนุ่มปรายตามองอุปกรณ์การแพทย์อย่างเย็นชาก่อนหันหลังโดยทิ้งไว้เพียงความเงียบเหงาที่เป็นดุจสายหมอก ล่องลอยทั่วห้องมืดสลัว สามารถบาดลึก เกาะกินทุกผู้คน

    3.

                เตาโอเด้งส่งควันขุ่นมัวออกมาพร้อมไอร้อน สาเกอุ่นๆ ในขวดคอแคบถูกยื่นมาให้อุจิวะ ซาสึเกะ

                “นายทำอะไรให้ซากุระจังโกรธล่ะสิ นายต้องไม่ชัดเจนพอแน่ๆ ผู้หญิงน่ะเขาต้องการอะไรที่เขาเห็นว่าวางใจได้นะเอ้อ” มือเหวี่ยงสะเปะสะปะขณะพูด ซาสึเกะถึงต้องจับนารุโตะที่เริ่มเมามายให้นิ่งทั้งยังต้องคอยฟังคำตอบวกวน ใบหน้าอุซึมากิ นารุโตะแดงเถือกจนถึงใบหูด้วยความร้อนจากภายในก่อนเจ้าตัวจะรินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงจอกใบเล็กพลางส่ายศีรษะไปมา “นายนี่น้าไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงเลย ซากุระจังก็อยากให้นายเห็นว่าสำคัญ ช่ายม้าย เหอะๆ ช่าย”

                “ไม่หรอกเธอไม่เหมือนเดิมนะ นายไม่คิดบ้างเหรอ นี่! หยุดโยกเยกได้แล้ว” เพราะกำลังหนักใจอยู่แท้ๆ แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งใจฟังหรือตอบคำถามกันอย่างจริงจังถึงได้นึกโมโหขึ้นมา เขากระชากขวดคอแคบจากมือนารุโตะพลางคาดคั้นด้วยสายตาเพื่อต้องการให้การขอคำปรึกษาครั้งนี้แสดงผลบ้าง เพราะเขาหายจากหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้นี้ไปนาน ดังนั้นคนที่ใกล้ชิดกับซากุระเช่นชายหนุ่มแห่งตระกูลอุซึมากิอันเก่าแก่คงสามารถอธิบายถึงสาเหตุใดๆ ได้ ทว่าผิดพลาดถนัด คำตอบโดยมากไม่พ้องประเด็นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อุจิวะคนสุดท้ายจิบสาเกอุ่นพลางเฝ้าค้นหาสาเหตุด้วยตัวเองท่ามกลางวังวนความคิดสับสน

                ท้องฟ้านิ่งสนิท ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนสีดำที่เข้มดุจผืนผ้าใบจากงานศิลป์อันมืดหม่น ทันทีที่เจอหน้านารุโตะ เขาก็ถามถึงคนพิเศษของซากุระทันควันโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทันทักทาย ถึงได้รับคำตอบน่าพึงพอใจพอสมควรกลับมาแทบจะไล่เลี่ยกัน ปมข้อนั้นจึงคลายลงด้วยดี จิตใจที่ยุ่งเหยิงสับสนเหมือนดังพายุค่อยสงบจนเหลือเพียงความหนักใจซึ่งทิ้งตัวถ่วงความรู้สึกเขาให้กังวลมากขึ้นไม่สิ้นสุด ควันขาวทำให้ภาพเบื้องหน้าพร่า โคมไฟดับก่อนกระพริบติดขึ้นมาใหม่ แมลงกลางคืนยังคงทำหน้าที่ไม่บกพร่อง ซาสึเกะสั่งสาเกอีกขวดเพราะต้องการขจัดความไม่สบายใจด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขากลับมาเพื่อหวังพบบ้านและความดีงามที่คอยชะล้าง หากทั้งหมดเหลือคอยเขาเพียงแค่เศษซากของสิ่งที่เคยเป็น

    น่าผิดหวังเหลือเกิน

                “นี่ซาสึเกะ” ดวงตาสีฟ้าใสปรือจัดขณะเหลือบมองมาอย่างจริงจังเท่าที่ภาวะปัจจุบันจะอำนวย “เท่าที่ฟังดูนะนายกับซากุระจังไม่เคยคุยกันจริงๆ จังๆ เลยล่ะสิ” กล่าวพลางแทรกเสียงสะอึก ใบหน้าหล่อเหลาแดงเรื่อตอนเยี่ยมหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสถึงกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ระรวยออกมา ซาสึเกะนิ่วหน้าพลางย่นคอหนีขณะชายหนุ่มผู้เมามายกล่าวจริงจังกว่าทุกทีราวกับไม่ได้แตะต้องเครื่องดื่มมึนเมาแต่อย่างใดทั้งสิ้น “เริ่มเรื่องเลยนะ เอาจริงๆ แล้วเนี่ย นายคิดยังไงกับเธอ แล้วนายรู้ตัวบ้างรึเปล่าฮึว่าซากุระจังน่ะชอบ”

                เงียบไปครู่หนึ่งทีเดียวกว่าคู่สนทนาจะเอ่ยปากตอบโดยหลีกเลี่ยงไม่มองหน้าเจ้าของคำถาม เสียงเตาไฟเดือดแทรกมาเป็นระยะ ไอน้ำเริ่มเกาะกลุ่มหนาตาอำพรางสีหน้าชายหนุ่มแห่งตระกูลอุจิวะได้สมบูรณ์แบบ สีหน้าประหม่ายามต้องยอมรับความจริงที่ชวนให้จิตใจอ่อนยวบลงด้วยความสุขประเภทหนึ่งของคนที่คิดว่าตนไม่ใคร่จะเป็นที่รักของใครมากนัก เขาพยายามตอบเลี่ยงๆ เพราะรู้ดีว่าถ้าเผยความรู้สึกตนเป็นครั้งแรกกับชายหนุ่ม นินจาเหนือความคาดหมายอันดับหนึ่งแล้วไซร้คงไม่สู้ดีเท่าไรนัก ทว่าสัญชาตญาณสั่งให้ครั้งนี้เขาต้องพูด “ก็พอรู้อยู่บ้าง ที่จริงฉันก็ออกจะสนใจ เธอ”

                “นั่นไงซากุระจังน่ะชอบนาย แต่นายไม่ค่อยชัดเจนกับเธอใช่ไหมล่ะ ไม่เคยบอกความรู้สึกตัวเองกับเธอเลยใช่ไหม” นารุโตะเป่าปากอย่างถูกอกถูกใจ นั่นเป็นการยอมรับครั้งแรกของซาสึเกะต่อหน้าคนอื่นทำไมเขาจะไม่รู้ ได้เวลาง้างปากให้หมดเปลือกแล้ว ดวงตาหยีเล็กขณะกระดกสาเกรวดเดียวเข้าปากคล้ายจะเติมพลังงานก่อนซักไซ้ไล่เรียงคนที่ต้องการคำปรึกษาจนบุกมาลากตัวเขาดึกๆ ดื่นๆ จากห้องพักพร้อมคำถามประหลาดแทนคำทักทายตามมารยาท หนำซ้ำยังขู่กันอีกเล็กน้อยพอกล้อมแกล้มแต่ทำเอาสยดสยองพอประมาณ เหตุเพราะอุจิวะ ซาสึเกะขณะนั้นกำลังหงุดหงิดหัวปั่น “ถ้าไม่พูดเธอก็ไม่รู้หรอกว่านายคิดยังไง เธอคงเข้าใจว่าที่นายทำคือหลอกกันเห็นๆ ทำเพราะสงสารซะงั้น ก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีโกรธบ้างธรรมดา นี่นะยังไม่หมดตอนที่สนุกสุดๆ อยู่ตรงนี้ตรงที่นายไปสงสัยความรู้สึกของเธอที่มีต่อนายเนี่ย!พูดยังไม่ทันจบก็หัวเราะร่วนอย่างบ้าคลั่ง

                “สนุกมากใช่ไหม” เงียบกริบทันควัน ดวงตาสีนิลตวัดมองคล้ายจะเจือสีแดงจางๆ ไว้ อุซึมากิ นารุโตะจึงกล้ำกลืนความสนุกสนานส่วนตัวลงลำคออันร้อนผ่าวจากผลของแอลกอฮอล์ ชายหนุ่มตัวเก็งตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นต่อไปเลิกคิ้วสูงมองท่าทีตอบสนองบนใบหน้าเพื่อนสนิท หลังตนแถลงไขความคิดตัวเองที่อาศัยคาดการณ์ผ่านเหตุการณ์ซึ่งถูกนำมาเล่าเพื่อขอคำปรึกษาจนถ่องแท้ แต่เอาเข้าจริงนารุโตะไม่รับรองหรอกว่าที่แท้แล้วซากุระ คุโนะอิจิเพียงหนึ่งเดียวในทีมรู้สึกเช่นไร เขาเพียงใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิด ได้มีโอกาสรับฟังความคิด รับรู้ความความรู้สึกของหญิงสาวมาแก้ปัญหาให้เพื่อนร่วมทีมคนสำคัญอีกคนเท่านั้น ซากุระจังควรมีความสุขสักที

                “สรุปคือนายต้องคุยกับเธอ แสดงออกใช้ชัดๆ ไปเลยว่ารู้สึกยังไงให้เธอมั่นใจ” มือเอื้อมมากอดคอกันแน่นจนซาสึเกะเริ่มรำคาญ เสียงทุ้มแหบตะโกนชัดเจนทั้งที่ห่างกันแค่คืบ “ลุงคร้าบ- ขอสาเกอีกขวด หัวไชเท้าด้วยนะคร้าบ-” ลิ้นเริ่มพันกันขณะนารุโตะออกปากด้วยน้ำเสียงยานคาง ถัดจากนั้นอุจิวะผู้เหลือรอดจึงรับสาเกมารินใส่แก้วตัวเองแทนที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวโวยวายก่อนฟุบลงกับเคาน์เตอร์อย่างหมดท่า

    4.

                ผู้ช่วยเข้ามาแจ้งเธอหลายครั้งแล้วว่าอุจิวะ ซาสึเกะมาขอพบแต่ก็ได้รับถ้อยคำปฏิเสธฝากกลับไปทุกครั้ง เหตุผลเดียวคือซากุระไม่อยากเจอชายหนุ่มในตอนนี้ เธอเก็บแฟ้มคนไข้เข้าลิ้นชักขณะลุกขึ้นยืนไปเลิกมูลี่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีเขียวมรกตสอดส่ายสายตาหาบุรุษร่างสูงในชุดคลุมสีดำอันเป็นเอกลักษณ์เพื่อย้ำความมั่นใจบางอย่าง

     





    - ( 30% here )


     










    ………………………………………………………………………………....................
     

                 One-shots นี้ตั้งใจเขียนให้คุณ Choco'ม็อคค่า.๒๗
                 ซึ่งเป็นผู้โชคดีที่ร่วมสนุกในกิจกรรมของฟิค
    Beyond the Horizon
                 ขออภัยคุณ Choco'ม็อคค่า.๒๗ หากเขียนถึงคู่นี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร - แล้วจะรีบกลับมาต่อจนครบนะคะ
                 ดูเหมือนจะดองไว้นานทีเดียว ขอโทษคุณ Choco'ม็อคค่า.๒๗ และนักอ่านที่ติดตามกันอยู่จริงๆ ค่ะ
                 เจอกันครบบทสุดสัปดาห์นี้นะคะ ติดตามข่าวสาร ข่มขู่หรือทวงฟิคได้ที่นี่ (จิ้มจึ้ก)  -- 07/07/15



    ………………………………………………………………………………....................





                  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×