ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55.49K
      2.2K
      18 ธ.ค. 65


    นางปล่อยจอกขาวในมือกลิ้งลงพื้น มิใคร่ไยดีมันอีกหลังลิ้มรสสุราหวานลิ้นจนสิ้นทุกหยาดหยด น้ำตาหยดหนึ่งเอ่อล้นจากหางตาร่วงหล่นลงผืนผ้าเนื้อหยาบบนพื้นที่นางใช้หนุนนอนต่างเตียงในห้องหับที่สามีมิเคยคิดเหยียบย่างเข้ามากว่าสิบปี

    ใคร่ครวญนึกย้อนว่าเหตุใดชะตาชีวิตจึงชวนให้หัวร่อเยี่ยงนี้ นางผิดอันใดจึงต้องทนเจ็บช้ำ ตรอมตรมเพราะผู้ใด ถูกทำร้ายหัวใจร้าวรานจนแตกสลายย่อยยับมิอาจประกอบขึ้นใหม่ ทุกอย่างที่นางก้าวผ่านจนอายุยี่สิบแปดปี

    เกิดขึ้นเพราะผู้ใด

    เพราะบิดาหรือ

    เพราะพี่น้องหรือ

    เพราะสามีหรือ

    หรือแท้จริงทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะนางเอง

    ริมฝีปากม่วงคล้ำด้วยยาพิษออกฤทธิ์ยังคงฝืนยิ้มให้กับตนเอง รอยยิ้มโง่งมเพื่อคนโง่เขลาเช่นตัวนาง ผู้ใดหยิบยื่นพิษนี้ให้ ย่อมต้องตอบว่านางเอง ผู้ใดทำให้สามีหมางเมิน ย่อมต้องตอบว่าเพราะนางมิอาจมอบความสุขในกามารมณ์ให้เขาได้ ผู้ใดยอมแต่งเข้าสกุลเหลยตามคำสั่งของบิดา หากมิใช่นาง เพียงเพื่อหวังตอบแทนบุญคุณ 

    หลงเชื่อในคำสัญญาว่าจะรักมั่นตลอดกาล

    ภาพจำแล่นชัดในห้วงคำนึง ร้อยรัดไล่เรียงเป็นฉาก ภาพนางดื่มสุราพิษที่รับมาจากสามีด้วยตนเองอย่างยินดี หมดสิ้นแล้วซึ่งอาวรณ์ในโลกมนุษย์ หวังเพียงเมื่อตายจะได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง ลืมเลือนความทุกข์ตรมทั้งมวล ทว่าเสี้ยวหนึ่งของใจกลับแค้นนัก ความแค้นหยั่งรากลึกจนเกินขุดโค่นถึงโคนราก หากสามารถ นางย่อมอยากมีความสุข มีชีวิตจนแก่เฒ่า ทว่าเมื่อมิอาจทำได้จึงได้แต่ยอมรับว่าเพราะตนอ่อนแอ

    ภาพยามนางถูกสามีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ถูกหมางเมินประหนึ่งร้ตัวตนตลอดห้าปี น้ำแกงร้อนสาดลวกจนใบหน้าพุพอง แม้รักษาเพียงใดกมิอาจกลับมางดงามได้อีก รอยกรีดเป็นทางยาวบาดลึกบนแขน เพราะนางทำให้ฮูหยินรองของเขาไม่พอใจ ฝ่ามือที่เคยตระกองกอดนางอย่างรักใคร่กลับฟาดลงบนใบหน้ายามนางร้องขอเศษความเมตตาจากเขา

    สายตารังเกียจเดียดฉันท์มองมาราวกับมิอาจทนหายใจร่วมกับนาง แม้แต่บ่าวไพร่ยังมิคิดรับใช้ นางสิ้นค่าไร้ราคาเสียแล้ว

    ภาพนางกลับเยี่ยมสกุลเหวินหวังให้บิดาช่วยปลอบใจ หวังให้ผู้ที่นางเคารพดั่งมารดาช่วยแนะนำทางออกแห่งปัญหาที่นางเผชิญ ยามนั้นจึงทราบว่าคำเปรียบเปรยบุตรียามแต่งงานเหมือนน้ำที่สาดออกเป็นเช่นไร ผู้ที่ได้ชื่อว่าครอบครัวกลับละทิ้งนางอย่างมิไยดี ขับไล่ใส่ส่งทั้งยังด่าทอ กล่าวว่านางเป็นเพียงตัวโง่งมมิได้เรื่อง จึงทราบว่าแท้จริงที่ยินยอมให้นางแต่งกับสามีเพียงเพื่อทรัพย์สมบัติในอนาคต แต่นางกลับไร้บุตรสืบสกุลจึงไร้ค่า

    ภาพนางนอนร้องไห้ทุกคืน ยามสามีรับอนุภรรยาเข้าจวนจนครบทุกตำแหน่ง ทั้งที่เคยเอ่ยปากรักมั่นเพียงนาง เมื่อนางร่ำไห้ เขากลับรำคาญจนแม้แต่หน้ายังมินึกอยากมอง ปากร้องว่าเพราะนางมิอาจมอบบุตรชายให้แก่เขา ทุกคืนวันล้วนขลุกอยู่กับสตรีน้อยใหญ่ที่เวียนปรนนิบัติมิขาดสาย ในใจของเขาคงมิมีนางเหลืออยู่แล้วกระมัง

    ภาพนางกับเขาอิงแอบแนบชิดชมจันทร์ ริมฝีปากหยักที่นางหลงใหลฝากรอยอุ่นบนแก้มอย่างมิคิดปรานี นางหลีกหนีเขายิ่งรุกไล่ จนเกิดเป็นเสียงหัวเราะชวนให้ความสุขแล่นวาบในอก สุดท้ายจึงโอนอ่อนผ่อนตาม ทอดกายให้เขาเชยชมท่ามกลางแสงจันทร์เย้ายวน

    ยังคงจำได้ดีถึงรอยยิ้มและแววตาที่เขามอบให้ ทั้งรักใคร่เอ็นดู ทั้งปรารถนากลืนกิน ถ้อยกระซิบให้นางมอบเจ้าก้อนแป้งน้อยให้เขาสักหลายคน

    ภาพยามนางถูกจับจูงเข้าห้องหอ รอให้เขาเปิดผ้าคลุมหน้า เพียงได้สบตา ดวงหน้ากลับร้อนวาบ เขาหัวเราะอารมณ์ดี มือคู่นั้นประคองนางร่วมดื่มสุรามงคลอ่อนโยนยิ่ง น้ำคำหวานล้ำเอ่ยสัตย์สาบานว่าจะรักเพียงนาง แม้ต้องแต่งสตรีใดเข้าเป็นรอง แต่เขาย่อมยกให้นางเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจเสมอ ความเต็มตื้นในอกเป็นเช่นไร นางในวัยสิบห้าหนาวเพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรก

    ภาพนางและเขามอบรอยยิ้มแก่กัน ยามเขามาหาถึงจวนสกลเหวิน นำของฝากจากการเดินทางไปต่างเมืองมากมายมามอบให้ ทุกสิ่งล้วนพิถีพิถันทั้งที่เขาและนางเพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแร

    ยังคิดอยู่ในใจว่านางช่างโชคดีเหลือเกินที่จะได้แต่งให้บุรุษสง่างามที่มีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเขาผู้เป็นถึงพ่อค้าใหญ่แห่งแคว้นผิง

    ภาพนางรับคำบิดาหลังจากพิธีปักปิ่นว่าจะแต่งงานในอีกห้าเดือนข้างหน้า แม้จะตกใจและทำใจไม่ทัน ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เป็นบุตรสาวที่ดีมิอาจขัดบิดา ยิ่งบิดารับของหมั้นหมายมาแล้ว ทั้งยังหาฤกษ์ยามให้เรียบร้อยยิ่งมิอาจปฏิเสธ นางจึงเพียงปลอบใจตนเองในเรือนเสี้ยวจันทร์ กระทั่งแม่รองเข้ามาปลอบขวัญราวกับนางเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสา

    ใช่ นางมิประสาจึงถูกคำลวงนั้นทำร้าย

    ภาพนางจำทนให้น้องสาวต่างมารดาดูถูกกลั่นแกล้งรังแก ได้แต่เฝ้ามองพี่ชายร่วมมารดาที่ทำเพียงมองมา แต่มิยอมยื่นมือช่วยเหลือ แม้เขาจะบอกให้นางต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้ แต่นางมิอาจทำร้ายน้องน้อย จึงนำความไปบอกแม่รองซึ่งคอยพร่ำบอกให้นางอดทนเพื่อน้อง แม่รองรับปากจะคอยสอนและปรามน้องสาวให้เอง นางที่เชื่อฟังจึงทนเป็นรองให้น้องสาว แม้จะรู้ว่าเป็นการเสียเกียรติพี่สาวและบุตรีของฮูหยินเอกก็ตาม

    นับจากนั้นราวกับนางมิเคยมีพี่ชายอีกเลย

    ภาพนางกอดขาบิดาออดอ้อนให้พาออกไปเที่ยวตลาด แต่กลับได้รับเสียงตวาดและฝ่ามือผลักไส แม้นางจะร้องไห้เท่าใด บิดากลับมิเหลียวมองสักนิด แต่เพียงน้องน้อยเข้าไปออดอ้อน บิดากลับอุ้มชูด้วยความรัก ทั้งยังสัญญามั่นเหมาะว่าจะพาไปกินของอร่อยมากมายอย่างที่นางมิเคยมีโอกาสลิ้มลอง

    ภาพนางจ้องมองบิดาเดินจากไปยามปล่อยให้มารดากระตุกร่างเมื่อปลายเท้ามิอาจหยั่งถึงพื้น ไขว่คว้าหาอากาศเมื่อลำคอขาวเนียนถูกมัดด้วยผ้าสีขาว ดวงตางดงามดุจมีดวงดาวมากมายบรรจุอยู่ภายในค่อยหม่นแสง ทั้งยังน้ำตาเอ่อคลอ ริมฝีปากบิดเบี้ยวขณะที่ลิ้นค่อยๆแลบยาวออกมา นางกลัวจนแทบสิ้นสติจึงหวีดร้องสุดเสียง ได้แต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น ประตูเลื่อนเปิดอีกครั้งตามด้วยร่างของบิดาที่ถลันเข้ามาด้วยท่าทางตกใจ เป็นเวลาเดียวกักับที่มารดาแน่นิ่งไป ยามนั้นนางสงสัยว่าเหตุใดบิดาต้องตกใจ มิใช่เขาหรอกหรือที่นำมารดาขึ้นไปแขวนไว้

    ภาพนางเงยหน้ามองมารดาร่ำไห้มิหยุดยามทราบว่าบิดาตบแต่งภรรยาอีกนางเข้าจวน มารดาที่แสนอ่อนโยนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าเหตุใดจึงทำร้ายกันได้ลง เพราะภรรยาผู้นั้นยังพาเด็กสาวคนหนึ่งมาเป็นน้องสาวของนาง

    น้องสาวที่มีเลือดบิดาอยู่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน และห่างกับนางเพียงครึ่งขวบปี

    ภาพยามที่บิดาคีบเป็ดย่างเข้าปากนาง ทั้งยังลูบหัวอย่างรักใคร่โดยมีมารดาส่งยิ้มอ่อนหวานเคียงข้าง นางยังจำได้ว่าบิดาเริ่มพูดถึงเรื่องการรับอนุภรรยา บอกว่ามิคิดอยากรับแม้แต่น้อย แต่เป็นท่านย่าเร่งเร้าด้วยอยากได้หลานเพิ่มสักหลายคน นางเห็นท่านแม่ทำหน้าเศร้า แต่ยังประคองรอยยิ้มไว้ได้ บิดาจึงกล่าวว่ามิต้องห่วงอันใด อย่างไรเขาย่อมคัดค้านอย่างถึงที่สุด

    ใช่แล้ว ยามนั้นนางเพียงเก้าขวบเท่านั้น เยาว์วัย ใสซื่อ มิทันสังเกตท่าทางของบิดาว่าดวงตาคู่นั้นสั่นไหวเพียงไร ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเพียงใด ทั้งยังแลดูอึดอัดกับท่าทางของมารดามากเพียงไหน

    น่าขันนัก

    ภาพตรงหน้ายามนี้พร่าเลือนเหลือเกิน ความเจ็บปวดแล่นริ้วทั่วร่างจนได้แต่กัดฟันข่มใจให้สงบนิ่ง หากแต่สายเกินไป จิตของนางกลับคิดถึงภาพเหล่านั้น

    ภาพที่ย้อนไปจนถึงยามที่นางเก้าขวบนั้น ภาพความทุกข์ใจครั้งแรกของมารดา กระทั่งใจพาลโกรธขึง มิอาจปล่อยวาง

    หึ สุดท้ายแล้วนางต้องตกตายทั้งใจเคียดแค้นเช่นนี้หรือ

    นางเปล่งเสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อย ๆ ขัดกันกับความยากลำบากที่พยายามสูดลมหายใจ

    ช่างเถิด สิ้นใจทั้งยังแค้น ตายตาหลับแล้วอย่างไร สุดท้ายก็มมีผู้ใดสนใจอยู่ดีมิใช่หรือ

    เช่นนั้นแล้วก็ขอแค้นให้ถึงที่สุด ให้มันหยั่งรากลึกจนมิมีสิ่งใดโค่นมันลงได้

    อา... นางรู้สึกเสียดาย

    หากได้แก้แค้นคงดีไม่น้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×