ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไฟพรางใจ[สนพ.อรุณ]

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ ๑

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 219
      0
      17 มี.ค. 55


    บทที่ ๑

     

     

              ถ้าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพทำนองนี้ในห้องของบุตรชาย อโณทัยคงจะกรีดร้องลั่นบ้าน แต่นี่หล่อนทำใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแล้ว ปฏิกิริยาที่แปลกเปลี่ยนจึงมีแค่คิ้วขมวดมุ่น และน้ำเสียงสูงปรี๊ดเขย่าประสาทราวกับนาฬิกาปลุกชั้นดีเท่านั้น...

                “ ตาเขตต์ !

                ทันทีที่เสียงมารดาสิ้นสุดลง ชายหนุ่มผู้มีผ้าห่มคลุมกายอยู่แค่เอวจึงปรือตาขึ้นด้วยความง่วงงุน พลางเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง “ มีอะไรเหรอครับ คุณแม่ ”

                อโณทัยปรายตามองจีสติงตัวจ้อยที่ขมวดเป็นปมกองอยู่กับพื้น แล้วทำท่าขยะแขยง กอดอกยืนจังก้าอยู่กลางห้อง พลางจ้องภาพอุจาดตาบนเตียงเขม็ง

                เวลานี้เขตต์ตะวันบุตรชายของหล่อนกำลังเสยผมลวกๆ ขณะที่หญิงสาวผิวขาวจัด ผมซอยสั้นซึ่งบนใบหน้ายังมีเครื่องสำอางพอกหนาเตอะนั้นพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดเนินอกที่แผ่สล้างกระจะตาอยู่เมื่อครู่อย่างเก้ๆกังๆ

                “ เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเสเพลแบบนี้สักทีฮึ ! ตาเขตต์ อายุก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งคนแล้ว นี่อะไร...อาไร้ ” ประโยคท้ายภรรยาท่านรัฐมนตรีสุรพงษ์ถามเสียงสูงลิ่ว พลางชี้ไปยังบราตัวจิ๋วที่วางพาดอยู่บนหัวเตียง “ สกปรกโสโครก ”

                ทำเอาสะใภ้ชั่วคราวของหล่อนก้มหน้าหลบสายตาเขียวปั๊ดที่มองมาด้วยความอับอาย

                “ คุณแม่ครับ ” บุตรชายขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียง ยิ้มขำ แล้วยักไหล่หนาเบาๆ “ คุณแม่มีอะไร ก็บอกมาเลยตรง ๆ ดีกว่าครับ ”

                ปกติ อโณทัยจะต้องมีธุระเร่งด่วนเท่านั้น จึงยอมเหยียบย่างเข้ามาในห้องนอนหนุ่มโสดยามเช้า เพราะหญิงกลางคนเข็ดขยาด เนื่องจากเคยเห็นภาพไม่ดีไม่งามทำนองนี้อยู่เนือง ๆ

                มารดาสะบัดหน้าพรืด ตอบเสียงขุ่น “ ลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าวันนี้จะต้องขับรถพาแม่ไปที่รีสอร์ตของเราน่ะ ”

                “ อ่อ ” เขตต์ตะวันพยักหน้า “ จำได้สิครับ งั้นคุณแม่ไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า ผมจะได้อาบน้ำแต่งตัวเสียที ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์พลางกระเซ้า  “ หรือจะให้ผมลงจากเตียงไปตอนนี้เลย คุณแม่คงไม่ถือสาลูกชายตัวเองกระมังครับ ”

                “ ไม่ล่ะย่ะ ” อโณทัยโบกไม้โบกมือให้วุ่น

                “ แล้วแม่นี่ล่ะ ” ดวงหน้างดงามสมวัยชายตาไปมองหญิงสาววัยต้นยี่สิบหมิ่น ๆ  ขณะเจ้าหล่อนทำตัวลีบ หันไปมองชายหนุ่มอย่างหาพวก เขาจึงยิ้มน้อยๆ “ นี่คุณกัญครับ เธอไปร่วมงานเดินแบบกับผมมาเมื่อคืนนี้ ” เขาไขสือ แสร้งทำไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมารดา

                กัญจนพรกระมิดกระเมี้ยนยกมือขึ้นไหว้ไปพลางหนีบผ้าห่มไปพลางอย่างน่าขำ ทว่าไม่ขำเลยในสายตาของแม่ผู้มีลูกทำตัวเหลวไหลอย่างอโณทัย “ ฉันไม่ได้อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามหรอกนะ เอาเป็นว่าฉันจะให้เวลาเธอ 30 นาที เดี๋ยวจะให้นายสำรวยขับรถไปส่งบ้านเหมือนรายคนอื่นๆที่ผ่านมา ” แล้วหันไปสั่งบุตรชายเสียงเฉียบขาด “ ส่วนแก แม่ให้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่ออาบน้ำอาบท่า ทานข้าวก่อนเดินทาง ”

                เขตต์ตะวันชะโงกหน้าไปหอมแก้มหญิงสาวข้างกายฟอดใหญ่ แล้วยานคางตอบมารดาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า “ คร้าบ...คุณแม่ ”

                เท่านั้น อโณทัยจึงหันหลังกลับ เดินออกนอกประตูไปด้วยความโกรธกรุ่นที่อยู่ในหัว

    ...ทำอย่างไร หล่อนจึงจะหยุดความเจ้าชู้ของพ่อตัวดีได้สักที...

     

     

                หลังจากมองท้ายรถประจำครอบครัวที่แล่นออกไปจากตึกใหญ่แล้ว หญิงกลางคนร่างสูงซึ่งยืนกอดอกอยู่ก็หันมามองสามีพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่ายหน้า “ ฉันไม่รู้ว่าจะทนดูภาพแบบนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำนะคะคุณ ”    

                รัฐมนตรีสุรพงษ์ยิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้ามาโอบไหล่ภรรยาพลางปลอบ “ ใจเย็นๆเถอะคุณ ลูกเราเป็นผู้ชายย่อมต้องเจ้าชู้บ้างเป็นธรรมดา แล้วพอเวลาเจอคนที่ใช่ก็จะหยุดเองแหละ ”

                “ ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ตาเขตต์พามารู้จักแล้วดูดี กิริยามารยาทเรียบร้อยก็มีแค่หนูรุ้งคนเดียว หลังๆเจอทีไรก็เห็นผ้าผ่อนไม่นุ่งทุกที ฉันล่ะกลัวลูกจะติดโรคจากคนพวกนี้จริงๆ”

                บิดาเขตต์ตะวันหัวเราะ เมื่อนึกได้ว่าภรรยามักจะบ่นเรื่องที่บุตรชายพาสาวๆเข้ามานอน “ กก ” อยู่ในห้องเสมอ ยามที่เมามายกลับมาตอนกลางคืน “ ลูกเราคงระมัดระวังอยู่หรอก ผู้ชายเจ้าชู้น่ะคุณ เขาต้องรู้ว่าควรทำยังไง ”

                อโณทัยค้อนขวับ “ สี่เท้ายังรู้พลาดเลย ” ก่อนจะหันมาบ่นต่อ “ เรื่องงานก็เหมือนกัน ตาเขตต์เอาแต่เดินแบบ ถ่ายละครอะไรไปตามเรื่อง ธุรกิจของครอบครัวไม่เคยแตะ ฉันกลุ้มใจจริงๆ ”

                “ มานั่งนี่เถอะ ” รัฐมนตรีวัยกลางคนบอกพลางประคองภรรยาให้มานั่งลงบนโซฟาในห้องโถงใหญ่ “ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เราทำให้ลูกเรียนจบมาได้นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว จำได้ไหมว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ เจ้าเขตต์มันเกเรเกตุงขนาดไหน ”

                “ ตอนนี้ฉันก็พยายามพาลูกไปเรียนรู้งานที่รีสอร์ตค่ะ แต่ยังไม่พูดเต็มปากเพราะกลัวแกจะไม่ยอม ”

                นักการเมืองใหญ่พยักหน้า พลางบุ้ยใบ้ไปยังประตูด้านซ้ายมือ เมื่อมีเสียงคนเดินมา “ มาแล้วโน่นไง พ่อตัวดี ”

                เขตต์ตะวันยิ้มเผล่ “ คุยอะไรกันอยู่ครับ คุณพ่อ คุณแม่ ”

                “ ก็บ่นกันว่าเมื่อไหร่แกจะมีหลานให้อุ้มน่ะสิไอ้เสือ ” บิดาบอกพลางมองตามร่างสูงที่นั่งลงข้างๆมารดาด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ ท่าทางจะหมดหวังแล้วล่ะคุณ” 

                “ แหม อย่าดูถูกผมนะครับคุณพ่อ จะเอากี่คนก็บอกมาเลยดีกว่า 

                ทว่ามารดากลับหน้าตึง ตวัดสายตามามองเขาเขม็ง “ แต่ฉันกลัวว่าแกจะติดโรคตายก่อนที่จะมีหลานให้ฉันได้น่ะสิตาเขตต์ ”

                ชายหนุ่มเอนศีรษะได้รูปซบลงบนไหล่ผู้พูดอย่างประจบ พลางตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ โธ่ คุณแม่ก็คิดมาก ผมไม่ประมาทขนาดนั้นหรอกครับ ”

                อโณทัยชายตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วจึงบ่นอุบ “ ฉันมันคนมีเวรมีกรรม เลี้ยงลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ ”

    รัฐมนตรีสุรพงษ์นิ่ง ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วจึงหันไปเผชิญหน้ากับภรรยาก่อนจะลุกขึ้น “ ผมต้องไปก่อนนะคุณ มีประชุมสิบโมง พอถึงรีสอร์ตแล้วโทร.บอกผมด้วยนะ ตกลงคุณไม่เปลี่ยนใจไปขึ้นเครื่อง หรือ ให้นายสำรวยขับรถไปแทนแน่รึ ” เขาถามย้ำ

                ภรรยาส่ายหน้า “ ไม่ล่ะค่ะ ยังไงฉันก็จะลากเจ้าเสือร้ายของคุณไปด้วยให้ได้ ไม่งั้นก็จะอ้างว่าแม่มีคนขับรถให้แล้วเหมือนคราวก่อนๆอีก ”

                “ งั้นผมไปล่ะ ขับรถดีๆล่ะไอ้เสือ ” บิดาบอกพลางลุกขึ้น

                “ แน่นอนครับคุณพ่อ ” ชายหนุ่มบอกพลางยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปถามมารดา “ เราไปกันได้หรือยังครับคุณแม่ ”

     

     

    ลำแสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดงฉาบทาสีทองลงบนเกลียวคลื่นวาววาม  แม้ทะเลไม่มีวันหลับใหล  ทว่าในเวลานี้กลับนิ่งสงบมีเพียงระลอกคลื่นแผ่วเบาซัดขึ้นมาบนฝั่ง  ราวกับกำลังรอฟังถ้อยคำบอกรักระหว่างชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มและสาวน้อยผมยาวสยายร่างสมส่วนซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

                “ผมรักพลอยนะครับ ” เขาเปิดปากบอกพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำ สองมือยังเกาะกุมมือน้อยแนบสนิท

                หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ แก้มแดงเรื่อ เอ่ยตอบเบาๆ “ พลอยก็รักติณห์ค่ะ ”

                เมื่อชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด และก้มลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากกลมมน หล่อนก็ยิ่งก้มหน้างุดกับอกกว้างสะเทิ้นอาย

                ความมืดเริ่มโอบกอดท้องทะเล มองเห็นเพียงเงารางๆที่ตระกองกอดกันแนบแน่น  แล้วเงาวูบวาบของร่างระหงร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาจากมุมมืด พุ่งตรงเข้าไปกระชากคนทั้งคู่ออกจากกัน

                “ นังพลอย นังน้องทรยศ แม้แต่คู่หมั้นของชั้นแกก็ยังไม่เว้น เลว ! ” เสียงผรุสวาทดังก้อง ขณะที่มือเรียวยื่นออกไปชี้หน้าจนสุดแขน

                “ ปล่อยเราไปเถอะค่ะพี่พิมพ์ เรารักกันจริง ๆ ” ผู้เป็นน้องอ้อนวอนสุ้มเสียงสั่น

                เพียะ ! 

                เสียงฝ่ามือปะทะหน้านวลเต็มแรง จนอีกฝ่ายซวดเซล้มลงกับพื้นทรายฉ่ำน้ำทะเล ขณะที่เจ้าของฝ่ามืออำมหิตยืนยิ้มด้วยความสะใจ

                “ เลิกรังแกพลอยได้แล้วพิมพ์ ยังไงๆผมก็รักคุณไม่ได้ ” ชายหนุ่มตอกกลับด้วยเสียงอันดัง  พลางโผเข้าไปประคองร่างคนรักให้ลุกขึ้น แล้วโอบกอดเธอไว้ด้วยความหวงแหน

                “ คัท ! ” เสียงจากโทรโข่งดังกึกก้อง  ยุติสถานการณ์ทั้งมวล

                นางเอกดังจึงผละจากอ้อมกอดของพระเอกหนุ่ม แล้วเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไป

                “ ตีบทแตกเลยค่ะน้องตำลึง ผู้กำกับงี้ชมเปาะเชียว ” สาวประเภทสองผู้มีใบหน้าสวยหวานเดินลิ่วเข้ามาหาพลางเอ่ยชม อนันตญามีวัสนา หรือ เฌอแตมญาติห่าง ๆ เป็นผู้จัดการส่วนตัวมาตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่ ๆ ต่อมาดาราสาวโด่งดังเป็นพลุแตกจากงานละครเรื่องหนึ่ง วัสนาก็ยิ่งเอาใจใส่ดูแลญาติผู้น้องประดุจไข่ในหิน

                “ ขอบคุณค่ะพี่เฌอแตม แต่ตอนนี้พาตำลึงไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะค่ะ เหนื่อยจะแย่แล้ว ” หญิงสาวบอกเสียงเนือย

                “ พี่เฌอแตมเตรียมน้ำอุ่นไว้รอน้องตำลึงแล้วล่ะค่ะ ” ผู้จัดการส่วนตัวบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวนำไปก่อน

                อนันตญาพยักหน้า ก่อนจะก้าวตามไป แต่ครู่ใหญ่กลับมีเสียงที่ทำให้เท้าเรียวต้องชะงัก

                “ คุณตำลึงครับ  รอผมด้วย ” เสียงนุ่มทุ้มดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ระบายลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ

                “ คืนนี้ หลังเสร็จจากงานเลี้ยงวันเกิดของพี่วสุแล้วเราไปหาอะไรทานกันต่อนะครับ ” มหิธรเดินอ้อมร่างบางเมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ยอมหันหลังกลับไปหา

                “ ไม่ดีกว่าค่ะคุณไม้เอก ตำลึงไม่อยากเป็นข่าว ” หล่อนยิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วจึงเดินจากไปก่อน ปล่อยให้พระเอกหนุ่มยืนเคว้งเพียงลำพัง

                “ หยิ่งเหลือเกินนะแม่นางเอกหมายเลขหนึ่ง ”ชายหนุ่มเอ่ยกับตนเองด้วยเสียงลอดไรฟัน  “ ก็ให้มันรู้ไป ว่าจะหยิ่งไปได้สักกี่น้ำ ” เขามาดหมายก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังกลุ่มคนที่กำลังเตรียมเก็บข้าวของกันอยู่ และหนึ่งในนั้นญาดาวดีดาวร้ายคนสวยกำลังมองมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

                “ ไปคุยอะไรกันมาคะ ” หล่อนถามอย่างไม่แคร์สายตาเจ้าหน้าที่ประจำกองถ่ายที่มองมาอย่างสนใจ

                มหิธรยักไหล่ก่อนตอบ “ ก็แค่ไปถามว่าพรุ่งนี้จะต่อบทกันกี่โมงเท่านั้นเอง ”

                “ แน่ใจนะคะว่าแค่นั้น ” หญิงสาวถามพลางจ้อง

                พระเอกหนุ่มต่อตา เขาไม่ยี่หระความรู้สึกของญาดาวดีเท่าใดนัก  ในระยะหลัง ๆ สายตาของเขามองว่า หล่อนเป็นหญิงสาวประเภทสวยแต่โง่  ที่ยอมมีความสัมพันธ์กับเขาง่ายดาย หลังจากนั้นก็ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนน่าระอา  ทำให้ยิ่งนานวันความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อกันก็ยิ่งถดถอยลง

                “ คุณจะซักเอาอะไรล่ะญาญ่า ผมบอกไปคุณก็ไม่เชื่อ  ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณคิดเอาเองเถอะ ไม่ต้องมาถามผมอีก ” เขากระแทกเสียงก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

                ญาดาวดียืนอึ้งอยู่นานจึงวิ่งตามชายหนุ่มพลางร้องเรียก “ไม้เอกคะ รอญาญ่าด้วย ”

     

     

                แสงไฟในห้องชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นสีส้มสลัว  เพราะเจ้าของจงใจที่จะไม่เปิดโคมแก้วเจียระไนดวงใหญ่กลางห้อง  ทั้งห้องจึงสว่างจ้าอยู่เพียงจุดเดียวคือลำแสงที่ส่องลอดออกมาจากห้องน้ำซึ่งมีเสียงจากฝักบัวดังอยู่เป็นระยะๆ

                ครู่ใหญ่สายน้ำจึงเงียบเสียงลงและมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาแทนที่  ห้องอันสลัวรางสว่างวาบเป็นทางยาว  พร้อมกับประตูห้องน้ำเปิดกว้าง

                ร่างอันงดงามโดดเด่นอยู่ในกระจกบานใหญ่  อนันตญาจ้องตอบดวงตาที่มองมาอย่างพึงพอใจ  หล่อนเห็นหญิงสาวใบหน้าชวนพิศในกรอบผมสีดำเหยียดตรงหยักปลายน้อยๆอย่างเก๋ไก๋  ต่ำลงมาเป็นชุดราตรีสั้นสีดำเหลือบเงินละเลื่อมเผยไหล่นวลเนียนและอกอิ่มชวนมอง  หญิงสาวยิ้มให้ตนเองแล้วจึงหยิบกระเป๋าสีเงินใบเล็กๆเข้าชุดกับรองเท้าสีเดียวกันมาถือไว้

                “ ก๊อกๆ ”

                เสียงเคาะประตูทำให้ร่างที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้กลมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งต้องหยัดกายลุกขึ้นเดินไปที่ประตู  พลางแนบหน้าส่องลอดประตูแมวออกไป  ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดล็อกลูกบิดเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้อง

                “ อุ๊ย! ทำไมอยู่มืดๆแบบนี้ล่ะคะคุณน้อง”เสียงวัสนาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

                “ ตำลึงเพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะ ”

                “ มาๆนั่งลงหน้ากระจกนี่ค่ะ เดี๋ยวพี่จะแต่งหน้าให้คนจ้องน้องตำลึงจังงังจนลืมชื่อตัวเองไปเลย” สาวประเภทสองจีบปากจีบคอพูดพลางจูงมืออีกฝ่ายไปนั่งตามที่บอก

                อนันตญาหัวเราะคิกคักทำให้รอยบุ๋มสองข้างแก้มเด่นชัด  วัสนามักจะทำให้หล่อนผ่อนคลายเสมอกับความอารมณ์ดีที่มีให้เห็นอยู่เป็นนิตย์  หญิงสาวจึงไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวอย่างที่หลายๆคนแนะนำ

                “ หลับตาสิคะ ” ผู้จัดการคนสวยบอกสั้นๆแล้วย่อตัวลงให้พอดีกับใบหน้าของนางเอกสาว พร้อมกับที่หล่อนปิดเปลือกตาลงแล้วนั่งตัวตรงอย่างใจเย็น  รู้สึกตัวดีว่าอีกฝ่ายกำลังง่วนอยู่กับใบหน้าของตนอย่างขะมักเขม้น  เนิ่นนานเสียงปิดตลับเครื่องสำอางราคาแพงจึงดังขึ้น

                “ ลืมตาได้แล้วค่ะเจ้าหญิง ” วัสนาบอกอย่างร่าเริง

                ดวงตาคู่สวยเปิดออกอย่างช้าๆ ร่องรอยพึงพอใจปรากฏขึ้นบนเรียวปาก  เมื่อเห็นใบหน้าสวยเฉียบของตนในกระจก

                “ ฝีมือการแต่งหน้าของพี่เฌอแตมนี่ไม่เคยตกเลยนะคะ” หล่อนชม

                ผู้ถูกชมแสร้งยิ้มเอียงอาย “ แหม น้องตำลึงก็ชมพี่อยู่ได้ทุกวัน ”

    หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วจึงทำท่าคล้ายเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “ พรุ่งนี้อย่าลืมปลุกตำลึงแต่เช้านะคะ ”

                ผู้รับคำสั่งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  ในขณะที่ผู้สั่งหลุบตาต่ำสีหน้าสลด เมื่อใจอาวรณ์ถึงผู้ชราที่จากไปแล้ว หากคุณตายังอยู่มารดาของหล่อนก็คงไม่มีโอกาสได้แต่งงานใหม่ และหญิงสาวคงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวดังที่เป็นอยู่ในวันนี้ วันที่แม้จะเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่กลับอ้างว้าง ราวกับอยู่คนเดียวบนโลก

                “ พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณตาน่ะค่ะ ”

                “ อ๋อ ได้สิคะ ” วัสนารับคำแล้วจึงโอบเอวคอดกิ่วอย่างปลอบประโลม เพราะรู้ดีว่านางเอกสาวผูกพันกับคุณตาผู้ล่วงลับมากเพียงใด

                “ ทำใจให้สบายค่ะน้องตำลึง อย่าลืมว่าเราเป็นนางเอกแถวหน้าจะต้องสวยสง่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ”

                อนันตญาพยักหน้า  ก่อนที่ไฟในห้องจะดับพรึบลงแล้วมีเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังขึ้นมาแทนที่

                ...คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่ต้องสวมบทบาทนางเอกท่ามกลางผู้คนมากมาย...

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×