ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพราชันย์ออนไลน์ [Online]

    ลำดับตอนที่ #40 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: ดวงตายมทูต (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.06K
      153
      15 พ.ค. 57





    พิ ภ พ ร า ชั น ย์  • อ อ น ไ ล น์






    ตอนที่ 20  ดวงตายมทูต (2)

     

     

     

     

    ซีแนลเดินตรงไปยังทางออกที่สัตว์เทพอสูรทีบีนบอก แต่ก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเท้าเผลอเหยียบโดนโครงกระดูกสีขาวที่เกลื่อนกลาดบนพื้น ร่องรอยของซากสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เหมือนผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนานแสดงให้รู้ว่าอาณาเขตแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่อันน่าภิรมย์

     

     

     

     

    “อย่าได้หวาดกลัวเลยขอรับ นั่นเป็นเพียงเศษซากอสูรชั้นต่ำที่มิใช่เผ่าพันธุ์ยมทูต คุกแห่งนี้จึงมิได้คิดปราณีพวกมัน” คำกล่าวของอีกฝ่ายทำให้ซีแนลเงยหน้าขวับแล้วเอียงคออย่างครุ่นคิดสงสัย

     

     

     

     

    ขณะเกิดข้อกังขาในใจว่าเหตุใดสัตว์อสูรที่ตายแล้วจึงยังหลงเหลือเศษซากให้เห็นอยู่ ไม่ใช่ต้องหายไปอย่างไร้ปริยายอย่างนั้นเหรอ

     

     

     

     

    สีหน้าที่แสดงออกด้วยความงุนงงอย่างหนักทำให้อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ทันความคิด ใบหน้าโครงกระดูกสีขาวขยับรอยยิ้มก่อนจะเอ่ย

     

     

     

     

    “เพราะดินแดนแห่งนี้คือดินแดนนรกอย่างไรเล่าขอรับ ด้วยอำนาจที่ปกคลุมไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว เช่นนั้นสิ่งที่หลงเหลือจากความตายนั่นคือเศษซากของร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณ”

     

     

     

     

    ซีแนลพยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ ขณะค่อยๆ ยกเท้าก้าวข้ามโครงกระดูกที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดพวกนั้น

     

     

     

     

    เธอเดินลึกตามสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนเข้ามาในสถานอันเงียบงันและถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน  แง่หินแหลมคมที่เกิดจากการตกผลึกของลาวาอันร้อนจัดยื่นงอกออกมาจากผนัง

     

     

     

     

    เธอทำหน้าแหยๆ แล้วเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงจากมัน

     

     

     

     

    มาจนถึงตอนนี้เชื่อไหมว่าเธอยังจำความรู้สึกตอนที่มันเกาะเกี่ยวเส้นผมทิ่มแทงผิวเนื้อและเสื้อผ้าได้อยู่เลย

     

     

     

     

    “ท่านซีแนลขอรับ” ซีแนลชะงักและรีบเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอีกฝ่าย

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงก่อนจะหยุดในที่สุด เขาหมุนตัวมาพูดกับเธอ

     

     

     

     

    “เราคงต้องจากลากันตรงนี้” คำเอื้อนเอ่ยของอีกฝ่ายนั้นแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยอย่างน่าใจหาย

     

     

     

     

    “แล้วฉันต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ”

     

     

     

     

    เธอถามขณะจ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่ก้าวขยับแล้วค้อมตัวให้ แต่ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากพี่หมีก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

     

     

     

     

    “นายฉิงดูนั่นฉิ!!

     

     

     

     

    เสียงร้องที่ดังสดใสกังวานและท่าทางตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของพี่หมีนั้นทำให้ซีแนลต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ

     

     

     

     

    มือกลมป้อมเล็กๆ ข้างหนึ่งเขย่าบ่าเธอจนสั่นไหว ขณะดวงตากลมแป๋วที่ไร้ซึ่งอาการง่วงงุนจ้องมองไปยังทิศทางที่มืออีกข้างชี้อยู่

     

     

     

     

    อะไรน่ะ?

     

     

     

     

    ซีแนลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงงขณะเพ่งมองฝ่าเข้าไปในความมืดอันแดงฉาน คาดไม่ถึงว่าเพียงไม่กี่วินาทีถัดมาดวงตาของเธอก็ต้องเบิกตะลึงค้าง

     

     

     

     

    นะ...นั่นมันมนุษย์ไม่ใช่เหรอ!

     

     

     

     

    สำหรับเธอแล้วการพบเจอผู้เล่นคนอื่นนั้นเหมือนการได้พบเจอเรื่องประหลาดในดินแดนนรกเลยทีเดียว

     

     

     

     

    เธอนึกสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าบ้าคนนั้นเป็นใครที่ไหนถึงได้บ้าบิ่นกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงตายในดินแดนที่ถูกรายล้อมด้วยสัตว์อสูรโรคจิตแบบนี้

     

     

     

     

    ขาข้างหนึ่งขยับเข้าไปใกล้ อาการทื่อแข็งค้างก็พลันจู่โจมเธอทันที

     

     

     

     

    โอ้ย! ไม่เอานะ ขอร้องล่ะขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

     

     

     

     

    ซีแนลหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่และลองยกมือขยี้ตาตัวเองดู

     

     

     

     

    ดวงตาของเธอเบิกค้างเมื่อมองเห็นเขาชัดๆ

     

     

     

     

    มะ...หมอนั่น!!!

     

     

     

     

    ใช่จริงๆ ด้วย!

     

     

     

     

    ตอนนี้ริมฝีปากของเธอสั่นระริกขณะยิ้มสั่นๆ อย่างมาดร้ายก่อนจะยกมือสั่นๆ ชี้ไปด้านหน้า

     

     

     

     

    ร่างของชายหนุ่มผมยาวสีดำสวมชุดสีเดียวกันสลักลวดลายขลิบทองบนเนื้อผ้าสวยงาม เธอจำรูปหน้าและนัยน์ตาเรียวคมกริบที่ดูน่าลึกลับเกรงขามของเขาได้แม่นเชียวล่ะ แต่ทว่าท่าทีของเขาในตอนนี้กลับไม่เหลือร่องรอยของความแข็งกร้าวสง่างามอยู่เลย ใบหน้าซีดขาว ดวงตาทั้งคู่ปรืออย่างอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงไม่ต่างจากสภาพร่างกายที่ดูไม่ได้ซึ่งถูกมัดติดกับโซ่ไว้กับผนังหิน

     

     

     

    เขาดูคล้ายกับพวกผีดิบที่ถูกทรมานให้อดอาหาร!

     

     

     

     

    โอ้ย! ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้เนี่ย! มีผู้เล่นคนอื่นตั้งมากมายแต่ดันมาเจอกับหมอนี่เข้า

     

     

     

    เชื่อไหมว่าพอได้เห็นเขาชัดๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ไหลเวียนตรงขมับจะระเบิด เพราะหมอนี่แท้ๆ เลย ถึงทำให้เธอต้องตกเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์จนฉาวโฉ่ ไหนจะโดนพวกพี่ๆ ของเธอรุมกันซักถามกันเสียวุ่นวายอีก

     

     

     

    มันน่าเดินเข้าไปเอามีดคมๆ จ้วงใส่ซะให้เข็ด

     

     

     

    “นายฉิงช่วยเขาเถอะ”

     

     

     

    ว่าไงนะ! เธอหันขวับไปมองพี่หมีด้วยความตกใจ

     

     

     

    “นายหญิงท่านรู้จักเขาหรือขอรับ จากสายตาของท่าน ข้าเห็นว่าท่านกำลังขุ่นเคืองเขา” อีดานที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเอ่ยขัดจังหวะขึ้น

     

     

     

     

    “ใช่! แต่ไม่ได้เต็มใจจะรู้จัก” เธอว่าขณะสะบัดหางเสียงใส่

     

     

     

    “นายฉิงช่วยเขาเถอะ ช่วยเถอะนะๆ”

     

     

     

    “ไม่เอา!

     

     

     

    ไม่เอาด้วยหรอก บอกจริงๆ นะว่าเธอไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก ทำไมต้องลำบากช่วยเขาด้วย ไม่ได้รู้จักมักจี่กันซะหน่อย จะหาว่าเธอเห็นแก่ตัวก็ช่างเถอะ ปกติเธอก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว

     

     

     

    ถ้าอยากให้ชีวิตอยู่รอดบางครั้งก็จำเป็นต้องตัดความคิดที่จะช่วยเหลือคนอื่นทิ้งไป และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอทำมาตลอด การอยู่นิ่งเฉยไม่ทำตัวโดดเด่นและไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยใคร เป็นสิ่งที่ทำให้เธอปลอดภัยมากที่สุด

     

     

     

    ถ้าจะช่วย เธอก็จะช่วยเฉพาะคนที่อยากช่วยมากจริงๆ เท่านั้น และนั่นต้องเป็นคนที่ทำดีกับเธอก่อน

     

     

     

    “นายฉิงช่วยเขาเถอะ จริงๆ แล้วข้าไม่ได้สนใจเขา แต่ที่ข้าอยากให้นายฉิงช่วยก็เพราะไข่ที่เขาอุ้มไว้ไม่ปล่อยนั่นต่างหากย่ะ”

     

     

     

    หมายความว่ายังไง?

     

     

     

    ซีแนลชะงักขณะทำสีหน้าสงสัย

     

     

     

    “ไข่ในมือเขาเป็นจิ้งจอกเพลิง ข้าต้องการขนของเจ้ายั่นอ่ะนายฉิง” พี่หมีว่าขณะดึงเสื้อผ้าเธออย่างรบเร้า

     

     

     

    คราวนี้กลายเป็นเธอที่ขมวดคิ้วเข้าหากันและมีสีหน้าระคนสับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติแล้วพี่หมีไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ นอกจากง่วงงุนแทบตลอดเวลาจนไม่สนใจอะไรแล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีอะไรสามารถดึงดูดความสนใจพี่หมีของเธอกระตือรือร้นได้อีก

     

     

     

    “แปลว่ามันสำคัญมากใช่ไหม?” เธอถาม

     

     

     

    “มากฉิ ข้าอยากได้ขนเจ้ายั่นมากเยยนายฉิง คุณสมบัติของมันทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น เมื่อก่อนโน้นข้าเคยเสาะหาเพื่อมาตัดชุดเหมือนขนหมีสีขาว แต่ว่าก็หามันไม่เจอ เจ้าจิ้งจอกยั่นชอบหลบซ่อนและว่องไวฉลาดเป็นกรด อีกอย่างมันก็หยิ่งเกินไปนะฉิ มันเยยไม่ยอมมอบขนให้แก่ข้า” พี่หมีว่าขณะนั่งกอดอกบ่นบ่าของเธอด้วยสีหน้ายุ่งๆ

     

     

     

    เธอหันมองไปทางนั้นแวบหนึ่งก่อนจะใช้ความคิดไตร่ตรอง

     

     

     

    “นายฉิงท่านยู้ใช่มั้ยว่าข้าเป็นอาวุธที่อ่อนแอถ้าเทียบกับอาวุธอื่นๆ เพราะเช่นนั้นขนของเจ้ายั่นจึงมีความสำคัญ เพราะถ้าข้าไม่มีชุดดีๆ ใฉ่ ต่อไปข้าก็สู้คนอื่นไม่ไหวแน่ๆ”

     

     

     

    ซีแนลขมวดคิ้วหนักขึ้น

     

     

     

    คำพูดของพี่หมีนับว่ามีส่วนจริงอยู่มากทีเดียว มันไม่ยุติธรรมเลยถ้าหากผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างที่ว่า และเธอก็ไม่อยากให้พี่หมีของเธอได้รับผลกระทบนี้

     

     

     

    ซีแนลเหลือบมองพี่หมีสลับกับอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

     

     

     

    ให้ตายสิ กะว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้วรีบๆ กลับไปข้างบนแท้ๆ แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้ซะแล้วสิ

     

     

     

    บอกได้คำเดียวว่าเธองานเข้า!!!

     

     

     

    “ก็ได้ๆ ตกลง ฉันยอมช่วยเขาก็ได้!” เธอบอกกับพี่หมีที่ยิ้มร่าและมีสีหน้าระรื่นเป็นที่สุด

     

     

     

    เธอทำปากยื่นอย่างไม่ค่อยเต็มใจขณะเดินลากเท้าไปทางนั้น

     

     

     

    “ช้าก่อนขอรับ!

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนเอ่ยขัดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

     

     

     

    พูดกันตามความจริงแล้ว เธอสามารถเข้าใจความคิดเขาได้อย่างแจ่มชัด สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนไม่ต้องการให้เธอทำเช่นนั้น

     

     

     

    “ท่านซีแนลขอรับ ข้าต้องขออภัยด้วย ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นได้”

     

     

     

    ซีแนลถอนใจ นั่นยังไงล่ะ เห็นไหมว่าเธอเดาถูก

     

     

     

    “ทำไมล่ะ ในเมื่อขนาดตอนที่ฉันตัดสินใจจะปลดปล่อยดิราเซียท่านยังไม่โต้แย้งอะไรเลย” ซีแนลให้เหตุผลที่เหมือนจะมีน้ำหนักพอ

     

     

     

    “เพราะดิราเซียเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ยมทูต และท่านที่เป็นผู้ถือครองพลังอำนาจของท่านผู้สูงส่งผู้นั้น เขาจึงมีสิทธิ์ แต่มิใช่กับชายผู้นั้น เขามิใช่เผ่าพันธุ์ยมทูต อีกอย่างเขาได้ตกลงทำสัญญากับข้าไว้เรื่องหนึ่งแล้ว”

     

     

     

    หมายความว่ายังไง?

     

     

     

    ซีแนลขยับตัวเข้าไปใกล้และเงยหน้าจ้องมองสัตว์เทพอสูรทีบีนก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางที่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

     

     

     

    “ฉันเปลี่ยนใจไม่ช่วยเขาก็ได้ แต่ท่านยกไข่ใบนั้นให้ฉันได้มั้ยล่ะ” เธอว่าขณะชำเลืองมองไปทางนั้น

     

     

     

    “ต้องขออภัยท่านด้วยขอรับ เรื่องที่ข้าตกลงทำสัญญากับเขาบังเอิญเกี่ยวข้องกับไข่ใบนั้น”

     

     

     

    “ถ้าหากฉันยังยืนยันจะฝ่าฝืนช่วยเหลือเขาล่ะ ท่านจะสังหารฉันไหม” ดวงตาประกายกล้าสีแดงฉานจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่วนิ่ง

     

     

     

    “ท่านซีแนล ท่านกำลังทำให้ลำบากใจ” อีกฝ่ายเปล่งเสียงคล้ายกับวิงวอน

     

     

     

    ซีแนลรู้สึกใจอ่อนลงเสียไม่ได้กับสีหน้าทุกข์ใจของสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้า ทั้งที่เห็นรูปการณ์อยู่แล้วว่าต่อให้เธอดันทุรังต่อสู้กับอีกฝ่ายแค่ไหน เธอก็คงมิวายประสบชะตากรรมร้ายแรงเช่นเดียวกับชายผู้นั้น

     

     

     

    “ท่านแน่ใจจริงๆ หรือ”

     

     

     

    “ใช่”

     

     

     

    ซีแนลยืนยันคำเดิม เพราะเธอเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตนเองและไม่ได้ย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เธอดูกลายเป็นคนโง่มากแค่ไหนก็ตาม

     

     

     

    อีกทั้งตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา พี่หมียังไม่เคยเรียกร้องหรือต้องการสิ่งไหนจากเธอเลย ฉะนั้นกะอีแค่ขนจิ้งจอกอะไรนั่นเธอจะเอามันมาให้ได้

     

     

     

     

    เธอเชื่อว่าสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนสามารถสังหารเธอให้ตายภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก่อนชั่วอึดใจหนึ่งเธอก็อยากพิสูจน์กับตัวเองว่าเธอมีความกล้าหาญพอ

     

     

     

     

    ครั้งนี้เธอจะไม่หลบเลี่ยงหรือถอยหนีเหมือนอย่างที่แล้วๆ มา

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนถอนหายใจยาว ก่อนจะสะบัดชายชุดคลุมไปด้านหลังและขยับก้าวมาด้านหน้าเธอ

     

     

     

     

    “ท่านรู้หรือไม่ว่าไข่ที่ชายผู้นั้นถืออยู่เป็นสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเพลิงซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเขา ความจริงแล้วมันเป็นเพียงภาชนะอันว่างเปล่า จะมีก็เพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณที่แตกสลายหลงเหลืออยู่ ทว่าชายผู้นั้นได้ทำภารกิจที่เรียกว่าการชุบชีวิตเรียกผู้รับใช้ให้หวนกลับคืน ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับภารกิจของท่าน”

     

     

     

    ดวงตาของซีแนลเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะฟังคำกล่าวของสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้า ตอนนี้คล้ายว่าเธอจะรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย เธอเข้าใจดีว่าทางระบบกำหนดให้ผู้เล่นมีสายใยที่ผูกพันกับผู้รับใช้ของตัวเองมากแค่ไหน

     

     

     

    ขณะที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิด ดวงตากลวงโบ๋ดำมืดของสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนก็จ้องเข้ามาในดวงตาของเธอ เขาขยับตัวเล็กน้อยๆ แล้วค่อยๆ เอื้อนเอ่ยอธิบายสิ่งที่เหลือต่อ

     

     

     

    “ภารกิจสุดท้ายของเขาคือการถูกส่งตัวมาที่แห่งนี้ ข้าได้ตกลงทำสัญญากับเขาว่า หากเขายอมรับการคุมขังอยู่ในคุกดินแดนนรกเป็นเวลา 1 ปี และมีชีวิตรอดไปได้ ถึงเวลานั้นข้าจะทำตามความปรารถนาของเขา แต่ช่างน่าเวทนาเหลือเกินว่า ภารกิจของเขาคือการรีดเค้นเอาเลือดของยมทูตเพื่อนำไปใช้ในการชุบชีวิตผู้รับใช้

    ท่านรู้ใช่ไหมหากมิใช่ท่านข้าก็มิคิดจะใจอ่อนกับผู้ใด และสัตว์อสูรในดินแดนนรกทุกตนก็ล้วนแต่เจ้าเล่ห์อันตรายเหี้ยมโหด ไม่มีสัตว์อสูรตนใดที่จะปล่อยให้ผู้ท้าทายหลุดรอดเงื้อมือไปอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับเขา ที่ไม่มีทางจะรอดพ้นจากที่แห่งนี้ คุกดินแดนนรกนั้นน่าสะพรึงกลัวและโหดร้ายกว่าที่ผู้ใดจะเข้าใจนัก”

     

     

     

     

    น้ำเสียงอันหนักแน่นของอีกฝ่ายทำให้เธอตระหนักว่านั่นคือความจริง

     

     

     

     

    เธอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าเธอมีผู้รับใช้เป็นซิเรียส ท่าทางคุกคามและรังสีอำมหิตของเขาทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด และที่ผ่านๆ มา เธอไม่ต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรและไม่ต้องพบเจออุปสรรคอะไรเลย นั่นก็เพราะสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้าให้ความคุ้มครองอยู่

     

     

     

     

    บัดนี้ซีแนลรู้แล้วว่าตัวเองอ่อนแอเหมือนสัตว์ตัวเล็กกระจ้อยร่อยหากเทียบกับอีกฝ่าย

     

     

     

     

    ต่อให้เธอมีพี่หมีหรืออีดานที่เป็นสัตว์เลี้ยงระดับราชา แต่ระดับเลเวลอันแสนเตี้ยต่ำจนติดดินก็มิอาจสู้กับอีกฝ่ายได้

     

     

     

     

    ความจริงข้อนี้ทำให้เธอรู้สึกหนักใจเอามากๆ คล้ายว่าเธอจะไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คาดหวังเอาเสียเลย

             

     

     

     

    จะทำยังไงดีล่ะ!

             

     

     

     

    ตอนนี้เธอคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะหาทางออกอื่นด้วยวิธีไหน หากมีความคิดดันทุรังสู้กับอีกฝ่ายต่อไปเธอต้องแพ้จนย่อยยับเป็นแน่แท้

     

     

     

     

    “ท่านซีแนล ข้ามีข้อเสนอเรื่องหนึ่งท่านยินยอมหรือไม่”

     

     

     

    ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกเหมือนจะลืมความกังวลทุกสิ่งทุกอย่างไป

     

     

     

    “อะไร?”

     

     

     

    ซีแนลหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก บทเรียนที่ผ่านมาเสี้ยมสอนเธอมาดีเสมอ

     

     

     

    ทุกอย่างๆ ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม!’ นั่นคือสิ่งที่เธอรู้

     

     

     

    “ข้าอยากให้ท่านรับปากเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้าท่านจะต้องไม่ตั้งตนเป็นศัตรูต่อเผ่าพันธุ์ยมทูต”

     

     

     

    ซีแนลเอียงคอด้วยความงุนงง เพราะความต้องการของอีกฝ่ายนั้นเหมือนเป็นการข้อร้องเสียมากกว่า เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่านั่นคือการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมตรงไหน

     

     

     

    ช่างเป็นโชคอันประจวบเหมาะอย่างไม่นึกไม่ฝัน เพราะดูเหมือนว่าความต้องการของอีกฝ่ายนั้นจะแสนง่ายดายเสียเหลือเกิน

     

     

     

    เธอเองก็ฉลาดพอที่จะไม่หาเรื่องใส่ตัวอยู่แล้ว ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์ยมทูตอย่างนั้นเหรอ แค่คิดเธอก็รู้สึกขำ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะคิดเช่นนี้ การต่อสู้กับความมืดที่เกี่ยวข้องกับความตายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเธอคนหนึ่งล่ะที่ไม่เอาด้วยแน่ๆ

     

     

     

    “ได้สิ ฉันตกลง”

     

     

     

    คำตอบของเธอทำให้อีกฝ่ายขยับยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนน้อมตัวลงต่ำให้เธอราวกับทำความเคารพก่อนจะหมุนตัวไปหาชายคนนั้นโดยไม่ปริปากพูดสิ่งใด

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×