ตำนานเทวดาอันเอาฅนเข้าถ้ำเมืองละพูน - ตำนานเทวดาอันเอาฅนเข้าถ้ำเมืองละพูน นิยาย ตำนานเทวดาอันเอาฅนเข้าถ้ำเมืองละพูน : Dek-D.com - Writer

    ตำนานเทวดาอันเอาฅนเข้าถ้ำเมืองละพูน

    โดย Kenji2554

    ตำนานพื้นเมืองโบราณของจังหวัดลำพูน ซึ่งเลือนหายไปบ้างแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    533

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    533

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 54 / 10:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ตำนานเทวดาอันเอาฅนเข้าถ้ำเมืองละพูน

      เรื่องราวตำนานที่เกี่ยวกับความเป็นมาของชาวเมืองลำพูน
      ตำนานเรื่องนี้ปรากฏในตอนท้ายคัมภีร์ ตำนานลำพูน มีเพียง ๘ ลานเศษ ได้กล่าวถึงเหตุแรกเริ่มของเรื่องดังกล่าวไว้ว่า
      เมื่อ จ.ศ.๙๓๘(๒๑๑๑) วันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ เวลาพลบคำ เทวดาได้นำเอาชายคนหนึ่งชื่อว่า รัวทีพา ผู้เป็นคนเฝ้าเทวสถาน อารักษ์พระญาดอยหลวง ชายคนดังกล่าวหลังจากกลับออกจากถ้ำมาแล้วก็ได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ตนได้พบเห็นให้ชาวลำพูนได้ฟังว่า
      มีอยู่วันหนึ่ง ตัวเขาเองได้ไปหาใบม่วน (ใบไม้ชนิดหนึ่ง พจนานุกรมล้านนา ฉบับแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า หมายถึง พรรณไม้พุ่มยืนต้นจากต่างประเทศชนิด Prunus persica Batch วงศ์ Rosaceae เรียก บ่าม่วน ในวัดบ้านปิด ด้านทิศใต้ลำพูน ห่างจากวิหารด้านใต้ประมาณ ๑๐๐ วา ขณะที่กำลังจะกินใบบ่าม่วนหรือหมากนั้น ก็เกิดเป็นหมอกมืดครึ้มขึ้นมาทำให้เขาหลงทาง ทันใดนั้น มีชายชราผู้หนึ่งนุ่งขาวห่มขาว เดินเข้ามาทักทายเขา เขาถามหนทางกลับบ้าน แต่ชายแก่กลับพาเขาเดินทางต่อไป สิ่งที่เขาสังเกตและจำได้คือ มีต้นกล้วย ลำเหมือง เมื่อเดินต่อไปเห็นโกฐธาตุพระพุทธเจ้า จากนั้นชายเฒ่าคนนั้นก็พาเขาไปที่บ้านของตนเอง และก่อนจะขึ้นไปบนบ้าน ชายชรานั้นก็นำเอาผ้าเนื้อละเอียดอ่อนดังทองคำ มาให้เขานุ่งห่ม สิ่งที่เขาเห็นในสถานที่นั้นล้วนวิจิตรพิสดาร และยังได้รับฟังการบอกเล่าเรื่องพระธาตุจากชายชราคนนั้นด้วย สิ่งที่มองเห็นอีกอย่างหนึ่งคือพญา ๗ องค์ที่นั่งประจำพระมหาธาตุ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นคนที่กำลังไหว้พระธาตุ ล้วนแล้วแต่นุ่งขาวห่มขาว และพญานั้นยังให้หมากเขากินอีก พร้อมทั้งบอกเรื่องการสร้างแท่นแก้ว และยังได้เล่าถึงเมืองบน คือสวรรค์ว่า ชาวสวรรค์ตีฆ้องกลอง ทำให้เสียงของมันดังมาถึงที่เขาอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังบอกไม่ให้เขาทำร้ายชีวิตสัตว์ ไม่ให้ด่าสมณชีพราหมณ์ ไม่ให้ประมาทในบิดามารดาของตน ต้องรักษาศีล ๕ และศีล ๘ อย่างสม่ำเสมอ เมื่อให้ทาน ต้องให้ผู้ทรงศีลกินแล้วตนเองจึงกิน ส่วนอาหารที่ควรกินนั้นควรเป็นอาหารเจ ห้ามไม่ให้กินเนื้อ เมื่อถามถึงอาหารที่ไม่ควรกิน ก็ได้รับคำว่า มีกบ เขียด เต่า ตะพาบน้ำ นอกจากนี้ ชายชรายังทำนายชะตาให้อีกว่า จะมีคนคนหนึ่งที่อดอยากอาหารมาควักเอาตาและปาดชิ้นกิน ทั้งนี้เพราะว่าในชาติก่อนเคยสร้างเวรกับพญาดอยหลวง คือชาติหนึ่งนั้นพญาดอยหลวงเป็นตุ๊กแก และ ตัวเขาเองเกิดเป็นพญาช้าง เกิดเถียงกันว่าใครจะเป็นกรรมสิทธิ์ในต้นไม้ทั้งที่ตุ๊กแก ซึ่งอาศัยอยู่ในโพรงต้น ส่วนพญาเป็นเพียงอาศัยร่มไม้แต่อ้างสิทธิ์ครอบครอง ผลสุดท้ายพญาช้างโกรธจึงรุนไม้ตนนั้นให้โค่นลง เมื่อทั้งสองตายไป ช้างไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วมาเกิดเป็นคน ส่วนตุ๊กแกเกิดเป็นพญาดอยหลวง เมื่อถามถึงแท่นแก้วหรือบัลลังก์ที่กำลังสร้างก็ได้รับคำว่า จะเอาไปไว้ประจำในที่ๆ คนมีศีลธรรม และสั่งมาให้บอกคนไปร่วมกันทำบุญที่หน้าวัดชีวร ในเดือน ๖ และจะออกไปดูคนใจใฝ่บุญแลใจใฝ่บาป และจักเอาว่านไฟหว่านคนใจใฝ่บาปให้ตายหมดสิ้น
      ตอนท้ายพญาดังกล่าวชวนให้เขาอยู่ด้วยกัน แต่ตัวเขาปฏิเสธ จึงได้รับคำสั่งในวิธีเดินทาง ก่อนกลับก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และให้หนังสือ เมื่อพร้อมแล้วชายชราก็ให้ขี่ม้าและเดินตามมาส่ง เมื่อถึงที่แห่งหนึ่งจึงให้ลงจากหลังม้าและหลับตา เมื่อรู้ตัวก็ปรากฏอยู่ ณ ก้อนหินเหนือปากถ้ำหอกลองนี้เอง

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×