ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #13 : Episode 11 เดิมพันครั้งสุดท้าย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      21
      10 ต.ค. 58

     



    Episode 11 เดิมพันครั้งสุดท้าย

     



     

    วันหยุดเสาร์อาทิตย์ถูกใช้หมดไปไวเหมือนโกหก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้มาร์คและจินยองได้เที่ยวเล่นสนุกด้วยกันตามประสาคนรักข้าวใหม่ปลามัน แต่ก่อนหน้านั้นก็ทำเอาแย่ไปเหมือนกัน เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากที่ถูกมาร์คทำอะไรบ้าๆ ไปก็เล่นเอาจินยองนอนป่วยไปตั้งครึ่งวัน มาร์คก็ชดเชยพาจินยองไปเที่ยวสวนสนุกในวันอาทิตย์ พอตกเย็นก็มาทานอาหารที่พร้อมหน้าด้วยพ่อและแม่ของจินยอง

    เช้านี้ก็มาโรงเรียนพร้อมกับจินยองเหมือนปกติ แต่ก็มาเจอบรรยากาศแปลกๆ ที่พวยพุ่งออกมาจากรัศมีของยองแจเพื่อนของจินยอง สีหน้าอมทุกข์แบบนั้นแม้แต่เขาเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ และตั้งแต่มาถึงโรงเรียนก็ยังไม่ได้มีโอกาสสบตากับแจบอมเลย ทั้งๆ ที่ห้องก็อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่

    การเรียนเองก็ดีมากกว่าตอนมาแรกๆ มาก นั่นก็เพราะได้คนติวชั้นดีอย่างจินยอง บวกกับตัวเองก็เป็นคนหัวไวอยู่แล้วเลยทำให้ปรับตัวเรียนตามคนอื่นได้ง่ายขึ้น แม้แต่ภาษาเกาหลีเองก็ก้าวหน้าขึ้นมาก เชื่อว่าการสอบปลายภาคที่ใกล้จะมาถึงนี้คงผ่านฉะลุยเป็นแน่แท้

    สำหรับมาร์คแล้ว การได้มาเรียนที่นี่และมีช่วงเวลามากมายร่วมกับจินยองมันคือความสุขอย่างน่าอัศจรรย์ แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ต้องให้คิดอยู่ตลอด เหมือนตะกอนขุ่นๆ ที่เกาะรกรากอยู่ในใจตลอดเวลา นั่นก็คือเรื่องของอิมแจบอม

    “มาร์ค เที่ยงนี้กินอะไรกันดี” จินยองเอ่ยถามทันทีที่หลังไวๆ ของครูหายออกไปจากห้องเรียน ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นก็เริ่มลุกจากที่เพื่อจะไปกินข้าวเที่ยงกันแล้ว

    มาร์คจัดของเข้าโต๊ะ แล้วว่า “นายไปกินกับยองแจก่อนเลย สังเกตเห็นนั่งเหม่อๆ ไม่รู้เป็นอะไรรึเปล่า”

    “นั่นสินะ จะว่าไปก็เหมือนจะแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้วด้วย แจ็คสันก็อีกคน” จินยองหันไปมองเพื่อนที่อยู่บนหัวแถว ปกติแล้วยองแจเป็นคนกระฉับกระเฉงแต่วันนี้ดูเอื่อยเฉื่อยชอบกล แม้แต่แจ็คสันที่เป็นคนร่าเริงสุดๆ ก็ยังดูเงียบๆ “ตั้งแต่หลังงานกีฬาสีก็ไม่ได้คุยกันเลย พวกเขามีเรื่องอะไรกันรึเปล่านะ น่าเป็นห่วงจริงๆ”

    “เอาเป็นว่าจินยองลองไปถามดูนะ ยังไงยองแจก็ต้องบอกแน่ๆ”

    “แล้วนายล่ะ ไม่ไปด้วยกันเหรอ”

    “ว่าจะไปทำธุระนิดหน่อย เอาไว้จะรีบตามไป”

    จินยองหรี่ตามองท่าทีมีพิรุธน้อยๆ ของมาร์คอย่างจับผิด “เดี๋ยวนี้หัดมีธุระนะ”

    “น่า น่า” มาร์คอมยิ้มขำๆ พลางลูบกะหม่อมบางอย่างแสนรักแสนเอ็นดู “ไว้ใจมาร์คต้วนคนนี้ได้เลย เรื่องที่รับปากเอาไว้จะจัดการให้เรียบร้อยเอง”

    ไม่พูดพล่ามทำเพลงต่อ ไม่ทันให้ร่างบางได้อ้าปากท้วงถาม มาร์คก็ลุกพรวดจากโต๊ะ แล้วออกไปจากห้องเรียนชนิดที่ว่ามองตามแทบไม่ทัน ทิ้งให้จินยองใจคอไม่ดีเลยว่ามาร์คจะไปทำอะไรกันแน่ แต่ดูจากท่าทางของมาร์คและลางสังหรณ์แปลกๆ ของตัวเองแล้ว จินยองรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเบาๆ อย่างแน่นอน

     

    ภายหลังการพ่ายแพ้แต่จินยองก็ยังเลือกเขา แม้ว่ามันจะทำให้มาร์คดีใจมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจลบล้างความค้างคาใจนี้ไปได้ เขารับปากจินยองไว้แล้วว่าจะจัดการเรื่องที่ยุ่งเหยิงนี้ให้คลี่คลาย และเขาก็ต้องทำให้ได้ด้วย และมันก็เป็นเหตุผลให้เขามาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 3-A

    แจบอมเห็นมาร์คเดินเข้าห้องมาก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหาเพื่อเผชิญหน้ากัน “ลมอะไรหอบนายมาถึงที่นี่”

    “ลมความคิดถึงมั้ง” มาร์คตอบหน้ากวนๆ ตามประสา

    แจบอมแค่นหัวเราะราวกับฟังเป็นมุกฝืดๆ “แปลกพิลึก ฉันเองก็กำลังคิดถึงนายอยู่พอดีเลย กำลังคิดถึงไอ้หน้าตัวเมีย แพ้แล้วยังมีหน้ามายุ่งย่ามกับจินยอง เป็นหมาขี้แพ้ไม่พอยังทำตัวเป็นไอ้ขี้โกง”

    “ฉันรู้ว่านายคงเจ็บใจที่จินยองเลือกฉันแม้ว่าฉันจะแพ้นาย เพราะฉะนั้นเราควรมาทำให้มันจบๆ ไปซะที”

    “หมายความว่าไง” แจบอมถามเสียงห้วน

    มาร์คยกยิ้มแล้วว่า “ตามจริงแล้วการแข่งบาสครั้งที่แล้วมันก็รบกวนจิตใจฉันไม่น้อยเลย การแข่งเป็นทีมมันอาจจะทำให้ฉันกับนายต่างก็ไม่อาจแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้เต็มที่”

    “จะเอายังไง” คิ้วเข้มเริ่มขมวด

    “ก็ง่ายๆ เลย มาแข่งบาสกันอีกรอบ และรอบนี้จะมีแค่ฉันกับนาย ไม่มีคนอื่น เงื่อนไขมีจินยองเป็นเดิมพันเหมือนเดิม”

    “หึ... ไม่กลัวจะแพ้ซ้ำสองรึไง” แจบอมพูดเหยียดๆ แต่มาร์คหัวเราะกลับมาราวกับฟังเรื่องตลกโปกฮา

    “ก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าจะแพ้อีกมั้ย ว่าไง หรือนายไม่กล้าซะแล้ว” รอยยิ้มท้าทายของมาร์คมันคือคำเชื้อเชิญชั้นดีที่ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจปฏิเสธได้

    “ก็เอาสิ มาแข่งกัน” แจบอมรับคำท้าในที่สุด

    “งั้นนายบอกกติกามาได้เลย”

    แจบอมครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มมีชัยจะผุดขึ้นที่มุมปาก “ง่ายๆ แบบไม่ยืดเยื้อ ผลัดกันชู๊ตคนละ 5 ลูก ถ้านายพลาดแม้แต่ลูกเดียวถือว่าแพ้ไปทันที และต่อให้นายทำได้ทั้ง 5 ลูก แต่ฉันไม่พลาด ฉันก็ยังเป็นฝ่ายชนะอยู่ดี กติกาแบบนี้นายรับไหวมั้ยล่ะ”

    “ไหวอยู่แล้ว” มาร์ครับคำอย่างไม่สะทกสะท้าน

    แววตาทั้งสองคู่จ้องกันเขม็ง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน บรรยากาศในห้องตอนนี้เริ่มตึงเครียดไปกับพวกเขาทั้งสองคน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพนันอะไรกันไว้ แต่สำหรับคนภายนอกที่จ้องมาขณะนี้มันช่างเร่าร้อนและตื่นเต้นไปกับไฟในดวงตาที่ลุกโชนคนจะเผาไหม้อีกฝ่ายให้มอดไหม้

    โรงยิมคือสถานที่แข่งขันของพวกเขา ต่างฝ่ายก็ต่างเตรียมตัวอยู่ลำพัง มีกรรมการตัดสินคือยูคยอม ข่าวการท้าดวลอย่างเปิดเผยของมาร์คและแจบอมแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วแบบปากต่อปาก พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นที่นิยมชมชอบของนักเรียนในโรงเรียนอยู่แล้ว งานนี้ไม่ว่าจะยังไงก็พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ขนาดยังไม่เริ่มการแข่งขันก็มีคนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเชียร์คนที่ตัวเองชอบกันแล้ว ทั่วทั้งอัฒจันทร์เชียร์เต็มไปด้วยประชากรนักเรียนหลายชีวิต

    “ทั้งสองคนเข้ามาประจำที่” ยูคคยอมเอ่ยเรียกขึ้น เสียงเชียร์ที่เคยกระฮึ่มก็กลายเป็นเงียบกริบ ทุกคนใจจดใจจ่อมายังผู้แข่งขัน

    มาร์คเดินเข้ามาในประจำที่สำหรับชู๊ต ส่วนแจบอมถอยห่างออกมาประมาณสามก้าว ทั้งสองคนมีลูกบาสเกตบอลคนละลูกอยู่ในมือ มาร์คซึ่งเป็นคนท้าจะเป็นผู้ชู๊ตก่อน

    “ทำให้เต็มที่ล่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง” แจบอมพูดหมิ่นๆ แต่เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันมาร์คกลับรู้สึกว่ามันคือคำพูดที่เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจ

    “ฉันจะไม่มีวันเสียใจ” มาร์คตอกกลับไป และเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป

    ปี๊ดดดดดดด

    เสียงนกหวีดที่เป่าโดยยูคยอมดังขึ้น มาร์คทุ่มลูกอย่างแน่วแน่ จิตใจตั้งมั่นอยู่ที่ห่วงกลมๆ ยิ่งมีความกดดันเขาก็ยิ่งต้องมีสมาธิสูง และเมื่อมือที่แข็งแกร่งส่งลูกกลมๆ ลอยละล่องไปยังเบื้องหน้า มันไม่ทำให้เขาผิด มันร่วงลงห่วงอย่างงดงาม

    เสียงเฮดังขึ้นอย่างกระฮึ่มห้องโรงยิม ทั้งเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือ มาร์คยกยิ้มอย่างพึงใจในผลงานของตัวเองขณะที่เดินออกไปจากเส้นวง แล้วเป็นแจบอมที่เข้ามาแทนที่เพื่อเตรียมชู๊ตบ้าง เงียบกองเชียร์ก็เงียบลงโดยอัตโนมัติ

    เมื่อแจบอมส่งลูกบาสออกไปจากมือด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม มันก็ทิ้งตัวลงห่วงอย่างที่ต้องการ มาร์คคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

    “ไม่เลวนี่นา แต่ฉันไม่แพ้นายแน่นอน หึหึ” มาร์คไม่หวั่นไหวเดินทุ่มลูกบาสไปสลับที่กับแจบอม และเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดเขาก็ชู๊ตมันลงไปได้สำเร็จอีกครั้ง

    “ฉันก็จะไม่มีทางแพ้นายเหมือนกัน!” แจบอมผู้มาดมั่นใจฝีมือตัวเองรับลูกบาสที่ลอยมาจากยูคยอมอย่างชำนิชำนาญ

    ความระทึกก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แจบอมไม่ยอมพลาด เขาเองก็ชู๊ตลงเช่นกัน สลับกันอย่างนั้นจนได้คะแนน 4-4 ความเครียดยิ่งไปตกอยู่กับมาร์คมากกว่าเป็นเท่าตัว เขาต้องชู๊ตลูกสุดท้ายลงเท่านั้น และแจบอมก็ต้องพลาดด้วยเขาถึงจะเป็นฝ่ายชนะ

    “หยุดก่อน!” เสียงกังวานดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้ากระทบตรงเข้ามา

    มาร์คที่ตั้งท่าจะชู๊ตต้องหยุดมือเสียก่อน และเมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นจินยองที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมาโดยมียองแจและแจ็คสันตามมาติดๆ

    “พวกนายกำลังจะทำอะไรกัน อย่าบอกนะว่าแข่งกันอีกแล้ว” สีหน้าของจินยองตอนนี้บ่งบอกถึงความโกรธที่กำลังก่อตัวขึ้น เขาคิดว่ามันควรจะจบตั้งแต่งานกีฬาสีแล้ว แต่กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

    “ฟังนะจินยอง มันคือแข่งเป็นครั้งสุดท้าย” มาร์คบอก

    “นี่เหรอมาร์ค ที่นายบอกว่าจะจัดการเอง จัดการแบบนี้เนี่ยนะ”

    มาร์ครีบเดินเข้าไปประคองลูบไหล่บางอย่างเบามือเป็นเชิงปลอบประโลมให้ใจเย็นลง “จินยอง นายวางใจเถอะ ขอแค่มีนายส่งใจเชียร์มาให้ ยังไงฉันก็ต้องชนะ แล้วเรื่องนี้มันก็จะจบซะที”

    “มาร์ค...”

    “พอเถอะจินยอง” คราวนี้เป็นยองแจที่ขัดขึ้น แม้แต่แจบอมก็ต้องหันไปตั้งใจฟัง “จินยอง แม้เรื่องนี้จะมีนายเป็นเดิมพัน แต่ว่ามันเป็นเรื่องของสองคนนั้นที่ต้องชี้ขาดให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นก็จะต้องค้างคาใจไปตลอด นายอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ”

    “ยองแจ...”

    “ก็อย่างที่ยองแจพูดนั่นแหละ นะจินยอง เชื่อใจฉันอีกครั้ง” สิ้นคำของมาร์คความเงียบโรยตัวชั่วขณะ ทุกสายตามองมายังจินยองเพื่อรอคำตอบ แม้แต่บนอัฒจันทร์เชียร์ก็ยังพยายามชะโงกหน้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    สุดท้ายจินยองก็พยักหน้าน้อยๆ แม้ไม่เต็มใจนัก “คงพูดอะไรไม่ได้มากกว่าคำว่า สู้ๆ นะมาร์ค ทำให้เต็มที่”

    “แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว” มาร์คโปรยยิ้มละไม แรงใจมหาศาลแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่างกายและหลอดเลือดที่สูบฉีด

    ผิดกับแจบอมที่ราวกับว่าพลังชีวิตดิ่งลงเหวลึกลงทุกที ทั้งๆ ที่ก็รู้มาตลอดว่าจินยองไม่ได้ชอบเขาเลย แต่ก็ยังหวังลึกๆ มาตลอดว่าจะมีวันที่จินยองเปิดใจ ทว่าเมื่อได้เห็นสายตาของจินยองที่มองมาร์คด้วยความอ่อนโยนแบบนั้น สายตาคู่นั้นเอาแต่มองมาร์คไม่หันมาสนใจเขาเลยแม้เสี้ยววินาที มันก็ทำให้เขารู้ซึ้งแล้วว่าสิ่งที่คาดหวังคงไม่มีทางเป็นจริงได้

    ถึงเวลาที่มาร์คต้องชู๊ตลูกสุดท้าย มาร์คถือลูกบาสไว้ในมือ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก แววตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขารู้ว่าเขาต้องทำได้ แขนที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นขยับชู๊ตลูกออกไปโดยมีนิ้วทำหน้าที่บังคับทิศทาง และในที่สุดมันก็ดิ่งลงกระทบห่วงหมุนวนอย่างสับสนก่อนที่จะทิ้งตัวลงห่วงอย่างสวยงาม

    เสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากข้างบน แต่ตอนนี้จิตใจของมาร์คมุ่งตรงไปยังจินยองที่ปรบมือให้เขาอยู่ข้างสนาม

    ผ่านความรื่นเริงที่มาร์คทำแต้มขึ้นนำได้แล้ว ต่อมาก็เข้าสู่ความตึงเครียดกับการชู๊ตลูกสุดท้ายของอิมแจบอม ลูกนี้จะเป็นเหมือนคำตัดสินของทุกอย่าง ขอเพียงชู๊ตลงก็คือชนะไปเลย ขอแค่อย่าพลาดก็เท่านั้น

    แจบอมเองก็พยายามตั้งใจสติแม้ว่าจิตใจมันจะว้าวุ่นเหลือเกิน ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ราบเรียบและหยาบกระด้างนั้นในต้องซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง ถ้าจะมีคนรู้ก็คงเป็นยองแจที่เฝ้ามองอยู่ไม่ละสายตาเท่านั้น

    “แจบอม... สู้ๆ นะ” ยองแจเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา มีเพียงแจ็คสันเท่านั้นที่ได้ยิน

    เสียงนกหวีดถูกเป่าอีกครั้ง แจบอมทุ่มลูกเรียกสติ ก่อนจะชู๊ตมันไปด้วยพลังใจที่มีอยู่ทั้งหมด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ต่างก็ไม่มีใครคาดคิด ลูกบาสลอยละลิ่วไปไกลจากห่วงเกือบเมตร แม้แต่มาร์คยังตกใจกับผลลัพธ์นั้น

    “อิมแจบอม นาย...!

    “นายชนะแล้วมาร์ค” แจบอมพูดขัดขึ้นก่อนที่มาร์คจะโวย “นายชนะทั้งบาส ทั้งความรัก ต่อไปนี้ดูแลจินยองให้ดี ถ้าฉันรู้ว่านายทำให้จินยองเสียใจละก็... ฉันเอานายตายแน่!

    นั่นคือคำสุดท้ายที่ออกจากปากของอิมแจบอมก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เดินผ่านหน้าทุกคนไป เดินผ่านยองแจไปโดยไม่หันมามองแม้สักนิด ในใจของยองแจอยากจะยินดีที่สุดท้ายแล้วคนที่ตนรักก็ได้ตัดใจจากความรักที่เป็นไปไม่ได้เสียที แต่แท้จริงแล้วกลับรู้สึกหดหู่มากกว่า

    สถานการณ์ตอนนี้เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย สำหรับผลที่ออกมาเป็นอย่างนี้ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก แต่เหนือสิ่งอื่นใด มาร์คกำลังจะทำในสิ่งที่ใครก็คาดไม่ถึงอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปหาจินยอง และหันหน้าสู่กองเชียร์ทั้งหลาย ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไรจนกระทั่ง...

    “ฟังนะทุกคน มาร์คต้วนขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ปาร์คจินยองเป็นคนของฉัน ใครก็ห้ามมาแย่ง ใครก็ห้ามมารังแกกลั่นแกล้ง ถ้าฉันรู้ว่าใครกล้ามายุ่งกับปาร์คจินยองละก็...มันจะได้รู้ว่าตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง โปรดรู้เอาไว้ด้วย!” คำประกาศก้องดั่งประกาศิตของมาร์คทำเอาผู้ที่ได้ยินทั้งหมดตกตะลึงกันเป็นแถบ โดยเฉพาะพวกแฟนคลับมาร์คยิ่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

    แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นจินยองที่ตอนนี้ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองมาร์คด้วยความมึนงงขนาดหนัก “นี่ฉันหูเพี้ยนไปรึเปล่า”

    “ถึงนายจะสมองเพี้ยนไปหน่อย แต่รับรองว่าหูไม่เพี้ยนแน่นอน” มาร์คกดยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์พร้อมกับย่างก้าวเข้าไปประชิดตัวร่างบาง มือแกร่งทั้งสองข้างประคองแก้มนวลเนียน และสุดท้ายก็คือโน้มเข้าไปจุดจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มแสนอร่อย

    สมองเพี้ยนๆ ของจินยองขาวโพลนไปหมดแล้ว ดวงตาที่กระพริบถี่เริ่มช้าลงเรื่อยๆ จนหลับพริ้มในที่สุด ขาทั้งสองคนก็เหมือนจะอ่อนแรงแทบทรุดลงไปทุกเมื่อ ดวงแก้มทั้งสองข้างคนจะแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกไปแล้ว ช่างเป็นความสุขที่ปะปนด้วยความทรมานแท้ๆ

    เนิ่นนานที่ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่ตรงนั้นโดยไม่แคร์สายตาผู้ใด มีแค่พวกเขาที่อยู่ตรงนั้น เชื่อมโยงหัวใจกันด้วยจูบผ่านปลายลิ้นและริมฝีปาก สำหรับจินยองแล้วจูบนี้เป็นเหมือนคำสัญญาที่มาร์คมอบให้ และสำหรับมาร์คแล้วจูบนี้มันคือการเริ่มต้นกับสิ่งที่จะเป็นไปต่อไปนี้




     โปรดติดตามตอนต่อไป... 




    เข้ามาแก้คำผิดตอนนี้แล้วจร้า แต่ถ้าใครยังเจอมีพลาดอีกก็เม้นบอกไรท์ได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ ส่วนตอนอื่นๆ ก็จะทยอยๆ แก้ต่อไป 


    อ่านแล้วเม้นคือดีงามจ้าาา 


    แท็กฟิค #ฟิคตองคิส 


     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×