ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #16 : Episode 13 งานเข้าตั้งแต่เปิดเทอม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      16
      4 พ.ย. 58

    ตอนนี้มีคนอ่านแล้วไม่เม้นเยอะมากเลยนะคะ ไอ้เราก็คิดว่า แม้จะเปิดจองแต่ก็อยากจะอัพต่อให้อ่านจนจบ แต่รีดเดอร์กำลังทำให้ไรท์เสียใจและอยากเปลี่ยนความคิดจนจะไม่อัพต่อนะคะ 




     

    Episode 13 งานเข้าตั้งแต่เปิดเทอม

     

     

     

    เทอมสุดท้ายของชั้นมัธยมปลายเริ่มขึ้นแล้ว จินยองตื่นเช้ามาด้วยความขี้เกียจขนาดหนัก เพราะเมื่อวานนี้เขายังมีวันว่างๆ ใช้เวลาไปโดยไม่ต้องคิดเรื่องเรียนเลย แต่วันนี้เขาต้องแพ็คกระเป๋าไปเรียนอีกแล้ว แต่ที่พอให้ชื่นชีวาขึ้นมาได้บ้างก็คือมาร์คมาทักทายผ่านระเบียงตั้งแต่เช้า แต่จะเรียกว่าทักทายก็ไม่เต็มปากนัก ต้องเรียกว่าก่อกวนในแบบทะลึ่งตึงตังเสียมากกว่า

    “เผลอแป๊บเดียวก็เทอมสุดท้าย แล้วก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย” จินยองพูดขณะที่ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปตามทางเท้า มาร์คยิ้มตาม

    “มาร์ค นายคิดไว้รึยังว่าต่อจากนี้จะทำอะไร” คำถามนี้จินยองอยากถามมานานแล้ว เพราะเท่าที่สังเกตมาตลอดเหมือนว่ามาร์คจะไม่ค่อยสนใจอะไรที่เด่นชัดเลย คำถามนี้มันรวมไปถึงความคาดหวังที่อยากจะให้ผู้ชายคนนี้อยู่กับเขาต่อไปด้วย

    “จริงๆ ฉันไม่อยากเรียนต่อนะ”

    คำตอบของมาร์คทำให้จินยองมองตามด้วยดวงตาเบิกกว้าง “หมายความว่ายังไงที่ไม่อยากเรียนต่อ นายไม่ใช่คนหัวไม่ดีนี่นา ถ้าเรียนต่อก็ทำได้สบายอยู่แล้ว”

    “มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหัวดีหรือหัวไม่ดี” มาร์คบอกยิ้มๆ แต่นั่นก็ยังทำให้อีกคนไม่เข้าใจอยู่ดี

    “แล้วมันเกี่ยวกับอะไรล่ะ”

    “ก็...จะว่ายังไงดีล่ะ” มาร์คชะงักเหมือนครุ่นคิดหาคำพูดที่สามารถเข้าใจง่ายๆ “ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีความสนใจในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ อยากได้อะไรก็ได้ แค่เอ่ยปากก็มีคนประเคนให้ทันที เวลาจะทำอะไรก็มักจะสำเร็จโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย มันเลยทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ไร้ความขวนขวายละมั้ง กลายเป็นว่าชีวิตเลยดูว่างเปล่า เป็นแบบนี้มาตลอด เผลออีกทีก็โตเอาป่านนี้แล้ว”

    “แบบนั้นมันไม่ดีเลยนะมาร์ค” จินยองพูดเสียงอ่อนระโรยพลางมองคนข้างๆ อย่างเป็นห่วง

    “ฉันรู้...” มาร์คพูดเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ กลับไป “แต่ไม่ต้องห่วงนะจินยอง ตั้งแต่เจอนายอีกครั้ง ฉันก็คิดแล้วล่ะว่าควรต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้อยู่กับนายแน่ๆ”

    จินยองเริ่มมีรอยยิ้มเขินๆ บรรยากาศที่ไม่ดีเมื่อครู่นี้ถูกแทนที่ด้วยละอองเกสรสีชมพู “พูดแบบนี้จะเอาใจฉันรึไง”

    “ก็เอาใจด้วย แล้วก็พูดจริงๆ ด้วย แต่ว่าคงต้องใช้เวลาถามใจตัวเองดูสักหน่อยว่าอยากจะทำอะไร” มาร์คพูดเรียบๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “แล้วจินยองล่ะ อยากเรียนอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าอยากจะเป็นแม่บ้านให้ฉัน”

    “บ้าดิ พูดหลงตัวเองอีกแล้วนะ” จินยองอดไม่ไหวฟาดไหล่พ่อคนปากพล่อยแรงๆ หนึ่งที แล้วเอ่ยต่อว่า “จริงๆ ที่บ้านอยากให้เป็นครูนะ แต่พวกท่านก็ไม่ได้ห้ามหรอก”

    “แล้วนายอยากเป็นครูมั้ยล่ะ”

    “ก็อยากนะ อย่างสอนคณิตศาสตร์อะไรแบบนี้”

    “นายเก่งคำนวณนี่นา แบบนี้ก็เข้าทางเลย เฮ้ย... นี่ไอ้มาร์คกำลังจะมีแฟนเป็นครูเหรอเนี่ย สุดยอดเลย” ท่าทางโอเวอร์แอคติ้งในตอนท้ายของมาร์คทำให้จินยองหมั่นไส้จนต้องฟาดไปอีกหลายที

    บทสนทนาเรื่อยเปื่อยของทั้งสองคนยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับทุกอย่างก้าวที่เดินไปโรงเรียนโดยพร้อมกัน มองจากมุมคนภายนอกแล้วพวกเขาคงเหมือนกับเพื่อนสนิทธรรมดาๆ คู่หนึ่ง แต่ทุกคำพูดและน้ำเสียงที่มอบให้กัน ถ้าใครได้สดับฟังก็ต้องคิดว่าพวกเขาทั้งคู่มีความรู้สึกที่ดีให้แก่กันจนเกินเลยคำว่าเพื่อนไปมากเหลือเกินแล้ว

     

     


















     

    คาบแรกของวันแรกในเทอมนี้เป็นชั่วโมงโฮมรูม ครูที่ปรึกษาได้เข้ามาช่วยแนะนำมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้กับนักเรียนในชั้น ทั้งยังช่วยปลุกความตื่นตัวให้รุ่นพี่ปีสามอย่างพวกเขาให้ตระหนักว่าอีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบกันแล้ว การพูดปลุกใจของครูคิมนั้นได้ผลมากทีเดียว แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่เรียนต่อและทำงานแทน ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของครูที่ปรึกษาที่จะช่วยให้คำแนะนำแก่นักเรียนต่อไป

    ยองแจเป็นอีกหนึ่งคนที่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน ยองแจเรียนอย่างหนัก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อแลกกับคำยินยอมของที่บ้านว่าจะให้เขาไปออดิชั่นเป็นนักร้อง จินยองรู้มาว่าแม้ตอนแรกยองแจจะถูกคัดค้านอย่างหนัก แต่เพราะการประพฤติตัวที่ดี มีการเรียนดี ไปพร้อมๆ กับการร้องเพลง เลยทำให้สุดท้ายแล้วพวกท่านก็ใจอ่อน แต่ถึงกระนั้นในช่วงที่เรียนมัธยมก็ยังไม่ให้ไปอยู่หอเหมือนเด็กเทรนนี่ของค่ายเพลงทั่วไป ต้องรอให้เรียนมัธยมปลายจบก่อน และแน่นอนว่ายองแจก็จะไม่ทิ้งการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน

    จินยองนั่งอยู่ด้านหลังบ่อยครั้งที่มองยองแจ แล้วก็แอบสังเกตได้ว่าระหว่างยองแจกับแจ็คสันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะปกติยองแจจะเย็นชาเฉยเมยใส่แจ็คสันตลอด แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มให้ จินยองเพิ่งรู้ซึ้งว่าปิดเทอมที่ผ่านมานี้ต้องมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากจริงๆ

    ช่วงเช้าผ่านไปโดยไม่มีอะไรพิเศษ ทุกอย่างเหมือนจะปกติ แต่แล้วช่วงพักเที่ยงกลับมีเรื่องให้นักเรียนทุกระดับชั้นจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

    “มีคนไปเอากันในห้องสมุดจริงๆ เหรอวะ พูดเป็นเล่นน่า!

    คนที่นับครั้งไม่ถ้วนพูดโทงๆ ออกมาโดยไม่กระดากปากเลยสักนิด แน่นอนว่าข่าวสดร้อนขนาดนี้ไม่มีทางรอดพ้นจินยองและมาร์คไปได้

    “มาร์ค...ทำยังไงดี” จินยองหน้าถอดสี เหงื่อแตกพลัก เพราะตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไปจริงๆ เลยยิ่งทำให้คิดว่าเรื่องที่ตกเป็นขี้ปากผู้คนในตอนนี้ก็คือตนเองและมาร์คไม่ผิดแน่

    ในขณะที่จินยองกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่แต่มาร์คกลับใจเย็นผิดคาด ในตอนนี้ในห้องเรียนมีคนไม่เยอะเท่าไหร่ มาร์คเลยสะดวกที่จะพูด “ใจเย็นๆ ก่อนนะ มันอาจจะเป็นพวกชอบประโคมข่าวสร้างความฮือฮาต้อนรับเปิดเทอมก็ได้”

    “แต่ว่า...”

    “ฟังนะจินยอง” ฝ่ามือแกร่งของมาร์ควางลงบนไหล่สวยของร่างบาง แววตาจริงจังจ้องตรงมาราวกับให้เชื่อใจ “เรื่องที่เราทำมันก็ตั้งแต่งานกีฬาสีแล้ว แต่ข่าวลือนี่กลับเพิ่งถูกปล่อยออกมา เป็นไปได้ว่าอาจจะหมายถึงคนอื่นก็ได้ จริงมั้ย”

    จินยองตั้งสติได้ ใบหน้าถอดสีค่อยๆ ดีขึ้น ร่างบางพยักหน้าตาม พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “อื้ม แต่บอกตรงๆ นะ มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี”

    “วางใจนะจินยอง ฉันไม่มีทางทำให้นายต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้แน่ๆ เชื่อใจฉันได้เลย” คำพูดแน่วแน่ของมาร์คทำให้จินยองสบายใจได้มากโข

    “ที่หน้าห้องสมุดมีกล้องวงจรปิด หวังว่านายคงไม่คิดจะไปขโมยเทปบันทึกหรอกนะ” คำพูดติดตลกของจินยองปล่อยออกมาเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีให้ตนเอง ทว่า... เมื่อได้เห็นแววตาของมาร์คกับรอยยิ้มกริ่มๆ นั้นแล้ว

    “ก็ถ้าไม่มีทางเลือกก็ต้องทำ” มาร์คพูดอย่างเริงร่าพลางขยี้เรือนผมร่างบาง

    จินยองไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเอื้อนเอ่ยถึงความคิดอันอาจหาญของมาร์คดีแล้ว แต่มันก็ทำให้ตัวเขาสบายใจขึ้นมากทีเดียว และต้องบอกกับตัวเองว่าให้พยายามไม่คิดมาก เชื่อในคำพูดมาร์คเข้าไว้ และพยายามไม่ใส่ใจคนรอบข้างที่พูดเรื่องนี้ตลอดทั้งวันอย่างไม่หยุดหย่อน และคิดเอาไว้ว่าข่าวลือก็คือข่าวลือที่ไม่นานก็จะปลิวหายไปกับกาลเวลา

     





























     

     

    ยองแจกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของแจบอมอีกครั้ง แม้ลึกๆ จะขัดกับหัวใจแต่ว่าการที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันก็ยังทำให้เจ็บน้อยกว่าการไม่ได้เห็นหน้า ยองแจมีความรู้สึกเล็กๆ ว่าแจบอมเปลี่ยนไปนิดหน่อย เมื่อเช้านี้จู่ๆ ก็เจอแจบอมรออยู่หน้าบ้านเพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน ทั้งที่ปกติแล้วนับครั้งได้เลยที่แจบอมจะทำอะไรแบบนี้ ในขณะที่ยองแจเลือกที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเอาไว้ ยองแจก็ได้มอบโอกาสให้แจ็คสันได้เข้ามาทำคะแนนหัวใจเหมือนกัน

    “ยองแจ! วันนี้ตามที่ตกลงกันนะ” เสียงแจ็คสันโพล่งขึ้นมาก่อนตัวเสียอีก ทันทีที่พ้นร่างอาจารย์และหมดคาบสุดท้ายของวันนี้ เขาก็รีบเก็บข้าวของแล้วมายิ้มหน้าระรื่นอยู่หน้าโต๊ะของยองแจ

    ยองแจยิ้มขำๆ พลางเก็บหนังสืออย่างอ้อยอิ่งเหมือนแกล้งอีกคน “ตกลงอะไรกันนะ ฉันไม่เห็นจะจำได้เลย”

    “ยองแจย่า...” เสียงอ้อนๆ ของแจ็คสันลอยมาพร้อมกับหน้าเหมือนหมาหงอยที่ยื่นเข้ามาใกล้ ยองแจเกือบจะหลุดขำออกมาแล้วเชียวหากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัด

    “ยองแจ!” เป็นแจบอมที่โบกไม้โบกมือให้อยู่ประตูห้องก่อนที่จะเดินอาดๆ เข้ามาถึงหน้าโต๊ะ “วันนี้เลิกเรียนนายทำอะไรรึเปล่า ฉันว่าจะชวนนายไปบ้าน”

    ยองแจมองหน้าทั้งสองคนสลับกันพลางกระพริบตาปริบๆ แจบอมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนข้างๆ แต่แจ็คสันกลับทำราวกับว่าแจบอมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น

    “ว่าไง ตกลงวันนี้ว่างรึเปล่า” แจบอมเริ่มสังเกตอากัปกิริยาแปลกๆ บนใบหน้าเพื่อนรัก “แม่ฉันชวนนายทานมื้อเย็นด้วย”

    “ขอโทษนะแจบอม พอดีว่าวันนี้ฉันมีนัดติวข้อสอบให้แจ็คสัน” ยองแจพูดออกไปในที่สุด แจบอมหน้าเจื่อนไปถนัดตา

    แจ็คสันดีใจยิ้มร่าราวกับถูกรางวัลที่หนึ่งก็มิปาน และเป็นครั้งแรกที่เขายอมรับว่ามีมนุษย์ชื่ออิมแจบอมอยู่ตรงนั้น “ก็อย่างที่ยองแจพูดมานั่นแหละนะเพื่อน ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องขอเอาตัวยองแจไปก่อน นายคงไม่ว่าไรใช่มั้ย”

    “ฉันจะไปว่าอะไรได้ล่ะ” แจบอมว่าเสียงห้วนๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไร แม้ว่าข้างในจะอดไม่ได้ที่จะไม่เกิดความรู้สึกเสียหน้า

    “ขอโทษนะแจบอม เอาไว้คราวหลังนะ ฝากขอโทษคุณน้าด้วย” ยองแจบอกด้วยรอยยิ้มที่แอบฝืน

    แจบอมพยักหน้ารับ “ไม่เห็นต้องมาขอโทษเลย ฉันไม่ได้บอกล่วงหน้าเองนี่นา งั้นฉันไปก่อนนะ”

    “อื้อ บ๊ายบาย” ยองแจโบกมือลาส่งๆ ก่อนจะหันมาสนใจกับกองหนังสือต่อ รีบเก็บข้าวของให้เสร็จโดยมีแจ็คสันชวนคุยอย่างอารมณ์ดี

    แจบอมค่อยๆ เดินออกมาเรื่อยๆ แต่ก็แอบชำเลืองมองกลับไป แต่ก็พบว่ายองแจไม่หันมาสนใจเขาเลย ปกติแล้วยองแจจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเขาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามเมื่อมองกลับไปก็มักจะพบใบหน้าของยองแจคอยมองกลับมาอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เหมือนกลับว่าทุกอย่างมันค่อยๆ เลือนราง พลันคิดก็ทำให้จู่หัวใจของแจบอมรู้สึกเหมือนหนามข่วนทั้งเจ็บทั้งคัน แม้จะไม่มากนักแต่ก็ทำให้เขาหงุดหงิดได้จริงๆ

     

     

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

     

     

    ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าอย่าเพิ่งแปลกใจที่ตอนนี้แอบหดสั้นไปหน่อย ไรท์จะบอกว่าต่อไปนี้แต่ละตอนจะประมาณนี้ บางตอนก็จะยาวกว่านี้แต่จะไม่สั้นไปกว่านี้ มันเหมือนทุ่นแรงไรท์ไปด้วย ปั่นเสร็จไว ได้มาอัพบ่อยๆ ไรงี้ 555555

     

    เข้าเรื่องกันบ้าง รู้สึกเหมือนงานจะเข้ามัคนยองเบาๆ นะ หวังว่าจะไม่มีอะไรน่าวิตกเหมือนที่มาร์คพูดก็แล้วกัน ส่วนแจบอม...รู้สึกยังไงบ้างคะ เกิดอาการหึงเพื่อนสบายดีมั้ยคะ 555555555555555555555555555 เดี๋ยวจัดไปอีกหลายๆ ดอก

     

    แท็กฟิค #ฟิคตองคิส

     

    ปล. ไรท์อาจจะเลื่อนระยะเวลาอัพฟิคไปอีกหน่อยก็เป็นได้ค่ะ แต่ยังไงช่วงนี้ยังมีเวลาจอง สนใจก็จองเลย แล้วก็งานตลาดฟิควันที่ 15 เดือนนี้ ไรท์จะเอาฟิคเมียจำเป็นไปด้วย ใครอยากได้ก็ไปสอยกันได้เลย อิอิ

     

    ปล้ำลิง. จริงๆ แล้วมันมีเรื่องราวช่วงตอนปีใหม่ด้วยแหละ แต่ตั้งใจว่าจะเอาไว้เป็นสเปเชี่ยลไรงี้

     

    อัพเดต 3/11/2558

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×