คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Episode 21 ลงเอย...ด้วยดี??
Episode 21 ลงเอย...ด้วยดี??
ห้วงเวลาเดียวกับที่เหตุการณ์ตึงเครียดในโรงเรียนกำลังคลี่คลายลงไป หนึ่งชีวิตที่อยู่ที่บ้านกลับยังคงจมปลักอยู่กับความคิดเดิมๆ คำพูดซ้ำๆ ของสองคน คนแรกก็คือเพื่อนสนิทที่ตนรับรู้ว่ามีใจให้ แถมยังเคยเผลอมีความสัมพันธ์ทางร่างกายที่เกินเพื่อนไปแล้ว ส่วนอีกคนก็คือผู้ชายที่ก้าวเข้ามาบอกอย่างกล้าหาญว่าชอบเพื่อนสนิทของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจไม่รู้สึกอย่างนี้ก็ได้ แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างมันเหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปอย่างไม่สิ้นสุด ดูเหมือนว่าสำหรับอิมแจบอมแล้ว ทุกอย่างมันยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“เฮ้อ...!” อิมแจบอมนอนก่ายหน้าผากถอนหายใจอยู่บนโซฟารอบที่ล้านทำให้น้องสาวผู้น่ารักทนไม่ไหวต้องละมือจากการจัดอาหารในครัวและเดินมาหาพี่ชาย
“อย่าหาว่าหนูละลาบละล้วงเลยนะ แต่หนูอยากรู้จริงๆ พี่กับพี่ยองแจมีเรื่องทะเลาะกันรึเปล่า” คำถามที่แสนตรงออกมาจากปากน้องสาวทำเอาแจบอมสะอึกไปชั่วครู่
“ทำไมถามงั้นล่ะ พี่กับยองแจก็ปกติดีนะ” แจบอมโกหกคำโต แต่ที่ได้รับกลับมาก็คือหน้าที่ส่ายรัวของเด็กสาว
“จะปกติได้ยังไง เมื่อเช้าก่อนพี่ยองแจจะกลับ หนูยังแอบเห็นพี่เค้าร้องไห้ออกมาจากห้องพี่อยู่เลย ถึงหนูจะยังเด็ก แต่ก็ไม่ได้โง่นะพี่”
แจบอมสะอึกอีกรอบกับสิ่งที่ได้รับรู้
“ยองแจร้องไห้...?”
“ก็ใช่อ่าดิ พี่ไปรังแกอะไรพี่ยองแจ บอกหนูมาเดี๋ยวนี้นะ” เด็กสาวคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบ ทั้งกระตุกชายเสื้อก็แล้ว ทั้งเขย่าตัวก็แล้ว
แต่แจบอมยังคงนิ่ง ราวกับดิ่งลึกลงสู่ใจกลางความรู้สึกก้นบึ้ง ส่วนแจยอนเริ่มสังเกตอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของพี่ชายก็เริ่มนิ่ง
“แจยอน...” แจบอมเอ่ยเรียกหลังจากเงียบไปนาน
เด็กสาวเลิกคิ้วสูง คอยท่าว่าพี่ชายจะพูดอะไร
“มันอาจจะเป็นคำถามที่โตไปสักหน่อยนะ แต่แจยอนคิดยังไงกับการที่เพื่อนสนิทกันเปลี่ยนไปคบกันเป็นแฟน มันดีหรือไม่ดี” แจบอมถามออกไปในที่สุด
เด็กสาวเอียงคอเล็กๆ ครุ่นคิดอย่างดีก่อนตอบออกไป “หนูว่ามันก็ดีนะ เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมา มันก็ต้องรู้นิสัยทั้งดีและแย่ของกันมาหมดแล้ว มันเป็นการคบกันที่เริ่มจากความเข้าใจอะไรแบบนี้ไง มันน่าจะเวิร์คนะ”
คนพี่ชักสีหน้าเครียด “แล้วถ้ามันไม่เวิร์คล่ะ ถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกัน จนไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ใช่จะกลายเป็นว่าต้องเสียความเป็นเพื่อนแต่เก่าก่อนไปหรอกเหรอ”
“จะกลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเก่าหรือตัดขาดกันมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือกเองไม่ใช่เหรอพี่” คำถามที่ย้อนกลับมาอย่างซื่อๆ สะท้อนสู่หัวใจของแจบอมให้ขบคิด
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากการเลือกของตัวเราเองทั้งสิ้น
ใช่... เป็นอย่างนั้นจริงๆ การที่เขาและยองแจตกอยู่ในสถานะแบบนี้มันก็คือผลพวงที่เกิดจากการผลักไสความรู้สึกของเขาเอง
แจบอมเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยถามอีกคำที่สำคัญไม่แพ้กัน
“ถ้าจู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มาแย่งเพื่อนสนิทของแจยอนไป เอ่อ... จะว่าไงดี เหมือนว่าเข้ามาแทรกกลาง และทำให้เพื่อนสนิทของแจยอนไปสนิทกับคนนั้นมากกว่า แจยอนน้องพี่จะทำยังไง”
“ก็ไม่ยอมสิถามได้!!” เธอโพล่งออกมาโดยคิดไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำไป “เพื่อนของหนู หนูก็รักของหนู ทำไมต้องยอมให้เพื่อนที่หนูรักไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าด้วย ไม่ยอมหรอก”
คำตอบที่ออกมาด้วยใจที่ใสซื่อของแจยอนทะลุทะลวงเข้าสู่กลางใจของแจบอมยากที่ใครจะนึกถึง แล้วภาพใบหน้าของยองแจ รอยยิ้มของยองแจ น้ำเสียงของยองแจ ช่วงเวลาทุกอย่างที่ยองแจกับเขาเกิดขึ้นร่วมกันมันประดังประดาเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
ราวกับหัวใจและสมองถูกปลดพันธนาการ แจบอมลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนน้องสาวตั้งตัวไม่ทัน
“พี่จะไปไหน ยังไม่หายดีเลยนะ!” แจยอนร้องเรียกเมื่อเห็นพี่ชายกำลังดึงเสื้อโค้ดที่แขวนอยู่ข้างประตูมาใส่อย่างรีบร้อน
แจบอมเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ก่อนที่จะพ้นจากประตูบ้าน ใบหน้าหล่อๆ นั้นโปรยยิ้มน้อยๆ และถอนหายใจเบาๆ “ดูบ้านดีๆ นะ พี่แวะไปบ้านยองแจแป๊บเดียว”
แจยอนเกาหัวแกรกๆ มองตามแจบอมอย่างไม่เข้าใจ เพราะในเวลานี้เธอยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจในความรู้สึกที่ซับซ้อนของพี่ชายจริงๆ
หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวาย ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อมาร์คกับจินยองได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขอีกครั้ง ก็หมดหน้าที่เพื่อนผู้พิทักษ์อย่างยองแจ ก่อนจะแยกจากกันที่หน้าโรงเรียน แจ็คสันที่เพิ่งซ้อมบาสเกตบอลเสร็จก็เข้ามาสมทบพอดี และขอไปส่งบ้านอย่างที่เคยทำ
“วันนี้ท่าทางดูเหนื่อยๆ นะ ซ้อมร้องเพลงหนักไปรึเปล่า”
“เปล่าหรอก วันนี้ไม่ได้ไปเหยียบชมรมเลย”
“อ้าว... เห็นกลับค่ำ นึกว่าอยู่ชมรมซะอีก”
“อืม... จริงๆ แล้วมีเรื่องนิดหน่อย แต่เป็นเรื่องของจินยอง ก็เลยไม่อยากเล่าให้ใครฟังจนกว่าเจ้าตัวจะเล่าเอง แต่ว่ามันก็จบลงด้วยดีแล้วล่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว เราจะได้มีเวลากลับมาติวหนังสือด้วยกันเต็มที่เหมือนเดิมเน๊อะ”
ยองแจไม่ตอบ... พอดีกับที่เดินมาจอดถึงหน้าบ้านพอดี ความเงียบโรยตัวขณะที่สองชีวิตยืนหันหน้าเข้าหากัน แจ็คสันลูบหัวใจเบาๆ ราวกับจะผ่อนคลายความประหม่า
“เป็นไรไปอ่ะ” ยองแจถามพลางเลิกคิ้วมองด้วยความฉงน
ใบหน้าที่ดูจริงจัง แววตาที่ดูมั่นคงแน่วแน่ของแจ็คสันกำลังจ้องมองมายังยองแจอย่างไม่หลบสายตา นั่นทำยองแจเริ่มรู้สึกได้ว่าอะไรก็ตามแต่ที่กำลังจะออกมาจากปากของแจ็คสัน มันคือเรื่องสำคัญอย่างมาก
“ยองแจ... เรามาลองคบกันดูมั้ย”
ดวงตาเรียวเล็กของยองแจลุกวาวกระพริบถี่ เหมือนทุกอย่างตรงหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ แต่ทว่า... ไม่ใช่แค่ยองแจเท่านั้นที่ตกใจกับคำขอรักที่ซื่อตรงของแจ็คสัน...
แต่ยังรวมไปถึงอีกหนึ่งชีวิตที่ซ่อนอยู่ในความมืดติดรั้วไม่ไกลจากประตูบ้าน แต่ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน เห็นภาพตรงหน้าชัดเต็มสองตา
แจบอมนั่นเอง...
นี่เรามาช้าไปแล้ว?? แจบอมถามตัวเองอย่างเจ็บใจ เจ็บใจที่ต้องมาฟังคนอื่นขอยองแจเป็นแฟนอย่างกล้าหาญในขณะที่ตัวเองทำได้แค่ยืนโง่ๆ หลบมุมอยู่อย่างขี้ขลาด
ยังไม่มีสิ่งใดออกมาจากปากของคนถูกขอรับรักเลยสักคำเดียว ความประหม่าและหวั่นวิตกสะท้อนกลับสู่แจ็คสันที่ใจฝ่อไปกว่าครึ่งแล้ว กลัวว่าจะผิดหวัง ความเงียบที่ได้รับมันยิ่งน่ากลัวกว่าการเอ่ยสิ่งใดเสียอีก
“ถ้ายังไม่มั่นใจจะลองเก็บเอาไปคิดก็ได้นะ เรารอได้อยู่แล้ว” แจ็คสันบอกอย่างคาดหวังในน้ำเสียงแสนละห้อย
ยองแจยิ่งคิดหนักกว่าเดิม จริงอยู่ว่าแจ็คสันดีกับตนอย่างมาก ดูแล เอาใจใส่ทุกอย่าง ในบางครั้งก็เคยลองจินตนาการว่าถ้าได้คบหาดูใจกันมันจะไปได้ด้วยดีไหม มันจะมีความสุขมากกว่าทุกข์หรือเปล่า ถามใจตัวเองหลายครั้งก็ยังไม่พบคำตอบอย่างที่ต้องการสักที
“แจ็คสัน...”
“แต่ขออย่างเดียวได้มั้ย อยากให้ยองแจลืมแจบอม เราไม่อยากเห็นยองแจเป็นทุกข์อีกแล้ว ได้มั้ย...”
คำขอร้องนี้ของแจ็คสันมันบีบหัวใจของยองแจเสียยิ่งกว่าการถูกขอเป็นแฟนเสียอีก แล้วมันก็ยากยิ่งกว่าสิ่งใดด้วย
แจบอมที่แอบยืนอยู่ยิ่งหัวใจดิ่งลงเหว ทำไมเขาต้องมาทนรับฟังอะไรพวกนี้ด้วย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับใจของเขาถ้าหากยองแจรับปากคำขอนั้น
“นะยองแจ ได้โปรด...”
“อื้ม เราจะพยายามนะ”
เสี้ยววินาทีที่ยองแจตอบรับ หลายสิ่งหลายอย่างถาถมมาสู่อิมแจบอม แต่ที่ชัดเจนและหนักหน่วงที่สุดนั่นก็คือคำพูดสุดท้ายของน้องสาวอันเป็นที่รัก
“เพื่อนของหนู หนูก็รักของหนู ทำไมต้องยอมให้เพื่อนที่หนูรักไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าด้วย ไม่ยอมหรอก”
แจบอมไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ ราวกับว่ามันพุ่งทะยานไปตามจิตใต้สำนึกเบื้องลึกที่มันพองตัวขยายใหญ่จนห้ามไม่ไหว แจบอมไม่สนใจอาการตกใจบนสีหน้าของแจ็คสันและยองแจเมื่อได้เห็นเขาปรากฏกาย
จังหวะที่สองชีวิตกำลังหยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจ แจบอมมุ่งตรงไปแทรกกลาง หยุดอยู่เบื้องหน้าของยองแจ และไม่รอให้ใครสั่ง ไม่รอให้ยองแจเอ่ยถาม ฝ่ามือทั้งสองข้างเอื้อมเข้าประคองแก้มอวบๆ พร้อมกับริมฝีปากที่โน้มเข้าไปเพื่อจูบ!
ริมฝีปากแข็งแรงกำลังบดขยี้อย่างบ้าคลั่งราวกับจะพร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกอันเปี่ยมล้นของแจบอม ยองแจสัมผัสมันได้เรื่อยๆ มันแผ่ซ่านเข้ามาตามรูขุมขน ฉากร่วมรักครั้งแรกผุดเข้ามาในห้วงแห่งความทรงจำ มันค่อยๆ หลอมละลายยองแจได้อีกครั้ง จากที่เคยยืนแข็งทื่อเหมือนถูกสาปเป็นหิน ร่างกายมันก็ค่อยๆ อ่อนยวบไปเหมือนกับไอศกรีมที่กำลังละลาย ดวงตาเบิกโพลงค่อยๆ หลับพริ้มพร้อมกับริมฝีปากเองก็ค่อยๆ ตอบรับไปพร้อมกัน
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นภาพเคลื่อนไหวแสนเชื่องช้า แต่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นต่อหน้าแจ็คสันที่หัวใจกำลังแตกสลาย ภาพที่อยู่ตรงนี้มันยิ่งตอบย้ำว่า...เขาแพ้แล้ว เขาไม่อาจแทรกไปอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนี้ได้ ไม่มีทางช่วงชิงหัวใจของยองแจมาได้ และไม่มีทางทำให้ยองแจลืมแจบอมได้เลย
ความจริงที่ตระหนักได้นี้ได้พาแจ็คสันหลบออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ไร้ซึ่งตัวตน ไร้ซึ่งใครจะรับรู้ มันเจ็บปวด แต่ก็ต้องยอมรับมันด้วยใจ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ความเงียบโรยตัว ได้ยินเพียงเสียงเสียดสีกันของริมฝีปากที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทั้งสองเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร และอยู่ที่ไหน ทั้งสองหลุดจากภวังค์ ลืมตาขึ้นมาสบตากันด้วยความเคอะเขินอยู่ในที คนหนึ่งเงียบ อีกคนก็เงียบตาม ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆ ออกมาในห้วงเวลานี้
“ฉันว่า... ฉันกลับบ้านดีกว่า” คำตัดบทในแบบโง่ๆ ของแจบอมทำเอายองแจแทบหูผึ่ง
แจบอมเงอะงะทำตัวไม่ถูกระหว่างยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้าน ทว่า... สุดท้ายก็ต้องชะงักหันกลับมาเพราะเสียงที่แสนดุของยองแจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะแจบอม! คิดว่ามาจูบฉันแล้วนายจะกลับบ้านไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ อยากตายรึไง”
“เอ่อ...” แจบอมหันมาแบบทื่อๆ อย่างกับตุ๊กตาไขลาน อาการเก้ๆ กังๆ แบบนี้ แม้แต่ยองแจเองก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก ไหนจะดวงแก้มที่แดงจัด แดงไปจนถึงหูทั้งสองข้างนั่นอีก มองดูแล้วก็ทั้งน่าขำ ทั้งน่าโมโห
“ว่าไง จะอธิบายอะไรก็ว่ามา” ยองแจถามห้วนๆ ถามทั้งๆ ที่ใจก็พองโตด้วยพอจะคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากฟังชัดๆ เต็มสองหู
“แล้วนายจะให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ ฉันคิดไม่ออก”
“อิม – แจ – บอม !” สายตาดุกร้าว น้ำเสียงเฉียบขาดยิ่งบีบคั้นให้แจบอมราวกับหายใจไม่ออก เหงื่อเม็ดเป้งผุดพราวเต็มใบหน้าทั้งๆ ที่อากาศเย็นจัด
“ถ้านายยังไม่พูด ฉันจะไปหาแจ็คสันเดี๋ยวนี้” คนขู่ตั้งท่าจะไปจริงๆ นั่นเป็นฉนวนสุดท้ายที่ทำให้แจบอมหมดซึ่งขีดจำกัด
“ฉันต้องการนาย ฉันหยุดคิดถึงนายไม่ได้ จะกิน จะนอน จะเดิน จะเรียน จะทำอะไรก็เห็นแต่ใบหน้าของนาย สลัดความจริงที่ว่าเราเคยมีอะไรกันออกไปไม่ได้ ฉันไม่อยากเสียนายไปให้แจ็คสัน ฉันอยากเก็บนายเอาไว้คนเดียว มันก็แค่นี้แหละ!!”
ทั้งๆ ที่ไม่มีคำว่า “รัก” ออกมาจากปากสักคำ แต่ถ้อยคำทั้งหลายที่พรั่งพรูออกมานั้นมันตอบทุกอย่างจนชัดเจนหมดแล้ว
ยองแจระบายยิ้ม... ยิ้มทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ
แจบอมเองก็แอบยิ้มไม่หุบ เกาหัวแก้เก้อเขินตามประสา แต่ดวงตาทั้งสองดวงมิอาจละไปจากกัน แม้จะถูกคั่นกลางด้วยระยะห่างหลายก้าว แม้จะไม่ได้สัมผัสแตะต้องตัว ทว่า...ความรู้สึกนั้นเป็นหนึ่งเดียว หัวใจทั้งสองดวงมันได้เดินทางมาอยู่ด้วยกันดั่งที่มันสมควรจะเป็นแล้ว
จินยองทิ้งตัวลงนอนเตียงนุ่มทันทีที่กลับมาถึงห้องนอน และอีกคนที่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ก็คือมาร์ค รอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าที่แสนอ่อนล้า เนิ่นนานที่ทั้งสองนอนหลับตาฟังเสียงลมหายใจของซึ่งกันอย่างสงบ
“คิดๆ ดูก็สงสารน้องเค้าเหมือนกันนะ” เสียงเนือยๆ ของจินยองล่องลอยในอากาศ ตามด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ
ดวงตาของมาร์คเบิกโพลง เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็กลิ้งตัวไปขึ้นคร่อมเจ้าร่างบางก่อนที่จะรู้ตัว
จินยองตกใจลืมตาโต แล้วก็พบว่าใบหน้าหล่อๆ นั้นห่างกันเพียงแค่เชือกกัน มาร์คชักสีตาดุ พลางส่งปลายจมูกโด่งๆ ถูไถไปกับใบหน้าสวยอย่างหมั่นเขี้ยว
“มาร์ค...ไม่เอา มันจั๊กจี้” จินยองบ่ายเบี่ยงใบหน้าหลบ แต่ผลที่ได้ก็คือมาร์คยิ่งประชิดตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แถมมือซนๆ ยังเลื้อยไปเคล้าคลึงบั้นท้ายแน่นเน้นๆ
“หยุดแกล้งได้แล้วน่า...”
“ก็ถอนคำพูดก่อนสิ พูดมาได้ยังไงว่าสงสารคนที่ทำร้ายตัวเอง” ไม่ดุเปล่า มาร์คยังเคาะเหม่งน้อยเบาๆ เตือนสติ
จินยองเบ้ปาก แต่ก็พยักหน้าน้อยๆ เข้าใจแฟนหนุ่มว่ารู้สึกอย่างไร “ขอโทษที่พูดอะไรไม่คิดนะ หายเม้งได้ยัง”
“หายเม้งก็ได้” มาร์คตอบส่งๆ เพราะในตอนนี้ความอยากกระหายมันพวยพุ่งออกมาจนไม่สนใจอะไรแล้ว “หิวมากตอนนี้ ขอสักยกหน่อยนะ”
“ไม่เอา... เดี๋ยวพ่อแม่มาเห็น” คำขู่แห้งๆ ของจินยองได้รับการกลับมาเพียงยิ้มยียวนกวนประสาทของมาร์ค
“พ่อแม่จินยองมาเห็นสิดี จะได้ทำการสู่ขอทีเดียวไปเลย” ว่าแล้วก็กดจูบที่แก้มซ้ายแรงๆ สักฟอดให้ชื่นใจ
“ไอ้มาร์คบ้า บอกว่าให้หยุดก่อนไง เดี๋ยวพ่อมาเห็นได้ฆ่าตาย”
“โปรดจำไว้ มัคคึยอมตายดีกว่าถ้าไม่ได้ซั่ม” การแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนอย่างหน้าไม่อายของมาร์คทำให้จินยองนึกถึงสัจธรรมข้อหนึ่งได้ว่าเขาไม่ควรไปสงสารใครทั้งนั้น เขาควรสงสารตัวเองที่มีแฟนเป็นไอ้หื่นบ้ากามเยี่ยงนี้
NC ไม่เยอะมากหรอก เน้นฟิน 55555555555
........ เรื่องราวฟินๆ ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ …….
ติดตาม “บทส่งท้าย” + Side Story ของสองคู่ในรวมเล่มได้ค่ะ ส่วนเนื้อหาที่ลงให้อ่านในเว็ปจะมีเพียงเท่านั้น
ส่วน NC เข้าไปหาอ่านได้ที่เพจสายลมอ่อนระทวย ตรง "โน๊ต" ค่ะ ไรท์เอาลงให้อ่านแล้ว ไม่ต้องขอทางอีเมลแล้วค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในฟิคเรื่องหน้า ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ
#ฟิคตองคิส
ความคิดเห็น