ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISS KISS KISS ;; MarkNior ft. 2Jae

    ลำดับตอนที่ #6 : Episode 5 อดีตของมาร์ค

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      24
      30 มิ.ย. 58



     

    Episode 5 อดีตของมาร์ค

     

     




     

    หนึ่งนาทีผ่านไป... ห้านาทีผ่านไป... สิบนาทีผ่านไป... หลังจากที่ยองแจเข้ามาอยู่ในห้องนอนของจินยองแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาซะทีว่าที่มาคืนนี้มีเรื่องอะไรกันแน่ จะว่ามาขอลอกการบ้านก็คงไม่ใช่เพราะว่าหมอนี่มันเด็กเรียนกว่าอีก

    “ว่าไง มีไรก็รีบๆ พูดมา” จินยองเริ่มชักสีหน้าเบื่อหน่าย ขณะที่เปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งอยู่ขอบเตียงข้างเพื่อนรัก “ถ้านายยังไม่ยอมพูดซะที ฉันก็จะไปแล้วนะ”

    “ไปหามาร์คเหรอ?” ยองแจแยบถามใช้น้ำเสียงระมัดระวัง พิรุธนี้ทำให้จินยองแน่ใจมากว่าเรื่องที่ไอ้เพื่อนยากมันอยากจะพูดนั้นเกี่ยวข้องกับใคร

    “นายจะมาพูดเรื่องมาร์คใช่มั้ย?”

    ยองแจชั่งใจไปเกือบนาที สายตาที่หลุกหลิกนั้นแสดงถึงความไม่สบายใจ “เรื่องของมาร์คนั่นแหละ คืองี้...ฉันรู้เรื่องของมาร์คสมัยที่อยู่เมืองนอกมาด้วยแหละ ฉันเลยไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

    “ทำไมล่ะ มาร์คเขาทำไม นายถึงต้องไม่สบายใจด้วย”

    ยองแจทำอ้าปากแล้วก็หุบ อ้าแล้วก็หุบอยู่เสียนาน แต่สุดท้ายเขาก็เอ่ยมันออกมา “คือ...แบบว่า เขาเป็นพวกเจ้าชู้ฟันแล้วทิ้งนะสิ เคยทำคนเสียใจมาเยอะ มีคนหนึ่งถึงกับฆ่าตัวตายเลยนะจินยอง มันน่ากลัวมาก”

    จินยองที่ได้ยินสิ่งนั้นถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วต่างจากสีหน้าที่มึนงง “นายพูดอะไร นายไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน”

    “แจบอมสืบเรื่องของมาร์คแล้วให้ฉันมาบอกนาย เพราะเขาเป็นห่วงนายนะสิ”

    “แจบอม เขาบ้าไปแล้ว!

    “แจบอมทำแบบนี้ก็เพราะเขาเป็นห่วงนายนะจินยอง เขาก็เหมือนกับฉันที่ไม่ไว้ใจมาร์ค สิ่งที่เขาทำกับนายน่ะ เขาเคยบอกกับนายว่าชอบเหรอ หรือแค่หลอกจูบนายไปวันๆ แล้วก็ลงเอยด้วยการที่นายตกเป็นของเขาแล้วสุดท้ายก็คือทิ้งนาย”

    ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากของยองแจเสียดแทงหัวใจของจินยองอย่างฉกรรจ์ มันได้ตอกย้ำสิ่งที่เขาไม่อยากจะคิดถึงมันมากที่สุด เขาไม่สนใจเลยว่าอดีตของมาร์คจะเป็นยังไง แต่สิ่งเดียวที่สนใจก็คือมาร์คจริงใจกับเขามากแค่ไหน

    “นายกลับไปเถอะยองแจ ฉันง่วงแล้วล่ะ” จินยองตัดบทขึ้นมาดื้อๆ หลังจากเงียบไปนาน ทว่า...ยองแจยังคงนั่งนิ่งจ้องหน้าเพื่อนรักไม่วางตา

    “นายไม่โกรธฉันใช่มั้ย”

    “ไม่เลย” จินยองส่ายหน้ารัวพลางแย้มยิ้มอ่อนระโรย “ฉันจะโกรธคนที่หวังดีกับฉันได้ยังไงจริงมั้ย แต่ฉันง่วงแล้วจริงๆ อยากนอนพัก เราค่อยเจอกันที่โรงเรียนนะ”

    “ก็ได้ งั้นฉันไปก่อน ไม่ต้องลงไปส่งนะ”

    “อื้อ ขอบใจนะยองแจ”

    สายตาเป็นห่วงของยองแจยังคงมองมาก่อนที่บานประตูจะปิดลง พร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของจินยองผู้ที่กำลังคิดหนัก เขาไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่ออกว่ามาร์คมีนิสัยออกแนวเพลย์บอยอย่างเห็นได้ชัด และคงผ่านการคบหากับคนมาไม่น้อย แม้ตอนนี้จะบอกกับตัวเองได้ว่าจะพยายามไม่คิดเรื่องเก่าๆ ของมาร์ค โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้คนๆ หนึ่งถึงตาย มันอาจจะไม่เป็นความจริงหรือมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น แต่ลึกลงไปมันก็ยังอดคิดไม่ได้และรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

    “เฮ้อ...” ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าขณะที่เดินไปหน้าระเบียงมองผ่านกระจกไปยังห้องนอนของมาร์คที่ไฟยังเปิดสว่างโร่สามารถมองเห็นว่าเจ้าของห้องยังไม่กลับมา

    ในที่สุดจินยองก็หักใจปิดม่านหน้าต่างแล้วกลับมานอนก่ายหน้าผากมองฝ้าเพดาน “ถ้าถามไปตรงๆ หมอนั่นจะยอมเล่าให้ฟังมั้ยนะ”

    เสียงรำพึงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาซ้ำๆ ขบคิดหลายตลบอยู่แต่เพียงคนๆ เดียว ใจหนึ่งก็อยากกลับไปหามาร์ค แต่ร่างกายมันกลับขยับยากเย็นเหลือเกินจนในที่สุดเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งก็ค่อยๆ หลับลงช้าๆ ช้าๆ

    แต่แล้ว...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

    ร่างบางสะดุ้งตัวตื่นตาเหลือกตาลานมองซ้ายมองขวา มองไปที่บานประตู “แม่เหรอครับ มีอะไรรึเปล่า”

    “ฉันเอง มาร์ค อยู่ที่ระเบียง” เสียงห้าวที่ตอบกลับมานั้นหาใช่แม่ของตัวเองแต่กลับเป็นมาร์คที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง

    คิ้วสวยขมวดเป็นปมขณะที่ลุกจากเตียงถลันไปทางต้นเสียงและกระชากผ้าม่านเปิดออก ที่เด่นชัดอยู่ตรงหน้าก็คือมาร์คไม่ใช่ใครอื่น

    “ไหนนายบอกว่าจะไปหาฉันไง ฉันรอตั้งนาน”

    จินยองไม่อยากจะเชื่อตาตัวเองเลย เขามองผ่านเลยมาร์คไปดูระยะห่างระหว่างระเบียงทั้งสองด้านแล้วก็ยิ่งสยอง แม้มันจะไม่ห่างมากแต่ก็เสี่ยงที่จะตกลงไปได้เหมือนกัน “ฉันละยอมใจนายจริงๆ เลยนะมาร์ค ไม่กลัวตกลงไปคอหักตายรึไง!

    “กลัวดิ แต่กลัวไม่ได้เห็นหน้านายมากกว่า”

    “แหวะ เลี่ยน!

    “ตกลงจะเปิดให้ฉันเข้าไปได้รึยัง” สายตาอ้อนๆ เหมือนลูกหมาทำให้ร่างบางจิตใจสั่นไหวอีกแล้ว จนแทบจะทำให้คำพูดของยองแจเลือนราง แล้วในที่สุดก็คือมือกบฏมันก็ปลดล็อคและเลื่อนเปิดให้เจ้าของหัวใจเจ้ากรรมได้เข้ามาจนได้

    “อ๊ะ! ทำอะไรของนายปล่อยนะ” ร่างบางประท้วงเมื่ออีกคนเข้ามาสวมกอดแน่นทันทีที่เข้ามาในห้อง “บอกให้ปล่อยไงหายใจไม่ออก”

    “ไม่เอาอ่ะ ฉันอยากกอดนาย” ไม่ว่าเปล่า มาร์คก็ยิ่งกระชับกอดแน่นแล้วพาร่างน่ารักไปที่เตียงทิ้งตัวลงนอนไปด้วยกัน “ในเมื่อนายไม่ยอมไปหาฉันตามที่บอก เพราะงั้นวันนี้ฉันก็จะนอนกับนายที่นี่แหละ”

    “จะบ้าเหรอ!

    “ไม่บ้า พูดจริง”

    “แต่ว่า...”

    “ไม่มีแต่” มาร์คสวนกลับมาอย่างดื้อดึง มือว่องไวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของตนและคนในห้อมกอดและรีบปิดโคมไฟอย่างรวดเร็ว

    “นายนี่มันจริงๆ เล้ย ชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อย”

    “เถอะน่าจินยอง แค่นอนกอดเอง สาบานว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยนะ” มาร์คทำท่าชูนิ้วขึ้นมาสาบานพลางยิ้มหน้าทะเล้น จินยองที่เห็นได้ลางๆ ถึงกับค้อนใส่อย่างหมั่นไส้

    เหมือนถูกดึงกลับไปสู่จุดๆ เดิมที่ไม่อาจต้านทานหัวใจเวลาที่อยู่กับมาร์คได้ ยอมให้เขาจูบ ยอมให้เขากอดโดยที่หัวใจไม่เคยขัดขืนได้จริงๆ สักครั้งเดียว บางครั้งก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องจำเพาะเจาะจงว่าเป็นคนนี้ ทำไมไม่เกิดความรู้สึกแบบนี้กับคนอื่น

    หรือเพราะเป็นเจ้าของจูบแรก?

    “มาร์ค นายหลับรึยัง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงหายใจที่รินรดต้นคอจนเกิดความรู้สึกแปลกๆ “หลับแล้วงั้นเหรอ”

    ผ่านไปนานแต่จินยองไม่อาจข่มตาลงนอนได้ คำพูดของยองแจยังคงเข้ามารบกวนจิตใจอยู่เป็นระยะๆ จนเกิดคับใจทนไม่ไหวต้องระบายมันออกมาผ่านน้ำเสียงแผ่วเบา “มาร์ค... ฉันได้ยินเรื่องของนายมาด้วยนะ เรื่องที่นายคบคนเยอะแยะมากมาย เป็นพวกฟันแล้วทิ้ง ไหนจะมีคนตายเพราะนายด้วย ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยรู้มั้ย และลึกๆ ก็รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก”

    “แล้วนายเชื่อเรื่องพวกนั้นมั้ยล่ะ” เสียงแหบพร่าของมาร์คที่เอ่ยออกมาข้างๆ หูทำเอาจินยองสะดุ้งตาเบิกโพลง

    “นายยังไม่หลับเหรอ!

    “ถ้าฉันไม่แกล้งหลับก็คงไม่รู้ว่านายมีเรื่องอะไรทำให้ไม่ยอมกลับไปหาฉัน” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นรู้สึกได้ถึงความสุขุมนุ่มลึกแฝงเร้นไว้ด้วยความตึงเครียด

    “ไหนบอกมาซิว่านายเชื่อเรื่องพวกนั้นรึเปล่า”

    “เอ่อ... ฉัน”

    “ไม่น่าถามเลยนะ เพราะการที่นายไม่กลับไปหาฉันนั่นก็คือคำตอบแล้วว่านายเชื่อ หึ... มันก็นะ ฉันมันก็ไม่ใช่คนดีอะไรนี่นา” มาร์คเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เขาคลายกอดจากร่างบางแล้วขยับห่างออกไปนั่งพิงหัวเตียง

    จินยองตกใจหันขวับไปมอง รีบแก้ข้อสงสัยก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดไปไกลให้เข้าใจผิด

    “ไม่ใช่ว่าฉันเชื่อหรอกนะมาร์ค อย่าคิดแบบนั้น เฮ้อ... จะว่ายังไงดีล่ะ ฟังนะมาร์ค ฉันรู้ว่านายไม่ใช่ผู้ชายใสๆ หรือเหมือนเด็กหนุ่มวัยนี้ทั่วๆ ไป ฉันรู้ นายต้องเคยคบใครมาแน่ๆ แต่ที่ทำให้ฉันไม่สบายใจเลยก็คือเรื่องมีคนตาย กับ...กับสิ่งที่นายทำมันจริงใจกับฉันแค่ไหน”

    “ดีมาก! พูดมันออกมาเลย พูดมาให้หมด!

    “ห๊า?” จินยองอ้าปากค้าง ตกใจกับเสียงทะเล้นๆ ของมาร์ค และเมื่อลุกขึ้นเอื้อมมือไปเปิดไฟก็พบใบหน้ายิ้มแย้มของมาร์คได้ชัดเต็มสองตา “นายเป็นบ้าอะไรของนาย เมื่อกี้ยังทำเป็นงอนแล้วตอนนี้มายิ้มใส่ นายหลอกให้ฉันพูดความในใจใช่มั้ย!

    “ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วนายจะยอมพูดรึไง” รอยยิ้มมีชัยผุดขึ้นที่มุมปากของเจ้าคนจอมวางแผน เห็นแล้วแทบอยากจะเอาหมอนหุบให้หน้าแหก

    “ฟังนะจินยอง แล้วก็ห้ามโมโหด้วย” น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ร่างบางสะดุดหยุดชะงักความโมโหไปได้โดยพลัน มือเรียวยาวของมาร์คที่เอื้อมเข้ามาโอบกุมมือเขานั้นช่างอ่อนโยนและดูเป็นผู้ใหญ่มากจริงๆ “เรื่องในอดีตฉันไม่สามารถไปแก้ไขมันได้ ใช่...ฉันเคยคบคนมาเยอะจริงๆ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต แต่ฉันไม่ได้เป็นพวกฟันแล้วทิ้งซะหน่อย เราก็ต่างพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้วก็เลิกรากันด้วยดี มันคือโลกของผู้ใหญ่”

    “แล้ว...เอ่อ ที่ว่ามีคนตายล่ะ”

    เขายิ้มกับคำถามที่คาดหวังของร่างบาง “มันก็แค่ข่าวลือจากกลุ่มแฟนคลับฉันนั่นแหละ พวกเขาไม่อยากให้ใครมายุ่งกับฉัน หนักสุดก็เรื่องว่าฉันทำให้คนที่คบด้วยฆ่าตัวตาย แต่ฉันไม่สนใจขี้ปากคนอื่นหรอก พวกเขาไม่ใช่คนที่ฉันแคร์ ไม่เหมือนที่ฉันแคร์นายถึงยอมเล่าให้ฟัง”

    คำอธิบายของมาร์คนั้นทำให้จินยองยิ้มออกมาได้โดยพลัน แม้จะยิ้มได้อย่างไม่เต็มที่ แต่ความรู้สึกโปร่งโล่งนั้นแผ่ขยายไปทั่วทำให้รู้สึกเหมือนตะกอนในใจได้หายไปแล้ว

    “ส่วนเรื่องที่นายสงสัยว่าฉันจริงใจกับนายมากแค่ไหน ฉันอาจจะตอบไม่ได้ด้วยคำพูด แต่ฉันจะทำให้นายได้เห็นเอง”

    “ยังไงล่ะ” คิ้วเรียวเริ่มขมวดอีกแล้ว และแทบจะผูกติดกันเมื่อพบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า “ว่ายังไง นายจะทำอะไร อย่างยิ้มแบบนั้นสิ”

    “ก็แค่... มีไอ้บ้าคนหนึ่งมาท้าดวลฉันให้แข่งบาส แล้วถ้าไอ้บ้านั่นชนะฉันต้องเลิกยุ่งกับนาย แต่ถ้าฉันชนะมันก็ห้ามมาตอแยกับนายอีก”

    “ห๊า? พูดจริงหรือพูดเล่นเนี้ย”

    ความเงียบของมาร์คนั้นย้ำในคำตอบแล้วว่าไม่ได้พูดเล่น

    “แล้วไอ้บ้านั่นใคร เดี๋ยวนะ...แจบอมเหรอ??”

    มาร์คไหวไหล่เบาๆ เป็นคำตอบ แต่สีหน้าของจินยองไม่สู้ดีเอาเสียเลย “จินยอง นายห้ามโกรธเด็ดขาด แล้วก็อย่ามาห้ามด้วย มันคือศักดิ์ศรี ถ้าไม่ทำแบบนี้ให้ชัดเจน หมอนั่นก็จะไม่ยอมเลิกรา มายุ่งกับนายอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นฉันต้องสั่งสอนมัน”

    “แต่นายไม่รู้อะไร แจบอมเล่นบาสเก่งมากนะ นายอาจจะแพ้”

    “เฮ้! อย่าพูดเป็นลางสิ นายแค่ทำหน้าที่เป็นกองเชียร์ เชียร์ฉันดังๆ ก็พอ แล้วฉันจะคว้าชัยชนะมาให้นายเอง ใครก็มาหยุดเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”

    “เฮ้อออออออ”

    “ไม่ต้องถอนหายใจแล้วเดี๋ยวแก่ นอนกันเถอะๆ”

    “เฮ้อออออออออออออ”

    “เฮ้อออออออออออออออออออออ” มาร์คล้อเลียนด้วยการพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ใส่หน้าสวยๆ อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะปิดไฟอีกครั้งและเอนร่างบางนอนพับลงไปด้วยกัน

    “ราตรีสวัสดิ์นะจินยอง”

    จินยองไม่รู้เหมือนกันว่ามันโกรธหรือกังวลใจมากกว่ากันที่ถูกนำตัวไปเดิมพันขนาดนี้ แต่ลึกลงไปในความโกรธน้อยๆ นี้ ก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ตัวเองมีความสำคัญขนาดที่ว่าคนๆ หนึ่งหรือสองคนยอมทุ่มเทแรงกายแข่งขันเพื่อเขา แต่แน่นอนว่าหัวใจดวงนี้มันได้เอนเอียงไปทางผู้ชายที่กอดเขาหลับนอนอยู่นี้เท่านั้น

     

     

     


     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

     

     

    กลับมาอัพแล้ว... (แอบสั้นไปหน่อย เพราะถ้ามีต่อมันจะยาวมากเลยตัดไปตอนหน้า อิอิ) ไรท์กลับมาอัพอีก เห็นว่ามีคนรออ่านก็ดีใจค่ะ และหวังว่ามันจะเป็นไปด้วยดีต่อไป ยังไงก็ช่วยสนับสนุนไรท์ด้วยนะคะ เรื่องราวต่อจากนี้ต่อเข้มข้น (ในระดับเบาๆ ไม่หน่วงมาก) ตอนนี้เอาฟินๆ ไปก่อน ต้อนรับกลับมา

     

     

    ไรท์เปลี่ยนแท็กใหม่ #ฟิคตองคิส

     

     

    อัพเดต 29-6-2558

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×