ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #104 : ดินอาถรรพ์ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      87
      18 ต.ค. 62

    ตอนที่ 104 ดินอาถรรพ์







         "เซจาพิน! เซจาพินออกมาเดี๋ยวนี้!" เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวของรัชทายาทดังลั่นมาจากด้านหน้าตำหนักของพระชายาฮยอนจอง ซังกุงและนางในที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่นั้นต่างพากันหลีกทางให้เมื่อลีซองแจเสด็จขึ้นมาบนบันไดหิน

         "จะออกมาเองหรือให้ข้าบุกเข้าไป" เชื้อพระวงศ์หนุ่มนัยน์ตาโศกตะโกนเข้าไปอีกรอบ ข้าราชบริพารรอบด้านเริ่มตัวสั่นอย่างหวาดกลัว พวกเขาไม่เคยเห็นรัชทายาทกริ้วถึงเพียงนี้มาก่อน พระพักตร์หล่อเหลาที่ปกตินั้นขาวดุจน้ำนมบัดนี้มันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

         ฮยอนจอนเซจาพินที่อยู่ในตำหนักสะดุ้งหลายหนเมื่อได้ยินเสียงพระสวามีตวาด พระนางหน้าซีดเผือด เหงื่อแตกไหลเต็มหน้า พระชายารู้ดีว่าองค์รัชทายาทบุกมาหาตนด้วยเรื่องอันใดจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบไร้วาจาใดขานตอบกลับไป

         "โอซังกุง รีบไปทูลองค์รัชทายาทเดี๋ยวนี้ว่าข้าป่วยหนัก วันอื่นค่อยคุย" พระนางหันไปสั่งซังกุงคนสนิท

         "แต่... แต่พระนางไม่ได้ทรงประชวรเสียหน่อยนี่เพคะ" ซังกุงสูงอายุกล่าว

         "โอ๊ยนังนี่! ข้ารู้ แต่ข้าอ้าง เข้าใจไหม รีบไปทูลเร็วเข้า"

         "นั่นก็เท่ากับทูลความเท็จต่อเบื้องสูงเลยนะเพคะ"

         "โอซังกุง" เซจาพินตวัดเสียง "ใครเป็นนายของเจ้ากันแน่"

         "พระ... พระชายาฮยอนจองเพคะ" ซังกุงคนสนิทกล่าวเสียงอ่อนพลางก้มหน้าลง

         "เช่นนั้นก็รีบไปทูลเสีย อย่าช้าที" 

         โอซังกุงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะพาสังขารอันทรุดโทรมเดินไปที่หน้าตำหนักอย่างช้าๆ เมื่อประตูเปิดออกนางก็ก้มศีรษะทำความเคารพองค์รัชทายาททันที

         "โอซังกุง นายของเจ้าอยู่ข้างในใช่รึไม่" ลีซองแจตรัสถามทันที

         "เพคะ แต่ตอนนี้พระนางทรงประชวรหนัก เช่นนั้นพระองค์ค่อยเสด็จมาวัน--"

         "ประชวรหนัก!" เชื้อพระวงศ์เลิกคิ้ว "เมื่อเช้ายังเห็นไปเสวนากับเหล่าภริยาขุนนางได้อยู่เลยมิใช่หรือ เหตุไฉนตกบ่ายจึงประชวรหนักได้เล่า"

         "คือพระนางทรงประชวรกะทันหันน่ะเพคะ"

         "แล้วไหนหมอหลวง ไม่เห็นมีสักคน แล้วตามกฎถ้าพระชายาทรงประชวรหนัก สำนักหมอหลวงต้องแจ้งข้าด้วยสิ"

         "คือว่ามันเพิ่งกำเริบเมื่อครู่นี้เอ--"

         "เงียบนะ!" องค์รัชทายาทตวาดจนโอซังกุงสะดุ้งโหยง "ถึงขนาดนี้แล้วยังจะกล้าโกหกข้าอีกหรือ"

         "องค์รัชทายาท หม่อมฉันเพียงแต่--" นางรีบลนลานทรุดกายลงกับพื้น

         "เซจาพิน..." ลีซองแจตะโกนอีกรอบ "นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าทำกับบ่าวของตน ให้นางออกมารับหน้าแทนเจ้าเช่นนี้น่ะหรือ เจ้ายังมียางอายอยู่บ้างรึไม่"

         เมื่อด้านในตำหนักยังเงียบอยู่ดุจเดิมองค์รัชทายาทจึงตรัสต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า

         "ก็ได้ ถ้าจะนิ่งอยู่ก็ได้ แต่ข้าจะให้หมอหญิงมาตรวจเจ้า และถ้านางตรวจว่าเจ้าไม่ได้ป่วยจริง ข้าจะนำความอันหลอกหลวงนี้ขึ้นทูลพระมเหสีกับฝ่าบาท"

         เสียงวิ่งตุบตับด้านในตำหนักดังขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นประตูตำหนักก็เปิดออก ฮยอนจองเซจาพินในชุดทังอีสีเหลืองโผล่ออกมาเผชิญหน้ากับสวามีของตน

         "ไหนว่าป่วย" รัชทายาทถามอย่างรวดเร็ว

         "หม่อมฉันไม่ได้ประชวรเพคะ หม่อมฉันแค่หลับไป เพิ่งตื่นเมื่อครู่นี้เอง---นังซังกุงแก่!" เซจาพินก้มลงไปตวาดโอซังกุงที่หมอบอยู่กับพื้น "กล้าดีอย่างไรถึงไปทูลองค์รัชทายาทว่าข้าประชวร ดูทีรึ พระองค์เข้าใจข้าผิดไปหมดแล้ว"

         "พอทีเซจาพิน หยุดเสแสร้งเสียที" เชื้อพระวงศ์หนุ่มตรัสอย่างเอือมระอา "ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดสมัยก่อนถึงยอมแต่งงานกับคนอย่างเจ้าได้"

         "องค์รัชทายาท! นี่มันอะไรกันเพคะ อยู่ๆ ก็มากริ้วใส่หม่อมฉัน หม่อมฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือเพคะ"

         "อย่างนั้นหรือ เจ้าไม่เคยทำอะไรผิดเลยอย่างนั้นหรือ" เชื้อพระวงศ์หนุ่มร่างเล็กส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้เซจาพิน พระนางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรับมาเปิดอ่าน

         ทันที่อ่านบรรทัดแรก ใบหน้าของเซจาพินก็ปรากฏแววแห่งความตกใจขึ้นมาฉับพลันทันที แต่พระนางก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วก่อนจะแสร้งอ่านเนื้อความในจดหมายจนจบ

         "น่ะ... นี่มันอะไรกันเพคะ โจรสลัดญี่ปุ่นบุกเกาะวัว เรื่องตลกอะไรกันเพคะ"

         "เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ ไม่รู้มาก่อนเลยอย่างนั้นหรือ" ลีซองแจถามเสียงสูง

         "องค์รัชทายาท หม่อมฉันเป็นสตรีนะเพคะ จะไปรับรู้เรื่องการทหารได้อย่างไร วันๆ หม่อมฉันก็ทำแต่กิจวัตรของพระชายา หาได้รับรู้สิ่งอื่นไม่"

         "แล้วเจ้ารู้รึไม่ว่าตอนนี้องค์ชายยิมโฮอยู่ที่ใด"

         "ก็อยู่ที่เกาะเชจูโดไม่ใช่หรือเพคะ ตามสาส์นที่องค์รัชทายาทให้องค์ชายไปเรื่องที่ดินพระราชทาน"

         "ใช่ ที่เจ้าพูดก็ถูก" รัชทายาทหนุ่มกอดอก "แต่ปัญหาคือ องค์ชายไม่ได้เสด็จไปที่เกาะเชจูโด แต่กลับเสด็จไปที่เกาะวัวแทน"

         "ตายจริง!" ฮยอนจองเซจาพินแสร้งยกมือขึ้นปิดปาก "เพราะอะไร... ทำไมถึงได้"

         "สาส์นฉบับนั้นข้าจำได้แม่นยำว่าเป็นที่ดินบนเกาะเชจูโด ไม่ใช่เกาะวัวแน่นอน ไฉนยิมโฮจึงไปที่เกาะวัวแทน"

         "หม่อมฉันเองก็ไม่---" พระชายาเงยหน้าสบตากับสวามีตนเองก่อนจะชะงักไป "นี่พระองค์สงสัยหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ"

         "เจ้าเป็นคนที่นำสาส์นไปส่งให้องค์ชายไม่ใช่หรือ"

         "ใช่เพคะ หม่อมฉันก็ส่งให้ตามรับสั่ง องค์รัชทายาทคิดว่าหม่อมฉันปลอมสาส์นขึ้นมาอย่างนั้นหรือเพคะ"

         "ลุงเจ้าเป็นอดีตผู้ว่าการชายฝั่ง แน่นอนว่าย่อมรู้เรื่องโจรสลัดญี่ปุ่นบุกก่อนม้าเร็วเสียด้วยซ้ำ เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเลยหรือ"

         ฮยอนจองเซจาพินหน้าซีดเผือด

         "ไม่เห็นท่านลุงบอกอะไรนะเพคะ"

         "น่าแปลกนะ หลังจากข้ามีรับสั่งจะมอบที่ดินบนเกาะเชจูโดให้ยิมโฮ ลุงของเจ้าก็มาพบเจ้าพอดี และสาส์นของข้าก็ถูกส่งไปหายิมโฮทันทีที่ลุงเจ้ากลับไป"

         "ที่องค์ชายเสด็จไปเกาะวัวไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันนะเพคะ ใครจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นได้"

         "แล้วทำไมเขาถึงไปที่นั่น คนเสียสติที่ไหนจะไปเกาะที่กำลังถูกโจมตีเล่า" ลีซองแจขึ้นเสียง

         "หม่อมฉันไม่รู้เพคะ แต่องค์ชายเป็นคนกล้าหาญ ความรักชาติของเขามีมากล้น ไม่แน่ว่าตอนที่องค์ชายจะเสด็จไปเกาะเชจูโดอาจจะได้ยินเรื่องศึกนี้จึงมุ่งไปเกาะวัวเพื่อปกป้องราษฎรก็เป็นได้นะเพคะ"

         องค์รัชทายาทหรี่ตามองพระชายาตนเองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ ลดอารมณ์อันรุนแรงในพระทัยลง

         "ถ้าข้าเข้าใจเจ้าผิดไปก็ขอโทษด้วย" เชื้อพระวงศ์หนุ่มถอนหายใจออกมายาวเหยียด "เอาล่ะ ระหว่างนี้เจ้าก็ช่วยดูแลที่นี่ไว้ก่อน เพราะข้าจะไปกับทัพเรือหลวงเพื่อไปช่วยป้องกันเกาะวัว"

         "นี่พระองค์จะไปร่วมศึกด้วยอย่างนั้นหรือเพคะ"

         "ใช่ แล้วเจ้าก็ห้ามก่อเรื่องอะไรอีกเป็นอันขาด เข้าใจรึเปล่า"

         พระชายาก้มศีรษะส่งเสด็จพระสวามีออกไปจากตำหนัก และเมื่อองค์รัชทายาทและขบวนเสด็จลับกายหายออกไปแล้ว ใบหน้าของฮยอนจองเซจาพินก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาในบัดดล พระนางหันกายเดินเข้าไปในตำหนักโดยมีโอซังกุงตามเข้าไปติดๆ ส่วนนางในที่ยืนอยู่บริเวณนั้นรีบจับกลุ่มพูดคุยกันทันทีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

         "ข้าจะให้องค์รัชทายาทเจอกับองค์ชายไม่ได้ ถ้าเขาเจอกัน เรื่องสาส์นปลอมก็จะถูกเปิดโปง ข้าจะโดนโทษหนักถึงสองประการ หนึ่งคือแอบอ้างและปลอมแปลงสาส์นของรัชทายาท สองคือคิดร้ายต่อองค์ชายยิมโฮ ไม่... ข้าจะทำอย่างไรดี" ฮยอนจองเซจาพินบีบมือตัวเองอย่างกังวลใจ "วิธีเดียวคือองค์ชายต้องตายไปเสียก่อน แต่ถ้าเขายังไม่ตายเล่า ตำแหน่งข้าก็ต้องหลุดลอยแน่นอน ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น"

         "แล้วเหตุใดพระนางไม่ยอมรับความผิดกับองค์รัชทายาทไปตั้งแต่เมื่อครู่เล่าเพคะ ไม่แน่ว่าโทษหนักอาจเป็นเบาก็ได้" โอซังกุงทูล

         มือของพระชายาเงื้อขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะฟาดลงบนใบหน้าของซังกุงชราจนนางทรุดลงไปกับพื้นตามแรงตบ

         "นังหน้าโง่! จะยอมรับความผิดไปเพื่ออะไร เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีเส้นทางให้เดินถอยหลังอีกต่อไป"

         ซังกุงประจำพระองค์ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มือข้างหนึ่งกุมแก้มด้านที่ถูกตบอย่างเจ็บปวด

         "เลิกสำออยเสียที และก็รีบไปสำนักหมอหลวงเดี๋ยวนี้ เจ้าต้องนำความของข้าไปบอกท่านหมอมินกีชอน"

         "พระนางคิดจะทำอะไรเพคะ"

         เซจาพินเหยียดยิ้ม

         "องค์รัชทายาทจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และจะไม่มีเรือหลวงลำใดไปช่วยยิมโฮที่เกาะวัวอย่างแน่นอน"









         สตรีในผ้าคลุมสีเขียวเหลือบปีกแมลงทับวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วในอาณาเขตของกองงานวรรณกรรม เมื่อมาถึงเรือนพักก็มีนางในคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งคำนับให้ สตรีในผ้าคลุมถอดผ้าออกและส่งให้นางใน 

         "เชวซังกุง เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ซุนฮวาถามทันที

         "เข้าไปคุยในห้อง" นางตอบสั้นๆ พลางเหลียวซ้ายแลขวาและก้าวเข้าไปในห้องพักส่วนตัว ซุนฮวารีบตามเข้าไป
         
         "ใต้เท้ามุนว่าอย่างไรบ้าง" เชวซังกุงถามถึงหัวหน้ากองงานวรรณกรรม

         "ใต้เท้าไม่อยู่เจ้าค่ะ"

         "อย่างนั้นรึ พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาใต้เท้าเท่าไรเลย"

         "นั่นสิเจ้าคะ จะถามจะปรึกษาอะไรก็เจอแต่ใต้เท้าคนอื่นตลอด บางทีก็หายไปจากวังเสียด้วยซ้ำ" ซุนฮวาบ่นอุบ

         "แต่ใต้เท้ามุนก็ทำงานตามหน้าที่ของตัวเองครบถ้วนนะ แต่แค่ไม่ได้ให้มาเห็นตัวเท่านั้น"

         "อย่างน้อยก็ควรมาดูแลลูกน้องตัวเองบ้างนะเจ้าคะ"

         "นี่ ใต้เท้าเป็นผู้ชาย ส่วนเจ้าเป็นนางใน จะมาดูแลกันได้อย่างไร ใต้เท้าจึงให้ข้านี่อย่างไรเพื่อมาดูแลพวกเจ้าแทน---เอ๊ะ หรือว่าเจ้าคิดอะไรกับใต้เท้ามุน" เชวซังกุงหรี่ตา

         "นายหญิง! พูดอะไรกันเจ้าคะ" ซุนฮวาร้องแต่ก็หน้าแดง

         "ใต้เท้าหลายคนก็สามารถพูดคุยปรึกษาได้นี่ ใต้เท้าซอกึมแฮก็อยู่ แต่ไฉนเจ้าถึงอยากพบแต่ใต้เท้ามุน ทำไม ชอบผิวขาวๆ ปากแดงๆ หน้าตาหล่อๆ ของใต้เท้ารึ"

         "นายหญิง!" ซุนฮวาค้อน "เลิกกระเซ้าข้าได้แล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ทางนายหญิงได้เรื่องว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ไปนอกวังมา"

         "ข้าไปเจอช่างที่มีความชำนาญด้านการแกะลายมือมาแล้ว เขาบอกว่าลายมือซอฮยอนกับลายมือคนที่เขียนจดหมายสาปแช่งพระสนมมินนั้นคล้ายกันมากแต่ก็ยังมีบางจุดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด"

         "จริงหรือเจ้าคะ!"

         "ใช่ เขาขอเวลาไม่กี่วันเพื่อตรวจและหาความแตกต่าง เมื่อถึงวันไต่สวน ซอฮยอนจะต้องพ้นผิดแน่นอน รู้สึกว่าช่วงนี้คิมซังกุงกับซังกุงตรวจการเหมือนจะพยายามกดดันให้มีการไต่สวนเร็วๆ อย่างไรพิกล"

         "แต่ปัญหาคือ องค์ชายจะพาซอฮยอนกลับมาเมื่อใดนี่สิเจ้าคะ" ซุนฮวาพูด

         "ใช่ ข้าเองก็--"

         "นายหญิง ข้าอีซึลเจ้าค่ะ" เสียงของนางในอีกคนดังมาจากหน้าห้องพัก

         "เข้ามาสิ"

         อิมอีซึลเลื่อนประตูกรุกระดาษออกและเดินเข้ามานั่งลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าฉายแววตื่นตระหนกสุดขีด

         "นายหญิง ข้าเพิ่งไปเซจากุงมา ได้ยินนางในกำลังพูดคุยกันอยู่จึงเข้าไปคุยด้วย ทำให้ได้ยินเรื่องน่าตกใจบางอย่างมาเจ้าค่ะ"

         "แล้วอย่างไร มีเรื่องอะไรหรือ"

         "มีโจรสลัดกำลังบุกเกาะวัวเจ้าค่ะ"

         "เรื่องสงครามอีกแล้วสินะ ไม่เคยจบสิ้นเสียที"

         "ไม่ใช่แค่สงครามนะเจ้าคะนายหญิง"

         "ทำไม มีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ"

         "องค์ชายยิมโฮก็อยู่ที่เกาะวัวด้วยเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!" ซุนฮวาหันขวับมามองอย่างตกใจ "นี่หมายความว่า..."

         "ใช่ แสดงว่าซอฮยอนก็อยู่ที่นั่นด้วย"







    [ต่อจาก 50%]





         คนงานชายสามสี่คนกำลังใช้จอบขนาดใหญ่ขุดดินเหนียวจำนวนหนึ่งออกมากองไว้จนพูนสูง พ้นจากกองดินออกไปไม่มากนักปรากฏร่างของซอฮยอนกำลังยืนยกชายกระโปรงเพื่อก้มลงสัมผัสผิวดิน 

         "แม่นาง เอาแค่นี้พอรึไม่" คนงานชายคนหนึ่งร้องถาม "พายุกำลังมานะขอรับ"

         หญิงสาวหรี่ตาเพ่งมองไปยังก้อนเมฆทะมึนทึบที่ก่อตัวมาจากทะเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า

         "ขออีกสักกองก็พอแล้ว" นางก้มลงจับพื้นดินอีกรอบ "โซบี นี่ใช่ดินเหนียวแน่รึไม่"

         "ใช่สิ ท่านสัมผัสดูก็น่าจะรู้มิใช่หรือ" นางบ่าวตอบ

         "ข้าก็ถามเพื่อความแน่ใจ แล้วนี่ได้ฟางกับทรายมาครบรึยัง"

         "เอามาครบหมดแล้ว ว่าแต่ท่านคิดจะทำอะไรกัน"

         "ข้าอยากจะเอาดินพวกนี้ไปปั้น"

         "ปั้นอะไรรึ"

         "ปั้นเสร็จเจ้าก็รู้เอง" ซอฮยอนตอบส่งๆ

         "ยามศึกสงครามแบบนี้ ท่านยังมีอารมณ์ปั้นดินเล่นอีกหรือ" โซบีถาม

         "ข้าไม่ได้ปั้นเล่นๆ เสียหน่อย และสิ่งนี้มันจะช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตรายจากพวกโจรสลัดได้ไม่มากก็น้อย"

         "ดินเหนียวจะช่วยอะไรพวกเราได้หรือ"

         "บอกไปตอนนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก"

         "แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ" โซบีกล่าวอย่างกังวล "ใต้เท้าลีกับฮูหยินลีโกรธมากเมื่อนักโทษหายตัวไปจากเรือนจำ พวกเขามั่นใจว่ามีคนช่วยแน่นอน"

         ก้อนดินหลุดร่วงจากมือซอฮยอนทันที

         "เรื่องนั้น... ข้าว่าเขาอาจหลบหนีไปเองก็ได้นะ" หญิงสาวตอบพลางหันหน้าไปทางอื่น

         "ท่านคิดอย่างนั้นหรือ แต่ทุกคนในจวนยกเว้นองค์ชายยิมโฮเขาสงสัยกันหมดว่าท่านคือคนปล่อยนักโทษหนีไป"

         "เหลวไหล" ซอฮยอนร้อง "ถึงข้าจะรู้จักกับนักโทษคนนั้นแต่ใช่ว่าข้าจะเป็นคนปล่อยเขาไปนะ และหลังจากเรื่องที่ข้าแอบขึ้นไปบนภูเขากับเจ้า ข้าก็กลายเป็นคนที่ฮูหยินชิงชังและสงสัยเสมอมา เดินไปตรงไหนในจวนก็จะพบบ่าวของนางแอบสอดส่องอยู่ตลอด เป็นแบบนี้แล้วข้าคงไม่หาเรื่องใส่ตัวไปปล่อยนักโทษออกมาหรอก"

         โซบีแอบลอบมองใบหน้าซอฮยอนอยู่พักหนึ่งก็ไม่เห็นว่าหญิงสาวจะแสดงพิรุธอะไรออกมา นางบ่าวจึงหยุดซักไซ้

         ตกเย็นซอฮยอนก็จัดการบอกกล่าวบ่าวชายทั้งหลายให้แบกกองดินเหนียว ฟาง และทรายทั้งหมดไปยังบ้านของช่างปั้นประจำเกาะ เมื่อถึงหญิงสาวได้เข้าไปคุยอะไรกับช่างปั้นในตัวบ้านตามลำพังสักพัก ไม่นานนางก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม

         "ท่านยิ้มอะไรหรือ" โซบีถาม

         "ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่อยากให้ปั้นดินอาถรรพ์ออกมาเร็วๆ" 

         "ดินอาถรรพ์? ดินอาถรรพ์อะไรกัน" นางบ่าวตกใจ

         "ก็บอกว่าเดี๋ยวก็จะรู้เองตอนปั้นเสร็จ" ซอฮยอนกล่าวอย่างมีลับลมคมใน

         เมื่อเสร็จสิ้นธุระทั้งหลาย หญิงสาวก็กลับมาที่จวนผู้ว่าอย่างรีบด่วน เพราะใต้เท้าลีบอกเอาไว้ว่าเพื่อความปลอดภัยนั้นต้องรีบกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อซอฮยอนเดินเข้าประตูใหญ่มาได้ก็เป่าปากโล่งอกเนื่องจากจะได้ไม่โดนสายตาเชือดเฉือนและเสียงเอ็ดจากฮูหยินลีอีก แต่คราวนี้นางแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทหารสามสี่คนพร้อมกับม้าตัวใหญ่ยืนนิ่งอยู่หน้าเรือนรับรอง

         เมื่อชะโงกหน้ามองเข้าไปก็เห็นองค์ชายยิมโฮ โชคังอินและใต้เท้าลีกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ซอฮยอนเองเป็นหญิงไม่อาจเข้าไปร่วมฟังการประชุมของบุรุษได้จึงทำได้เพียงยืนอยู่หน้าห้องเช่นนั้น

         "เจ้าทำอะไรน่ะ" ฮูหยินลีที่เดินมาข้างหลังร้องถาม หญิงสาวสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมอง

         "เอ่อ ข้า... ข้าแค่"

         "จะมาแอบฟังรึ"

         "เจ้าค่ะ" นางยอมรับตามตรง

         "หาใช่เรื่องของเจ้าไม่ ไปทำเรื่องของตัวเองเสีย---เออ แล้วเรื่องไปขุดดินเหนียวบ้าบออะไรนั่นน่ะ เลิกได้แล้วนะ หัดทำอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ เสียบ้าง" ภริยาท่านผู้ว่าพูดเสียงดัง
         
         "ที่ข้าทำก็มีประโยชน์นะเจ้าคะ เพียงแต่ท่านยังไม่รู้แค่นั้นเอง อีกอย่างมันก็เสร็จแล้วด้วย ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบ

         "ถ้าจะเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นก้อน เผาในเตาให้แข็งเพื่อไปปาข้าศึก ขอบอกให้เลิกคิดไปเลยนะ นี่มันสมัยไหนแล้ว โจมตีศัตรูแบบนั้นเขาไม่ทำกันแล้วนะ" ฮูหยินลีพูดดัก

         "ก็ยังไม่ได้บอกเลยนี่เจ้าคะว่าจะทำแบบนั้น" หญิงสาวยิ้มยียวนก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ฮูหยินลียืนกัดฟันแน่นอย่างไม่ชอบหน้า ซอฮยอนรู้ดีว่าไม่ควรทำกิริยามารยาทเช่นนี้กับเจ้าบ้านที่นางอาศัยอยู่ แต่เพราะภริยาท่านผู้ว่าเองก็เหมือนจะจับผิดไปเสียทุกอย่างรวมถึงไม่อยากให้ตนเองอยู่ที่นี่ต่อไปด้วยแม้ว่าจะพยายามอธิบายเหตุผลไปแล้วก็ตาม หญิงสาวจึงเผลอตอบโต้ไปบ้างและคิดในใจว่าเมื่อฮูหยินลีรู้ว่าที่ทำไปทั้งหมดเพื่ออะไรก็จะสามารถเข้าใจกันได้ในที่สุด

         เมื่อมืดค่ำมาเยือนนางก็ยกสำรับอาหารเข้าไปที่ห้องพักขององค์ชาย โชคังอินเดินเข้ามารับถาดไปวางไว้ที่โต๊ะไม้ของยิมโฮแทกุน

         ในสายตาของซอฮยอน ตอนนี้องค์ชายยิมโฮดูเคร่งเครียดมากกว่าตอนอยู่ในวังหลายเท่า ใบหน้าคร้ามแดดก็ดูเข้มกว่าเดิม รอยยิ้มและคำพูดคำจาขี้เล่นนั้นตอนนี้ไม่มีอยู่เลย อาจด้วยเพราะปัญหาศึกสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงทำให้พระองค์ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมาก

         "ทหารที่นี่ไม่ได้รับการฝึกที่ถูกต้อง พวกเขาแทบจะไม่มีพื้นฐานการสู้รบทางน้ำเลย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมกองกำลังบนเกาะจึงเป็นเช่นนี้ และส่วนมากก็แทบจะไม่ได้ฝึกปรือกันเลย" องค์ชายตรัสกับโชคังอิน

         "แต่พระองค์ก็เร่งฝึกพวกเขาอยู่ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันว่าดีขึ้นมากเลย"

         "ฝึกภายในไม่กี่วันโดยที่มีศึกจ่ออยู่แบบนี้ข้าว่าไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก" 

         "เอ่อ องค์ชายเพคะ" ซอฮยอนเรียกเบาๆ เชื้อพระวงศ์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

         "คือว่า เมื่อตอนเย็นหม่อมฉันเห็นม้าเร็วมาหา มีข่าวอะไรจากเมืองหลวงหรือเพคะ"

         องค์ชายไม่ตอบ แต่ก้มลงดูแผนที่ตามเดิม หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

         "ข้าว่าจะส่งทหารไปคุมที่ทางเหนือของเกาะด้วย เจ้าว่าอย่างไร" ยิมโฮแทกุนตรัสกับโชคังอินโดยไม่สนใจสตรีอีกคนในห้องเลย

         "หม่อมฉันคิดว่าหินโสโครกบริเวณนั้นพวกนิจิฮงคงไม่เสี่ยงที่จะบุก แต่ก็เป็นการดีพ่ะย่ะค่ะที่จะส่งทหารไปตรึงกำลังไว้บ้าง แต่ไม่ควรเยอะมากเกินและพร้อมเคลื่อนไหวได้ทันที" มหาดเล็กคนสนิททูลตอบ

         "องค์ชายเพคะ..." ซอฮยอนเรียกอีกรอบ

         "แล้วเรื่องจำนวนลูกธนูนี่ครบแล้วใช่รึไม่" ยิมโฮแทกุนถามต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงของซอฮยอนฉะนั้น

         "เอ่อ..." โชคังอินมองไปมาระหว่างชายหญิงทั้งคู่ "ครบ... ครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

         "องค์ชาย ทำไมถึงไม่ตอบหม่อมฉันเพคะ" ซอฮยอนถามเสียงดังอย่างหมดความอดทน

         ยิมโฮแทกุนผุดลุกขึ้นยืนกะทันหันจนโชคังอินสะดุ้งโหยง เขาเดินสวนกับหญิงสาวออกจากห้องไปโดยไม่หยุดมองแม้แต่นิดเดียว

         "อะไรกัน..." ซอฮยอนกระซิบ "องค์ชายทรงเป็นอะไรไป ใต้เท้า" นางหันมาถามโชคังอิน

         มหาดเล็กหนุ่มส่ายศีรษะอย่างระอาก่อนจะตอบว่า

         "นี่เจ้าดูไม่ออกจริงๆ รึ"

         "ดูอะไรหรือ"

         "ก็องค์ชายโกรธเจ้าอย่างไรเล่า ดูง่ายปานนั้น"

         "โกรธข้าเรื่องอะไรกันเจ้าคะ" ซอฮยอนเลิกคิ้ว

         โชคังอินกุมขมับ "ยังจะถามอีกหรือ เรื่องที่เจ้าแอบขึ้นไปบนเขากับโซบีรวมถึงเรื่องที่เจ้ายื่นตำราพยากรณ์กับคู่มือนำร่องให้พวกญี่ปุ่นไปแต่โดยดีนั่น ทำไมเจ้าถึงไม่อธิบายองค์ชาย"

         "ก็มันยังไม่ถึงเวลานี่เจ้าคะ"

         "ส่วนเรื่องนักโทษฮยองพัน เจ้าก็ขอให้องค์ชายไปช่วยปล่อยมันออกมาจากเรือนจำแบบเงียบๆ ใต้เท้าลีกับฮูหยอนลีนั่นก็โกรธจนแทบเต้น นี่ถ้าพวกเขารู้ว่าองค์ชายเป็นคนปล่อยไปไม่แย่หรือ"

         "ก็ฮยองพันไม่ผิดนี่เจ้าคะ อีกอย่างข้าก็ต้องการให้เขาไปทำเรื่องบางอย่างด้วย"

         "ก็นั่นอย่างไร องค์ชายอยากรู้ว่าเจ้าให้ฮยองพันไปทำอะไร เรื่องดินเหนียวก็ด้วย เอาแต่เก็บความลับไว้กับตัว ถามอะไรก็ไม่เคยตอบ องค์ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเจ้าแต่กลับมาโดนเจ้าปิดบังร่ำไปแบบนี้ ไม่โกรธก็แปลกแล้ว"

         "ก็มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกนี่เจ้าคะ" ซอฮยอนพูดเบาๆ

         "เวลาคนต้องการคำตอบหรืออยากรู้อะไร ถ้าเจ้าตอบได้ก็ตอบไปเถอะ อย่ามามัวเก็บงำซ่อนเร้นอยู่เลย บางทีมันก็น่ารำคาญนะข้าว่า"

         "อ๋อนี่หลอกด่าข้าหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนแหว

         "เปล่า ข้าพูดจริงๆ"

         "แรงกว่าหลอกด่าอีก" ซอฮยอนค้อนขวับ

         "เอาล่ะ" โชคังอินนั่งลง "ตอนนี้มีเวลาก็รีบคุยกันให้เข้าใจเถิด ก่อนที่เกาะจะโดนถล่ม พ้นพายุลูกนี้ไปข้าว่าพวกญี่ปุ่นจะบุกแน่นอน"

         "แล้วม้าเร็วเมื่อตอนเย็น มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ"

         "เป็นข่าวร้ายจากวังหลวง"

         "ข่าวร้ายอะไรกันเจ้าคะ"

         "องค์รัชทายาทลีซองแจจู่ๆ ก็ทรงประชวรเป็นอัมพาตขยับตัวไม่ได้"

         ซอฮยอนอ้าปากค้าง "อะ... อะไรนะเจ้าคะ"

         "ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ปกติองค์รัชทายาทมีสุขภาพแข็งแรงมาตลอด จู่ๆ มาล้มป่วยหนักแบบนี้ก็น่าแปลกใจ" โชคังอินกล่าว
         
          "นี่... นี่แสดงว่าทัพเรือหลวง ทัพเรือหลวงอาจจะ--"

         "ใช่ พวกเขาอาจจะมาล่าช้า หรือไม่มาเลยก็เป็นได้"






    โปรดติดตามตอนต่อไป

         

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×