ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #11 : คำเตือนจากฮูหยินแช [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.3K
      122
      27 เม.ย. 62

                    ตอนที่ 11 คำเตือนจากฮูหยินแช






         "พี่ซอฮยอน!" เสียงตะโกนของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวในชุดผ้าป่านสีขาวซึ่งกำลังกวาดใบไม้ออกจากลานหินได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมอง

         "ซองกวัน" ซอฮยอนยิ้มเมื่อเห็นเด็กชายอายุประมาณสิบขวบวิ่งเข้ามาหา ลีซองกวันใส่ชุดสีขาวแขนขายาวทับด้วยเสื้อชั้นนอกสีฟ้าอย่างบัณฑิตของสำนักชางรยอกุก บนศีรษะมีหมวกสีดำบ่งบอกถึงความเป็นนักศึกษาที่กำลังเล่าเรียนอยู่

         "ฮือ พี่ซอฮยอน พี่จะเข้าวังจริงหรือ" เด็กชายร้องถามพลางจับมือขาวสะอาดของรุ่นพี่เขย่าไปมา ใบหน้าอ้วนกลมเงยขึ้นมองอย่างไร้เดียงสา

         ซอฮยอนวางไม้กวาดลงกับพื้นและย่อตัวลงนั่ง

         "ใช่จ้ะ พี่จะเข้าวัง" นางตอบพลางลูบแก้มเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ซองกวันเป็นลูกขุนนางก็จริง แต่หาได้รังเกียจซอฮยอนในฐานะไพร่แม้เพียงนิด เด็กชายนับถือหญิงสาวเป็นรุ่นพี่และสนิทสนมรักใคร่ราวกับเป็นชนชั้นเดียวกัน บางทีก็ขอให้ซอฮยอนช่วยทบทวนวิชาที่ไม่เข้าใจอีกด้วย

         "ฮือ เป็นความจริงหรือ พี่จะเข้าวังทำไมกัน เหตุใดถึงไม่อยู่กับพวกข้าที่นี่" ซองกวันร่ำร้อง

         "โธ่ ซองกวัน วังหลวงอยู่ใกล้แค่นี้เอง ข้าไม่ได้อยากไปไหนไกลเสียหน่อย เจ้าน่ะจงตั้งใจเรียน เมื่อถึงเวลาสอบควากอก็จะได้ผ่านเข้าวังมาเจอข้าได้อย่างไรเล่า"

         "ต่อให้ข้าเข้าวังได้ก็ใช่ว่าจะได้เจอพี่เสียหน่อยขอรับ" เด็กน้อยตัดพ้อ

         "เหตุใดถึงจะไม่เจอกันเล่า" ซอฮยอนสงสัย

         "พี่จะเข้าไปเป็นนางในมิใช่หรือ ใต้เท้าแชเคยบอกว่านางในคือผู้หญิงของพระราชา ชายใดจะแตะต้องมิได้"

         หญิงสาวนิ่งเงียบไป นางรู้ถึงความจริงข้อนี้ดี แต่จะมีทางใดอีกเล่า 

         "นางในถ้าเป็นก็ต้องเป็นตลอดชีวิต เป็นจนตาย พี่คิดดีแล้วหรือที่เลือกเส้นทางนี้" ซองกวันเอ่ยออกมา

         "พี่จำต้องเข้าไปทำเรื่องบางอย่างน่ะจ้ะ ซองกวัน"

         "ทำอะไรหรือขอรับ ทำที่นี่ไม่ได้หรือ เหตุใดต้องเข้าไปทำในวัง" เด็กน้อยถามเสียงใสซื่อ

         "เรื่องสำคัญจ้ะ สำคัญมาก" ซอฮยอนตอบเบาๆ

         "แต่วังหลวงมีผีด้วยนะขอรับ" หญิงสาวได้ยินก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

         "เลอะเทอะน่าซองกวัน ภูตผีอะไรไม่มี วังหลวงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ"

         ซองกวันทำท่ามีลับลมคมในก่อนจะเอ่ยออกมา "นางในที่เป็นหลานญาติห่างๆ ของเจ้ากรมพิธีการอย่างไรเล่าขอรับ มีคนโยนนางลงไปในบ่อดินและฝังทั้งเป็นหลังตำหนักแทเพียง จากนั้นจะมีคนเห็นหัวนางลอยวาบเหมือนโคมไฟทุกค่ำคืน"

         "ลีซองกวัน!" เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้นอย่างเฉียบขาด ทั้งซอฮยอนและซองกวันต่างสะดุ้งโหยงทั้งคู่ก่อนจะรีบหันไปมอง

         ฮูหยินแชยืนอยู่ไม่ห่าง นางเป็นสตรีร่างท้วม ใบหน้าแฝงแววใจดี แขนข้างหนึ่งพาดผ้าคลุมสีม่วงสด ชุดฮันบกที่สวมใส่เป็นสีขาวเนื่องจากนางก็ไว้ทุกข์ให้อดีตพระชายาฮวารยอนเช่นกัน

         "เจ้าพูดอะไรออกมา วังหลวงคือสถานที่อะไร ให้เจ้ามาพูดเล่นได้หรือ แล้วนี่มันกี่ยามแล้ว เหตุใดถึงยังไม่เข้าเรียน รีบไปเรือนชินอนเดี๋ยวนี้เชียว" ฮูหยินแชร้องออกมา ซองกวันได้ยินก็หน้าถอดสีรีบวิ่งออกไปทันที ซอฮยอนมองตามพลางยิ้มกริ่ม

         "เด็กสมัยนี้จริงๆ นะ คุมยากขึ้นทุกวัน" ภริยาเจ้าของสำนักกล่าวพลางยกมือกุมขมับข้างหนึ่ง
         
         หญิงสาวรีบเข้ามารับผ้าคลุมพลางประคองฮูหยินแช ก่อนจะค่อยๆ พยุงนางกลับเข้ามาในเรือนพัก

         "แดดร้อนเช่นนี้ท่านใช้ข้าไปตลาดซื้อของให้ท่านก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ต้องไปเอง แล้วคาเชท่านหนักไปรึเปล่าเจ้าคะ ข้าเกรงว่าท่านจะปวดคอกับไหล่" ซอฮยอนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง สายตามองไปที่คาเชอันใหญ่เหนือศีรษะภริยาเจ้าสำนัก

         "ข้าไม่ได้เฒ่าขนาดนั้นเสียหน่อย เจ้าก็พูดเกินไป" ฮูหยินแชค้อนขวับ ยกกาน้ำชาเทใส่จอก

         "แม่เจ้าหายโกรธเจ้ารึยัง" นางถามขึ้น

         "ท่านรู้ด้วยหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนแปลกใจ

         "รู้สิ ข้ามิได้เป็นคนแก่ที่ไม่รู้เรื่องนะ หูตาข้ายังว่องไว ได้ข่าวว่าแม่เจ้าโกรธเจ้าเรื่องเข้าวัง ป่านนี้ก็ยังมิพูดกัน"

         "ใช่เจ้าค่ะ" หญิงสาวรับคำอย่างซึมๆ

         "เฮอะ ได้ทั้งบ้านทั้งโรงเตี๊ยมยังไม่พอใจอีกรึนั่น"

         "ฮูหยิน แม่ข้ามิใช่คนเช่นนั้นนะเจ้าคะ"

         "ข้ารู้น่า พูดไปอย่างนั้นเอง แม่เจ้าอยู่รับใช้ข้ามาหลายปีมีหรือจะไม่รู้นิสัยนาง" ฮูหยินแชกล่าวจบก็จิบน้ำชาก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า

         "นางคงห่วงเจ้ามากถึงไม่ยอมพูดกับเจ้าเสียที นี่แหละนะ เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกสุดท้ายถึงคราวจากกันก็ทำใจลำบาก แต่ซอฮยอน วังหลวงที่เจ้าเห็นว่าหรูเลิศนั้นมิใช่อย่างที่เป็นเสมอไปนะ" 

         "ข้ารู้เจ้าค่ะ ฮูหยิน ตอนนี้รอจังหวะคุยกับท่านแม่ เพราะอีกไม่กี่วันข้าต้องเข้าวังแล้ว ข้าไม่อยากจากท่านไปในสภาพค้างคาเช่นนี้" ซอฮยอนกล่าวเสียงเศร้า

         "เช่นนั้นเจ้าจะเข้าวังไปให้ลำบากทำไมเล่า" ฮูหยินแชสงสัย ถึงนางไม่ใช่มารดาแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนซอฮยอนมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความห่วงหาอาทรที่มีให้ย่อมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุพการีผู้ให้กำเนิด



     

                                 



         ซอฮยอนไม่ตอบ ทำได้เพียงแต่ก้มหน้าลงกับพื้น นางไม่ได้อยากปิดบังผู้มีพระคุณ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงที่เกี่ยวพันถึงผู้มีอำนาจในราชสำนักและชีวิตของคนหลายคน หญิงสาวจึงไม่อยากให้ฮูหยินแชมีอันตรายหรือทุกข์ใจวิตกกังวลกับเรื่องของตน

         "เรื่องลับๆ เรื่องซับซ้อนของพวกมักใหญ่ใฝ่สูงทั้งหลายสินะ" หญิงสูงอายุพูดอย่างรู้ทัน "ถึงเจ้าจะไม่บอกข้าแต่ก็ดูออกว่าคงไม่พ้นเรื่องเหล่านี้ สกุลซินของเจ้าใครๆ ก็รู้ว่าหมกมุ่นในอำนาจไม่แพ้สกุลคิม แต่สำหรับเจ้าคงไม่ใช่การแก้แค้นใครใช่รึไม่"

         "ฮูหยิน!" ซอฮยอนร้องขึ้นอย่างนึกไม่ถึงว่าภริยาเจ้าสำนักจะดูนางออกจนทะลุปรุโปร่ง

         "ไม่ต้องทำเสียงตกใจ ข้าสอนเจ้ามาทำไมข้าจะมองไม่ออก อดีตพระชายาจากไป เจ้าเป็นน้องสาวที่เป็นเพียงลูกอนุฯ แต่จู่ๆ ก็เข้าวัง มีอย่างเดียวก็คือเข้าไปแก้แค้น แต่ใต้เท้าซินนี่ก็กระไร ชิงชังเจ้ายิ่งกว่าเมือกโคลนมาตลอด พอเข้าตาจนก็มาอ้อนวอนเจ้า เฮอะ ชีวิตทั้งชีวิตเข้าไปในวังไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ"

         "ข้ามิได้ยอมเข้าวังไปเพราะเขาหรอกเจ้าค่ะ แววตาใต้เท้าซินที่มองมาชัดเจนว่ายังไม่ยอมรับข้า แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะท่านพี่ฮวารยอนขอไว้ ตัวข้าก็เช่นกัน ที่ทำไปก็เพราะท่านพี่" ซอฮยอนพูดไปขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าวอีกคน นางรีบกะพริบเพื่อไล่น้ำตา

         "คนนอกที่มิรู้ความนัยอาจมองว่าเจ้าสองคนคงเกลียดชังกัน อีกคนเป็นลูกฮูหยินเอก อีกคนเป็นลูกอนุฯ แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเจ้าทั้งสองรักกันยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันมาแท้ๆ เสียอีก คิดแล้วก็ใจหาย พี่เจ้าช่างอายุสั้นนัก"

         เงียบกันไปครู่ใหญ่ ซอฮยอนก็ถอนหายใจยาวก่อนจะบอกว่า "เดี๋ยวข้าจะไปทำมื้อเที่ยงให้ท่านนะเจ้าคะ"

         "ไม่ต้อง ให้บ่าวมันทำให้ ข้าจะคุยกับเจ้าเรื่องเข้าวัง"

         "ฮูหยิน ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ ท่านมิต้องย้ำ--"

         "ไม่ เจ้าไม่รู้" ฮูหยินแชตัดบท

         "เจ้าไม่มีทางรู้ถึงความโหดร้ายในวังหลวง คนในนั้นพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวสู่อำนาจ แม้แต่จะต้องทำร้ายผู้อื่นก็ตามที ความระแวงซึ่งกันและกันคือพิษร้ายที่แพร่ซึมกระจายเข้าไปในจิตใจทุกคน เจ้าเข้าไปในวัง พกพาความแค้นเข้าไปในราชสำนัก ไฟในกายพร้อมจะแผดเผาทุกผู้ ด้วยเหตุนี้จะยิ่งตกหลุมลึกของฝ่ายอธรรมได้ง่ายขึ้น ข้ามิได้จะห้ามเจ้าเข้าวัง แต่เจ้าต้องรู้รักษาเอาตัวรอด ดูคนให้เป็น ใช้คนให้เป็น คิดไตร่ตรองในทุกสิ่งที่ทำลงไป และนี่คือคำเตือนจากข้า

         "เจ้าเป็นคนเก่ง ทั้งใต้เท้าแชรวมถึงข้ายอมรับว่าตั้งแต่เปิดสำนักศึกษาแห่งนี้มาไม่มีใครจะฉลาด และมีความเพียรเหนือไปกว่าเจ้า ข้ายังจำวันที่ไปพบเจ้าตัวเปื้อนดินเปื้อนฝุ่นใต้เรือนชินอนได้ดี ช่างน่าเสียดายความสามารถนักที่เจ้าตัดสินใจเข้าวัง เพราะเมื่อข้าแก่ตัวไปคงไม่มีใครดูแลที่นี่ได้ดีไปกว่าเจ้าอีกแล้ว" 

         "ฮูหยิน..." ซอฮยอนเอ่ยออกมาอย่างซาบซึ้งในพระคุณ

         "แต่ถ้าเจ้าประสงค์จะเข้าวังแน่วแน่ข้าก็ไม่อยากทัดทาน แต่เจ้ารู้กฎดีใช่รึไม่ ถ้าเข้าวังเป็นกุงเนียวก็ห้ามแต่งงานอีกตลอดไป อันที่จริงคือหมดสิทธิ์รักใครด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตมีผู้ชายคนเดียวคือฝ่าบาท"

         "ท่านพูดราวกับเคยเป็นนางในมาก่อน" ซอฮยอนกล่าว

         "ข้าไม่เคยผ่านชีวิตในวังหลวงมาก็จริง ทว่าก็เคยรู้จักคนในวังมาก่อนเหมือนกัน"

         "ท่านรู้จักคนในวังด้วยหรือเจ้าคะ"

         "ไม่เชิงคนในวัง แต่เขาก็เคยอยู่ที่นั่น" ฮูหยินแชพูดพลางเหม่อมองออกไปนอกเรือน แววตาคล้ายจะรำลึกความหลัง

         "ข้าไม่เข้าใจ เคยอยู่ในวัง แต่ไม่ใช่คนในวังรึเจ้าคะ" ซอฮยอนสงสัย

         "ใช่ แต่อย่าพูดถึงอีกเลย มันผ่านมานานมากแล้ว" ภริยาใต้เท้าแชหันไปที่ตู้ลิ้นชักด้านหลัง นางดึงกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งมาวางและหยิบแผ่นหยกสีเขียวสดใสออกมา หยกชิ้นนั้นมีเชือกสีแดงร้อยอยู่สำหรับห้อยคอ และที่สะดุดตาที่สุดคือมันหักครึ่ง

         นางยื่นมันให้ซอฮยอน

         "รับไว้สิ มันอยู่กับข้ามานาน ข้าคิดว่าจะไม่เก็บไว้อีกต่อไปแล้ว เจ้าจงรับไปเถิด เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อรำลึกถึงข้ายามอยู่ในวังหลวง"

         "ของราคาแพงแบบนี้ข้าไม่กล้ารับดอกเจ้าค่ะ ถึงจะหักครึ่งแต่ก็เหมือนมีความสำคัญทางใจกับท่านจึงเก็บไว้ในกล่องนั้นอย่างดี" ซอฮยอนปฏิเสธ

         ฮูหยินแชไม่พูดอะไรแต่คว้ามือซอฮยอนเข้ามาก่อนจะวางหยกหักครึ่งชิ้นนั้นลงบนฝ่ามือหญิงสาวอย่างช้าๆ

         "ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยดูแลข้ามาตลอด ต่อไปนี้สำนักศึกษาชางรยอกุกจะไม่ใช่ที่ของเจ้าอีกแล้ว ที่ของเจ้าต่อจากนี้คือวังหลวงแห่งโชซอน"




    โปรดติดตามตอนต่อไป
        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×