ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เผชิญหน้าฮงซังกุง [100%]
ตอนที่ 15 เผชิญหน้าฮงซังกุง
ซังกุงคนสนิทของวังบีเดินนำขบวนผู้สมัครขึ้นมายังบันไดสีขาว เมื่อมาถึงประตูโค้งตรงกลาง ทหารบริเวณนั้นก็ก้มหัวให้นางอย่างพร้อมเพรียง ยุนซังกุงก้มศีรษะตอบก่อนจะหยิบป้ายไม้แผ่นเล็กๆ แต่หนาสลักตัวอักษรจีนส่งให้ทหารที่ยืนยามหน้าประตูดู ทหารนายนั้นก้มดูครู่หนึ่งก่อนจะผายมือเป็นความหมายว่าผ่านเข้าไปได้ ระหว่างก้าวเข้าไปซอฮยอนลอบเงยหน้าอ่านป้ายไม้ใหญ่โตเหนือซุ้มประตูที่จารึกว่า ประตูควางฮวามุน
เมื่อทั้งขบวนเดินเข้าประตูมาก็พบสนามหินปูลาดกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา กำแพงปูนและทางเดินเลียบยาวสลับซับซ้อน เมื่อมองลึกเข้าไปใจกลางก็จะปรากฏตำหนักใหญ่ตั้งโดดเดี่ยวจากตำหนักทั้งปวง ซอฮยอนพยายามซึมซับภาพอันวิจิตรตระการตาตรงหน้าไว้ให้มากที่สุด ทั้งปูนที่ถูกเกลาเป็นขั้นบันไดไปยังระเบียงด้านบน ริมระเบียงทำจากหินสลักลายทุกก้อน ตัวพระตำหนักมีเสาไม้ใหญ่สีแดงตั้งเป็นฐานรองหลายสิบต้น ประตูหน้าต่างสลับสีเขียวแดงงดงามรับกับขื่อเสาด้านบนที่ลงลวดลาย ถัดขึ้นไปเป็นหลังคากระเบื้องกลมสลักลายมังกรโค้งประกบกัน แต่ความโอ่อ่ายังมิจบเพียงเท่านี้ เหนือขึ้นไปยังมีประตูหน้าต่างอีกหนึ่งขั้นซ้อนทับหลังคาดูคล้ายกับว่าพระตำหนักอันมโหฬารนี้มีสองชั้นกระนั้น
"นั่นคือพระที่นั่งกึนจองจอน และคังนยองตำหนักใหญ่ซึ่งสำคัญที่สุดแห่งคยองบกกุง พวกเจ้าจงคำนับไปทางทิศนั้นเสีย" ยุนซังกุงกล่าว
ทุกคนทำการแสดงความเคารพขั้นสูงสุดไปทางพระที่นั่งแห่งนั้น ระหว่างนั้นยุนซังกุงก็กล่าวไปด้วยว่า
"คยองบกกุงเป็นวังหลักของราชวงศ์โชซอน เก่าแก่ที่สุด ใหญ่โตที่สุด อลังการที่สุด และถ้าเจ้าสังเกตดีๆ จะเห็นภูเขาใหญ่สวยงามตั้งเป็นฉากหลังของวังหลวง พวกเจ้าลุกขึ้นดูสิ"
"สวยมาก" ผู้หญิงหลายคนร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นทิวทัศน์ด้านหลัง
"นั่นคือเขานักซาน(บ้างเรียกพูกักซาน)" ยุนซังกุงอธิบาย
หลังจากทุกคนยืนมองความใหญ่โตของพระราชวังจนเสร็จเรียบร้อย ยุนซังกุงก็พาไปยังทางเดินที่ยาวเป็นแนวด้านข้าง เสาไม้ใหญ่สีแดงฐานก่อปูนตั้งประจำตำแหน่งเป็นทอดๆ
"กำแพงทางเดินต่างๆ ในวังคยองบกจะคล้ายกับเขาวงกต แต่เป็นเขาวงกตที่มีระเบียบแบบแผน ซับซ้อนทว่างดงาม แปลกตาแต่ทรงพลัง" ยุนซังกุงพูด
"ยังมีพระตำหนักและสถานที่อีกมากให้พวกเจ้าตื่นตาตื่นใจ ที่เห็นนี้เป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเจ้ามานะบากบั่นพากเพียรผ่านการทดสอบไปได้ก็จะได้อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ในฐานะนางในเต็มตัว นี่! เจ้าสองคนนั่นน่ะ ทำอะไรกัน" นางตวาด
หญิงสาวสองคนที่พยายามเปิดประตูไม้สีเขียวแง้มออกเพื่อมองดูด้านในถึงกับสะดุ้งโหยง
"นี่มันที่ไหน ให้เจ้ามาทำอุกอาจได้หรือ" ยุนซังกุงกล่าวเสียงเข้ม "พวกเจ้ามาที่นี่ในฐานะผู้สมัครเข้าทดสอบเป็นนางกำนัล มิใช่มาเที่ยวเล่น สำเหนียกเสียบ้าง"
ทุกคนกลับมาอยู่ในอาการสงบสำรวมอีกครั้งและเดินตามยุนซังกุงไปเงียบๆ
"นายหญิง นั่นคืออะไรเจ้าคะ" สตรีคนหน้าสุดถามพลางชี้มือไปทางแท่นยกสูงจากพื้นที่มีรูปสลักหินเป็นสัตว์ตัวใหญ่ชนิดหนึ่ง มีสี่ขา เขี้ยวยาวดูดุร้าย
ซังกุงคนสนิทของพระมเหสีมองตามก่อนจะหันมาตอบว่า
"นั่นคือแฮชี(1)"
ผู้สมัครหลายคนทำหน้าสงสัย ยุนซังกุงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา "ไหนใครตอบข้าที แฮชีคืออะไร"
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"แฮชีคือสัตว์ในตำนานเป็นสุนัขผสมมังกรเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบออกมา ผู้สมัครทุกคนหันมองนางเป็นตาเดียว
"เจ้ารู้ได้อย่างไรน่ะ" ยุนซังกุงถามอย่างแปลกใจ "ข้าราชบริพารบางคนในวังยังไม่สามารถตอบได้ด้วยซ้ำ เจ้าไม่เคยเข้าวังมาก่อน เหตุใดเจ้าจึงรู้"
"ข้าอ่านเจอในตำราน่ะเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบเสียงแผ่ว
"ฮ่าๆ จริงของเจ้า ข้านี่ก็ถามคำถามโง่ๆ แต่ถือว่าเจ้าใฝ่รู้มากเลยนะ ข้าขอชม"
ซอฮยอนก้มศีรษะลง หลายคนในที่นั้นแอบมองนางด้วยความริษยา
หลังจากนั้นไม่นานยุนซังกุงก็เดินผ่านซุ้มประตูเล็กและมาโผล่บริเวณเรือนที่พักของนางในที่จัดแบ่งเป็นห้องหับสัดส่วนชัดเจน
"เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะแยกย้ายไปหาซังกุงผู้อบรมของพวกเจ้าแล้ว ขอให้โชคดีและถัดจากนี้อีกสี่วันถ้าใครผ่านการรับรองของซังกุงก็ให้ไปสมัครสอบเซ็งกักชิได้เลย แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรับรองก็จงออกจากวังไปเสีย"
ยุนซังกุงเดินจากไปพร้อมกับบรรดานางกำนัลทั้งหลาย ผู้สมัครทุกคนแยกแถวแล้ววิ่งกรูไปทางเรือนพักตรงหน้าทันทีพลางเงยหน้าอ่านตัวอักษรบอกชื่อเจ้าของห้องว่าเป็นใครเพื่อจะหาซังกุงของตน
ซอฮยอนเดินช้าๆ สายตาไล่มองทุกห้องและในที่สุดก็เจอป้ายที่เขียนว่า ฮงซังกุง
[ต่อจาก 50%]
หญิงสาวเดินมายืนอยู่หน้าเรือนพักของฮงซังกุง นางสังเกตเห็นว่าห้องของซังกุงอาวุโสคนนี้โดดเด่นและดูง่ายกว่าทุกห้องเพราะบริเวณหน้าที่พักมีต้นอึนแฮงนามุ(2)ใหญ่ยืนต้นตั้งตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนถึงหลังคาทรงจีน
ซอฮยอนเดินหลบต้นไม้ที่ตั้งขวางหน้าทางเข้ามายังบันไดหิน นางถอดรองเท้าก่อนจะขึ้นไปบนเรือนพัก ประตูโครงไม้สีเขียวลายตารางกรุด้วยกระดาษสีขาวเนื้อหนาชั้นดีปิดสนิท
"นายหญิงเจ้าคะ ข้าคือซอฮยอน ผู้สมัครที่จะเข้าคัดเลือกเป็นนางกำนัลเจ้าค่ะ" หญิงสาวส่งเสียงเข้าไป
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
"นายหญิง" ซอฮยอนส่งเสียงไปอีกรอบแต่ก็ยังไม่มีเสียงอะไรตอบกลับออกมาอีกเช่นเคย
หญิงสาวตัดสินใจเอื้อมมือไปเลื่อนบานประตูออกช้าๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้อง
ภายในไม่มีใครอยู่ ตู้ลิ้นชักไม้สีแดงสองตู้ตั้งอยู่มุมห้อง โต๊ะขาเตี้ยถูกดันไปชิดผนัง ซึ่งในผนังก็ยังมีบานไม้เลื่อนเป็นตู้ที่สามารถเก็บเสื้อผ้าได้อีก สภาพเช่นนี้เป็นสิ่งที่ซอฮยอนคาดการณ์ไว้แล้ว แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดว่าจะเห็นก็คือ...
เสื้อผ้าที่ใส่แล้วทั้งชุดฮวาลยอ(ทังอีไร้ลวดลาย) กระโปรงซีมา ชุดชั้นในสีขาวแม้แต่ผ้ารัดทรวงอกของสตรีรวมถึงที่นอนหมอนก็วางกระจายเกลื่อนกลาด ที่น่าตกใจคือเศษกระดาษ เศษผม ชามข้าวที่ยังมีเศษอาหารหลงเหลือวางกองสกปรกราวกับไม่ใช่ที่พักของคน
ซอฮยอนตกตะลึง นางไม่คิดเลยว่าซังกุงสูงอายุจะมีการเป็นอยู่ในสภาพนี้ ตัวนางเองแต่เดิมเป็นเพียงไพร่ แม้ว่าที่พักจะอุดอู้แออัดแต่อย่างน้อยก็ไม่สกปรกรกรุงรังถึงเพียงนี้
นี่หรือชาววัง ซอฮยอนคิดในใจ
หญิงสาวนั่งทำใจอยู่ชั่วครู่ ไม่กล้าแตะต้องของสิ่งใดในห้อง นางคิดหนักว่าฮงซังกุงคนนี้จะเป็นอย่างไร กิตติศัพท์ที่ได้ยินมาจากหลายปากทำให้นางหวาดหวั่นนัก ซอฮยอนพยายามทำใจให้เย็นลงและปรายตามองข้าวของอันแสนรกรอบตัวอย่างรำคาญใจ
ไม่... มันไม่ใช่เรื่องของเรา ซอฮยอนบอกกับตัวเองในใจ เราจะไม่ยุ่ง อย่ายุ่งกับของของนาง อย่าแตะของของนาง
ในที่สุดความที่ไม่อาจทนกับสิ่งรกหูรกตาอันเป็นนิสัยที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดาก็เป็นฝ่ายชนะ นางรีบลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าทุกผืนขึ้นมาและกองรวมไว้ที่มุมห้อง ชามที่มีเศษอาหารตกค้างหญิงสาวก็นำมาวางซ้อนกันทุกใบ
ซอฮยอนเดินไปถามซังกุงข้างห้องสำหรับบริเวณล้างจานชามและซักผ้า
"นายหญิงเจ้าคะ"
"มีธุระอะไรหรือ" ซังกุงที่ยังดูสาวเดินออกมาจากห้องพลางเอ่ยถาม
"ที่ล้างชามกับซักผ้าอยู่ตรงไหนเจ้าคะ พอดีข้าเพิ่งมาใหม่" ซอฮยอนถาม
"อ้อ ที่มารับการอบรมใช่ไหม โน่นแน่ะ บ่อน้ำอยู่ด้านหลังเรือนพัก" ซังกุงให้คำตอบและพูดต่อว่า
"เจ้านี่ขยันดีนะ มาวันแรกก็ทำทุกอย่างหมด ผิดจากนางคนที่มาอยู่กับข้า มาถึงก็นอนเลย สงสัยอยู่บ้านเป็นจำพวกลูกคุณหนูกระมัง"
ซอฮยอนยิ้มและก้มศีรษะให้ เมื่อได้รับคำตอบว่าเป็นบ่อน้ำท้ายเรือนพักก็คว้ากระบะไม้ใบใหญ่กับใบเล็กเพื่อเอาไปเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วและจานชามออกมาจากห้องฮงซังกุง
ซอฮยอนแบกกระบะไม้ที่เต็มไปด้วยผ้าของฮงซังกุงมาวางไว้ข้างบ่อน้ำ หญิงสาวชะโงกมองลงไปในบ่อ เหนือบ่อมีคานไม้ที่รั้งเชือกเอาไว้ นางค่อยๆ จับสายเชือกดึงถังไม้ให้ตักน้ำขึ้นมาก่อนจะเทใส่เสื้อผ้าจนท่วม นางกดให้ผ้าทุกชิ้นจมลงและดันไปไว้ที่มุมหนึ่งก่อนจะเริ่มล้างชามด้วยใยบวบ
เมื่อทำความสะอาดถ้วยชามเสร็จและคว่ำไว้เรียบร้อย ซอฮยอนก็รีบกลับมาที่ห้องพักก่อนจะจัดแจงเก็บกวาดเศษขยะเศษผมทั้งหมดออกมาทิ้งข้างนอก และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถูพื้นจนสะอาด เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ทำเอาหญิงสาวเหนื่อยจนเหงื่อไหลออกมาเป็นน้ำทีเดียว
แสงแดดเริ่มหม่นลงแสดงให้เห็นถึงเวลาที่ย่างเข้าสู่ช่วงสนธยา นางกำนัลชุดสีแดงเดินตามไฟ(3)ให้สว่างทุกตำแหน่งโคมที่แขวนไว้แต่ละจุดของเรือนพักกุงเนียว ซอฮยอนเดินกลับเข้ามาในห้องค้นลิ้นชักตู้ไม้ก็พบเทียนสีขาวก่อนจะจุดขึ้นและปักไว้บนเชิงเทียนทองเหลือง แสงนวลส่องสว่างไปทั้งห้อง
ฉับพลัน ประตูไม้กรุกระดาษก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรงจนฝาห้องสั่นสะเทือน ซอฮยอนสะดุ้งสุดตัวและหันมามองด้วยความตกใจ
ฮงซังกุงนางกลับมาแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
(1) แฮชี หมายถึง สัตว์ในตำนานเป็นสุนัขผสมมังกร มีนิสัยที่แยกแยะความดีความชั่ว มันจะลงโทษผู้กระทำผิดด้วยกรงเล็บและเขี้ยวที่แหลมคมของมัน นอกจากนี้มันยังคอยปกป้องสถานที่สำคัญจากอันตรายทั้งปวง เราจึงจะเห็นรูปปั้นของแฮชีบริเวณสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น พระราชวัง ซุ้มประตู หัวสะพานสำคัญๆ เป็นต้น แฮชียังเป็นลายปักบนหน้าอกในชุดของ แดซาฮึน ผู้ตรวจการทั่วไปในสมัยราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลี ถือเป็นสัตว์ที่มีคุณธรรมสูงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย (เครดิต: เฟซบุ๊กเพจประวัติศาสตร์เกาหลี)
(2) ต้นอึนแฮงนามุ หมายถึง ต้นแปะก๊วย
(3) ตามไฟ หมายถึง จุดให้ไฟติดไว้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น