ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #17 : โถ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.99K
      98
      20 เม.ย. 62

                               ตอนที่ 17 โถ






         ซังกุงลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์

         "ข้าไม่อยากให้เจ้าทนอยู่กับนาง นางเป็นคนเถรตรงเกินไป เรื่องที่ชิงชังนางกำนัลที่เข้ามาด้วยวิธีใช้เส้นสายน่ะใครๆ ก็พอเข้าใจ แต่อคติของฮงซังกุงรุนแรงเกินไป นางต่อต้านหมด"

         "แต่นางกำนัลที่เข้ามาด้วยวิธีนี้ใช่ว่าจะเลวร้ายกันทุกคนนี่เจ้าคะ"

         "มันก็จริง แต่นางแยกแยะเป็นที่ไหนกัน ดูสิ่งที่นางทำกับเจ้าสิ"

         ซังกุงพูดจบก็หันหลังกลับเข้าไปในความมืด ซอฮยอนมองตามอย่างแปลกใจว่าเหตุใดจู่ๆ นางจึงเดินหายไป ทว่าสักพักซังกุงในชุดขาวก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมของในมือที่ถืออะไรบางอย่างมาด้วย

        "เอ้า กินเสีย" มันคือหมั่นโถวลูกใหญ่นั่นเอง ซังกุงยื่นให้หญิงสาว

        "เอ่อ นายหญิง ท่านเอามาให้ข้าหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนกล่าวอย่างซาบซึ้ง

         "ใช่ รีบกินเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้กินอะไรแน่ๆ แล้วฮงซังกุงก็คงไม่ใจดีหาอะไรให้เจ้ากินรองท้องแน่นอน"

         ซอฮยอนก้มศีรษะให้ก่อนจะรับหมั่นโถวเข้ามากัดคำหนึ่ง นางเพิ่งรู้ว่าตัวเองหิวโหยเพียงใด

        "มา ข้าช่วย" ซังกุงย่อตัวนั่งลง คว้ากระบะไม้ที่ใส่ผ้ากับไม้ทุบ

        "นายหญิง จะทำอะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนรีบพูด มือข้างหนึ่งคว้าขอบกระบะไว้

        "ก็ช่วยเจ้าน่ะสิ"

        "ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้าทำเองเจ้าค่ะ"

        "ก็ข้าจะช่วย"

        "นายหญิง งานต่ำต้อยเช่นนี้ให้ข้าทำเถิดเจ้าค่ะ ท่านเป็นถึงซังกุง จะให้มาทำแบบนี้ได้อย่างไร"

        "ซังกุงแล้วอย่างไร เจ้ากินไปเถอะ อย่าพูดมาก ดูซินั่น อากาศหนาวขนาดนี้ยังถือไม้ทุบเอาๆ มือเจ้าไม่แตกหมดหรือ" ซังกุงพูดก่อนจะคว้ากระบะผ้ามาทำเองในที่สุด

         ซอฮยอนมองอย่างสำนึกบุญคุณ

         "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ นายหญิง"

         ซังกุงเงยหน้ามองซอฮยอนแวบหนึ่ง 

         "ข้าเห็นเจ้าก็ทำให้นึกถึงใครคนหนึ่งน่ะ"

         "ใครรึเจ้าคะ" หญิงสาวถาม

         "ตัวข้าเอง" นางตอบ

         ซอฮยอนงุนงง

         "ตัวข้าในอดีตสมัยเข้าวังใหม่ๆ เหมือนเจ้าไม่มีผิด ลำบากนัก กว่าจะได้มาเป็นนางในนั้นเลือดตาแทบกระเด็น พอข้าเห็นเจ้าจึงทำให้นึกถึงตัวข้าในอดีต"

         "นายหญิงชื่ออะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         "จางซูกยิน เจ้าล่ะ" 

         "ซอฮยอนเจ้าค่ะ" หญิงสาวตอบก่อนจะถามต่อว่า

         "ท่านเข้าวังมานานรึยังเจ้าคะ จางซังกุง"

         "เกือบสามสิบปีแล้ว" จางซังกุงตอบพลางยกไม้ทุบผ้า

         "แต่ท่านก็มานะสูงเหมือนกันนะเจ้าคะ ไต่เต้ามาถึงระดับซังกุง(1)ได้" 

         "ฮึ ข้าไม่ได้เก่งนักดอก ที่มาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะได้เข้าถวายการรับใช้อดีตพระมเหสีมังยอน"

         "อดีตพระมเหสีหรือเจ้าคะ"

         "ใช่ ชุงจอนมามะ(2)ในสมัยนั้นพระองค์มีพระคุณกับข้ามาก พระนางเป็นคนผลักดันให้ข้าได้ขึ้นมาถึงระดับซังจนมาถึงซังกุงได้ แต่แล้วสวรรค์ก็เล่นตลก จู่ๆ พระนางก็ถูกปลด"

         "ปลดหรือเจ้าคะ"

         "ถูกต้อง เพราะเหตุผลทางการเมืองไร้สาระ พิธีปลดของนางทำให้ข้าไม่ลืมเลือนจนมาถึงทุกวันนี้ เสียงกรีดร้องของอดีตมเหสีลั่นไปทั้งตำหนักกลาง ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตำแหน่งหลุดจากมือ แต่ในที่สุดพระมเหสีฮโยฮันก็ได้เป็นวังบีองค์ใหม่" จางซังกุงเล่า แววตารำลึกความหลัง

         "แล้วตอนนี้อดีตมเหสีมังยอนทรงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

         "สิ้นพระชนม์ไปแล้ว"

         "อะ... อะไรนะเจ้าคะ" ซอฮยอนตกตะลึง

         "หลังจากถูกปลดเป็นสามัญชน นางก็ถูกส่งกลับบ้านเดิมที่นอกวัง สุดท้ายก็ถูกลอบปลงพระชนม์" จางซังกุงเอ่ยด้วยน้ำเสียงคั่งแค้นพิกล

         "มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรือเจ้าคะ นายหญิง"

         "วังหลวงยังมีอีกหลายอย่างที่เจ้ายังไม่รู้ ซอฮยอน"

         หลังจากหญิงสาวรับประทานหมั่นโถวหมดลูกก็ช่วยจางซังกุงซักผ้าตาก เมื่อช่วยกันคนละไม้คนละมืองานก็เสร็จในที่สุด

         "ขอบคุณอีกครั้งเจ้าค่ะ นายหญิง" ซอฮยอนโค้งคำนับ

         "รีบมานอนเถิด พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปรับมือฮงซังกุงอีกนะเจ้าน่ะ"

         "นอน? นายหญิงหมายถึง..."

         "ก็ห้องข้าอย่างไรเล่า ก็เจ้าไม่มีที่นอนนี่นา แต่ห้องข้าแคบกว่าห้องฮงซังกุงนะเพราะนางมีตำแหน่งสูงกว่าข้า หวังว่าเจ้าจะนอนได้ หรือว่าเจ้าจะนอนอยู่ริมบ่อน้ำนี่ก็ได้นะ แล้วก็ให้ทหารยามมาไล่เจ้าเพราะนึกว่าเห็นวิญญาณนางในที่ตกไปตายในบ่อเมื่อปีที่แล้ว"

         "นายหญิง พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ" ซอฮยอนกล่าวพลางทำท่าขนลุกขนพอง

         "เช่นนั้นก็ตามมา อย่าร่ำไร" จางซังกุงเดินนำไป ซอฮยอนยิ้มเล็กน้อยและตามนางไปยังเรือนพัก








             [ต่อจาก 50%]




         ระหว่างทางที่เดินกลับเรือนพักนางใน ซอฮยอนก็ถามจางซังกุงว่า

         "แล้วท่านเป็นซังกุงที่ดูแลส่วนไหนในวังหรือเจ้าคะ"

         "อะไรกัน เจ้าลืมไปแล้วรึว่าเจอข้าครั้งแรกที่ไหน" นางย้อนถาม ซอฮยอนชะงักไปก่อนจะนึกขึ้นได้

         "อ้อ ลานเครื่องปรุงรส ข้าลืมไปเสียสนิท นี่แสดงว่าท่านเป็นซังกุงที่ดูแลห้องปรุงรสหรือเจ้าคะ" หญิงสาวเอ่ยพลางมองจางซังกุงด้วยความเลื่อมใส

         "ทำไมถึงมองข้าอย่างนั้น ข้ามิได้เก่งกาจอะไรดอกนะที่ได้ดูแลห้องปรุงรสน่ะ"

         "การปรุงรสเป็นสิ่งสำคัญมากในห้องเครื่องซูรากัน ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ" ซอฮยอนกล่าว 

         "เจ้ารู้จักห้องเครื่องด้วยหรือ"

         "ผู้หญิงทั่วทั้งแผ่นดินโชซอนที่จะเข้ามาเป็นนางกำนัล แทบทุกคนอยากเข้ามาในห้องเครื่องทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ แหล่งทำเครื่องเสวยให้พระราชาและเชื้อพระวงศ์ไม่ว่าใครก็อยากเข้ามา แม้แต่ข้าเอง ทว่าตัวข้านั้นทำอาหารไม่อร่อยเลยเจ้าค่ะ ไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้แม้แต่นิด" ซอฮยอนพูดพลางหัวเราะ

         "เช่นนั้นเจ้ามีความสามารถด้านใดหรือ" จางซังกุงถาม

         "เอ่อ"

         "พูดออกมาเถิด จะอายอันใด"

         "ข้ามีความสามารถด้านการเขียนเจ้าค่ะ อาจจะไม่มากแต่ก็พอมีบ้าง" หญิงสาวก้มหน้าตอบ

         "การเขียนหรือ เขียนอะไรกัน"

         "ข้าชอบเขียนจำพวกหนังสือ ตำรา งานประพันธ์ต่างๆ เจ้าค่ะ"

         "จริงรึนี่ เจ้าเขียนตำราด้วยหรือ ช่างหายากนัก ข้าไม่ค่อยเคยเห็นผู้หญิงจับพู่กันเขียนหนังสือเป็นของตัวเองได้สักเท่าไร ส่วนมากจะเป็นงานที่ผู้ชายมักทำกัน ถ้าผู้หญิงก็จะเป็นจิตรกร ช่างวาดภาพไม่ใช่เขียนหนังสือเช่นเจ้า" จางซังกุงบอก

         "ข้าก็ไม่เก่งอะไรมากมายดอกเจ้าค่ะนายหญิง"

         "ถ้าเจ้าสามารถเข้าเป็นนางกำนัลได้ก็เลือกเข้าห้องจดบันทึกสิ"

         "ห้องจดบันทึกหรือเจ้าคะ"

         "ใช่ เจ้าคงไม่คิดว่าในวังหลวงมีจะมีแค่ห้องเครื่องคาวหวาน ของผลไม้ ขนม ห้องเย็บปักอย่างเดียวนะ ยังมีอีกมากมายหลายห้องนัก รวมถึงห้องจดบันทึกด้วย ถ้าเจ้าสนใจก็ลองเข้าไป อนาคตหากเจ้ามีความอุตสาหะพากเพียรไม่แน่ว่าอาจเข้าตาใต้เท้ามุนก็เป็นได้" จางซังกุงพูดระหว่างที่ก้าวขึ้นมาบนเรือนพักของซังกุง

         "ใต้เท้ามุนหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         "ใต้เท้ามุนยองนัม เป็นใต้เท้าที่ดูแลกองงานวรรณกรรมในวังหลวง"

         "กองงานวรรณกรรม" ซอฮยอนทวนคำช้าๆ

         "ถูกต้อง ถ้าเจ้าถนัดทางด้านนี้"

         เมื่อเข้ามาในเรือนพัก จางซังกุงก็หยิบหมอนกับที่นอนสำรองรวมถึงชุดนอนสีขาวออกมาให้ซอฮยอน หญิงสาวขอบอกขอบใจซังกุงห้องปรุงรสเป็นการใหญ่

         "ไม่เป็นไร เจ้ารีบนอนเถิดเพราะต้องตื่นแต่เช้า หากสายขึ้นมาฮงซังกุงมาแหวกอกเจ้า ข้าก็ช่วยไม่ได้ดอกนะ"

         "เจ้าค่ะ" ซอฮยอนรับคำเสียงใสพลางเป่าเทียนในห้องให้ดับวูบลง



         เช้าตรู่มาถึงอย่างรวดเร็ว ซอฮยอนพึงระวังตัวไม่ให้นอนตื่นสายแต่ทว่าก็ยังตื่นช้ากว่าจางซังกุงอยู่ดี หลังจากเก็บที่นอนและเปลี่ยนชุดเรียบร้อยจึงเปิดประตูห้องออกมาด้านนอก

         จางซังกุงที่ถือถาดสำรับไม้บรรจุถ้วยชามสามสี่ใบร้องดังลั่นจนซอฮยอนสะดุ้งโหยง

         "นี่เจ้า เดินดูทางหน่อยสิ ถ้วยชามตกแตกไปล่ะยุ่งเชียว"

         "นายหญิง ข้าขออภัย ท่านถืออะไรมารึเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม เพ่งมองสำรับที่จางซังกุงถืออยู่ นางสังเกตสังเกตว่าชามทุกใบมีผ้าสีเขียวคลุมไว้มิดชิด

         "อาหารของฮงซังกุง"

         "อะไรนะเจ้าคะ"

         "เจ้าจะงงอะไรนักหนานะซอฮยอน ถ้าอยากเข้าวังก็หัดเอาใจนางหน่อย ปกติพวกนางกำนัลรับใช้น่ะยกอาหารเข้าไปให้นางอยู่ตลอดก็จริง แต่ที่ข้าเอามานี่คือของดีจากห้องเครื่องตำหนักใหญ่เชียวนะ บางอย่างข้าไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำ เจ้ายกไปให้นางสิ เร็วเข้า"

         "ขอบคุณมากเจ้าค่ะนายหญิง"  ซอฮยอนรับถาดไม้มา

         "ขอให้โชคดี ข้าเอาใจช่วยอยู่ รีบไปเร็ว" จางซังกุงอวยพรก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องของตน

         ซอฮยอนสูดลมหายใจเข้ายาวลึกก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองและเดินไปตามระเบียงมุ่งตรงไปทางหน้าห้องของฮงซังกุง 

         "นายหญิงเจ้าคะ ข้าซอฮยอนเจ้าค่ะ" หญิงสาวส่งเสียงเข้าไปในเรือนพักซังกุงอาวุโส

         "เข้ามา" ฮงซังกุงตอบ

         ซอฮยอนเลื่อนบานประตูไม้และเดินเข้าไปก่อนจะปิดตามหลัง มือข้างหนึ่งพยายามประคองถาดสำรับและวางลงบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้าฮงซังกุง นางเหลือบมองแวบหนึ่ง

         หญิงสาวโค้งคำนับแต่ยังไม่กล้านั่งลงเพราะกลัวถูกซังกุงสูงอายุตำหนิอีก แต่ทว่า...

         "นั่งลง" ฮงซังกุงสั่ง 

         ซอฮยอนลอบถอนลมหายใจอย่างช้าๆ และย่อตัวลงนั่งกับพื้น

         "นี่คืออะไรรึ" นางชี้ไปที่ถาดไม้ ซอฮยอนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า 

         "อาหารเช้าเจ้าค่ะ" 

         ฮงซังกุงเลิกคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาเปิดผ้าคลุมสีเขียวออก

         อาหารชั้นดีทั้งกุ้งเผา หมูตุ๋นโสม ข้าวหน้าเป๋าฮื้อ วางเรียงกันดูน่ารับประทาน ซังกุงอาวุโสตาเบิกค้าง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตามามองหน้าซอฮยอนช้าๆ

         "เจ้า... เจ้าทำเองรึ" ฮงซังกุงถาม 

         "ไม่ใช่เจ้าค่ะ"

         "แล้วใครทำ"

         "เอ่อ"

         "เจ้าเอามาจากไหน"

         ซอฮยอนนิ่งเงียบ

         "ข้าถามว่าเอามาจากไหน" ฮงซังกุงตวาด หญิงสาวรีบก้มหน้าลง รู้สึกว่าตัวเองได้ทำพลาดครั้งใหญ่อีกแล้ว

         "ของเหล่านี้เป็นของดี บางอย่างเป็นเครื่องเสวยให้ฝ่าบาทได้ด้วยซ้ำ นี่แสดงว่าเจ้าไปขอห้องเครื่องมาใช่รึไม่ ตำหนักที่ใกล้ที่สุดก็คงเป็นตำหนักใหญ่เจ้าไปเอามาจากที่นั่นใช่ไหม" เสียงฮงซังกุงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

         "นายหญิงเจ้าคะ"

         "ข้าเกลียดนักพวกคนขี้ประจบสอพลอ เอาใจข้าด้วยสิ่งเหล่านี้ วิธีสกปรกใช้กับข้าไม่ได้ คิดว่าข้าจะชื่นชมรึอย่างไร นางตัวดี ยกออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่กิน!"

         "นายหญิง ได้โปรด"

         "เจ้าคงใช้อิทธิพลความเป็นลูกคุณหนูของขุนนางบังคับให้นางในห้องเครื่องปรุงให้ใช่ไหม ถึงได้ของดีเช่นนี้มาน่ะหา นางตัวดี" ซังกุงสูงอายุตะโกนลั่นห้อง

         "นายหญิง ไม่ใช่ ไม่ใช่เจ้าค่ะ"

         "เอาสำรับออกไป"

         "นายหญิง"

         ฮงซังกุงปัดถาดไม้กระเด็นตกจากโต๊ะทันที อาหารตกเรี่ยราดกระจัดกระจายเลอะพื้น ซอฮยอนสะดุ้งโหยง

         "นาย... นายหญิง ทำไมทำเช่นนี้เจ้าคะ"

         "ทำความสะอาดให้เรียบร้อย"

         "อาหารดีๆ ทั้งนั้น ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ"

         ฮงซังกุงตบโต๊ะเสียงดังปังก่อนจะตวาดลั่น

         "หุบปาก! แล้วรีบทำความสะอาดเช็ดถูเสีย"

         ซอฮยอนก้มหน้าอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด พยายามบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

         "เดี๋ยว"

         "เจ้าคะ?"

         "เห็นโถนั่นไหม" ฮงซังกุงชี้ไปที่มุมห้อง ซอฮยอนหันไปมองก็พบโถทองเหลืองปากกว้างถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว

         "เห็นเจ้าค่ะ"

         "เอาของในนั้นไปทิ้งให้ที" ซังกุงอาวุโสสั่ง

         "ในนั้นมีอะไรรึเจ้าคะ"

         "ข้าถ่ายของเสียข้าลงไปในนั้น เอาไปทิ้งให้ด้วย"

         ซอฮยอนตกตะลึงชะงักตัวแข็ง

         "นายหญิง... ท่านว่าของเสียรึเจ้าคะ" หญิงสาวถามช้าๆ
      
         "ใช่ ทั้งถ่ายหนัก ถ่ายเบา ปนอยู่ในนั้น ข้าคร้านจะเดินไปห้องน้ำ เลยปล่อยไว้ในนั้น เอาไปทิ้งด้วย"

         "นายหญิง ทำไมท่านไม่ไปห้องน้ำเล่าเจ้าคะ"

         "แล้วมันกงการอะไรของเจ้า"
      
         "ห้องนี้เป็นทั้งห้องนอนท่าน จะกินก็กินในนี้ ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้ในห้องเล่าเจ้าคะ ท่านยังมิได้ป่วยถึงขนาดลุกไปห้องน้ำมิได้นี่เจ้าคะ"

          "เจ้าจะพูดมากไปถึงไหน หา!" ฮงซังกุงพูดเสียงเขียว "ข้าใช้อะไรเจ้าก็ต้องทำ ทำเสีย!"

          ซอฮยอนกำหมัดแน่น ค่อยๆ ก้มตัวลงไปที่โถ
      
         "นี่เจ้ารังเกียจรึ รังเกียจของของข้าอย่างนั้นรึ" ฮงซังกุงกล่าวเสียงเย็นเยียบน่าขนลุกพลางยืนขึ้นช้าๆ หญิงสาวรีบส่ายหน้า

         "แล้วไฉนถึงไม่รีบทำเสีย!" นางกระแทกเสียง 

         ซอฮยอนหลับตาก่อนจะกลั้นใจยื่นมือไปจับโถทองเหลือง

         นางทำไม่ได้ นางไม่กล้าแตะโถ

         "นี่เจ้า..." ฮงซังกุงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นระรัวเพราะความโกรธ ก่อนจะตะโกนออกมาลั่นห้องจนซอฮยอนผงะ

         "รังเกียจมากนักใช่รึไม่ รังเกียจมากใช่ไหม หา!"

         ฮงซังกุงเดินเข้ามายกโถทองเหลืองขึ้นมา ดึงผ้าสีขาวออกและคว่ำเทมันลงใส่ร่างซอฮยอน

         "กรี๊ด" ซอฮยอนร้องลั่น

         ทว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่มีอะไรลงมาโดนตัวนางแม้เพียงนิด ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง

         ในโถทองเหลืองที่ฮงซังกุงคว่ำลงมานั้นว่างเปล่าไม่มีของเสียหรือสิ่งใดอยู่เลย...

         ฮงซังกุงแกล้งหลอกนางอย่างนั้นหรือ...

         ดวงตาของซังกุงสูงอายุวาวโรจน์อย่างชิงชังรังเกียจ

         "หากแค่นี้เจ้าทำไม่ได้ ก็อย่าหวังที่จะเข้าวังไปรับใช้ใครได้เลย จำไว้ จงจำไว้ว่าต่อให้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ข้าก็ไม่มีวันยอมให้เจ้าเข้าวัง จงจำไว้ให้ดี!" 

         ฮงกาเชตะโกนก้องก่อนจะทุ่มโถทองเหลืองกระแทกลงพื้นอย่างแรงจนมันส่งเสียงเคร้งคร้างไปทั้งเรือนพัก






    โปรดติดตามตอนต่อไป

          

         

         
    เชิงอรรถ 

    (1) นางข้าหลวงระดับสูงในราชสำนักฝ่ายในสมัยโชซอน หลายคนมักเข้าใจผิดว่ามีแค่ตำแหน่งซังกุง แต่จริงๆ แล้วมิใช่เช่นนั้น ตำแหน่งระดับซังมีทั้งหมด 8 ระดับ ดังนี้ (เรียงจากยศต่ำสุดไปยศสูงสุด) ซังกี ซังจอง ซังกง ซังชิม ซังซิก ซังบก ซังอึยและซังกุง ซึ่งทุกตำแหน่งมีหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกันไป

    (2) ชุงจอนมามะ หมายถึง คำเรียกพระมเหสีแบบลำลอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×