ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #18 : กุงเนียวชรา [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.01K
      96
      2 พ.ค. 62

                           ตอนที่ 18 กุงเนียวชรา







         ประตูกรุกระดาษของเรือนพักถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว จางซังกุงนั่นเอง นางได้ยินเสียงกรีดร้องของซอฮยอนและเสียงสิ่งของถูกทุ่มลงพื้นอย่างแรงจึงรีบปรี่มาดูด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าฉายแววตื่นตระหนก ด้านหลังนางยังมีซังกุงและนางในอีกหลายคนยืนชะเง้อคอมองวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

         ฮงซังกุงตวัดสายตาแห่งความเกลียดชังให้ซอฮยอนอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งความว่างเปล่าชวนอกสั่นขวัญแขวนไว้เบื้องหลัง สักพักเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของซอฮยอนก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

         "ซอฮยอน!" จางซังกุงวิ่งเข้ามาโอบไหล่หญิงสาวที่นั่งอย่างหมดแรงอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใย

         "นี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า"

         "ฮึก นาย... นายหญิง" หญิงสาวยังคงสะอื้นไห้ กอดจางซังกุงราวกับหาที่พึ่ง "ข้า... ข้ากลัว"

         "กลัวหรือ กลัวอันใดกัน ฮงซังกุงทำอะไรเจ้า" จางซังกุงเหลือบไปเห็นถาดสำรับอาหารที่คว่ำกระจายเปรอะพื้น โถทองเหลืองบุบก็กระเด็นไปอยู่มุมห้อง

         "นี่นางทำร้ายร่างกายเจ้าหรือ"

         ซอฮยอนรีบส่ายศีรษะ

         "ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ นางไม่ได้แตะต้องตัวข้าสักนิด"

         "เช่นนั้นเจ้ากลัวอะไร"

         "ข้า... ข้ากลัวใจตัวเองเจ้าค่ะ"

         จางซังกุงงุนงง

         "เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ"

         "ข้าน่าจะเข็ดหลาบตั้งแต่เมื่อวาน นางเคยบอกข้าแล้วว่าไม่ชอบคนสร้างภาพ ทำดีฉาบฉวยหวังคำชม แต่วันนี้ข้ากลับใช้วิธีเดิมยกอาหารดีๆ มาหวังให้นางพอใจ แต่ข้าคิดผิดถนัด" ซอฮยอนร่ำร้อง

         "ข้าผิดเองซอฮยอน ข้าเป็นเอาอาหารมาให้เจ้า อย่าโทษตัวเองเลย โทษข้าเถิด" จางซังกุงเอ่ยเบาๆ

         "ไม่ใช่ความผิดท่านดอกเจ้าค่ะนายหญิง เมื่อครู่ตัวข้าก็ได้แสดงความรังเกียจต่อของเสียที่นางสั่งให้เอาไปทิ้ง หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วนางทดสอบข้า แต่ข้ากลับโง่เขลา โง่เขลานัก" ซอฮยอนยกมือปิดหน้าร้องไห้

         "ของเสียที่นางให้เอาไปทิ้ง? นางทดสอบเจ้า? เจ้าพูดเรื่องอะไรรึซอฮยอน ข้าไม่เห็นเข้าใจ" จางซังกุงสงสัย

         ซอฮยอนไม่ตอบ นางลุกขึ้นยืนปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พยายามทำตัวให้กระฉับกระเฉงอีกครั้ง

         "ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ นายหญิง เชิญท่านไปทำธุระเถิด อย่ากังวลทางนี้เลย"

         "แน่ใจรึ" จางซังกุงถามอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อซอฮยอนพยักหน้ายืนยัน นางก็ออกไปจากห้องแต่โดยดี

         เมื่ออยู่ตามลำพังซอฮยอนก็รีบเก็บเศษอาหารที่ตกเกลื่อนและถ้วยชามซึ่งถูกปัดลงพื้น จากนั้นก็เก็บกวาดเช็ดถู โถทองเหลืองก็นำมาตั้งวางไว้ที่เดิม

         เมื่อว่างซอฮยอนก็ปัดฝุ่นออกจากตู้หนังสือ นางไม่อาจทนนิ่งดูดายได้จริงๆ เมื่อเห็นฝุ่นหนาเตอะจับอยู่ตามปกหนังสืออันมีคุณค่าเหล่านี้ หญิงสาวหวนนึกไปถึงเด็กชนชั้นต่ำที่อยู่นอกวัง กว่าจะได้กระดาษที่ถูกฉีกออกมาจากตำราสักเล่มเพื่อมาอ่านก็ยากเย็นมากแล้ว แต่ในวังหนังสืออย่างดีเป็นสิบกลับถูกวางลืมไว้อย่างไม่มีผู้ใดไยดี

         ไม่นานฮงซังกุงก็กลับมา ซอฮยอนรีบลุกขึ้นยืน ซังกุงอาวุโสเดินผ่านนางไปราวกับเป็นเพียงอากาศก่อนจะนั่งลงหน้าโต๊ะตัวเตี้ย

        "นึกว่าจะวิ่งแจ้นกลับบ้านไปเสียแล้ว ไม่นึกว่ายังจะทนอยู่อีก" ซังกุงอาวุโสเอ่ยขึ้นโดยไม่มองหน้าหญิงสาว

         ซอฮยอนไม่พูดจาอันใด

         ฮงกาเชมองไปรอบห้องก่อนจะหยุดอยู่ที่ตู้หนังสือ

         "เจ้าทำอะไรกับกองหนังสือข้า" นางถามเสียงห้วน

         "ข้าทำความสะอาดเจ้าค่ะ ฝุ่นมันเยอะมาก ข้าจึง--"

         "ข้าเคยบอกเจ้าว่าอย่างไร ห้ามแตะต้องข้าวของข้าก่อนได้รับอนุญาตมิใช่หรือ เจ้าอยากโดนตัดแต้มอีกใช่รึไม่" 

         "นายหญิง ข้าไม่ได้แตะต้องของของท่านเลยนะเจ้าคะ"

         "เจ้าพูดอะไรของเจ้า เมื่อครู่เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าเพิ่งทำความสะอาดกองหนังสือข้า"

         "ใช่เจ้าค่ะ แต่ข้ามิได้แตะต้องหนังสือท่าน ที่ปัดฝุ่นต่างหากเล่าเจ้าคะที่แตะหนังสือท่าน ถ้าท่านจะลงโทษก็ลงโทษที่ปัดฝุ่นเถิดเจ้าค่ะ"

         เรือนพักเงียบสงัด

         ซอฮยอนเงยหน้ามองซังกุงสูงอายุอย่างหวาดกลัว ทว่าทันใดนั้น นางก็สาบานว่าตนเองเห็นมุมปากของฮงซังกุงกระตุกขึ้นนิดหนึ่งราวกับจะหัวเราะก่อนที่นางจะตีหน้าขรึมเช่นเดิม
         
         "เล่นลิ้นเก่งนักนะ" ฮงกาเชพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะค้นของใต้โต๊ะขึ้นมาวาง ซึ่งก็คือหนังสือสี่ห้าเล่ม นางโยนมันทุกเล่มให้ซอฮยอน

         "เอาไปอ่านให้หมด" นางสั่ง "ถึงข้าจะประกาศว่าไม่ให้เจ้าผ่าน แต่ตามกฎก็ต้องอบรมเจ้าอยู่ดี ก่อนอื่นก็อ่านตำราพวกนี้ให้ขึ้นใจเสียก่อน จำได้หมดเมื่อใดค่อยไปเรียนรู้อย่างอื่นต่อ"

         ซอฮยอนเปิดตำราเล่มหนึ่งออกดู

         "ข้าเคยอ่านตำราเล่มนี้แล้วเจ้าค่ะ สมัยยังไม่เข้าวัง" 

         ฮงซังกุงชะงัก นางมองอย่างไม่เชื่อ

         "เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็อ่านเล่มต่อไปสิ"

         "ข้าก็อ่านแล้วเจ้าค่ะ ความจริงข้าเคยอ่านหมดทุกเล่มแล้วเจ้าค่ะ"

         คราวนี้ฮงซังกุงถึงกับผงะ นางมองซอฮยอนราวกับเป็นตัวประหลาด 

         "เช่นนั้น" ซังกุงสูงอายุหรี่ตา "เล่มที่มีปกสีเขียว มีอยู่บทหนึ่งกล่าวถึง 'จอนชิก' ไหนเจ้าตอบข้าทีว่าคืออะไร"

         ซอฮยอนหลับตาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะตอบออกมา

         "จอนชิกคือนางวังที่ทำหน้าที่ดูเรื่องการสระผม หวีผม แต่งหน้าให้กับกษัตริย์ พระมเหสีและพระบรมวงศานุวงศ์เจ้าค่ะ ซึ่งถือเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตพิเศษให้จับสัมผัสกับผม ใบหน้าและศีรษะของเชื้อพระวงศ์ได้ นางวังในตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ หากกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการหมิ่นพระเกียรติอย่างสูงเจ้าค่ะนายหญิง"

         ฮงซังกุงอ้าปากค้าง






       [ต่อจาก 50%]




         "นี่เจ้า เพราะอะไร ทำไมถึง"

         ซอฮยอนยิ้ม

         "ก็อย่างที่ข้าบอกเจ้าค่ะนายหญิง ข้าเคยอ่านสมัยอยู่นอกวัง"

         "ทั้งหมดนี่น่ะหรือ เจ้าหาอ่านได้จากที่ใดกัน" ฮงซังกุงยังไม่สิ้นสงสัย

         หญิงสาวคิดใคร่ครวญ นางไม่อาจบอกได้ว่าศึกษาเล่าเรียนมาจากสำนักศึกษาชางรยอกุกโดยมีใต้เท้าแชและฮูหยินแชเป็นเจ้าของ เพราะตนเองเข้าวังมาในฐานะปาร์คซอฮยอนมิใช่ซินซอฮยอน

         "ใต้เท้าปาร์คสอนข้าเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตัดสินใจพูดปด

         "ใต้เท้าปาร์คใส่ใจลูกสาวบุญธรรมดีขนาดนี้เชียวหรือ" 

         "เอ่อ... เจ้าค่ะ"

         ฮงซังกุงหยิบตำราทุกเล่มขึ้นมาและเลือกเปิดสุ่ม เมื่อเปิดไปหน้าไหนนางก็จะถามถึงเนื้อหาในหน้านั้นกับซอฮยอน

         ทุกคำถามที่ถูกส่งไปจากซังกุงอาวุโส ซอฮยอนตอบได้ฉะฉานครบถ้วนถูกต้องหมดทุกข้อ ส่วนฮงซังกุงนั้นยิ่งนางถามไปมากเท่าใด ความตกตะลึงพรึงเพริดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

         "เจ้าจำทุกอย่างหมดได้อย่างไรกัน"

         "ข้าคงอ่านหลายรอบน่ะเจ้าค่ะ"

         "แล้วเหตุใดถึงไม่ใช้ความสามารถเข้ามาตั้งแต่หกขวบ ทำไมต้องเข้ามาตอนโตด้วยการใช้เส้นสายเช่นนี้เล่า" ซังกุงสูงอายุเอ่ยถาม

         "นายหญิง เรื่องนี้ท่านเชื่อข้าได้รึไม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้อยากเข้ามาด้วยวิธีนี้หรือถือตัวว่าเป็นลูกขุนนางใหญ่ใดๆ ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ"

         ฮงซังกุงจ้องหญิงสาวแน่นิ่ง ซอฮยอนรู้สึกว่าซังกุงผู้อบรมกำลังสองจิตสองใจ แต่ในที่สุดก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง

         "ข้าไม่เชื่อ"

         ความหวังในใจซอฮยอนพลันมลายหายไปทันที

         "นายหญิง"

         "บิดาบุญธรรมเจ้าที่เป็นใต้เท้าผู้ดูแลท้องพระคลังต้องจ่ายเท่าใดรึ ถึงฝากฝังเจ้าเข้ามาได้ กี่ร้อยกี่พันมุน(1)กัน"

         "นายหญิงเจ้าคะ!"

         "คืนนี้เจ้าจงไปหามินซังกุง และนอนที่นั่นเสีย"

         "มินซังกุงคือใครกันเจ้าคะ"

         "นางเป็นซังกุงที่ชรามากแล้ว เจ้าก็ไปช่วยปรนนิบัตินางแทนข้าที"

         ซอฮยอนมองหน้าฮงซังกุงตรงๆ

         "ท่านยังรังเกียจข้าอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ ถึงสั่งข้าไปดูแลซังกุงอีกคน"

         "ไม่ใช่ แต่นางชรามากแล้ว ต้องมีคนคอยดูแล เจ้ารีบไปเถิด"

         ซอฮยอนเดินออกมาจากห้องของฮงซังกุง ใจที่เคยเข้มแข็งแต่เดิมนั้นเริ่มถดถอยลง นางไม่รู้ว่าจะทำวิธีไหนแล้วที่จะเอาชนะซังกุงอาวุโสคนนี้ได้

         ห้องของมินซังกุงซึ่งเป็นกุงเนียวชราอยู่สุดระเบียง บริเวณนั้นค่อนข้างเงียบเพราะเป็นมุมอับ

         "นายหญิง ข้าซอฮยอนเจ้าค่ะ ฮงซังกุงมอบหมายให้ข้ามา"

         เสียงอนุญาตแหบแห้งดังออกมาจากห้อง หญิงสาวเปิดประตูเดินเข้าไป

         มินซังกุงเป็นนางกำนัลที่ชราภาพมากแล้ว นางใส่ชุดผ้าป่านสีขาวเนื้อหยาบคลุมกาย บนศีรษะไร้คาเชมีแต่ผมของจริงที่หงอกขาวทั้งหัว เปียห้อยยาวด้านหลัง นางเงยหน้าเหี่ยวย่นขึ้นมาและพยายามเพ่งมองซอฮยอนด้วยดวงตาที่ฝ้าฟาง

         "นั่งลงสิ" นางพูดเบาๆ 

         หญิงสาวคำนับและย่อตัวลงนั่ง

         "ฮงซังกุงส่งเจ้ามาดูแลข้าหรือ"

         "เจ้าค่ะ" 

         "อืม แสดงว่าเจ้าต้องเข้าตานางบ้างแล้วล่ะ" มินซังกุงพูดยิ้มๆ

         ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นทันทีราวกับตนเองฟังผิดไป

         "นายหญิงว่าอะไรนะเจ้าคะ"

         "เด็กคนไหนที่ถูกส่งมาโดยนางให้มาดูแลข้าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่นางคัดสรรแล้วว่าใช้ได้"

         ซอฮยอนอ้าปากค้าง

         "จริงหรือเจ้าคะนายหญิง ท่านพูดจริงหรือ ท่าน... ท่านไม่ได้แกล้งพูดให้ข้าดีใจใช่รึไม่เจ้าคะ"

         "ข้าพูดจริง ฮงซังกุงนางเป็นคนเช่นนี้แหละ ปากร้าย ใจดี ใจคิดอีกอย่างแต่แสดงออกอีกอย่าง ใครที่นางร้ายๆ ด้วยนั่นคือนางกำลังสอน กำลังทดสอบ"

         ไฟแห่งความหวังในใจซอฮยอนเริ่มลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้ง

         ซังกุงชรายกชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ เมื่อวางจอกลงก็เอ่ยต่อว่า

         "หลายคนในวังชอบเล่าลือกล่าวขานถึงฮงซังกุงว่าเป็นคนประหลาดบ้าง สติเสียบ้าง วิปลาสบ้าง ดุร้ายไม่ควรเข้าใกล้บ้าง แต่จริงๆ นั่นคือคำลวง นางหาใช่คนเช่นนั้นไม่แม้เพียงนิด ข้าสอนนางมากับมือทำไมข้าจะไม่รู้"

         "หา ท่านเป็นคนสอนฮงซังกุงหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนอ้าปากค้าง

         "ถูกต้อง สอนมาตั้งแต่นางเป็นนางกำนัลเด็กจนกระทั่งเติบใหญ่และได้เป็นถึงระดับซังกุงจนกระทั่งทุกวันนี้ เจ้าอยากรู้ความจริงหรือไม่ว่าเหตุใดคนทั้งวังถึงขนานนามว่าซังกุงประหลาด ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง" ซอฮยอนรีบพยักหน้าอย่างกระตือรืนร้น

         มินซังกุงยกหมอนขึ้นหนุนหลังก่อนจะตั้งต้นเล่า




    โปรดติดตามตอนต่อไป




    เชิงอรรถ



    (1) มุน เป็นหน่วยเงินที่ใช้เรียกเงินเหรียญ ทองแดงจนถึงเหรียญทองสัมฤทธิ์ มีชื่อว่าซังพยองตงโบหรือโชซอนตงโบ และในสมัยโชซอนจะมีสกุลเงินอีกชนิดซึ่งก็คือยาง




    แต่ถ้าเป็นเงินกระดาษหรือตั๋วเงินจะเรียกว่า จอฮวา


    เครดิต: KoreaTown@AsianCastle ข้อมูลและรูปภาพ: www.ohmynews.com , museum.smu.ac.kr , http://blog.daum.net/sukhyun0912 , http://history.yj21.net , http://banknoteworld.com , https://ko.wikipedia.org

    Read more: http://asiancastle.net/?p=2027#gallery/5/
    Copyright ©2016 WWW.ASIANCASTLE.NET



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×