ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #23 : อดีตระทม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      120
      27 เม.ย. 62

                           ตอนที่ 23 อดีตระทม








         ความเงียบงันดูจะยาวนานออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ซอฮยอนนั่งกอดเข่าร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ นางไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเลยด้วยซ้ำ และดูท่าว่าครั้งนี้ความโกรธของฮงซังกุงจะรุนแรงกว่าทุกคราวที่ประสบมา

         หญิงสาวหยิบกระดาษนับแต้มที่ฮงซังกุงขยำเป็นก้อนและเขวี้ยงใส่นางขึ้นวางบนโต๊ะก่อนจะคลี่ออกและลูบไปมาให้มันเรียบอีกครั้งทั้งน้ำตา

         ซอฮยอนยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้ของตนไม่ให้ดังเล็ดลอดออกไปนอกตัวห้อง คิดในใจด้วยความเสียดายว่าฮงซังกุงกำลังยอมรับตนเองแล้วแท้ๆ แต่ในที่สุดซังกุงสูงอายุก็รู้จนได้ว่าซอฮยอนเข้าวังมาด้วยเหตุผลอันใดและนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ฮงซังกุงรับไม่ได้ที่สุด

         นางเข้าใจทุกสิ่งที่นายหญิงพูด รู้ดีว่ามันไม่ดีอย่างไร แต่นางไม่อาจดับความแค้นในใจลงได้เลย ดับไม่ได้จริงๆ

         ฉับพลัน ซอฮยอนก็เงยหน้าทันทีอย่างนึกขึ้นได้

         ใช่ ยังมีอีกคนที่น่าจะเข้าใจนางและน่าจะช่วยพูดกับฮงซังกุงได้อีกด้วย

         หญิงสาวรีบเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อยก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องฮงซังกุง เมื่อเลื่อนประตูปิดเสร็จสรรพนางก็วิ่งไปตามระเบียงหน้าห้องของนางกำนัลจนในที่สุดก็มาถึงห้องด้านในสุดของเรือนพัก

        ซอฮยอนเห็นแสงเทียนในห้องก็ยิ้มอย่างยินดี เพราะแสดงว่ามินซังกุงยังไม่นอน

        "นายหญิง ข้าซอฮยอนเจ้าค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้น

        "เข้ามาได้" มินซังกุงอนุญาต ซอฮยอนเปิดประตูเดินค้อมศีรษะเข้าไป นางคำนับให้ซังกุงชราและนั่งลง

        "ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว" มินซังกุงกล่าวเสียงเรียบ สีหน้าไม่บ่งบอกว่ามีความรู้สึกอย่างไรในเรื่องที่เกิดขึ้น

        "ข้าจะไม่พูดซ้ำพูดเข้าข้างใครหรือสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ข้ามีคำถามเพียงข้อเดียวที่จะถามเจ้า ซอฮยอน แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะตอบตามความจริงเท่านั้น ห้ามปดเป็นอันขาด"

         ซอฮยอนพยักหน้า "เชิญถามมาได้เจ้าค่ะ"

         "ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังจะพาความแค้นเข้าไปในวังอีกรึไม่" มินซังกุงถาม

         ซอฮยอนก้มหน้าลง

         ภาพที่ฮงซังกุงน้ำตาไหลด้วยความผิดหวังและว่ากล่าวตักเตือนนางนั้นสะท้อนขึ้นมาแจ่มชัดดุจเงาบนผิวน้ำ ซอฮยอนเกือบจะตอบมินซังกุงออกไปแล้วว่าไม่ แต่ทว่า...

         ภาพอีกภาพฉายซ้อนทับเข้ามาอีก เป็นภาพของพี่สาวนาง ซินฮวารยอนที่เดินเท้าเปล่าฝ่าหิมะมาถึงบ้านตนเอง ภายในกายร้าวระบมไปด้วยยาพิษ ไล่เรียงจนถึงร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งใต้หลุมศพ ณ สุสานน้ำตาซึ่งนางไปร้องไห้ ทำให้ปากที่จะตอบว่าไม่นั้นก็ชะงักไป ความแค้นกลับมาแทนที่จนซอฮยอนเผลอกำหมัดแน่น

         มินซังกุงหรี่ตามองปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าก็รู้ทันทีว่าซอฮยอนเลือกเส้นทางไหนโดยไม่ต้องตอบ ซังกุงชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกล่าวว่า

         "ถ้านั่นเป็นทางที่เจ้าเลือกเดิน ข้าเองก็จนใจ"

         "นายหญิง ข้าจางซังกุงเจ้าค่ะ" เสียงของจางซังกุงดังออกมาจากนอกห้อง

         "ซูกยินหรือ เข้ามาสิ"

         ประตูไม้กรุกระดาษเลื่อนเปิดออก จางซังกุงโผล่หน้าเข้ามามอง

         "ซอฮยอน อยู่นี่เองดอกหรือ ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว" นางเอ่ย

         "นายหญิงมีอะไรกับข้ารึเจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         จางซังกุงวางกระบะไม้ที่ใส่เสื้อผ้าไว้ตรงหน้าซอฮยอน

         "นี่ ผ้าเมื่อครู่ข้าซักตากให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนผ้าในนี้คือผ้าแห้งที่เราตากกันไว้เมื่อคืนก่อน ข้าเก็บมาหมดทุกชิ้นแล้ว เจ้าเอาไปให้ฮงซังกุงเสียสิ" 

         ซอฮยอนหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะส่ายหน้า

         "ฝากนายหญิงเอาไปคืนนางให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าสู้หน้านางอีกแล้ว ป่านนี้คงเกลียดข้าไปแล้ว"

         "เจ้าพูดอะไรน่ะ นี่... นี่หมายความว่าเจ้าไปคุยกับนางมาแล้วหรือ" จางซังกุงถามหน้าตาตื่น

         ซอฮยอนพยักหน้า

         "ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมัวเซ้าซี้นางอีก เจ้ารีบไปสมัครเซ็งกักชิเถิด" จางซังกุงแนะนำ

         "ซูกยิน" มินซังกุงเรียก

         "เจ้าคะ?"

         "เจ้าออกไปก่อนได้รึไม่ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับซอฮยอน"

         จางซังกุงหน้าเสียนิดนึงก่อนจะก้มหัวให้ซังกุงชราและเดินออกไปจากห้องพัก

         เมื่ออยู่กันตามลำพังอีกครั้งมินซังกุงก็กล่าวว่า

         "เจ้าอยากจะจากฮงซังกุงเข้าวังไปโดยไม่อธิบายใดๆ กับนางเลยอย่างนั้นหรือ เจ้าจะปล่อยให้ความกินแหนงแคลงใจคาราคาซังอยู่เช่นนี้หรือ ซอฮยอน ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะใช้ความจริงใจเข้าสู้และพูดออกมาอย่างหมดเปลือกว่าทุกอย่างมันเป็นมาอย่างไร หากเจ้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง มันก็จะตามหลอกหลอนเจ้าไปชั่วชีวิต"

         ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นมองซังกุงชราช้าๆ

         "ข้ามองตาเจ้า ใช่ ในนั้นมีแต่ความแค้น แต่ข้ารู้นะว่าใจจริงๆ ของเจ้ายังมีส่วนที่ดีที่บริสุทธิ์อยู่บ้าง" มินซังกุงกล่าว

         ซอฮยอนผ่อนลมหายใจออกและนั่งหลับตาลงอยู่ชั่วครู่ สักพักนางก็ตัดสินใจได้

         หญิงสาวลุกขึ้นยืนพลางคว้ากระบะไม้ขึ้นมาถือในมือ ก้มหัวให้ซังกุงชราและเดินออกจากห้องไป

         มินซังกุงมองตามไปก่อนจะพยักหน้าช้าๆ





         ซอฮยอนเดินเชื่องช้าพลางแบกกระบะไม้มาตามทางท่ามกลางเงามืดของเรือนพัก ในหัวว่างเปล่าอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดใดมาเอ่ยอ้างกับฮงซังกุงอีก เพราะนางคงไม่เชื่อตนอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวเดินใจลอยจนกลับมาถึงห้องซังกุงอาวุโสอีกครั้ง 

        ในห้องมีแสงเทียนส่องสว่างแสดงว่านางกลับมาแล้ว ซอฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดเพื่อขออนุญาตเข้าห้อง แต่ทันใดนั้นเอง...

         "ท่านว่าอะไรนะ ท่านจะไม่ยอมทำหรือ" 

         เสียงหยาบกระด้างระคายหูของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นออกมาจากห้องฮงซังกุง ซอฮยอนที่กำลังจะเอ่ยขอเข้าห้องจึงรีบหุบปากกะทันหันด้วยความตกใจ 

         เสียงใครกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหูเอาเสียเลย ซอฮยอนนึกในใจพลางวางกระบะไม้ที่บรรจุผ้าลงกับพื้น

         "ข้าไม่ทำเจ้าค่ะ" คราวนี้เป็นเสียงของฮงซังกุง ซอฮยอนสังเกตคำว่า 'เจ้าค่ะ' แสดงว่านางกำลังพูดคุยกับคนที่มีศักดิ์สูงกว่า

         "ท่านเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดีเท่าใดนะฮงซังกุง" ชายปริศนากล่าวต่อ

         "ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ ถึงได้ปฏิเสธใต้เท้าอย่างไรเล่าเจ้าคะ"

         "ฮงซังกุง ท่านจะออกจากวังอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ท่านทำให้ข้าบ้างมิได้หรือ ถือว่าทำความดีให้ราชสำนักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างภาคภูมิ"

         "ทำความดีให้ราชสำนัก? ท่านบอกว่าการวางยาฆ่าใต้เท้าอึน-กย็องเป็นการทำความดีให้ราชสำนักเช่นนั้นหรือ ใต้เท้าท่านนี้ทำงานรับใช้ราชสำนักอย่างสุจริตมาโดยตลอด แต่เวลานี้เขาแค่ขวางทางท่าน ขัดผลประโยชน์ท่านจึงคิดฆ่าเสียโดยยืมมือข้า ใต้เท้าเจ้าคะ ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ปฏิเสธ เชิญท่านออกไปเถิดเจ้าค่ะ"

         ซอฮยอนที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด วางแผนฆ่าใต้เท้าคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ นี่มันเรื่องอะไรกัน

         "ฮึ ข้ารู้น่ะสิว่าท่านจะปฏิเสธแน่นอนจึงตั้งใจมาหาท่านเท่านั้น" บุรุษในห้องกล่าวขึ้น

         "ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร" ฮงซังกุงสงสัย

         "เพราะถ้าท่านปฏิเสธข้า เรื่องในอดีตอันฉาวโฉ่และคาวโลกีย์ของท่านในกาลก่อนซึ่งมีเพียงข้าคนเดียวที่รู้ก็จะถูกเปิดโปงเช่นเดียวกัน!"

         "ใต้เท้า!"

         ซอฮยอนถึงกับเอามือเกาะเสาไม้หน้าห้องด้วยความตกตะลึง

         "เรื่องที่ท่านเคยแอบลักลอบเป็นชู้กับนายทหารชื่อบยอลชินนั่นก็ร้ายแรงพออยู่แล้ว แต่ข้ารู้ว่ายังมีเบื้องหลังที่โสมมมากกว่านั้น"

         ซอฮยอนแทบจะหยุดหายใจ

         "เพราะเหตุการณ์ในตอนนั้น บยอลชินถูกอดีตใต้เท้าต้นเครื่องคัมจาจับได้ว่าแอบมีสัมพันธ์ชู้สาวกับท่านจึงถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม สมัยนั้นท่านทำงานอยู่ห้องเครื่องก็อาฆาตผูกใจเจ็บใต้เท้ามาโดยตลอด และเมื่อถึงวันเกิดของเขาจึงแก้แค้นแทนคนรักโดยการวางยาพิษในอาหารฆ่าใต้เท้าคัมจาจนขาดใจตาย!"

         เรื่องนี้ทั้งข้าและท่านรู้กันอยู่เพียงสองคน คราวนี้ท่านจะยอมทำรึไม่ ถ้ายังปฏิเสธ เรื่องในอดีตอันระทมของท่านได้ไปถึงหูเจ้ากรมอาญาแน่นอน ดูทีรึ ซังกุงผู้ถือกฎเกณฑ์และเคร่งระเบียบจะมีจุดจบอย่างไรถ้าคนในวังต่างพากันรู้ว่าในกาลก่อนก็เคยฆ่าคน"

         ซอฮยอนตัวสั่นหน้าซีด มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากอย่างตกใจสุดขีด




       
    (เรียนนักอ่านทุกท่านนะครับ เมื่อคืนเว็บเด็กดีรวนทำให้เนื้อหานิยายตอนที่อัปเมื่อคืนหายไป ตอนนี้ผมแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับนักอ่านท่านใดที่อ่านไม่ถึงตรงที่เป็นรูปมังกร ขอให้กลับไปอ่านจุดที่ท่านอ่านค้างไว้ก่อนจะอ่านเนื้อหาใหม่นะครับ เพราะเดี๋ยวจะงงกับเนื้อเรื่อง ขออภัยสำหรับความไม่สะดวกในครั้งนี้ด้วยครับ)




    [ต่อจาก 50%]



         เปลวเทียนในห้องพักไหววูบและหรี่แสงลงเล็กน้อยราวกับว่ามันจวนจะดับ ทุกอย่างตกอยู่ในความสงบได้ไม่นาน ฮงซังกุงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น

         "ท่านจะทำอะไรก็ทำเถิดใต้เท้า แต่ข้าจะไม่มีวันก้มหัวรับคำสั่งท่านอีกต่อไป"

         "เจ้าว่าอะไรนะ"

         "พอกันทีสำหรับเรื่องเลวร้ายทั้งหลาย ท่านกลับไปเสียเถิดเจ้าค่ะ"

         "นางตัวดี อย่ามาทำพูดดีกับข้า" ชายปริศนาในห้องตวาดเสียงดังจนซอฮยอนที่ยืนอยู่ข้างนอกสะดุ้งโหยง "ทำมาพูดดูดีสวยหรู เจ้าคิดว่าการที่เจ้าทำตัวเคร่งกฎระเบียบ ทำตัวมีอุดมการณ์จะสามารถลบล้างความผิดในอดีตได้หรือ ไม่มีวัน"

         "ข้าก็ไม่หวังให้มันจะลบล้างได้ เพียงแต่อยากใช้ชีวิตที่เหลือโดยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเลวทรามอีกก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ"

         "นางนี่! เจ้ากล้าด่าข้าว่าเลวทรามอย่างนั้นหรือ  ได้ ถ้าเจ้าอยากถึงที่ตายเร็วนักข้าก็จะไปฟ้องกรมอาญาเดี๋ยวนี้ว่าในอดีตเจ้าทำชั่วอย่างใดไว้บ้าง"

         เงาในห้องไหววูบ ร่างร่างหนึ่งยืนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินมาที่ประตู ซอฮยอนรีบวิ่งมาหลบหลังต้นอึนแฮงนามุหวังให้ความมืดกำบังกายไม่ให้ชายปริศนาเห็น

         ประตูกรุกระดาษถูกเลื่อนเปิดออกอย่างแรง ขุนนางร่างผอมในชุดคลุมสีน้ำเงินเดินออกมาอย่างคนที่อารมณ์เสียอย่างที่สุด เขาปิดประตูตามหลังด้วยความกราดเกรี้ยวก่อนจะเดินลงมาจากเรือนพัก

         ซอฮยอนแอบมองก็เห็นเสี้ยวหน้าอันซูบตอบของใต้เท้าผู้นั้นแวบๆ นางปิดปากแน่นพลางพยายามไม่ขยับตัวเพื่อไม่ให้เกิดเสียงใดๆ ไม่นานเขาก็เดินหายไปในความมืด หญิงสาวจึงสามารถขยับตัวได้อีกครั้ง

         ซอฮยอนหันมามองห้องของฮงซังกุง แสงเทียนกำลังไหววูบหรี่แสงลงอีกครั้ง จนในที่สุดก็ดับสนิท ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด หญิงสาวย่องขึ้นไปบนเรือนพักช้าๆ 

         ประตูโครงไม้กรุกระดาษนั้นไม่ได้ถูกปิดสนิท มันเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย ซอฮยอนกลั้นหายใจก่อนจะค่อยๆ แอบมองเข้าไปในห้องผ่านรอยแยกของประตู

         ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เทียนที่หมดไปเจ้าของห้องก็ไม่คิดที่จะเอาเทียนเล่มใหม่มาจุด ฮงซังกุงนั่งเหม่อมองไปที่ความมืดมุมห้อง แววตาสะท้อนลึกลงไปในอดีตที่หญิงสาวเองก็ไม่มีทางรู้ เวลานั้นซอฮยอนที่แอบลอบมองนายหญิงอยู่นานสองนานก็บังเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาจับจิต





         
         "นายหญิง นายหญิงเจ้าคะ" เสียงเรียกหน้าห้องทำเอาจางซังกุงที่กำลังจะนอนสะดุ้งสุดตัวก่อนจะลุกขึ้นมาเปิดประตู

         "ซอฮยอน! อะไรกันนี่ ข้ากำลังจะนอนแล้วนะ ดึกมากแล้ว มีธุระอะไรหรือ"

         "ขอข้า... ขอข้าเข้าไปได้รึไม่เจ้าคะ"

         จางซังกุงขมวดคิ้ว เสียงแปร่งๆ ของหญิงสาวทำให้นางเพ่งมองด้วยความสงสัย

         "เจ้าเป็นอะไร เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกรึ"
         
         "ขอข้าเข้าไปก่อนได้รึไม่เจ้าคะ"

         จางซูกยินปล่อยให้ซอฮยอนเดินเข้ามาในห้อง นางทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงราวกับคนไร้วิญญาณ เจ้าของห้องมองอย่างแปลกใจก่อนจะจุดเทียนให้สว่างขับไล่ความมืด

         "ไหนเล่ามา เกิดอะไรขึ้นกับ-- ตายจริง! ทำไมเจ้าหน้าซีดเช่นนั้นเล่า" จางซังกุงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ตอนซอฮยอนมาถึงห้องด้วยเพราะความมืดจึงมองไม่ถนัด แต่เมื่อจุดเทียนในห้องให้แสงสว่างก็เห็นชัดว่าหญิงสาวนั้นหน้าซีดเผือด มือไม้และริมฝีปากบอบบางสั่นระริก ดวงตาส่อถึงอาการขวัญผวาราวกับเพิ่งเจอเรื่องร้ายแรงมาหมาดๆ

         "ซอฮยอน เจ้าเป็นอะไร ทำไมทำหน้าเช่นนั้น ตัวก็สั่นด้วย เจ้าไม่สบายรึ"

         หญิงสาวหันมามองหน้าจางซังกุงช้าๆ ราวกับเพิ่งได้ยินเสียงของนาง สักพักก็หลับตาก้มหน้าลงอย่างเหนื่อยอ่อน มือข้างหนึ่งยันพื้นไว้

         "เจ้าเป็นอะไรกันแน่น่ะ" จางซังกุงซักไซ้ต่อ 

         "นาย... นายหญิง" ซอฮยอนเรียกเสียงแผ่วโหย

         "อะไรรึ"

         "คน... คนที่เป็นคนดีมาตลอด อยู่ในกรอบกฎระเบียบมาครึ่งค่อนชีวิต รักษาขนบทุกประการ ท่าน... ท่านคิดว่าในอดีตเขาอาจจะเคยทำชั่วมาก่อนรึไม่เจ้าคะ"

         "เจ้าถามอะไรน่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงถามเช่นนี้"

         "นายหญิงได้โปรดตอบข้า"

         "ข้าก็ไม่รู้ แต่คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้"

         "เช่นนั้น คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นคนที่ตนรัก แม้แต่สังหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นายหญิงว่ามีจริงรึไม่เจ้าคะ"

         "ซอฮยอน เจ้ากำลังทำให้ข้ากลัวนะ มันมีอะไรกันแน่น่ะ" จางซังกุงถาม

         "นายหญิงช่วยตอบข้าก่อน" 

         "มีสิซอฮยอน ทำไมจะไม่มี"

         หญิงสาวก้มหน้าลงอีกครั้ง

         "ซอฮยอน เจ้าไปได้ยินได้ฟังอะไรมา ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้นะ" 

         "ถ้าข้าบอกท่าน ท่านสัญญากับข้าได้รึไม่เจ้าคะว่าห้ามไปพูดกับผู้ใดเด็ดขาด" ซอฮยอนกำชับ จางซังกุงพยักหน้า "ได้ ข้าให้สัญญา"

         หญิงสาวกลืนน้ำลายและผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะพูดว่า

         "นายหญิงฮงซังกุง นางเคยฆ่าคนเจ้าค่ะ"

         ห้องพักเงียบสนิท

         "อะไรนะ" จางซังกุงถามอีกรอบ

         "ฮงซังกุง เคยฆ่าอดีตใต้เท้าต้นเครื่องเจ้าค่ะ"

         "ซอฮยอน ถ้าเจ้าจะมาพูดจาไร้สาระก็ออกไปเถิด"

         "นายหญิงข้าพูดจริงๆ นะเจ้าคะ"

         จางซังกุงมองซอฮยอนแน่นิ่ง

         "เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ฮงซังกุงเป็นนางในอาวุโส แม้จะมีคนว่านางว่าเป็นคนประหลาดแต่ไม่เคยประพฤติตัวนอกรีตนอกรอย ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงพูดถึงนางเช่นนี้"

         "นายหญิง ข้าไม่ได้ปดนะเจ้าคะ"

         "เจ้าคงไปเอาข่าวลือไร้สาระที่ไม่รู้จริงมาพูดน่ะสิ"

         "ไม่รู้จริงหรือเจ้าคะ เช่นนั้น ฮงซังกุงเคยทำงานในห้องเครื่องรึไม่เจ้าคะ สมัยนั้นใต้เท้าต้นเครื่องมีชื่อว่าคัมจารึไม่เจ้าคะ และใต้เท้าท่านนั้นก็ตายลงในวันเกิดของเขาเอง"

         จางซูกยินตกตะลึง

         "เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เหตุการณ์นี้มันเกิดก่อนเจ้าจะเกิดตั้งหลายปี ไยถึงรู้ได้"

         "เพราะเมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินกับหูตัวเองเจ้าค่ะ"

         จากนั้นหญิงสาวก็เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมากับหูให้จางซังกุงฟังทั้งหมด เมื่อเล่าจบซูกยินก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายหยุดชะงักราวกับโดนสายฟ้าฟาด

         "นี่เป็นเรื่องจริงหรือ ปะ... เป็นความจริงหรือ" นางถามเสียงกระซิบ ซอฮยอนพยักหน้า

         ซูกยินทำหน้าครุ่นคิด

         "ข้าจำได้ว่าตอนนั้นข้าเป็นนางกำนัลระดับต่ำที่ไม่มียศใดๆ เพราะเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน ส่วนฮงซังกุงเป็นนางในระดับสูงในห้องเครื่อง ตอนนั้นข้ารู้แค่ว่าใต้เท้าคัมจาซึ่งเป็นใต้เท้าต้นเครื่องสมัยนั้นได้ตายลงอย่างปริศนาในวันเกิด หมอหลวงสันนิษฐานว่าเขาป่วยกะทันหันด้วยโรคประจำตัว"

         "แต่... แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังการตายของเขาก็คือฮงซังกุง อีกทั้งยังเรื่องชู้สาวกับนายทหารที่ชื่อบยอลชินผู้นั้นอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน" จางซังกุงกล่าวจบก็เอามือปิดปาก

         "ที่น่ากลัวก็คือฮงซังกุงไม่ได้ปฏิเสธหรือโต้เถียงใดๆ อีกทั้งยังท้าทายใต้เท้าคนนั้นให้ไปฟ้องกรมอาญาด้วย เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าฮงซังกุงนั้นทำเรื่องนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ" ซอฮยอนร้องถาม

         "ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่หลวงนักในราชสำนัก ใต้เท้าคัมจาเองก็เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาก่อน ถ้าคดีถูกขุดคุ้ยอีกครั้งและฮงซังกุงมีความผิดจริง นาง... นาง"

         "นางทำไมหรือเจ้าคะ"

         จางซังกุงหลับตา

         "นางจะตายอย่างอนาถ แล้วสกุลฮงของนางจะถูกกวาดล้างอย่างสิ้นซาก"






    โปรดติดตามตอนต่อไป
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×