ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #66 : ชุมนุมหลังตำหนักร้าง [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      120
      18 ก.ค. 62

    ตอนที่ 66 ชุมนุมหลังตำหนักร้าง






         หนังสือเล่มหนึ่งถูกวางลงช้าๆ ต่อหน้าพระพักตร์ของดายองกงจู องค์หญิงก้มลงเพ่งมองอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา พระนางใช้นิ้วลูบไล้ไปบนหน้าปกสีน้ำตาลที่ถูกเขียนเอาไว้ว่า สตรีใต้เชิงผา

         องค์หญิงน้อยเปิดดูหนังสือไปมาอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมา

         "ใช่ นี่คือสตรีใต้เชิงผา คือเล่มนี้จริงๆ"

         ซอฮยอนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก้มศีรษะให้

         "ท่านเขียนมันภายในสามวันเองหรือ"

         "เพคะองค์หญิง ข้าจำเนื้อหาได้ทั้งหมดเลยรีบเขียนออกมาเพคะ" หญิงสาวทูลตอบ

         "ลำบากท่านจริงๆ คงจะหลับอดนอนเขียนให้ข้าสินะ"

         "ไม่เพคะองค์หญิง ไม่เลย"

         "เอาล่ะ ท่านอยากได้อะไรจากข้าบ้าง ข้าอยากจะตอบแทนท่าน"

         "องค์หญิง หม่อมฉันไม่ต้องการอะไรหรอกเพคะ แค่พระนางไม่เอาเรื่องเรื่องดินในชามเครื่องเสวยก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณมากแล้วเพคะ" ซอฮยอนกล่าว

         "แต่ท่านก็ใจกล้าจริงๆ นะที่ทำเช่นนี้ ทำเอาข้าตะลึงไปเลย" องค์หญิงตรัสยิ้มๆ   "เออจริงสิ ว่าแต่ท่านสามารถย้ายแผนกที่ทำงานได้รึไม่"

         "ย้ายแผนกรึเพคะ" หญิงสาวงุนงง

         "ข้าได้ยินว่าท่านเป็นนางกำนัลของห้องเขียนหนังสือ แต่ท่านสามารถย้ายมาอยู่ตำหนักข้าได้รึไม่"

         "ย้ายมาตำหนักองค์หญิง ทำ... ทำไมหรือเพคะ" 

         "ข้าชอบท่าน ข้าอยากให้ท่านมาอยู่รับใช้ข้าที่นี่ อีกอย่างจะเป็นการดีมากหากท่านจะมาอยู่กับข้าและเขียนหนังสือให้ข้าอ่านบ่อยๆ" องค์หญิงตรัสเสียงสดใส

         "เอ่อ องค์หญิงเพคะ ได้โปรดทรงอภัย หม่อมฉันมีความใฝ่ฝันที่จะทำงานในกองงานวรรณกรรมเพคะ ไม่เคยจะคิดทำในส่วนอื่น"

         "ทำไมเล่า เป็นนางกำนัลที่นั่นจะมีประโยชน์อะไร สั่งสมบารมีก็ไม่ได้"

         "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์หรอกเพคะ"

         ทั้งคู่เงียบกันไปพักหนึ่ง

         "เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน ข้าไม่บังคับแล้วกัน แต่ท่านต้องมาหาข้าบ่อยๆ นะ รู้รึไม่" องค์หญิงรับสั่ง

         "เพคะองค์หญิง หม่อมฉันจะมาหาบ่อยๆ เพคะ" ซอฮยอนทูล และเมื่อสนทนาเกี่ยวกับงานเขียนต่างๆ จนเรียบร้อย หญิงสาวก็ทูลลาองค์หญิงออกมาด้านนอกตำหนักจนไม่เห็นบุคคลทั้งสามที่กำลังเดินสวนมาพอดี

         "ปาร์คซอฮยอน"

         เสียงเรียกดังขึ้นจนหญิงสาวสะดุ้ง นางหันไปมอง

         "ท่าน..."

         คิมซังกุงเดินเข้ามาพร้อมกับเซจีและซงฮวัน คิมเซจีนั้นทำท่าเหมือนมองไม่เห็นนาง ส่วนซงฮวันแสดงความเกลียดชังออกมาทางสีหน้าอย่างเด่นชัด

         "คราวก่อนที่เจอในตำหนักองค์หญิงข้าไม่ได้ทักทายเจ้าดีเลย ไม่นึกว่าวันนี้จะมาเจออีก" คิมซังกุงพูด สายตาจับจ้องมาที่หญิงสาวราวกับเหยี่ยว

         ซอฮยอนก้มศีรษะลง

         "เจ้าเป็นลูกเลี้ยงของใต้เท้าปาร์ครึ"

         "เจ้าค่ะ"

         "แล้วฐานะเดิมเจ้าคืออะไร"

         "ไพร่เจ้าค่ะ"

         "ไพร่" คิมซังกุงหัวเราะ "น้อยนักที่ข้าจะเจอไพร่ที่มีวิชาความรู้มากเช่นเจ้า แต่ชีวิตในวังหลวงเจ้าอย่าคิดว่ามีวิชาความรู้อย่างเดียวจะเอาตัวรอดได้นะ"

         ภาพฮวารยอนที่เจ็บปวดทุรนทุรายเนื่องด้วยพิษร้ายในกายฉายวาบเข้ามาในดวงจิต

         "แล้วมีอะไรเจ้าคะถึงจะอยู่รอด ความเห็นแก่ตัวหรือ" ซอฮยอนพลั้งปากพูดออกไป

         คิมเซจีเบิกตากว้าง ส่วนซงฮวันร้องออกมาอย่างกราดเกรี้ยว

         "นางตัวดี นี่เจ้ากำลังพูดอยู่กับใครรู้รึไม่"

         คิมซังกุงยกมือขึ้นห้ามซงฮวันก่อนจะหันมามองซอฮยอน

         "เจ้ากล้าดีนะ อีกทั้งยังหัวไวดีด้วย นี่ถ้าเจ้ามาเป็นคนในสกุลข้า รับรองว่าอนาคตไกลแน่นอน"

         "นายหญิง ท่านมีอะไรกับข้ากันแน่เจ้าคะ"

         "ที่ข้าจะบอกก็คือ เป็นต้นกล้าเล็กๆ อย่าริอาจต่อตีกับต้นไม้ใหญ่ที่ยืนตั้งแผ่กิ่งก้านสาขามาหลายปี หาไม่จะถูกเหยียบเอา" คิมซังกุงพูดก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสองนางใน ซอฮยอนมองตาม มือของนางกำหมัดเข้าหากันช้าๆ








         "ฮ่าๆ เห็นหน้านางรึไม่ โดนนายหญิงเปรียบเทียบไปถึงกับเถียงไม่ออก" ซงฮวันพูดพลางหัวเราะเมื่อทั้งสามคนเดินออกมาไกลมากแล้ว คิมเซจียิ้มเงียบๆ ส่วนคิมซังกุงทำหน้ากังวล

         "นายหญิง ทำไมทำหน้าแบบนั้นเล่าเจ้าคะ"

         "ซอฮยอน... ข้าคุ้นหน้านาง"

         เซจีกับซงฮวันชะงัก

         "ท่านหมายถึงอะไรเจ้าคะ"

         "ข้าคุ้นหน้านางนัก คุ้นมาก แต่ไม่รู้เคยเห็นที่ไหน" คิมซังกุงกล่าวพลางหรี่ตา

         "ท่านเคยเจอนางมาก่อนหรือ" เซจีถาม

         "ไม่ใช่ มันเหมือนกับว่าเคยเห็นคนที่หน้าคล้ายนางที่ไหนสักแห่ง"

         เซจีทำท่าครุ่นคิด

         "แต่ข้าไม่เห็นคุ้นเลย หน้าตาทั่วๆ ไป สวยก็ไม่สวย" ซงฮวันกล่าวพลางเบ้ปาก

         คิมซังกุงขมวดคิ้วสักพักก่อนจะสะบัดศีรษะ 

         "ช่างเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาใต้เท้าต้นเครื่องก่อน เจ้าก็ไปตำหนักใหญ่เถิดเซจี"

         "ไปหาใต้เท้าต้นเครื่องทำไมรึเจ้าคะ"

         "อีกไม่นานจะมีการจัดสอบออซองเคียงวอนแล้ว ข้าต้องไปประชุมบ่อยขึ้น พวกเจ้าก็เตรียมตัวด้วยล่ะ"

         นางในทั้งสองก้มศีรษะคำนับคิมซิลวาจนนางเดินลับกายหายไป

         "ข้าลืมไปเสียสนิทว่านางกำนัลอย่างเราใกล้จะสอบออซองเคียงวอนแล้ว เซจี สอบนี่มันยากกว่าเซ็งกักชิมากเลยใช่ไหม ข้าได้ยินรุ่นพี่พูดกันมา"

         เซจีไม่ตอบ แต่จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า

         "ซงฮวัน เจ้าช่วยไปทำอะไรให้ข้าอย่างหนึ่งสิ"

         "อะไรหรือ"

         "ไปเอาของบางอย่างจากซอฮยอนมาให้ข้าที"





    [ต่อจาก 50%]





         "เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน เก็บหนังสือให้เรียบร้อย วันนี้เวรใครดูแลห้องเก็บตำรา" เชวซังกุงร้องถามเหล่านางกำนัลในเรือนชางวีเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดลง

         "ข้าเองเจ้าค่ะ" ซอฮยอนพูดขึ้น

         "เจ้าหรือ ถ้าเช่นนั้นช่วยคัดแยกตำราประวัติศาสตร์ของขุนนางในสมัยพระเจ้าเซจงที ข้ารู้สึกจะมีตำราของสมัยโครยอเข้าไปปะปน ฝากเจ้าด้วยนะเพราะคืนนี้ข้าต้องไปจัดการเรื่องหมึกและสีที่ศูนย์ศิลปะกับใต้เท้ามุน" เชวซังกุงสั่ง

         "เจ้าค่ะนายหญิง" หญิงสาวรับคำ

         ซงฮวันแอบมองซอฮยอนเงียบๆ

         "ส่วนพวกเจ้าทุกคน พรุ่งนี้จะเป็นการเริ่มเขียนของพวกเจ้าแล้ว" 

         นางกำนัลทุกคนตกตะลึง

         "เขียน... เขียนอะไรกันเจ้าคะ"

         "พอแล้วสำหรับการคัดลอกตำราและการอ่าน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าพร้อมแล้วที่จะเริ่มเขียนด้วยความรู้ของตนเองอย่างจริงจัง"

         "แล้วโจทย์คืออะไรเจ้าคะ"

         "เขียนถึงทะเลโดยไม่พูดถึงทะเล"

         "อะไรนะเจ้าคะ!"

         "ได้ยินแล้วนี่ ข้าให้เวลาสองวัน" เชวซังกุงสั่ง

         "นายหญิง ท่านให้โจทย์อะไรกัน เขียนถึงทะเลโดยไม่พูดถึงทะเล ถ้าไม่ให้ใช้คำว่าทะเลน่ะพอได้อยู่ แต่ถ้าไม่ให้พูดถึงทะเลแล้วมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทะเลได้อย่างไรเจ้าคะ"

         "คิดเองสิ รุ่นพี่พวกเจ้าก็ผ่านโจทย์ลักษณะนี้มากันเยอะแล้ว บางทีการเขียนถึงทะเลก็ไม่จำเป็นต้องเขียนถึงทะเล"

         นางกำนัลทุกคนเงียบไป "นายหญิง ท่านพูดอะไร ข้าไม่เห็นเข้าใจ"

         "อย่ามัวแต่ถาม หัดใช้ปัญญาตรองดูเองเสียบ้าง"

         "แต่ข้าคิดไม่ออกจริงๆ นี่เจ้าคะ"

         "ก็รีบคิดเสียสิ ข้าให้เวลาตั้งสองวัน อีกอย่าง ไม่กี่วันข้างหน้าจะสอบออซองเคียงวอนแล้ว เจ้าต้องรีบฝึกไปตั้งแต่บัดนี้หากไม่อยากออกจากวัง ข้อสอบออซองเคียงวอนนั้นคัดจากแนอินขึ้นเป็นนางในเต็มตัว ยากกว่าโจทย์ที่ข้าให้พวกเจ้าหลายพันเท่าอีกนะ" เชวซังกุงกล่าวจบก็หันหลังเดินลงไปจากเรือนชางวีอย่างรวดเร็ว

         นางกำนัลหลายคนนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดกับโจทย์ที่ได้รับ ด้านซอฮยอนหลังจากเก็บของเรียบร้อยก็เตรียมไปเข้าเวรที่ห้องเก็บตำรา ซุนฮวาหันมามอง

         "เจ้าดูไม่ค่อยกังวลเลยนะ"

         "หืม" ซอฮยอนขมวดคิ้ว "กังวลอันใดรึ"

         "เรื่องโจทย์ที่เชวซังกุงให้มาเมื่อครู่อย่างไรเล่า ยากจะตาย หรือเจ้าว่าง่าย"

         "มันก็ไม่ได้ยากหรือง่ายนี่นา"

         "ไม่ยากไม่ง่าย สรุปมันอย่างไรแน่" ซุนฮวางุนงง

         "มันก็แค่ขึ้นอยู่กับการตีความของเรามิใช่หรือ"

         ซุนฮวายังคงทำสีหน้าสับสน ซอฮยอนจึงกล่าวว่า

         "นายหญิงบอกเมื่อครู่ว่าเขียนถึงทะเลโดยไม่พูดถึงทะเลใช่รึไม่"

         "ก็ใช่"

         "เช่นนั้นเราก็เขียนถึงทะเลที่ไม่มีน้ำสิ"

         ซุนฮวาตาเบิกค้างก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา

         "จริง... จริงด้วย ทะเลที่ไม่มีน้ำ ทะเลทราย ทะเลเพลิง ทะเลใจ" หญิงสาวพูดออกมารัวเร็ว ซอฮยอนยิ้มให้พลางพยักหน้า

         "ใช่ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว"

         "โอ๊ย ขอบใจเจ้ามากนะซอฮยอน" ซุนฮวากล่าวอย่างดีใจก่อนจะหยิบพู่กันและตั้งต้นเขียนใส่กระดาษ ซอฮยอนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นและเดินลงไปจากเรือนชางวีเพื่อไปห้องเก็บตำรา

         ซงฮวันเมื่อเห็นซอฮยอนเดินออกไปคนเดียวในความมืดก็แสร้งพูดขึ้นว่าจะไปห้องน้ำ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินตามซอฮยอนลงไปอย่างเงียบๆ



         ย้อนไปเหตุการณ์เมื่อเช้า

         "เอาของบางอย่างจากซอฮยอน? ของอะไรรึ" ซงฮวันถามเซจี

         "สร้อยคอนาง"

         "สร้อยคอรึ"

         "ใช่ ถ้าข้าจำไม่ผิดต้องเป็นป้ายหยกอะไรสักอย่าง เจ้าทำอย่างไรก็ได้ที่จะนำมันมาให้ข้า"

         "เจ้าจะเอาไปทำอะไรหรือ สมบัติในตระกูลเจ้าก็มีมากมาย สนใจทำไมกับแค่หยกชิ้นเล็กๆ ห้อยคอ" ซงฮวันถาม

         "หยกนั่นเทียบไม่ได้กับสมบัติส่วนตัวข้าสักนิด อย่าเทียบกับในตระกูลเลย" เซจีกล่าวอย่างดูหมิ่น "แต่มันคือสิ่งที่องค์ชายยิมโฮประทานให้ซอฮยอนเองกับมือ"

         "อะไรนะ! ยิม... ยิมโฮแทกุนประทานป้ายหยกให้ซอฮยอนหรือ"

         "ข้าถึงต้องการเห็นมันกับตาอย่างไรเล่า เจ้าต้องไปเอามาให้ได้ เข้าใจรึเปล่า"

         "แต่... แต่ทำไมองค์ชายถึงให้ของแบบนี้กับนางกำนัลเล่า มันไม่ดูผิดจารีตไปหน่อยหรือ"

         "นั่นคือเหตุผลอีกข้อที่ข้าอยากให้เจ้าไปนำมันมา เพราะถ้าองค์ชายให้ป้ายหยกตัวเองกับนางจริง ซอฮยอนต้องถูกขับออกจากวัง ไม่ก็ดื่มยาพิษแน่นอน"



         ซงฮวันเดินลัดเลาะสะกดรอยตามซอฮยอนจนมาถึงห้องเก็บตำรา ทันเห็นนางเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับจุดเทียนสว่างด้านในก็เริ่มขบคิดแผนว่าจะขโมยสร้อยเส้นนั้นมาจากซอฮยอนอย่างไรดี

         ซอฮยอนถือเชิงเทียนส่องไปตามชั้นหนังสือช้าๆ อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะตั้งต้นคัดแยกหนังสือตามที่เชวซังกุงสั่งทีละเล่มตามยุคตามสมัยของโชซอน แต่ถ้าหากเป็นยุคแพ็กเจ ชิลลา โครยอ ก็จะถูกแยกเอาไว้ต่างหาก

         เสียงกระซิบกระซาบของใครบางคนดังขึ้นนอกห้องตำรา ซอฮยอนชะงักเล็กน้อยก่อนจะเงี่ยหูฟัง เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนางก็หันไปสนใจหนังสือต่อ

         "เล่มนี้ไม่ใช่" ซอฮยอนพึมพำอยู่คนเดียว "อิทธิพลลัทธิขงจื๊อที่มาแทนพระพุทธศาสนาทำไมมาอยู่ตรงนี้กัน-- ว้าย!"

         ผ้าสีขาวคลุมเข้าจากทางด้านหลังของซอฮยอนอย่างรวดเร็ว ความมืดบดบังทัศนวิสัยทันทีจนหญิงสาวทำอะไรไม่ถูก เชิงเทียนถูกปัดล้มคว่ำลงกับพื้นจนดับวูบลงทำให้ห้องตำราตกอยู่ในความมืด ผ้าอะไรสักอย่างถูกยัดเข้ามาที่ปากหญิงสาวจนนางร้องไม่ออกตามด้วยเชือกที่มัดอยู่กึ่งกลางลำตัว

         ซอฮยอนพยายามดิ้นสุดชีวิตทว่ากลับสู้แรงคนเหล่านั้นไม่ได้เลย นางมั่นใจว่ามีมากกว่าสามคนที่กำลังประทุษร้ายตนและคนเหล่านั้นไม่ใช่บุรุษ แต่เป็นสตรีเหมือนกัน

         "อุ้มนางขึ้นมา ช่วยกันอุ้มนางพาดบ่า เร็วเข้า!"

         เสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟังไม่ค่อยคุ้นหูดังขึ้น ร่างของซอฮยอนที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวราวกับถูกยัดใส่กระสอบจึงค่อยๆ ถูกยกขึ้นช้าๆ หญิงสาวเตะถีบสุดแรงเกิด มือของใครไม่รู้พยายามจะเข้าคว้าคอนางแต่ทว่าไปเกี่ยวสร้อยที่ร้อยป้ายหยกไว้แทนจนมันขาดออกจากลำคอ

         "เร็วเจ้าสิ! เดี๋ยวชุมนุมหลังตำหนักร้างก็เลิกเสียก่อนหรอก" เสียงอีกคนกระซิบเร่ง

         ซอฮยอนพยายามร้องตะโกนแต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากที่โดนผ้าอุดไว้ได้เลย ร่างของนางกำลังถูกนำออกไปจากห้องเก็บตำราช้าๆ ท่ามกลางความมืด

         ซงฮวันที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ด้านหน้าห้องเก็บตำรานั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นนางในกลุ่มหนึ่งในชุดชอโกรีสีแดงซึ่งนางมั่นใจว่าไม่ใช่คนของกองงานวรรณกรรมเดินเข้าไปในห้องเก็บตำรา สักพักก็บังเกิดเสียงเหมือนต่อสู้กันพร้อมกับแสงเทียนที่ดับวูบลง ท่ามกลางความตกอกตกใจซงฮวันก็เห็นพวกนางเหล่านั้นออกมาอีกครั้งช้าๆ พร้อมร่างของใครไม่รู้แต่คิดว่าต้องเป็นซอฮยอนแน่ๆ ถูกคลุมผ้าขาวพาดบ่าอยู่ ไม่นานนางในทั้งกลุ่มก็วิ่งหนีหายไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว

         ซงฮวันเดินตัวสั่นออกมายืนหน้าห้องเก็บตำราก่อนจะมองไปยังทิศทางที่เหล่านางในลักพาตัวซอฮยอนไปในความมืดยามราตรีอย่างอกสั่นขวัญแขวน นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับซอฮยอนหรือ พวกนางลักพาตัวนางไปทำไมกัน

         ถ้าเป็นฝีมือคิมซังกุง นางกับเซจีต้องรู้สิ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่บอก อีกอย่างคิมซังกุงคงไม่โง่พอที่จะเล่นงานซอฮยอนที่เพิ่งทำความดีความชอบเรื่ององค์หญิงในเวลาแบบนี้หรอก 

         ซงฮวันครุ่นคิดพลางเหลือบมองเข้าไปในห้องเก็บตำรา พลันสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างยาวๆ บนพื้น ด้วยเพราะเทียนถูกดับไปแล้วนางจึงมองไม่ค่อยชัด

         หญิงสาวเดินเข้ามาหยิบสร้อยของซอฮยอนที่ขาดตกลงบนพื้นขึ้นมาดูช้าๆ และชูให้มันต้องแสงจันทร์เพื่อจะพิจารณา

         "นี่หรือสร้อยของซอฮยอนที่เซจีบอก" นางพึมพำเบาๆ พร้อมจ้องมองป้ายหยกที่หักครึ่ง สงสัยเชือกมันคงขาดและตกไว้เป็นแน่ตอนที่เจ้าของถูกลักพาตัวไปเมื่อครู่ 

         ซงฮวันมองไปรอบด้านก่อนจะยัดสร้อยเส้นนั้นไว้ในแขนเสื้อพลางเดินออกจากห้องเก็บตำราไป





    โปรดติดตามตอนต่อไป

         

         
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×