ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #10 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่10 : หัวใจรู้สึกสับสน... 100% (เปลี่ยนชื่อตอนใหม่) ฉากบู๊เอาเป็นตอนหน้านะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.3K
      401
      30 ก.ย. 61





    ปิ๊บ

    [มีธุระอะไรคะ?] เสียงจากหญิงสาวผ่านกล้องวีดีโอที่ยื่นมามองหน้าเด็กสาวที่มายืนเกาะประตูรั้วบ้านคนอื่น

    กึก

    ฉันก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อกล้องมันแทบจะเสยหน้าตัวเองอยู่แล้ว

    "สวัสดีค่ะฉันไดอาน่า ซีมัวร์ มาคุยเรื่องตารางงานกับคุณกาเบรียล อเกรซค่ะ" 

    ฉันบอกจุดประสงค์ที่มายืนทำตัวลับๆล่อๆที่ประตูทางเข้าหน้าบ้านของคุณพระเอก...

    สาเหตุที่ฉันมายืนกดกริ่งที่ประตูบ้านของคุณพระเอกวันนี้...เพราะมันมีสาเหตุมาจากโทรศัพท์เมื่อเช้า 

    คุณแม่ได้โทรมาบอกว่าพี่ชายเธอได้ไปทำสัญญากับกาเบรียล อเกรซ...หรือคุณเจ้าของบริษัทแฟชั่นที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้!!


    ฉันแทบจะกรีดร้อง

    'ได้ข่าวว่าบริษัทของเราเป็นคู่แข่งการค้ากันไม่ใช่หรือคะ!? แล้วไปทำอีท่าไหนถึงไปเป็นพันธมิตรกันได้ว่ะคะ...!?' 

    ฉันตกใจมากที่พี่ชายตัวดีไม่อยู่นี้แต่กลับหาเรื่องวุ่นมาให้ถึงที่ เมื่อสัญญาบริษัทGMกับบริษัทกาเบรียลตกลงจะร่วมหุ้นกัน ทำให้พวกเขาต้องส่งเด็กในสังกัดตัวเองมาร่วมงานเพื่อบ่งบอกถึงการทำงานด้วยกัน

    ฉันแทบนึกไม่ออกเลยว่าพี่ชายไปทำยังไง ถึงกล่อมให้คุณแม่ยอมให้บริษัทเราร่วมงานกับบริษัทกาเบรียลได้


    เชื่อเถอะว่ามันเป็นไปแล้ว.. 


    เพราะหนังสือพิมพ์ยังออกมาเมื่อเช้าอยู่เลย ร่วมถึงฉายข่าวออกทางทีวีด้วย ปานนี้ทั้งบ้านทั้งเมืองคงรู้เรื่องไปหมดแล้ว 

    ยกเว้นเธอที่เพิ่งจะมารู้ตอนเช้าวันนี้เอง...ซิกๆ ฉันร้องไห้ไม่ไปได้มั้ยเนี่ย

    ทำไมพี่ชายทำกับเธอได้ลง! ผิดสัญญาว่าจะมาวันอาชีพผู้ปกครองฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะหลังจากนั้นเธอก็รู้ว่าทางโน่นบริษัทอีกแห่งในญี่ปุ่นเกิดปัญหา ทำให้คุณแม่เรียกพี่เซดลิกไปดูแลและจัดการเอง 

    เรื่องสัญญาที่จะมาเร็วๆนี้จึงต้องยืดออกไปอีกหน่อย ถึงจะส่งของขวัญมาให้เต็มห้องเธอก็ไม่ดีใจเลยสักนิด!  

    อยู่ๆจะส่งเธอมาพบกับคุณพ่อพระเอกที่เป็นถึงบอสลับของเรื่องเลดี้บัคเลยเนี่ยนะ!? 

    พี่ชายไม่รู้เลยหรือไงว่าเขาน่ะเป็นถึงบอสลับเลยนะ บอสลับน่ะ!(แน่ล่ะว่าไม่รู้)

    ถึงบ่นไม่ไปขนาดไหนแต่สุดท้ายฉันจะทำอะไรได้กันล่ะ 


    เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจึงถูกคุณแม่(บังคับ)มาที่บ้านคุณกาเบรียลเพื่อให้เขามาเห็นตัวเธอ พูดเหมือนมาดูตัวแต่ที่จริงมาดูให้เห็นกับตา ว่าโมเดลของบริษัทการค้าที่ส่งมาจะสมราคาคุยหรือเปล่า


    หวังว่าพี่ชายเธอ(ที่ไม่อยู่ที่นี่)จะไม่ได้ไปโม้เรื่องเธอไว้เยอะนะ ไม่งั้นฉันซวยแน่ๆถ้าทำอะไรพลาดไป

    กล้องวิดีโอกลับไปที่เดิมก่อนที่จะได้ยินเสียงกริ๊กทีหนึ่ง พร้อมประตูรั้วที่เปิดออกแสดงถึงให้เข้ามาได้

    "เฮ้อ..เป็นไงเป็นกัน" เธอถอยหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม ก่อนจะเดินเข้าไปพลางมองสำรวจทางเข้ารอบข้างที่มีดอกไม้กำลังเติบโต 

    เมื่อเธอเดินมาถึงที่หน้าประตูไดอาน่าก็กดกริ่ง วินาทีต่อมาก็มีผู้หญิงในชุดสูทเปิดประตูรอต้อนรับ 

    "ตามฉันมาทางนี้ค่ะ คุณซีมัวร์"  

    นาตาลีเอ่ยพร้อมผายมือให้เชิญไปที่ห้องหนึ่ง ฉันกลั้นใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้น 

    "ไดอาน่า? เธอมาทำอะไรที่นี้" เสียงทุ้มดังมาจากทางเดินบันได เมื่อเธอหันกลับไปฉันก็พบกับดวงตาสีเขียวพร้อมกับรอยยิ้มแปลกใจ เขาใส่ชุดสบายๆเดินใกล้เข้ามา 

    เอเดรียนอยู่ในลุคที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย เพราะเขาใส่กางเกงสีขาวและเสื้อก็ล้วนเป็นสีขาวทั้งตัวไหนจะรอยยิ้มเด็กดีนั้นอีก..

    ออร่าเทพบุตรกระแทกตาเธออย่างจัง เหมือนเห็นปีกสีขาวข้างหลังรำไร... 

    ฉันแกล้งกระแฮ่มไอในลำคอเพราะมองนานเกินไป

    "ฉันมาคุยธุระเรื่องงานกับคุณกาเบรียลน่ะ.." เธอชี้ไปที่ประตูห้องทำงานของคุณพ่อพระเอก ทำให้เอเดรียนชะงัก

    "งั้นเหรอ" เขาเอ่ยนิ่งๆและทำท่าจะผละออกไปเหมือนไม่อยากรบกวนเวลาเธอ แต่ประตูห้องตรงหน้าพวกเรากลับเปิดออก 

    พร้อมร่างสูงกับใบหน้าเคร่งขรึมที่เธอเคยเห็นในทีวีปรากฎออกมา

    เขากำลังปรายตามองมาที่ฉันก่อนจะหยุดไปที่เอเดรียน

    "มาถึงแล้วเหรอ เข้ามาข้างในสิ...ทั้งคู่"  เอ่ยจบชายหนุ่มที่ไม่หนุ่มก็เดินกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานต่อ 

    "....."ฉันกับเอเดรียนหันมามองกันอย่างสงสัย ก่อนที่เอเดรียนจะเดินนำไปก่อนตามติดด้วยเธอ... 

    ฉับพลันนั้นความรู้สึกหนาวสันหลังวาบๆ ก็กระแทกก็เข้ามาจนร่างกายสั่นสะท้านเล็กๆ 

    บรรยากาศนี่มันห้องปกครองชัดๆ! 

    ในใจกรีดร้องตะโกนขณะที่ขายังคงก้าวเข้าไป เธอเอ่ยเคารพผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้โชฟาคนละตัวในห้อง 

    พวกเรานั่งอยู่อย่างนั้นเงียบๆเมื่อเจ้าของห้องยังไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา

    "..ไดอาน่า ซีมัวร์ อายุสิบห้าแล้วสินะ ได้ข่าวว่าชนะรางวัลหลายรายการนี้ พูดได้หลายภาษาสินะ..อื้ม ล่าสุดก็ได้รับรางวัลดีเด่นเรื่องร้องเพลงมา" 

    เสียงทุ้มต่ำในลำคอของบอสลับในห้องทำเธอตอนสนองไม่ทันตอนแรก เหมือนเขาแค่พูดๆมาเฉยๆก่อนที่จะสบตาเธอด้วยสายตาเย็นเฉียบ

    "ชอบร้องเพลงงั้นเหรอ?" 

    "ค่ะ ฉันชอบร้องเพลงให้ผู้ชมฟังค่ะ" เธอยิ้มบางๆตอบสบายๆกลับไป...แต่ ในใจนี้วิ่งหนีออกจากห้องไปแล้ว...ทำไมต้องมองด้วยสายตาเหมือนกำลังผ่าร่างเธอออกมาพิจรานาดูด้วยล่ะค่ะ!

    "แล้วถ้าเธอทำงานกับฉันเธอจะไม่ได้ร้องเพลงล่ะ.."

    "คะ?" 

    คำถามนี้ทำให้ฉันนิ่งคิดไปนิด.. เขากำลังสื่อบอกว่าถ้าฉันทำงานร่วมกับกาเบรียล จะไม่ได้ทำเกี่ยวกับร้องเพลงใช่มั้ย? 

    ทำไมต้องพูดอ้อมๆด้วยเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นคงมีหน้าซีด เพราะนึกว่าโดนขู่ให้เลิกร้องเพลง

    "ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันทำได้ทุกอย่างที่คุณสั่ง" เธอตอบกลับไปเช่นนั้น เพื่อบอกว่าสบายใจได้ เธอพร้อมทำทุกอย่างที่เขาสั่งอยู่แล้ว 

    "ดี" รอยยิ้มเย็นตอนแรกเริ่มกลับมาดูผ่อนคลายขึ้น เขาดูพอใจกว่าที่ิคิดก่อนที่จะหันไปที่เอเดรียนที่นั่งมองพวกเราคุยกันเงียบๆ

    "พ่อจะให้ลูกร่วมงานกับเด็กผู้หญิงคนนี้ นับจากนี้ไป..ลูกมีอะไรแย้งไหม?" กาเบรียลเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งครึม 

    "ไม่มีครับ" เอเดรียนเหลือบมองที่เธอก่อนจะตอบตกลง 

    กาเบรียลคุยเรื่องสัญญาที่บริษัททั้งสองตกลงไว้ให้พวกเธอฟัง ฉันกับเอเดรียนจะได้ทำงานด้วยกันในตารางงานบางช่วง เพราะต่างคนต่างก็มีเรียนเป็นของตัวเอง แล้วไหนจะตารางบางอย่างของบริษัทตัวเอง

    กาเบรียลจะกลายเป็นคนจัดตารางงานให้เธอนับจากนี้ เพราะเขาต้องควบคุมตารางของเอเดรียนด้วยเช่นกัน  

    จากนั้นหลังจากที่ใช้เวลาคุยกันในห้องไปสองชั่วโมงเต็ม ฉันกับเอเดรียนก็ออกมาข้างนอก ก่อนที่เขาจะชวนแวะพักในห้องเขาก่อน 

    ฉันเห็นด้วยอย่างดิบดี หลังจากที่เจอความเย็นในห้องนั้น ไปดูห้องของคุณพระเอกแก้ความหนาวเย็นดีกว่า 

    แอ๊ด

    "ห้องนี้แหละ" เขาพาเข้ามาในห้องกว้างที่สมกับเป็นห้องของเด็กผู้ชาย เป็นห้องที่ฝั่งหนึ่งเป็นกระจกใสจนมองไปรอบๆเมืองได้ 

    ข้างบนชั้นสองเป็นชั้นหนังสือ ข้างล่างมีลานบาสในห้องไว้เล่น มีเครื่องเล่นเกมตู้เกมและอื่นๆที่ดูสมกับเป็นเด็กผู้ชายในวัยนี้ ข้างๆก็เป็นเตียงนอนสีขาวสะอาด

    "สุดยอดมากเลย" ฉันเดินไปดูที่โต๊ะคอมมันมีหน้าจอสองเครื่อง ขนาดใหญ่มากทำเอาฉันอ้าปากค้างไปนิด 

    "เหมือนที่ห้องฉันเลยแต่ของฉันมันเล็กกว่านี้" เธอทำท่ากะขนาดให้ดู

    "งั้นเหรอ"  เอเดรียนหัวเราะพร้อมกับยิ้มเขิน เมื่อเห็นท่าทางดูตื่นเต้นและดูสนุกของหญิงสาว

    ตอนนั้นฉันก็เหลือบเห็นกรอบรูปบนโต๊ะ ฉันจำได้ว่านั้นคือภาพของคุณแม่ของเอเดรียน เธอมีผมสีบลอนด์และสีตาเหมือนเอเรียนเปี๊ยบเลย รอยยิ้มหวานนั้นทำให้ฉันนึกถึงนางฟ้าที่สวยมากๆ

    "เธอสวยมากเหมือนนางฟ้าเลย"  ฉันเดินไปดูใกล้ๆ พร้อมกับเด็กหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลัง

    "ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น..เธอเหมือนนางฟ้าเลย" เอเดรียนพึมพำก่อนจะเดินเข้ามาหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู   

    "เธอเป็นแม่ฉันเอง แล้วเธอก็หายไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก"

    ฉันลอบมองสายตาของคุณพระเอกจากด้านหลัง มันเต็มไปด้วยความรักและโหยหา..

    เขาจับจ้องภาพในมือนิ่งๆเหมือนกำลังคิดไปที่ไหนสักแห่ง 

    ฉันยื่นมือไปจับไหล่เขาไว้อย่างให้กำลังใจ เอเดรียนเหลือบมามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองที่ภาพในมือ

    "นายคงคิดถึงเธอมาก..."  ฉันพึมพำเสียงเบา แต่ไม่คิดว่าเขาจะได้ยิน 

    "มาก..ฉันคิดถึงเธอทุกๆวัน ไม่มีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึง"  ฉันตกใจที่เขาตอบพร้อมกับหันมายิ้มอ่อน 

    ดวงตาสีเขียวสดกำลังดูหม่น แต่เขากลับอมยิ้มเหมือนกับไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะหันกลับไปมองกรอบรูปนั้นต่ออย่างเหม่อลอย

    "...." ฉันยืนนิ่งเพราะสิ่งที่เขาแสดงออกมันทำให้หัวใจฉันรู้สึกอึดอัด เพราะสิ่งที่ฉันรู้คือ


    เอเดรียนเป็นลูกคนเดียว และเขามีพ่อที่เคร่งขรึม เขาต้องยิ้มให้กับกล้องตั้งแต่เป็นนายแบบ ฉันไม่รู้เลยว่าเขาต้องปกปิดความเศร้าเสียใจมากไว้แค่ไหน เกี่ยวกับเรื่องแม่ของเขาที่จากไป

    ภาพใบหน้าที่เปือนน้ำตาปอมๆของเด็กตัวน้อยที่ฉันเคยเจอตอนเด็ก มันยังคงประทับตรึงในใจเธอไม่เคยลืม 

    ว่าเด็กน้อยที่ร้องไห้แทบตายจนน่าสงสารในวันวานนั้น จะเติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ

    แต่ถึงเขาจะยิ้มอยู่ตลอด..ก็ใช่ว่าจะยังคงไม่ร้องไห้ในใจ หรือไปแอบร้องไห้เงียบๆที่ไหน

    ทำให้ฉันนึกถึงภาพตอนเด็ก ที่เขานั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะกว้าง สุดลูกหูลูกตาคนเดียวเพราะคุณพ่อเขายุ่งกับบริษัท ทั้งที่หลังจากที่เพิ่งเสียคุณแม่ไป เขาสมควรถูกดูแลและใกล้ชิดกับคุณพ่อมากขึ้น 

    ทั้งที่น่าจะเป็นอย่างนั้น กาเบรียลกับสอนลูกชายให้อยู่คนเดียวและพึ่งตัวเองให้ได้นับแต่นั้น

    ตัดภาพมาที่ฉันที่มีเหล่าเมดๆยืนเป็นระเบียบซ้ายขวา แต่บนโต๊ะกว้างพร้อมกับอาหารหลากหลาย กับมีเพียงเธอนั่งเหม่อลอยคนเดียว.. 

    พร้อมกับข้อความและสายโทรศัพท์ที่นานๆจะได้จากคุณแม่และพี่ชายที่เปิดค้างเอาไว้ หวังรอให้พวกเขาตอบกลับว่าจะกลับมา... อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันในสักวัน...

    ฉันรู้สึกว่าตัวเองกับเขามีอะไรที่เหมือนๆกัน 

    เราต่างรู้สึกเหงากันทั้งคู่

    "...!"

    อยู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนมีก้อนสะอึกขึ้นลำคอ พร้อมกับขอบตาที่ร้อนพร่าว เมื่อฉันยื่นมือไปแตะก็ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเผลอร้องไห้ออกมา! 

    สงสัยเพราะท่าทางของเอเดรียนได้ไปปลุกความทรงจำในใจเธอออกมา จนเธอเผลออ่อนไหวเพราะเหมือนมองเด็กหนุ่มเป็นตัวเอง

    "ไดอาน่า?" เอเดรียนเหมือนได้ยินเสียงอะไรแปลกๆจากข้างหลัง เขาจึงทำท่าจะหันมามอง

    "...!?" 

    หมับ!

    ฉันตกใจมากจึงสวมกอดเขาจากข้างหลังเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาหันมามอง แต่เพราะการกระทำที่ไม่คาดคิดของเธอทำให้เขาชะงัก  ตัวเขาเกร็งจนรู้สึกได้พร้อมกับฉันที่เพิ่งจะมารู้สึกเกร็งตาม

    เธอบ้าทำอะไรลงไป๊!? อยู่ๆไปกอดพระเอกทำม่ายยย


    "เอ่อ.."  

    เอเดรียนหน้าแดงไปถึงใบหู เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกไดอาน่าสวมกอดจากข้างหลัง แต่เขาก็ไม่กล้าผละตัวออก ร่วมถึงหญิงสาวที่สติหลุดก็ไม่กล้าผละออกไปดื้อๆเช่นกัน

    "............."  


    พวกเราสองคนจึงยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นสักพัก บรรยากาศเริ่มดูแปลกๆทำให้ไดอาน่าและเอเดรียนเริ่มรู้สึกเขิน


    แต่เอเดรียนพอนึกได้ว่าถ้านาตาลีเปิดประตูมาเห็นคงจะไม่ดีแน่ เพราะไดอาน่าอาจจะเสียหายเอาได้ ถ้ามีข่าวลือแปลกๆออกไป เขาจึงทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องหยุดเสียก่อน 

    กึก

    เอเดรียนสัมพัสได้ถึงบางอย่างเปียกชื่นตรงหลัง เขาจึงหยุดนิ่งค้างอย่างนั้น

    ไดอาน่าที่แอบซับน้ำตาจากเสื้อตัวเองและบางส่วนที่เสื้อคุณพระเอก เมื่อรู้สึกว่าน้ำตาหยุดไหลแล้ว เธอก็ผละออกมายืนข้างๆคุณพระเอกต่อ 

    เหมือนเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เธอไม่รู้เลยว่าได้ทำอะไรเอาไว้ แต่เพราะรู้สึกถึงสายตาที่เอเดรียนมองมาอยู่ตลอด ทำให้หญิงสาวตัดสินใจต้องพูดอะไรสักอย่าง


    "พ่อของฉันเสียไปตั้งแต่ฉันเด็กๆ" อยู่ๆเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมา 

    ทำให้เอเดรียนได้สติมองอย่างแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินหญิงสาวยอมพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง 

    แต่ไดอาน่าที่ยืนก้มหน้าต่ำทีแรก กลับเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้ว่าถูกจับจ้องอยู่ ทำให้เขาชะงักเมื่อเห็นว่าปลายหางตาเธอแดงๆทั้งที่ทีแรกมันไม่มี

    "...." เอเดรียนรู้แล้วว่าไดอาน่าแอบร้องไห้ที่หลังเขา เขาจึงเงียบทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอร้องไห้มาก่อน 

    "ฉันไม่มีแม้แต่โอกาสได้เห็นหน้าเขา เพราะภาพของเขาทั้งหมดถูกเผาด้วยไฟหมดแล้ว" ไดอาน่ายื่นมือมาลูบกรอบรูปที่มีภาพของหญิงสาวผมสีบลอนด์ 

    มันเป็นภาพของคุณแม่เอเดรียน และเอเดรียนที่ยืนยิ้มข้างๆกันอย่างมีความสุข


    "แม่บอกว่า...ฉันได้สีผมมาจากพ่อที่มีเชื้อสายคนเผือกมาเสี้ยวหนึ่ง.. ฉันจึงมีผมสีเงินผิดแปลกจากคนในครอบครัวที่มีผมสีบลอนด์อ่อน สีตาของฉันก็เช่นกัน..ถึงฉันไม่เคยเห็นเขาแต่พี่ชายบอกว่าฉันมีใบหน้าเหมือนเขา เพราะคุณพ่อเป็นหนุ่มรูปงามที่สุดในเมืองที่เขาอยู่"

    ทันใดนั้นริมฝีปากสีชมพูของหญิงสาวก็แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งแรก ดวงตาสีฟ้าครามเบ่งประกายเต็มไปด้วยความสุข 

    "ความสวยของฉันคงได้มาจากคุณพ่อสินะ คิกคิก" เธอพยักกับตัวเองแลดูภูมิใจมากก่อนที่จะหันมามองเขาเหมือนเพิ่งรู้ตัว

    "อะ เอ่อ" 

    ท่าทางที่เหมือนตัวเองเผลอหลุดคาแรสเตอร์ ทำให้เอเดรียนยิ่งมองอย่างสนใจ มันยิ่งทำให้ไดอาน่าลนลาน

    "เอเดรียนที่จริง ฉันอยากให้นายรู้ว่าเวลาเครียดมากๆจนหาทางออกไม่เจอ แล้วนายอยากเล่าให้ใครสักคนฟัง..ฉันยังยืนทีี่นี่ข้างๆนายเสมอนะ" 

    หญิงสาวเอามือขึ้นถูสันจมูกไปมาเหมือนเขิน ท่าทางที่ดูไม่เหมือนสตรีผู้เพียบพร้อมเป็นครั้งที่สองที่แสดงให้เขาเห็น 

    ครั้งแรกคือตอนที่ไดอาน่าจับผู้ชายตัวใหญ่ทุ่ม หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนไดอาน่าได้ก่อตั้งกำแพงบางๆเอาไว้กับคนรอบข้าง 

    ถึงตอนแรกพวกเขาสองคนยิ้มคุยกันตรงหน้า แต่ก็ไม่รู้สึกเหมือนสนิทกันได้จริงๆ พอไดอาน่าพูดเปิดอกเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าพวกเขาใกล้ชิดกันอีกขั้นหนึ่งแล้ว

    "ขอบคุณ" เขายิ้มพร้อมกับไดอาน่าที่มองปริบๆก่อนจะยิ้มกลับมา 

    บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายสบายๆทำให้พวกเขาสองคนเริ่มเปิดอกคุยกันเล่นมากขึ้น  ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ฉันกับเอเดรียนก็รู้สึกว่าพวกเรามีอะไรเหมือนกันมากจริงๆ

    แถมพวกเรายังติดตามมังงะที่ชอบเหมือนกันอีก! พวกเราจึงมีเรื่องให้เม้าส์กันใหญ่ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเส้นกั้นฉันกับคุณพระเอกเริ่มบางขึ้นเรื่อยๆ จนหยอกล้อกันเล่นได้อยากสนิทใจ

    ก๊อกๆ

    "คุณไดอาน่า มีรถมารอรับที่ด้านหน้าแล้วค่ะ"

    เสียงเคาะประตูห้องเอเดรียนดังขึ้น พร้อมกับเสียงของนาตาลีที่บอกว่ามีรถมารอรับฉันกลับแล้ว พวกเราจึงได้หยุดคุยกันเรื่องการ์ตูนแค่นั้น ฉันกับเอเดรียนเผลอทำหน้าเสียดายที่อุสาเจอโอตาคุเหมือนกัน ก็เลยพากันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย

    เอเดรียนเดินมาส่งที่หน้าบ้าน ก่อนที่เธอจะปิดประตูรถ เอเดรียนก็ดึงเอาไว้ก่อน

    "คือ....ฉันอยากถามว่า ว่างๆฉันโทรไปเล่นได้หรือเปล่า..ไปคุย..เรื่องการ์ตูนที่ค้างต่อน่ะ" แก้มใสของเอเดรียนซับสีแดงขึ้นจางๆ 

    ทำให้ฉันเผลอตัวเขินตามไปด้วยอีกคน 

    ก็แค่คุยกันเอง! ทำไมต้องเขินกันด้วย!? ฉันคิดในใจแต่ก็หยุดหัวใจที่เต้นรัวไม่ได้ 

    "อา..ดะ ได้สิ ทำไมไม่ได้ล่ะ ได้เจอโอตาคุเหมือนกันทั้งที" เธอยิ้มเอ่ยด้วยแก้มที่แดงเล็กน้อย คุณพระเอกยิ้มเหมือนโล่งใจ จากนั้นฉันก็เอ่ยลาคุณพระเอกและปิดประตูรถ

    รถลีมูซีนสีดำขับออกจากอานาเขตบ้านของคุณพระเอกไปไกลเท่าไหร่ ใจที่เต้นตึกๆอย่างตื่นเต้นเมื่อกี้ก็เริ่มสงบลง  

    จนกลับมาเต้นจังหวะปกติเช่นเดิม

    "เฮ้อ.." ไดอาน่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้วสิประมาณไม่ได้เลย..

    อยู่ใกล้ตัวเอกนี้มันอันตรายจริงๆ...

    "แฟนหนุ่มหรือคะ?" เสียงของมิแรนด้าที่ถามขึ้นมาพร้อมอมยิ้ม มองผ่านกระจกมองหลัง ทำเอาฉันหน้าเหวอเมื่อลืมไปว่ามีมิแรนด้าอีกคนในรถ

    "ไม่ใช่ค่ะ! เพื่อนค่ะเพื่อน!"  

    ฉันแก้ตัวอย่างร้อนใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าแก้มเธอกลับมาซับสีแดงอีกครั้ง ยิ่งทำให้มิแรนด้ารู้สึกสนุกขึ้นไปใหญ่

    "เอ๋..แน่ใจหรือคะว่าไม่ใช่แฟน แล้วทำไมต้องเขินกันด้วยละคะ" มิแรนด้าสื่อว่าเธอมองเห็นตั้งแต่ต้น

    "นั้นมัน..ไม่ใช่.." ไดอาน่าอ้าปากจะหาข้ออ้าง แต่เธอก็ไม่รู้จริงๆว่าทำไมต้องเขิน แล้วเอเดรียนทำไมต้องเขินด้วย..เพราะเขาชอบเลดี้บัคนะไม่ใช่เธอ 

    ใช่แล้ว..เขาชอบเลดี้บัคไม่ใช่ฉัน

    เดี๋ยว! แล้วฉันจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบทำไม!? 

    "...." มิแรนด้าที่เห็นคุณหนูตัวเองกำลังยกมือกุมขมับ ก่อนสักพักก็ทำหน้าไม่พอใจ สักพักก็เปลี่ยนไปทำท่าเหมือนอยากจะทึ้งหัวตัวเอง 

    มิแรนด้าจึงสงบปากสงบคำในที่สุด แล้วพาคุณหนูที่ดูติดเหม่อๆเดินเข้าคอนโดตัวเองไป ไดอาน่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดินมานอนแผ่หราบนเตียงตอนไหน เพราะเธอเอาแต่คิดเรื่องเมื่อสักครู่อยู่ 

    "ทำไมฉันต้องเขิน?.." เธอพึมพำออกมาอย่างสงสัย ขณะที่มองเพดานห้องไปด้วย

    "เพราะเธอชอบเจ้าหนูนั้นน่ะสิ" เสียงแจสเปอร์ดังแทรกขึ้นมา เรียกให้ฉันหันไปยู่หน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์

    "ไม่มีทาง! แล้วอีกอย่างเอเดรียนเขาชอบเลดี้บัคต่างหาก" แจสเปอร์ฟังไดอาน่าที่หันมาแย้งด้วยสายตาลอกแลก

    "อ้าวเหรอ งั้นทำไมเธอต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ" แจสเปอร์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ทำให้ฉันที่ตอบไม่ได้หยิบบลูเบอรี่ในชามข้างโต๊ะเตียงขึ้นมาอย่างหงุดหงิด 

    "เงียบไปเลย!"  เธอปาบลูเบอรี่ในมือออกไป ก่อนที่แจสเปอร์จะพุ่งบินอ้าปากไปรับได้อย่างเหมาะเจาะ 

    ฉันจึงโยนไปอีกหลายๆครั้ง แจสเปอร์ก็รับได้ทุกเม็ด เขามีความเคลื่อนที่รวดเร็วมากจนทำฉันตกใจ ก่อนที่แจสเปอร์จะบินมาใกล้ๆให้ฉันชมด้วยการลูบหัวเจ้าตัว 

    "เป็นหมาหรือยังไงเรา!" ฉันเค้นเขี้ยวพูดอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็น หางจิ้งจอกของแจสเปอร์ที่ส่ายไปมาอย่างอารมณ์ดี 

    "โฮ่ง!" แจสเปอร์ได้ยินก็กวนประสาทโดยการโฮ่งออกมาจริงๆ ทำให้ฉันยิ้มอ่อนพร้อมปล่อยวางเรื่องเอเดรียนไป เธอหัวเราะขำอยู่บนเตียงร่วมกับแจสเปอร์

    40%


    ปิ๊บ ปิ๊บ

    "ถึงเวลาลาดตะเวนแล้ว" เสียงนาฬิกาที่ตั้งเอาไว้บนโทรศัพท์เครื่องสีดำ ทำให้ฉันหันมามองแจสเปอร์ที่กำลังแกล้งตาย  

    "เอาน่า..ประชาชนเมืองปารีสต้องมาก่อนสิ แจสเปอร์.. tricks out! "


    "ฉันยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ" แจสเปอร์ร้องบ่นโอยๆ เมื่อรู้ว่ายังไงก็คงหนีไม่พ้น 

    วาบ!

    ก่อนที่แจสเปอร์จะกลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งเข้าไปในกำไลข้อมือ แสงพสาสม่าสว่างรอบๆตัวหญิงสาว เมื่อเธอเดินออกมาจากกลุ่มพสาสม่าก็กลายเป็น'ซิลเวอร์ฟ็อกซ์'จิ้งจอกสีเงิน

    เธอตรวจดูความเรียบร้อยตัวเอง ก่อนที่จะสะกิดปลายเท้าพุ่งตัวออกไป

    ฟุบ! 


    เป็นเวลาไม่ถึงเดือนที่ซิลเวอร์ได้มาปรากฎตัวที่ปารีส และคอยช่วยเหลือเลดี้บัคกับแคทนัวร์กำจัดอาคุม่า และร่วมลาดตะเวนตอนกลางคืนกับแคทนัวร์และเลดี้บัค


    ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือฮิโร่สาวคนดังของกรุงปารีส เพื่อนร่วมทีมของคู่ซูปเปอร์ฮิโร่เลดี้บัคและแคทนัวร์

    เรือนร่างงดงามไม่ต่างจากปีศาจจิ้งจอกแปลงกาย กำลังลอยตัวทิ้งดิ่งอยู่เหนือตึกสูงมีฉากหลังเป็นดวงจันทร์ดวงใหญ่ เส้นผมสีขาวบริสุทธิ์กำลังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายสีเงินงดงามระยิบระยับ 

    ถ้าใครได้มาเห็นหญิงสาวยามนี้เป็นต้องตราตรึงใจ...กับภาพเบื้องหน้าที่เหมือนต้องมนตร์สะกด จากจิ้งจอกสาวเป็นแน่แท้.. เสียดายที่คงจะไม่มีใครตื่นออกมาชมจันทร์ยามวิกาลตอนนี้ 

    ยกเว้นเสียแต่พวกที่ทำงานตอนกลางคืนไม่หลับไม่นอนและคนที่คอยสอดส่องดูแลประชาชนในเงามืด...


    "ซิลเวอร์! มาแล้วเหรอ"

    เสียงร้องของเลดี้บัคที่มาเห็นเธอเข้าพอดีเอ่ยทัก พร้อมกับแคทนัวร์ที่โผล่มาถึงที่หมายตามหลังเธอติดๆ 

    "มอนิ่งสาวๆ! วันนี้ก็ยังคงงดงามกันเช่นเคย" ชายหนุ่มหนึ่งเดียวยืนเก๊กท่าเขยิบตาปิ้งๆใส่ฮิโร่สาวทั้งสองที่ทำหน้าตาเอือมใส่

    "หวัดดีคิตตี้" เธอเอ่ยเสียงนิ่งสงบ

    ฉันที่เริ่มชินชากับความหยอกของแคทนัวร์เริ่มมีภูมิคุ้มกัน จึงไม่ได้เขินและเผลอหยอกกลับเหมือนทีแรกทำให้แคทนัวร์ที่ลอบมองรู้สึกหมั้นเขี้ยวอยากแกล้งขึ้นมา

    แคทนัวร์จะพุ่งกระโดดใส่ซิลเวอร์ที่ยืนตีหน้าขรึมข้างๆ แต่เธอรู้ตัวก่อนเลยหลบไปข้างหลัง ทำให้เจ้าตัวพุ่งจูบกำแพงหลังคาบ้านคนอื่นเต็มๆ

    "อ้าว ยังไม่ตื่นดีหรือคิตตี้ อยู่ๆก็ลงไปจูบหลังคาบ้านคนอื่นซะอย่างนั้นน่ะ" เสียงหัวเราะคิกคักอย่างขบขันของจิ้งจอกสาวทำให้แคทนัวร์ยิ่งหมั้นเขี้ยวเข้าไปใหญ่... แต่เสียดายที่เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้

    "เลดี้บัค!..ซิลเวอร์แกล้งเค้าง่า" แคทนัวร์เริ่มงอแงเรียกร้องความสนใจจากเต่าทองสาวแทน แน่นอนว่าเลดี้บัคเบะปากกลอกตาใส่แคทนัวร์ไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยแต่อย่างใด 

    "ก็นายไปแกล้งเธอก่อนนิ"ก่อนจะเดินทิ้งชายหนุ่มไว้อย่างนั้น ไปประชุมเรื่องลาดตะเวนวันนี้กับจิ้งจอกสาวแทน

    "ดูเหมือนจะต้องแบ่งเวรกันลาดตะเวนนะ ถ้าทำติดต่อกันแบบนี้ฉันคงจะไม่ไหว" เลดี้บัคยกมือหาววอดๆขณะพูด 

    ความอ่อนเพลียที่ต้องคอยสอดส่องดูแลปารีสตอนกลางคืน สร้างความลำบากให้แก่มาริเน็ตที่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน ทุกวันนี้อัลย่า..เพื่อนสาวแทบจะเรียกมารีเน็ตสลับกับคำว่าแพนด้าขึ้นทุกทีแล้ว

    และแน่นอนว่าซิลเวอร์และแคทนัวร์ที่กลางวันเป็นเอเดรียนและไดอาน่าที่ทำงานเป็นนายแบบและนักร้องไหนจะมาเรียนอีก แน่นอนว่าพวกเขาต้องเหนื่อยกันทั้งคู่ แต่ด้วยความชาชินเหมือนเรื่องปกติทำให้พวกเขาดูสดชื่นกว่าเลดี้บัคมากโข 

    ความจริงแล้วเธอแค่นอนไม่หลับตอนกลางคืนเท่านั้นเอง 

    "เอาอย่างนั้นก็ได้นะ แต่ถ้าเจออาคุม่าคงต้องมาร่วมตัวกัน ไม่งั้นจะกำจัดผีเสื้อสีดำไม่ได้ถ้าขาดเลดี้บัค" ฉันเอ่ยแสดงความคิดเห็นก่อนที่แคทนัวร์ที่ลุกขึ้นมาฟังจะออกความเห็นด้วย

    "ตอนกลางคืนถ้าทำคนเดียวคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งตกดึกยิ่งมีอันตรายแทบทุกที่ ถ้าใครไม่สะดวกตอนไหนก็บอกล่วงหน้าไว้แล้สลับเวรกันมา ฉันที่สายตาในตอนกลางคืนดีกับซิลเวอร์วันนี้ พวกเราน่าจะลาดตะเวนตอนกลางคืนด้วยกัน เลดี้บัควันนี้ไปพักก่อนก็ได้"

    แบบนั้นก็ดีแฮะ สายตาเธอจะดีมากเป็นพิเศษถ้าตกดึกแถมจมูกการดมกลิ่นก็ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย วันไหนไม่สะดวกก็ขอสลับเวรวันนั้นได้ด้วย

    "ก็ดีนะ/ความคิดดี"

    ฉันที่เผลอพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับเลดี้บัค ก่อนจะมารู้ตัวว่าฉันต้องอยู่กับแคทนัวร์แค่สองคนคืนนี้น่ะสิ!

    ไม่ได้ๆ! ยิ่งช่วงนี้ใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยสิ กลัวเผลอใจไปชอบแคทนัวร์เข้า

    "เอ่อ.." 

    "หื้อ?"  x2

    แคทนัวร์กับเลดี้บัคหันมามองเธอด้วยความสงสัยว่าจะพูดอะไร 

    "เปล่า...ไม่มีอะไร"

    แต่พอหันมาเห็นท่าทางอ่อนเพลียของเลดี้บัคเหมือนกับว่าร่างกายเธอไม่ไหวแล้ว อยากล้มตัวนอนสุดๆ.. 

    เธอก็ใจดำค้านไม่ออกแฮะ...สุดท้ายคืนนี้เลยตกลงว่าแคทนัวร์กับเธอลาดตะเวนด้วยกัน 

    หลังจากเอ่ยฝันดีกับเต่าทองสาวที่กระโดดจากหอไอเฟลหายไป ฉันกับแคทนัวร์ก็เริ่มเดินลาดตะเวนโดยการฟังเสียงรอบๆ  

    "ดู..นายได้ยินอะไรมั้ย?" 

    ฉันดึงหางแคทนัวร์ไว้ตอนที่เขากำลังข้ามผ่านซอกตึกมืดๆแห่งหนึ่ง 

    "เสียงฟังดูอูอี้นะ ไม่รู้ว่ากำลังเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า" แคทนัวร์ออกความคิดเห็น 

    ก่อนที่เขาจะตามเธอเข้าไปลอบมองใกล้ๆ  ฉันใช้ความสามารถวิสัยทัศน์ของจิ้งจอกมองเข้าไป ก่อนที่เธอจะแข็งตัวเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    ชายหญิงสองคนนั้นพวกเขากำลังจะ...โอ้ 

    ฉันรู้สึกหน้าตัวเองร้อนมากและมันต้องแดงมากแน่ๆ!

    ฉันต้องห้ามแคทนัวร์ว่าอย่าเข้ามา!

    "ตกลงเกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลัง ทำให้หูกับหางเธอตั้งอย่างตื่นตระหนก ฉันรีบหันไปปิดตาแคทนัวร์เอาไว้! 

    "อย่ามอง!" เธอเอ่ยพร้อมพยายามลากเขาออกมา ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มสงสัย

    "ทำไมรีบร้อนจัง ฉันยังไม่ทันได้เห็นเลย..หรือว่าเกิดอะไรไม่ดี-" 

    ตึง

    ทันใดนั้นก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมาเป็นจังหวะ ฉันกับแคทนัวร์แข็งค้างไป...ฉันรู้แล้วว่าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น เพราะถึงตามองไม่เห็นเพราะมือเธอปิด 

    แต่หูเขาสามารถได้ยิน!!

    "ไปกันเถอะ" ฉันเอ่ยสั่งนิ่งๆพร้อมลากแคทนัวร์ออกมาจากตรงนั้น เขาตามเธอมาอย่างง่ายดายจนฉันยังแปลกใจ 

    "เกิดเรื่องนี้บ่อยเหรอ? นายดูไม่แปลกใจ" หลังจากออกมาไกลแล้ว ฉันถามเพราะเดาออกจากท่าทางดูปกติของเขา 

    "หือ เรื่องเมื่อกี้น่ะเหรอ ก่อนที่เธอยังไม่มาร่วมทีมกัน ฉันกับเลดี้บัคลาดตะเวนด้วยกัน ก็เจอเรื่องคำนองนี้สองสามครั้งได้"

    สะ สอง สามครั้งได้!

    ฉันอ้าปากค้างอย่างตกใจ นี้คุณพระเอกกับนางเอกไปเจอเรื่องนี้บ่อยขนาดนี้เลยหรือเนี่ย! 

    แล้วพวกเขาจัดการรับมือยังไงกัน!?

    ฉันแทบอยากกระโจมไปยื่นฟ้องศาล ว่าด้วยการทำอนาจารนอกจากสถานที่ ทำให้เด็กบริสุทธิ์อายุ14-15สองคนต้องเจออะไรแบบนี้แต่เด็ก!? 

    "อื้ม..."

    แคทนัวร์ที่ยืนมองซิลเวอร์ทำหน้าตาซีเรียด เขาก็เกาแก้มตัวเองเก้อๆ โดยที่เขาลืมบอกเธอไปว่า ที่เห็นน่ะมีแค่เขาคนเดียว พอเลดี้บัคจะมาเจอเขาก็มาดักเลดี้บัคไว้แล้ว 

    ยกเว้นครั้งนี้ที่ซิลเวอร์เป็นคนเจอก่อน

    "ละ แล้วนายกับเลดี้บัคจัดการกันยังไง" เสียงกระท่อนกระแท่นจากปากจิ้งจอกสาว ทำให้แคทนัวร์ก้มมองอย่างสงสัย 

    "อะไรกัน เธอเขินกับเหตุการณ์เมื่อกี้เหรอ" เขาถาม

    "พูดอะไร! ใครเขิน"

    ก่อนจะรู้ตัวว่าท่าทางเมื่อกี้ซิลเวอร์ กำลังเขินอายอยู่เพราะหางกับหูก็ดูหงอๆลงไม่ส่ายไปมาอย่างทุกที 

    แคทนัวร์หรี่ตาลงก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงแห่บพร่า เพื่อลองแกล้งจิ้งจอกสาวตรงหน้า 

    "ทำอะไรก็ได้ที่เธอคาดไม่ถึง..ไง.." แคทนัวร์ยิ้มกริ่มรู้สึกสนุกกับท่าทางประหม่าอย่างหาได้ยากของซิลเวอร์ 

    เขาจึงจงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆจิ้งจอกสาว ก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัวและผงะถอยแก้มขึ้นสีแดงเข้ม 

    'โครตจี้!'

    แคทนัวร์แทบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางตกใจเหมือนกระต่ายของซิลเวอร์

    'ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมซิลเวอร์ถึงได้ชอบแกล้งเขาแบบนี้นัก' 

    เพราะมันสนุกแบบนี้งี้เอง!

    แคทนัวร์คิดในใจอย่างอารมณ์ดี 

    "ทำอะไรที่คาดไม่ถึง?..." ซิลเวอร์เอ่ยกระซิบเสียงเบาเมื่อประมวลผลคำพูดของเขา 

    'แล้วทำอะไรกันเล่า!' ในสมองเธอคิดไปไกลแล้ว 

    ก่อนที่หูกับหางเธอจะตั้งชี้ฟ้าและหน้าที่แดงสุดๆเหมือนมีควันออกมา 

    ไม่รู้ว่าสาวเจ้าคิดไปต่อไหนถึงไหน ทั้งที่ความจริงมีเพียงเขาที่รู้คนเดียวเท่านั้นเอง

    แคทนัวร์รู้สึกว่าตอนนี้จิ้งจอกสาวดูน่ารักมาก จนเขาเอนตัวเข้าไปใกล้ และประทับริมฝีปากแดงนั้นซะแล้ว..

    จุ๊ฟ

    "....."

    เกิดอาการเดตแอร์ขึ้นมา ฉันที่ยกมือปิดปากตัวเองเบาๆอย่างไม่เชื่อสายตา 

    กึก

    พร้อมกับแคทนัวร์ที่ชะงักค้าง เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาทำอะไรลงไป

    ใบหน้าเด็กหนุ่มซีดเผือดไปทันตาเห็น

    "เออ คือว่า.." แคทนัวร์เหมือนจะพยายามแก้ตัวอะไรสักอย่าง 

    โชคดีที่ฉันไม่ได้เป็นพวกใจร้อนอะไร...ก็เลยรอฟังคำอ้างที่เขาจะหยิบยกขึ้นมา

    "เธอทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนก็เลย-"

    ผัวะ!

    เสียงของกระแทกดังขึ้น ก่อนที่แคทนัวร์จะกุมท้องแล้วล้มลงไป เพราะพอเขายังเอ่ยไม่จบซิลเวอร์ก็ต่อยท้องเขาทันที!  

    "แมวโง่!"

    ซิลเวอร์ด่าเข้าให้ ดวงตาสีอำพันของจิ้งจอกสาวคลอด้วยน้ำใสเล็กน้อย 

    ตอนแรกว่าจะให้โอกาสแก้ตัว แต่พอเกริ่นขนาดนี้แล้วเธอก็เดาออกว่าจะเอ่ยว่าอะไร

    "ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใครนะ! ถ้านายอยากนักก็ไปทำกับเลดี้บัคสิ!" 

    "มะ ไม่ใช่"

    'มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ!'

    แคทนัวร์กำลังจะแก้ตัว แต่ซิลเวอร์พุ่งตัวออกไปซะแล้ว เขาจะไล่ตามก็จุกท้องจนลุกไม่ขึ้น 

    รู้แต่ว่าตอนนี้แคทนัวร์รู้สึกเสียใจมากที่ไปทำแบบนั้นกับซิลเวอร์ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมถึงทำอย่างนั้นไป เขารู้สึกว่าซิลเวอร์ดูน่ารักมากๆ 

    ทั้งที่ปกติในสายตาของเขามีแต่มองเลดี้บัคเท่านั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้มองตามหลังซิลเวอร์ไปซะได้


    เขารู้สึกสับสน...


    คืนนั้นแคทนัวร์และซิลเวอร์หยุดลาดตะเวนกันแค่นั้น พวกเขากลับไปนอนพักที่ห้องต่อ แต่กลับนอนไม่หลับเพราะเอาแต่หมกมุ่นคิดแต่เรื่องของอีกฝ่าย  

    "เป็นอะไรไหมไดอาน่า.." 

    แจสเปอร์ลอยมานอนข้างๆ 

    เขาถูไถแก้มเด็กสาวไปมา เผื่อทำให้เด็กสาวอาจจะรู้สึกดีขึ้น

    "ฉันไม่น่าต่อยเขาเลยแจสเปอร์ เขาอาจจะแกล้งฉันเหมือนที่ฉันแกล้งเขาก็ได้" ไดอาน่านอนมองเพดานพร้อมกับขบคิดอย่างจริงจัง

    พอมาคิดๆดูแล้ว ตอนที่เธอเป็นซิลเวอร์ฉันก็ไปหยอกแคทนัว์แบบนั้นเช่นกัน ดีแล้วที่เขาไม่ได้ต่อยเธอกลับคืนมาน่ะ..

    "พรุ่งนี้ฉันต้องไปขอโทษเขา แล้วขอให้เขาต่อยฉันคืน" เธอเอ่ยตอบไปอย่างรู้สึกผิด...

    แต่ตอนนั้นฉันห้ามตัวเองหงุดหงิดไม่ได้จริงๆนะ ไดอาน่าคิดในใจอย่างซีเรียด 

    เธอนึกอยู่ว่าจะทำยังไงดี เดินไปซึ่งๆหน้าแล้วขอโทษให้แคทนัวร์ต่อยเธอคืนดี?

    "....." แจสเปอร์อ้าปากค้างอย่างรู้สึกผิดคาดและแปลกใจ 

    เพราะคิดว่าไดอาน่าจะมานั่งเสียใจซะอีก ที่อีกฝ่ายมองว่าเห็นเธอเป็นคนอื่น แต่ไดอาน่ากลับคิดจะไปขอโทษเขาอย่างแมนๆ

    แถมมีการให้อีกฝ่ายต่อยกลับคืนมาอีก!  แจสเปอร์รู้สึกปวดหัวแทนพ่อแม่ของเด็กสาวคนนี้มาตะงิดๆ

    "ฉันรู้สึกสับสนจังแจสเปอร์.."  เธอลอบถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงเพราะขี้เกียจจะมาคิดเรื่องนี้ต่อ 

    ปล่อยให้เป็นเรื่องราวของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน

    "เฮ้อ...." 

    แจสเปอร์ถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มตรงปลายเท้าไดอาน่าขึ้นมาคลุมถึงไหล่เด็กสาว แล้วแจสเปอร์ก็บินไปปิดไฟที่สวิตข้างๆเตียง 


    "ราตรีสวัสดิ์" แจสเปอร์กระซิบก่อนที่เขาจะลงมานอนตรงหมอนนุ่ม 


    ผ่านไปสักพักจนความิตัวน้อยนอนหลับสนิท 


    ร่างที่ไม่ได้กระดุกกระดิกมาสักพักใหญ่ก็ขยับมานอนตัวตรง นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบไปมองความิตัวเองว่านอนสนิทแล้วใช่มั้ย ก่อนจะหันมามองจ้องเพดานอีกครั้ง


    ดวงตาสีฟ้าครามดูปราสจากความง่วงนอนในทีแรก


    พรึบ...


    ก่อนที่ไดอาน่าจะยื่นมือมาลูบปากตัวเองอย่างคนสับสน เพราะรู้สึกเหมือนมันยังสัมพัสถึงความอุ่นร้อนในตอนแรกได้อยู่เลย 


    ทำไมจะต้องหงุดหงิดด้วย


    'ฉันคงไม่ใช่..อย่างที่คิดหรอกใช่มั้ย?..'


    เธอคิดถึงข้อคำถามในใจ ก่อนที่เธอจะพยายามฝืนหลับตาลงพร้อมกับความสับสนนั้น 

    80*


    ตอนเช้ามาถึงในขณะที่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะนอนไม่พอ เธอก็เลยมาเข้าห้องเรียนสาย โชคดีที่วันนี้โคลอี้ไม่ได้กระโดดเข้ามากอดเหมือนทุกที สงสัยคงเห็นสภาพเธอดูเหนื่อยๆละมั้ง

    "เธอดูนอนไม่พอ ไม่สบายหรือเปล่า" นาธานน้อยถามอย่างเป็นห่วง ฉันที่รู้สึกล้าๆก็รู้สึกสุขใจเลยยิ้มไปให้เขา 

    "เมื่อคืนนอนดึกเพราะติดซีรี่ยน่ะ" ฉันพูดปดออกไป เพราะไม่สามารถเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟังได้ สักพักฉันก็เห็นเอเดรียนเดินเข้ามาในห้อง 

    "นายตื่นสายนะวันนี้" นีโน่เอ่ยทักเพื่อนสนิทที่เจ้าตัวเดินเข้ามาด้วยท่าทางดูเหมือนคนนอนไม่ตื่นดี 

    "มีเรื่องให้ขบคิดนิดหน่อย" เอเดรียนเอ่ยจบพวกเขาสองคนก็ก้มกระซิบคุยกันเงียบๆ มีแค่วันนี้แหละที่มาริเน็ตดูกระปี้กระเปร่ากว่าเพื่อนจนอัลย่าเพื่อนสาวยังแปลกใจ 

    วันนั้นทั้งวันเธอรู้สึกเรียนไม่รู้เรื่องเลย โชคดีที่ไม่ได้โดนเรียกออกไปตอบคำถามหน้าชั้น ระหว่างที่เปิดหน้าตำราอ่านบทถัดไป SMSอีเมลในโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาเบาๆ 

    ฉันจึงแอบหยิบขึ้นมาดู

    อื้มม

    มันเป็นตารางงานของเดือนนี้ทั้งเดือน ส่งตรงมาจากกาเบรียลเลย เขาช่างทำงานได้สับไวทันใจจริงๆ...(อีโมคอนร้องไห้)

    'หลังเลิกเรียนวันนี้เธอมีนัดถ่ายแบบกับเอเดรียน รู้สึกหนีเขาไม่พ้นจริงๆ..' ฉันที่อ่านข้อความในอีเมลจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างปลงๆ

    "เกิดอะไรขึ้น?" นาธานถามขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู พอเขาดูเสร็จก็ทำหน้าเข้าใจ

    "มีถ่ายแบบหลังเลิกเรียนด้วยนี่นา คงเหนื่อยล่ะสินะ" นาธานยื่นมือมาลูบหัวเธออย่างสงสาร ดูเขาเห็นใจจนต้องมาปลอบ 

    "ที่จริงฉันเหนื่อยอย่างอื่นมากกว่า...แต่-ก็ขอบใจ" เพราะมือนาธานทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ 

    ทันใดนั้นฉันก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า มะเขือเทศน้อยของเธอดีขนาดนี้ ทำไมฉันถึงไม่ไปตกหลุมรักเขากันนะ? 

    ฉันนั่งเค้าคางมองนาธานขยันเขียนบนกระดาษ ท่าทางการขยับปลายนิ้วของเขาดูสวยงามมาก ถ้ามันลงไปเคลื่อนไหวบนเปียโนคงจะดูดีไม่น้อยเลย...

    ในหัวฉันขบคิดจินตนาการว่าได้ตัดผมหน้าม้าที่ปกตาสวยๆเขาออก เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหญ่ของเขาให้ดูพอดีตัว

    มันต้องออกมาเท่แน่ๆ!

    ...............
    ....

    "คุณซีมัวร์ เมื่อไหร่คุณจะเลิกจ้องนายนาธาเนียลสักที? แล้วหันกลับมาตั้งใจดูฉันสอนต่อบนกระดาน?"

    ไม่รู้ว่าฉันจ้องนาธานนานเท่าไหร่ มารู้ตัวก็ตอนที่คุณครูฝึกสอนในคาบ กำลังตะโกนเรียกชื่อเธออยู่ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความแปลกใจ เมื่อเพื่อนๆหันมามองที่เธอเป็นจุดเดียว

    "ว่ายังไงคะ คุณซีมัวร์?" คุณครูถามอีกครั้ง แต่ฉันยังไม่เข้าใจเพราะไม่ได้ฟังคุณครูเขาถามไปเมื่อกี้

    ฉันว่าจะหันไปถามนาธานว่าคุณครูถามอะไรไป แต่มะเขือเทศน้อยกลับก้มหน้างุดด้วยใบหน้าแดงๆ 

    "เอ่อ..ไม่รู้สิคะ" เมื่อเธอหันไปตอบอย่างงงๆนาธานยิ่งก้มหน้าลงต่ำ เหมือนถ้าเขามุดลงดินได้เขาคงทำไปแล้ว

    "ฮ่ะๆๆ" 

    ทันใดนั้นแม็กซ์ที่นั่งโต๊ะอีกฝั่งก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกับคิม เหมือนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดไม่เข้าใจ 


    นีโน่กับอัลย่าก็ร่วมใจทุบโต๊ะปั่กๆเหมือนอดกลั้นกันอยู่ มีแค่มาริเน็ตกับเอเดรียนเท่านั้นแหละที่นั่งงงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาแอบหลับระหว่างเรียนหรือเปล่า

    "ครูเขาถามว่าเมื่อไหร่เธอจะเลิกจ้องนาธาเนียลแล้วหันมาสนใจบทเรียนต่อ..หึๆ แต่เธอกลับตอบ ไม่รู้สิคะ แปลว่าเธอไม่รู้จะหยุดจ้องเขาตอนไหนใช่มั้ย" อัลย่าเป็นฝ่ายตอบความสงสัยให้แก่เธอ

    "เอ๋!" ฉันหน้าร้อนก่อนจะหันไปที่นาธานว่าอัลย่าพูดจริงงั้นเหรอ นาธาเนียลจึงพยักหน้าว่าอย่างนั้นจริงๆ ฉันจึงแทบอยากจะมุดโต๊ะเป็นเพื่อนนาธานขึ้นมาตงิดๆ ดีนะที่ครูสาวแค่ตักเตือนแต่ไม่เอาเรื่อง  

    "เธอทำฉันจะบ้า" นาธานบ่นขณะที่เขาเก็บของหลังจากที่เรียนจบชั่วโมงเมื่อกี้ พวกเรากำลังเปลี่ยนไปเรียนคาบพละข้างนอกกลางแจ้งกัน

    เพราะฉันบอกไปว่าฉันเหม่ออยู่ตอนที่จ้องนาย เขาจึงมองเธอด้วยท่าทางส่ายหน้าเล็กน้อย....? ทำไมต้องส่ายหัวด้วยอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ ฉันจึงรีบตามเขาไปที่ห้องล็อกเกอร์

    ................................
    ................
    ...

    "พักก่อนนะ" เพื่อนสักคนในห้องเอ่ยขึ้นมา หลังจากที่พากันวิ่งแข่งกันอยู่ ฉันที่วิ่งมมาเสร็จว่าจะหาที่นั่งพัก ก็เจอกับนาธานพอดี ฉันเห็นเขาแอบมองมาริเน็ตกำลังวอร์ร่างกายอยู่ 

    ก่อนที่นาธานจะดึงสายตากลับมา เมื่อเอเดรียนและนีโน่เดินเข้าไปทักอัลย่าและมาริเน็ต ฉันที่เดินมาส่องข้างหลังนาธานจึงเห็นท่าทางของเขาทุกอย่าง 

    เมื่อเดินมายืนข้างๆฉันถึงเห็นใบหน้าเศร้าๆของเขาจากด้านข้าง 

    "เป็นอะไรหรือ?"

    เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเมื่อรู้สึกเหมือนไดอาน่าเข้ามาใกล้มากเกินไป 

    "นายดูเศร้ามากๆ มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรือ?" ไดอาน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง  พร้อมยื่นมือเข้าไปแตะที่หน้าผากเด็กหนุ่มเงียบๆ

    นาธานนิ่งไปเมื่อได้มองสบดวงตาสีฟ้าครามของหญิงสาวได้ชัดๆ นาธาเนียลพยายามมองลึกเข้าไปถึงเจตนาแอบแฝงของไดอาน่าว่าสิ่งที่เธอทำดีกับเขานั้นได้มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า.. 


    "เปล่าหรอกไม่มีอะไร.. มันก็แค่เรื่องเดิมๆน่ะออกจะไร้สาระด้วยซ้ำ"  นาธานเบี่ยงตัวออกจากมือนุ่มพร้อมเอ่ยยิ้มบางๆ 

    สีหน้าเจ้าตัวดูดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครเป็นห่วงเขา..

    "ฉันชอบฟังเรื่องไร้สาระนะ มาเถอะ ฉันเป็นผู้ฟังที่ดีได้นะบอกเลย" เธอดึงมือเด็กหนุ่มให้ลงมานั่งใต้ต้นไม้ด้วยกัน

    "ทำไมเธอถึงได้ทำดีกับฉันจัง" นาธานเอ่ยถามข้อสงสัยตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว ชายหนุ่มไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เธอจะได้จากเขาเลยสักนิด 

    เพราะเขาดูเป็นคนเงียบๆและโลกส่วนตัวสูง ทำให้ใครๆต่างไม่ค่อยอยากมาคุยกับเขาเท่าไหร่ มีเพียงกระดาษและดินสือในมือเท่านั้นแหละที่อยู่เป็นเพื่อนทุกเวลา


    "ไม่รู้สิ.. ก็แค่รู้สึกว่าปล่อยไปไม่ได้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะนิยามความรู้สึกนี้ว่ายังไง...?" 

    ไดอาน่าก็ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้นาธานอยู่คนเดียว แต่เมื่อเห็นนาธานเสียใจเธอก็รู้สึกแย่แปลกๆแถมเป็นห่วงทั้งที่ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น 

    "ถ้านายรู้ก็ช่วยบอกฉันหน่อยนะ" เธอว่ายิ้มๆพร้อมยังมีอารมณ์มาแหย่นาธานต่อ

    "เธอจะบ้าเหรอ ตัวเธอเองยังไม่รู้เลยแท้ๆ" นาธานถอยหายใจเหมือนตัวเองกำลังเอือมระอาฉันยังไงไม่รู้? คิดไปเองใช่มั้ย? 

    อย่างนาธานน้อยของเธอนี้นะ?

    จะว่าไป..รู้สึกว่านาธาเนียลจะสนทนากับเธอได้ลื่นไหลแล้วนะ ไม่มีอาการพูดสะดุดติดเป็นคำๆแล้วด้วย..

    แถมไม่ทำท่าอยากจะหนีเธออีกครั้งเลยด้วย นี่เรียกได้ว่าพวกเราสนิทกันไปอีกคืบแล้วหรือยังนะ?

    อื้มมมม

    เด็กสาวกลับมาทำท่านึกต่อ เธอเลือกที่จะไม่บอกนาธาเนียลดีกว่า เดียวเจ้าตัวรู้แล้วจะกลับมาติดอ่างเหมือนเดิม

    ในขณะที่เด็กหนุ่มหยิบน้ำกระติกมาดื่มแก้กระหาย แต่นัยน์ตาสีน้ำทะเลก็แอบเหลือบมองเด็กสาวข้างๆอยู่ตลอด

    ยิ่งได้คุยกับไดอาน่ามากเท่าไหร่ ตัวเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างข่าวลือไปซะหมด...ไม่ได้ดูหยิ่งและเข้าถึงยากแต่ก็อ่านความคิดเธอไม่ออกเลย 

    "อ้อ ฉันรู้แล้ว!" เสียงหวานร้องแทรกความคิดขึ้นมา

    นาธานกลับมาแกล้งดื่มน้ำต่อทำท่าไม่สนใจ


    "หรือว่าฉันจะชอบนายกันนะ?" ไดอาน่าพูดสันนิฐานออกมาพร้อมทำหน้าจริงจัง ทำให้นาธานที่รอฟังอยู่ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม

    อึก! แค่ก!

    "อะ แค่กๆ ค่อก! อะไร อึก นะ!?"

    เสียงไอค่อกแค่กของคนข้างๆไม่ได้ทำให้ไดอาน่าตกใจ เธอเพียงเลิกคิ้วมองเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะเป็นแบบนี้

    ท่าทางเช่นนั้นไม่เหมือนคนกำลังสรภาพรักคนอื่นไปหยกๆเลยสักนิด ทำให้นาธาเนียลรู้แล้วว่ากำลังโดนไดอาน่าแกล้งอยู่

    "นะ นี่..แกล้งกันเรอะ!" ใบหน้าเด็กหนุ่มหอบทั้งน้ำตาเล็ดและแดงกร่ำจนแยกไม่ออกว่ากำลังโกรธหรือเขินกันแน่ เขาเม้มริมฝีปากแดงตัวเองแน่นก่อนจะหันควับหนีเหมือนงอนเธอ

    "ฮ่าๆๆ ก็นายมันน่าแกล้งนี่นา อุ๊บ...!" เธอหยุดพูดเมื่อเห็นสายตามองค้อนหยั่งกับผู้หญิงของนาธาน เธอยิ้มแห้งทันทีเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่เล่นด้วย 

    "แหะๆ ขอโทษนะจะไม่แกล้งแล้ว เอาผ้าเช็ดหน้าฉันไปใช้สิ" เธอว่าพร้อมสะกิดไหล่เด็กหนุ่ม ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เอาไปซับน้ำที่หก 

    ชายหนุ่มก็รับความหวังดีไปแบบไม่อิดออดเลยสักนิด  แถมเหมือนเธอจะได้ยินนาธานแอบกระซิบบ่นเบาๆว่ามันสมควรต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว..

    อื้ม..

    'นาธาน...นี่นิสัยจริงๆของนายใช่มั้ยเนี่ย?' 

    "เธอนี่มัน..ไม่เหมือนอย่างภาพลักษณ์ตัวเองเลยสักนิด หัดทำตัวเรียบร้อยหน่อยสิ" เสียงบ่นของนาธาเนียลยังคงดังมาให้ได้ยิน ฉันแทบยิ้มเหย...เมื่อประโยคนาธานฟังดูคุ้นๆอย่างกับโดนพี่ชายที่บ้านพูดอยู่ทุกวัน

    หมอนี้บ่นอย่างกับพี่เซดลิกเวอร์ชั่นสองเลยนะเนี้ย แต่ออกเบบี๋หน่อยเพราะว่ารายนั้นบ่นพร้อมปล่อยอ่อร่าน่ากลัว..

    "หื้ม ผ้าเช็ดผ้านี้มัน.." นาธานจับผ้าเช็ดหน้าที่มีลวดลายดอกไม้แปลกตา บนผืนผ้านั้นปักได้ระเอียดดีมากอย่างกับมืออาชีพ

    "ผ้านั้นฉันปักเองน่ะ ทำเป็นงานอดิเรก" 

    "สวยดี" 

    นาธานเอ่ยอย่างยอมรับ พร้อมเอ่ยขอยืมมาเป็นแบบวาดรูป ฉันก็ยิ้มแก้มปริน่ะสิคะ! แต่ขณะที่กำลังมองนาธานหยิบภาพสเก็ตมาวาดรูปผ้าเช็ดหน้าในมือ 

    ดวงตากลมโตของเด็กสาวสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เธอไม่แน่ใจนักแต่ก็ลองยื่นมือไปจับดู เป็นจังหวะเดียวกับที่นาธานสะดุ้งก่อนจะหันมาคว้ามือเธอไว้

    "ทำอะไรน่ะ!" 

    ปลายนิ้วที่กำลังแตะผมของชายหนุ่มอยู่หยุดทันทีที่เจ้าของรู้ตัว ดูท่าเธอจะแกล้งจนเด็กแถวนี้ระแวงชะแล้วสิ

    "ฉันเห็นอะไรขาวๆเหมือนผมหงอกบนหัวนายน่ะสิ ให้ฉันดึงออกให้มะ" ไดอาน่าพูดพร้อมทำมือเหมือนคันไม้คันมือ 

    เหมือนเธอจะเห็นผมหงอกบนเส้นผมสีแดงเพลิงของเขาด้วยล่ะ 

    น่าแปลก....ไม่ใช่ว่านาธานอายุ14เท่านั้นเองหรอกเหรอ? ทำไมมีผมหงอกเร็วจังละ

    "มะ ไม่ล่ะ"

    "เอาน่าฉันช่วย"

    นาธานรีบหลบมือเด็กสาวทันควับเมื่อไดอาน่า พยายามจะเข้ามาจับผมเจ้าตัว ใบหน้าเด็กหนุ่มเริ่มแดงก่ำเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 

    "อยะ อย่า.."  


    "อย่านะ!"


    กึก

    ไดอาน่าหยุดชะงัก พร้อมจ้องนาธานเหมือนสื่อคำถามว่าเมื่อกี้นายพูดเหรอ นาธาเนียลก็ส่ายหัวดิกก่อนที่พวกเธอจะพยายามมองหาที่มาของเสียง 




    ตัดเพราะยาวเกิน
    ++++++++++++++++++++++100%++++++++++++++++++++++++++

    ฉากบู๊เอาเป็นตอนหน้าแล้วกันนะ 

    อยากให้เห็นถึงความพัฒนาความรู้สึกของตัวละคร สามารถติบอกไรท์ได้นะว่ามันแปลกๆตรงไหนบ้าง ไรท์จะเก็บไปพิจารณาแล้วพัฒนาให้ดีขึ้น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×