ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #14 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่13 : Creative Dram 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      408
      11 ต.ค. 61


    (โน๊ตบุ๊คมีปัญหาเลยต้องทยอยอัป....ที่หายไปนานเพราะไปเคลียร์วิจัยมาค่ะ)



    [เป็นคนเล่นนอกบทดื้อๆไม่พอ 
    .
    .
    .
    บทจะดึงบทจบก็จบเลยดื้อๆงั้นเหรอ!]





    "วันนี้กลุ่มพวกเธอจะมานำเสนออะไรจ๊ะ" 


    "พวกเราจะมาแสดงละครสั้นๆที่เรียกว่า'Creative Dram*'ค่ะ"  ครูสาวพยักหน้าเข้าใจพร้อมทั้งจดบันทึกเอาไว้บนแล็ปท็อป 


    "เริ่มได้เลยจ๊ะ" ครูบัสเทียร์ส่งสัญญาณให้เริ่มแสดงได้ ฉันก็ผละออกจากเอเดรียนหันหน้าไปที่บานประตู 


    ก่อนที่เธอจะสูดหายใจเข้า เพื่อสวมบทบาทเป็นคุณหนูเอาแต่ใจขี้วีนอีกครั้ง 


    วันนี้ฉันสวมกระโปร่งระดับหัวเข่าและรองเท้าที่มีส้นสูงหน่อย ทำให้ตัวเธอตอนนี้ดูเหมือนนางแบบร่างเพียว เวลาเธอเดินย่างเท้าแต่ละก้าวจึงดูน่าหลงใหลและดูสูงศักดิ์มากขึ้น 


    เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมใบหน้าที่เชิดขึ้นเล็กน้อยพองาม เรียวคิ้วได้รูปที่ขมวดกันมุ่ยเล็กน้อย จนเห็นนัยน์ตาสีฟ้าครามที่ดูเย็นชากำลังตวัดหันไปมองร่างสูงข้างหลัง 


    "นี่คุณน่ะ!? ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือยังไงห๊ะ" เสียงหวานที่แปลกไปจากทุกที เพราะไม่ใช่แค่สีหน้าและนิสัยที่เปลี่ยนไปเท่านั้น มันรวมถึงเสียงของเด็กสาวที่กดจนดูแหลมกว่าปกติ มือเรียวสะบัดผมตัวเองเบาๆเหมือนกำลังดูหงุดหงิด มืออีกข้างก็เค้าเอวตัวเองเอาไว้ 


    แต่เมื่อความอดทนที่มีหมดลงไป หญิงสาวก็เดินตรงเข้าไปหาก่อนที่จะกระชากแขนชายหนุ่มจนเซ

    โว้ว


    เสียงอุทานดังมาจากแถวคนดู พวกเขาต่างตื่นตาตื่นใจกับสีหน้าที่ดูหยิ่งยโสของไดอาน่า ใบหน้าที่ดูสวยหวานเมื่อสักครู่ได้เปลี่ยนเป็นคนละคนจนพวกเขาแทบอยากจะขยี้ตา 


    เพียงกระพริบตาไดอาน่าคนนั้นก็กลายเป็นคุณหนูที่ดูนิสัยขี้วีนหัวรุนแรงไปซะแล้ว แถมเธอทำได้เป็นธรรมชาติมาก จนใครต่างเผลอคิดไปว่านี้อาจจะเป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งของไดอาน่า ซีมัวร์ก็ได้


    เพื่อนในห้องจึงต่างตั้งใจดูกับการแสดงนี้กันเต็มที่ 


    "คะ ครับ คุณผู้หญิง มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับ" น้ำเสียงทุ้มที่ดูประหม่าตอบกลับอย่างกระท่อนกระแท่น ใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูตื่นตระหนก เขากำลังยืนตัวตรงจนเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ยามเมื่อร่างบางเดินเชิดหน้าเข้ามาใกล้ 


    "ไม่มีแล้วฉันจะถ่อมาที่นี่ทำไมกันยะ!" เสียงหวานตอบเสียงกระแทกเหมือนเตรียมระเบิดอารมณ์ใส่สุดๆ ก่อนที่หญิงสาวจะชี้นิ้วเรียวไปที่ข้างโต๊ะของครูสาว 


    ดวงตาคมชัดของเด็กสาวถลึงตามองอย่างหงุดหงิด

    "เจ้าโง่! ตอบฉันมาซิ! ว่าทำไมรองเท้าสุดแพงของฉันถึงได้ไปนอนกองที่ถังขยะได้ ไม่ใช่ว่าฉันสั่งให้คุณเอารองเท้าเก่าไปโยนทิ้งหรือยังไง!? นี้คุณไม่รู้หรือยังไงว่าคู่ไหนที่ตกรุุ่นคู่ไหนที่มาใหม่!"


    "ตะ แต่ รองเท้าของคุณหนูมีหลายคู่ ผมจึงไม่รู้ว่าคู่ไหนที่-คุณหญิงว่า.. แล้วรองเท้าเก่าที่คุณหนูบอกมันเพิ่งส่งมาเมื่อสามวันก่อน..."


    "คุณกล้าเถียงฉันเหรอ!" สิ้นประโยคตวาดของหญิงสาว ไดอาน่าก็ทำการตบไปที่แก้มชายหนุ่มจนหน้าหันตามแรงมือ 


    พรึ่บ!

    !?

    ท่าทางมันดูรุนแรงจนเพื่อนต่างเบิกตากว้างขึ้น บางคนที่มีนิสัยอ่อนโยนอย่างโรสยังคงต้องยกมือปิดปากกลั้นเสียงอุทานไว้ 


    ทว่ากลับไม่มีเสียงของความรุนแรงของแรงตบเมื่อสักครู่ 


    ทำให้เพื่อนในห้องเริ่มโล่งอก เมื่อรู้แล้วว่าเมื่อกี้คือการแกล้งตบอย่างหลอกๆ แต่เพราะมุมมองและการขยับตัวของทั้งคู่ที่ดูเข้าขาและสมจริง ทำให้พวกเขาเผลอหลงลืมไปชั่ววูบว่ากำลังแสดงละครกันอยู่ 


    "ฉันนึกว่าใบหน้าของเอเดรียนจะมีแผลซะแล้ว"  เสียงพูดของใครสักเอ่ยออกมาอย่างเผลอตัว ก่อนที่จะกลับไปสนใจการแสดงอีกครั้ง 


    "นายทำผิดแล้วยังมากล้าเถียงฉันอีก ไม่รู้หรือยังไงว่าฉันเป็นใคร! ฉันเป็นเจ้านายของที่นี่!" 


    "ผะ ผมขอโทษด้วยครับ..! ผมสะเพร่าเองได้โปรด..ยกโทษให้ด้วยครับ! เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษด้วยจริงๆครับ" เอเดรียนก้มหน้าและโค้งตัวขอประทานอภัยกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดไป น้ำเสียงของเขาเว้าวอนอยากให้หญิงสาวตรงหน้าให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง


    "หึ! ขนาดแค่รองเท้ามียี่ห้อยังดูไม่เป็น แล้วมีหน้าจะมารับใช้ฉันอีก!" 


    หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก ยิ่งตัวชายหนุ่มก้มหน้าลงต่ำมากเท่าไหร่..ยิ่งทำให้ดวงตาว่างเปล่าคู่นั้นปรากฎแววตาดูสมเพชมากขึ้น 


    ก่อนที่เสียงเย็นชาของหญิงสาวจะเอ่ยตัดความหวังสุดท้ายของชายหนุ่มทิ้งไป 


    "ฉันจะบอกคุณพ่อให้ไล่คุณออก! แล้วอย่าสะเออะมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!" หญิงสาวผมสีเงินหรี่ตาลงมองเขาด้วยสายตาดูถูก เด็กหนุ่มชะงักไปที่ได้ยินเช่นนั้น เขาหันกลับมาด้วยดวงตาที่ดูสั่นไหว


    "ผมขอโทษครับคุณผู้หญิง! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก แต่...อึก! แต่อย่า-ได้โปรดอย่าไล่ผมออกไปเลยครับ!" 


    ชายหนุ่มเดินมาแตะแขนหญิงสาวอย่างกระวนกระวายใจ เสียงเขาเอ่ยอย่างแหบพร่าแลดูสิ้นหวัง ทำให้เพื่อนในห้องรู้สึกทรมานใจ เมื่อเห็นหนุ่มสุดฮอตของห้องตาเริ่มแดงแล้วชื่นด้วยน้ำใสเล็กน้อย 


    "ไม่นะเอเดรียน!? นั่นเขาจะร้องไห้จริงๆหรือเปล่า"


    "โอ้ว น่าเห็นใจจัง" 


    "พวกเขาแสดงดีมากจนฉันเผลออินตามไปเลย"


    "ไดอาน่าจะใจร้ายไปแล้วนะ!"


    ก่อนที่จะพร้อมใจกันมองหญิงใจร้าย(ไดอาน่าแอบเสียวสันหลังวูบ) ที่บังอาจทำหนุ่มหล่อของห้องต้องเกือบหลั่งน้ำตา


    ความคิดเห็นดังออกมาจากปากของเพื่อนในห้อง พวกเขากระซิบกระซาบกันใส่อารมณ์เล็กน้อยในตอนพูด ก่อนจะพากันมองอย่างลุ้นละทึกหวังให้หญิงสาวหายโกรธแล้วให้อภัยชายหนุ่มสักที


    พวกเขาไม่อยากเห็นสีหน้าเจ็บปวดของชายหนุ่มอีก


    ..แต่เหมือนคำขอของพวกเขาจะไม่เป็นจริง


    ไดอาน่าแอบเหลือบมองสีหน้าของเพื่อนร่วมห้อง ในใจก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ทำให้เพื่อนๆอินตามเนื้อเรื่องได้ คิดถูกจริงๆที่แกล้งหยิกเอวเอเดรียนลับหลัง เพื่อจะให้เขาน้ำตาคลอด้วยความเจ็บ 


    คนอื่นคงคิดว่าเอเดรียนแกล้งบีบน้ำตาแบบสั่งได้ แต่ที่ไหนได้..น้ำตาเขาจะไหลจริงไม่ได้อินแสดง! 


    คงมีแค่ฉันกับคุณพระเอกเท่านั้นแหละที่รู้ แวบหนึ่งที่ฉันแอบเห็นแววตาของเอเดรียนดูเป็นประกายวาวโรจน์เพียงเสี้ยววิหนึ่ง แต่เธอไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ 


    ดูเหมือนว่าเขาอยากจะแกล้งฉันคืนมาก เพราะว่าฉันแอบหยิกเขามันไม่ได้มีอยู่ในบทน่ะสิ!? แน่นอนว่าความคิดที่จะซื้อคะแนนเห็นใจจากคนดูก็เพิ่งคิดขึ้นมาสดๆโดยฉันเอง...


    ในใจตอนนี้แอบสวดภาวนา..ไม่ให้เด็กหนุ่มคิดอะไรพิเรนๆขึ้นมาในระหว่างแสดง ที่ฉันทำแบบนี้เพื่อคะแนนพวกเราหรอกนะเอเดรียน 


    ไม่เข้าใจฉันบ้างเลย-แค่ก แถสีข้างแทบถลอก 


    "อย่ามาแตะตัวฉัน!" เธอตวาดใส่เขาอย่างรับไม่ได้(ในใจ : คุณพระเอกยกโทษให้ฉันด้วยเถอะค่ะ!) ก่อนที่ฉันจะง้ามแขนขึ้นสูงแล้วตบแก้มเขาอีกครั้ง..แน่นอนล่ะว่าเอเดรียนเขาแกล้งทำเหมือนว่าเธอตบมาอย่างรุนแรงเช่นเคยเพราะพวกเราเตี้ยมกันไว้แล้ว 


    แอบได้ยินเสียงสูดหายใจจากที่นั่งคนดู พร้อมเสียงกัดฟันกรอดๆเหมือนอดทนของใครสักคน...


    เฮ้พวก!? ใจเย็นก่อนนะนี้มันแสดงนะ ท่องเอาไว้นี้คือการแสดง! อย่าเพิ่งไปหยิบของทำท่าจะปาลงมาทางนี้


     "อี๋..นายมันน่าขยะแขยง" ขณะที่ในใจน้ำตาตกในเมื่อเห็นเพื่อนในห้องมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เหมือนกับว่าถ้าฉันตบหน้าสุดหล่อของเอเดรียนอีกครั้ง ต้องมีใครสักคนอยากจะลงมาบีบคอเธอแน่


    ฉันยื่นมือหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อออกมาเช็ดมืออย่างรุนแรง ก่อนที่จะปาทิ้งใส่หน้าคุณพระเอกที่กำลังยืนอย่างอดทน
     

    ดวงตาสีเขียวของเขากำลังสะท้อนถึงความเศร้าและอัปยศ เขายืนก้มหน้านิ่งไม่ไหวติ่งแต่มือของเขากับสั่นเทาเหมือนอดกลั้นมันไว้มาก 


    "รีบเก็บของแล้วไปให้พ้นหน้าฉันซะ!" เธอเอ่ยก่อนทำท่าจะเดินจากไปอย่างเชิดๆ  แต่แรงกระชากจากข้างหลังทำให้ฉันเซถอยหลัง


    เอ๋ นี้มันไม่มีในบทนี้นา ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนไปตกใจเมื่อเห็นแววตาของคุณพระเอกแลดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมา


    สีหน้าแบบนี้มันเหมือนแคทนัวร์ตอนคิดแผนจะแกล้งเธอในตอนเป็นซิลเวอร์ชัดๆ!


    "หนะ นายจะทำอะไร" เธอส่งเสียงสั่นอย่างตื่นตระหนก เมื่อแขนแกร่งยื่นมาโอบเอวเธอไว้พร้อมดึงไปให้แนบชิดกัน ใบหน้าเธอร้อนพร่าวเมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆมองมาอย่างสนใจ


    ทุกคนคงคิดว่าเป็นการแสดงจึงไม่ได้ทำสีหน้าแปลกใจอะไร 


    "ได้โปรดคุณผู้หญิง อย่าได้ไล่ผมออกไปจากที่นี่..อย่าได้ผลักไสไล่ส่งผมให้ห่างจากคุณ ผมคงจะทรมานแทบขาดใจถ้าต้องได้ห่างคุณไป"


    เสียงกระซิบเอ่ยอย่างเว้าวอนข้างหูทำให้ฉันสั่นระริกด้วยความวูบวาบเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าจะแดงแจ๋ขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว


    "เอ๊ะ? เอ๊ะ?" 


    ฉันยืนทื่ออย่างไปต่อไม่เป็น เมื่อเอเดรียนส่งบทแปลกๆมาให้ สายตาเพื่อนๆในห้องก็เริ่มเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นฉันยืนเฉยๆไม่ได้ทำท่าขัดขืนเหมือนรังเกียจอย่างตอนแรกอีก(ที่จริงไดอาน่ากำลังประมวลผลอยู่จึงไม่ได้ขัดขืน)


    "อะไรน่ะ? ทำไมพวกเขาไปยืนกอดกันเฉยๆละ.." เสียงใครสักคนในที่นั่งคนดูพูดออกมาอย่างสงสัย 



    "เอ๊ะ หรือว่าที่จริงแล้วเนื้อเรื่องพวกเขาเป็นคนรักกัน? แต่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้จักกันหรือเปล่า?"


    "ห๊า ความรักต้องห้ามแบบต่างชนชั้นกันน่ะเหรอ?" 


    "ต๊ายแล้ว! ทำไมโรแมนติกจัง!" เสียงโรสแน่ๆที่พูดประโยคนี้ เพราะมีคนเดียวที่ดูตื่นเต้นถ้าเป็นเรื่องความรัก


    ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใครแต่เหมือนกระแสตอบรับจะดีนะ? ฉันที่ประมวลผลได้แล้วว่าเอเดรียนคิดจะเล่นบทอะไร เธอก็แกล้งขัดขืนเล็กน้อยให้พอดูงาม(?)พร้อมเอ่ยตวาดที่ปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนลง(?)


    "ปล่อยฉันนะ! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาแตะฉัน..  ฉัน...ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว" ใบหน้าเธอดูเจ็บปวดไม่ต่างจากอีกคนเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เสียงตอบรับจากที่นั่งคนดูดีมากขึ้น


    เอเดรียนกระชับแขนตัวเองมากขึ้น จนฉันชะงักเพราะแผ่นหลังแนบชิดกับอกเขาสุดๆไปเลย


    อ๊ากกกก ฉันทำพลาดที่ตรงไหน ทำไมเนื้อเรื่องตอนจบถึงเป็นแบบนี้ไปได้เล่า


    "ผมขอโทษ...ผมจะไปให้พ้นหน้าคุณก็ได้ ผมจะไม่ไปรบกวนคุณอีก..ผมแค่อยากเห็นว่าคุณจะมีความสุขดี..กับคู่หมั้นคนนั้น"

    ประโยคสุดท้ายคำว่าคู่หมั้นที่ชายหนุ่มพูดขึ้นมาทำให้เสียงรอบข้างดังขึ้นอย่างเห็นใจ  


    "หยุดนะ! ตอนนี้พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว" เหมือนกับว่าหญิงสาวเพิ่งได้สติ เธอพลักเขาออกพร้อมตบหน้าเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เอเดรียนไม่ได้ระวังตัวเพราะไม่ได้เตี้ยมกันไว้ก่อน จึงได้ยินเสียงเพี๊ยะดังออกมาเบาๆ


    หลังจากได้ยินเสียงเล็กน้อยแค่สองคน เอเดรียนที่ชะงักไปกับฉันที่หน้าซีดลง ฉันนึกว่าเขาจะหลบเหมือนทุกทีนี้!?

    พรึ่บ!

    นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยเย็นชาเบิกกว้างขึ้นกลับมาดูสดใสอีกครั้ง ก่อนที่หญิงสาวจะรีบเข้าไปลูบแก้มข้างที่ตบไปอย่างกระวนกระวายใจ โดยที่หลงลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังแสดงละครกันอยู่


    "ขอโทษ.. ฉันขอโทษ" เสียงหวานเอ่ยอย่างเป็นกังวล เรียวคิ้วเธอขมวดมุ่ยขณะที่จ้องแก้มที่ขึ้นสีแดงเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่เห็นแต่ถ้าขึ้นสีแดงก็แปลว่ามันน่าจะเจ็บแน่ๆ 


    "เจ็บไหม..อะ"


    ก่อนที่ไดอาน่าจะชะงักนิ้วมือ เมื่อดวงตาสีฟ้าของเธอสบกับดวงตาสีเขียวที่มองมาอย่างยิ้มๆ ต่างจากสีหน้าอมทุกข์เมื่อกี้ เธอจึงรู้แล้วว่าเผลอหลุดบทคาแรคเตอร์ของตัวเอง  

    อา!?

    เสียงอุทานเล็กๆเมื่อฉันที่กำลังก้าวขาถอยหลังเพื่อกลับไปตั้งหลักใหม่ แต่เธอรีบเกินไปจึงพลาดล้มลงพร้อมดึงเอเดรียนลงมาด้วย เธอหลับตาลงอย่างหวาดเสียวตอนล้มลงแต่มันไม่เจ็บเท่าไหร่ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับใบหน้าเนียนใสของคุณพระเอก ที่เข้ามาใกล้กันมากจนเธอแทบลืมหายใจ

    "แค่เพราะฉันยอมปล่อยคุณไป  ไม่ได้แปลว่าฉันต้องการให้มันจบลงอย่างนั้น" 

    อยู่ๆเอเดรียนก็พูดคำคมขึ้นมาทำให้ฉันชะงักค้าง...เพราะมันเป็นบทคำพูดตอนจบ! 

    เธอจะไม่ตกใจเลยถ้ามันไม่ใช่บทพูดก่อนที่ตัวเอกชายจะจูบลงมา!? 

    เป็นคนเล่นนอกบทดื้อๆไม่พอ บทจะดึงบทจบก็จบเลยดื้อๆงั้นเหรอ!


    ไม่ต้องคิดมากความเมื่อเอเดรียนเขาก้มหน้าลงหลังพูดจบ พร้อมกับเธอที่ตาโตขึ้นเรื่อยๆเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนนุ่มๆแตะบนริมฝีปากทาบทับลงมา...มันอุ่นร้อนและสัมผัสได้ชัดเจนกว่าเมื่อครั้งนั้นที่แตะแล้วผละออก 


    มันเป็นเพียงการแช่ค้างไว้อยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอรู้สึกว่าเวลามันช่างดูเชืองช้าลงจนรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยกำลังบินวุ่นไปทั่วท้อง 


    หัวใจเต้นระรัวจนรู้สึกหมดแรงขึ้นมาดื้อๆแม้แต่แรงที่จะพลักเขาออกตามบทก็ไม่มี  


    เมื่อเขาผละออกเธอก็ยังคงจ้องดวงตาสีเขียวสดตรงหน้าไม่กระพริบ เหมือนสติได้หลุดลอยไปแล้ว...


    "ได้โปรด อย่าลืมฉัน" 


    เสียงทุ้มพูดอย่างเจ็บปวดเอเดรียนยังมีใจมาเล่นละครต่อ ก่อนที่เขาลุกขึ้นพร้อมเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงประตูห้องเรียนปิดลงไปจริงๆ ทำให้ฉันได้สติค่อยๆลุกขึ้นมา เธอเหม่อมองตามประตูเหมือนคนสับสน ก่อนที่จะยกมือยื่นมาแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ


    ท่าทางนี้เธอทำไปอัตโนมัติไม่ใช่เพราะแสดงตบตาคนดูแต่อย่างไร แต่กลับได้ยินเสียงร้องกรี๊ดเหมือนเขินอายมาจากที่นั่งคนดู

    แน่นอนว่าทุกอย่างถูกสายตาคนในห้องมองตามทุกการกระทำ ทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้เรากำลังแสดงละครเพิ่งจบไป ประจวบเหมาะกับเอเดรียนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่อีกครั้ง เราสองคนสบตากันนิ่งอย่างเขินๆนิดหน่อย


    ก่อนที่ฉันและเขาจะเดินมาขนาบข้างกันแล้วโค้งตัวลง แล้วเอ่ยประโยคเรียกสติจากทุกคน


    "ขอจบการแสดงแต่เพียงเท่านี้ครับ/ค่ะ"

    พวกเรายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง


    หลังจากที่พร้อมใจกันเอ่ยจบประโยค เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมารัวๆโดยเฉพาะนีโน่ที่ดูชอบอกชอบใจมาก เขาถึงขนาดส่งเสียงเชียร์ให้เอาอีก


    "จบแล้วเหรอ? ทำไมจบเศร้าจังเลย..หลังจากนั้นจะเป็นไงต่อฉันอยากให้พวกเขาสมหวังกันจัง"  โรสพูดออกมาอย่างเศร้าๆ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ปรบมือให้เสียงดังมาก


    แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้ปรบมือให้


    "ขอโทษทีนะ..! แต่นักเรียนได้รับอนุญาตให้จูบกันในสถานศึกษาด้วยหรือไง!?" โคลอี้ตบโต๊ะทีหนึ่งอย่างรับไม่ได้แล้วจ้องมองมาที่เอเดรียนและไดอาน่าเหมือนจับผิด 


    ฉันแอบถอนหายใจทีหนึ่ง... ทำไมโคลอี้ไม่ท้วงตอนที่ตัวเองจูบและลูบคลำแต๊ะอั๋งเอเดรียนบ้างล่ะ ทีตอนนี้มาทำเป็นพูดนะ  


    "ถ้ามันเป็นการแสดงก็ไม่เป็นอะไร แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นเวลาปกติที่โรงเรียนคือห้ามนะจ๊ะ"  คุณครูบัสเทียร์กล่าว ก่อนที่จะหันมาทางเราพร้อมเอ่ยชมสองสามประโยค


    "สมกับที่ครูคาดหวังไว้ ไดอาน่าและเอเดรียนแสดงออกมาได้สมจริงกับตัวละครมากเลยจ๊ะ ดูมีมิติและหลากอารมณ์ในตัวละครตัวเดียว พวกเธอดึงออกมาได้ดีมากจนครูอินตาม ตรงนี้ครูจะเพิ่มคะแนนให้"


    ครูสาวพูดจบก็ตวัดเมาส์ปากกาในมือขีดเขียนลงในแล็ปท็อปไปมา มีAตัวโตๆขึ้นบนหัวกระดาษ นอกจากจะได้คะแนนเต็มแล้วยังได้คะแนนเพิ่มอีก5คะแนนจากความคิดสร้างสรรค์ 


    "เย้! สำเร็จ!" ฉันกับเอเดรียนพูดขอบคุณครูบัสเทียร์อย่างดีใจ ก่อนที่พวกเราจะหันมาตบมือกันกับความสำเร็จ


    เมื่อกี้ฉันเกือบชูกำปั้นไปให้เอเดรียนพร้อมพูดคำว่าปอนด์! ดีนะที่ไหวตัวทันเปลี่ยนเป็นตบมือแทน 


    ความเคยชินมันช่างน่ากลัวจริงๆ..


    ต่อมาการแสดงของนีโน่และอัลย่าก็เป็นคู่ต่อไป ครั้งนี้ฉันไม่พลาดอัดวิดีโอของคู่ชิปที่เธอเชียร์ไว้ นีโน่และอัลย่าได้แสดงเป็นฮิโร่และคนที่ได้รับความช่วยเหลือ แน่นอนว่าคนที่แสดงเป็นฮิโร่คืออัลย่า


    ฉันนั่งดูคู่นี้เพลินๆก่อนที่คู่ต่อมาจะเป็นโคลอี้กับอีวาน ที่เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรพิเศษเท่าไหร่ นอกจากบอกถึงความเฟอร์เฟคของโคลอี้ ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงเมืองหนึ่งที่งดงามและรำรวยเพียงใด...


    ขนาดดูจบแล้วฉันยังเผลอขบคิดอยู่เลยว่า การแสดงของโคลอี้กำลังสื่อถึงอะไรกันแน่ นอกจากบอกถึงความเพียบพร้อมของเจ้าหญิง?

    30%


    ********

    หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย 


    นีโน่ก็มาลากเอเดรียนออกไปข้างนอกแล้ว เหมือนว่านีโน่อยากจะถามอะไรเอเดรียนสักอย่าง ส่วนฉันก็เดินไปหานาธานเพื่อจะชวนเขาไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน 


    "นาธานนายเลือดกรุ๊ปอะไร?" ระหว่างที่จิบน้ำพลางๆ เธอก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา


    "อืม..น่าจะกรุ๊ปบีมั้ง? เธอล่ะ?" นาธาเนียลถามกลับขณะที่เขากำลังม้วนสปาเก็ตตี้ในจาน ก่อนจะชะงักมือเมื่อช้อนของเพื่อนสาวยกขึ้นมาจ่อตรงหน้าเขา


    "เหมือนกันเลย!..ฉันก็กรุ๊ปบีนะ แล้วรู้ไหมว่าใครๆก็บอกว่าเลือดกรุ๊ปบีเป็นพวกขี้แกล้งล่ะ!"  ไดอาน่าพูดเสียงอารมณ์ดีเหมือนกับเธอภูมิใจกับตัวเองมาก ก่อนจะมองนาธานด้วยสายตาแฝงความนัยบางอย่าง..


    แต่เด็กหนุ่มทำหน้ายิ้มเพลียก่อนจะส่ายหัว เพราะเขารู้ว่าเธอกำลังสื่อว่าเขาอาจจะร้ายลึกๆก็ได้...?


    "ไม่ใช่หรอกมั้ง..ฉันไม่ยักเป็น" นาธานเอ่ยเสียงไม่เชื่อ ทำให้ฉันรีบหาข้ออ้างขึ้นมาทันที 

    "เฮ้ นายอาจจะขี้แกล้งคนอื่นแต่เก็บมันไว้ก็ได้ใครจะรู้! ดูอย่าง'เอเดรียน'สิ..เขาขี้แกล้งและอาฆาตแค้นกว่าที่คิด ภายใต้ใบหน้ายิ้มๆของเขา..ในหัวอาจจะกำลังรำคาณและนินทาคนอื่นอยู่ก็ได้นะ

    ประโยคหลังๆเธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะพูดนินทาคุณพระเอกให้นาธาเนียลฟัง พอฟังจบนาธานก็แสดงสีหน้าแบบว่า'อย่างเอเดรียนนี้นะ? ถ้าเป็นเธอก็ว่าไปอย่าง..'

    เห็นสีหน้าเช่นนั้นเธอจุกขึ้นมาทันที 

    "ฉันพูดจริง!" เธอพูดปกป้องตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนชายที่เหมือนว่าฉันกำลังไปว่าร้ายคุณพระเอก...

    ฉันพูดจริงนะ ทำไมตอนพูดจริงไม่มีใครเชื่อฉันล่ะ!

    ทำให้ฉันพูดกรอกหูเขาตลอดกินข้าวเพื่อให้เขาเชื่อ พวกเรานั่งคุยหยอกล้อกันสักพักจนรับประทานอาหารเสร็จ


    ในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินเล่นในโรงเรียนเพื่อรออาหารมันย่อย อยู่ๆนาธาเนียลที่กำลังฟังเธอพูดก็เบิกตากว้างก่อนที่จะเอือมมือมาผลักเธอออกไป


    "ไดอาน่า..! ระวัง!" 


    "อะ!?"



    ตูม!


    แสงสีม่วงพุ่งผ่านร่างเธอไปก่อนที่มันจะกระแทกถูกเด็กหนุ่มผมสีแดงที่พุ่งมาสลับที่กับเธอ ฉันล้มลงกับพื้นก่อนจะเงยหน้ามองอย่างตื่นตระหนก

    "นาธาเนียล!" 

    ฉันกรีดร้องเสียงตกใจเมื่อร่างกายของนาธาเนียลค่อยๆมืดลงจนเป็นสีดำแล้วสลายเป็นละออง...แสงละอองสีดำระยิบระยับนั้นอยู่ๆ มันก็ลอยขึ้นไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวแปลกๆ 

    บนราวระเบียงชั้นสองของโรงเรียนมีร่างหนึ่งที่ยืนลอยตัวอยู่บนนั้น...เธอหรี่ตามองด้วยสายตาคม

    หญิงสาวคนนั้นมีผิวสีเหลืองเหมือนทาขมิ้นทั้งตัว และมีดวงตาวาววับเหมือนพระอาทิตย์ มีผมสีแดงเหมือนเปรวเพลิงร้อนแรง... เสื้อผ้าที่เหลือจรดเท้าถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำ ในมือมีหนังสือเก่าๆเล่มหนา

    ฉันมองตามแสงสีดำ...มันลอยไปที่หนังสือที่ถูกกางเอาไว้ในมือ ก่อนที่หนังสือมันจะดูดซับแสงสีดำที่เธอคิดว่าเป็น'นาธาน'เข้าไปในนั้น

    'อาคุม่าบุกโรงเรียน!?' เธอคิดเช่นนั้นก่อนที่จะกระโดดหลบลำแสงสีม่วงที่ยิงมาอย่างหวุดหวิด แต่นักเรียนคนอื่นไม่ได้โชคดีเช่นเธอ..

    กริ๊ดดดด! ช่วยด้วย

    อย่านะ! 

    จากนั้นเสียงกรีดร้องของเด็กๆก็ดังกันระงม เมื่อหญิงสาวปริศนาภายใต้ชุดคลุมดำไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอได้ส่งสายฟ้าสีม่วงไปที่เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นละอองสีดำเหมือนเมื่อครั้งของนาธาเนียล 

    "รีบไปหาที่ซ่อนเพื่อเปลี่ยนร่างเร็วเข้า!" 

    แจสเปอร์ร้องกระซิบบอก เขาโผล่แค่หัวออกมาจากกระเป๋าสะพายไหล่ของเธอ ฉันพยักหน้าเข้าใจพร้อมรีบวิ่งออกจากเขตอันตรายทันใด ก่อนจะไปแอบอยู่ที่บานประตูในห้องที่ว่างเปล่าไร้คนอยู่

    "tricks out!"

    วาป!

    เสียงหวานเอ่ยก่อนที่แจสเปอร์จะกลายเป็นลำแสงพุ่งใส่กำไลข้อมือ เพียงชั่วครู่ร่างหญิงสาวก็เปลี่ยนร่างตัวเองเป็นจิ้งจอกสาวนามว่าซิลเวอร์ฟ็อกซ์ เส้นผมสีเงินสะบัดไปมาเมื่อหญิงสาวเคลื่อนไหว

    เมื่อเธอโผล่ออกมาก็พบว่าทุกอย่างเงียบสงบแล้ว

    "ฉันมาไม่ทัน!" เธอสถบอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นใครเลย ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องกรี๊เดังมาจากข้างนอก เธอรีบตามออกไปดูทันที ก่อนจะพบว่าข้างนอกโรงเรียนวุ่นวายขนาดไหน...

    ทันใดนั้นหูจิ้งจอกของเธอก็กระดิกสองสามที เธอหันไปตามคลื่นเสียงที่คุ้นเคย มันเป็นเสียงของอัลย่าและเสียงของมาริเน็ต..!

    มาริเน็ต..อ๊ะ มาริเน็ตคือเลดี้บัคนี่นา! ถ้ามาริเน็ตเป็นอะไรไปพวกเราคงกำจัดอาคุม่าไม่ได้แน่ๆ เพราะฉันกับแคทนัวร์ไม่มีพลังชำระผีเสื้อให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

    เธอไม่รอช้ารีบใช้พลังของจิ้งจอกสองหางเพื่อบินขึ้นที่สูง ก่อนจะกวาดสายตาลงมองรอบๆ ห่างจากโรงเรียนไม่ไกลเธอพบสองสาวที่กำลังหลบอยู่ข้างถังขยะ แต่อาคุม่าก็สังเกตุเห็นและกำลังเตรียมโจมตีใส่มาริเน็ตและอัลย่าอยู่พอดี

    พริ้วว!

    ตูม!

    เสียงระเบิดขนาดย่อมๆดังขึ้นมา เมื่อบอลไฟสีส้มไปสกัดกั้นการโจมตีของอีกฝ่าย พร้อมกับร่างสีขาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าเด็กสาวสองคนทันท่วงที สองสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อโดนซิลเวอร์มาช่วยไว้พอดี

    "รีบหนีไปเร็วเข้า! ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน"

    ดวงตาสีทองเหมือนอำพันตวัดมองสองสาวข้างหลังพร้อมเอ่ยสั่ง ก่อนที่จะหันไปรับมือวายร้ายสาวเพื่อถ่วงเวลาให้ทั้งสองคนหนีไป และเพื่อให้มาริเน็ตหาที่ซ่อนเพื่อแปลงร่างเป็น'เลดี้บัค'ด้วย

    "ขอบคุณค่ะ พวกเราจะตามคนมาช่วยอ๊ะ-กริ๊ด!" 

    พูดยังไม่ทันจบประโยคมาริเน็ตก็ร้องออกมาเมื่อจอมวายร้ายเล่นทีเผลอ มือข้างหนึ่งได้ตวัดแส้ฟาดไปข้างหลังเกือบโดนมาริเน็ตและอัลย่า 

    เปรี๊ยะ!

    "อึก!" 

    ซิลเวอร์รีบเอาตัวมารับทันพร้อมสองมือคว้าแส้ที่ตวัดมาอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนที่ฉันจะกระชากแส้ของวายร้ายสาวมาเป็นของตัวเอง แลกมากับมือสองข้างที่ชาจนเจ็บหนึบ 

    'แรงเยอะชะมัด..' เธอคิดในใจเงียบๆขณะที่ตั้งท่าเตรียมต่อสู้

    "รีบหนีเร็วเข้า...แล้วไปตามเลดี้บัค!"  เธอจ้องมองมาริเน็ตอย่างสื่อความหมาย เพราะอัลย่าอยู่ที่นี่ เธอจึงไม่สามารถแสดงท่าทางออกมาได้ 

    มาริเน็ตดูจะเข้าใจเพราะนัยน์ตาสีไพลินเป็นประกายมุ่งมั่นก่อนที่เธอจะพยักหน้า 

    "อื้ม! อดทนเอาไว้นะซิลเวอร์!" คุณนางเอกว่าก่อนที่เธอจะดึงอัลย่าที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปจิ้งจอกสาวฮิโร่คนใหม่อย่างเมามันส์หลบฉากออกไป  

    "ฮึ๊ย เกะกะจริง!"

    พอเห็นว่าเหยื่อนักเรียนสองคนหนีไปแล้ว วายร้ายสาวก็ทำท่าจะเสกแสงสีม่วงตรงมาที่เธอ 

    'แต่มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกนะ!' เธอตวัดแส้ไปพันขาของสาววายร้ายเอาไว้พร้อมดึงลงมา แต่อาคุม่าก็ไม่ใช่หมูๆเมื่อเธอพยายามบินขึ้นสูงเพื่อหนีแรงดึง 

    "ฮึบ! แรงบ้าอะไรเนี้ย!"

    ฉันบ่นขณะที่สองมือจับแส้ในมือแน่นก่อนที่จะแข่งกันยื้อเอาไว้ สองขาพยายามจะก้าวถอยหลังแต่แรงดึงมันเยอะสุดๆไปเลย กลายเป็นว่าเธอกำลังโดนลากแทน 

    "อ๊ะ!"


    ซิลเวอร์พยายามจะดึงต้านตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะฉันก็โดนดึงลากไปอยู่ดี แต่ก่อนที่จะได้ไถลตัวลงไปกองกับพื้นถนน แรงดึงจากข้างหลังทำให้เธอกลับมายืนตั้งหลักได้ใหม่ 

    "โอ๊ะโอ๋!" เสียงอุทานจากข้างหลังทำให้เธอรู้ว่าเป็นใคร แคทนัวร์คว้าเอวจิ้งจอกสาวได้ทันก่อนที่เธอจะโดนกระชากไป เขายื่นแขนมาจับแส้เอาไว้ในมือ ส่วนแขนอีกข้างก็รัดเอวเธอไว้ 

    "ไม่ต้องห่วงแม่หมาน้อย อัศวินแมวของเธอมาถึงแล้ว" แคทนัวร์พูดหยอกล้อขณะที่เขาดึงรั้งเธอไปใกล้เสาไฟข้างๆ ขาข้างหนึ่งของชายหนุ่มเหยียบต้านแรงเอาไว้ก่อนที่จะนำแส้ในมือที่จับแน่นไปพันกับเสา 


    "ขอบคุณคิตตี้" เธอเอ่ยจากใจจริง ถ้าไม่ได้เขาช่วยเมื่อกี้เธอคงหน้าแหกลงกับพื้นแน่ๆ แถมแรงกระชากของวายร้ายก็ไม่ใช่น้อยๆ 

    "เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม" แคทนัวร์หันมาสบตาเธอพร้อมยิ้มหวานหวาดเสน่ห์ใส่....เธอถอนหายใจกับความเจ้าชู้มาไม่ถูกเวล่ำเวลาของเจ้าแมวดำ 

    เธอยิ่งไม่ใช่คนประเภทเลดี้บัคด้วยสิ ยิ่งโดนท้าทายมาเธอก็ยิ่งอยากจะสนองกลับไป ขณะที่กำลังคิดแผนอยู่นั้น ฉันก็ตาเบิกกว้างขึ้นมาเมื่อเห็นอาคุม่าสาวโยนอะไรบางอย่างมาที่พวกเรา 

    "แคทนัวร์ระวัง!" เธอเตือนชายหนุ่มข้างๆให้ระวัง พวกเราสองคนก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง....ก่อนจะพากันหยุดนิ่งเมื่อสิ่งที่อาคุม่าสาวโยนมามันคือหนังสือเล่มหนึ่ง...?

    "หนังสือ?" เธอเอ่ยอย่างสงสัย

    "อะไรกันนึกว่าจะเป็น-"

    แคทนัวร์พูดยังไม่ทันขาดคำ...อยู่ๆหนังสือตรงหน้าก็กางออกก่อนที่หลุมดำจะปรากฎ! 

    "เฮ้ย!" 

    "หวา!"

    พวกเธอตกใจเมื่อมันเริ่มดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในหลุมดำ แคทและฉันที่ไม่ได้ตั้งตัวหาที่ยึดไว้ก็โดนแรงลมจากในหลุมดำดูดเข้าไปข้างในนั้นด้วย 

    "แคทนัวร์! ซิลเวอร์!?"

    ก่อนที่หลุมดำจะปิดเหมือนเธอทันได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเลดี้บัค ที่พยายามจะเข้ามาช่วยแต่หลุดมิติก็ปิดลงไปเสียก่อน ในตอนนั้นแคทนัวร์และซิลเวอร์คิดเป็นเสียงเดียวกันว่า..


    ชิบหายแล้ว... แล้วแบบนี้ใครจะช่วยเลดี้บัคสู้กับอาคุม่ากันเนี่ย!?


    60%

    ฉันกับแคทนัวร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศยังไม่ทันได้ทำอะไร ความมืดรอบข้างก็จู่โจมจนสติหลุดหาย หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป...

    ..........................
    ...........
    ...

    ภายในความมืดที่โอบล้อมห้องมีแสงสว่างดวงเล็กๆสองจุดสว่างขึ้นมา ก่อนที่จะหลับลงแล้วลืมขึ้นมาใหม่

    'โอย....ปวดหัว'

    เสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาภายในห้องที่มืดมิด 

    "ทำไม...ปวดหัวจัง"  เสียงหวานเอ่ยอย่างแหบพร่า..และดวงตาสีอำพันกรอกไปมาอย่างสับสน 

    ก่อนที่มือเรียวจะคลำทางรอบๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ....สัมพัสนุ่มๆแบบนี้..น่าจะเป็นเตียง?

    'เอ๋ ถึงรอบๆมันมืดมากแต่ตาเธอก็ยังคงมองเห็นอยู่ แปลว่าเธอยังไม่ได้คืนร่างกลายเป็นไดอาน่าสินะ'  

    พรึ่บ

    เพราะความสงสัยเธอเลยลองจุดไฟดวงเล็กๆขึ้นมาบนผ่ามือดู แล้วก็เป็นไปอย่างคาดเมื่อเธอยังใช้พลังได้อยู่...

    "ที่นี่ที่ไหน?.."

    เมื่อกวาดสายตามองรอบๆก็ไม่มีคนอยู่ แต่รู้แค่ว่ามันเป็นห้องพักที่ดูมีราคาเกินคาด สายตาเหลือบไปเจอกระเกรียงไฟข้างๆเตียงพอดี เธอเลยลุกไปจุดไฟใส่บนนั้นทำให้ทั้งห้องดูสว่างขึ้นมาก 


    "เราสลบไปนานแค่ไหนเนี่ย...จริงสิ! ก่อนจะหมดสติเธอเห็นเลดี้บัคก่อนที่หลุมมันจะปิดนี่นา..." แล้วยังไงต่อนะ?.. ฉันพยายามนึก "และก็แคทนัวร์ที่โดนดูดมาพร้อมกับเธอเขาไปอยู่ไหนแล้ว!?..." 

    คงไม่ใช่โดนอาคุม่าเล่นงานไปแล้วนะ!

    พรึ่บ!

    ฉันคิดอย่างกระวนกระวายใจก่อนที่จะรีบลุกเพื่อออกไปตามหาเพื่อนร่วมทีม เธอก้มปัดชุดก่อนจะมองอย่างแปลกใจ ชุดที่เธอสวมใส่ตอนนี้มันแปลกประหลาดมาก..เพราะมันไม่ใช่ชุดสูทเหมือนทุกที!?

    เธออยู่ในชุดยาวสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเหมือนสีราตรี เป็นกระโปร่งยาวระดับข้อเท้าที่แหวกขาข้างหนึ่งขึ้น เวลาเดินก็จะเห็นเรียวขาสวยน่ามอง พร้อมกับสวมรองเท้าสีดำเข้ากับชุดที่ใส่


    เธอสับสนแต่ก็เห็นกระจกตั้งแบบเต็มตัวที่ข้างตู้เสื้อผ้า เมื่อเดินไปดูก็เห็นว่าตัวเธอยังคงอยู่ในร่างของซิลเวอร์ที่มีหูและหางสีเงินงวล 

    โอเค...ดวงตายังคงเป็นสีทองสว่างเหมือนสัตว์ป่า และหูกับหางจิ้งจอกยังเคลื่อนไหวได้อยู่ เปลี่ยนก็แค่เสื้อผ้าที่แปลกไปไม่ใช่แบบเดิม

    เธอลูบหน้ากากจิ้งจอกที่ยังคงอยู่บนใบหน้าอย่างโล่งอก..เฮ้อ  ฉันสงสัยจังว่าตัวเองอยู่ที่ไหนทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้ แล้วแคทนัวร์เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว? 

    เธอหยิบเสื้อคลุมที่วางเอาไว้บนเตียงไม่รู้ว่าของใคร มาใส่พร้อมดึงหมวกบนเสื้อคลุมให้ปิดหูจิ้งจอกเอาไว้

    ก๊อก! ก๊อก!

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างรีบร้อน ทำให้เธอผละออกจากกระจกเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่อยู่ๆก็โผล่มาอย่างแปลกประหลาด

    เธอชะเง้อคอไปดูอย่างระแวง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก 

    "โคลอี้...?"  คนที่มาเคาะประตูคือหญิงสาวผมสีบลอนด์ที่มัดผมรวบขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าเข้มมองเธอด้วยความว้าวุ่น 

    "เธอมาทำอะไรที่นี่..แล้วทำไมแต่งตัวอย่างนั้น"  ฉันก้มมองการแต่งตัวที่คล้ายๆตัวเองของโคลอี้อย่างงงๆ โคลอี้มองเธอปริบๆเหมือนกำลังงงว่าฉันกินยาไม่เขย่าขวดมาหรือเปล่า

    "พูดอะไรน่ะ? ฉันก็แต่งตัวแบบนี้ปกติ..ไม่สิ! เรากำลังสายแล้วนะ มากับฉันเร็วเข้า!"

    หมับ!

    "เอ๊ะ เดี๋ยวสิพวกเรากำลังไปที่ไหน"

    "เงียบแล้วตามฉันมา!"

    โคลอี้ตัดบทจบก็คว้าแขนเธอก่อนจะดึงไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว โคลอี้ลากฉันไปไหนสักแห่ง เดินผ่านบันไดวนเวียนและทะลุเปิดประตูโน่นประตูนี้ ฉันมองรอบข้างด้วยความสับสนเพราะข้างนอกมันไม่คุ้นเคยเลย 

    เมื่อพวกเรามาถึงที่ห้องโถงใหญ่ที่ถูกประดับด้วยเทียนหลากหลาย มีหลายคนที่แต่งตัวคล้ายพวกเรากำลังเกาะกลุ่มตามมุมห้อง ฉันจะหันมาถามโคลอี้ว่ามันคืออะไรแต่หญิงสาวข้างกายก็หายไปซะแล้ว 

    เอาฉันมาปล่อยแล้วก็หายไปงี้เลยเหรอ!?

    พรึ่บ!

    ทันใดนั้นอยู่ๆทั้งห้องก็มืดลงจนทุกคนตกใจ ก่อนที่คนอื่นจะได้โวยวายแสงสว่างรอบๆก็กลับคืนมาพร้อมกับร่างเงาปริศนาปรากฎขึ้นกลางห้องโถง 

    ทุกคนส่งเสียงฮือฮามองผู้มาใหม่..ดูเหมือนว่าใครคนนั้นจะดังพอดู

    "นั้นมัน..!" อาคุม่าสาวตอนนั้นนี้!? ทำไมเธอมาอยู่ที่นี้...แล้วเลดี้บัคล่ะ? ฉันจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใจกลางห้องโถงอย่างระแวงระวังเพราะเธอเป็นคนเดียวกับที่ส่งเธอมาที่จักวาลหรือมิตินี้? 

    "ทุกท่าน! ขออภัยที่ตอนนี้ข้าได้เรียกประชุมมาอย่างเร่งด่วน..."  สาววายร้ายคนนั้นตะโกนขึ้นมาเรียกความสนใจ ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มเหยียดเมื่อบังเอิญหันสบตาเธอเข้า 

    คิ้วฉันกระตุกทันที..

    "ข้ารู้แล้วว่าใครกัน...ที่เป็นคนวางยาเจ้าชายนัวร์ของพวกเรา"

    "ใครกัน!?"

    พอหญิงสาวคนนั้นเอ่ยคำว่าวางยา'เจ้าชายนัวร์' ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้นและดูโกรธแค้น ฉันที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือเจ้าชายนัวร์....แต่จากคอนิยายตัวยงโอตาคุอย่างเธอ เหมือนฉันจะรู้สึกลางร้ายกำลังมาเยือนเข้าแล้ว


    "คือเธอคนนั้น!" 

    ฮือฮา ฮือฮา

    แล้วก็เป็นไปดังคาด...ไอ้มุขแบบนี้เธอละเบื่อจัง ขอไปผูกคอตายที่ต้นถั่วงอกได้ไหม..ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้

    อาคุม่าสาวแสยะยิ้มแล้วชี้นิ้วมาที่ฉัน พร้อมกับประชาชนในห้องต่างแหวกทางออก ล้อมฉันเอาไว้เป็นวงกลมเหมือนเตรียมจะกระทืบเธอได้ทุกเมื่อถ้าเกิดฉันหนี

    "พูดอะไรน่ะ! ฉันจะไปวางยาเจ้าชายนัวร์อะไรนั้นของพวกเธอได้ยังไง? แม้แต่หน้าฉันยังไม่รู้จักเขาเลยเถอะ" 

    เธอโบกมือไปมาอย่างไม่ยอมรับ ที่แน่ๆคือเธอคิดแผนหนีเอาไว้แล้วล่ะ เมื่อกี้เหลือบๆเห็นหน้าต่างเปิดอ้าเอาไว้อยู่..ถ้าจวนตัวจริงๆเธอจะบินหนีแม่ง!

    "ทำไมเธอจะไม่รู้จัก.."

    สักพักอาคุม่าสาวก็เสกภาพผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนเตียงกว้างให้ดู ฉันมองอย่างตกใจเมื่อภาพใบหน้านั้นมัน...

    แคทนัวร์ชัดๆ! 

    เจ้าชายนัวร์..หมายถึงแคทนัวร์เองสินะ เข้าใจเล่นดีแฮะ...


    "นี้คือเจ้าชายนัวร์เขาถูกวางยาพิษเพราะเธอไม่นานมานี้ ถ้าไม่ได้รับยาถอนพิษเขาจะเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไป...หรือก็เหมือนกับตายไปแล้วนั้นเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะเขายังพอมีวิธีรอดถ้าได้จุมพิตจากรักแท้" 

    นิยายเรื่องอะไรเนี่ย...

    อาคุม่าสาวบรรยายบอกเธอเสร็จสับอย่างไม่ต้องร้องขอ...เหมือนกำลังเล่านิทานดังๆที่เธอช่างคุ้นเคยผสมกัน ฉันที่หน้ามืดทะมึนไปสี่ส่วนหลังจากที่ได้ยินคำว่าจุมพิตจากรักแท้...

    แต่ขอโทษเถอะ! เลดี้บัคเธอไม่ได้อยู่ที่นี้ แล้วฉันจะไปหารักแท้ของเขามาจากไหน!?

    "จุมพิตจากรักแท้เหรอ แล้วฉันจะไปหามาจากที่ไหน!?" ฉันอดพูดออกมาอย่างหมดหลงทางไม่ได้ ก็คุณนางเอกไม่ได้อยู่ที่นี่อ่ะ แล้วฉันจะไปหารักแท้ของเขามาจากไหน?

    'หรือฉันจะรอคอยความช่วยเหลือจากข้างนอกดี..' 

    เธอเริ่มคิดในใจเงียบๆอย่างขี้เกียจ..เลดี้บัคที่อยู่ข้างนอกจะต้องจัดการอาคุม่าได้แน่ๆฉันเชื่อในสกิลของตัวเอก! หลังจากนี้ขอเพียงเธอไปหาที่หลบภัยสักแห่งรอเงียบๆก็ได้มั้ง.. 


    ชิ้ง!


    ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกถึงจิตสังหารที่เพ่งตรงเข้ามา ทำให้เธอกระโดดหลบอัตโนมัติเมื่อหันกลับมามองที่ๆเคยยืนอยู่ก็กลายเป็นหลุมพิษซะแล้ว...เกือบตายอย่างไม่รู้ตัว ส่วนคนที่เป็นคนโจมตีมาก็หญิงสาวคนเดิมเพิ่มเติมคือหน้าเหี้ยมขึ้น

    "เธอเป็นคนวางยาเจ้าชายนัวร์! เธอต้องไปแก้พิษ! จะทำยังไงก็ได้ไม่งั้นเขาจะไม่พื้นอีกเลย และอย่าหวังว่าจะรอความช่วยเหลือจากคนอื่นเพราะมันไม่มีทางซะหรอก" 

    ไม่รู้ว่าอาคุม่าสาวเธออ่านความคิดฉันออกได้หรือยังไง อยู่ๆเธอก็หันกลับมามองด้วยความโกรธเกรี้ยวเหมือนกับว่าฉันไปเล่นไม่ตามบทหล่อน

    ฉันก็แค่คิดเองนะแม่คุณ..ยังไม่ได้ทำจริงๆซะหน่อย 


    "โลกในหนังสือถูกตัดขาดออกจากข้างนอกหมดแล้ว พวกเธอจะไม่มีวันได้ออกไป ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"

    อยู่ๆวายร้ายสาวก็คลั่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันตอนนี้รู้สึกหวาดผวากับอารมณ์เจ๊ของแกเหมือนเป็นคนบ้าที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลจริงๆ.. เหมือนกับว่าถ้าฉันไม่เริ่มออกเดินทางตอนนี้อาเจ๊แกจะทำอะไรบ้าๆขึ้นมาได้ทุกเมื่อ 

    'ฉันเดาเลยว่ายัยคนนี้ต้องเป็นนักเล่านิทานโทรทัศน์สำหรับเด็กแต่คงถูกรีวิวคอมเม้นแย่ๆเลยกลายเป็นอาคุม่า' ฉันคิดในใจอย่างหงุดหงิด

    "เธอรู้ได้ยังไง" อยู่ๆวายร้ายสาวก็หยุดชะงักพร้อมมองมาที่เธออย่างตกใจ 

    ฉัน : "......"   ถูกด้วยเว๊ย! แปลว่าเธออ่านใจได้!

    "ไม่สิ..! มันไม่สำคัญแล้ว!"

    ดูเหมือนว่าการคาดเดาเล่นๆของตัวเองจะเป็นเรื่องจริง แถมมันดันทำให้วายร้ายตรงหน้าดูโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเหมือนมีใครมาเหยียบหางหล่อน...ก็ฉันเองนั้นแหละ

    กริ๊ดดดดด

    อ๊ากกก

    ทุกคนในห้องเริ่มวิ่งหนีเหมือนมดแตกรัง เมื่อวายร้ายสาวที่เมื่อกี้ทำตัวเหมือนนักบุญเริ่มแผลงฤทธิ์กลายเป็นแม่มด ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะออกไปจากโลกบ้าๆนี้ได้...แต่คงต้องตามน้ำไปก่อน

    ดีนะที่มาสเตอร์ฟูเคยสอนวิธีสะกดใจตัวเองเผื่อได้เจออาคุม่าที่อ่านใจได้ ทำให้เธอรู้วิธีต้องทำใจให้สงบแล้วไม่คิดอะไรยังไงไม่ให้ใครมาอ่านใจตัวเองได้

    หวังว่าจะทำได้นะ

    "ได้! ฉันจะไป ฉันจะเป็นคนทำเอง" สิ้นเสียงคำพูดเธอ...วายร้ายสาวก็เริ่มดูเหมือนจะสงบลง ทำให้ฉันคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว ดูเหมือนว่าวายร้ายสาวจะไม่อยากให้เธอเล่นนอกบทและไปขัดใจเธอเข้า

     "เจ้าชายนัวร์อยู่บนหอคอย" หญิงสาวชี้ผ่านหน้าต่างใหญ่ที่เปิดอ้าเอาไว้ ฉันมองตานิ้วอย่างเหงื่อตก...ทำไมมันถึงได้ไกลลิบแบบนั้นล่ะ! แบบนี้กี่วันเธอจะไปถึงกันเนี้ย

    "เอาล่ะ..ลืมบอกไปว่าคุณมีเวลา24ชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่เพื่อนร่วมทีมคุณจะตาย.."  หญิงสาวเอ่ยจบประโยคก็สลายตัวเองเป็นละอองสีดำแล้วหายไป 

    "เดี๋ยว! เมื่อกี้ไม่ได้พูดแบบนี่นี้!?" เธอจะแย้งก็ไม่ทันการณ์แล้วเมื่ออาคุม่าหายไปเสียก่อน ทำได้แค่กัดฟันกรอดวิ่งกระโดดจากหน้าต่างบินไปอย่างรีบร้อน

    ก็มันเกี่ยวพันถึงชีวิตแคทนัวร์เชียวนะ! 

    เธอเห็นหอคอยจากไกลๆทำได้แค่แกะลอยไปให้ถึง รู้สึกว่าโชคดีที่ตัวเองบินได้เลยไม่ต้องกังวลมากว่า เดินเท้าจะไปถึงกี่วันแล้วไปเส้นทางไหน แต่เพราะบินติดต่อกันนานๆแถมแดดเริ่มแรงแล้วนี้แหละทำให้เธอเหงื่อโชกเริ่มบินต่อไม่ไหว 

    แต่คำว่าเวลาเหลือไม่มากทำให้เธอพักไม่ได้ถ้ามันเกี่ยวพันถึงชีวิตคนๆหนึ่ง

    ผ่านไปกี่ชั่วโมงไม่รู้แต่พระอาทิตย์ขึ้นอยู่บนหัวเธอเลย อยู่ๆก็รู้สึกภาพมันเบลอจนเห็นภาพซ้อนของหอคอยมัวๆ อาจเพราะเธอบินติดต่อกันไม่ได้พัก แถมแดดกลางวันตอนนี้มันก็แรงสุดๆจนเริ่มบินเซไปมา 

    'ฉันต้องพักสักหน่อย' เธอคิดในใจอย่างอดทน ก่อนที่จะพยายามประคองลงจอดไม่ให้ไปตกที่ไหนมั่วๆเข้า บังเอิญที่เห็นหินสูงใหญ่ก้อนหนึ่งสีแดงพอดี เธอไม่ลังเลเลยที่จะบินไปนั่งพัก

    แปะ

    หืม?

    'หินก้อนนี้แปลกๆ..' พอเธอนั่งลงได้ไม่ทันใดก็รู้สึกว่าหินมันอุ่นผิดปกติ เหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจด้วย...อย่าบอกนะว่า....เธอก้มมองหินที่ตัวเองนั่งอยู่ก่อนจะเห็นรอยนูนเล็กๆที่มันเป็นรอยแยกเปิดออก

    พรึ่บ

    "!?"

    ดวงตาสีทองผสมส้มขนาดใหญ่เหมือนกับดวงตาของเธอตอนนี้กำลังเบิกโพลงอย่างน่ากลัว ก่อนที่มันจะขยับและกระพรือปีกคำรามเสียงสูง

    กร๊าซซซซซ

    ตึง

    "มังกร!!" เธอกรีดร้องเสียงหลงขณะที่รีบวิ่งหนีตาย ในหัวตอนนี้เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองบินได้..และก็ลืมไปด้วยว่ามังกรก็บินได้ เพราะเธอมัวตกใจที่กำลังโดนมังกรวิ่งไล่ตามมาอยู่ ไม่รู้ว่ามันลืมตัวเหมือนเธอหรือยังไง

    รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มังกรตัวนั้นกำลังวิ่งตามเธอมา ประมาณสัก5นาทีที่ฉันยังคงวิ่งหน้าตั้งแข่งกับมังกรข้างหลังที่ไล่กวดอย่างไม่หยุดยั้ง ก่อนที่จะมีใครบางคนกระโดดเข้ามาพร้อมเอ่ยสั่งเสียงดัง

    "หยุดนะก็อด!"

    สิ้นเสียงของชายปริศนาที่เธอยังไม่ทันเห็นหน้า เพราะเขาเอาผ้าคุมหน้าตัวเองไว้ มังกรแดงที่ชื่อ'ก็อด'ข้างหลังก็หยุดชะงักและไม่วิ่งตามมาอีก 

    "แฮ่ก แฮ่ก"

    ฉันที่บินต่อกันมานานไม่ทันได้พักก็มาออกแรงวิ่งหนีตายอีก เธอเลยนอนแผ่อย่างหมดแรงข้าวต้นบนพื้นหน้ามังกรซะเลยเพราะไม่มีแรงขยับไปไหน

    "ดื่มนี้สิ.. แล้วก็ขอโทษด้วยนะ ก็อดเขานึกว่าคุณชวนเขาเล่นด้วย"

    เล่นกับผีนายน่ะสิ!? ดูยังไงมันก็ทำท่าจะงาบหัวเธอชัดๆ!

    "ขอบคุณ.." เธอเถียงในใจขัดแย้งกับคำพูดเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มไป ฟังจากเสียงรู้สึกคุ้นๆจังเลยนะ...ฉันนอนมองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถาม

    "นายช่วยถอดหมวกคลุมออกได้ไหม"

    "....." เขาชะงักเล็กน้อยเหมือนลังเล แต่ก็ใจดีเหมือนเดิมเพราะเขาก็ยอมทำตามเธอบอก

    พรึ่บ!?  

    ทันใดนั้นฉันก็ลุกขึ้นเหมือนเป็นสปริงดีดตัวขึ้นมาทันที เพราะผมสีแดงและดวงตาสีฟ้าออกเขียวนี้มันมีคนเดียว!?

    "นาธาเนียล! นายจริงๆด้วย!" ฉันพุ่งไปคว้ามือเขามาเขย่าๆอย่างคิดถึง เขาไม่เป็นอะไรที่แท้มาอยู่ที่นี่เอง!

    "คะ ครับ?" นาธานขานรับอย่างไม่แน่ใจเหมือนตัวเองสับสนว่าทำไมเธอถึงได้รู้จักเขา

    "นายจำไม่ได้เหรอฉันได...เอ้ย ซิลเวอร์ไง!" ลืมไปว่าตัวเองตอนนี้คือซิลเวอร์ เขาอาจจะไม่รู้จักเธอก็ไม่ผิด..ฉันที่จะแก้ตัวก็ไม่ทันเลยต้องแถเป็นซิลเวอร์แทน นาธานก็ยังคงทำหน้างงอยู่แต่พอเธอแถๆไปว่าเคยรู้จักกันตอนเด็กๆเขาก็พอลดความระแวงลงได้..

    ไว้ใจคนง่ายจังนาธาเนียล กลับไปต้องไปอบรมสั่งสอนเขาดีๆแล้วล่ะว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า!

    สักพักเขาถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ฉันก็อธิบายไปตามตรง

    "เธอจะไปที่หอคอยไปช่วยเจ้าชายนัวร์หรือ ที่นั้นอันตรายมากเลยนะเพราะมีจักพรรดินีความมืดปกครองอยู่ ถ้าเธอจะขึ้นไปเธอต้องต่อสู้ชนะเท่านั้นแหละ" 

    นาธานที่ตอนนี้ถูกเธอหลอกล่อว่าเคยรู้จักกันสมัยเด็กไม่นานมานี้เชื่ออย่างสนิทใจ เขาก็ทำท่าสนิทสนมกับเธออย่างรวดเร็ว-แค่ก 

    แถมยังมาเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าฉันจะมุ่งหน้าไปที่ไหนอีก

    "อันตรายแค่ไหนฉันจำเป็นต้องไปนะ มีคนรอให้ฉันไปช่วยอยู่" เธอที่ตอนนี้ได้พักเต็มที่แล้วแถมได้ทานอาหารที่นาธานแบ่งมาให้ด้วยอย่างมีเมตตาก็พร้อมรบทันที 

    พอพักอิ่มเธอก็เริ่มเป็นห่วงคุณพระเอกแล้วสิ เพราะตอนที่เห็นล่าสุดในภาพลิมิตที่วายร้ายเสกมาล่าสุด เขาดูทรมานมากแถมเหงื่อออกทั่วใบหน้าอีก จะเป็นอะไรไหมนะ...ต้องรีบไปช่วยแล้ว

    "ขอบคุณนะนายยังคงเป็นนายเหมือนเดิมเลย ถ้างั้นแยกกันตรงนี้ล่ะลาก่อน" เธอเอ่ยลาเล็กน้อยก่อนทำท่าจะจากไป 

    "เดี๋ยวก่อน!" 

    เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้ฉันหันไปมองอย่างสงสัย ก่อนที่นาธาเนียลจะตบแปะๆไปที่มังกรข้างๆที่กลิ้งตัวเล่นเหมือนหมาตัวเล็กเอ่ยอย่างใจดี ใช่แล้ว..เหมือนหมา

    "มากับฉันเถอะ ถ้าขี่เจ้านี้ไปแปบเดียวไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว" 


    นาธานนนนนน! ทำไมนายถึงได้น่ารักขนาดนี้ 

    สุดท้ายนาธานก็อาสาพาเธอไปส่งด้วยมังกรของเขา อยากบอกว่าลมแรงสุดๆเพราะก็อดมันกระพรือปีกสองสามทีเธอก็ถึงหอคอยแล้ว 

    "คนที่กำลังจะไปช่วยเนี่ยคือคนรักเธอเหรอ" นาธานเอ่ยถามอย่างสงสัยระหว่างทางที่กำลังใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว 

    "ห๊ะ? ใคร"

    นาธานชี้ไปที่หอคอย ทำให้ฉันอ้าปากเหวอพร้อมส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชะงักแปบหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างลังเล นาธานทำหน้างงใส่ทำให้ฉันต้องอธิบาย

    "ไม่ใช่คนรักกันหรอก แต่เป็นเพื่อนร่วมทีมในกลุ่มน่ะ ถ้าถามว่าชอบไหม...ถ้าเป็นเพื่อนร่วมทีมก็ชอบนะ แต่ชอบในความหมายอื่นก็..ไม่รู้สิ" คำตอบที่ดูสับสนถูกเอ่ยบอกคนข้างๆไปอย่างไม่แน่ใจ 

    เธอชื่นชอบเขาที่เป็นแคทนัวร์และชื่นชอบถ้าเขาอยู่กับเลดี้บัค แรกๆเธอหวังจะเป็นแม่สื่อให้เอเดรียนและมาริเน็ตด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมไปๆมาๆเธอกลับไม่กล้ามองตอนที่สองคนนั้นยืนอยู่ด้วยกันขึ้นมา....

    มันเจ็บใจที่คิดว่าสองคนนั้นเหมาะกันยังไงไม่รู้..

    "ถึงแล้วล่ะ"

    เสียงนาธานทำให้เธอได้สติ ฉันมองปริบๆเมื่อตัวเองมาถึงหอคอยที่ว่าจริงๆด้วย หลังจากเอ่ยอำลาเสร็จเธอก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดไต่ปีนและบินไปที่บนสุดของหอคอย

    แต่ทว่ากว่าจะขึ้นมาบนหอคอยได้ ก็ต้องเสียเวลาเผาหนามกุหลาบข้างทาง ที่จู่โจมระหว่างบินขึ้นมาหลายครั้ง จนตอนนี้ตะวันตกดินได้หายลับและถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์แล้ว แต่ฉันยังไม่ทันได้เจอจักพรรดินีความมืดเลย

    อย่างนาธานคงไม่โกหกฉันหรอกมั้ง เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น... เธอมองเห็นเตียงกลางห้องที่ถูกปลดผ้าม่านสะอาด มันบดบังข้างในทำให้ไม่รู้ว่านั้นคือแคทนัวร์หรือใครปลอมตัวมาหรือเปล่า 

    ฉันเดินย่องไปไม่ให้เกิดเสียงและมองซ้ายขวาอย่างระแวง ก่อนจะมาหยุดชะงักตรงกระจกข้างๆที่สะท้อนใบหน้าเธออยู่..แอบตกใจนึกว่าคนอื่น

    แต่ก่อนที่เธอจะได้ผละออกมาอยู่ๆตัวเธอในกระจกก็พุ่งออกมาคว้าคอเธอไว้ ฉันตกใจจนก้าวถอยหลังล้มลงเปิดโอกาสให้คนที่คร่อมเธออยู่ได้ใจและลงแรงมากขึ้น 

    "ยัยโง่! ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงหญิงสาวที่ไม่ใช่เสียงตัวเธอหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายด้วยใบหน้าของตัวฉันเอง

    เธออยากกู่ร้องว่า'อย่าเอาใบหน้าของคนอื่นไปทำอย่างนั้นนะ!? มันไม่สวยเลยสักนิด!' ทำเองเธอยังดูเป็นตัวร้ายหยิ่งสวยกว่านี้(?)

    "ชิส์..!"

    ฉันกัดฟันกรอดอย่างโมโห ก่อนจะส่งไฟผ่านมือที่บีบคอตัวเองไว้ ทำให้คนข้างบนสะท้านเฮือก หญิงสาวตาโตก่อนจะพยายามกระชากออกแล้วกรีดร้องโหยหวน

    กริ๊ดดดดด แขนฉันร้อน.. ร้อน!

    ฉันมองร่างก็อปปี้ตัวเองตอนนี้ที่หูและหางกลายเป็นสีดำร่วมถึงตาสีทองก็เป็นสีแดง กำลังกลายเป็นละอองสีดำเพื่อหนีจากแสงไฟที่กำลังเผาไหม้แขนเสื้อบางส่วนอยู่

    'เจ้านี้กลัวไฟนี้เอง เสร็จฉันล่ะ!'

    เมื่อรู้ว่าเธอเป็นต่อฉันก็ระเบิดไฟให้ลุกท่วมสองแขนตัวเอง พร้อมกับเดินไล่ต้อนเงาสีดำที่คงสภาพเป็นซิลเวอร์ไว้ไม่ได้แล้ว เสียงกรีดร้องยังคงดังต่อไปเมื่อเธอต้อนมันไปติดกำแพง 

    ก่อนที่เงาดำจะหนีลอดหว่างขาเธอไปกลางห้อง แล้วปรากฏรูปร่างเป็นแม่มดสาวหรืออาคุม่าคนนั้น!

    "เอ้าเอ๊ะ? เธอเป็นบอสเองเหรอ"  หลอกให้เสียเวลามาที่หอคอยสุดท้ายบอสของที่นี่ก็คือหล่อนนั้นเอง!?

    "ซิลเวอร์เธอมันนังตัวแสบจริงๆ ไม่คิดว่าจะมาถึงทันเวลาด้วย ทั้งที่ฉันคิดจะฆ่าเจ้าชายนัวร์ได้แล้วแท้ๆ" สิ้นคำพูด..ผ้าม่านสีขาวบนเตียงก็เลิกขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่เริ่มซีดลงของแคทนัวร์

    "แคทนัวร์!"

    ใจฉันตอนนี้ไม่ดีเลย...ดูจากอาการหอบหายใจลำบากของคนบนเตียงแล้ว คิดว่าคงทนได้อีกไม่นาน

    "ยังเหลือเวลาอีก20นาทีก่อนจะเที่ยงคืน..แล้วเวทย์มนต์จะคลาย..เธอและแคทนัวร์จะแพ้ฉัน!

    วายร้ายสาวฟาดแส้สีดำมาทางเธอ ฉันรีบกลิ้งหลบก่อนจะเริ่มล่อให้อาคุม่าออกไปข้างนอก เพราะเธอกลัวว่าการโจมตีของเราจะไปโดนคนบนเตียงเข้า

    "มีปัญญาทำได้แค่นี้เองเหรอ ไม่สมกับฉายาจักพรรดินีความมืดเลย หรือชื่อนี้เธอได้มาเพราะไปติดสินบนประชาชนมาใช่มั้ย?" 

    เธอจงใจพูดยุแหย่เพื่อหลอกล่อให้วายร้ายโมโหและออกมาข้างนอก 

    "แก! อย่าอยู่เลย!"

    วายร้ายคำรามโกรธเกรี้ยวเหมือนสติหลุดดังคาด ก่อนที่จะบินออกมาหาเธอที่กระโดดไปตั้งหลักอยู่ยอดหอคอยหลอกล่อให้ขึ้นไปที่สูง  

    เพราะที่สูงยิ่งโล่งและยิ่งลมแรงดี..

    "มาม๊ะที่รัก ฉันรอเธออยู่" เธอทำท่าควักมือให้เข้ามาอย่างกวนโทสะเป็นที่สุด ขนาดไม่เห็นยังรู้เลยว่าน้ำเสียงและท่าทางเธอดูกวนประสาทคนแค่ไหน 

    วายร้ายสาวก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังเพราะหญิงสาวกระโจมเข้าสู่กับดักอันแสนหวานด้วยตัวเอง

    ฉันที่รออยู่แล้วแสยะยิ้มเย็น ก่อนจะระเบิดพลังไฟออกมาท่วมทั้งตัว และเกาะกุมอาคุม่าที่พุ่งใส่มาทั้งอย่างนั้น 

    ปกติเธอจะต้องคอยควบคุมพลังในร่างตลอดเวลา เพราะกลัวว่าตัวเองจะไประเบิดใส่ระหว่างอยู่กับเลดี้บัคและแคทนัวร์เข้า หรือทำให้คนอื่นบาดเจ็บเพราะไฟนี้มันไม่มีผลกับตัวเธอเอง

    ตอนนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากฉันและวายร้ายจึงระเบิดพลังไฟออกมาได้อย่างไม่มีกั๊ก ทั้งเส้นผมไปจรดเท้าไม่มีส่วนไหนที่ไม่ติดไฟ! 

    "ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน!  กริ๊ดด!" วายร้ายสาวเริ่มกรีดร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อความร้อนและแสงสว่างอยู่รอบตัวเธอ 

    ซ่าาาาา!

    จิ้งจอกสาวล็อกตัวอาคุม่าอย่างแน่นหนา ถึงวายร้ายจะพยายามหนีก็หนีออกมาไม่ได้ ก่อนที่เสียงจะค่อยๆแผ่วลง พร้อมร่างที่สลายกลายเป็นไอดำหายไป เธอรอจนมันหายไปหมดถึงจะวางใจ

    วายร้ายสาวไม่รู้ว่าซิลเวอร์จะทำอย่างนั้นได้ ไม่งั้นเธอคงไม่กระโจมเข้ามาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังหรอก โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่ซิลเวอร์เสกลูกไฟเล็กๆมาตลอด เพราะต้องคอยควบคุมมันไว้ตลอดต่างหาก

    พอวายร้ายหายไปหนามกุหลาบรอบๆหอคอยก็หายไปทันที ร่วมถึงรอยขีดข่วนบนหอคอยที่ดูน่าสะพรึงกลัวเหมือนบ้านผีสิงก็กลับมาสว่างสดใสเหมือนสิ่งก่อสร้างใหม่เอี่ยม

    ฉันยืนรออยู่สักพักเพราะคิดว่า กำจัดบอสของเรื่องได้แล้วเธอจะถูกเตะออกจากโลกนี้ไป แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงัดเหมือนเดิม

    เอ๋

    "ทำไมล่ะ? หรือฉันลืมอะไรไปที่ตรงไหน" เธอแน่ใจนะว่าบอสลับคือกุญแจของเรื่องนี้...หรือยังมีปมอะไรอีก

    "แย่แล้ว!? แคทนัวร์!"

    พอคิดถึงคำว่าปมอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เธอก็ตาโตก่อนจะรีบกระโดดลงเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่าง

    ตุบ!

    สายตาเธอเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้างฝาผนังที่มันจวนเจียนจะชี้ถึงเลข12เวลาเที่ยงคืนในอีกหนึ่งนาที!?

    ไม่มีเวลามามัวลังเลใจแล้ว!..เธอกระโจมขึ้นไปบนเตียงที่คนป่วยหลับอยู่ ใบหน้าใสนั้นยังคงแฝงความทรมานเหมือนเดิมร่วมถึงการหายใจที่เริ่มแผ่วลงจนสัมพัสไม่ได้ ฉันล้นลานยกศิรษะของแคทนัวร์ขึ้นและประกบริมฝีปากแตะลงไปอย่างเร่งรีบ

    ติ้งงงงงงก่อ_งงงงงง

    "!?"  เสียงนาฬิกาชี้ถึงเที่ยงคืนดังมาพอดี


    ได้โปรด...ตื่นขึ้นมาเถอะเอเดรียน!?


    เสียงบอกหมดเวลาดังขึ้นมาหลังจากเธอจูบเขาเพียงไม่กี่วิเอง ฉันยังคงหลับตาแนบปากอุ่นร้อนอยู่อย่างนั้น...

    ความเงียบยังคงแผ่ปกคลุมดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล ฉันคิดในใจซ้ำๆว่าทำไม

    'ทำไมล่ะ?..ฉันมาไม่ทันเหรอ..!' เธอทำผิดพลาดที่ตรงไหน..

    เธอขมวดคิ้วคิดขณะที่หลับตาอยู่ ก่อนจะมาสะดุดกึก เพราะนึกออกถึงประโยคจากอาคุม่าสาวได้

    ต้องได้จูบจากรักแท้เท่านั้น...

    ...รักแท้..

    พอนึกถึงตรงนี้ภาพของมาริเน็ตและเอเดรียนก็ฝุดขึ้นมา ภายในอกเหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงทะลุหัวใจและเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดจนเจ็บแปลบ

    ...งั้นเหรอ...อย่างนี้เอง


    เธอเข้าใจแล้ว


    เพราะว่า..ไม่ใช่'รักแท้'...สินะ

    ติ๋ง


    น้ำสีใสหยดลงจากเปลือกตาจากหญิงสาว ไหลลงสู่แก้มคนข้างล่างอย่างไม่รู้ตัว เธอค่อยๆลืมตาสีทองขึ้นและทำท่าจะผละออกอย่างสิ้นหวัง...

    "...." ปลายนิ้วที่เหยียดตรงบนเตียงของคนนิทราค่อยๆขยับเคลื่อนไหว


    "อื้อ!" 

    เธอร้องตกใจและวินาทีต่อมาก็ชะงักแข็งทื่อ เมื่อมีมือที่กดท้ายทอยเธอให้แนบใบหน้าลงไป

    "แคท-อะ!"

    ตาสีทองเบิกกว้างเมื่อเธอกำลังเรียกแคทนัวร์ให้ได้สติ แต่เพราะอ้าปากเพียงเล็กน้อยกลับเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นเข้ามา! 

    "อึก อื้ม!"

    เธอส่งเสียงร้องประท้วง พยายามจะดึงหน้าออกแต่คนบนเตียงไม่ให้ความร่วมมือ นอกจากจะรุกเข้าใส่เหมือนปลากระหายน้ำ เสียงจากการบดจูบทำให้เธอหน้าร้อนเพราะหูที่มีประสาทไวต่อเสียง 

    เธอหน้าแดงและน้ำตาก็คลอเป้าอย่างห้ามไม่ได้ ทำได้แค่จิกบ่าชายหนุ่มอย่างระบายอารมณ์ที่เหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินป่วนในท้องน้อย เธอพยายามหาช่องว่างหายใจหอบเพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้เลย 

    แม่ขา! หนูจะขาดอากาศใจตายแล้วค่ะ!? 


    ก่อนที่จะได้ขาดอากาศหายใจจริงๆ เสียงเรียกชื่อของเธอก็หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา พร้อมกับดวงตาที่ดูเลือนลอยไม่ได้สติ

    "...ไดอาน่า" 

    กึก

    ฉันแข็งกึกค่อยๆผละออกมามองเขาอย่างเหงื่อตก.. ขะ เขา รู้แล้วเหรอ!?..

    ก่อนจะเห็นว่าสายตาเขาดูไม่ได้โฟกัสภาพตรงหน้าเท่าไหร่ เหมือนกับว่าสติของเขายังไม่เข้าร่าง 

    ละเมอ?  

    แปะๆ

    "แคทนัวร์.. แคทนัวร์!"  ฉันลองแตะแก้มเขาดูพร้อมเรียกชื่อไปด้วย 

    "อื้อ..?"

    ดวงตาสีเขียวเริ่มมีประกายสดใสขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกวาดสายตาไปทั่วและหยุดที่เธอ แคทนัวร์สบตาเธอมองปริบๆเหมือนกำลังประมวลผล..?

    "ซิลเวอร์?.. เธอมาทำอะไรตรงนี้" 

    ทำอะไร? 

    ตรงนี้..

    ฉันก้มมองตัวเองที่นั่งคร่อมตักตัวเขาอยู่ หน้าก็พลันแดงก่ำก่อนจะสะดุ้งขึ้นไปด้านข้างทันที พร้อมร้อนรนพูดแก้ตัวออกไป

    "จะเพราะอะไรกันเล่า! ล่าสุดพวกเราถูกดูดลงไปในหลุมดำของอาคุม่าน่ะสิ.. อ๊ะ จริงด้วยเลดี้บัค!?" 

    ฉันมองรอบๆตัวเองที่กำลังอยู่บนหอคอยไอเฟลได้ยังไงไม่รู้อย่างงงๆ ก่อนเธอจะกดส่งสัญญาณไปหาเลดี้บัคที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหนแล้ว 

    [ซิลเวอร์! แคทนัวร์! พวกเธอสบายดีไหม?] เสียงเลดี้บัคถามอย่างเป็นห่วงผ่านเครื่องมือสื่อสารทรงกระบอกสีขาวเหมือนหยกที่เธอหยิบออกมาจากในเสื้อกิโมโน 

    "สบายดีทางนั้นเป็นยังไง"

    [ลำบากเอาการตอนที่พวกเธอไม่อยู่ โชคดีที่อยู่ๆหนังสือของวายร้ายก็ขาดน่ะสิ ไม่รู้นะว่าเพราะอะไร แต่มันทำให้ผีเสื้อหลุดออกมาฉันเลยจัดการมันไปแล้ว]

    อย่างงี้เอง...ฉันเดาว่าที่หนังสือมันขาดเพราะพวกเราออกมาจากในหนังสือสินะ

    "ทางนี้ก็เจอเรื่องหนักเหมือนกัน ดีแล้วที่พวกเราผ่านมาได้ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะแค่นี้ก่อน.."

    ปี๊บ

    คุยเสร็จเธอก็กดวางสาย แคทนัวร์ยังนั่งมองเธออย่างสงสัยอยู่เลยตอนที่หยิบเจ้านี้ออกมา.. ก็ฉันไม่เคยหยิบออกมาใช้ต่อหน้าพวกเลดี้บัคเลยนี้นา เลยจะสงสัยเหมือนไม่เคยเห็นก็ไม่แปลก..

    จริงๆแล้วไอ้เครื่องนี้มันคือขลุยของจิ้งจอก แต่มันแตกต่างจากขลุยจิ้งจอกในเนื้อเรื่องแบบคนละโคกเลย..ถึงพลังจะสร้างของลวงตาได้เหมือนกันก็เถอะ ไว้ว่างๆฉันจะมาอธิบายวิธีใช้มันให้ฟังนะ

    แต่ตอนนี้..

    "มีอะไรจะถามไหม ไม่งั้นฉันจะกลับแล้วนะ" เพราะรู้สึกเขินๆแปลกๆที่คุณพระเอกจ้องมองเธอเหมือนเขาไม่เคยเห็นฉันอย่างนั้นแหละ 

    "ทำไมปากเธอแดงจัง" แคทนัวร์เอียงคอมองพร้อมชี้ปาก ฉันแทบยกมือปิดปากตัวเองพร้อมสถบในใจ

    'นายจะถามคำถามอื่นไม่ได้หรือไง!? ทำไมต้องคำถามนี้ด้วยฟร่ะ!'   และดูเหมือนคุณพระเอกยังไม่หมดข้อสงสัยเขาชี้ปากตัวเองบนตำแหน่งล่าง

    "ปากเธอแตกด้วยแหละ"

    'เพราะใครกันล่ะ!?'

    ฉันแทบจะพ้นไฟใส่แคทนัวร์ที่ทำเหมือนตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย 


    "นายจำไม่ได้จริงๆเหรอ? จำอะไรได้ไหม?" เธอถามอย่างสงสัย แคทนัว์ก็นิ่งไปก่อนจะทำท่าคิดตามอย่างปวดหัว

    "ฉันจำได้ว่าตัวเองรู้สึกทรมานมาก..เหมือนคนกำลังจมน้ำ แถมรอบๆตัวก็มืดไปหมดฉันมองไม่เห็นอะไรแม้แต่กระทั่งมือตัวเอง..."  แคทนัวร์ดูเหม่อๆก้มหน้ามองมือสองข้างตัวเองเงียบๆ

    คงเป็นตอนที่เขาถูกวางยาพิษและหลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่สินะ..

    "หลังจากนั้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่มันเหมือนผ่านไปหลายพันปีเลยในความรู้สึก อยู่ๆก็มีแสงสว่างฝุดขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ฉันพยายามจะว่ายเข้าไปเพื่อคว้าแสดงสว่างนั้นให้ได้..สักพักฉันก็รู้สึกอุ่นสบายเหมือนมีคนฉุดดึงขึ้นไป"

    ฉันที่กำลังสังเกตดูเงียบๆก็ชะงักเมื่อแคทนัวร์เงยหน้าขึ้นสบตาเธอด้วยสายตาจริงจัง

    "จากนั้นฉันก็ลืมตาเจอเธอนี้แหละ เอ่อ แล้วเธอล่ะทำไมถึงได้.." เขาเหมือนจะนึกออกเลยหยุดพูด ด้วยใบหน้าแดงนิดๆแล้วทำท่าทางเอามือจิ้มๆกันเหมือนตอนฮินาตะในเรื่องนารูโตะ..คิดว่านายทำแล้วน่ารักงั้นเหรอ! 

    เออ น่ารัก! อยากเอากล้องมาถ่ายท่าทางแคทนัวร์ตอนนี้จัง...

    "มัน..." ฉันรู้สึกอึกอักไม่รู้จะตอบดีไหม...แต่ฉันก็สงสัยตอนที่เขาเรียกเธอว่าไดอาน่า? ทำไมเขาถึงขานชื่อเธอออกมาตอนนั้น..ฉันสงสัยจนแทบจะเกาหัวใจแล้ว

    สุดท้ายก็ตัดสินใจอธิบายไปตามตรง

    "หลังจากที่ถูกดูดเข้าไปในหนังสือฉันก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องที่อื่น ดูเหมือนจะเป็นเนื้อเรื่องในหนังสือสักเรื่องในนั้น นายเป็นเจ้าชายนัวร์ในประเทศนั้นแล้วถูกวางยาพิษให้นิทราบนหอคอย ฉันที่ตื่นขึ้นมาก็ถูกพาตัวไปที่ห้องโถงแล้วอาคุม่าสาวที่ส่งพวกเราเข้ามาก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ชี้ว่าฉันคือคนวางยาพิษเจ้าชายของพวกเขา!"

    พูดถึงตรงนี้ฉันใส่อารมณ์มากเหมือนกับตื่นขึ้นมา ยังไม่สร่างเมาขี้ตาก็มีเจ้าหนี้ที่ไหนไม่รู้บอกว่าคุณเป็นหนี้ฉันร้อยล้านต้องจ่ายตอนนี้อย่างนั้นแหละ

    "จากนั้น...ฉันมีเวลา24ชั่วโมงก่อนที่พิษจะลามจนนายตาย ฉันเลยต้องเดินทางไปหอคอยที่ไกลมากๆเพื่อไปถอนพิษ วายร้ายเธอบอกว่ามีทางรอดทางหนึ่งคือต้องจุมพิตจากรักแท้"

    แคทนัวร์เลิกคิ้วสนใจเมื่อได้ยินคำว่าจุมพิตจากรักแท้ 

    "แล้วเธอทำยังไง" ก่อนที่เขาจะถามอย่างสงสัย ฉันเลยยิ้มเย้ยให้ตัวเอง

    "ฉันมีทางเลือกที่ไหนล่ะ เลยต้องเดินทางไปเสี่ยงดวงเท่านั้นแหละ แต่เกิดหน้ามืดระหว่างทางเพราะเดินทางติดต่อกันไม่ได้หยุดพัก ฉันเจอชายคนหนึ่งใจดีพาไปส่งที่หอคอยเลยมาทันพอดี แต่ก็ต้องมาเสียเวลากับกุหลาบหนามกว่าจะถึงหอคอยก็เหลือเวลา20นาทีแล้ว จากนั้นฉันก็ต้องต่อสู้กับตัวเองที่เป็นร่างแปลงของจักพรรดินีความมืด"

    พูดตรงนี้ฉันก็หยุดเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่ริมฝีปากของเอเดรียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะปากเขาก็แตกเหมือนกันแฮะ...เมื่อกี้ไม่สังเกตเลย 

    "พอกำจัดอาคุม่าได้แต่ฉันกลับไม่ถูกดีดออกจากโลกนิทาน ฉันเลยคิดว่าตัวเองคงลืมอะไรสักอย่างไป ตอนนั้นฉันถึงได้นึกถึงเรื่องนายออก พอไปถึงก็เหลือเวลาเพียงหนึ่งนาทีสุดท้ายแล้ว ฉันไม่มีเวลามาคิดลังเลก็เลยจูบนายทั้งอย่างนั้น ฉันเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวใช่มั้ยล่ะ?"  

    เธอพูดขยิบตาหยอกเขาที่นั่งหน้าเครียดอยู่ ก่อนที่แคทนัวร์จะหลุดขำแล้วพยักหน้ายิ้มขำ

    "อ้อ แปลว่าฉันเป็นเจ้าหญิงของเธอสินะ...เอ๋" เอ่ยจบเขาก็นิ่งไปก่อนจะตาโต "แปลว่าฉันเป็นรักแท้ของเธอน่ะสิ"

    "ฮ่ะ!" เธอหลุดหัวเราะตกใจ แต่ในใจเหมือนมีไม้มาตีกลองระรัว... 

    "มันไม่ใช่-ฉันว่าฉันต้องไปแล้ว" เธอไม่รู้จะตอบเขายังไงเลยคิดจะหนีทั้งอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มมาดักเธอไว้เหมือนนกรู้ เขารั้งแขนเธอไว้พร้อมพูดออกมา

    "ต้องใช่สิ มันก็เหมือนกับเจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิง ที่เจ้าหญิงตื่นเพราะได้จูบจากรักแท้...พวกเขามีความรู้สึกให้กันและกัน มันกรณีเดียวกัน!" แคทนัวร์ชี้จุดพร้อมอธิบายอย่างตื่นเต้นใบหน้าของเขาซับสีชมพูและรอยยิ้มที่กว้างขึ้น

    ฉันหน้าแดงและอ้าปากค้างเมื่อแคทนัวร์เริ่มจะโอบเอวเธอแล้ว...

    "ถ้านายบอกว่าพวกเรามีความรู้สึกให้กันและกัน แล้วไดอาน่าล่ะ ทำไมนายเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาทั้งที่จูบฉัน?"  

    ฉันชี้ถามข้อสงสัยที่มันคาใจมานาน...แคทนัวร์ที่ตอนแรกเขายิ้มกว้างเหมือนได้รางวัลกลับชะงักกึกและหุบยิ้มลง เขาทำหน้าเหมือนมันเป็นคำตอบที่ยากเอาการ

    ฉันยิ้มเหยียดขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางลังเลใจของเขา ก่อนที่ฉันจะเอ่ยข้อสงสัยออกไปด้วยน้ำเสียงที่....ไม่รู้ว่าเป็นยังไง

    "นายแบ่งหัวใจให้ผู้หญิงสองคนงั้นเหรอแคทนัวร์ หื้อ..?" ฉันหรี่ตามองจนแมวหงอยลง เขาหลบตาไม่ตอบแต่พอฉันทำท่าจะดึงมือออกเขาก็ทะลักทะล่าตอบขึ้นมา

    "ฉันไม่- ฉัน.... ฉันขอโทษ..ฉันไม่รู้มันสับสนไปหมดเลย ฉันคิดว่าฉันชอบผู้หญิงคนหนึ่งแต่ว่า..ฉันก็ชอบแอบมองเธอเหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกว่าเธอทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจและมีความสุข..แล้วก็ชอบไปแล้ว.." 

    เสียงของแคทนัวร์เอ่ยอย่างรู้สึกผิด เหมือนตอนแรกเขาก็ไม่อยากเป็นอย่างนี้ ทั้งที่น่าจะโกหกได้แท้ๆแต่เขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำมัน แต่เลือกที่จะสรภาพแทน 

    อะไรนะ...อย่าบอกนะว่าเขาชอบฉัน..

    "ผู้หญิงคนนั้น...ไดอาน่า ซีมัวร์?" เธอถามเสียงสงสัย แคทนัวร์ก็พยักหน้าตอบ แต่พอเห็นว่าฉันยกมือปิดปากตัวเองและตาโตก็เข้าใจผิดนึกว่าฉันตกใจรับไม่ได้

    ที่จริงแล้วฉันปิดรอยยิ้มตัวเองอยู่ต่างหาก! เขาชอบฉัน...ทั้งซิลเวอร์และไดอาน่า มีคนที่สามารถตกหลุมรักคนๆเดียวกันได้ถึงสองครั้งเลยงั้นเหรอ? มันน่าตกใจเกินไปแล้ว 

    "ขอโทษอย่าเกลียดฉันเลยนะ ฉันจะถอยห่างเธอคนนั้น ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะ..-" ก่อนที่เขาจะได้ตอบฉันจูบปิดปากเขาไว้ก่อน ครั้งนี้เธอจูบปิดปากเขาให้เงียบเท่านั้นก่อนจะผละออกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนยามปกติขึ้นมา 

    "ไม่ต้องทำอย่างนั้น..." เธอส่ายหัวก่อนจะเอ่ยต่อ "ฉันให้โอกาสนายสำรวจหัวใจตัวเองดีๆจนกว่าจะแน่ใจ ว่านายรักใครกันแน่...ถึงตอนนั้นฉันจะรอฟังคำตอบ" 

    "ห๊ะ เธอไม่โกรธเหรอ ฉันชอบเธอและชอบคนอื่นด้วยนะ" แคทนัวร์ทำหน้างงก่อนจะทำหน้าตกใจและมองเธอเหมือนมองตัวประหลาด...เฮ้ อย่ามองฉันเหมือนไม่ใช่คนปกติแบบนั้น ถ้านายชอบฉันแล้วอีกคนเป็นคนอื่นฉันก็อาละวาดย่ะ! 

    "เพราะเป็นผู้หญิงคนนั้นหรอกฉันถึงได้ยอม" เธอมองเขาดุๆก่อนจะเอ่ยกำกวนไป 

    "ทำไม?"

    "ไม่รู้สิ เพราะเธอสวยเหมือนฉันละมั้ง" เธอตอบทีเล่นทีจริง ทำให้แคทนัวร์ที่ทำหน้าจริงจังหลุดขำออกมาอีกครั้ง 

    "ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เวลานายตามจีบ.." เธอจงใจพูดเสียงอ่อนหวานที่แกล้งทำขึ้นมากระซิบข้างหูเขา 

    "แต่ระหว่างที่กำลังจีบฉันอยู่ ก็ห้ามไปทำตัวเจ้าชู้ใส่เลดี้บัคให้ฉันเห็นเด็ดขาด..ไม่งั้น.."

    ซ่าา  

    ก่อนจบประโยคสุดท้ายเธอจุดไฟบนมือเพื่อขู่เขา ถ้าแคทนัวร์ไปแอบกุ๊กกิ๊กกับเลดี้บัคลับหลัง...ถึงเป็นพระเอกของเรื่องหรือหนุ่มฮอตแค่ไหนฉันก็จะเผามันซะ! 

    "yes sir!(ครับท่าน!)" แคทนัวร์ขานรับเสียงจริงจัง ทำให้ฉันหลุดยิ้มเอ็นดูขึ้นมา พอยอมรับใจตัวเองได้แล้ว อะไรๆก็รู้สึกว่าน่ามองไปหมดเลย

    "ไว้เจอกันใหม่คิตตี้" 

    ฟุบ!

    เธอเอ่ยลาก่อนจะกระโดดลงมาจากหอไอเฟล ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเลิกเรียนแล้ว ถ้ารีบก็คงไปทันก่อนหมดชั่วโมงเรียนบ่ายแน่ๆ 

    ดูเหมือนว่าตอนหลุดเข้าไปในนิทานเวลาข้างใน กับข้างนอกจะห่างกันหลายสิบชั่วโมงเลย เพราะตอนที่พวกเราหลุดเข้าไป มันผ่านไปเกือบคืนหนึ่งด้วยซ้ำ ขณะที่พอออกมาก็พบว่ามันผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง  

    เมื่อไปถึงที่โรงเรียนดูเหมือนนักเรียนบางคนเริ่มทยอยกลับมาที่โรงเรียนแล้ว แต่ส่วนมากก็ดูจะงงๆกันอยู่เลย ฉันที่กำลังเดินเข้าประตูโรงเรียนก็ต้องหยุดหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาดู

    "ลูเซียน?..โทรมาทำไมนะ" เบอร์ที่ขึ้นรูปของพ่อบ้านประจำตระกลูซีมัวร์ปรากฎขึ้นมา ฉันขมวดคิ้วเครียดเล็กน้อยเพราะเขาไม่ค่อยโทรมาถ้าไม่จำเป็นอะไรเท่าไหร่

    "ฮัลโหลค่ะ... เอ๊ะ อะไรนะคะ?" เธอเดินไปพร้อมฟังเสียงคนปลายสายไปด้วย แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตูเข้าห้องฉันก็ต้องอุทานเสียงตกใจออกมา

    "อะไรนะลูเซียน! กลับมาแล้ว..ตอนไหน!"

    ครืนน

    มือเปิดประตูห้องเรียนพร้อมกับตาที่เธอโตขึ้นเมื่อได้ยินคำสุดท้ายจากโทรศัพท์

    "พี่ชายมาถึงแล้ว!?"



    ------------------------------------------------100%---------------------------------------------------

    โน๊ตบุ๊คแปลกๆพิมพ์แต่งแล้วหายเลยทยอยอัปลง  ช่วงนี้ที่หายไปเพราะไปเคลียร์วิจัยมาค่ะ จะได้ฝึกงานอีกแล้วเพราะเทอมหนึ่งเอาไปเรียนหมดจะได้มาฝึกเทอมสองแทน เฮ้อ....

    1.Creative Dram คือละครสร้างสรรค์ค่ะ เป็นละครที่ไม่มีรูปแบบตายตัวหรือต้องจัดแสดงที่เวทีเท่านั้น เพราะจะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จของตัวละครมากกว่า มีการขยับเคลื่อนไหวร่างกายที่คล่องแคล่วและแสดงท่าทางออกมาทางอารมณ์ได้อย่างชัดเจนเข้าใจง่ายดูไม่ซับซ้อน โดยส่วนมากจะนิยมแสดงเป็นเรื่องราวที่มีบทบาทสมมุติ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×