ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่14 : ความิคู่หูตัวที่สอง 100%
[เมื่อเห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใสมาแต่ไกล
ฉันก็เผลออมยิ้มตาม
.
.
.
ให้ตายสิ..
แค่เห็นเขายิ้มเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเหรอเนี่ย]
------------------------------------------------------------------------------------------------------
[ใช่ครับคุณหนู..คุณชายใหญ่บอกว่าจะไปเยี่ยมคุณหนูที่โรงเรียนเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว...ตอนนี้อาจจะไปถึงแล้วครับ]
คำว่าอาจจะไปถึงแล้วของพ่อบ้านทำให้เธอยืนนิ่งค้างที่ประตูห้องเรียน ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วใส่โทรศัพท์ในมือ
"ฉันเจอแล้วล่ะ...ขอบใจนะลูเซียน" เธอกดวางสายขณะที่สายตายังจับจ้องผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งในห้องไม่วางตา
เรือนผมสีบลอดน์อ่อนจนเกือบขาวเป็นสิ่งแรกที่เธอมอง ก่อนจะชะงักอ้าปากเหวอเมื่อได้สบดวงตาสีฟ้าทะเลออกเขียวที่คุ้นเคย
ใช่จริงๆด้วย!
"พี่ชาย!"
เสียงตะโกนอย่างอดกลั้นของเธอ เรียกสายตาทุกคนในห้องให้หันมามองอย่างตกใจ แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่า เมื่อทุกคนมองชายหนุ่มเหมือนดาราคนนี้สลับกับไดอาน่าไปมา
"ไดอาน่า.."
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนิ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทำให้สาวๆในห้องถึงกับหน้าแดงกันเป็นแถบๆ
"กริ๊ดดดด! หล่อมากเลยค่าาา!" เสียงโคลอี้และนักเรียนหญิงคนอื่นในห้องจ้องมองพี่เซดลิกตาเป็นมันส์
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่ไม่ได้เห็นมานาน ยังคงความสูงศักดิ์ของผู้ดีไม่เสื่อมคลาย ชายหนุ่มร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ ที่ทำให้นักเรียนหญิงในห้องตาเป็นรูปหัวใจเป็นแถบๆ
"น้องสาวผมมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะ"
พี่เซดลิกลุกออกจากวงล้อมของเพื่อนในห้อง ก่อนจะเดินมาตรงหน้าฉันที่กำลังยืนจ้องมองพี่ชายอย่างโง่งม พี่เซดลิกก็โอบบ่าเธอก่อนจะพาออกมาจากห้องดื้อๆ
"เอ๋ พี่จะพาไปไหน"
ฉันตกใจเมื่อพี่ชายพาเธอเข้าไปในรถสุดหรูสีดำ มีการด์หน้าเถื่อนสองคนนั่งเบาะข้างหน้ารถและมีหนึ่งคนเป็นคนขับ
"พี่ขออนุญาตครูประจำวิชาและผู้อำนวยการแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะว่ากลับไปแล้วจะโดนว่า" พี่เซดลิกพูดพลางลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ฉันมองปริบๆเพราะไม่ได้คิดเรื่องอะไรนั้นเลย
เมื่อรถเคลื่อนออกก็มีรถอีกสองคนขับตามหลังมา.. แต่เป็นรถยี่ห้อเดียวกันฉันจึงรู้ว่านั้นคือคนของพี่ชายที่ตามมาคุมกันหรืออารักษ์ขา...
ต้องโอเวอร์ขนาดนี้ไหมเนี่ย...
'อย่างกับเธอกำลังอยู่ในหนังมาเฟียอย่างไรอย่างนั้นเลย'
ฉันคิดในใจอย่างหวั่นๆ ไม่ใช่ว่าพี่ชายไปต่างประเทศบ่อยๆเพราะไปตั้งฐานเป็นมาเฟียที่โลกมืดหรอกนะ?
ดวงตาสีทะเลของชายหนุ่มก้มมามองสีหน้าของน้องสาวที่ยังคงความน่ารักอยู่เสมอ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มขำเมื่ออ่านความคิดผู้เป็นน้องสาวออกทั้งหมด
"ยัยตัวแสบคิดอะไรอยู่.. มันแสดงออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว"
ปึก!
"โอ๊ย" พี่ชายดีดหน้าผากเธอจนฉันน้ำตาเล็ด ฉันยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมหันหน้าหนีชิดหน้าต่างรถ พี่เซดลิกเห็นอาการเช่นนั้นกลับหัวเราะชอบใจมากกว่าสำนักผิด
"อ้าว งอลซะแล้ว ฮ่ะๆ"
ก่อนที่พี่ชายจะตามเอ่ยง้อเธอด้วยการพาไปที่ๆฉันอยากไป แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่เขาจึงพาเธอขับรถเล่นชมบรรยากาศไกลๆแทน
พร้อมฟังฉันเล่าเรื่องชีวิตวัยเรียนในแต่ละวันให้พี่ชายฟัง พี่เซดลิกก็ฟังยิ้มๆดูเขาไม่รำคาณเลยมีแต่เร่งให้เธอเล่าต่อ
ฉันก็เลยติดลมจนเล่าเพลิน พี่ชายพาเธอไปหาอะไรทาน เดินเล่นบ้างไม่ก็ไปร้านหนังสือกัน เป็นการมาเที่ยวที่ไม่ได้เป็นทริปใหญ่อะไร แต่เธอกับพี่ชายกลับผ่อนคลายอย่างที่สุด!
จนหมดไปสองชั่วโมงอย่างที่ไม่รู้ตัว พี่ชายถึงได้ก้มมองนาฬิกาพร้อมทำหน้าเสียดาย เมื่ออยู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาแต่พี่ชายตัดสายทิ้ง
"ครบเวลาที่ขออนุญาตครูออกมาแล้วนะ เดียวพี่จะพาไปส่งที่โรงเรียน"
ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเช่นนั้น ในใจฉันก็โหวงๆเหมือนอะไรขาดหายไป..เพราะไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง
แต่ไม่แน่เขาอาจจะอยู่ที่นี่หลายวันก็ได้..? เธอคิดในใจอย่างคาดหวัง
"พี่ชายจะอยู่ที่นี่อีกกี่วันคะ?" เธอถามเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะผิดหวังในประโยคถัดมา
"ขอโทษนะไดอาน่า.. พี่ก็อยากอยู่ต่อ..แต่ยังมีธุระที่ต้องแวะไปทำอีก...อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ"
พี่เซดลิกลูบหัวน้องสาวที่กำลังทำหน้าเศร้าอยู่ เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมหอมหัวน้องสาวไปสองฟอดใหญ่ๆ
"ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกสักหน่อย?" เสียงทุ้มเอ่ยปลอบบอกอย่างอ่อนโยน ทำให้ขอบตาเธอร้อนพร่าวจนต้องซุกตัวเข้าหาไออุ่น
ไม่อยากบอกเลยว่าเธออยู่ที่นี่คนเดียวมันเหงามากๆ
สัมผัสที่อบอุ่นบนอุ้งมือแกร่งของคนตรงหน้า ทำให้ฉันโหยหาและนึกถึงตอนที่ครอบครัวพวกเราอยู่กันพร้อมหน้า ฉันไม่รอช้าพุ่งเข้าไปกอดพี่เซดลิกแน่นๆทันที
"ขอโทษที่ต้องให้น้องอดทนมาตลอดนะ คงจะเหงาล่ะสิ...แต่ทุกอย่างใกล้จะจบแล้ว พี่จะกลับมาบริหารบริษัทแม่ต่อ จากนั้นเธอจะมาหาพี่ตอนไหนก็ได้ ดีมั้ย?"
งึกๆ
อะไรก็ได้ล่ะตอนนี้ ฉันพยักรับอย่างเดียว เพราะทำอะไรไม่ได้นี่นา เหมือนมีอะไรบางอย่างที่พี่ชายกับคุณแม่กีดกันเธอไม่ให้รับรู้ ทุกอย่างที่พวกเขาทำเห็นแก่ความปลอดภัยของเธอทั้งนั้น
แล้วฉันจะเห็นแก่ตัวคนเดียวไปได้ยังไง
วันนั้นพี่ชายใช้เวลาด้วยกันครึ่งวันก่อนที่เขาจะพาเธอไปส่งที่ห้องเรียน ฉันที่กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้งเพื่อไม่ให้พี่ชายต้องเป็นกังวล การที่ได้เจอคนในครอบครัวอีกครั้งคือเรื่องที่ดี
เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เศร้าให้เขาเห็นเด็ดขาด!
"อ๊ะ นาธานนี่ นาธาน!"
ตอนระหว่างที่พี่ชายกำลังกลับพอดี ฉันก็เจอเพื่อนสนิทที่อยากแนะนำให้พี่ชายรู้จัก เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงปกหน้าปกตากำลังเดินหอบสมุดวาดภาพไปที่ไหนสักแห่ง
กึก
เขาหยุดชะงักตามเสียงเรียกก่อนที่จะกวาดสายตามองมาที่พวกเธอ
"ไดอาน่า? กลับมาแล้วเหรอ" นาธานถามเสียงค่อยเมื่อเห็นว่าตรงนี้ยังมีคนอื่นยืนอยู่ด้วย เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่ฉันจะคว้าแขนเขามากอดอย่างดีใจ
"นายมาพอดีเลย... พี่เซดลิกนี้นาธาเนียลค่ะ! เขาเป็นเพื่อนที่นั่งโต๊ะเรียนด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนคนแรกที่หนูสนิทที่สุดด้วย!"
เธอแนะนำเสียงใสอย่างอารมณ์ดี พี่เซดลิกก้มมองนาธานด้วยใบหน้าอ่อนโยน..แต่สายตากับกำลังพิจารณา
"ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณที่ยอมเป็นเพื่อนให้ไดอาน่านะ ตั้งแต่เกิดมาเธอถูกที่บ้านเข้มงวดเลยไม่เคยมีเพื่อนสนิทเลย มีเธอคนแรกที่ไดอาน่ายอมรับเลยนะ"
พี่เซดลิกว่าด้วยน้ำเสียงดีใจเล็กๆ ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงที่ก้มหน้าจนผมปรกตาอยู่ก็เงยขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
"เพื่อนสนิท?" เด็กหนุ่มถามเหมือนว่าฉันพูดจริงเหรอ
เธอจึงรีบพยักหน้าไปทันที ว่าฉันได้มัดมือชกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทเธอคนแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว
"คนแรกด้วย!" ไดอาน่าต่อประโยคคำถามนาธาน
นาธาเนียลที่ตอนแรกๆดูประหม่าๆก็เริ่มดีขึ้น เขาหันมายิ้มตาหยีอย่างน่ารักให้เธอ
"อื้ม! เธอก็เป็นเพื่อนสนิทของผมเหมือนกัน"
ฉึก!
แทบกระอักเลือดกับรอยยิ้มหวานๆนั้นออกมา....มันช่างทำดาเมจจริงแท้!
เหมือนโดนลูกศรปักกลางใจ ฉันแทบอยากจะกระโดดเข้าไปฟัดนาธานชมัด ถ้าไม่เกี่ยงว่าเธอเป็นผู้หญิงนะ แถมพี่ชายยังมายืนมองอยู่อีก ฮึ๊ย....!
"...อะ..!"
เสียงอุทานเล็กๆของนาธานและการเบิกตากว้างของเธอ เมื่ออยู่ๆ...พี่ชายที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่แรกก็ขยับตัวเคลื่อนไหว
"เธอ..ชื่อนาธาเนียลสินะ" ปลายนิ้วเลิกผมด้านหน้าของนาธานอย่างถือวิสะ พร้อมนิ่งเงียบไปนานเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง
"อะ เอ่อ.. ครับ.." นาธานดูประหม่าพร้อมตื่นกลัวมาก เขาแอบส่งสายตาให้เธอทำอะไรสักอย่าง!
แต่ฉันจะไปทำอะไรได้กันเล่า! อาการแบบนี้เธอไม่เคยเห็น!?
เมื่ออยู่ๆพี่ชายที่อ่อนโยนของเธอทำหน้าจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก...ดวงตาสีฟ้าทะเลนั้นเบิกกว้างตกใจ
ถึงแม้พี่เซดลิกตอนโกรธมากๆเขาก็ยังยิ้มเลย แต่ตอนนี้เขากลับไม่แม้แต่ยิ้มเอาแต่จ้องเข้าไปที่หน้านาธาเนียลเงียบๆ
"...พะ พี่" ฉันไม่รู้จะทำยังไง เมื่อเห็นพี่เซดลิกกำลังบีบคางนาธาเนียลให้เชิดขึ้นสูงๆ พร้อมก้มลงมามองใกล้ๆจนใบหน้าพวกเขาแทบจะแตะกันอยู่แล้ว
"....!"
ฉันเห็นดวงตาสีฟ้าทะเลของทั้งคู่จ้องกันไม่กระพริบ ทำให้เธอตระหนักรู้แจ้งได้ตอนนั้นเอง...!
อยะ อย่าบอกนะว่า... นั้นน่ะ นั้นใช่มั้ย..?
รักแรกพบ!?
มันเป็นรักแรกพบใช่มั้ยเนี่ย!?
ตอนแรกก็แอบฟินเล็กน้อยอยู่หรอก แต่พอคิดว่าที่นี่มันในโรงเรียน แถมมีโอกาสที่จะมีใครเดินผ่านมาเห็นได้ทุกเมื่อ เธอก็ได้สติแย่งมะเขือเทศมาซุกอกเธอทันที
"อย่ารังแกน้องมะเขือเทศนะ ถึงเป็นพี่เซดลิกก็เถอะ" ฉันทำหน้าจริงจังและกอดนาธานแน่นเหมือนงูหวงไข่
"มะเขือเทศ?" พี่เซดลิกดูงงๆ ก่อนจะเห็นสีผมของนาธานที่เป็นสีแดง แล้วพี่ชายทำหน้าเข้าใจเหมือนบรรลุ
"ของน้องหรือ?" พี่เซดลิกดูเหมือนกำลังสนุก เขาชี้ไปที่นาธาเนียลที่ทำหน้างงสุดขีดแต่ใบหูกับแดงแปร๋ดในอ้อมแขนของเธอ
"ใช่ค่ะ นาธานน่ะคือของหนู!"
'มะเขือเทศน้อยของเธอน่ะ มีคนที่ชอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่ชายจะมารังแกพระรองของเธอไม่ได้นะ!'
นี้คือสิ่งในใจที่เธอคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป เดียวกลายเป็นเปิดโปงความลับของเพื่อนเธอไปด้วย
ตุบ!
ควับ
เสียงดังตุบเหมือนอะไรร่วงตก ทำให้พวกเราสามคนหันไปมอง
"....!?"
ก่อนจะพบว่ามันคือหนังสือที่หล่นกระจัดกระจาย และคนที่ถือมันคือ...มาริเน็ต...กับเอเดรียน!?
พวกเขามาทำอะไรที่นี่เนี่ย แถมมาพร้อมกันอีกด้วย!
ฉันกับนาธานแข็งกึกไปทันใดด้วยสาเหตุอะไรไม่ทราบ
"อะ เอ่อ..ขอโทษค่ะ!" มาริเน็ตได้สติคนแรกเธอทำหน้าไม่ถูก ก่อนเธอจะก้มลงไปเก็บสมุดเล่มเล็กที่ทำหล่น ฉันสังเกตเห็นสมุดสีดำคุ้นตา เหมือนจะเป็นสมุดวาดรูปของนาธาน!
..หรือว่าสองคนนี้กำลังนัดจะไปด้วยกันฟร่ะ??
"นาธาเนียลพี่ขอเบอร์เธอหน่อยได้ไหม?" พี่เซดลิกที่ไม่สนใจบรรยากาศแปลกๆระหว่างพวกเราเอ่ยพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมา
นาธานทำหน้างงเหมือนเขาตามไม่ทัน แต่ก็ยอมกดเบอร์ตัวเองให้อย่างง่ายดาย ใจง่ายซะจนฉันอยากจะกุมขมับ.. หลังจากที่พี่ชายได้เบอร์มาแล้วเขาก็ยิ้มเหมือนดีใจนักหนา
"ไว้พี่จะโทรไปถามอะไรหน่อยนะ"
"ครับ.."
นาธานพยักหน้ารับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่พี่เซดลิกจะหันมามองฉันที่ทำหน้าอย่างไรไม่ทราบ แต่พี่ชายถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมาแล้วขยี้หัวเธอเหมือนหมั่นเขี้ยว
"น้องอย่าลืมรับสายแม่วันนี้ด้วยล่ะ"
อะไรน่ะ..ทำไมต้องพูดเหมือนมีตาทิพย์รู้ว่าคุณแม่จะโทรมาด้วย รู้ไหมว่าตอนนี้เครียดเลยเนี้ย..
พี่เซดลิกทิ้งคำพูดกำกวนแปลกๆไว้ ก่อนที่ฉันจะขอตัวผละออกมาเพื่อไปส่งพี่ชายขึ้นรถ
"ไว้เจอกันใหม่เร็วๆนี้นะ"
"ค่ะ"
พี่ชายหอมแก้มฉันสองฟอดใหญ่ๆ เขายิ้มและส่งสายตาเหมือนไม่อยากไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจสั่งให้บอดี้การด์ขับรถไปที่ไหนสักแห่ง
"พี่ชายเธออ่อนโยนชะมัดเลย" แจสเปอร์เอ่ยกระซิบกระซาบออกมาจากกระเป๋า ฉันพยักหน้ายิ้มบางๆอย่างเห็นด้วย เธอยืนมองส่งรถพี่ชายจนลับสายตาขณะที่ในใจก็คิดคำพูดพี่ชายไปด้วย
คุณแม่จะโทรมาทำไมนะ..?
30%
.................................
............
...
หลังจากเลิกเรียนเสร็จเธอก็แวะไปที่หนึ่งก่อนกลับบ้าน
ภายในห้องที่มีเครื่องเรือนเก่าแก่และมีกลิ่นอายจีนจางๆ มีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งจิบน้ำชาบนเสื่ออย่างสบายอุรา ก่อนเปลือกตาที่ปิดกันอยู่นั้นจะลืมขึ้นมาในเสี้ยววิพร้อมหรี่ตาลงจนคมกรีบ
เพียะ!
โอ๊ย!
เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้นมาเป็นพักๆ เมื่อชายชราฟาดไม้บางๆไปที่ขาของเธอ ไดอาน่าที่ตอนแรกเกือบเสียสมดุลกลับมายืนมั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ดวงตาสีฟ้าครามกำลังดูอ่อนล้าเล็กน้อย สองแขนและขาก็สั่นงึกๆจากการฝึกยืนท่าแปลกๆร่วมชั่วโมงแล้ว บนหัวของเธอมีถ้วยน้ำชาที่บรรจุน้ำเปล่าธรรมดาไว้บนหัว
"อย่าใจลอย! แขนขวาตกลงนิดหนึ่งแล้ว" มาสเตอร์ฟูที่ดูเพลินๆเหมือนกำลังชมวิวจิบน้ำชาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับไม้เรียวก้านเล็กๆที่ตีไปที่แขนข้างที่ว่าทันที
เพียะ
"อึก.. มันเหนื่อยนี่นา เมื่อไหร่จะได้พักเนี่ยมาสเตอร์" ฉันร้องคร่ำครวณอย่างทรมาน สองมือก็กางออกและขาข้างหนึ่งยกขึ้นไว้ขณะที่อีกข้างรองรับน้ำหนักตัวทั้งหมด
ไม่หมดแค่นั้น! บนหลังแขนเธอก็มีถ้วยน้ำชาถูกมิสเตอร์ฟูวางเอาไว้เช่นกัน ชายชราบอกว่ามันจะฝึกจิตและกายให้ร่วมเป็นหนึ่งได้ดี แต่เธอรู้สึกเหมือนกายและจิตกำลังโดนทรมานมากกว่า!
"โทษตัวเองเถอะที่ยังควบคุมพลังหยกไม่ได้ซะที" มาสเตอร์ฟูที่พลันตัวมาเป็นอาจารย์สอนควบคุมพลังจิ้งจอกของเธอเอ่ยขึ้นอย่างเพลียใจ..
"นั้นน่ะสิ.. ทำไมเธอมันอ่อนปวกเปียกอย่างนี้ล่ะไดอาน่า ไม่ไหวๆ" แจสเปอร์ก็เลียนแบบมิสเตอร์ฟูจิบชาถ้วยเล็กๆที่ถูกทำมาสำหรับความิเช่นพวกเขาไว้
"ได้แค่นี้ก็สุดยอดมากแล้วครับ ผู้ถือครองคนก่อนๆของจิ้งจอกสีเงินยังทำได้ไม่เท่าคุณไดอาน่าเลย"
ความิสีเขียวที่มีรูปร่างเป็นเต่าเอ่ยอย่างปลอบใจ ฉันเหมือนเห็นแสงส่องลงมาในความมืดมิด ไม่ว่าจะอาจารย์ฟูหรือแจสเปอร์ก็ใจดำกับเธอ!
มีแค่เด็กคนนี้แหละที่ใจดีกับเธอคนเดียว ฮือๆ
เด็กคนนี้ที่ว่ากลับแก่กว่าแจสเปอร์หลายพันปี เห็นแจสเปอร์ว่าเขาอายุเกิน6000ปีไปแล้ว...เขาชื่อ'เวซ์' ผู้ถือครองของเขาคือมิสเตอร์ฟู เป็นความิรุ่นแรกๆที่เกิดก่อนคนอื่น
"ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...พลังของจิ้งจอกสีเงินมันไม่สมดุลแแต่แรกแล้ว...แต่ว่าก็ยังพอมีทางช่วยให้เธอควบคุมได้เร็วอยู่"
ชายชราลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่เครื่องดนตรีโบราณที่เขาหวงแหน ฉันที่กำลังยืนฝึกงงๆก็ได้แจสเปอร์กับเวซ์มาช่วยเอาถ้วยน้ำชาออกทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาพักแล้ว
"อะไรหรือคะ?" มาสเตอร์ฟูไปหยิบบางอย่างมาจากกล่องของมิคาเคิลสโตร์
"ฉันจะเปลี่ยนวิธีฝึก นับจากนี้ไปให้เธอฝึกควบคุมมิคาเคิลสโตร์สองชิ้น" เมื่อมาสเตอร์ฟูพูดจบฉันก็แทบร้องเสียงหลง
"เอ๋! อาจารย์จะบอกว่าให้เวซ์เป็นพาร์ทเนอร์คนที่สองของฉันเหรอ" พูดจบฉันและแจสเปอร์พร้อมใจกันหันไปมองเวซ์ทันที....
"ไม่ใช่หรอก เด็กคนนั้นคือ'ซอลย่า'ต่างหาก" เมื่อชายชราเอ่ยจบก็แบมือออก ฉันก็พบว่ามันคือกล่องของมิราเคิลนั้นเอง..
"มันคือสร้อยคอจิ้งจอกอีกอันหนึ่ง" มาสเตอร์เฉลยให้ฟัง
ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่รู้ว่ามันคือสร้อยคอจิ้งจอก แต่บางอย่างทำให้ฉันนึกแปลกใจเพราะดูเหมือนว่าความิจะไม่ใช่ตัวเดิม เพราะเด็กคนนี้ชื่อ'ซอลย่า'ไม่ใช่'ทริกซ์'ที่ฉันเคยเห็นในชาติก่อน?
คนละตัวกันงั้นเหรอ
"ซอลย่าน่ะเหรอ? เอาจริงเดะ!" แจสเปอร์เหมือนจะรู้จักเพราะเขาตาโตก่อนจะเอ่ยเสียงเหมือนลำบากใจ...?
"ใช่ ฉันลืมบอกเธอไปว่าพลังปาฏิหาริย์ของพวกเธอเดิมทีแล้ว ได้ถูกแบ่งเป็นสองส่วนเมื่อหลายพันปีก่อน พูดอีกอย่างก็คือแจสเปอร์และซอลย่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมาก่อน...พวกเขาเป็นพี่น้องกัน"
"พี่น้อง.." ฉันจ้องมองแจสเปอร์ที่กำลังบินดูกล่องในมือของมาสเตอร์ฟูอย่างสนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็เหมือนแจสเปอร์อยากจะบินหนีไปให้ไกล
"เดิมทีแล้วมันเคยเป็นสร้อยคอจิ้งจอกอันเดียวกันมาก่อน และมีความิชื่อทริกซ์ประจำอยู่..แต่เพราะมันได้ถูกแบ่งเป็นสองเลยเกิดเป็นแจสเปอร์และซอลย่าขึ้นมาทีหลัง"
ชายชรายื่นกล่องมาให้ฉันถือไว้ในมือ ฉันเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที..เพราะตอนที่ฉันตายฉันยังพอทันดูเรื่องเลดี้บัคที่เขาได้สปอยว่าฮิโร่คนต่อไปคือใคร แล้วมิคาเคิลสโตร์ที่ว่าคือความิจิ้งจอกที่ชื่อ'ทริกซ์'
แต่ไม่รู้ทำไมที่โลกนี้จิ้งจอกหนึ่งตัวกลับถูกแบ่งกลายเป็นสองตัวซะได้...
"ฉันเดาว่าที่เธอควบคุมพลังไม่ได้สักทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ เพราะพวกเขาเคยเป็นส่วนหนึ่งกันมาก่อน ถ้าได้ลองสัมพัสกันดูไดอาน่าอาจจะใช้พลังของมันได้เต็มที่ก็ได้.. ไม่แน่ว่าเธออาจจะใช้พลังของจิ้งจอกเก้าหางได้เลย"
มิสเตอร์ฟูพูดสิ่งที่คาดเดาออกมา ทำให้ฉันตาลุกวาวอย่างตื่นเต้นเพราะฟังแล้วดูน่าสนุกดี
"ฟังดูสุดยอดจัง แล้วซอลย่าคือเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง?" ฉันยังไม่ได้เปิดแต่ถามมิสเตอร์ฟูก่อน
"ผู้หญิง เธอเป็น'จิ้งจอกแดง'" แจสเปอร์เป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นแทน เมื่อฉันเปิดกล่องสร้อยคอจิ้งจอกก็ปรากฎแสงสว่างวาปไปทั่วห้องด้วยแสงสีส้มออกมา
ก่อนกลางอากาศจะมีบางอย่างโผล่ออกมา มีหูและหางจิ้งจอกสีแดงออกส้มปลายหูและหางเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เธอมีดวงตาสีอำพันเหมือนแจสเปอร์
เธอเป็นจิ้งจอกแดงอย่างที่แจสเปอร์ว่า ดูไม่ต่างจากแจสเปอร์เท่าไหร่ยกเว้นสีขนและดวงตาที่ดูหวานกว่า ร่วมถึงเส้นขนด้วย
"สวัสดีมาสเตอร์ฟู! ไม่ได้เจอท่านนานเลย! ดูแก่ขึ้นนะ?" ซอลย่าเอ่ยทักทายชายชราด้วยน้ำเสียงร่าเริ่ง แต่ประโยคหลัง...แฮ่ม มาสเตอร์ฟูกลับหน้าทะมึนอย่างน่ากลัว
เธอดูเป็นความิที่กระฉับกระเฉงจนฉันต้องแอบเหลือบมามอง เปรียบเทียบความิตัวเองที่ลอยเอือยๆเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มข้างๆ อื้ม.....
นิสัยดูแตกต่างกันสุดขั้วเลย..นี้เคยเป็นความิตัวเดียวกันมาก่อนจริงปะเนี้ย
"โอ้ แล้วเธอคนนี้คือใคร?" ซอลย่าเพิ่งสังเกตเห็นฉันเข้า ฉันเลยยิ้มหวานทักทายไปด้วยความเป็นมิตร
"เธอคือผู้ถือครองพลังของจิ้งจอกสีเงิน ชื่อไดอาน่าและความิของเธอคือแจสเปอร์ ที่เธอน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว..."
ชายชราเอ่ยแนะนำพร้อมอธิบายว่าซอลย่าจะต้องมาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับแจสเปอร์ด้วย
"ได้เลย! ฉันรู้จักแจสเปอร์ดี เขาคงทำเธอเพลียใจมากใช่มั้ยล่ะ" ซอลย่าพูดเสียงร่าเริ่งอย่างอารมณ์ดีก่อนจะทำหน้าทำตาเหมือนเห็นใจเธอที่ได้มาดูแลแจสเปอร์
"เฮ้! ฉันออกจะเป็นเด็กดีนะ ใช่มั้ยล่ะไดอาน่า!" แจสเปอร์รู้สึกเหมือนโดนซอลย่าดูถูกเขาเลยหันมาหาพวกทันที ฉันเลยหัวเราะเสียงใสก่อนจะพยักหน้า
"ใช่..แจสเปอร์เป็นเด็กดี โดยเฉพาะตอนที่ได้บลูเบอรี่เป็นสินบนอ่ะนะ" เธอว่าอย่างนั้นทำให้แจสเปอร์หันมาโวยวายว่าเธอหักหลังเขานี่นา พวกเราเลยหัวเราะขำแจสเปอร์กันทุกคน
"เอาล่ะ หมดเวลาฝึกของวันนี้แล้ว กลับไปเตรียมตัวมาดีๆหลังจากนี้พวกเธออาจจะต้องเหนื่อยกันหน่อย" ชายชรามองเวลาบนผนังที่หมดเวลาของตารางเรียนวันนี้แล้ว ฉันเลยเอ่ยขอบคุณมาสเตอร์พร้อมกับแจสเปอร์และซอลย่าที่ดูตื่นเต้นดีใจที่จะได้ออกไปข้างนอก
"ฉันไม่ได้ออกมาข้างนอกนานเท่าไหร่แล้วนะ ดูน่าสนุกจังเลย" ซอลย่าที่หลบเข้าไปในกระเป๋าสพายของเธอร่วมกับแจสเปอร์พูดออกมาอย่างตื่นเต้น
"อย่าทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงอย่างนั้นสิ" แจสเปอร์ที่ดูเหมือนยังเจ็บแค้นซอลย่ายังไม่หายเลยแกล้งพูดจิกเข้าให้ ทำให้ซอลย่าที่กำลังมองรอบข้างอย่างตาวาวหันมาถลึงตาดุใส่
"เอาน่าทั้งสองตัว.. ต้องการบลูเบอรี่หน่อยมั้ย..เอ๋ ว่าแต่ซอลย่าเธอกินอะไรงั้นเหรอ"
"บลูเบอรี่ของโปรดฉัน!" ซอลย่าร้องเสียงสูงอย่างดีใจ แต่แจสเปอร์ร้องฮึ!เหมือนไม่ถูกชะตา
เป็นอันว่าโชคดีที่กินเหมือนกัน ฉันเลยไม่ต้องไปหาที่ไหนอีก เลยยื่นอันเดิมของแจสเปอร์ให้ซอลย่าแบ่งๆกันกิน
"เฮ้! นี้ลูกของฉัน" แจสเปอร์ตะบบลูกบลูเบอรี่ลูกหนึ่งเอาไว้ มันดูใหญ่กว่าลูกอื่นเป็นพิเศษ...
"พูดอะไร ของฉันต่างหาก!" ซอลย่าไม่ยอมเธอก็ตะบบลูกเบอรี่นั้น ก่อนที่พวกเขาจะส่งเสียงขู่ออกมาเหมือนจะกัดกันอย่างนั้นแหละ
"เฮ้ๆ อย่ามาทะเลาะกันในกระเป๋าฉันนะ!"
ฉันเลยต้องคอยห้ามดุพวกเขาว่าอย่าทะเลาะกันเป็นพักๆ กว่าจะได้กลับถึงบ้านฉันก็แทบอยากกุมขมับไปตลอดทาง
'ตกลงซอลย่าจะมาช่วยเธอคุมแจสเปอร์...หรือจะมาป่วนกว่าเดิมกันเนี่ย...'
หลังจากที่กำชับให้ความิจิ้งจอกสองตัวในกระเป๋าอยู่กันเงียบๆ รถลีมูซีนสีดำก็ขับเคลื่อนมาถึงพอดี เธอเลยขึ้นไปนั่งดูข้างทางเงียบๆรอให้ถึงคอนโด
หือ?
"มิแรนด้า? เธอจะพาฉันไปไหนน่ะ" หลังจากขึ้นรถมาได้สักพักเธอก็เอ่ยถามแปลกใจ
เพราะมิแรนด้าอยู่ๆก็หักเลี้ยวรถไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับคอนโด เป็นเส้นทางที่คุ้นเคยฉันเลยสงสัย
"ขอโทษค่ะคุณหนู เมื่อกี้นายหญิงโทรมาบอกว่าให้คุณหนูกลับคฤหาสน์ของตระกลูซีมัวร์ด่วนเลยค่ะ"
มิแรนด้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลพล้อยทำให้ฉันตื่นตระหนกไปด้วย
"เพราะอะไร?"
"ไม่ทราบค่ะ..แต่เหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ"
พอมิแรนด้าพูดจบฉันก็นั่งเงียบพร้อมขบคิดไปด้วย...อย่าบอกนะว่าที่พี่เซดลิกเตือนว่าคุณแม่จะโทรมาคือตอนนี้?...
เมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์ฉันก็ถูกต้อนรับโดยเหล่าเมดและบัลเลอร์ทั้งหลาย พวกเขาดูกระฉับกระเฉงกันแปลกๆ และเหมือนจะดูวุ่นวายกันหน่อยๆด้วย
"เกิดอะไรขึ้นกันน่ะลูเซียน ทำไมพวกเมดถึงได้ออกมาเยอะขนาดนี้" เธอเดินมองรอบๆอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามผู้อาวุโสสุดในที่นี่
"คุณหนูรอฟังข่าวดีจากนายหญิงฮิซาเบลล่าจะดีกว่าขอรับ" ขณะพูดลูเซี่ยนยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
ฉันเลยสงสัยหนักกว่าเดิมว่าเพราะอะไรทำไมทุกคนถึงได้ดูดีใจกันจังเลย?
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
"คุณหนูคะ มีทนายมารอคุณหนูที่ห้องรับแขกค่ะ" เสียงแม่บ้านที่เดินมาแจ้งว่านอกจากพวกเหล่าเมดแล้วยังมีคนอื่นในที่นี่ด้วย
"......" เอาล่ะเว๊ย! ฉันรู้สึกว่ามันสักจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วสิ
เมื่อสำรวจตัวเองว่าแต่งตัวเรียบร้อยทุกอย่าง เธอก็พยักหน้าให้แม่บ้านเดินนำไปห้องรับแขกทันที
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอก็พบชายหนุ่มอายุราวๆ สามสิบสี่สิบต้นๆดูท่าทางเอาการเอางานนั่งรออยู่ น้ำชาบนโต๊ะเขาไม่แม้แต่จิบเลยสักนิด...
"สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะฉันไดอาน่า ซีมัวร์ แล้วคุณมิสเตอร์...?" เธอย่อตัวทักทายแบบผู้ดีก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาตรงข้ามชายหนุ่ม พร้อมยื่นมือไปจับแสดงความรู้จักซึ่งอีกฝ่ายก็ยื่นมือมาจับเช่นกัน
"สวัสดีครับผมชื่อ'ไซบาอิ'เป็นลูกน้องคุณพ่อของท่านครับเป็นคนญี่ปุ่น แต่คุณหนูจะเรียกอีธานก็ได้เพราะมันออกเสียงยาก.."
อีธานหรือไซบาอิยิ้มพูดเสียงอ่อน เขาหน้าตาดูไม่ค่อยเหมือนคนญี่ปุ่นเลย วิธีการพูดก็ชัดถ้อยชัดคำมาก ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนญี่ปุ่นฉันก็คงดูไม่ออก..
อีกอย่างเขามองเธอด้วยแววตาเหมือนมองลูกหลานคนหนึ่ง
"รู้จักคุณพ่อด้วยหรือคะ..?" ฉันมองเขาอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าเป็นลูกน้องคุณพ่อ "เขาเป็นคนยังไงหรือคะ! คุณแม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องคุณพ่อให้ฟังเลย...อะ ขอโทษค่ะฉันตื่นเต้นไปหน่อย.."
เธอก้มหน้าเล็กๆอย่างสำนักผิดที่เผลอพูดนอกประเด็นแล้วยังพูดเสียงดังอีกต่างหาก.. อีธานหัวเราะเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตำหนิอะไรเขาดูมีความสุขมากกว่า ก่อนจะเอ่ยปลอบเธออย่างใจดี
"คุณพ่อคุณหนูเป็นชายหนุ่มที่เก่งกาจมากครับ ใครๆต่างก็เคารพรักและเชิดชูเพราะว่าเขาเป็นคนที่ใจดีมากๆ ที่จริงผมเป็นรุ่นน้องเขาที่ญี่ปุ่นและได้เรียนที่เดียวกัน"
ฉันยกชาขึ้นมาจิบฟังเงียบๆพร้อมกับเก็บข้อมูลไปด้วย
"พอดีว่าผมเคยไปสร้างปัญหาที่หนึ่งมา จากนั้นก็ถูกรังควานช่วงหนึ่ง ไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับเข้าทำงานจนแทบไม่มีอันจะกิน บังเอิญคุณพ่อคุณหนูมาพบเข้าเลยรับผมเข้าทำงานที่บริษัทเดียวกันครับ จริงๆมันมีเรื่องเยอะกว่านี้มากพูดวันเดียวก็คงไม่หมด แต่หลังจากที่เขาเสียไป กระผมก็พลันตัวไปทำงานเป็นทนายและคอยเก็บความลับของตระกูลซีมัวร์ไว้ให้มาตลอด..."
ความลับ...ของตระกูลซีมัวร์?
"ความลับอะไรคะ.." เธอทำหน้าสงสัย
"ฟังจากปากท่านประธานจะดีกว่าครับ" อีธานไม่ยอมบอกแต่เขาส่งซิกให้ลูเซียน ลูเซียนก็พยักหน้าก่อนจะหยิบรีโมทอะไรบางอย่างมากด ทำให้ทีวีจอยักษ์โผล่ขึ้นมาจากผนัง...มีแบบนี้ด้วย!
ฉันทำหน้าสับสนมากเพราะไม่เข้าใจ ก่อนที่ทีวีบนจอยักษ์จะปรากฏภาพหญิงสาวสะสวยคนหนึ่งที่ดูเข้มงวดขึ้นมา
"คุณแม่!" หญิงสาวคนนั้นคือฮิซาเบลล่าหรือคุณแม่ของฉันเอง ดูเหมือนว่าคุณแม่เพิ่งเลิกงานเพราะเธอดูแต่งตัวสบายกว่าปกติ
"ไดอาน่า...แม่มีเรื่องที่ปิดลูกมาตลอด" คุณแม่เอ่ยเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ทำให้ฉันคิดไปต่างๆนาๆ
ส่วนมากก็เป็นเรื่องร้ายๆทั้งนั้น
"อย่าบอกนะคะว่า..." เธอแกล้งปิดปากตัวเองด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะเอ่ยถามเสียงจริงจัง
"หนูไม่ใช่ลูกคุณแม่!?"
ฉันถูกเก็บมาเลี้ยงใช่มั้ย!?
........
ชั่ววูบหนึ่งไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม..ที่ทุกคนพากันเงียบก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นเพราะอะไรสักอย่าง
"ไดอาน่า..." คุณแม่ที่หายอึ้งจากประโยคเมื่อกี้กำลังหรี่ตาลงเหมือนอดกลั้นอย่างน่ากลัว ฉันเลยหัวเราะแห้งๆบอกว่าจะไม่หยอกเล่นแล้ว
"ก็ดูเหมือนกำลังพูดเรื่องเครียดกันนี้คะ..หนูไม่ค่อยชอบเรื่องเครียดๆกันเท่าไหร่ ก็เลยพูดเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยเพราะว่าไม่อยากให้เครียดกันเกินไป ถ้าเกิดเรื่องที่คุณแม่ว่าไม่ใช่เรื่องที่หนูเป็นลูกรับมาเลี้ยงก็โล่งใจแล้วล่ะค่ะ"
แค่นี้ก็โล่งใจแล้วว่าจะได้รับมรดกแน่ๆ-แค่ก!
เธอจงใจพูดเสียงร่าเริ่งเพื่อทำให้คนในห้องยกยิ้มขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เมื่อกี้ที่ทำหน้าเหมือนปวดขี้กันอย่างนั้น อะไรนะ? พูดปวดขี้ไม่ได้เหรอ..มันไม่ดูเป็นกุลสตรี? ช่วยไม่ได้ก็มันเหมือนจริงๆนิ
"เอาเถอะ ถ้าลูกว่าอย่างนั้นแล้วล่ะก็..." หญิงสาวถอนหายใจเล็กๆขึ้นมา สายตานั้นดูอ่อนอกอ่อนใจกับเธอมาก
"ความจริงแล้วลูกมีฝาแฝด"
อ้อ ฝาแฝด
...
เอ๋?
ควับ!
"อะไรนะคะ! แฝด?..หนูน่ะเหรอมีแฝด!?" ฉันหันกลับไปมองอย่างตกใจ คุณแม่ที่อยู่ต่างประเทศแต่กำลังคอลกับเธอตอนนี้พยักหน้าให้.. ดูไม่ได้พูดล้อเล่นแต่อย่างใด
"...มีพี่ฝาแฝดคนหนึ่ง"
อุแม่จ้าวววว!?
"แต่เขาหายสาบสูญตั้งแต่ลูกยังเด็ก"
ห๊ะ! ตายแล้วเหรอ!? ช็อกตกใจระดับสอง..
เอ๊ะ ไม่สิ.. เมื่อกี้คุณแม่บอกว่าเขาหายสาบสูญเฉยๆแปลว่ายังไม่เจอศพใช่มั้ย?
รู้สึกตัวเองเหมือนตกใจจนวิญญาณหลุดจากร่าง
"เขา...เป็นชายหรือหญิงคะ?" นานกว่าที่เธอจะส่งเสียงถามกลับได้ คุณแม่ก็ตอบเสียงนิ่งๆ
"ชาย"
'แฝดชาย...ฝาแฝดชายหญิงนี้เอง'
ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีฝาแฝดด้วย... นี้ฉันถูกปกปิดว่าตัวเองมีพี่น้องมาตลอดอายุสิบห้าปีเลยเหรอ?
"....." ฉันที่สติหลุดทำหน้าตาว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับมาจิบชาเพื่อตั้งหลักใหม่...ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ามือฉันสั่นอยู่นะ..พยายามดึงสติกลับมา ที่จริงแล้วพยายามไม่หลุดมาดคุณหนูตัวเองนั้นแหละ
ความจริงแล้วฉันอยากจะลุกขึ้นมา เหยียบโต๊ะตรงหน้าแล้วตะโกนขึ้นเสียงดังจนหมดมาดผู้ดีว่า.. 'แม่มจะบ้าหรือยังไงว่ะเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเพิ่งมาบอก!?'
แต่รู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นนอกจากจะมีคนตกใจ จนอาจจะมีคนตายแล้วเธอเสี่ยงจะโดนคุณแม่บินกลับประเทศเพื่อมาลงโทษเธอชัวๆ เพราะงั้นไม่เสี่ยงจะดีที่สุด
มันรู้สึกโมโหยังไงไม่รู้ เหมือนทุกคนรู้มาตลอดแต่ฉันไม่รู้เลย ก็พอคิดออกอยู่นะว่าคงเป็นห่วงว่าฉันจะเสียใจถ้ารู้ แต่เรื่องแบบนี้มันเรื่องใหญ่นะ? ไม่ใช่ว่าโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วเพิ่งจะมาบอก
ฮ่ะแฮ่ม..ขอโทษทีรู้สึกวันนี้เหมือนจะหยาบไปสักหน่อย
ฉันอุสาคิดว่าครอบครัวเรามีแค่นี้มาตลอด..ทำบุญก็ทำให้แค่พ่อแม่และพี่ชายคนเดียว
แถมหายสาบสูญไปอีก..ถ้าบอกให้รู้ฉันอาจจะช่วยพวกเขาตามหาได้ด้วย ไม่ใช่มารู้สึกผิดเอาตอนนี้ว่าทำไมฉัน ไม่ใช้เวลาว่างเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์โดยการตามหาฝาแฝดชายตัวเองซะ!
ฉันถอนหายใจก่อนจะนั่งนิ่งหลุบตาลงมองถ้วยชาในมือ แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบออกเย็นชาที่เหมือนกับอดกลั้นทำเป็นนิ่ง ภาพลักษณ์ตอนนี้ของเธอไม่ต่างจากคุณแม่ผู้เข้มงวดของตัวเองตอนนี้เลย
"แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอก.."
"......"
ผ่านไปสักพักคุณแม่ยังเงียบไม่ตอบ.. ทุกคนก็เงียบ ฉันก็นั่งก้มหน้าเงียบ ...ตกลงคือเงียบกันหมด
นานพอดูก่อนที่คุณแม่จะตอบขึ้นมา
"เพราะเราเจอเขาแล้ว"
ประโยคนี้ทำให้ฉันค่อยๆหันมามองด้วยใบหน้าสับสน ตลอดที่ใช้ชีวิตมาจนอายุ15ปี อยู่ๆวันหนึ่งก็เพิ่งจะมารู้ว่ามีฝาแฝด? แถมเขาหายไปตั้งแต่ยังเด็กไม่เคยบอกอะไรเลย จนตอนนี้เจอเขาแล้วเพิ่งจะมาบอก
ความรู้สึกมันทั้งรู้สึกผิด..ดีใจ..และกลัวที่จะได้เจอ มันตกใจจนรับข้อมูลไม่ทัน
"แม่อยากให้ลูกรู้ไว้แล้วไปเจอเขาเร็วๆ...ตอนนี้เด็กคนนั้นกำลังนั่งอยู่ห้องรับแขกห้องข้างๆ แม่จะให้ลูเซียนไปตามเขามาถ้า-"
ตึง!
ก่อนที่เสียงนั้นจะพูดจบฉันก็ลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ฉันเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ว่าเขาอยู่ห้องข้างๆนี้เอง ฉันสั่นศิรษะพร้อมกับลุกขึ้นก้าวถอยหลัง
"มะ ไม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้หนูไม่ว่าง...เอาไว้พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ค่อยเจอเขา"
"ไดอาน่า!"
"คุณหนู!"
เสียงเรียกจากข้างหลังไม่ได้ทำให้เธอหยุดวิ่งขึ้นไปข้างบนห้อง ฉันไม่สนใจว่าคุณแม่จะโกรธมากไหมที่เธอวิ่งหนีมาโดยทิ้งแขกเอาไว้อย่างนั้น
แกร๊ก!
เมื่อเข้าห้องตัวเองได้แล้ว เธอก็ทำการล็อคประตูแน่น พร้อมดึงกลอนประตูลงมาขังตัวเองเอาไว้
"โอ้ว..บ้าจัง มันน่าตกใจมาก" ซอลย่าบินออกจากกระเป๋าพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่หายตกใจ หลังจากที่ไดอาน่าลงไปนั่งบนเตียงแล้วเปิดให้พวกเขาออกมาข้างนอก
"ไม่เป็นไรนะ?" แจสเปอร์บินมาสะกิดไหล่เด็กสาวที่นอนจ้องเพดานนิ่งตั้งแต่เข้าห้องมา
"พวกเธอคิดว่า'เขา'จะเกลียดฉันไหม.." ในที่สุดเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมานิ่งๆ ทำให้ซอลย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริ่ง
"ไม่หรอกน่ะ! เขาต้องชอบเธอแน่!" ซอลย่าพูดด้วยเสียงร่าเริ่งประจำตัวของเธอ แจสเปอร์ก็พยักหน้ารับด้วย แต่ฉันกลับกระตุกยิ้มเหยียด..
"ขณะที่แฝดฉันเขาใช้ชีวิตลำบากอยู่ที่ไหนไม่รู้ แต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลยแล้วใช้ชีวิตมีความสุขต่อไปน่ะเหรอ? ขณะที่เขาไม่มีแม่และพี่ชายแต่ฉันมีทุกอย่าง? แน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เกลียดฉัน...?"
เสียงหวานเอ่ยกระซิบอย่างเจ็บปวด แจสเปอร์และซอลย่าหันมามองกันเพราะไม่สามารถตอบคำถามประโยคนี้ได้
"โธ่..อย่าคิดมากเลยนะ" พวกเขาจึงพากันไปถูไถแก้มของเด็กสาวที่นั่งซึมบนเตียง ไดอาน่าสูดจมูกตัวเองเพราะน้ำตาที่เริ่มคลอ
"ฉันอยากออกไปข้างนอก..ไปสูดอากาศให้สมองโล่ง! แจสเปอร์... tricks out! " เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะสวมสร้อยข้อมือ แล้วเปลี่ยนร่างเป็นซิลเวอร์ที่มีหูและหางจิ้งจอก
"ฉันไปด้วย!" ซอลย่าเอ่ยพร้อมบินมาดักหน้าเธอไว้เพราะกลัวไดอาน่าจะทะเลอทะล่าพุ่งออกไปคนเดียว
"หลบอยู่ในผมฉันไว้นะ" เธอเลิกผมแถวๆต้นคอใกล้หูตัวเองให้ซอลย่าลงมานั่งหลบพัก เพราะถ้าเจอคน พวกเขาจะได้ไม่สังเกตเห็นซอลย่าเข้า แล้วมันก็ง่ายที่จะกระซิบคุยกันด้วย
"เราจะไปที่ไหนเหรอ?" ซอลย่าพูดเสียงตื่นเต้น ดูเหมือนเธอกำลังดีใจที่จะได้ออกไปสำรวจปารีสด้วยกัน ฉันยืนคิดสักแปบก่อนจะตอบ
"หอไอเฟล ที่นั่งสูงและมองเห็นรอบๆได้ดี"
.................
"เธออารมณ์ดีขึ้งหรือยัง?" เสียงกระซิบเล็กๆดังขึ้นมาข้างหู ซอลย่านั่งเป็นเพื่อนเธออยู่เงียบๆมานานแล้ว ฉันตอบเสียงเอื่อยๆเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าให้
"นิดหนึ่ง..." เธอเหม่อมองปารีสที่เริ่มถูกแสงของตะวันสาดแสงใส่ ตรงนี้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ดีเชียวล่ะ
"ซิลเวอร์?..ใช่จริงด้วย!"
กึก
เสียงทุ้มข้างหลังที่ปรากฎตัวมาพร้อมกับรอยยิ้มแจ่มใส ฉันที่มองอยู่ก็เผลอยิ้มตาม..ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วหุบยิ้มลงหันไปมองพระอาทิตย์ต่อ
ให้ตาย..แค่เห็นเขายิ้มเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเหรอเนี่ย... ส่วนซอลย่าเธอมีประสาทหูที่ดีจึงรู้ตัวก่อนว่ามีคนกำลังใกล้เข้ามา ก็เลยหลบอยู่ในผมเธอก่อนแล้ว
แคทนัวร์ยิ้มค้างเมื่อเห็นท่าทางสะบัดหน้าเช่นนั้นของหญิงสาว ก่อนที่เขาจะเดินลงไปนั่งข้างๆซิลเวอร์ที่ดูไม่ร่าเริ่งเหมือนปกติ
"เอ่อ..อารมณ์ไม่ดีมาเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกระพริบตาสีเขียวปริบๆ ก่อนที่เจ้าแมวดำจะทำหน้าตาที่ดูเครียดจัด แล้วเอานิ้วชี้สองข้างมากดลงบนคิ้วจนใบหน้าดูพิลึก
"ทำอะไรของนาย" เธอว่าพร้อมส่งสายตาเย็นชาไป แคทนัวร์หยุดทำก่อนจะปั้นหน้าใสซือ
"ฉันกำลังทำหน้าตาเธอตอนนี้ให้ดูยังไงล่ะ? รู้มั้ยว่าขมวดคิ้วมากๆรอยกาจะขึ้นเร็วนะ"
เขาพูดจบประโยคก็ยื่นนิ้วมากดๆบนหน้าผากคลายคิ้วให้เธอทันที ก่อนฉันจะยกมือไปฟาดแขนเขาอย่างระบายอารมณ์
บังอาจมาว่าฉันแก่!
"ฮ่ะๆ! ฉันล้อเธอเล่นน่า....แต่ทำแล้วหน้าแก่ไวน่ะเรื่องจริง เพราะงั้นอย่าทำบ่อยๆล่ะ" แคทนัวร์ยิ้มหยีตาพร้อมยื่นมือมาลูบหัวเธอเบาๆ ฉันก็ปล่อยให้เขาทำไปเพราะไม่มีอารมณ์จะมาปัดออก..แถมแบบนี้ก็สบายดีด้วย
"ฉันแค่เจอเรื่องน่าตกใจมาเลยต้องใช้เวลาคิดสักพัก..." เธอพูดพร้อมถอนหายใจ
"งั้นฉันนั่งเป็นเพื่อน!" แคทนัวร์พูดจบก็นั่งตีขามองเมืองปารีสเงียบๆ ฉันจึงหันไปมองอย่างแปลกใจ
"นายจะไม่บอกให้ฉันเล่าให้ฟังเหรอว่าเจออะไรมา"
"ใครๆก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจแล้วบอกใครไม่ได้ใช่มั้ยละ? เพราะงั้นฉันรอให้เธอระบายให้ฟังโดนเต็มใจเองจะดีกว่า"
โอ้โอ้ว พ่อพระจริงๆ ถ้าเป็นฉันนะฉันจะตื้อจนกว่าเขาจะเล่าให้ฟัง
"อื้ม มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆนั้นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเล่าให้ฟังไม่ได้" เธอนิ่งไปสักพักก่อนจะเผลอขมวดคิ้วอีกแล้ว แคทนัวร์จึงหันมาดีดหน้าผากของเธอ เบาๆ
เขายิ้มบาง
"ถ้ามันลำบากใจก็ไม่ต้องเล่าหรอก ฉันจะอยู่ข้างๆเธออย่างนี้จนกว่าเธอจะสบายใจขึ้น" แคทนัวร์กล่าวอย่างปลอบใจ
ฉันถอนหายใจกับกับความขี้ขลาดของตัวเอง ก่อนที่เธอจะเอนตัวไปพิงคนข้างๆอย่างพึ่งพิง
กึก
แคทนัวร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าซิลเวอร์หลับตาซบไหล่เขาเงียบๆ ก่อนที่เธอจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาใหม่เพราะรู้ว่ากำลังถูกจ้องอยู่
"ฉันขออยู่อย่างนี้สักพักได้มั้ย?" เธอเงยหน้ามองเขาปริบๆเพราะคิดว่าเขาไม่ให้พิง
ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มรู้สึกเหมือนจิ้งจอกสาวกำลังอ้อนอยู่ เขาเลยหน้าแดงเล็กน้อยแล้วเผลอพยักหน้าตอบรับไปตอนไหนไม่รู้
พอเห็นซิลเวอร์นอนหลับตาซบไหล่เขาอย่างสบายใจ แคทนัวร์ก็รู้สึกว่ามันน่ารักมากจนต้องกลั้นใจแอบหันไปอมยิ้มบ้าอยู่คนเดียว พวกเราจึงอยู่อย่างนั้นเงียบๆ จนพระอาทิยต์ตกกำลังหายลับไปแล้วนั้นแหละซิลเวอร์ถึงได้ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่สดใสขึ้น
"ฉันจะกลับแล้ว ขอบคุณมากนะ" ก่อนที่เธอจะจากไปแต่ทว่าแคทนัวร์ได้พูดคำถามหนึ่งขึ้นมาก่อน
"เราจะไม่ลองไปเดทกันข้างนอกบ้างเหรอ อ่อ..แบบ ตัวตนของพวกเราจริงๆ" แคทนัวร์ลูบต้นคอตัวเองเหมือนเขินๆ มันเป็นท่าประจำตัวของเขาเลยล่ะตอนเป็นเอเดรียน
ฉันยิ้มหวานที่ดูลึกลับขึ้นมาเพราะกำลังรู้สึกสนุกอยู่ เขาอยากจะเห็นว่าฉันเป็นใครเหรอ?
"ฉันรู้อยู่แล้วว่านายเป็นใคร"
"เอ๊ะ!"
แคทนัวร์ตาโตและอ้าปากเหวอเล็กน้อย "เธอรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?"
"อาฮ่ะ นายคือเอเดรียน เด็กหนุ่มที่ได้ฉายาเจ้าชายของปารีสใช่มั้ย" เธอยิ้มจนตาหยีก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูกำลังสนุกสนานอย่างไม่ปิดบัง
"ฉันรู้อยู่แล้วว่านายคือใคร เพราะตลอดสองเดือนแรกที่แคทนัวร์และเลดี้บัคปรากฎตัวในปารีส ฉันก็คอยเฝ้าระวังแอบตามพวกนายตลอดจนรู้เอกลักษณ์ของนายเข้าน่ะสิ"
แคทนัวร์ดูเหมือนจะตกใจจริงๆเมื่อเธอบอกว่าเขาคือเอเดรียน แต่ถ้าเขาจะแก้ตัวก็ไม่ได้เพราะว่าฉันได้ดักทางไปก่อนว่าได้แอบตามดูเขาช่วงสองเดือนแรก
"เธอรู้แล้วว่าฉันเป็นใครแต่ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าเธอคือใครมันไม่ยุติธรรมเลย" แคทนัวร์โวยวายขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูน่าสงสารและไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉันหัวเราะด้วยเสียงอารมณ์ดีอย่างไม่รู้ตัว
"ฉันรู้ด้วยตัวเองเพราะงั้นนายก็ต้องรู้ด้วยตัวเองสิคิตตี้.. มันเป็นเรื่องยุติธรรมที่สุดแล้ว ถ้านายอยากจะรู้ว่าฉันคือใครนายก็ต้องหาความลับนั้นเองนะ"
เธอหันกลับเตรียมจะกระโดดลงจากหอไอเฟล ก่อนจะหยุดชะงักเท้าแล้วหันกลับมาขยิบตาส่งให้แคทนัวร์หรือเอเดรียนที่ตอนนี้ยืนนิ่งไม่ขยับ
"แต่คงไม่ง่ายหรอกเพราะจิ้งจอกน่ะเก็บความลับเก่ง"
ฟุบ
เธอพูดจบก็ผละตัวออกมาจากหอไอเฟล ระหว่างที่กำลังกระโดดหลบไปตามอาคารไม่ให้คนเห็นความิที่อยู่กับเธอมาตลอดก็ส่งเสียงทักขึ้นมา
"ว้าว แปลกใจจังที่เธอคุยกับผู้ชายเมื่อกี้แล้วอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็นเลย" ซอลย่าโผล่ออกมาจากผมเธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้าแหย่ ทำให้ฉันยิ้มหวานตอบกลับไม่สะท้านกับการหยอกล้อนั้น
"ซอลย่า..ฉันว่าฉันจะกลับไปเจอเขาล่ะ ครั้งนี้ฉันจะไม่หนีจากเขาอีกแล้ว"
ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีความลังเลสักนิด สว่น'เขา'ที่ว่าก็แฝดฉันนั้นแหละ
"เยี่ยมไปเลย! เธอคิดถูกแล้วล่ะ! ฉันจะเป็นกำลังใจให้นะ" ซอลย่าร้องออกมาอย่างดีใจที่เธอยอมกลับไปหาเขาคนนั้น ฉันทำได้แค่ยิ้มบางๆก่อนจะกลับไปที่คฤหาสน์ซีมัวร์
"ไดอาน่า!" เมื่อฉันเปิดประตูห้องแต่ยังไม่ได้เดินออกไปก็ต้องตกใจ เพราะได้พบกับบุคคลที่คาดไม่ถึง
"พี่เซดลิก!"
พี่ชายที่บอกว่าไปจัดการธุระและอาจจะไม่ได้กลับมาอีกวันนี้ เขากลับมายืนดักรออยู่หน้าประตูหน้าห้องเธอ ไม่รู้ว่ามายืนรอนานแค่ไหนแล้ว
"ทำไมพี่ถึง..." ฉันมองอย่างระแวงระวัง คงไม่ได้จะมาด่าเธอหรอกใช่มั้ย?
"เพราะลูเซียนโทรมารายงานพี่น่ะสิ" พี่เซดลิกพูดอย่างยิ้มอ่อน ทำเอาฉันสะอึกทันที
แย่แล้ว! เขากลับมาเพราะจะมาลงโทษเรื่องที่เธอทิ้งแขกมาจริงๆด้วย!... แต่พอเขาดึงเธอเข้าไปกอดเท่านั้นแหละ ความคิดที่ว่าจะถูกพี่ชายด่าก็มลายหายไป มีแต่ความสับสนเท่านั้นเอง
ฉันเงยหน้ามองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ
"พี่ขอโทษ..พี่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของน้องเลย พวกเราน่าจะบอกน้องก่อนว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ไม่ใช่บีบบังคับให้น้องที่ไม่รู้อะไรยอมรับทันที คงจะตกใจมากใช่มั้ย?"
พี่เซดลิกลูบหัวเธอเบาๆขณะที่ปิดประตูและจูงมือเธอไปนั่งบนเตียงแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียด
"น้องคงรู้แล้วเรื่องที่พี่กับแม่พยายามขังน้องไว้อยู่บ้าน เพราะคุณแม่กลัวว่าน้องจะเป็นอันตรายเหมือนเมื่อครั้งคุณพ่อและลูกชายอีกคน ถ้าเกิดพวกเราเสียน้องไปอีก...เฮ้อ"
ตอนที่พี่ชายถอนหายใจฉันยื่นมือไปกุมมือเขาไว้หลวมๆอย่างให้กำลังใจ พี่เซดลิกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ
"ตอนที่น้องเกิด..เด็กคนนั้นยังอยู่กับพวกเรา ร่วมถึงคุณพ่อของพวกเราด้วย น้องคงไม่รู้สินะความหมายของชื่อตัวเองน่ะ.. เพราะคุณแม่ไม่เคยบอก ชื่อ'ไดอาน่า'ของน้อง คุณพ่อก็เป็นคนตั้งให้ เพราะน้องเป็นลูกผู้หญิงคนแรกของบ้านเปรียบเหมือนเทพธิดาตัวน้อยๆ และวันที่พวกน้องเกิดเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างมากที่สุด คุณพ่อเลยตั้งชื่อน้องว่า 'ไดอาน่า' ที่มาจากเทพนิยายโรมันที่คุณพ่อชอบมีความหมายว่า เทพธิดาแห่งพระจันทร์"
เทพธิดาแห่งพระจันทร์..
ฉันนั่งฟังเงียบๆขณะที่ทวนความหมายของชื่อตัวเองไปมา เป็นชื่อที่เข้ากับสีผมเธอดี
"แล้วเด็กคนนั้นล่ะคะ?" เธอกำลังถามว่าคุณพ่อได้ตั้งชื่อเขาว่าอะไร แต่แววตาที่ดูเจ็บปวดของพี่ชายทำให้เธอชะงักนิ่ง เหมือนพอเดาอะไรลางๆได้บางอย่าง
"ชื่อน่ะเหรอ? ไม่มีหรอก...เพราะเขายังไม่ทันได้รับชื่อจากคุณพ่อก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน" พี่ชายหยุดยิ้มพร้อมกับแววตาที่ดูเหี้ยมขึ้น ฉันเหงื่อแตกขึ้นมาทันทีก่อนที่พี่เซดลิกจะชะงักแล้วหันกลับมายิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง
"พี่กำลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้น้องๆไม่ต้องรับรู้หรอกปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ชายเอง"
โอ้ คนที่ยิ้มอ่อนโยนมาตลอดบทจะโหดก็หน้ากลัวมากจริงๆ
+++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++
ตัดไปตอนหน้านะ
เอามาลงเพิ่มให้อีก....ไรท์จะโดนกระทืบมั้ยอ่ะถ้าลงอีก%ที่เหลือไป เหมือนเห็นลางร้ายกำลังมา T^T //เตรียมขุดหลุมให้ตัวเอง
**
ป.ล
รูปคุณพี่ชาย เซดลิก ซีมัวร์... คุณพี่ชายขาาาาา แทบอยากเข้าไปเกาะขาอ้อนวอนขอความรัก-แค่กๆ
ไรท์ อยากมีความิเป็นของตัวเองสักตัวบ้างจัง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น