ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #26 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่24 : ฤดูหนาวมาเยือน... 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.17K
      367
      16 ธ.ค. 61



    ...

    สภาพอากาศหนาวเย็น ต้อนรับเข้าสู่เดือนธันวาคมฤดูหนาว มีหิมะตกลงมาเมื่อรืนวานทำให้ถนนและตึกบ้านเรือนต่างเต็มไปด้วยหิมะ 

    เช้าวันนี้ฉันอยากจะนอนหลับคลุมโพงอยู่ในผ้าห่มเหมือนหนอนในดิน แล้วไม่ตื่นขึ้นมาจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า แต่ด้วยหน้าที่เพราะเป็นเช้าวันจันทร์ที่มีเรียน ทำให้จำใจต้องตื่นขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

    "กินไม่ไหวแล้ว..." เสียงละเมอเล็กๆ พร้อมกับหางฟูฟองที่ปัดป่ายไปมา เธอเกลี่ยนิ้วเล่นหูจิ้งจอกความิตัวน้อยพร้อมเอ่ยทักทายอรุณสวัสดิ์ตอนเช้า

    "เช้าแล้วตื่นได้แล้วแจสเปอร์ เจ้าตัวขี้เซา"

    อย่างที่เห็น.. 'แจสเปอร์'ได้กลับมาบ้านแล้วในเช้าวันหนึ่ง คงเป็นเวซ์กับมาสเตอร์ฟูที่มาเปลี่ยนพวกเขาตอนนอนหลับ แจสเปอร์โวยวายแทบบ้านแตกเมื่อบนที่นอนตัวเองมีแต่กลิ่นชีส 

    คงเป็นแพล็คเจ้าเดิมที่แอบเอาชีสไปกินบนเตียง ปานนี้ความิทุกตัวคงกลับสู่อ้อมกอดของเจ้าของเดิมแล้ว

    "ทำไมหนาวจังเลย..เธอเปิดหน้าต่างเอาไว้เหรอ" แจสเปอร์บ่นพึมพำหลังตื่นเต็มตา 

    "หิมะตกเมื่อวานน่ะสิ เข้าฤดูหนาวเต็มตัวแล้วนี่นา" เธอว่าอย่างนั้นขณะที่หาเสื้อผ้าหนาๆสำหรับใส่ไปเรียนไปด้วย 

    ฉันเลือกเสื้อกันหนาวแจ็สเก็ตเนื้ออ่อนนุ่มสีไข่ ยาวระดับต้นขาและถุงน่องหนาสีดำมาสวม ก่อนจะตามด้วยกระโปร่งยาวผ้าหนาสีดำ 

    รู้สึกโชคดีที่แจสเปอร์กลับมาทันฤดูหนาว เพราะพลังไฟของมิราคูลัสทำให้เธอกับพี่ชายสามารถใช้ชีวิตในอากาศหนาวได้อย่างสบายมาก 

    ขนาดเช้าวันนี้ยังตื่นขึ้นมาสดชื่นกว่าทุกวันเลย รับรู้ได้ถึงพลังความร้อนในร่างที่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย ออกจะอบอุ่นสบายกว่าทุกครั้ง

    หลังจากจัดการธุระเสร็จเธอก็เดินไปเรียกพี่ชายออกมา ก่อนจะเดินไปในห้องครัวเคี่ยวข้าวต้มปลาที่เหลืออุ่นตั้งแต่เมื่อคืน กินอะไรอุ่นๆตอนเช้ามันน่าจะดีกว่า

    "อรุณสวัสดิ์ไดอาน่า!" เสียงมาก่อนตัวเสมอ ความิผู้แสนร่าเริงของบ้าน บินลงมาแย่งบลูเบอรี่ของแจสเปอร์กิน

    "อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าซอลย่า.."


    ฉันไม่ค่อยชินกับซอลย่าและแจสเปอร์ตอนนี้เท่าไหร่ เพราะพวกเขาตัวหนาขึ้น แบบว่าขนตรงคอฟูหนาและซอลย่าสีขนจากสีส้มแดง กลายเป็นสีขาวเหมือนแจสเปอร์ที่ยิ่งดูขาวเหมือนหิมะ 

    ถ้าทั้งสองตัวไปเล่นซ่อนหาในหิมะ ฉันว่ามองหายังไงก็คงหาไม่เจอ

    "วันนี้รู้สึกอากาศปลอดโปร่งจังเลยนะ ตกใจหมดเลยล่ะที่ตื่นมาแล้วเห็นข้างนอกมีแต่หิมะ" เสียงทุ้มฟังมีเสห่น์เอ่ยขึ้น หลังก้าวออกมาจากหลังบานประตู 

    เป็น'นาธาเนียล'เจ้าของดวงตาคมสีน้ำทะเล ใบหน้าหล่อคมออกไปทางสวยเล็กๆคลี่ยิ้ม ก่อนจะเดินลงมานั่งฝั่งตรงข้ามหญิงสาว แล้วเริ่มจิบโกโก้ร้อนตรงหน้า

    "รู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย? ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงกว่าทุกวัน" ไดอาน่าพูดเสียงอารมณ์ดีขณะที่สองความิเผลอแข็งค้างไปแล้ว

    "พวกคุณไม่หนาวเหรอ? นี่1-2องศาเชียวนะ" แจสเปอร์ถามเสียงแปลกใจ ก่อนที่จะได้รับการส่ายหัวจากสองพี่น้องซีมัวร์

    "คงเป็นเพราะพลังของมิราเคิลในร่างพวกเรานั้นแหละ ต้องขอบใจมันนะพวกเราเลยไม่รู้สึกหนาวเลยออกจะสบาย" นาธานออกความเห็น ก่อนที่จะเริ่มชวนไดอาน่าพูดคุยเรื่องหนังที่ดูไปเมื่อวันก่อนอย่างออกรส

    "....." ซอลย่าหยุดขบเคี้ยว..พลางเหลือบมอง ส่งสายตาขอความเห็นไปทางแฝดจิ้งจอกตัวเองว่า นายคิดอย่างที่ฉันคิดไหมบีหนึ่ง?

    "...." ฉันว่าฉันก็คิดแบบเดียวกับเธอนะบีสอง...แจสเปอร์ส่งสายตากลับไป ก่อนที่ทั้งคู่จะส่ายตัวแล้วลงความคิดกันว่าไม่ใช่หรอก พวกเราคงกังวลคิดมากไปเอง!

    แล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นอย่างที่คิดล่ะ...?


    ...ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ๆ...


    .........

    หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็ขึ้นรถลีมูซีนโดยมีมิแรนด้าเป็นคนขับ พร้อมส่งตารางงานของเดือนมาให้ แต่พวกเรายังไม่ได้อ่านเพราะมัวแต่เล่นเกมต่อสู้กันอยู่

    ปกติต่างคนต่างเหนื่อยจากการเรียนและตารางงาน จึงไม่มีแรงมาหยอกเล่นกันดังตอนนี้หรอก

    และเป็นอีกครั้งที่พี่น้องซีมัวร์คิดว่าการมีพลังความร้อนในร่างนี่มันดีมากจริงๆ

    "เฮ้ ฝาแฝด" เสียงอัลย่าตะโกนเรียกหลังจากที่พวกเราลงจากรถมา แล้วปะทะจ๊ะเอ๋กับมาริเน็ตกับอัลย่า ที่อยู่ระหว่างเดินขึ้นบันไดทางเข้าประตูโรงเรียนพอดี

    "อรุณสวัสดิ์" เธอคลี่ยิ้มหวานโบกมือให้ทั้งสองคน แต่ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้มันดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าทุกที ทำให้เพื่อนร่วมรุ่นหลายคนบริเวณนั้นต่างหยุดชะงัก ก่อนใบหน้าจะค่อยๆซับสีแเดงระเรื่อ 

    ไม่แม้แต่กระทั่งสองสาวที่ตาโตหน้าแดงตั้งแต่ไดอาน่าคลี่ยิ้มมุมปากแล้ว มาริเน็ตส่ายหัวดูมึนๆ เธอเผลอตะลึงกับรอยยิ้มของหญิงสาวไปซะได้ น่าแปลกใจจริงๆที่มองแล้วรู้สึกเคลิ้มกว่าทุกครั้ง

    "อรุณสวัสดิ์มาริเน็ต วันนี้เธอดูดีมากเลยนะ" ยังไม่ทันสร่างเมาจากรอยยิ้มคนน้อง ก็ตามติดๆด้วยหมัดฮุคจากรอยยิ้มหวานคนพี่




    มาริเน็ตหน้าแดงเถือกที่อยู่ๆก็ถูกคนที่แอบชอบเอ่ยชม มาริเน็ตถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองเพราะความเขินจัด 


    "นะ นายก็หน้าตาดูดี..เอ้ย ฉะ ฉันหมายถึงคุณดูดี ดูดีทั้งตัว..เอ๊ แค่ก!" 

    มาริเน็ตแกล้งไอเมื่อรู้สึกตัวว่ายิ่งพูดยิ่งสื่อสารไปทางผิดๆ

    "ไม่เป็นไรนะ?" นาธานมุ่ยคิ้วลงด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยื่นมือลูบหัวมาริเน็ตเบาๆ

    กึก

    เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรแตกสักอย่าง แล้วมาริเน็ตก็ตาโตหน้าแดงยืนนิ่งให้พี่ชายลูบหัวอยู่ตรงนั้น


    ......?

    อัลย่ากับฉันเผลอเหลือบมองกันด้วยความสับสนและงุงงง 

    เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายฉัน?

    ฉันที่เห็นการเกี้ยวของพี่ชายตั้งแต่เช้าอดตกใจไม่ได้ ก่อนจะบอกลาแล้วรีบดึงแขนนาธาเนียลออกมาด้วยกัน

    "อะไร?" นาธานเอ่ยเสียงไม่รู้เรื่องเมื่ออยู่ๆก็ถูกดึงออกมา 

    "จะอะไรล่ะ นั้นนายทำอะไรน่ะ? ทำไมอยู่ๆถึงได้กล้าเข้าไปจีบมาริเน็ตกันน่ะ?" ปกติเขาเป็นคนขี้อายและประหม่าจนไม่กล้าเข้าใกล้คุณนางเอกเสียด้วยซ้ำ 

    พอเห็นแฝดตัวเองไม่แม้แต้เขินเวลาเข้าใกล้หญิงสาวที่ชอบเลย ออกจะดูมั่นใจกว่าทุกทีจนเธออดแปลกใจไม่ได้

    "อะไรนะ ฉะ ฉันไม่ได้กำลังจีบมาริเน็ตนะ!" นาธานโบกมือไปมาเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองทำอะไรลงไป ก่อนจะเริ่มแย้งข้อหาที่เธอมอบให้

    "...ฉันแค่... พูดจากใจจริง เมื่อกี้ไม่คิดว่ามาริเน็ตดูสวยขึ้นกว่าทุกทีเหรอ?" นาธานถามด้วยใบหน้าแปลกๆ เหมือนสับสนในตัวเองแต่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ได้เสแสร้ง

    "ก็ดูเหมือนเดิมนะ? ฉันไม่เห็นว่ามาริเน็ตสวยขึ้นตรงไหน" มาริเน็ตก็ยังหน้าตาเหมือนเดิมนี่นา ทรงผมก็ไม่ได้เปลี่ยน แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าธีมฤดูหนาวเฉยๆ 

    "คิดงั้นเหรอ ทำไมฉันคิดว่ามาริเน็ตดึงดูดสายตาฉันมากเลยล่ะ โดยเฉพาะวันนี้เธอดูสวยกว่าทุกทีนะ" นาธานพูดด้วยแก้มที่ขึ้นสีแดง จนเธอต้องศอกเอวใส่เพราะเขินแทนคนพูด

    เขากล้าพูด! เขากล้าพูดจริงๆด้วย ปกติไม่กล้าพูดความในใจนี่นา วันนี้กลับพูดได้คล่องบรื้อเลย

    นาธานคงจะหายประหม่าจนเริ่มชิน ไม่แน่เขาอาจจะเริ่มรุกจีบมาริเน็ตแล้วก็ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีถึงจะทำตัวแปลกจากเดิมไปหน่อยก็เถอะ

    แต่การที่เขาดูมั่นใจในตัวเองขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆแล้วล่ะนะ...

    หรือเปล่า?..

    .....

    เราสองคนมุ่งหน้าไปที่ห้องล็อคเกอร์ ก่อนจะแยกกันเอาของไปเก็บเข้าตู้ เธอหยิบหนังสือที่จะเรียนคาบต่อไปมาถือพร้อมกระเป๋าสะพายไหล่เล็กๆที่มีแจสเปอร์หลับอยู่

    เมื่อปิดตู้ล็อคเกอร์เสร็จ เธอหันหลังกลับมาก็ตกใจเผลอกระโดดติดล็อคเกอร์ เอเดรียนมายืนช้อนหลังเธอเงียบๆตั้งแต่เมื่อไหร่! 

    ตกใจหมดเลย!?

    ดวงตาสีเขียวพราวระยิบระยับของเด็กหนุ่ม เบิกตากว้างขึ้นเล็กๆเมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของหญิงสาว ก่อนที่ใบหน้าจะสลดลงเล็กน้อย พร้อมส่งรอยยิ้มอภัยโทษมาให้ ทว่านัยน์ตากลับแฝงแววซ่อนความตลกขบขันไว้จางๆ

    "ขอโทษที ฉันแค่อยากบอกว่าเสื้อผ้าที่ใส่มาวันนี้เธอดูดีจริงๆนะ" เสียงอันแสนสดใสของเด็กหนุ่ม ชวนพิศวงนั้นเอื้อยเอ่ยขึ้น ผิวพรรณและใบหน้าดูเปล่งปลั่งจนแทบจะเหมือนเรืองแสงได้

    เธอเผลอมองสำรวจรูปร่างของเอเดรียนภายใต้เสื้อผ้าหนา ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวจึงอะแฮ่มไอแก้เขิน

    "เอ่อ ขะ..ขอบคุณ นายก็ดีดูเหมือนกัน" เธอหลุบแพรขนตาหนาลงเพราะรู้สึกหวั่นไหวกับเสียงอีกฝ่าย ก่อนจะเบิกตาขึ้นเล็กๆเมื่อนึกอะไรได้..

    กึก

    เดี๋ยวนะ..เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมรูปประโยคแลฟังดูคุ้นๆจังเลย.. เหมือนว่าจะเพิ่งได้ยินจากนาธานกับมาริเน็ตพูดชมกันเมื่อเช้า? 


    นี่ฉันคงไม่ได้ติดโรคอะไรบางอย่างจากสองคนนั้นไปหรอกนะ...?


    หลังจากเอเดรียนผละตัวออกไปพร้อมกับนีโน่ ฉันก็ยังหันกลับมาแอบมองสะโพกและขาเพียวยาวสมชายของเอเดรียนอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากด้านข้างของเขาทำให้เธอตาพร่าเบลอ

    กลิ่นหอมรัญจวนกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก อยากจะสูดให้เต็มปอดแต่มันเหมือนหนีหายไกลออกไป ก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีแดงเมื่อเผลอคิดอะไรแปลกๆ


    เอ๋ ฉันว่ามันไม่ใช่แล้ว! เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย..?


    ....


    อีกทางด้านหนึ่งก็มีคนกังวลไม่แพ้ตัวเองเช่นกัน


    "เป็นอะไร'เอเดรียน' เดินออกมาแล้วดูเหม่อๆนะ หน้าแดงด้วย..ไม่สบายเหรอ?" นีโน่ถามอย่างเป็นห่วง เอเดรียนหันกลับมาก่อนจะส่ายหัวยิ้มซือๆ

    "เปล่าหรอก แค่คิดอะไรเพลินๆ" เขากล่าว บอกเพื่อนไม่ได้เด็ดขาดว่าเผลอคิดถึงดวงหน้างดงามของใครบางคนที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่ 

    ดวงตาแสนสวยดั่งท้องฟ้ายามฤดูร้อนเปล่งประกาย ขนตายาวจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากอมแดงรูปกระจับ 

    ทุกประการที่กล่าวมายังไม่อาจเปรียบระดับใดได้ ยามพินิจใบหน้านั้น ดูอ่อนโยนลึกลับดั่งแสงจันทร์จางๆ หากทว่าเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ยามเที่ยง 

    ทำให้เขาเผลอนึกถึงซิลเวอร์ขึ้นมาลางๆ เส้นผมของไดอาน่ากับซิลเวอร์ คนละสีเงินสวยคนละแบบ คนหนึ่งมีผมสีเงินของจันทรายามหนาวเหน็บ อีกคนคือแสงทองที่เจิดจ้าที่สุดจนกลายเป็นสีขาว 

    ร่างกายรู้สึกรุ่มร้อนวาบเมื่ออยู่ใกล้ แต่เมื่อจากมาแล้วกลับรู้สึกวูบโหวงช่วงท้องเหมือนบางอย่างขาดหาย.. 


    ความรู้สึกโหยหานี่ด้วยเล่า...ทำไมถึงมองไดอาน่าแล้วรู้สึกแปลกๆจังเลยนะ..?


    เกิดอะไรขึ้นกับเราวันนี่กัน?



    ....

    30%

    ช่วงเช้าผ่านไปอาจจะเรียกได้ว่าเกือบจะราบรื่นละมั้ง..? เธอไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าวันนี้เป็นวันอะไร อยู่ๆพี่ชายเธอ นาธาเนียลก็ใจกล้าขออัลย่าย้ายไปนั่งกับมาริเน็ตด้วยข้ออ้างสุดโต้งว่ามองไม่เห็นกระดานเท่าไหร่ ขอยืมนั่งจดงานสักวันหนึ่ง 

    แต่ฉันรู้ว่าเขาโกหก สายตาพวกเราดีจะตายไปหลังจากได้พลังมิราเคิลมา

    "ได้สิ! ถ้างั้นฉันจะไปนั่งกับไดอาน่านะ" อัลย่าก็สละที่นั่งให้อย่างยินดีจนออกนอกหน้า ก่อนจะก้มไปกระซิบข้างหูมาริเน็ตว่า 

    'สู้ๆนะเพื่อน โอกาสมาถึงแล้ว!'

    "อะ อัลย่า" มาริเน็ตจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็แข็งค้างไปแล้วเมื่อร่างหนึ่งเดินมานั่งลง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด 

    "ขอโทษนะ ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจหรือเปล่า.." นาธานคิ้วตกพร้อมแสดงสีหน้าขอโทษขอโพยได้อย่างสมจริง จนถ้าไม่ใช่เพราะว่าเป็นเธอได้สอนเขาแสดงสีหน้าแบบนี้ไว้เพื่อเอาไปใช้ในเชิงการแสดงเพลง และถ่ายแบบล่ะก็ เธอก็คงจะเชื่อไปแล้ว!

    ร้ายกาจ พี่ชายเธอร้ายกาจ! กะแล้วว่ากรุ๊ปบีต้องเป็นพวกขี้แกล้ง!(?) หลังจากจบวิชานี้เธอจะล้อเขา! 

    "มะ ไม่! ไม่เลย ยินดีมาก..ยินดีมาก.." มาริเน็ตเกือบจะได้พูดประโยคซ้ำเป็นรอบที่สามแน่ ถ้าไม่เพราะครูบัสเทียร์เข้ามาแล้ว 


    ขณะที่อัลย่ากำลังจะเดินอ้อมมานั่งข้างหลังที่นาธานแทน เอเดรียนได้ควักมือเรียกอัลย่า ก่อนที่พวกเขาจะคุยอะไรบางอย่างกันแล้วอัลย่าพยักหน้าตกลง

    ฉันที่กำลังเตรียมจดงานถึงกับกำด้ามปากกาบนแล็ปท็อปแน่น เมื่อร่างสูงลุกขึ้นผละออกจากโต๊ะตัวเองมานั่งข้างๆเธอ 

    กะ กลิ่นหอมนั้นอีกแล้ว 

    มันมาจากไหน...?

    "เอเดรียน?" เธอตั้งสติก่อนจะแสดงสีหน้าฉุดงงถามเขาว่านายมาทำอะไรตรงนี้? 

    เอเดรียนยิ้มร่าเริงอันเป็นเอกลักษณ์เจ้าตัวก่อนจะนั่งลง

    "ฉันอยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งตรงนี้บ้าง มองเห็นรอบๆห้องได้ดีเลยนะตรงนี้" 

    แหงสิ ก็โต๊ะนี้มันเกือบจะหลังห้อง เขาที่นั่งแต่ด้านหน้ามาตลอดจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด 

    เพราะมันมองเห็นอะไรได้ชัดเจนดี ไม่ว่าใครจะกำลังทำอะไร ยกตัวอย่างเช่น..อัลย่าก็ลงไปนั่งกับนีโน่ ทั้งสองคนนั่งลงปุบก็เริ่มคุยกันอย่างสนิทสนมทันที

    ทันใดนั้นนีโน่ก็ขยับมือเกลี่ยเส้นผมที่เกือบจะเข้าปากอัลย่าทัดหูให้ ฉันเห็นอัลย่าหยุดชะงักก่อนจะยิ้มแห้งๆแต่หน้าดูแดง ก่อนจะเริ่มเปิดโทรศัพท์ให้นีโน่ดูกันสองคน

    เอ๊ะ ระหว่างที่เธอมัวแต่สนใจภารกิจปราบอาคุม่า เรืออัลย่าxนีโน่ของเธอแล่นไปถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย!? 

    "พวกเขาดูเหมาะกันดีนะ" 

    เสียงหนึ่งเอ่ยแผ่วเบาไม่รอดพ้นหูผีอย่างเธอ ฉันหันควับไปมองคนข้างๆด้วยตาโต เพราะเอเดรียนก็กำลังแอบส่องดูสองคนนั้นเช่นเดียวกัน!  

    "นายก็คิดงั้นเหรอ! ฉันก็ว่าพวกเขาดูน่ารักดีนะเมื่ออยู่ด้วยกัน" เธอเอ่ยถามเสียงตื่นเต้น

    เอเดรียนเบิกตากว้างนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปพูดภาษาจีนกลางเพื่อคุยกันสองคน

    "ฉันไม่รู้เลยว่าเธอเชียร์อัลย่ากับนีโน่ด้วยเหรอ..?" เขาเอ่ยถามอย่างไม่คาดคิด ฉันจึงทำการหลิ่วตาให้เขา พร้อมกับตบอกตัวเองอย่างภูมิใจ

    "เรือฉันเองแหละ นายต่างหากล่ะที่ทำให้ฉันแปลกใจ!"  ก่อนที่พวกเราจะลอบมองโต๊ะแถวหน้าเพื่อดูการเคลื่อนไหวของทั้งคู่  

    เพราะพวกเราขยับเข้ามาคุยกระซิบจึงเข้าใกล้กันมาก ไหล่แกร่งของเขาชนกับไหล่อ่อนนุ่มของเธอ ทันใดนั้นร่างกายของเราสองคน ก็สะดุ้งผละออกเมื่อรู้สึกเหมือนถูกไฟซ็อก

    ฉันกับเขาหันมาประสานสายตากันอย่างตื่นๆ


    กระแสไฟฟ้าเมื่อกี้มันคืออะไร?


    "เอาล่ะนักเรียน เปิดหนังสือที่หน้าล่าสุด หน้า136 หัวข้อที่สอง...เริ่มตั้งแต่ชาวเอโร่" 

    เสียงครูบัสเทียร์ทำให้พวกเราหันกลับมาจดจ่อกับเนื้อหาในหนังสือ ถึงแม้จะมีคำถามอยู่ในใจก็ตาม

    หลังเริ่มการสอนไปเรื่อยๆ อยู่ๆฉันก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังแปลกๆ ทำไมมันร้อนขึ้น? แล้วกลิ่นหอมหวานประหลาดบางอย่างมาจากไหน

    กลิ่นมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ...

    ฉันเริ่มนั่งไม่สุข..รู้สึกปวดหัวอย่างแรง หันซ้ายหันขวาเพื่อมองว่ามีใครได้กลิ่นเช่นเธอบ้างไหม แต่ก็เห็นทุกคนดูปกติดี..

    ก่อนที่ฉันจะพบแถวสองที่เป็นนาธานกับมาริเน็ตนั่งกันอยู่ ฉันเห็นนาธาเนียลกุมขมับพลางเหลือบมองรอบๆเช่นที่ฉันทำ ก่อนที่เขาจะไปหยุดสายตาที่มาริเน็ต..แล้วนิ่งไป

    อะไร...?

    ฉันเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับไปมองคนข้างๆตัวเองบ้าง ก่อนจะเอะใจบางอย่าง...กลิ่นหอมพวกนี้.... 

    มาจากตัวเอเดรียนหรือเปล่านะ?

    "คุณครูบัสเทียร์ ขออนุญาตเข้าห้องน้ำครับ!" อยู่ๆเอเดรียนก็ลุกขึ้นพรวด พร้อมยกมือแทรกการบรรยายของครูบัสเทียร์ หลังจากที่ครูอนุญาตให้ไปเอเดรียนก็ลุกจากโต๊ะ

    ส่วนฉันก็นั่งกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข เพราะกลิ่นหอมประหลาดนั้นมันทำให้เธอรู้สึกร้อน ร้อนมากด้วย!

    "ครูคะ ขอโทษค่ะหนูขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ.." เธอรีบพูดหลังจากผ่านไปแล้ว5นาที

    "ให้เวลา10นาทีนะ" คุณครูบัสเทียร์กล่าวก่อนที่ฉันจะพยักหน้าแล้วลุกออกไปด้วยความเร่งรีบ

    ระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำ ก็มีนักเรียนจากห้องอื่นออกมาเดินข้างนอกบ้าง อาจจะไปทำธุระเหมือนอย่างเธอก็ได้ โดยที่เธอไม่ได้สนใจมองสายตาเด็กผู้ชายที่เหลียวหลังมองตามเธอเลย

    ทุกทีก็เป็นปรกติ มีหันมามองเธอบ้างจนชาชิน แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงสังหรณ์ใจว่าวันนี้ดูจะถี่และบ่อยกว่าทุกที ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็หันมามองเธอด้วยความหลงใหลทั้งนั้น

    ฉันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองแปลกไป มันเริ่มรุ่มร้อนตั้งแต่ได้กลิ่นหวานๆเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อได้กลิ่นก็รู้สึกหวานซ่านไปข้างใน ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนรู้สึกกระสับกระส่าย

    กลิ่นนั้น...! เข้ามาใกล้แล้ว 

    เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองว่ากลิ่นที่ว่ามันมาจากไหนกันแน่ ดวงตาสีฟ้าก็ประสานกับดวงตาสีเขียวเข้าพอดี แต่ทันทีที่ประสานสายตากับดวงตาสีเขียวสดนั้นก็ประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด 

    ร่างกายคล้ายถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สุดท้ายแม้แต่ดวงตาที่ทราบว่ากำลังลืมอยู่ยังมองไม่เห็นสิ่งใด เหมือนทั้งร่างถูกโยนลงไปในห้วงเหวน้ำลึกอันสุดเดือนระอุ

    กลิ่นหอมรัญจวนกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก สองตาของเธอพร่ามัวทันที

    "ไดอาน่า..เป็นอะไรหรือเปล่า?" 

    อีกครั้งที่เสียงที่น่าลุ่มหลงนั้นเอื้อนเอ่ยข้างหู เสียงทุ่มนุ่มแสนระรื่นหูนั่นเรียกความสนใจได้สับพรัน เธอกระพริบตาปริบๆก่อนจะชะงัก เมื่ออยู่ๆร่างกายตัวเองก็ไปดึงแขนเอเดรียนเอาไว้

    เด็กหนุ่มก้มมองเธออย่างสงสัยว่าฉันคิดจะทำอะไร ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

    นี่ฉันกำลังจะทำอะไร..? ทำไมอยู่ๆไปลากเอเดรียนมาติดกำแพง แล้วยังกางแขนกักขังตัวเขาไว้อีก!

    เธอหอบหายใจ ความรู้สึกเหงื่อแตกเหมือนไปวิ่งคูณร้อยมาหมาดๆ

    "โทษที มะ เมื่อกี้นี้ฉันเห็นแมลงสาบแถวๆนี้ เลยลากนายออกมา"

    เธอตั้งสติตอบหน้านิ่ง แถจนสีข้างเลือดออกชิบๆ เอเดรียนก็มองแถวๆพื้นก่อนจะพยักหัวขอบคุณ เขาคงไม่สงสัยหรอกใช่มั้ยว่าฤดูหนาวแล้วจะมีแมลงสาบแถวนี้ด้วยเหรอ 

    "ไปล่ะ เดินระวังด้วย!"

    ฉันรีบผละออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำหญิงที่ไม่มีคนอยู่ เธอเปิดประตูห้องน้ำลงไปนั่งบนฝาครอบที่ปิดสนิท หลังจากลูบหน้าแรงๆเพื่อตั้งสติ ความิตัวน้อยก็พุ่งออกมาจากกระเป๋า

    "เธอเป็นอะไร?" แจสเปอร์ถามเมื่อฉันปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา

    "ได้กลิ่นอะไรหอมๆบ้างมั้ย?" เธอถามแบบกระอักกระอ่วนเล็กน้อยกับแจสเปอร์ 

    เธอไม่กล้าบอกตรงๆไปว่า เมื่อกี้ตัวเองเผลอมีความคิดกุศลกับเอเดรียนขึ้นมา! 
     
    "ฉันว่า..ไม่นะ ฉันไม่ได้กลิ่นอะไร" แจสเปอร์เสตามองไปทางอื่น ก่อนจะเงียบไปสักครู่แล้วพูดขึ้นมาว่า

    "แต่ฉันพอจะรู้ว่าเธอได้กลิ่นอะไร.." เขาเอ่ย ทำให้เธอลืมตามองทันที

    "มันเกิดอะไร?" 


    "ฟีโรโมน"

    ....

    "แจสเปอร์! ฉันไม่เล่นนะ!?"  เธอเหวขึ้นมาเสียงดัง

    "ฉันพูดจริง มันน่าจะเกี่ยวกับฟีโรโมนตัวผู้และฤดูหนาวก็.." แจสเปอร์ลากเสียงลังเลที่จะเอ่ย

    "เป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์?" เธอกุมขมับก่อนจะพูดแทรก

    "บิงโก! เธอเดาถูกเก่งจังเลย แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ!" 

    แจสเปอร์แสยะยิ้มพูดชมตามสไตร์แสบซนเจ้าตัว ฉันแยกเขี้ยวด้วยความโมโห เธอแทบน้ำตาไหลเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ฉันแปลกๆไปวันนี้คืออะไร

    "แล้วทำไมฉันถึงได้กลิ่นหอมออกมาเฉพาะกับเอเดรียน? แล้วทำไมฉันถึงได้มีปฏิกิริยากับเขา? แล้วคนอื่นล่ะ อย่างมาริเน็ตกับนาธาน....?"

    "เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนา แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ทรมานคนเดียวนะ ยังมีผู้ถือครองพลังปาฏิหาริย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ หมายความว่า..-"

    "แจสเปอร์! แต่พวกเราเป็นมนุษย์! ไม่มีฤดูผสมพันธุ์อะไรนั้นหรอก" เธอแทรกพูดอีกครั้งเพราะความตื่นตระหนก

    "ถ้าเมื่อก่อนก็ใช่...แต่ความจริงพวกคุณอยู่กำกึ่งระหว่างมนุษย์และมนุษย์สัตว์นะ ลืมแล้วเหรอ...? พลังมิราเคิลสโตรที่ไหลเวียนอยู่ในกายพวกเธอนั่นไง"

    แจสเปอร์ชี้มาทางไดอาน่าที่เหมือนนึกขึ้นได้

    "ปกติผู้ครอบครองไม่ได้รับพลังเยอะขนาดนั้นหรอก ไม่มีใครที่'เมื่อคืนร่างปรกติแล้ว'จะมีความสามารถแอนิมอลสัตว์ของเครื่องประดับชนิดนั้นเลย มีเพียงแค่หยิบยืมอำนาจมาใช้เท่านั้น แต่พวกคุณสี่คนเป็นกรณีข้อยกเว้นที่น่านำไปศึกษาต่อ หลายรุ่นที่สืบทอดพลังมิราเคิล รุ่นของเธอดูเหมือนจะถูกเอ็นดูสุดๆ"


    โอ้ คงจะหมายถึงประสาทสัมผัสทั้งห้าและพลังความร้อนในร่างใช่มั้ย! ฉันขอคืนตอนนี้เลยได้หรือเปล่า? และนอกจากนั้น...ฉันคิดว่ายังมีเสน่ห์เย้ายวนของจิ้งจอกด้วยแน่ๆ มันถึงได้ทำให้ใครๆต่างมองฉันกับนาธานวันนี้รุนแรงเป็นพิเศษ...

    เอาเถอะ...เธอคงจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้แล้วสินะ 

    เอาน่า..แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น ทนแค่วันนี้..

    "โอ้ ลืมบอกไปว่าฤดูผสมพันธ์ุมันมีผลทั้งเดือนฤดูหนาว" แจสเปอร์หันกลับมาเอ่ยอีกครั้งเหมือนหวังดีสุดๆ จนทำให้ฉันอ้าปากขึ้นเล็กน้อย


    ให้ตาย ฉันว่าฉันทนไม่ได้แน่ๆ!


    ...

    50%

    เมื่อกลับมาถึง ฉันก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามาริเน็ตนั่งอยู่คนเดียว พร้อมกับทำสีหน้ากังวล ส่วนครูบัสเทียร์เห็นว่าสั่งงานเสร็จก็รีบรุดไปห้องผ.อ เหมือนจะมีประชุมเกี่ยวกับเทศกาลวันหยุดที่จะมาถึง เหมือนผ.อจะนึกโครงการดีๆได้ แล้วไฟร้อนสุดๆ

    "นาธานไปไหน?" เธอเอ่ยถามออกมา โดยอิดออดที่จะกลับลงไปนั่งกับเอเดรียน 

    มาริเน็ตเหมือนกำลังฟุ้งซ้านจนไม่ได้ยินเสียงฉัน คู่ข้างหน้าก็เลยหันมาพูดแทน

    "เขาไปห้องพยาบาลน่ะ" นีโน่กล่าว

    ห๊ะ! 

    "เห็นว่าปวดหัวนี้แหละ ตกใจหมดเลยล่ะ ตอนที่'ล้มลง'ใส่มาริเน็ต..เหงื่อแตกขนาดนั้น" อัลย่าพูดเสริมยิ่งทำให้ฉันคิ้วขมวดหนัก 

    ปวดหัว ป่วยเนี่ยนะ? เมื่อเช้าก็ดูออกจะแข็งแรงดี.. อยู่ๆจะมาป่วยได้ยังไง?

    หรือว่า..

    เธอเบี่ยงสายตาลงไปจ้องเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีไพลินนิ่ง ก่อนจะทำท่านึกแล้วก้มลงไปหามาริเน็ต

    "ดะ ไดอาน่า!" มาริเน็ตกะกุกะกักหน้าแดง เมื่ออยู่ๆสาวฮอตของห้องก็ก้มหน้าลงมาเกือบจะจูบต้นคอเธอ โดยที่มีสายตาตื่นตกใจของเพื่อนในห้อง ถ้ามองจากมุมนี้จะเหมือนว่าสาวเจ้ากำลังไซร์คอมาริเน็ตอยู่เลย!

    เมื่อตรวจบางอย่างจนแน่ใจ เรียวคิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายออก ก่อนที่ฉันจะผละตัวออกมายิ้มหวาน


    "โทษทีนะ ฉันแค่กำลังพิสูจน์กลิ่นบางอย่างเท่านั้นเอง ไม่มีจริงๆด้วยล่ะนะ ฮ่ะฮ่าๆ" ไดอาน่าหัวเราะระรื่นแบบไม่คิดว่าท่าทางเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรผิด

    มีบางคนที่ถอนหายใจเมื่อรู้ว่าไดอาน่าแค่ลองดมกลิ่นดูเท่านั้นเอง

    "กลิ่นเหรอ หรือว่ามาริเน็ตจะไม่ได้อาบน้ำมาหรือเปล่า" โคลอี้พูดขึ้นลอยๆพร้อมกับทำสีหน้าอี้แขยะแขยงใส่มาริเน็ต 

    มาริเน็ตหน้าแดง ไม่รู้ว่าอายหรือโกรธกันแน่ จนเธอพูดโพร่งออกมาเสียงดัง 

    "จะบ้าเหรอ! ฉันอาบทุกครั้งยะ แล้วไดอาน่าก็บอกว่าไม่มีกลิ่นไม่ใช่หรือยังไง!" มาริเน็ตกัดฟันกรอด

    "เธออาจจะโกหกว่าอาบมาก็ได้" โคลอี้แสยะยิ้มเถียง พร้อมซาบรีน่าที่ปิดปากยิ้มล้อเลียนเป็นลูกคู่

    "รู้ดีจัง เธอเป็นตัวมาริเน็ตเองหรือยังไงโคลอี้" อันนี้เป็นอัลย่าช่วยมาริเน็ตเถียง พร้อมกับเบะปากกลอกตามองบนจนโคลอี้ชะงัก 

    ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งสายตาฟาดฟันใส่กัน 

    ซวยแฮะ... ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดเรื่องนะเนี่ย..! เมื่อกี้ที่ก้มลงไปใกล้มาริเน็ตก็เพื่อจะลองสูดกลิ่นฟีโรโมนอะไรนั้นดู... ดูเหมือนว่าจะสัมผัสกลิ่นบางอย่างจากมาริเน็ตได้ เป็นกลิ่นหอมที่อ่อนๆแต่มันไม่ได้กระตุ้นอะไรเธอมากเท่าไหร่ 

    หรือว่าคงเป็นเพราะพวกเราเป็นเพศเดียวกัน? คงเหลือแค่ต้องลองไปพิสูจน์กับนาธานอีกทีหนึ่งว่าใช่มั้ย....ส่วนเอเดรียนไม่ต้องหรอก เหอะๆ 

    "ไดอาน่า"

    เสียงนิ่งทำให้เธอตื่นจากภาวังค์ หันไปประสานสายตาสีเขียวที่สื่อถามว่าเธอจะยืนอยู่อย่างนี้อีกนานไหม แรงฉุดรั้งบนข้อมือเล็กๆ ทำให้ฉันรีบตัดสินใจลงไปนั่งทันทีเมื่อครูบัสเทียร์กลับมาพอดี

    ก่อนจะนั่งเรียนแบบเกร็งๆข้างเขาอย่างนั้นเป็นชั่วโมง 

    ทำไม..ฉันสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเอเดรียนกำลัง'ไม่ดี'ล่ะ? 





    กริ่งงงงง

    เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆจนเสียงระฆังหมดเวลาเลิกเรียน ใช่ เลิกเรียนแล้ว! เป็นไทแล้วโว๊ยย  

    ดวงตาสีฟ้าครามที่เฉไปทางอื่นขณะหน้าขึ้นสีชมพูสองข้างแก้ม ฉันรีบลุกออกจากห้องเพื่อจะไปจากตรงนี้เร็วๆ

    ส่วนนาธานก็กลับมาแล้ว เขามีสภาพไม่ต่างกับเธอเท่าไหร่

    "กลับกันเถอะ! บ๊ายบายทุกคน!" เธอรีบลากนาธานออกจากห้อง หลังโบกมือบ๊ายบายทุกคนแล้ว รีบออกไปขนาดที่ว่ามาริเน็ต อัลย่ากับนีโน่ และเอเดรียนยังตั้งตัวไม่ทันเลย 

    "ดะ ไดอาน่า ฉัน ฉันคิดว่าตัวเองกำลังป่วย!" หลังจากที่วิ่งออกมาหน้าโรงเรียน ฉันโทรบอกมิแรนด้าให้มารับเสร็จ นาธานก็กุมอกพูดหอบๆ 

    สาเหตุมันมาจากตอนที่มาริเน็ตสะดุดเท้าตัวเองล้มใส่นาธานจนล้มลงไปทั้งคู่ เพราะนาธานก็ไม่ได้ตั้งตัว แล้วดูเหมือนว่าเขาจะเกือบจับมาริเน็ตจูบ ณ ตรงนั้นเลย!


    "นายไม่ได้ป่วยหรอก..ฉันก็เป็น กลับไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟังนะ" หน้าของนาธานดูแดงระเรื่อ ดีนะที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับเขาจนชิน ขนาดที่ว่าเสน่ห์ของกันแล้วกันทำอะไรกันไม่ได้ 

    หลังจากนาธานได้รับซอลย่ามา พลังของมิราเคิลก็ยิ่งสร้างภูมิคุ้มกันเสน่ห์เย้ายวนแปลกๆที่แผ่ออกมาจากเธอได้ และนอกจากนั้นนาธานยังได้เสน่ห์แปลกๆที่ว่าแบบเดียวกับเธอมาอีกด้วย 

    อย่างที่ฉันคิดเอาไว้ นาธานถูกกลิ่นของมาริเน็ตกระตุ้นจนเขาหนีเรียนไปนอนพักที่ห้องพยาบาล ทั้งวัน โดยทิ้งให้ฉันกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ห้องคนเดียว!(ร้องไห้) 


    "ฉันไม่เห็นเอเดรียนกับมาริเน็ตเป็นอะไรเลย ทำไมถึงมีเพียงแค่พวกเราสองคนที่ดูจะเป็นหนัก" หลังจากกลับถึงห้อง ฉันได้ไปคุยกันนาธานเรื่องนี้ที่ห้องรับแขก พร้อมกับซอลย่าและแจสเปอร์

    ฉันบ่นถึงความไม่ยุติธรรมต่างๆนาๆ จนนาธานเอ่ยแย้ง

    "ฉันว่าพวกเขาก็โดนนะ...แต่ไม่ได้อาการหนักแบบพวกเรา" นาธานสังเกตเห็นตอนที่เอเดรียนอยู่รอบๆตัวไดอาน่า  ไม่อยากจะบอกเธอเท่าไหร่เลยเรื่องที่ว่าเอเดรียนลอบมองไดอาน่าหลายครั้งมาก แต่เพราะน้องสาวเขามัวแต่กลุ้มเรื่องนี้อยู่เลยไม่รับรู้

    "แน่สิ! ก็ใครบอกให้พวกนายได้รับความเอ็นดูจากมิราเคิลมากที่สุดล่ะ ขนาดเปลี่ยนร่างเป็นโซโล่กับซิลเวอร์ยังมีหูกับหางของจิ้งจอกจริงๆเลยนี่นา" แจสเปอร์กล่าวและซอลย่าที่พยักหัวเห็นด้วยลูกเดียว

    ตกลงคือความผิดพวกฉันสินะ!? 

    "ไม่ต้องห่วงน่า มันก็เหมือนพวกคุณเริ่มนับจาก100% แต่อีกฝ่ายเริ่มนับจาก0%ไง ถ้าพวกคุณผ่านช่วงต้นเดือนไปได้ กลางๆกับปลายเดือนก็ไม่เป็นไรแล้ว!" 

    ซอลย่าพูดยิ้มๆเหมือนเอ่ยปลอบ แต่ที่จริงมันคือประโยคฟาดหน้าพวกฉันเลยต่างหาก

    "ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า!?" X2  เธอกับนาธานตะโกนแย้งออกมาเสียงดัง 


    ฉันบอกนาธานเรื่องฟีโรโมนของแต่ละคน ดูเหมือนว่ากลิ่นที่จะกระตุ้นราคะมันจะเป็นเฉพาะของกลิ่นคู่ตัวเอง....ก็คงเปรียบเหมือนกลิ่นของคนที่เราแอบชอบนั้นแหละ 

    โดยที่ไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าพวกเราสี่คนจะไปเผลอจับคู่กันเข้าซะแล้ว นาธานวิเคราะห์แล้วคิดว่ามันอาจจะมีสาเหตุบางอย่างมาจากการที่เรา'แลกเปลี่ยนมิราเคิล'กันก็ได้ มันเป็นความเป็นไปได้ที่สุด ณ ตอนนั้น

    ไม่รู้ว่ามาริเน็ตกับเอเดรียนจะรู้เรื่องนี้ไหม ความิของพวกเขาจะบอกหรือเปล่า? เพราะดูเหมือนว่าหยินกับหยางจะเป็นฝั่งเดียวกัน เกิดขึ้นมาเพื่อกันและกัน เปรียบเหมือนกลางวันกับกลางคืน แตกแยกแตกต่าง..แต่เข้าพวกกันได้

    ส่วนฉันกับนาธานที่ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนหนึ่งเพราะสายเลือด อีกส่วนหนึ่งเพราะมิราเคิลจิ้งจอกคือหนึ่งเดียวกันมาก่อนมันจึงไม่มีผลกระทบอะไรกันมาก 

    เมื่อทั้งสี่ได้มาอยู่ร่วมกัน..ปาฏิหาริย์จึงดิ้นรนเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลจับคู่ 

    มันเป็นกลไกการป้องกันการสูญเสียหนึ่งอย่าง เพื่อให้มีช่วงสืบทอดพลังเข้มข้นต่อไป เสียดายที่ว่านั้นมันคือเรื่องราวตั้งนานมาแล้ว ปัจจุบันพลังปาฏิหาริย์มาทำแบบนี้มันถือว่าเป็นเรื่องที่ก้าวข้ามความเป็นส่วนสิทธิ์บุคคลสุดๆ! 

    จะมาดิ้นรนหาผู้สืบทอดแข็งแกร่งอะไรเอาตอนนี้ ไปเลือกทำตั้งแต่ช่วงสงครามหลายพันปีก่อนสิโว๊ย!


    บ่นกันไปก็เท่านั้น เพราะยังไงพวกเราพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนกันอยู่ดี ฮิซาเบลล่าไม่ให้พวกเราหยุดเรียนหลายวันติดต่อกันแน่ อีกอย่างพวกเราใกล้จบเทอมนี้แล้ว ถ้าหยุดติดต่อกันมันจะมีผลต่อเกรดตอนจบด้วย

    เช้าวันต่อมาพวกเราจึงต้องไปเรียนด้วยสภาพใจที่ไม่พร้อม  และพยายามหลีกเลี่ยงต้นตอกลิ่นเย้ายวนนั้นให้มากที่สุด จนฉันเห็นมาริเน็ตแอบทำหน้าสับสนตอนที่นาธานรีบลุกจากโต๊ะหลังจากที่มาริเน็ตนั่งลงไปไม่ถึงวิ ขนาดอัลย่ากับนีโน่ยังดูออกเลยว่านาธานหลบหน้ามาริเน็ตอยู่ จนพวกเขาแอบถามมาริเน็ตว่าไปทำอะไรให้นาธานโกรธหรือเปล่า

    เพราะว่าอัลย่ากับนีโน่ไปสะกิดแบบนั้นเข้า มาริเน็ตจึงฟุ้งซ้านทั้งวันขนาดที่ฉันเห็นแล้วต้องส่ายหัวไว้อาลัยให้พี่ชายล่วงหน้า เห็นแบบนี้...เดาได้เลยว่าคุณนางเอกต้องหาโอกาสถามนาธานเรื่องนี้ให้ได้แน่ไม่งั้นนอนตายไม่หลับ


    ....


    มีเหตุบังเอิญที่เอเดรียนได้รับบาดเจ็บจากการเข้าคราสเรียนต่อสู้ ทำให้เขาต้องมาห้องพยาบาลพร้อมกับฉันที่หนีมานอนห้องพยาบาลเพื่อหนีเขานั้นแหละ

    "คุณครูห้องพยายาบไม่อยู่เหรอ" เอเดรียนอึกอั่กเมื่อเห็นฉันลุกขึ้นจากเตียงนอน ฉันเห็นเขาก็ต้องแอบไอแก้เก้อเล็กน้อยที่เขามาเห็นตอนสภาพไม่เรียบร้อยเท่าไหร่

    "นายบาดเจ็บเหรอ?" ฉันถามเขาขณะที่คิดในใจไปด้วยว่า'สติ.. สติ.. ตั้งสติเอาไว้นะ' 

    "ฉันไปช่วยเพื่อนที่เกือบจะล้มตกจากที่สูงเลยพลาดได้รับแผลตื้นๆมา" เอเดรียนกล่าวยิ้มแห้งๆ ทำให้ฉันดึงแขนเอาออกมาดู เพราะเขาซ่อนมันเอาไว้ แถมตรงหน้าเขาก็มีรอยถลอกขีดข่วนอีกด้วย 

    เห็นว่าล้มแบบเสียบพลัน เขาเลยตั้งตัวเอาหน้าขึ้นจากพื้นได้เฉียดฉิวอย่างโชคดี.. 

    โชคดีที่ไหนมีแผลเต็มแก้มไอ้บ้า!

    "แผลตื้นที่ไหน! นี้มันบาดลึกเลยนี่นา" เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นเลือดที่ซึมจากแขนเขา แถมยังมีเศษหินเล็กๆติดแผลสดอยู่เลย 

    เอเดรียนเป็นลูกคุณหนูไม่ผิดแน่ คุณพ่อเลี้ยงเขาดีมากแบบไม่ให้แมลงมาไต่ตอมได้เลย ผิวเขาจึงเบราะบางกว่าฉันเสียอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ขาวเท่าเธอเพราะชอบเล่นกีฬาก็ตาม ไหนจะแผลตรงหน้าอีก 

    "ไปนั่งบนเตียง ฉันจะทำแผลคุณให้" เธอได้กลิ่นเลือด มันทำให้เธอแอบเบ้หน้าเล็กน้อย ดูเหมือนช่วงนี้เธอจะจมูกดีกว่าเดิมแล้ว

    "ไม่เป็นไร ฉันสามารถทำเองได้" เอเดรียนรีบแย้งพร้อมทำท่าจะเดินหนีไปทางอื่น 

    เขาจะหนีฉันทำไม

    "ไม่ได้ ฉันบอกให้คุณไปนั่ง!" เธอหันมาขึ้นเสียงใส่เขาอย่างโมโห เอเดรียนพงะเล็กน้อยพร้อมตาที่เบิกกว้างขึ้น เพราะไม่เคยเห็นฉันดูโกธรใส่เขาจริงจังแบบนี้มาก่อน ก่อนที่เขาจะเชื่อฟังยอมไปนั่งกระสับกระส่ายบนเตียง

    "แผลนายน่ากลัวมาก!"

    "กังวลไปแล้ว มันก็แค่แผลนิดเดี่ยว" 

    "นายเป็นนายแบบนะ จะให้เกิดแผลเป็นที่ร่างกายไม่ได้" เธอแย้งด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะดันให้เขาไปนั่งขอบเตียง พร้อมเดินไปหาอุปกรณ์รักษาแผลเพราะครูห้องพยาบาลไม่อยู่ตอนนี้

    "บางทีฉันอาจจะไม่เป็นนายแบบ!" เอเดรียนกอดอกเหมือนเด็ก ฉันรู้เรื่องที่เขาถูกบังคับให้เป็นนายแบบ เอเดรียนคงอยากจะเล่นซนแบบเด็กผู้ชายทั่วไปมากกว่า ไม่ใช่มาพะวงห่วงว่าหน้าตัวเองจะมีแผลเป็นหรือเปล่า

    ฉันใช้ความเงียบสงบความดื้อของเขา พลางหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาเช็ดบาดแผลบริเวณรอบๆข้อศอก ก่อนจะใส่ยาและเอาผ้าพันแผลสะอาดๆมาปิด 

    เอเดรียนเห็นว่าฉันเงียบไปนาน เขาจึงรู้สึกผิดพร้อมเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม

    "ไดอาน่า คือว่า..ฉันขอโทษ"
     
    "ไม่เป็นไร"

    เธอเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อใช้สำลีเช็ดๆแผลตรงแก้มเขา ณ ตอนนั้นเธอคิดแต่เรื่องแผลตามร่างกายอีกฝ่ายจึงไม่ได้สังเกตใบหน้าแดงระเรื่อ ตอนที่เธอเขยิบเข้าไปใกล้เขามากนัก

    "ฉันไม่ว่านายเรื่องช่วยคนอื่นหรอกนะ แต่หัดเป็นห่วงตัวเองบ้างสิ ถ้านายไม่ห่วงตัวเองแล้วใครจะมาดูแลนายกัน" เธอบ่นๆขณะที่เช็ดแผลอย่างเบามือ 

    "ทำไมชอบพุ่งเข้าหาอันตรายตลอดเลยนะ เป็นอย่างนี้ทุกที ฉันคงต้องตามดูแลนายจริงๆ" เธอพึมพำกับตัวเองเสียงเบา โดยที่หลงลืมว่าระยะห่างเพียงแค่นี้เขาต้องได้ยินแน่  

    เป็นอย่างนี้ทุกที? เขาสงสัย แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยถาม สายตาก็เหลือบไปโฟกัสที่ริมฝีปากบางของไดอาน่าเข้า

    กึก

    ....


    "..ไดอาน่า" น้ำเสียงฟังดูแหบลง

    "อะไร?" เธอคลายปมคิ้วออกเมื่ออยู่ๆก็ถูกดึงเข้าไป พร้อมตรงเอวที่ถูกโอบรัดแน่น

    "ฉันได้กลิ่นบางอย่างจากตัวคุณ.."  ดวงตาสีเขียวของเอเดรียนดูพร่ามัวเหมือนตอนคนเป็นไข้ไม่มีผิด แก้มและหูเขาก็เริ่มแดงตาม 

    อาการแบบนี้มัน...อ๊ะ

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ยังไม่ได้ประมวลผลจบ เธอก็รู้สึกว่าโลกหมุนก่อนที่แผ่นหลังจะแตะติดเตียง เรือนผมสีเงินแตกกระจายเป็นวงคลื่นกว้างบนเตียงขาวสะอาด 

    นัยน์ตาสีฟ้าเของหญิงสาวเบิกกว้าง!

    "เอ.. เอเดรียน!" แรงกอดรัดที่แน่นขึ้นทำให้เธอต้องส่งเสียงท้วง พร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นที่ฟุ้งพร่านออกมาจากตัวของชายหนุ่ม ทำให้เธอต้องยกมือปิดจมูกแทบไม่ทัน

    แย่ล่ะสิ...กลิ่นมัน..

    ไม่ทันรู้ตัวนัยน์ตาสีฟ้าครามของไดอาน่าก็เรืองรองเหมือนสีอำพัน เธอเริ่มเคลิ้มตามสัมผัสของอีกฝ่าย ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วปลายคาง มอบความหวานจนอ่อนระทวย แม้จะละอายจนน้ำตาคลอ ลิ้นอุ่นลากลิ้นราวกับจะกลืนกินเธอทั้งร่าง

    เรากำลังทำอะไร เราต้องห้ามเขา!

    "เอเดรียน!"  สติอันน้อยนิดดึงเธอกลับมาได้ โดยไม่มีใครเห็นนัยน์ตาสีอำพันก็กลับเป็นสีฟ้าสดใสอีกครั้ง 


    "เดี๋ยว" เขาพึมพำ พร้อมมือที่เตรียมสอดเข้ามาในเสื้อ.. 


    80%

    แกร๊ก

    ประตูอีกฝั่งเปิดออก พวกเราดีดตัวจากกันทันใด สิ่งแรกที่เห็นคือกล่องกระดาษ ก่อนที่ใบหน้าจะชะโงกออกมาจากหลังกล่อง

    "อุ๊ย โทษทีจ๊ะ นึกว่าไม่มีคนอยู่" ครูพยาบาลสาวสวมแว่นตาหนาเตอะ เธอหอบของมาเป็นลังเต็มสองมือ 

    "ว่าแต่เป็นอะไรหรือเปล่า น่าแดงๆกันนะ"

    ฉันกับเอเดรียนที่ตัวแข็งกึก โชคดีที่เธอลุกขึ้นทันพร้อมจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย กลัวมากกว่าว่าอาจาร์ยสาวจะจับผิดได้ 

    "คะ คือว่า เพื่อนหนูเขามีแผล! ครูช่วยรับช่วงต่อหน่อยนะคะ!" ฉันรีบเดินก้มหน้าพรางไม่กล้าสบสายตากับใคร โดยเฉพาะ'เอเดรียน' 

    ถ้าโดยปกติแล้วฉันคงจะหยุดช่วยขนของจากครูสาวก่อน แต่เพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ดีมากๆจึงต้องรีบออกมา

    ก่อนที่จะปิดประตูฉันได้ยินเสียงครูสาวถามเอเดรียนเรื่องแผล แล้วเขาตอบเสียงกะกุกะกัก คงจะปรับตัวไม่ทันพอๆกัน

    แกร๊ก

    เสียงเลื่อนประตูปิดจนสนิท.. ก่อนที่เธอจะเดินมาได้สักสองสามก้าว แล้วเอนตัวพิงกำแพงไว้ เธอพยายามหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับแจสเปอร์ที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าไม่ให้ใครเห็น

    "ดูเหมือนว่าเขาก็มีปฏิกิริยากับเธอเช่นกันนะ น่าดีใจจริงๆ" แจสเปอร์พยักหน้าช้าๆ เหมือนเห็นว่ามันคือเรื่องสมควรแล้ว จนฉันต้องถลึงตาใส่ทีหนึ่ง ก่อนจะทำใจก้าวสับๆเพื่อกลับห้องเรียน

    ...

    หลังจากนั้นเธอก็กลับไปที่ห้องเรียน ทำตัวสงบนิ่งที่สุดบนที่นั่งตัวเอง ก่อนสักพักเอเดรียนก็ตามเข้ามา

    "เอดริกิ้น!" เสียงโคลอี้มาก่อนตัวเสมอ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดกอดเอเดรียน ดูเหมือนว่าจะเผลอไปโดนแผลที่แขนเขาเข้าจนเอเดรียนทำหน้าเหยเกวูบหนึ่ง

    "โอ๊ย! โคลอี้ เธอกำลังทำร้ายฉันอยู่.."

    "อุ๊ย พระเจ้า! นายบาดเจ็บมานี้นา หน้าตาสวยของนาย..ไม่นะใครกันที่ทำ" โคลอี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนวินาทีต่อมาจะทำหน้าน่ากลัว และสาปแช่งใครที่กล้าทำเขาบาดเจ็บ

    "แหะๆ อย่าเลยโคลอี้ มันเป็นแค่อุบัติเหตุน่ะ" เอเดรียนเอ่ยปลอบเพื่อนสมัยเด็กของเขาให้ใจเย็นลง ก่อนที่ระหว่างจะเดินลงมานั่งที่ตัวเอง เขาก็เหลือบมองไดอาน่าข้างบนที่รีบยกหนังสือบังหน้าเอาไว้

    แต่ไดอาน่าก็ทนความอยากรู้ไม่ได้จึงเผลอลดหนังสือลงมาดู จนสบกับดวงตาสีเขียวของอีกฝ่าย เธอตื่นตระหนกแต่ก็ไม่ทันจึงยกหนังสือมาทำท่าทีอ่านต่อ...

    "...." แก้มของชายหนุ่มเป็นริ้วแดงพาดผ่าน ก่อนที่เขาจะก้มหน้าและเดินไปนั่งที่คนเดียวเงียบๆ

    นาธานที่กำลังนั่งเบื่อเห็นสายตาแปลกๆจากเอเดรียนมองตรงมาที่ไดอาน่าชั่วครู่หนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจากทั้งสองคน จึงขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเอ่ยถามเสียงกระซิบ

    "พวกคุณสองคนมีปัญหากันเหรอ?"

    "เงียบนะ!" ไดอาน่ารีบเบรคให้นาธานหุบปากไว้ก่อนที่เขาจะทำการถามมากกว่านี้ เธอไม่มีทางที่จะเล่าให้พี่ชายแฝดเธอฟังแน่ ตอนนี้ใจเธอว้าวุ่นขนาดหนัก เขินจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งตีหน้าตายนิ่งๆ 

    ในอกมันร้อนพ่าวไปหมด เธอพยายามสลัดความคิดแปลกๆออกไป แต่มันช่างยากเย็นนัก ในเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนตอนที่เอเดรียนพรมจูบคางและลำคอเธอ 

    มันไม่ได้จางหายไปเลย...อีกอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆแล้วมันก็รู้สึก..ดี แค่ก

    ฮือ ฉันไม่กล้าเจอหน้าเขาแล้ว(เอาหนังสือตีหัว) 



    การเรียนวันนี้ผ่านไปอย่างกระอักกะอ่วน นีโน่กับอัลย่าเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าเอเดรียนกับไดอาน่ามีปัญหาบางอย่างกัน นีโน่อยากจะช่วยเพื่อนสนิทของเขาแต่เอเดรียนก็ไม่ยอมบอกว่าระหว่างทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้น 

    เอเดรียนพยายามจะหาโอกาสเข้ามาคุยกับไดอาน่า แต่ไดอาน่าก็จะรีบหาอะไรยุ่งๆทำเพื่อตัดบทสนทนา นาธานก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

    จนเพื่อนสาวสนิทอย่างอัลย่า เริ่มเห็นใจมาริเน็ตที่ทำหน้าซึมไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรจึงได้ถูกนาธานเมิน



    น่าเศร้ายิ่งนัก ยิ่งปรารถนา ยิ่งห่างไกล ยิ่งค้นหา ยิ่งเลือนหาย...



    แต่ที่น่าเศร้ามากกว่าคงเป็นพี่น้องตระกลูซีมัวร์ ที่รับรู้แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะพวกเธอกลัว...

    กลัวว่าจะเผลอใจ 


    จับ'พ่อแมวน้อย'และ'แม่เต่าทอง'จับกดน่ะสิ!?








    ไรท์ : สู้ๆนะพี่น้องจิ้งจอก! //โบกป้ายไฟ

    +++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++
    ตัดไปต่อตอนหน้าตอนนี้ยาวแล้ว


    ไรท์บอกได้อย่างเดียวว่า...มิราเคิลทำพิษซะแล้วสิ..






    จิ้งจอกเวลาถึงฤดูหนาวแล้วขนจะฟูมาก!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×