ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #28 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่25 : สถานการณ์ที่ยากลำบาก... 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.33K
      344
      20 ม.ค. 62




    (แต่งสดไม่ได้ตรวจคำผิด)




    คืนนี้เป็นการลาดตระเวนของฉันกับแคทนัวร์ เธอต้องไปตรวจสอบดูว่ามาริเน็ตกับเอเดรียนได้รู้เรื่องนี้ไหม เธอจึงคิดจะเรียกประชุมสี่คนวันนี้ นาธานดูเห็นด้วยแต่เขาก็เป็นห่วง จึงยื่นผ้าปิดปากมาให้เธอและเขาคนละอัน

    "เอาจริง?" ฉันมองผ้าปิดจมูกในมือ ถ้าสวมไปจะไม่กลายเป็นโจรที่ปกปิดหน้าตาเลยเหรอ คิดในใจจบก็เงยหน้ามองแฝดตัวเองที่ทำสีหน้าจริงจัง 

    "ป้องกันไว้ดีกว่า เผื่อเหตุไม่คาดฝัน" 

    เหตุไม่คาดฝันที่ว่า หมายถึงเธอจะฉุดเอเดรียนเข้าตรอกใช่มั้ย แค่ก

    ฉันพยักหน้า ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นซิลเวอร์

    !?

    แต่ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆไปกับการเปลี่ยนร่างครั้งนี้ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็รีบมองสำรวจตัวเองทันที

    รู้สึกถึงความร้อนในร่างที่ทวีมากกว่าทุกที หางฟูสีเงินงวลและเส้นผมกับหูจิ้งจอกของเธอ ดูเหมือนจะเบ่งประกายมากกว่าทุกครั้ง 

    นอกจากนั้นแล้วรอบๆปลอกคอ หรือบนไหล่ของเธอเองนั่น มันมีขนจิ้งจอกสีขาวนุ่มฟูปกคลุม จนทำให้เธอดูเหมือนจิ้งจอกขึ้นมาก 

    บนหน้าอกที่ปกติจะปิดด้วยชุดสูทจรดคอเรียบร้อย ตอนนี้กลับมีมุมสามเหลี่ยมตรงหน้าอกเปิดเผยผิวขาวผ่องใต้ชุดบอดี้สูทสีเทาเงินวาว 

    เพราะมันได้เปิดเผยผิวช่วงอกทำให้เธอรู้สึกกระด้างอายแปลกๆ เธอกระชับเสื้อกิโมโนที่ปกติจะย่นและหลวมลนลาดไหล่ พยายามดึงรั้นขึ้นให้ปกปิดมันไว้ถึงแม้จะช่วยได้นิดหน่อยก็ตาม

    "อะ อะไร! ทำไมเครื่องแต่งกายฉันเปลี่ยน??" เธอทำหน้างงวยพลางสบสายตาขอความช่วยเหลือกับนาธาน เจ้าตัวก็อ้าปากค้างพร้อมส่ายหน้าไม่รู้เรื่องเช่นกัน

    "โว้ว ใจเย็น! มันก็แค่เป็นพลังปาฎิหาริย์จิ้งจอก ที่จะปรับสภาพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผ่านช่วงฤดูหนาว ไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก!" ซอลย่าบินมาเอ่ยปลอบ

    "ถึงอย่างนั้นมันจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายด้วยเหรอ แค่มอบความอบอุ่นให้ร่างกายเราก็พอแล้วมั้ง?" นาธานถามคำถามที่เธอก็กำลังสงสัย

    อีกอย่าง ตอนนี้พวกเราทุกคนก็ร้อนรุ่มกันทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องปรับสภาพหรอกมั้ง!

    "ปกติก็..ไม่นะ  แต่ปาฎิหาริย์คิดว่าครั้งนี้'จำเป็นละมั้ง'...เพื่ออวดโชว์แก่'คู่ตัวเอง'อะไรคำนองนั่น..แค่ก!" 

    ซอลย่ารีบเสตามองไปทางอื่น เมื่อสองพี่น้องซีมัวร์พร้อมใจกันหันมาทำหน้าบึ้งทันทีที่ฟังจบ

    "แบบว่าถ้าฉันเปลี่ยนร่าง ชุดฉันจะเปลี่ยนไปด้วยใช่ไหม?" นาธานถามต่อหลังที่ถอนหายใจระอา

    "แน่นอนอยู่แล้ว ดูขนใหม่ฉันซิ! นายก็ต้องเปลี่ยนด้วยนั้นแหละ!" ซอลย่าอวดหางที่กลายเป็นสีเงิน และขนนุ่มฟูบนแพลงลำคอตัวเอง 

    ดูเหมือนซอลย่า เธอจะชอบใจตัวเองในลุคนี้มาก ไม่รู้ว่าเพราะขนนุ่มฟูเป็นพิเศษหรือเปล่า?

    'แต่การที่จิ้งจอกอวดขนที่ผลัดใหม่ ก็เหมือนการอวดโชว์ความงามประชันแก่คู่ตัวเองหรือเปล่านะ?...' 

    เธอคิดในใจเล่นๆเพราะบางอย่างของจิ้งจอกเธอก็ไม่ได้รู้ไปซะหมด พลางหลุบตามองหน้าอกตัวเองที่ออกจะได้มามากเกินไปในชาตินี้ 

    จุดสีดำเล็กๆบนเนินอกที่เอเดรียนเคยกล่าวถึง 

    ไดอาน่าหน้าร้อนขึ้นทันที ยิ่งมีความคิดแปลกๆเสริมบวกเข้าไป ยิ่งอันตรายเพราะร่างกายเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว

    "เร็วเข้า! เมื่อไหร่พวกเราจะไป?" เธอกระแอ่มไอเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนเรื่องให้นาธานรีบๆเปลี่ยนร่างเป็นโซโร่เร็วๆ อีกอย่างคือเพื่อดึงความสนใจไปจากความคิดไม่ดีในหัว

    "โทษที ซอลย่า...tails up!"

    วาป!

    เสร็จจากขั้นตอนเปลี่ยนร่างแล้ว นาธานก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เขามีขนจิ้งจอกปกคลุมไหล่เช่นเธอ พร้อมกับชุดบอดี้สูทของเขา จากสีส้มแดงกลายเป็นสีเทาเงินแบบเดียวกัน แต่สีผมก็ยังคงเป็นสีส้มแดงเหมือนเดิม พร้อมดวงตาสีเขียวทะเลสดใส

    ปกติโซโร่ก็เปิดผิวช่วงคอและอกเล็กน้อยอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นเขาก็มีเหมือนเธอ 

    "ถ้าเปลี่ยนสีผมด้วยนะ ค่อยสมเป็นแฝดกันหน่อย" เธอหยอกล้อพร้อมชนไหล่เขาเบาๆ นาธานเพียงหัวเราะต่ำในลำคอ ก่อนจะเอ่ยชวนให้เธอรีบไปตามสองคนนั้นมาเจอกันที่หอไอเฟลสักที

    เพราะการปรากฎตัวของซิลเวอร์ข้างหน้าต่าง ทำให้มาริเน็ตกับเอเดรียนเข้าใจทันทีว่ามีเรื่องที่จะ(คุย)ประชุมกัน 

    เมื่อเลดี้บัคกบัแคทนัวร์มาถึงจุดสังเกตการที่ประจำ หรือหอคอยไอเฟลนั่นเอง พวกเขาก็ต้องพบกับกบรรยากาศรอบตัว ของโซโร่และซิลเวอร์ที่ดูตรึงเครียด 

    ถึงแม้ว่านี้จะเป็นครั้งแรกหลังจากกาลเวลาผ่านไปล่วงถึงสัปดาห์ที่สองแล้ว อารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคนเริ่มจะต้านทานไหว สุดท้ายพวกเขาทั้งสี่คนก็ต้องหาเวลามาประชุมกัน ถึงแม้พวกเขาจะอึดอัดใจที่จะต้องมาเปิดอกคุยถึงเรื่องน่าอายบางอย่าง 

    "ฤดูผสมพันธุ์?" 

    "เป็นไปได้ยังไง!" 

    เสียงแรกเป็นเสียงของแคทนัวร์ เสียงที่ตะโกนตามมาติดๆคือของเลดี้บัค

    "ไม่รู้สิ แต่มันเป็นไปแล้ว" โซโร่เอ่ยบอก พร้อมกับซิลเวอร์ที่พยักหน้าแข็งขืน แคทนัวร์กับเลดี้บัคมองสองพี่น้องจิ้งจอกอย่างโง่งม เมื่อระยะห่างที่พวกเขาคุยกันมันอยู่เกือบอีกฝั่งของตึกเลย

    "ซิล.." แคทนัวร์ทำท่าจะเดินเข้าไปหาซิลเวอร์อย่างร่าเริงปกติ ทว่าอยู่ๆซิลเวอร์ก็หูกับหางตั้งพร้อมตะโกนเสียงดัง

    "อย่าเข้ามา! กลิ่นนายมันทำฉัน..อึก" 

    "กลิ่น? ฉันก็ไม่ได้ตัวเหม็นอะไรนะ" แคทนัวร์หน้าซีดเผือดเมื่ออยู่ๆก็โดนกล่าวหา ก่อนที่เจ้าตัวจะยกแขนตัวเองมาดมหากลิ่นที่ทำให้ซิลเวอร์เวียนหัว

    "เจ้าโง่ เธอไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่เป็นกลิ่นฟีโรโมนนายต่างหาก" โซโร่ที่เป็นเกราะให้น้องสาวหลบข้างหลังตอนนี้ยืนกอดอกจ้องแคทนัวร์เขม็ง 

    "กลิ่นฟีโรโมน? พวกนายกำลังหมายถึงอะไร?" แคทนัวร์เอียงคอไม่เข้าใจ 

    "พูดจาแปลกๆนะ...แล้วนั่นทำไมพวกเธอต้องแต่งตัวแบบนั้น" เลดี้บัคถามพร้อมกับชี้ไปยังฝาแฝดจิ้งจอกที่แต่งตัวแปลกๆ 

    จะเรียกว่าแปลกได้มั้ย การที่มาเจอกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและหิมะตกบางๆ แต่ทว่ามีสองคนที่ดูสบายๆกับบรรยากาศเช่นนี้

    "เออ นั้นสิ เปลี่ยนชุดใหม่เหรอ?" แคทนัวร์ก็มองตามด้วยความสนใจ โดยเฉพาะจดจ้องจิ้งจอกสาวเป็นพิเศษ

    โซโร่จากชุดบอดี้สูท'สีแดงส้ม' เปลี่ยนเป็นชุดสูททรง'สีเทาออกขาว' สีเหมือนกับของซิลเวอร์เปี๊ยบ  นอกจากนั้นตั้งแต่ลวดไหล่ ก็ยังปกคลุมด้วยขนนุ่มฟูสีขาวทั้งสองคน 

    ตรงหน้าอกของซิลเวอร์ก็เปิดผิวบางส่วนตรงหน้าอกและไหปลาร้าเหมือนกับโซโร่ทั้งคู่ ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ..ทั้งสองคนแต่งตัวเปิดเผยตรงช่วงคอและอกแบบนี้ แต่กลับดูไม่หนาวเลยสักนิด 

    ถ้าแคทนัวร์กับเลดี้บัคสังเกตกันดีๆยิ่งกว่านี้ จะพบว่าที่พื้นที่พี่น้องจิ้งจอกยืนอยู่นั่น หิมะมันไม่มีเลย...

    เพราะว่าละลายกลายเป็นไอไปหมดแล้ว

    "อย่ามองแบบนั้นสิ! พวกเราไม่ได้อยากจะแต่งตัวแบบนี้ซะหน่อย เปลี่ยนร่างมาก็เป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็เพิ่งมารู้วันนีี้งี้แหละ"

    ฉันเอ่ยบ่นตอบเลดี้บัค พร้อมถอยๆห่างจากแคทนัวร์ ตอนนี้ฉันกับนาธานพวกเราตกลงกันที่จะสวมผ้าปิดจมูกไว้เพื่อกันกลิ่นของทั้งสองคน ถึงแม้ว่ามันจะช่วยได้นิดหน่อยก็เถอะ

    "ส่วนกลิ่นฟีโรโมนที่เราพูดถึงคือกลิ่นฤดูผสมพันธุ์ ที่มันลอยมาจากพวกนายนั้นแหละ ฉันกับพี่ชายเลยต้องหาอะไรมาอุกจมูกไว้แบบนี้ไงล่ะ เพื่อกันไม่ให้พวกเราต้องขาดสติกระโจมใส่พวกนาย..." 

    เธอพูดเสียงเรียบและออกเสียงชัด เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนมาเวียนถามใหม่อีกรอบ..

    "อะไรนะ!" x2 

    เลดี้บัคและแคทนัวร์อ้าปากค้าง ก่อนที่จะได้สติแล้วตะโกนออกมาพร้อมกัน

    "คาวามิของพวกนายไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยงั้นเรอะ?" เธออะแฮ่มไอออกเพราะความเขินที่อยู่ๆก็พุ่งขึ้นมา 

    "พะ พวกเธอจะบอกว่า กะ กลิ่น กลิ่นพวกเรากระตุ้นพวกนายงั้นเหรอ!?" เลดี้บัคกระกุกระกักเอ่ยอย่างสับสน ใบหูของเลดี้บัคแดงแจ๋อย่างชัดเจน 


    "ใช่ แล้วไม่ใช่แค่'เรา'สองคน แต่เป็น'พวกเรา'ทุกคนด้วย"

    สิ้นเสียงเรียบของโซโร่ พวกเราทั้งสี่คนก็จ้องหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน 

    "แล้วตอนนี้...เอ่อ พวกนายรู้สึกยังไง ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย..แบบ แบบว่า..?" เลดี้บัคโบกมือไปมาและพูดวกวนอ้อมโลกไปมาจนดูชวนงง แต่พวกเราก็เข้าใจท่าทางกระอักกระอ่วมนั้นดี

    "ก็นะ พวกเรามีสติแจ่มชัดดี แค่กลิ่นของพวกเธอมันจะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกพวกเรานิดหน่อย" ฉันพูดอธิบายให้พวกเขาฟัง 

    ก่อนที่จะบอกเล่าถึงเรื่องราวที่แจสเปอร์และซอลย่าได้อธิบายให้ฟัง 

    โดยเธอปกปิดเรื่องกลิ่นจากคู่ตัวเองเอาไว้ ทำให้เลดี้บัคกับแคทนัวร์รู้แค่ว่าพวกเขาได้เริ่มเข้าสู่ฤดูการจับคู่แล้ว และพวกเขาต้องหลีกเลี่ยงเพศตรงข้ามตัวเองให้มากที่สุด เพื่อเหตุไม่คาดฝันอย่างการไปกระโจมใส่คนอื่นเข้า

    'ฉัน'ที่ทำการปกปิดเรื่องคู่อย่างแนบเนียน และบอกให้พวกเขาหลีกเลี่ยงเพศตรงข้าม จนโซโร่ต้องเหล่หางตามามองเธอที่แสดงสีหน้าขึงขังจริงจัง(ทั้งที่ในใจแสยะยิ้มอยู่)

    ทั้งที่ความจริงแล้ว...นาธานรู้ความคิดเรื่องที่ไดอาน่าเลือกที่จะปกปิดดี เพราะว่าไดอาน่าเธอไม่อยากเจอแคทนัวร์ในร่างเอเดรียนที่โรงเรียน  เพราะนาธานก็มีความคิดที่ไม่อยากเข้าใกล้มาริเน็ตในตอนที่ร่างกายยังไม่คงที่เช่นกัน! 

    เพราะการบอกเล่าของซิลเวอร์ หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่กลับไปแล้ว พวกเขาก็ได้สอบถามเรื่องฤดูการจับคู่ของความิตัวเอง 

    ทิกกี้กับแพล็คก็แปลกใจที่พวกเขาถามขึ้นมา ก็เลยอธิบายไปอย่างง่ายๆแต่ก็ไม่ได้บอกอะไรที่แตกต่างจากซิลเวอร์มากนัก เพราะพวกเขารู้ดีถึงการปกปิดตัวตนของโซโร่และซิลเวอร์ ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพวกเขา 

    ที่สองความิคาดไม่ถึงคือ ฤดูกาลผสมพันธุ์ดันมาเริ่มเอาตอนนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคยเกิดขึ้นมาแสนนานแล้ว...

    ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นมา มันเกิดจากอะไรกันแน่?

    ความิของพวกเขาได้บอกเล่าถึงฤดูกาลจับคู่ โดยพื้นฐานแล้วเมื่อผู้ถือครองปาฎิหาริย์ที่เข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ เมื่อเจอสิ่งกระตุ้นมาอยู่ใกล้ๆจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น

    ความิของพวกเขายังไม่ได้บอกเล่าถึงข้อดีตรงนึ้ แต่เลือกที่จะสังเกตเด็กในความดูแลตัวเอง และศึกษาฤดูกาลนี้อย่างเงียบๆ..

    เพราะฉะนั้นเมื่อหันไปเห็นสองจิ้งจอก ที่แต่งตัวออกจะเปิดเผยผิวหนังไปนิ๊ด จึงไม่มีอาการหนาวอย่างที่ควร และออกจะสบายดีมีกำลังเหลือเฟื่อด้วยซ้ำ

    ทั้งสี่คนได้เปลี่ยนการลาดตะเวนของพวกเขา เฉพาะผู้ชายด้วยกันให้จับคู่ผู้ชายด้วยกันลาดตระเวน ผู้หญิงก็จับคู่ลาดตระเวนกับผู้หญิง แต่คู่สองแฝดจิ้งจอกสามารถสลับมาจับคู่กันเองได้เพราะฤดูผสมพันธุ์ไม่มีผล


    ถึงแม้ว่าจะมีสองคนในกลุ่มที่ไม่พอใจในการจับคู่ แต่มันช่วยไม่ได้ที่จะต้องเปลี่ยนจากแยกเขี้ยวมาจับมือกันก่อน 


    นับจากนั้นคู่พาร์ทเนอร์ในตอนกลางคืนก็ต้องเปลี่ยนไป 


    แต่ถึงอย่างนั้นยามไปโรงเรียน พวกเขาทั้งสี่คนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในที่เดียวกันได้อยู่ดี....

    ถึงแม้จะมีเพียงแค่สองคน..ที่'รู้เท่านั้น'ก็ตาม

    ...

    30%


    "อรุณสวัสดิ์..."  เสียงเอื่อยๆดังมาจากหญิงสาว 

    ก่อนที่เธอถอนหายใจและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ 

    "...อรุณสวัสดิ์..." นาธานก็ไม่แตกต่างจากฝาแฝดตัวเองเท่าไหร่ เจ้าตัวเหม่อมองไข่ดาวบนจานและสลัดข้างๆ ก่อนจะจิ้มไข่แดงตรงกลางเล่น

    "นี่..ฉันคิดว่า ถ้าพวกเราขอพี่มิแรนด้าหยุดเรียนไปสักเดือนหนึ่ง มันจะดีไหม?" นาธานเอ่ยลอยๆ

    "ถ้านายทำแบบนั้นฉันเชื่อเลยว่าพี่มิแรนด้าต้องเอาไปฟ้องคุณแม่และพี่ใหญ่แน่ พวกเขาจะถามพวกเราถึงสาเหตุนั่น ไม่แน่นะคุณแม่คงให้เราหยุดเรียนไปเลย เพราะเธอก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะให้พวกเรามาโรงเรียนอยู่แล้ว ส่วนพี่ชาย...เขาคงตื่นตูมเรียกหมอมาที่บ้านแน่ เพราะนึกว่าเราอาการไม่ดีเลยไม่อยากไปโรงเรียน"

    การโจมตีแต่ละประโยคของไดอาน่าทำให้นาธานถึงกับหน้ามืดเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะตรงไหนมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นเลย อย่างคุณแม่...อันนี้เขาไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เพราะเจอคุณฮิซาเบลล่านานๆครั้ง สามารถนับนิ้วได้เลย จึงยังไม่สามารถเรียกฮิซาเบลล่าว่าคุณแม่ได้เต็มปากเต็มคำ แต่ก็เชื่อประโยคที่น้องสาวเขากล่าวออกมา

    ส่วนพี่เซดลิกที่อ่อนโยนและขี้สปอยน้องคนนั้น ดังที่กล่าวมาเขาต้องทำอย่างนั้นจริงๆแน่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถึงขั้นเข้าใจผิดนึกว่าพวกเราถูกรังแกที่โรงเรียน จึงไม่อยากไปโรงเรียนเลยก็ได้ 

    ไม่ว่าทางไหนก็มีแต่กำแพงทั้งนั้นเลย สองพี่น้องจิ้งจอกถอนหายใจรับชะตากรรม 

    ติ๊ดๆ 

    เสียงแจ้งเตือนอีเมลดึงขึ้น บนโทรศัพท์เครื่องสีดำหรูที่มีพ่วงกุญแจเป็นรูปแมวดำน่ารัก ไดอาน่าเปิดหน้าจอและคลิกที่อีเมลฉบับล่าสุด เมื่อสายตาสีน้ำแข็งกวาดอ่านไปเรื่อยๆนัยน์ตาก็เบิกกว้าง

    "ไม่น๊าาา..!" หลังอ่านจบหญิงสาวก็คร่ำครวณก่อนจะโขกหน้าผากกับโต๊ะ พร้อมแน่นิ่งไปเหมือนอยากจะสลบหลบหนีไปที่อื่นชั่วคราว

    นาธานหยิบโทรศัพท์ของไดอาน่าขึ้นมาดูอย่างสนใจ  เมื่ออ่านจบเขาก็หลับตาไว้อาลัยพลางตบหลังน้องสาวแปะๆ สองความิก็ทำเช่นเดียวกัน


    "โชคร้ายในโชคร้ายจริงๆ" นาธานกล่าวเช่นนั้นเพราะว่าเนื้อหาในจดหมายมันคือ..

    [หลังเลิกเรียนวันนี้ คุณมีตารางงานถ่ายแบบกับเอเดรียน ขากลับให้ขึ้นรถพร้อมเขามาที่สตูดีโอได้เลย ผู้ส่ง.กาเบรียล] 

    "ทำไม...ทำไมต้องเป็นฉัน!" เธอคร่ำครวณ

    "ถ้าไม่ไหวก็บอกปัดไปเลยสิ" ซอลย่าแนะนำเมื่อรู้สึกสงสารไดอาน่าขึ้นมานิดๆ

    "กาเบรียล...กาเบรียลเชียวนะ ฉันจะปฏิเสธ'พ่อตา'เขาได้ยังไงกัน" เธอร้องงอแง นาธานก็สำลักน้ำประโยค'พ่อตา' เต็มปากเต็มคำ

    "เสียดาย..พ่อตาเขาไม่ได้รับรู้ถึงการเสียสละของเธอในครั้งนี้!" แจสเปอร์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ 

    "เฮ้ย!"

    ก่อนจะร้องแว๊กเมื่อไดอาน่า หยิบรองเท้าแตะเดินในบ้านขึ้นมา เตรียมจะฟาดใส่แจสเปอร์ นาธานรีบเข้าไปขวางไดอาน่าทันทีพร้อมกับซอลย่า 

    แจสเปอร์รอดไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อนาธานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เขารีบร้อนลากน้องสาวออกไปขึ้นรถ โดยอ้างว่าเพื่อเข้าห้องเรียนให้ทันชั่วโมงแรก

    ไดอาน่าเดินเข้าห้องเรียนด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อเธอไม่ได้กลิ่นของเอเดรียนในห้อง

    "ไงฝาแฝดอรุณสวัสดิ์" นีโน่เอ่ยทัก ก่อนสักพักอัลย่าและมาริเน็ตก็เข้ามาทักทาย 

    "อรุณสวัสดิ์ทั้งสองคน" เธอแย้มยิ้มเอ่ยทักทายกับอัลย่าและมาริเน็ต สว่นนาธานเขาเอ่ยทักทายตอบเสร็จ เจ้าตัวก็รีบผละออกไปเลย 

    ฉันแอบเห็นใบหูที่ขึ้นสีแดงของพี่ชายตัวเองได้ แต่คนอื่นไม่ได้สังเกต

    "เขาโกรธอะไรฉันหรือเปล่า..เขาหลบหน้าฉันมาสักพักแล้วนะ" เสียงว้าวุ่นจวนเจียนจะร้ำไห้ของมาริเน็ต ทำให้เธอมองอย่างเห็นใจ

    "ไม่หรอก เขาคงรู้สึกไม่ดีตอนเช้าน่ะ ขอโทษด้วยนะถ้าพี่ชายทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ" เธอปลอบมาริเน็ตแทนนาธาน มาริเน็ตก็พยักหน้างึกๆแต่สายตาดูเศร้าสร้อย พร้อมน้ำตาที่ซึมออกมาเล็กน้อย..

    ตายล่ะ ร้องไห้เลยเหรอ!

    โอ๊ยย ถ้านาธานมาเห็นช็อตที่น่าสงสารนี้ เขาคงจะต้องตีตัวเองโทษฐานทำเต่าทองร้องไห้แน่นอน! 

    ทันใดนั้นกลิ่นคุ้นเคยที่กระตุ้นประสาททั้งห้า ทำให้เธอต้องรีบผละออกจากทั้งสองสาวมานั่งกับนาธาน

    "???" อัลย่ากับมาริเน็ตมองงงๆ นีโน่ที่นั่งดูตั้งแต่ต้นก็เอียงคองงๆเช่นกัน ก่อนจะหันไปทางประตูเมื่อมีคนเปิดเข้ามา

    "อ้าวไง! อรุณสวัสดิ์เอเดรียน นายได้ทำการบ้านมาหรือเปล่า" นีโน่เอ่ยทักทายเด็กหนุ่มที่แจกจ่ายรอยยิ้มสว่างสไหวไปให้เพื่อนๆในห้อง

    "ฮ่ะๆ เสร็จทันพอดีเลย อ๊ะ หวัดดีทั้งสองคน" เอเดรียนหันมาเห็นอัลย่าและมาริเน็ตก็หยุดทักทาย ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตัวเองข้างนีโน่

    ดวงตาสีเขียวสดนั่งอยู่นิ่งๆสักพัก ก่อนจะเหลือบหันมาข้างหลังเล็กน้อยด้วยความอยากรู้.. เอเดรียนสังเกตเห็นไดอาน่าที่กำลังซุกหน้าเข้ากับแขนเสื้อตัวเอง พร้อมกับเหงื่อที่เริ่มตกออกมาเล็กน้อย

    'ไดอาน่ารู้สึกไม่ดีเหรอ?..' เอเดรียนอยากจะหันไปถามแต่เขาก็ไม่กล้า 

    เพราะท่าทางเหินห่างจากเหตุการณ์ล่าสุด ทำให้เขาเป็นห่วงไดอาน่าจริงๆ แต่ก็เข้าใกล้ไม่ได้เลยสักนิด

    "เขาเกลียดฉันแล้วหรือเปล่านะ.." เอเดรียนพึมพำเบาๆ นีโน่หันมามองทันทีเพราะเจ้าตัวได้ยิน ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนหนุ่มตัวเองที่นั่งทำหน้าหงอย และหันไปมองข้างหลังสลับไปมา

    "ถามจริง นายไปทำอะไรไม่ดีใส่ไดอาน่าหรือยังไง เธอถึงได้เมินนายมาสองอาทิตย์แล้วนะ?" นีโน่ก้มกระซิบถามอย่างสงสัยสุดๆ 

    เอเดรียนหน้าแดงพร้อมกับเม้มปากแน่น แสดงเจตนาต่อต้านชัดเจนที่จะไม่พูดถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทเขาก็ตาม

    ถ้าคนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องพยาบาลวันนั้น ไดอาน่าจะเสื่อมเสียได้! ถ้าเป็นตัวเองเขาไม่กลัวหรอกเพราะเป็นผู้ชาย แต่ไดอาน่าน่ะสิ....

    นีโน่พยายามเย้าแหย่ให้เอเดรียนอ้าปากบอกให้ได้ ตลอดจนกระทั่งคาบเรียนช่วงเช้าผ่านไปเด็กหนุ่มก็ไม่ปริปากเอ่ยอะไรสักแอะจนถึงเวลาพักเที่ยง 

    "ให้ตาย นายจะไม่เล่าจริงๆสินะ!" นีโน่บ่นตลอดทางระหว่างเลือกอาหาร เอเดรียนก็พยักหน้าเล็กๆให้โดยที่กลอกตาไปมาแต่ไม่ได้พูดอะไร 

    นีโน่ยกมือขึ้นสองข้าง เพื่อบอกว่าเขา'ยอมแพ้'

    "ไม่บอกก็ไม่บอก.. แต่ก่อนอื่นคือนายมองเธอมาตั้งแต่เช้าแล้วเพื่อน และนายยังทำหน้าแบบนั้น.."

    "หน้าอะไร?" เขาถาม ก่อนจะหยุดเมื่อสายตาเขาเห็นไดอาน่าเดินมาทิศทางเขา รอยยิ้มแทบจะเกิดขึ้นทันทีที่สบกัน 

    ไดอาน่ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบข้าวสวยบริเวณนั้น แล้วเดินผ่านไปหาที่นั่งกับนาธานในโรงอาหาร

    "ใบหน้านั้น" นีโน่กล่าวพร้อมผลักใบหน้าของเพื่อนหนุ่มไปทางอื่น 

    "เก็บๆไว้หน่อย ก่อนที่นาธาเนียลจะจับได้ว่าเพื่อนรักฉัน เขาไปจ้องน้องสาวเจ้าตัวปานจะกลืนลงท้อง" นีโน่หยอกล้อจนเอเดรียนหน้าแดงทันที 

    "บ้า! ฉันไม่ได้ทำหน้าแบบนั้น" เอเดรียนเถียงก่อนจะปัดมือนีโน่ออก รอยยิ้มเมื่อครู่ถูกกดลดลงพร้อมตวัดสายตามองนีโน่ด้วยความรำคาณที่แสร้งทำ

    แต่ก็แอบยกมือมาลูบๆหน้าตัวเองตอนนีโน่เผลอ 'นี่ฉันเผลอทำจริงๆหรือเปล่านะ?'

    "เอาเป็นว่านายต้องลองหาช่องโหว่งไปขอโทษเธอให้ได้ก่อน" นีโน่หันมาเอ่ย ก่อนจะเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเอเดรียนรีบร้อนชักมือลงพร้อมยิ้มแฉ่งมาให้

    "ฉันรู้สึกคันๆแก้มเลยเกามัน" เอเดรียนพูดยิ้มเหงื่อตก นีโน่ก็แสยะยิ้มบางมาให้..แต่ในใจคิดประมาณว่า

    'ฉันยังไม่ได้ถามเลยเจ้าบ้า ร้อนตัวไปได้!'  นีโน่เลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่งให้แก่เพื่อนตัวเอง ก่อนที่จะผิวปากเดินไปหาที่นั่งทานข้าวกลางวัน

    เมื่อทั้งสองคนหามุมทำเลที่นั่งได้ นีโน่วางถาดลงก่อนจะนั่งลงไป เอเดรียนก็ถอนหายใจขึ้นมาทันที

    "แล้วฉันจะควรทำยังไงดี? นายก็เห็นเธอไม่แม้แต่จะมองฉันเลย..." เอเดรียนตัดเพ้อพร้อมดวงตาสีเขียวหม่นลงทันที นีโน่เห็นเช่นนั้นก็ตบบ่าเพื่อนก่อนจะกระซิบเสียงเบา 

    แต่ก่อนที่จะได้พูด เสียงกระจกแตกดังเพล้งก็ดังขึ้น พร้อมเสียงเอะอะโวยวายรอบข้าง เมื่อร่างหนึ่งกระโจมเข้ามาในห้องโถงใหญ่

    "ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่า ตุ๊กตาของฉันอยู่ที่นี่เพียบเลยนี่นา" ร่างโปร่งผิวซีดจนเหมือนผิวศพ แต่งตัวด้วยชุดพลิ้วไหวสีดำโปร่งใส เธอกระดิกนิ้วหนึ่งทีแมงมุมตุ๊กตาก็กระโจมออกมา 

    เมื่อเธอกระดิกนิ้วอีกครั้ง เส้นดายก็เริ่มกระจายไปรอบๆห้อง แล้วเข้าพัวพันเด็กนักเรียนบริเวณนั้น เมื่อแมงมุมตุ๊กตาพุ่งใส่เด็กที่กลายเป็นหนอนดักแด้เพราะด้าย 

    อ๊า!? 

    ทุกคนพากันกรีดร้องตื่นตกใจทันที เมื่อเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกสาปให้กลายเป็นตุ๊กตา! 

    เอเดรียนผลักนีโน่ให้หลบใต้โต๊ะ ก่อนจะชะเง้อคอมองอย่างหงุดหงิด  

    มาริเน็ตที่หลบอยู่หลังกระถางต้นไม้บริเวณนั่น ก็เอียงมองอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน 

    อีกมุมจากนั้นไม่ไกลเท่าไหร่ ไดอาน่ากับซิลเวอร์กำลังถือซ้อนในมือค้างเตรียมจิ้มอาหารเข้าปากอยู่เลย

    'อาคุม่า!' X4  เสียงในใจของเด็กทั้งสี่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

    "ลุกเร็วเข้า! ไปหาที่หลบภัย!" เอเดรียนผลักดันนีโน่ให้ลุกขึ้น แล้วดันหลังเพื่อนให้วิ่งออกไปหลังประตูห้องอาหาร

    "แล้วนายล่ะ! จะไม่มาด้วยกันเหรอ" นีโน่วิ่งออกมาพร้อมถือถาดเปล่าบนหัวหันมามอง เมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มไม่ยอมลุกขึ้นมาพร้อมกัน 

    "ฉันจะตามไปทีหลัง! ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" สิ้นเสียงตวาดของเอเดรียน นีโน่ก็ถูกฝูงชนพลักดันจนออกไปนอกประตูทันที ก่อนที่ประตูจะถูกปิดเมื่อแมงมุมตุ๊กตาตัวหนึ่งได้ไปพ้นใยด้ายเกาะกลอนประตูเอาไว้ 

    ภายในไม่กี่นาทีภายในห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยเส้นด้ายสีขาวบางเส้นเล็ก จนเหมือนรังบ้านของแมงมุมภายในพริบตา

    "ทิกกี้.." มาริเน็ตที่ยืนมองแถวบาร์อาหารเช้า ลอบมองความิตัวน้อยที่โผล่ออกมาดูแวบๆ ก่อนที่หญิงสาวเตรียมจะหันหลังวิ่งออกไปทางประตูหน้าที่เปิดแง้มไว้เล็กๆอยู่

    "ไม่นะ..ข้าวฉัน" ไดอาน่าก้มมองถาดอาหารที่ยังไม่ได้กินสักคำด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์... ในขณะที่ทุกคนแตกตื่นมีโต๊ะเดียวที่นั่งอย่างสงบ

    ใช่..ตั้งแต่ต้น ไดอาน่ากับนาธานยังนั่งสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะอาหารตัวเอง 

    "ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาต่อสู้นะ!" นาธานกัดฟันคร่ำครวณ เขาดูโมโหร้ายขึ้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก่อนที่ไดอาน่าจะได้ชวนแฝดตัวเองหนี 

    เด็กหนุ่มผมสีเงินที่มัดจุกผมข้างหลังก็ลุกขึ้นวิ่งหน้าตื่นฝ่าออกไป

    "มาริ!" เสียงร้องของนาธาเนียลดังขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก พร้อมมาริเน็ตที่หันมามองอย่างตกใจ ในมือของมาริเน็ตเตรียมเปิดให้ทิกกี้ออกมาเพื่อเปลี่ยนร่าง 

    โอ้พระเจ้า ฉันหูฝาดหรือเปล่า เขาเรียกฉันว่า'มาริ!' มาริเน็ตสนใจผิดประเด็น 

    ก่อนจะรู้ตัวว่าอันตรายกำลังเข้ามาใกล้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เก้าอี้ถูกเหวี่ยงมาในอากาศทิศทางมาริเน็ต

    ควับ 

    เพล้ง!  

    เสียงแตกของแก้วและเศษอาหารกระจัดกระจาย เด็กหนุ่มรวบตัวหญิงสาวให้หมอบกับพื้นทัน พวกเศษแก้วพุ่งเสียดกระทบแผ่นหลังของนาธาน แต่ไม่ได้สร้างบาดแผลใดๆ 

    ทว่าที่หนักกว่าคือเก้าอี้ที่ถูกเหวี่ยงมากระทบแผ่นหลังเขาเต็มๆ!

    "อึก..!"

    นาธานส่งเสียงกรรอยากโมโห สายตาของเขาดูจริงจังและไม่หวั่นเกรงอะไรจนมาริเน็ตมองตาค้าง นัยน์ตาสีเขียวทะเลดูเย็นชาจนขรึม พร้อมกับท่าทางระแวงระวังภัยที่ซ้อนทับกับภาพใครบางคน

    ท่าทางและแววตาแบบนั้นคุ้นๆ..? 


    อีกทางด้านหนึ่ง ไดอาน่าก็กำลังหมอบใต้โต๊ะอยู่

    'นาธานเจ้าบ้า! วิ่งออกไปแบบนั้นมันอันตรายนะ! ความเยือกเย็นของนายมันหายไปไหนหมด!?' เธอร้องโวยวายในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้  

    คอยดูนะ! ถ้าเจอกันอีกครั้งเธอจะบิดหูเขา!

    ด้วยความหงุดหงิดที่อาหารยังไม่ได้ตกถึงท้อง แต่ก็ต้องมาออกกำลังกายอย่างหนัก เธอคิดจะเปลี่ยนร่างเพื่อมาซัดอาคุม่าให้หมอบ 

    ไดอาน่าเห็นตู้เก็บของที่ข้างในว่างเปล่าพอดี ในจังหวะที่ไม่มีใครสนใจเธอก็เข้าไปข้างในเพื่อเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์! 

    "แจสเปอร์..tricks out!" ไดอาน่ากระซิบ ก่อนที่จะเกิดแสงกระพริบสีฟ้า แล้วร่างจิ้งจอกสีขาวก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

    "กริ๊ดดด" 

    มีเด็กนักเรียนบางคนกำลังถูกอาคุม่าสาปให้กลายเป็นตุ๊กตา เส้นด้ายแต่ละเส้นพันรอบตัวเด็กผู้เคราะห์ร้ายเหมือนหมอนดักแด้ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น 

    ร่างเพียวบางของจิ้งจอกก็กระโดดเข้ามาข้างหลัง พร้อมถีบขาคู่ใส่หลังแมงมุมแม่ม่ายจนกระเด็น!

    แอ๊ก! 

    ตุ๊บ! อาคุม่ากลิ้งคลุนๆก่อนจะไปชนกับกำแพงจึงหยุดลงได้

    "อึก! ซิลเวอร์นังตัวแสบ! ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่าเข้าข้างหลังผู้ใหญ่!?" อาคุม่าที่หน้าแทบคว่ำกับพื้น ตวัดตามองอย่างดุเดือดกับการกระทำที่ไม่สมเป็นฮิโร่

    "เหห...คิดก่อนนะ โอ้! ไม่เห็นเคยได้ยินเลย สงสัยไม่มีใครสอนจริงๆนั้นแหละ" ซิลเวอร์หัวเราะเสียงชั่วร้าย 

    ก่อนที่เธอจะเหยียบตุ๊กตาแมงมุมข้างใต้พร้อมขยี้ให้ลุกเป็นไฟ ท่าทางโมโหแต่ก็ยิ้มหวานของจิ้งจอกสาวตอนนี้ เกือบดูไม่ออกเลยว่าตกลงใครคือวายร้ายกว่ากัน..

    "เร็วเข้าตอนนี้แหละ! ในจังหวะที่อาคุม่าสนใจซิลเวอร์อยู่ นายต้องรีบเปลี่ยนร่าง!" แพล็คกระซิบบอกเอเดรียน เด็กหนุ่มส่งเพื่อนคนสุดท้ายออกจากห้องได้ เขาก็แวบไปเปลี่ยนร่างในตู้เก็บของที่เปิดอ้าเอาไว้พอดี(?) 

    "แพล็ค..Claws out!" เอเดรียนกระซิบก่อนที่ภายในตู้เก็บของจะกระพริบแสงสีเขียว แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกมา สิ่งที่ต้อนรับในจัวหวะที่ประตูล็อคเกอร์เปิดออก คือบางอย่างที่พุ่งกระแทกลำตัวจนเขาจุก!

    ตึง! โอ๊ย!

    "ชิ..แม่งเอ๊ย" คำหยาบคายไม่สมเป็นกุลสตรี หลุดจากปากจิ้มลิ้มสีสด เมื่อตุ๊กตาแมงมุมตัวหนึ่งได้ยิงเส้นดายเข้าไปในตู้ 

    ก่อนที่ตู้ล็อคเกอร์จะถูกล็อค! แคทนัวร์กับซิลเวอร์คิดในใจเป็นเสียงเดียวกัน


    'เอ้าเฮ้ย ถูกขัง!?' 


    50%


    ไดอาน่าขยับไปมาเพื่อจะหลุดจากใยหนืดๆที่เกาะทั้งตัวให้ได้ 

    "อื้อ อย่าขยับ..!" เสียงครางจุกๆดังแววมาจากข้างหลัง ซิลเวอร์ถึงได้รู้ตัวตอนนั้นเอง ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในที่แคบๆ!

    กึก

    "คะ แคทนัวร์! นายมาทำอะไรในนี้!" เหมือนเพิ่งได้สติ หูจิ้งจอกเธอลู่ลงทันทีเมื่อเจอลมหายใจอุ่นร้อน

    "ฉะ ฉันมาหาที่เปลี่ยนร่างน่ะสิ..พอเปิดประตูออกมาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอ อึก กระแทกฉันกลับเข้าไปในตู้พอดี นี่...อา ฉันบอกว่าอย่าเคลื่อนไหว..!" 

    แคทนัวร์บ่นพึมพำเขาพยายามจะเอนตัวหนี แต่ก็ทำไม่ได้เพราะติดว่าถูกพันธนาการด้วยใยเหนียว สุดท้ายเจ้าตัวเลยจำต้องซุกหน้าวางไว้บนไหล่จิ้งจอกสาว

    เสียงหอบหายใจดังแว่วมาเป็นระยะ 

    "เอ่อ.." ฉันหยุดนิ่งๆตามคำสั่งของเขา แต่เหมือนว่าอะไรบางอย่างจะไม่อยู่นิ่ง

    "บอกฉันที ว่านั่นคือไม้พลองเหล็กของนายใช่มั้ย?" เธอขมวดคิ้วมุ่ย

    "แน่นอนว่าไม่ใช่..." เขาครวญครางตอบ

    โอเค... ฉันเก็ทแล้ว แบบชัดเจนเลย! 

    เธอมองรอบๆหาทางหนีแทนที่จะมาจดจ่อกับอะไรบางอย่างที่ดันแถวๆสะโพกเธอ ฉันจะไม่คิดถึงมัน! ฉันจะไม่คิดถึงมัน!

    'อยู่แบบนี้ไม่ดีแน่!' แคทนัวร์คิดพลางจะขยับตัวแต่ขยับไม่ได้เมื่อเสียงร้องของซิลเวอร์ดังขึ้นมาก่อน

    "อ๊ะ! นายจับอะไรน่ะ อย่าขยับ!" ซิลเวอร์เอะอะเมื่อหางของตัวเองถูกคว้า

    "หางเธอมันทิ่มจมูกฉันนี่!" แคทนัวร์บ่นขณะที่ไม่หยุดเอียงซ้ายเอียงขวา ก่อนที่มือหนึ่งจะขยับไปจับบางอย่าง 

    "อึ๊ย! นั้นสะโพกฉัน!"

    ตึง!

    เสียงกระแทกประตูดังขึ้นมาทันทีในตู้ล็อคเกอร์ ไม่มีใครได้ยินเมื่ออาคุม่าได้ออกไปแล้วจากการไล่ต้อนของเลดี้บัคกับโซโร่ที่มาสมทบทีหลัง 

    "ซิลเวอร์ไปไหน?" โซโร่มองซ้ายมองขวาพร้อมเอ่ยขึ้นมา เผลอคลาดสายตาแวบเดียวน้องสาวเขาก็หายไปแล้ว!? 

    "ระวัง!" เลดี้บัคกระโดดเข้ามาป้องกันใยที่พ้นมาจากตุ๊กตาแมงมุม โซโร่ก็ยิงไฟตอบกลับในจังหวะที่เลดี้บัคใช้เครื่องสื่อสารติดต่อไปหา แต่ไม่มีคนรับสาย

    "แคทนัวร์ก็ด้วย! ให้ตายสิ หมอนั้นมัวไปทำอะไรอยู่นะ!?" เลดี้บัคบ่นพร้อมโจมตีประสานกับโซโร่ไปด้วย ทั้งสองคนตัดสินใจจะต่อสู้ไม่รอสองคนนั้น

    ก่อนที่ทั้งสองจะล่ออาคุม่าไปข้างบนหลังคาโรงเรียน แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้เคราะห์ร้ายสองคนถูกขังอยู่ในตู้เก็บของแคบๆ 


    "อูยย มันเจ็บนะ" 

    แคทนัวร์ร้องครางเมื่อหัวของซิลเวอร์เขกคางเขาเต็มๆ 

    ว่าแต่..เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงติ้งๆของเครื่องมือสื่อสารเลย หูฝาด? 

    "ซิลเวอร์?" แคทนัวร์ร้องถามเมื่อซิลเวอร์เงียบไปนาน หลังจากที่สะดุ้งเฮือกตกใจไปเมื่อกี้  

    หลังเงียบไปสักพักซิลเวอร์ก็ขยับ เธอเอียงใบหน้าที่ขึ้นสีแดงไปทางเขา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะชะงักและเริ่มหน้าแดงตามๆกัน

    ดวงตาสีทองนั้นหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำใสที่คลอหน่วย ซิลเวอร์หายใจหอบอย่างเห็นได้ชัด

    "ซิล...." กลิ่นหอมหวานๆลอยมาอย่างจืดจางจากตัวของหญิงสาว แคทนัวร์รู้ตัวตอนนั้นเอง เขาสถบคำหยาบในใจว่าแย่แล้ว!

    "อดทนเอาไว้พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี้!" แคทนัวร์พยายามลองกลั้นหายใจ แต่ก็ทำได้ไม่นาน แย่กว่านั้นคือเขาเผลอสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปอีกหลายครั้ง

    "ลองใช้หายนะของนาย..ได้ไหม?" ฉันร้องถามเมื่อเริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ 

    "อื้อ..ไม่ ไม่ได้ มือฉันติดกับสะโพกของเธอ" แคทนัวร์ครางเสียงต่ำในลำคอ "ซิลเวอร์ ใช่ไฟของเธอเผาใยพวกนี้ทีสิ"

    "ไม่ได้! มันจะเผานายไปด้วย พลังไฟของฉันมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่แน่ใจว่าจะบังคับไม่ให้ไฟเผาอย่างอื่นไปด้วย?" ยิ่งอยู่ใกล้เขาเธอก็รู้สึกว่าพลังมันกำลังปั่นป่วน 

    "ถ้าอย่างนั้น..ขอร้องล่ะอย่ากระดิกตัวอีก คุณกำลังทำฉันจะคลั่งตาย..!" แคทนัวร์กัดฟันกรอด เขาบังคับไม่ให้ร่างกายตัวเองเข้าหาซิลเวอร์ไม่ได้ แรงบดจากข้างหลังทำเธอร้อนรุ่ม โดยเฉพาะแถวๆบั้นท้ายสะโพกของเธอ

    ฉันรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองกำลังร้อนจัด ไม่ใช่แค่นั้นร่างกายก็ร้อนตามคนข้างหลังไปด้วย เธอพยายามบังคับฝืนใจ ไม่ให้เบียดข้างหลังกลับไป เพียงยืนแข็งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาให้แคทนัวร์คลอเคลีย

    เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิ..ทำไมฉันต้องมาอดกลั้นแต่เขากลับฉวยโอกาสแตะอั๋งเธอ!? 

    "ถ้าฉันบอกว่าฉันดีใจที่พวกเราติดอยู่ในนี้เธอจะว่าฉันบ้าไหม" แคทนัวร์หัวเราะเสียงทุ้ม เขาดูเหมือนปล่อยตัวปล่อยใจและผ่อนคลาย ในขณะที่เธอรู้สึกเครียดขึ้นเรื่อยๆ

    "ฉันรู้สึกไม่ชอบใจเลย.. ทุกครั้งที่เธอเข้าหาทุกคน แต่ผลักเว้นฉันไว้ข้างหลังคนเดียว เพียงแค่ได้กลิ่นคุณก็ทำฉันจะบ้า"

    "แคทนัวร์...หยุดพูด!" เสียงกัดฟันดังแว่วมา เธอรู้สึกโชคดีที่ตอนนี้เป็นกลางเดือนแล้ว เพราะความอยากของฉันกับนาธานเริ่มลดลง แต่เลดี้บัคกับแคทนัวร์กำลังเพิ่มขึ้นแทน 

    ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า ถ้าเป็นตอนช่วงต้นเดือน เธอคงจะขาดสติตั้งแต่ลมหายใจอุ่นร้อนของเขากระทบใบหูเธอแล้ว! 

    "ซิลเวอร์..ได้โปรด" เสียงออดอ้อนจากคนข้างหลังดังมาเป็นระยะ สติเธอจะบินไปหลายครั้งหลายครา ที่อยู่ได้นี้เพราะทำให้ตัวเองเจ็บล้วนๆเลยได้สติ

    "เลิกอ่อยฉันซะที! เดี๋ยวทีตานายล่ะจะหนาว!" ดวงตาสีอำพันของซิลเวอร์แทบลุกเป็นไฟ แคทนัวร์ที่สัมพัสได้ถึงจิตสังหารจึงเริ่มหยุดเล่น ก่อนสักพักจะเริ่มกระดี้กระด๊าขึ้นมาใหม่

    "สุดยอด หัวใจฉันเต้นตึกตักสุดๆ รู้สึกตกหลุมรักเธออีกครั้งแล้ว"

    บอกฉันที! ว่าคุณพระเอกไม่ใช่สายมาโซ!? 

    ด้วยความหงุดหงิดที่ตัวเองต้องมาอดกลั้นอะไรแบบนี้ แต่เขากลับไม่ได้รู้ซึ้งถึงความอดทนของเธอเลย ฉันจึงเอียงคอเงยขึ้นไปงับผิวหนังผ่านชุดสูทเขาเต็มเขี้ยว!

    กึก

    เฮือก!  

    "โอ๊ยๆๆ! เจ็บ!ฉันเจ็บซิลเวอร์!?" 

    แคทนัวร์น้ำตาคลอเขาแทบดิ้นพร่านอยากจะผละออกแล้วหนี แต่ติดที่ทำอะไรไม่ได้เพราะพื้นที่ไม่อำนวย

    ทันใดนั้นใยเหนียวหยืดที่รัดพันพวกเขาไว้ด้วยกันก็หายไป ทุกอย่างกลับคืนมาอยู่ในที่เดิมของมัน เมื่อเธอรู้สึกตัวว่าขยับได้แล้ว จึงไม่รอช้าเตะประตูจนมันเปิดออก

    เฮือก 

    ฉันรีบสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกจนหน้าแดงไปหมด กลิ่นหอมหวานจากตัวแคทนัวร์แทบทำสติเธอพร่า 

    ห้องโถงอาหารกลับมาสู่สภาพเดิม แปลได้ว่าเลดี้บัคกับโซโร่ร่วมมือกันจนกำจัดอาคุม่าได้สำเร็จ!

    "ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเดียวนี้!" เมื่อออกมาได้เธอก็ผลักเขาไปเข้าห้องน้ำในห้องโถง ก่อนจะหาที่คืนร่างแล้วพักหายใจสิบนาที ค่อยเดินกลับไปที่ห้องเรียนในอีกยี่สิบนาทีต่อมา

    "ดูเหมือนว่าแคทนัวร์จะเริ่มเข้าฤดูผสมพันธุ์จริงๆจังๆแล้วล่ะ" แจสเปอร์กระซิบบอกหลังจากที่ดูอาการของแคทนัวร์วันนี้

    "นั้นไม่ใช่ข่าวที่ดีเลย..." เธอถอนหายใจ แต่ก็ดีหน่อยตรงที่ตัวเองมีสติแจ่มชัดมากขึ้น 

    เมื่อกลับมาที่ห้องเรียน เด็กๆทุกคนพากันพูดถึงการต่อสู้ของโซโร่และเลดี้บัคที่กำจัดอาคุม่าได้ อีกหัวข้อหนึ่งคือพวกเขาสงสัยว่าแคทนัวร์กับซิลเวอร์หายไปไหน ทำไมไม่มาช่วยเลดี้บัคกับโซโร่ต่อสู้

    "เฮ้ออ..." ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ฉันหมอบไปกับโต๊ะอย่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย

    แปะ

    "ฉันกังวลแทบแย่ว่าเธอหายไปไหน" เสียงของนาธาเนียลทำให้เธอเงยหน้ามองเขาปริบๆ นาธานลูบหัวเธอเบาๆ เขาคงสังเกตได้ถึงอารมณ์ไม่คงที่ของเธอ

    "โทษที...พอดีว่าฉันมีปัญหานิดหน่อยเลยไม่ได้ไปช่วย" ถูกขังกับแคทนัวร์สองคนอ่ะนะเลยไปไหนไม่ได้

    "ไม่เป็นไร ฉันกับเลดี้บัคเอาอยู่ แล้วเรื่องถ่ายแบบวันนี้เป็นยังไง ฉันได้อีเมลจากกาเบรียลว่าต้องไปถ่ายวันนี้กับคุณด้วย แต่ถ่ายกับนางแบบมือใหม่"

    "ไม่เอาไง ขอธูปและดอกไม้มาไว้อาลัยให้ด้วยแล้วกัน" เธอกล่าวหน้าตายแต่คำพูดประชดประชันชะตาชีวิตตัวเอง นาธานหัวเราะก่อนจะขยี้หัวเธอ

    ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา...  อื้มมม อีกหลายชั่วโมง ไม่อยากให้เลิกเรียนมาถึงเร็วๆเลย...

    ติ๊ง

    "....?" ข้อความเข้าพอดี เธอจึงกดเข้าไปดู ก่อนที่หน้าจะเปลี่ยนเป็นสีดำครึม

    [ฉันได้ข่าวจากลูกน้องว่าอาคุม่าบุกที่โรงเรียน คาบบ่ายจึงถูกยกเลิกเพราะครูผู้สอนถูกอาคุม่าสิง จึงต้องกลับไปพักผ่อนเพราะปวดหลัง ตารางงานจึงถูกดันให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ภายใน40นาที ให้มาเจอกันที่สตูดีโอ #กาเบรียล]

    เธอสูดหายใจเข้าลึก พร้อมเหงื่อตก...เมื่ออ่านบรรทัดตรงที่ครูคาบบ่ายคือผู้รับเคราะห์ กลายเป็นอาคุม่าเมื่อตอนพักเที่ยง.... เป็นเหตุให้เลิกเรียนเร็วกว่าทุกที..

    สรุปคือนี้ฉัน..

    ...ถีบคุณครู?

    ...

    อีกทางด้านหนึ่งฝั่งห้องน้ำหญิง 

    มาริเน็ตกำลังนั่งระบายความในใจกับทิกกี้ที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ 

    "ทิกกี้.. ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย นาธาเนียลเรียกฉันว่า'มาริ'ด้วย!" 

    "อา...ใช่ เธอถามฉันมาสองรอบแล้วนะ" ทิกกี้ทำหน้าเอือมระอา เมื่อเด็กสาวผมสีน้ำเงินเข้มกำลังกุมแก้มที่แดงระเรื่อตัวเองไปมา 

    แถมนี่มาริเน็ตก็นั่งคุยกับเธออยู่นานสองนาน...แถมมันยังเป็นในห้องน้ำหญิงด้วย!? 

    "ก็มัน! ฉันคิดว่าเขาเกลียดฉันแล้ว ดูจากที่พยายามหลบหน้าฉันมาตลอดตั้งหลายสัปดาห์ แต่เมื่อตอนเที่ยงเขากลับวิ่งออกมาปกป้องฉันและยังเรียกฉันว่ามาริ! แปลว่าเขาไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่มั้ย?" 

    ภาพตื่นตระหนกตอนที่เขารีบวิ่งออกมาแบบไม่สนอะไรมันยังติดตาเธออยู่เลย... มาริเน็ตยิ้มบางเมื่อรู้สึกว่าหัวใจกำลังอิ่มเอมความสุข 

    "แค่เพียงเขาเรียกเธอว่า'มาริ'เธอก็จะบ้าแล้วเหรอ?" ทิกกี้หัวเราะคิกคักเมื่อมาริเน็ตทำตาตื่น ยิ้มเขินว่าใช่อย่างนั้นจริงๆ

    "เอาล่ะ พวกเราต้องรีบกลับห้องเรียนได้แล้ว ไม่งั้นคุณอาจจะเข้าเรียนสา-"

    "ลืมไปเลย!?  ถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว!" ไม่ต้องให้ทิกกี้พูดจบดี 

    มาริเน็ตก็คว้าทิกกี้เก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากห้องน้ำวิ่งไปทันที

    แต่เมื่อมาถึงที่ห้องเรียนปรากฏว่านักเรียนบางส่วนทยอยออกจากห้องไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังนั่งอยู่ในห้อง อย่างเช่นนีโน่กับอัลย่า

    "อัลย่า..นาธาเนียลล่ะ?" มาริเน็ตมองสำรวจซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบคนที่มองหา

    "มาถึงก็ถามหาเขาเลยนะเธอ ไม่คิดจะถามเรื่องคนในห้องเลยหรือไง" อัลย่ายกยิ้มมุมปาก มาริเน็ตก็ลูบหัวตัวเองพร้อมหัวเราะแห้งๆ 

    "ครูเขาลาครึ่งวันน่ะ เห็นคาบบ่ายเลยยกเลิก บางส่วนจึงตัดสินใจกลับบ้านเลย คนที่เธอตามหาก็เพิ่งเดินออกไปไม่นาน..เพราะเห็นว่ามีถ่ายแบบต่อ--เอ้า แล้วนั้นเธอจะไปไหน!" 

    อัลย่าร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีรีบหันหลังวิ่งผลุบออกไปทันที ทั้งที่ยังพูดไม่จบ

    "มาริเน็ต! นั่นเธอกำลังจะไปไหน!?" ทิกกี้โผล่หัวออกมาจากกระเป๋าสะพายพร้อมมองมาริเน็ตอย่างตื่นตระหนก เมื่อทิศทางที่มาริเน็ตกำลังไปคือทางออกไปหน้าโรงเรียน

    "ฉันจะหานาธาเนียล! ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาวันนี้เลย แล้วจะถามเรื่องที่หลบหน้าฉันด้วย!" 

    มาริเน็ตกลัวว่าถ้าเธอพลาดวันนี้ไป นาธาเนียลที่คอยหลบเลี่ยงเธอจะกลับมาอีกครั้ง 

    'ให้ตายยังไงฉันก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องวันนี้ให้ได้!?'

    อีกอย่างของในกระเป๋าที่มาริเน็ตวิ่งไปเอามาหลังจากที่คืนร่างจากเลดี้บัค เธอก็ตรงดิ่งไปห้องพยาบาลเพื่อไปขอยืมกล่องปฐมพยาบาลมาด้วย

    มาริเน็ตยังจำได้ดี ถึงตอนที่เก้าอี้กระแทกใส่แผ่นหลังของนาธาเนียล เธอได้ยินเสียงกัดฟันกรอดของเขาพร้อมดวงตาและเรียวคิ้วที่หรี่ลง 

    "เขาอาจจะบาดเจ็บ...ฉันรู้สึกไม่ดีถ้าปล่อยให้เขาไปทั้งแบบนี้" เธอพึมพำให้ทิกกี้ฟังตลอดทาง มาริเน็ตก็ไม่ลดฝีเท้าตัวเองลงเลย จนไปถึงหน้าประตูโรงเรียนเธอก็พบคนที่ตามหาพอดี

    มาริเน็ตไม่ได้โฟกัสที่ใคร หญิงสาวรีบร้องตะโกนก่อนที่ ปลายเท้ายของเด็กหนุ่มเรือนผมสีเงินจะก้าวขึ้นรถ 

    "นาธาเนียล! รอเดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!" 

    .....


    "นาธาเนียล! รอเดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!"

    "มาริ?..." เสียงกระซิบของนาธานเรียกความสนใจจากร่างสองคนที่นั่งอยู่ในรถได้ดี 

    ไดอาน่ากับเอเดรียนมองข้ามไหล่นาธานไปก็เห็นว่าเป็นคุณนางเอกที่รีบวิ่งมา ก่อนจะมายืนหอบตรงหน้านาธานที่...ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าอะไรดี

    "มีอะไรเหรอ..ฉันต้องรี--" นาธานเหล่สายตาไปทางอื่น เขายังไม่พร้อมที่จะเจอมาริเน็ตตอนนี้ จึงคิดจะรีบผละออกไป 

    "ผะ แผล แผลนาย!" มาริเน็ตพูดขึ้นเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มจะหาข้ออ้างจากไป 

    "เมื่อตอนกะ กลางวัน.." มาริเน็ตหอบและพยายามพูดไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นคำเท่าไหร่นัก 

    "25นาที" เสียงเรียบนิ่งถูกเอ่ยออกมา ทำให้พวกเขาชะงักพลางเหลือบมองนาตาลีที่ยืนอยู่ข้างประตูรถคอยนับเวลาอยู่ 

    ที่นาตาลีมาอยู่ตรงนี้เพราะเป็นคำสั่งของกาเบรียล ที่ให้มารับพวกเขาพร้อมกับเอเดรียนไปที่สตูดีโอพร้อมๆกัน 

    ใช่ เอเดรียนก็กำลังนั่งอยู่ในรถเช่นกัน เหงื่อของเขาแตกพลั่นพอๆกับไดอาน่า ทั้งสองคนต่างหาอะไรมาปิดจมูกแล้วโกหกว่าเป็นหวัด 

    เอเดรียนคงจะสับสนน่าดูว่าทำไม ไดอาน่าถึงได้มีกลิ่นดึงดูดเขาเช่นเดียวกับซิลเวอร์ ตอนนี้เจ้าตัวอาจจะกำลังคิดว่าเพราะตัวเองมีใจให้ไดอาน่าเลยแสดงออกมาแบบนี้ก็ได้ 

    ส่วนเขาก็จะปกติดี.. ถ้าไม่ใช่เพราะมาริเน็ตในตอนนี้ 

    สายตาประกายน้ำแข็งของนาตาลีกำลังบอกว่าคุณกำลังทำให้เราสาย ทำให้มาริเน็ตรู้สึกกดดันเหมือนตัวเองกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง 

    นาธานรู้สึกอิดออดเล็กน้อย เหมือนอยากจะรีบขึ้นรถ แต่ก็ไม่อยากทิ้งมาริเน็ตในสภาพนี้ไว้ตรงนี้

    "โอ๊ย รีบขึ้นๆมาเถอะ ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว!" ทันใดนั้นไดอาน่าก็เอะอะขึ้นมา พร้อมกับยื่นมือมาดึง'มาริเน็ต'เข้าไปในรถนั่งข้างเบาะตัวเอง ก่อนจะหันมาจ้องนาธานตาเขียว

    "รีบขึ้นสินาธาน นายกำลังทำเราสาย!" 

    'รู้ไหมเนี่ยว่าฉันกับเอเดรียนพวกเรากำลังลำบาก'  ไดอาน่าส่งความกดดันไปทางสายตา 

    พลางเหล่มองเอเดรียนที่หน้าขึ้นสีแดงและเหงื่อขึ้นข้างขมับ 

    กระเป๋าและเสื้อกันหนาวของเขาถูกกอดออกมาวางไว้บนตัก เอเดรียนสวมผ้าปิดปากไว้พร้อมกับหลับตาลงเหมือนพักผ่อน แต่ที่จริงแล้วคงหลับตาเพื่อเบี่ยงความสนใจไปทางอื่นมากกว่า

    "...." นาธานกลื่นน้ำลายลงคอ พร้อมมองในรถอย่างหวาดๆ

    แต่น้องสาว... เธอเล่นดึงมาริเน็ตขึ้นมาในรถด้วยกันแบบนี้ ฉันก็ลำบากเหมือนกันนะ! 

    นาธานเอ่ยแย้งในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญสบตากับนาตาลีเข้า นาธานจึงน้ำตาตกในใจฝืนก้าวขึ้นรถไป เพราะเลขาสาวกำลังแผ่ไอเย็นออกมาแล้ว

    ......

    ภายในรถเงียบสงัดขึ้นมาทันใดหลังจากที่ประตูปิดลง ขังพวกเขาสี่คนไว้ข้างใน

    จากที่ลำบากอยู่แค่สองคน กลายเป็นว่าลำบากหมดทั้งสี่คน ต่างคนต่างเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ทั้งที่อากาศมันหนาวมากเลยแท้ๆ แต่เด็กทั้งสี่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ 


    เพราะอะไรๆในร่างกายมันเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว..!





    +++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++

    ตัดไปตอนหน้า ก้าวผิดชีวิตเปลี่ยน

    แงง ว่าจะแต่งตอนนี้ให้จบวันนี้นะ แต่ไรต์ง่วงนอนก่อน 

    ไดอาน่า :  ครูขาหนูขอโท๊ดด ช่วยกลับมาสอนคาบบ่ายเถอะนะคะ! หนูยังไม่อยากเลิกเรียนตอนเน่!?  //อีโมคอนน้ำตาไหลพราก 

    ป.ล คุณครูปวดหลังอยู่แล้วนะไม่ได้เกี่ยวกับน้องหรอก(ฮ่า)


    ไรต์ไปเกินสองอาทิตย์นิดหนึ่ง รู้สึกเริ่มแต่งได้ช้าขึ้น ไม่รู้ว่าเหนื่อยจากงานหรือยังไง

    ปล. ไรท์หายไปเพราะมีงานจากโรงเรียนเรียกให้ไปทำบูทเกี่ยวกับแนะนำสาขาตัวเอง เพราะไม่มีรุ่นร้องจึงต้องเรียกเด็กฝึกงานรุ่นพี่อยู่ตอนนี้ไปช่วยด้วย เวรของกรรม... T^T
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×