NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (dmhp) Can it be?

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.26K
      1.17K
      16 ธ.ค. 65

    เช้านี้แฮร์รี่ พอตเตอร์เพิ่งได้รับจดหมายเชิญให้กลับไปเรียนปีการศึกษาสุดท้ายจากโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์เป็นฉบับที่สาม เพื่อนสนิทของเขา เฮอร์ไมโอนี่ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดขณะที่รอนลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมกลับไปเรียนต่อตามคู่หมั้น เหลือก็แต่แฮร์รี่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะเขารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตในโลกมักเกิ้ลมากกว่า

    “นมจะหมดอีกแล้ว” เด็กหนุ่มพึมพำเมื่อพบว่านมจืดในตู้เย็นเหลือไม่พอสำหรับอาหารเช้ามื้อถัดไป

    หลังจากรักษาตัวจนหายดีแฮร์รี่ก็ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตในโลกมักเกิ้ล นอกจากบ้านโพรงกระต่ายแล้วก็แทบไม่ได้ไปเหยียบส่วนไหนของโลกเวทมนตร์อีก เขาไม่ได้กลับไปที่กริมโมลด์เพลซแต่กลับหาที่พักใหม่ในลอนดอนแทนเพราะสำหรับแฮร์รี่แล้วการไปบ้านตระกูลแบล็กมีแต่จะทำให้คิดถึงพ่อทูนหัวของเขามากขึ้น

    ตอนแรกแฮร์รี่ไม่ได้คิดว่าจะเอ้อระเหยนานขนาดนี้จึงถอนเงินจากกริงกอตส์ไม่เยอะนัก เงินมักเกิ้ลที่แลกไว้ใกล้จะหมดเต็มทีแล้วและแฮร์รี่ก็ไม่อยากถอนเงินออกจากเซฟไปมากกว่านี้ เขาคิดว่าตัวเองควรเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างสักทีหลังจากใช้ชีวิตอย่างไร้จุดมุ่งหมายมาเกือบสามเดือน แม้จะเป็นหุ้นส่วนร้านเกมกลวีสลีย์อยู่แล้วแต่เขาก็เคยคิดเรื่องเปิดธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ไม่ต้องขายดิบขายดี แค่ช่วยให้มีอะไรทำนอกเหนือจากการนอนมองเพดานก็พอ

    “ว่าไง เฮอม” เด็กหนุ่มรีบกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อของเพื่อนรักบนหน้าจอ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนเดียวที่ใช้โทรศัพท์มือถือ รอนเองก็มีเครื่องหนึ่งแต่เจ้าตัวไม่เคยใช้มันสักครั้ง ไม่แน่นะ เพื่อนของเขาอาจจะทำหายไปแล้วก็ได้ คุณวีสลีย์—พ่อของรอน—ชอบโทรศัพท์มือถือมาก เขาอยากซื้อเป็นของตัวเองสักเครื่องแต่ดันไม่มีใครให้โทรหา

    “เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า”

    “ไม่ ทำไมเหรอ”

    “ฉันแค่จะโทรมาถามว่าเธอเปลี่ยนใจหรือยัง”

    “อีกแล้วเหรอ” แฮร์รี่ขำใส่ปลายสาย เขาพูดเรื่องนี้จนเบื่อแล้ว แม้จะเคยปฏิเสธไปหลายต่อหลายครั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงโทรมารบเร้าให้ตัดสินใจใหม่อยู่ร่ำไป

    “อย่าพูดแบบนั้นสิ ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะเปิดเทอม เธอลองคิดเรื่องนี้ดูอีกสักรอบสองรอบก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่จริงไหม อีกอย่างฉันกับรอนก็ไปด้วย เธอไม่เหงาหรอก”

    “ฉันไม่ได้กลัวเหงาสักหน่อย ฉันแค่ไม่อยากกลับไป”

    “แต่แฮร์รี่ เธออยากเป็นมือปราบมารมาตลอด—”

    “ฉันปราบไปแล้ว” แฮร์รี่พูดติดตลกแม้จะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

    “แต่เธอก็ไม่ได้ปราบจนหมดนี่ใช่ไหม”

    แฮร์รี่เงียบ รอฟังว่าคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่จะงัดไม้ไหนมาใช้

    “กลับไปเรียนกับพวกเราเถอะแฮร์รี่ อย่างน้อยเธอก็ควรจะเรียนต่อให้จบนะ อย่าลืมสิ เธอไม่มีใบจบจากโรงเรียนมักเกิ้ลด้วยซ้ำ” 

    “มันไม่จำเป็นสักหน่อย”

    “เธอต้องกำลังล้อฉันเล่นอยู่แน่”

    “เปล่านี่ ก็ถ้าฉันเป็นเจ้าของธุรกิจเองไง” แฮร์รี่อมยิ้ม รู้ดีว่าสำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้วการศึกษาสำคัญแค่ไหน

    “ฉันไม่อยากคุยกับเธอแล้ว ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับไปเรียนต่อ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอเอาแต่จมในอยู่แฟลตเน่า ๆ นั่นแน่”

    “ค่าเช่ามันตั้ง—เฮอม! เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ถอนหายใจหลังถูกเพื่อนรักตัดสาย ไม่ว่าจะทำยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ยอมเลิกเรียกห้องพักสองห้องนอนของเขาว่าแฟลตเน่า ๆ สักที แฮร์รี่ลำบากอยู่นานกว่าจะเจอห้องที่ถูกใจและอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เพราะเขาซื้อนกฮูกตัวใหม่แล้วเพื่อที่จะได้ไม่ขาดการติดต่อกับคนโลกเวทมนตร์ เจ้าเฮนน่าเป็นนกฮูกหิมะเหมือนเฮ็ดวิก ต่างกันแค่เฮนน่ามีแต้มสีดำเยอะกว่า

    แฮร์รี่เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า หยิบปากกากับใบเสร็จร้านอาหารเดลิเวอรี่มาจดรายการของที่ต้องซื้อก่อนจะคว้ากุญแจรถยนต์แล้วเดินออกจากห้องพัก เขาคิดถึงรสชาติซุปข้าวโพดของร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปครึ่งเมือง หลังซื้อของเสร็จ ขอแวะไปกินข้าวที่นั่นด้วยเลยแล้วกันเพราะแฮร์รี่เบื่ออาหารสำเร็จรูปในตู้เย็นเต็มทน

    “สวัสดีแฮร์รี่” เพื่อนบ้านประตูถัดไปทักเขา คุณนายชอว์คือสตรีวัยหกสิบปีผู้มีผมสีดอกเลาและใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

    “สวัสดีครับคุณนายชอว์” แฮร์รี่ทักทายกลับไป เดาว่าเธอคงเพิ่งกลับจากการเอาขยะไปทิ้ง

    “ฉันอบบิสกิตไว้ รอตรงนี้เดี๋ยวหนึ่งนะ ฉันจะไปหยิบมาให้”

    “เอ่อ.. ครับคุณนายชอว์” แฮร์รี่ยิ้มและยืนรออยู่หน้าประตูห้องที่ถูกแง้มไว้เล็กน้อย เพื่อนบ้านคนนี้มักจะนำอาหารมาแบ่งให้เสมอ เขาเคยปฏิเสธไปแล้วเพราะรู้สึกเกรงใจแต่คุณนายชอว์ก็ยังคงทำแบบเดิม แฮร์รี่จึงทำได้แค่รับน้ำใจและซื้อขนมติดมือมาฝากเธอและสามีบ้างเป็นครั้งคราว

    “เอานี่ ไปแบ่งกันทานกับแฟนของเธอนะ”

    “ผมไม่มีแฟนนะครับ” แฮร์รี่รีบปฏิเสธ

    “ตายจริง แล้วแม่หนูคนนั้นล่ะ” คุณนายชอว์พูด เธอดูตกใจและเขินอายในเวลาเดียวกัน แฮร์รี่เดาว่าคนที่เธอพูดถึงคงจะเป็นเฮอร์ไมโอนี่แน่เพราะรายนั้นน่ะชอบโผล่มาเกลี้ยกล่อมเขาให้กลับไปเรียนต่อบ่อย ๆ

    “เราเป็นแค่เพื่อนกันครับ เธอหมั้นกับเพื่อนอีกคนของผม จำได้ไหมครับ ผู้ชายผมแดงที่มีกระบนหน้า”

    “พ่อหนุ่มนั่นน่ะเหรอ” หญิงชราเลิกคิ้ว เธอทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “พวกเขาหมั้นกันแล้วงั้นเหรอ”

    “ใช่ครับ”

    “โอ้ ความรักของหนุ่มสาว” คุณนายชอว์หัวเราะเบา ๆ พูดอะไรอีกสองสามประโยคก่อนจะปล่อยให้แฮร์รี่ไปทำธุระต่อ เขาจึงบอกลาเธอแล้วเดินอย่างไม่เร่งรีบมาที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังลานจอดรถ

    แฮร์รี่ซื้อรถยนต์ก่อนจะหาห้องพักได้ด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วยสักนิด เธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ความจริงในตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากจะใช้เงินไปกับพาหนะคันนี้สักเท่าไรเพราะเขามีทั้งไม้กวาดและเครือข่ายฟลูอยู่แล้ว แต่หลังจากสองอาทิตย์ที่ไม่สามารถเอาภาพมันออกจากหัวได้ แฮร์รี่ก็ตัดสินใจซื้อและตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมาพร้อมความรู้สึกผิดแต่พอเวลาผ่านไปเขาดันชอบและรู้สึกคิดถูกที่ซื้อมาแทน

    หลังสงครามจบลง หลายสิ่งก็เปลี่ยนไป

    แฮร์รี่บังเอิญเจอดัดลีย์ครั้งหนึ่งบนรถไฟใต้ดิน ญาติวัยไล่เลี่ยกันนิสัยเปลี่ยนไปหลังเข้ามหาลัย หลังจากนั้นพวกเขาก็แลกเปลี่ยนจดหมายกันสองสามครั้ง เป็นข้อความสั้น ๆ ไม่มีใจความอะไรมากไปกว่าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ความสัมพันธ์ของเขากับญาติดีขึ้น แฮร์รี่ไปเยี่ยมครอบครัวเดอร์สลีย์นับครั้งได้ ลุงเวอร์นอนยังคงไม่ชอบหน้าเขาอยู่ ลุงชอบทำเสียงฮึดฮัดเวลาเห็นหน้าเขาแต่ก็ยอมร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วย ป้าเพ็ตทูเนียเองก็เหมือนจะทำใจยอมรับเขาเป็นหลานได้แล้วเช่นกัน

    แฮร์รี่ยกโทษให้ครอบครัวเดอร์สลีย์ ไม่ได้รู้สึกแค้นเคืองอะไรต่อกันอีกแล้ว พอย้อนกลับไปเขาก็เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันเข้าใจ ลุงกับป้าคงโกรธมากและอาจจะรู้สึกไม่ยุติธรรมด้วยที่จู่ ๆ เช้าวันหนึ่งก็มีตะกร้าเด็กทารกมาวางหน้าประตูพร้อมจดหมายขอให้เลี้ยงดู

     

    “ฉันเคยสาบานว่าจะไม่มีวันให้เธอรู้เรื่องเวทมนตร์” ป้าเพ็ตทูเนียพูดกับเขาในบ่ายวันหนึ่ง “แต่เธอก็รู้เข้าจนได้”

    “ทำไมครับ” แฮร์รี่ถามออกไป ป้าหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ เธออิดออดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

    “ตอนนั้นดัดลีย์ก็ไม่ได้อายุมากไปกว่าเธอ ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขาจากเรื่องพวกนั้น”

    แฮร์รี่หลบสายตา แก้มร้อนขึ้นมาด้วยความละอายใจ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน สิ่งที่ป้าทำคือความรักของแม่ที่อยากให้ลูกชายของเธอปลอดภัยแม้จะต้องแลกกับอะไรก็ตาม เขาเพิ่งจะเข้าใจในตอนนั้นเองว่าป้าเพ็ตทูเนียก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแม่ของเขา น้องสาวของเธอ ป้าจะทำหน้ายังไงนะถ้าแฮร์รี่พูดออกไปว่าเธอเหมือนน้องสาวแค่ไหน

    “เรื่องเหลวไหลนั่นขโมยทุกอย่างไปจากฉัน” เธอพูด

    แฮร์รี่เห็นความเจ็บปวดในแววตาของป้าเพ็ตทูเนีย เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากผู้หญิงคนนี้ เด็กหนุ่มยกชาขึ้นมาจิบเมื่อรู้สึกทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าควรต่อบทสนทนายังไง

    หลังจากเงียบอยู่นานจู่ ๆ ป้าก็หันมามองหน้าเขา แวบนึ่งแฮร์รี่สาบานได้ว่าเขาเห็นความเมตตาซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ เป็นแววตาแบบที่แฮร์รี่อยากให้ป้าเพ็ตทูเนียใช้มองเขาสักครั้งตอนยังเด็ก

     

    ปี๊น!

    แฮร์รี่หลุดจากภวังค์เพราะเสียงแตรของรถคันหลัง แก้มของเขาขึ้นริ้วสีแดง เด็กหนุ่มรีบออกรถก่อนจะมีเสียงแตรดังขึ้นอีก ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง แฮร์รี่จอดรถ ล้วงใบเสร็จออกมาตรวจรายการของที่ต้องซื้ออีกครั้งแล้วจึงค่อยเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต

    เช้านี้ตอนที่ตื่น แฮร์รี่คิดว่าวันนี้คงจะเป็นแค่วันธรรมดา ๆ อีกวันในชีวิต แต่เปล่าเลย สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าไม่ปกติเลยสักนิด เขาเดินวนไปมาในล็อกอาหารสำเร็จรูปเกือบสิบนาทีแล้วและแฮร์รี่สาบานว่าเขาเห็นเดรโก มัลฟอยยืนเลือกสินค้าอยู่ไม่ไกล ถึงแม้จะเห็นแค่ด้านหลังแต่แฮร์รี่ก็จำได้ดีว่าเป็นใคร มองจากสายตาคนนอกแล้วภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนเลือกซื้อผลไม้แห้งคงไม่ได้แปลกอะไรแต่มัลฟอยจะไปต้องการอะไรจากซูเปอร์มาร์เก็ตของมักเกิ้ลกัน

    แฮร์รี่สวมฮู้ดก่อนจะดันรถเข็นเข้าไปใกล้เป้าหมายโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นเลือกไม่ได้ว่าอยากซื้ออะไรมากกว่ากันระหว่างถั่วกระป๋องกับมะเขือเทศกระป๋อง ไม่นานนักเขาก็เห็นชายท่าทางซอมซ่อเหมือนคนไร้บ้านเดินเข้าไปใกล้มัลฟอย พวกเขาพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา แฮร์รี่หายใจติดขัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์ผู้เสพความตายบนข้อมือของทั้งสองคน

    บ้าน่า โวลเดอมอร์ตายไปแล้ว ตรามารก็ควรหายไปด้วยสิ

    เด็กหนุ่มขบริมฝีปากด้วยความข้องใจ แฮร์รี่อยากเข้าไปใกล้กว่านี้เพราะแทบไม่ได้ยินเลยว่าสองคนนั้นกำลังคุยเรื่องอะไรกัน เวลาผ่านไปพักใหญ่ก่อนที่มัลฟอยจะหยิบถุงแครนเบอร์รี่อบแห้งจากชั้นวางสินค้าแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน แฮร์รี่เห็นแบบนั้นจึงรีบไถรถเข็นตามไปทันทีแต่แถวชำระเงินที่ยาวกว่าทำให้เขาคลาดกับมัลฟอยจนได้ จะเห็นก็แต่แผ่นหลังของคนผมบลอนด์ที่เดินหายไปหลังมุมถนนก็เท่านั้น

    “บ้าชะมัด” แฮร์รี่พึมพำอย่างเสียดาย เขาอยากตามมัลฟอยไปแต่ดันถือข้าวของอยู่เต็มมือ เด็กหนุ่มถอนหายใจ ตัดสินใจเดินกลับไปที่รถเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้อีก แฮร์รี่ปลดล็อกรถ วางสัมภาระทั้งหมดไว้บนเบาะข้างคนขับก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์

    ไม่มีอะไรทำหรือไง

    “เฮ้ย!” แฮร์รี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เงยหน้ามองกระจกมองหลังก็เห็นมัลฟอยนั่งไขว่ห้างอยู่กลางเบาะ ในมือยังถือถุงแครนเบอร์รี่อบแห้งที่เพิ่งจะซื้อมาเอาไว้ด้วย “นายขึ้นมาได้ยังไง”

    “ฉันเป็นพ่อมด”

    “ฉันหมายถึง—ช่างเถอะ แต่ฉันจะช่วยบอกให้เผื่อนายไม่รู้ว่าที่ทำอยู่เรียกว่าบุกรุก”

    “อือฮึ แล้วยังไง”

    “ฉันแค่คิดว่านายจะมีมารยาทมากกว่านี้” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว

    “โอ้ เชื่อสิว่าฉันเป็นคนมีมารยาทแต่ครั้งนี้นายแส่ไม่เข้าเรื่องก่อนเองพอตเตอร์” ถึงคำพูดคำจาจะร้ายกาจแต่สีหน้าของเดรโกกลับเรียบเฉยต่างจากทุกทีที่มักจะยกยิ้มเย้ยหยัน

    “เดี๋ยวนะ นายรู้ตัวงั้นเหรอ” แฮร์รี่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะระมัดระวังตัวตลอดเวลาขนาดนี้

    “ฉันคงจะตาบอดถ้าไม่เห็นคนที่มีพิรุธขนาดนั้น”

    “ลงไปจากรถซะ มัลฟอย” แฮร์รี่พูด

    “ฉันไปแน่” เดรโกตอบ เขาเลื่อนสายตามาจ้องดวงตาสีเขียวของคนขับผ่านกระจกมองหลัง “อ้อ แล้วก็นะ นอกจากสร้างปัญหากับยุ่งเรื่องของคนอื่นแล้วนายควรจะหาอย่างอื่นทำบ้าง”

    พูดจบชายผมสีสว่างก็หายตัวไปจากตรงนั้นทันที เร็วมากเสียจนแฮร์รี่หาคำมาตอกกลับไม่ทัน เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว กระทรวงเวทมนตร์ตัดสินไม่ให้ครอบครัวมัลฟอยใช้เวทมนตร์นอกที่พักจนกว่าจะพ้นทัณฑ์บนแต่สิ่งที่หมอนั่นเพิ่งทำคือหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา

    แฮร์รี่นั่งตัวแข็งเหมือนโดนคาถาสะกดนิ่ง ทำไมมัลฟอยคนลูกถึงทำผิดทัณฑ์บนล่ะ แล้วรอยนั่นไม่ใช่ว่าหายไปพร้อมการตายของเจ้าแห่งศาสตร์มืดหรอกเหรอ

    แฮร์รี่เคยเห็นผู้เสพความตายคนอื่นที่กระทรวงเวทมนตร์ แม้ตอนนั้นเขาจะเหนื่อยและยังโศกเศร้าเกินกว่าจะสนใจเรื่องความเป็นไปของผู้เสพความตายแต่แฮร์รี่รู้ว่าคนเหล่านั้นไม่มีตรามารบนท้องแขนอีกแล้ว

    แฮร์รี่ขมวดคิ้ว เดี๋ยวสิ มัลฟอยไม่มีรอยนั่นแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขาเจอกันบ่อย ๆ ช่วงที่ครอบครัวมัลฟอยต้องขึ้นศาล ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายมักจะใส่แต่เสื้อแขนยาวแต่แฮร์รี่ก็แอบเห็นว่ามันไม่มีรอยอะไรอยู่บนท้องแขนของเจ้านั่นทั้งนั้น

    ให้ตาย ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ เขาคงปลีกตัวจากโลกเวทมนตร์มานานเกินไปแล้วมั้งถึงไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย แฮร์รี่อยากโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่บ้านโพรงกระต่ายมันเสียตอนนี้ เขาอยากรู้จะแย่แล้วว่าทำไมตรามารถึงยังไม่หายไปและทำไมมัลฟอยถึงต้องถ่อมาซื้อแครนเบอร์รี่อบแห้งถึงลอนดอน

    แฮร์รี่ถอนหายใจก่อนจะขับรถกลับแฟลตอย่างเซ็ง ๆ เมื่อพบว่ามัลฟอยพูดถูก

    ใช่ เขามันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ

     

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×