คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
ณ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในงานประสาทปริญญาบัตร เสียงเชียร์แต่ละคณะดังสนั่นสร้างบรรยากาศสนุกสนานไม่น้อย หน้าคณะการบัญชีมีบูมใหญ่หนึ่งวงกำลังร้องเพลงบูมประจำคณะให้กับบันฑิตย์สาวที่สวมชุดครุ่ยในวงกลมมีน้องๆนักศึกษาล้อมรอบ
“ ขอบคุณค่ะ ๆๆ” เมื่อเพลงบูมจบลงบันฑิตย์สาวก็ขอบคุณรุ่นน้องที่มาแสดงความยินดี
“ยินดีด้วยนะค่ะ/ยินดีด้วยนะครับ” ไม่ต่างกับน้องๆที่เอ่ยแสดงความยินดีกับรุ่นพี่
“พี่น้ำหอม ดอกไม้ค่ะ” คนึงนุชเป็นรุ่นน้องปีสามที่กิตติยารู้จัก
“ขอบใจมากนุช” กิตติยายิ้มรับช่อดอกไม้สวยสีแดง
“ไม่ใช่ของนุชหรอก ของพี่นิคนะฝากมา โน่น เดินมาโน่นล่ะ” คนึงนุชชี้ไปทางชายหนุ่มหล่อที่เดินมาทางสองสาว ทำให้กิตติยาต้องมองตาม คฑาวุฒิ เป็นพี่ชายของคนึงนุชที่พึ่งเรียนจบไปเมื่อก่อนมีสถานะเป็นรุ่นพี่ของเธอ
“หวัดดีค่ะพี่นิค” กิตตติยาเอ่ย เมื่อคฑาวุฒิมาถึงตัว
“เป็นไงดอกไม้ชอบมั้ยเนี่ย” คฑาวุฒิยิ้มให้กับหญิงสาวสวยตรงหน้าที่ไม่ได้เจอมานานเกือบปี ที่เห็นก็คงจะในเฟสบุคของเธอที่เขาสอดส่องอยู่ทุกวัน
“ขอบคุณนะค่ะ แต่จริงๆไม่ต้องก็ได้เปลืองตังเปล่าๆอ่ะ”
“นานๆทีไม่ได้ให้ทุกวันสักหน่อย” คฑาวุฒิยังคงจ้องใบหน้าหวานสวยไม่กระพริบ ส่วนคนึงนุชเองก็มองบรรยากาศของสองหนุ่มสาวอย่างพอใจ “แล้วทำงานเป็นไงบ้าง” คฑาวุฒิทราบดีอยู่แล้วว่าสาวน้อยที่เขาแอบชอบมานานทำงานอยู่ที่ไหนเพราะคุยในโปรแกรมสนทนาบ่อยๆ
“ก็ดีนะ ยังไม่หนักหรอกทำได้ไม่กี่เดือนเอง” กิตติยายิ้มหวาน “ เดี๋ยวพาไปรู้จักแม่ นั่นเดินมาล่ะ” กิตติยามองหาครอบครัวของเธอที่รออยู่หลังจากเธอเข้าไปในหอประชุม “ แม่!ทางนี้” พอครอบครับเธอได้ยินเสียงใสก็ตรงมาหา
“พี่นิค นุช นี่แม่ พี่ยุ้ย พี่รักเป็นแฟนพี่ยุ้ย” กิตติยาแนะนำ สองพี่น้องพากันสวัสดี แล้วเธอก็มองไปเห็นชายหนุ่มหล่อที่เดินยิ้มมาทางเธอ
“เต๋” กิตติยายิ้มหวานอย่างดีใจที่แฟนหนุ่มมาเพราะเมื่อคืนที่คุยโทรศัพท์กันเขาบอกว่าวันนี้มีงานด่วนต้องเข้าบริษัท
“เหนื่อยไหม มาเต๋ถือให้” ธนายื่นมือมารับดอกไม้ที่อยู่ในมือแฟนสาว
คฑาวุฒิต้องหุบยิ้มทันทีที่เห็นภาพนี้ นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นแฟนหนุ่มของกิตติยา ตลอดสามปีในรั่วมหาวิทยาลัยเขาก็ไม่เคยให้ชายหนุ่มสักครั้ง แต่ก็รู้อยู่แล้วว่ากิตติยามีแฟนแล้ว แล้วก็คบกันมาตั้งแต่ ม.สี่ อยู่คนละมหาลัยจากน้องสาวตัวดีที่ให้ไปสืบ ตั้งแต่รู้เรื่อง ชายหนุ่มก็พยายามทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีมาโดยตลอด
“แม่ พี่ยุ้ย พี่รัก หวัดดีครับ” ธนายกมือขึ้นไหว้ครอบครัวแฟนสาวอย่างกันเอง
“ว่าไงเต๋ งานเยอะมากเลยดิเนี่ย” อารัก เป็นสามีของพี่สาวกิตติยาซึ่งก็จบที่เดียวกับเธอ
“เยอะอยู่ครับพี่ เสาร์ อาทิตย์บางทีก็ต้องเข้า”
“เอ่อ น้ำหอมเดี๋ยวพี่กับนุชไปก่อนนะ พอดีเพื่อนพี่ก็รับวันนี้เดี๋ยวต้องไปหาเพื่อน” คฑาวุฒิเอ่ยเพราะดูท่าทางจะมีแต่คนในครอบครับ
“โอเครค่ะ ขอบคุณมากนะนุช พี่นิค”กิตติยาเอ่ยอย่างจริงใจ แล้วหันไปหาแม่ที่ยืนยิ้มอยู่
“แม่ดูไรนี่” กิตติยาโชว์ประกาศนียบัตรให้มารดาดู “ไง ไง เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” กิตติยายิ้มอวดให้มารดา พี่สาว พี่เขยดูรวมถึงธนาด้วย ต่างพากันหัวเราะกับสาวจอมอวด
“เก่งเก่ง ลูกสาวใครมันเก่งจริงๆ” สายรุ้งเอ่ยอย่างหมั้นใส้กับท่าทางของลูกสาว
“มาถ่ายรูปกัน”กนกภรณ์หรือพี่สาวของเธอเอ่ย ครอบครัวเล็กๆต่างพากันถ่ายภาพกับบันฑิตย์ “เออหอม แล้วเพื่อนไปไหนกันหมดอ่ะ”
“อยู่กับครอบครัวมันแหล่ะ ถ่ายด้วยกันไปแล้วก่อนเข้าหอประชุม” กิตติยาเอ่ยตอบพี่สาวก่อนมาถ่ายรูปกับแม่ต่อโดยไม่ลืมถ่ายรูปกับธนา
“น้ำหอม!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอพาให้มองหาต้นเสียง
“ใครเรียกว่ะ”
“แอ้ม อ่ะ น้ำหอม” ธนาซึ่งเห็นก่อนเอ่ยบอก
“งั้นเดี๋ยวไปถ่ายรูปกับพวกมันก่อนนะแม่รออยู่นี่นะ ” กิตติยาเอ่ยแล้วรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่ต่างกวักมือเรียกเธออยู่
“เร็วเลยมึง มาๆๆ” จริยาเอ่ยเมื่อกิตติยาวิ่งมาถึง
ในกลุ่มของกิตติยาที่มหาลัยมีกันอยูห้าคนที่สนิทเพราะเป็นเพื่อนจากมัธยมถึงสามคน คือ จริยา หรือแอ้ม อรทัย หรือนุ่ม ภัทธิยาหรือเก้า ส่วนสุดารัตน์ หรือหมวย เป็นเพื่อนที่รู้จักตอนปีหนึ่ง ห้าสาวต่างพากันถ่ายรูปโดยมีช่างภาพของภัทธิยาเป็นตากล้องหลัก ครอบครับของกิตติยาเดินตามมาสายรุ้งยิ้มอย่างตื่นตันที่เห็นลูกเรียบจบ และแล้วเขาก็หมดห่วงเสียทีลูกสาวคนโตเรียนจบแล้ว งานทำที่มั่นคงแล้วที่สำคัญก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่ดีอย่างอารักษ์ ก็เหลือแต่กิตติยาน้องคนสุดท้องแต่ก็เบาใจเพราะธนาก็เป็นคนดีแล้วก็คบกับลูกสาวเธอมานานตั้งแต่มัธยมไปมาหาสู่กันโดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ แล้วยิ่งมั่นใจมากขึ้นอีกเมื่อธนากล้าขอแหวนแต่งงานของพ่อกับแม่ชายหนุ่มมาให้ลูกสาวเธอตั้งแต่ปีสอง หวังจะให้กิตติยาใส่ไว้ตลอดแต่แหวนค่อนข้างใหญ่กว่านิ้วเล็กๆของเธอ เธอเลยเอามาฝากมารดาไว้แล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเรียกว่าสองแม่ลูกไม่มีอะไรปิดบังกันเลย
“น้ำหอมแล้วนี่บ้านมึงไปเลี้ยงที่ไหนต่อป่ะว่ะ” จริยาเอ่ยถามเพื่อนสาว
“เดี๋ยวไปกินสุกี้กันที่ห้างนิเอง มึงอ่ะจัดใหญ่เลยสิท่า” กิตติยาเอ่ยถามเพื่อนรูปร่างอ้วนดำแต่ใบหน้าคมและนิสัยดี
“ญาติกูเยอะดูสิขนกันมาทั้งตระกูลเลย กูก็อายๆเขาเหมือนกันแหละ”จริยาว่าแล้วมองตามญาติๆที่ถ่ายรูปเล่นกัน
“อบอุ่นดีออก มึงดูของกูสิมีกันแค่ห้าคนเอง” กิตติยายิ้มแล้วมองไปทางครอบครัวของจริยาที่ดูวุ่นวายแต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้กันดูอบอุ่นดี
“ห้าคนเต๋ด้วยอ่ะนะ ฮ่าๆ” จริยาเอ่ยแซว
“มันก็ต้องอย่างงั้นป่ะ ทีพี่ต้องมึงล่ะ เอ่อ แล้วนิอยู่ไหนเนี้ยกูยังไม่เห็นเลย จะหวัดดีสักหน่อย” กิตติยาเอ่ยถามถึงแฟนเพื่อนที่รู้จักกันดี
“ยังไม่เลิกงานเลยมึง กูให้ไปรอที่ร้านอาหารเลย มึงไปด้วยกันป่ะล่ะ”จริยาเอ๋ยด้วยอารณ์หงุดหงิดเมื่อพูดถึงแฟนหนุ่มที่อายุทางกันถึงเจ็ดปีเอาแต่ทำงานแม้แต่วันรับปริญญาเธอก็ยังไม่ว่างมาอีก
“เอ้าหน่า กูว่าเขาก็คงรีบเก็บเงินมาขอมึงแหล่ะมั้ง เรียนจบแล้วนิเดี๋ยวก็แต่งงานได้แล้ว คริ” กิตติยาหัวเราะชอบใจ
“กูให้มึงแต่งก่อนเลย แล้วนิจะไปด้วยกันเปล่า”
“มึงไปเหอะ”
“คุยไรกันอยู่มึง” อรทัยเอ่ยขึ้นเมื่อถ่ายรูปจนเหนื่อยร่วมทั้งภัทธิยาที่เดินตามมาด้วย
“ไม่มีไรแล้วพวกมึงสองคนมาช้าไป ” กิตติยาเอ่ย “เอ่อ เดี๋ยวกูกลับเลยนะ ไว้เดี๋ยวนัดเจอกันนะ” แล้วกิตติยาก็รีบเดินไปหาครอบครับที่ถ่ายรูปเล่นกันอยู่
“ไปกันได้หรือยังลูก จะมืดแล้วนะ” สายรุ้งเอ่ยขึ้น
“ป่ะ ไปกันเลย งั้นเดี๋ยวหนูไปรถเต๋นะแม่ไปเจอกันที่ร้านเลยนะ”
เมื่อมาถึงรถธนาก็เอาแต่มองแฟนสาวเดี๋ยวมองหน้ารถแต่แล้วก็เหล่มองแฟนสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันข้างๆ
“เป็นไรเนี้ยแอบมองเค้าอยู่ได้ มองตรงๆก็ได้ไม่ตรงเหล่มองหรอก” กิตติยาเอ่ยแซวแฟนหนุ่ม ทำเอาธนายิ้มพร้อมส่ายศรีษะเขารู้ดีว่าแฟนเขาขี้เล่นแต่กว่าจะพูดเล่นแบบนี้กับเขาได้ก็ทำเอาเขาเหนื่อยเกือบปี แต่ก็ไม่เหนื่อยมากเพราะเขาทำด้วยใจ
“รู้ดีจริงๆ อย่างไปพูดแล้วทำหน้าตาแบบนี้กับใครนะ” ธนาเอ่ยพร้อมจับมือแฟนสาว
“เค้าพูดกับเต๋คนเดียวแหละ” กิตติยาเอ่ยพร้อมยิ้มไปด้วย เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาลัยได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์หญิงสาวก็ดังขึ้น
“ฮาโหล เห้ยเจี๋ยหรอ อยู่ไหนเนี่ย”
“หน้ามอหรอ”
“เราออกมาแล้วนิดนึ่ง เดี๋ยวเราย้อนไป รออยู่หน้ามอนะ” กิตติยารีบวางสายแล้วให้ธนากลับรถ ไม่นานก็มาถึงหน้ามหาลัย
“เต๋ รออยู่ในรถก่อนนะเดี๋ยวเค้าลงไปหาเพื่อนแป๊ปเดียว” กิตติยาเอ่ยแล้วก็รีบลงไปจากรถทันที ธนายังไม่ทันเอ่ยอะไรสักคำ ชายหนุ่มมองกระจกข้างเห็นแฟนสาวกำลังวิ่งไปหาเพื่อน “ผู้ชาย” ใส่เสื้อช็อปจากมหาลัยอื่น ธนามองไม่กระพริบกับท่าทางของสองหนุ่มสาวที่กำลังถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือทำให้ต้องใกล้ชิดกัน ธนายอมรับว่าหงุดหงิดกับภาพที่เห็น เขาพอรู้จักจากปากแฟนสาวบ้างว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเพื่องที่ไปเข้าโครงกันติวเข้มเข้ามหาลัยด้วยกันตอน ม.5 ทำให้ติดต่อกันเรื่อยมาแต่ก็ไม่เคยเห็นหน้านี่ก็คือครั้งแรก ดูเซอร์เหมาะกับวิศวะการผลิตดีแต่กลัวเหมือนกันว่าแฟนสาวที่หวั่นไหวหรือเปล่า
ตลอดเวลาเกือบเจ็ดปีที่คบกับหญิงสาวไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้เห็นภาพแฟนสาวของเขาสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนไหนเนื่องจากอยู่คนละมหาลัยทำงานก็ทำคนละที่ ตอนอยู่มัธยมก็อยู่คนละห้องเรียนคนละสาย และเขาก็มั่นใจว่าไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามายุ่งกับเธอแน่เพราะใครๆต่างก็รู้ว่าเธอกับเขาคบกับ แล้วเขาก็รู้จักผู้ชายทุกคนในชั้นเรียกว่าเป็นเพื่อนกันทั้งนั้นเพราะเขาไม่ใช่เด็กเรียนสักเท่าไรเหมือนเธอเพื่อนก็เลยดูเยอะกว่าเธอ
“ป่ะค่ะเต๋ เรียบร้อยแล้ว” กิตติยาเอ่ยเมื่อเปิดประตูรถขึ้นมานั่งประจำที่ พร้อมถือตุ๊กตาขนาดพอดีเข้ามาด้วย ธนาก็รับรูได้ตั้งแต่จ้องมองกระจกรถด้านข้างแล้วว่าไอ้หมอนั่นมันให้ตุ๊กตาแฟนเขา กิตติยาเอื้อมเอาไปวางไว้ด้านหลัง แล้วหันมาตอบไลน์เพื่อนหนุ่มอีกที ธนาเห็นกิริยาของแฟนสาวก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเธอไม่สนใจเขาเลยแถมยังเล่นโทรศัพท์อีก
ถึงแยกไฟแดงทำให้ธนาต้องชะลอรถลงชายหนุ่มยังรอบมองแฟนสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์อะไรสักอย่าง เขายื่นมือไปเปิดคอนโซนรถด้านหน้าของเธอหยิบกล่องหรูยื่นให้เธอ
“อะไรค่ะ” กิตติยาพิมพ์ข้อความเสร็จพอดีรีบมองกล่องที่อยู่ในมือชายหนุ่มที่ยื่นให้เธอ
“เปิดดูซิครับ” กิตติยารีบหยิบมาแค่เห็นหน้ากล่องก็รู้ได้ทันทีว่าคืออะไรมันเป็นยี่ห้อนาฬิกาที่เธออยากได้แต่ว่ามันแพงก็เลยต้องใช้เวลาเก็บเงินซื้อนานสักหน่อย กิตติยารีบเปิดดูนาฬิกาสายหนังสีทองตัวหน้าปัดเป็นเพชรเม็ดเล็กๆล้อมรอบเธอรีบเอาออกมาสวมใส่ข้อมือตัวเองด้านซ้าย
“ชอบหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบเอาไปเปลี่ยนได้นะ” ธนาเอ่ย มองหญิงสาวที่กำลังสวมใส่นาฬิกา
“ชอบค่ะ เต๋ให้อะไรเค้าก็ชอบทั้งนั้นแหล่ะ ขอบคุณนะค่ะ”กิตติยายกมือขึ้นไหว้ หยอดล้อแฟนหนุ่มเล่นทั้งๆที่อายุเท่ากัน พร้อมเอียงตัวไปหอมแก้มชายหนุ่มแสดงความขอบคุณ ทำให้ธนายิ้มออกมาได้ อารมณ์หงุดหงิดกับเพื่อนชายของแฟนสาวหายไปทันตา
ความคิดเห็น