NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #1 : การรักษา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.97K
      808
      9 มิ.ย. 63


    [00] ความหวังของเหล่าร้าย



    อัตลักษณ์ พลังวิเศษ อาชญากรรม การช่วยเหลือ


    “ฮีโร่! พวกเขามาช่วยเราเเล้ว!!!”


    ฉันได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างยินดีจากที่ไกลๆ ดังมาก จนหากยืนที่จุดกำเนิดเสียงหูฉันคงดับไปแล้ว หากนะ เพราะความเป็นจริงคือตอนนี้ฉันอยู่ที่ไกลจากผู้คนมากๆ เเบบมากๆเลย และแน่นอนว่าคงไม่มีใครกล้าตามมา

    ฉันยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังจากตึกที่ถล่มลงมา สถานที่ที่คนปรกติควรหลีกให้ห่าง กลุ่มเปลวเพลิงยังคงลุกโชติช่วงเหมือนไม่มีวันดับลง เสียงกรีดร้องดังเเว่วมาเรื่อยๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าคงเป็นผู้เคราะห์ร้าย ไฟพวกนี้คงร้อนมาก

    ท้องฟ้าวันนี้ดูไม่ค่อยสดใสนัก สีของมันมืดครึ้มชวนให้นึกถึงสีน้ำที่บีบผสมกันมั่วๆ ส่วนอุณหภูมิของอากาศค่อนข้างบอกได้ยาก มันทั้งเย็นเพราะนี่อยู่ในช่วงฤดูหนาว เเละมันก็ร้อนเพราะไฟที่ลุกไหม้จากอัตลักษณ์ของพวกฮีโร่หรือไม่ก็พวกวิลเลิน

    กลิ่นเหม็นไหม้ลอยเข้าจมูก ทั้งฉุนเเละเเสบไปหมด ฉันจามออกมาก่อนจะถูจมูกที่ค่อนข้างเเดงของตัวเอง มือขยับเลื่อนผ้าพันคอสีเเดงหม่นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ ก่อนจะก้าวขาเดินต่อไป

    ข้างหน้านั่น ประมาณว่าอีกสิบถึงยี่สิบก้าวจะเป็นตรอกซอยที่ยังไม่ถูกพังลงไป โห โชคดีจริง ตรอกนั่นดูเป็นสถานที่หลบชั้นเยี่ยมเลยนะ หนีด้วย สถานที่วาร์ปชั้นเยี่ยม ถ้าฉันเป็นวายร้าย - ไม่ต้องเดาเลย ฉันก้าวขาผ่านเปลวเพลิงไปอย่างไม่ลังเล เป้าหมายคือตรอกหลบภัยนั่น

    ฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมานิดหน่อยตอนที่ไฟสีเเดงเผาลามผิวหนัง มันค่อนข้างร้อนในระดับหนึ่ง ทว่าก็อุ่น ดีจริง อย่างน้อยในสภาพอากาศเย็นเเบบนี้ตัวฉันก็ไม่เเข็งตาย

    ฉันเดินเร็วนะ เพราะอย่างนั้นไม่นานก็มาถึงตรอกที่ว่า

    อย่างเเรกที่ไม่น่าประทับใจคือกลิ่นเหม็นเน่า หนักกว่ากลิ่นฉุนไหม้ของเปลวไฟ ยิ่งในตอนที่ฉันเลื่อนมือไปดึงผ้าพันคอลงมากลิ่นเหม็นเน่าก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิม ฉันรีบปิดปากในทันทีเมื่อรู้ว่ามีของเหลวมาจุกที่ลำคอ น้ำตารื้นขึ้นมานิดนึงเเต่ก็ยังไม่หยดลงเพราะฉันเช็ดมันออกก่อน

    เริ่มถึงเวลาค่ำเเล้ว พระอาทิตย์ตกดิน

    ใต้เงามืดในตรอกซอย ฉันเห็นคนกลุ่มหนึ่ง

    หนึ่งในนั้นบาดเจ็บหนัก กลิ่นเลือดคลุ้งพอๆกับกลิ่นเหม็นเน่าของขยะ เหมือนจะสลบแต่ก็ไม่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดเเผลน่าเกลียดเกินคนจะนึกออก หนึ่งในนั้นบาดเเผลคงมาจากการที่ถูกไฟเผาไหม้ ดวงตาของเขาเลื่อนลอยเหมือนคนไม่มีสติ ร่างสูงใหญ่ประดับด้วยรอยเเผล เสื้อขาด --

    บาดแผลใหญ่ชนิดที่ว่าความตายอยู่ใกล้นิดเดียว

    เเต่ยังไม่ทันที่จะได้ชื่นชมความอดทน -- มันเร็วมากๆ มีดถูกจ่อรอบลำคอของฉัน ฉันหลุบตาลงต่ำ ประกายสีเงินของใบมีดทำเอาฉันตาพร่าไปพักหนึ่ง มีดนั่นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคมมาก

    มันใกล้ชนิดที่ว่าถ้าขยับปุ๊บ คอฉันอาจจะหลุดจากตัว

    หรือไม่ก็เป็นคนถือมีดเอง

    คนธรรมดาไม่มีทางทำเเบบนี้ได้หรอก เขาคงจะเป็นพวกตัวร้าย

    เสียงขู่คำรามดังใกล้หู


    “อัตลักษณ์ของเเกคืออะไร?”


    ฉันบอกไปหรือยังว่าฉันอ่อนไหวง่าย

    ใจเต้น ใจสั่น เสียงเหี้ยมเกรียมทำฉันขนลุกขึ้นมา

    มีดยังจ่อคอที่เดิม เขาเค้นถามอีกครั้ง เสียงดังขึ้น “รีบบอกมา!”  

    มันดูร้อนรน ลึกลงไปยังมีความตื่นตระหนก ความกลัว สาเหตุคงเป็นเพราะผู้ชายที่บาดเจ็บอยู่นั่น หัวหน้าไม่ก็คนที่สำคัญมากๆสินะ? ถ้าปรกติมีผู้หญิงเเปลกหน้าอย่างฉันเดินเข้ามาพวกเขาคงไม่ถามเเละไม่ลังเลที่จะลงมือ เเต่นี่ไม่ใช่

    มนุษย์ลึกลงไปยังมีความหวังอยู่ เเม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

    เขาคงกำลังคาดหวังอะไรสักอย่างในตัวผู้หญิงอย่างฉัน ในหัวคงวุ่นเหมือนเส้นด้ายที่พันกัน

    ความคิดของเขาก็อย่างเช่น ทุกคนต่างมีอัตลักษณ์ใช่ไหมล่ะ หัวหน้าเรากำลังจะตาย ถ้ารักษาได้ล่ะก็…

    นี่คงไม่คิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างเลยใช่ไหม? -- อย่างเช่นที่ว่าฉันไม่มีอัตลักษณ์ หรือเป็นเเค่คนธรรมดาที่เข้ามาหลบภัยน่ะ


    ฉันขบปากดึงสติตัวเอง เมื่อกี้เกือบจะหลุดหัวเราะออกไปเเล้วเชียว



    “คุณคนนั้นน่ะ ฉันรักษาเขาได้นะ”



    สัตว์ร้ายมักจะมีปฏิกิริยากับความอันตราย หนึ่งในพวกเขาที่คอยพยุงหัวหน้าท่าทางระวังขึ้น

    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงหรือเเสดงสีหน้าเเบบไหนออกไป รู้เเต่ว่ามีดจ่อเข้ามาใกล้ขึ้นจนมันบาดลำคอของฉัน ของเหลวสีเเดงไหลออกมาพร้อมๆกับความเเสบที่รอบลำคอ

    พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเลือดหยดหนึ่งของฉันมีค่าขนาดไหน เพราะถ้าพวกเขารู้ พวกเขาต้องร้องไห้ด้วยความเสียดายเเน่


    “ถ้าไม่รักษาเขาต้องตายแน่ ๆ เลยค่ะ”


    ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ถูกความมืดกลืนกิน ตอนนี้เวลาผ่านไปเท่าไหร่เเล้วนะ เเย่จริงที่ฉันไม่มีเงินพอซื้อนาฬิกาสักเรือน

    ฉันเลื่อนสายตามาสบตาคนที่คอยหยุงหัวหน้าเเละดูเหมือนตอนนี้คนที่จ่อมีดกับคอฉันอยู่จะเชื่อฟังเขา


    “ลำพังเเค่คุณขยับนิ้วก็ฆ่าฉันได้อยู่เเล้ว ทำไมไม่ลองเชื่อว่าฉันรักษาเขาได้สักหน่อยล่ะคะ”


    เหมือนพวกเขากำลังตัดสินใจ ฉันกลอกตา อยากจะบอกเหลือเกินว่ารีบๆหน่อย ฮีโร่น่ะก็มีสมองนะ ตราบใดที่ยังไม่เห็นซากของพวกก่อการร้ายพวกเขาไม่มีทางหยุดค้นหาหรอก


    ตรอกนี่ก็ใช่ว่าจะลับอะไรขนาดนั้น เเละดูจากสภาพของเเต่ละคน ขืนโดนเจอก็จบเห่กันพอดี


    ทันทีที่พวกเขาดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรได้ หมอกควันสีดำเกิดขึ้นมาพร้อมกับมีดที่ถอยห่างออกไป ฉันถูกดึงตัวเข้าไป คนที่ถือมีดตามประกบข้างไม่ให้เล่นอะไรตุกติก


    หนึ่งในพวกเขามีอัตลักษณ์วาร์ป ฉันขอเดาว่าเขาชื่อคุโรกิริ


    ในตอนที่หมอกควันจะจางหายไป ดวงตาฉันสะท้อนภาพของเปลวเพลิงที่เริ่มจะมอดดับเพราะอัตลักษณ์ของหนึ่งในเหล่าฮีโร่


    เสียงร้องยินดีดังกว่าครั้งไหนๆ ชื่อของออลไมท์ถูกตะโกนขึ้นมาดังชัดเจนกว่าใคร ดูเหมือนว่าฮีโร่ทำสำเร็จเเล้ว การก่อการร้ายครั้งนี้ล่มไม่เป็นท่า




    เสียงพวกนี้ทำฉันเเสบเเก้วหูจริงๆ










    [0.5] การช่วยเหลือที่สมควรถูกประณาม




    พวกเขาดูเหมือนจะวางใจฉัน


    ไม่รู้สิ อาจจะไม่ก็ได้ เเต่เเล้วยังไงล่ะ ในตอนนี้เขามีทางเลือกเหรอ หื้ม


    ที่ซ่อนตัวของพวกเขาอยู่ในตึกอะไรสักอย่างที่ฉันไม่รู้จัก ห้องค่อนข้างกว้าง มีห้องย่อยอีกต่างหาก โชคดีจริงๆ เหล่าร้ายพวกนี้น่าจะมีเงินอยู่พอควร ใช่มั้ย?

    ในห้องห้องหนึ่งจากเหล่าห้องทั้งหลาย เหล่าร้ายพาฉันมาที่นี่ หัวหน้าของเขาถูกวางไว้ที่เตียงเหมือนเตียงในโรงพยาบาล เลือดจากบาดเเผลของเขาซึมเข้าไปในผ้าปูเตียงสีขาว ดวงตาของเขาปิดลงไปเเล้ว ลมหายใจเเม้จะเเผ่วเบาเเต่ก็ยังมีอยู่


    พลังใจล้นเหลือ คงไม่ยอมตายหากอุดมการณ์ยังไม่สำเร็จ ฉันนับถือเขานะ


    คนที่เคยจ่อมีดกับคอฉันตอนนี้กำลังวิ่งวุ่น เดาว่าคงไม่มีความสามารถในเรื่องรักษาเท่าไหร่ ล่าสุด วินาทีที่เเล้วเขาวิ่งออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ ทิ้งฉันไว้กับเจ้าของอัตลักษณ์วาร์ปเกท - คุโรกิริ

    ดวงตายังจับจ้องมองมาเเบบไม่กะพริบ เหมือนกดดันกลายๆว่าถ้าฉันไม่รักษา หรือหัวหน้าของเขาเป็นอะไรไป ฉันตาย ใช่สิ คนตายพูดไม่ได้นี่

    เเสงไฟในห้องทำฉันตาพร่ามัวไปสักหนึ่ง เเต่ยังไงตากับขาก็เป็นอวัยวะคนละส่วนกัน ในขณะที่ฉันหรี่ตาลงเพื่อปรับสภาพดวงตาขาทั้งสองข้างก็ก้าวเดินไปหยุดที่ข้างเตียงของเขา

    ฉันวางมือไว้บนท่อนเเขนชุ่มเลือด น่าเสียใจที่เขายังไม่ลืมตาขึ้นมา ฉันก็เลยถูกเพ่งเล็งจากคุโรกิริมากกว่าเดิม เเบบว่า ถ้าครั้งต่อไปหัวหน้ายังไม่ลืมตาขึ้นมา ฉันตรียมตัวโดนเชือดได้เลย


    น่ากลัวจัง


    ตัวสั่นไปหมดเลย


    ฉันหลุบสายตามองเขาอีกครั้ง ในสภาพที่ใกล้กันทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง บาดเเผลที่ใบหน้าคงยากที่จะเเก้ไข ตั้งเเต่กระโหลกลงมาผิวหนังของเขาถูกไฟไหม้ มันบิดเบี้ยวเเทบนึกโครงหน้าเดิมไม่ออก


    เเต่ที่รู้ ๆ เขาดูดีนะ อย่างน้อยคาง จมูก เเละริมฝีปากที่เหลืออยู่สภาพก็สมบูรณ์เเบบไร้ที่ติ เเม้ว่าทั้งหมดที่ฉันว่ามามันจะเปื้อนเลือดอยู่ก็ตาม



    ฉันเลื่อนมือไปสัมผัสริมฝีปากของเขา ก่อนจะก้มหน้าลงไปท่ามกลางความตกใจของคนในห้อง



    เลือดจากเขามันติดอยู่ที่ปลายลิ้น คาวเเละเค็มปร่า



    หนังสือที่บอกว่ารสของจูบเเรกน่ะหอมหวาน เหมือนตัวลอยได้อะไรนั่น เเม่ง โกหกทั้งเพ



    ฉันผละใบหน้าออกมา ปาดคราบเลือดบนปากตัวเอง ครั้งนี้เขาลืมตาขึ้นมาเเล้ว เเม้ว่าจะเป็นเเค่การปรือตาอย่างเลื่อนลอยก็ตาม เเต่ยังไงฉันก็อดดีใจไม่ได้จริงๆ ไม่เกิดเหตุฆาตกรรมเเล้ว


    คุโรกิริเหมือนตกใจจนช็อค เเต่ก็ช่างมันเถอะ


    ฉันก้มลงไปบดริมฝีปากกับเขาอีกครั้ง รสเลือดจางลงไปกว่าครั้งเเรกถึงจะลึกซึ้งกว่าเดิม ฉันสัมผัสได้ถึงความชื้นเเฉะที่ริมฝีปากเเละปลายลิ้น

    อย่างน้อยก็ไม่ตายเเล้ว



    เขาคือออลฟอร์วัน - ผู้อยู่เบื้องหลังเหล่าวิลเลิน



    จูบเเรกของฉันกับคนใหญ่คนโต





    เเหม ดีใจจนน้ำตาจะไหลเลยเนี่ย





    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆




     
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×