คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : Nostalgia ครบ
[29]
เมื่อหลับตาลงความฝันก็เริ่มขึ้น
พรุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก
เทศกาลการให้ช็อกโกแลต ช่อดอกกุหลาบ สารภาพรักกับคนที่ชอบ ตามร้านค้าก็น่าจะมีพวกอีเว้นท์ของคู่รัก อะไรประมาณนั้น ไม่ได้เป็นวันที่แย่อะไร แต่ก่อนฉันก็เคยได้ของขวัญเหมือนกัน เยอะจนต้องเก็บใส่กล่องไว้...
ฉันถอนหายใจและปัดความคิดในหัวออกไป นึกถึงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กล่องนั้นก็โดนน้องไคระบายอารมณ์ใส่ไปแล้วด้วย
ฉันมองช็อกโกแลตที่ห่ออย่างสวยงาม สำรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะพยักหน้าให้ตัวเอง ถึงไม่ได้ทำช็อกโกแลตให้ใครมานานแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะลืมวิธีทำไปซะหมด ที่ลองชิมไปก็ไม่ได้แย่อะไร โทมูระคุงที่ไม่ชอบของหวานก็น่าจะกินได้
ฉันยืดแขนบิดขี้เกียจหลังเอาช็อกโกเเลตเข้าตู้เย็น
‘โชซัง’
ถ้าตอนนี้ยังเล่นเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ ฉันก็จะทำช็อกโกแลตในส่วนของพวกเขาเหมือนกัน
นัตสึโอะคงจะตกใจแน่เลย น้องสาวแว่นก็น่าจะยิ้มรับเหมือนทุกที ส่วนโชโตะ...คิดว่าจะชินกับการโดนให้ช็อกโกแลตแล้วล่ะ ออร่าของเขามันเปล่งประกายซะขนาดนั้น ถึงจะยังเป็นเด็กก็เถอะ ยังไงก็ต้องมีคนเอามาให้อยู่แล้ว
‘ดูเหมือนช่วงนี้ผมจะโชคร้ายน่ะ’
เอาเถอะ โทมูระคุงดูจะพอใจมากที่ฉันอยู่เเต่ในที่พัก เดี๋ยวนี้ความเกรี้ยวกราดก็เลยลดลงไปมากโข อย่างน้อยตัวฉันก็ไม่ได้บอบช้ำเพราะถูกกัดอีก
ช็อคโกแลตเหลืออยู่นิดหน่อยฉันก็เลยเอาที่เหลือมาทำชิ้นเล็ก ๆ โชคร้ายที่วัตถุดิบอื่นไม่พอ แล้วฉันก็ขี้เกียจลงไปซื้อมาเพิ่ม ท้ายที่สุดช็อกโกแลตนี้เลยออกมาขมมากกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่า
รสขมยังติดที่ปลายลิ้นเเม้ว่าจะดื่มน้ำตามลงไป ฉันเหลือบมองช็อกโกแลตที่เหลือก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันอุตส่าห์ทำถ้าจะทิ้งก็เสียดาย เพราะงั้นหาคนมากินแทนดีกว่า
โชคดีที่วันนี้เขาอยู่ที่ห้องและไม่ได้ออกไปไหน
ฉันมองบอสวายร้ายที่เอนหลังพิงโซฟา อ่านหนังสือด้วยท่าทางเหมือนเจ้าชาย น่ากลัวชะมัดเลยคนคนนี้ ถ้าคนอื่นเห็นภายนอกแวบแรกคงคิดว่าเป็นนักบุญผู้แสนดีแหง ใครจะรู้ว่าข้างในเขาคือบอสวายร้ายจอมวางแผน
แต่ก่อน...เขาไม่ชอบพูดนัก
ฉันหมายถึงช่วงแรกที่รักษาเขา ตอนที่เจ้าชายจอมปลอมคนนี้เป็นแผลน่าเกลียดบนใบหน้า ทั้งตัวมีแต่สายระโยงระยาง ภาพลักษณ์ภายนอกแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นวายร้าย
ที่เขาทำเป็นปรกติคือตีหน้านิ่ง เย็นชา ไร้อารมณ์จนนึกว่าเป็นหุ่นยนต์ เวลาฉันเรียกก็มองดูแค่แวบเดียวก่อนจะกลับไปสนใจจอคอมต่อ นาน ๆ ครั้งเขาถึงจะพูดขึ้นมาทีนึง
ฉันก็รู้เเหละว่าเขารำคาญฉัน ออกจะไม่พอใจด้วยซ้ำที่ฉันไปรักษาออลไมท์ ไม่งั้นตอนที่บีบคอคงไม่ได้มีสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนขนาดนั้น แน่นอนว่าถึงจะเตือนฉันก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี เวลาเขาแสดงอารมณ์อื่นออกมาน่าสนุกดีออก
“โช?”
ฉันปั้นรอยยิ้มก่อนจะก้าวไปหา เอาเถอะ จะอ่อนโยนจอมปลอมก็ดี จะเย็นชาเหมือนน้ำแข็งก็ดี ยังไงซะเขาก็ยังดูดีเหมือนเดิม ยังมีน้ำเสียงแสนอันตรายเหมือนเดิม เป็นท่านราชาผู้เก่งกาจ บอสลับสุดโฉดชั่วที่ต้องโดนโค่นในสักวัน
“ช็อกโกแลตค่ะ” ฉันยิ้มให้กว้างขึ้นอีกนิด เพิ่มความเอียงอายไปอีกหน่อย ดูเป็นสาวน้อยสมบูรณ์แบบ “อาจจะไม่เหมือนกับที่คุณเคยกิน แต่ฉัน...ตั้งใจทำนะคะ”
บอกไปไม่ได้เด็ดขาดว่าตั้งใจจะกินเองถ้ามันหวานกว่านี้ เเต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เผื่อวันพรุ่งนี้เขาออกไปทำธุระกับเหล่าวายร้ายจะได้ติดค้างเรื่องช็อกโกแลตเเล้วซื้อขนมมาฝากฉัน อือ จะนิสัยไม่ดีเกินไปไหมนะ แต่ขนมที่เขาซื้อมาฝากมันอร่อยนี่นา
“ตั้งใจทำสินะ” เขาหัวเราะเหมือนคนรู้ทัน วางหนังสือที่อ่านตอนแรกลงบนโต๊ะข้าง ๆ ตบตักตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้มที่ทำให้นึกถึงเจ้าชาย “มานี่สิ”
ถูกจับได้ซะเเล้วสิ...แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้พูดง่าย ๆ หน่อย ฉันยิ้มกว้าง สลัดคราบสาวน้อยในห้วงรักเมื่อกี้ออกไป เดินไปนั่งบนตักเขาอย่างว่าง่าย ในใจเริงร่า ขอขนมนะ ซื้อขนมมาฝากฉันเยอะ ๆ เลยนะนายท่าน
ฉันเอนตัวพิงเขาเหมือนเป็นโซฟา เพราะเขาตัวใหญ่กว่าฉันมากก็เลยต้องชูจานช็อกโกแลตขึ้นในระดับที่ให้เขาหยิบได้ง่าย “สุขสันต์วันแห่งความรักล่วงหน้านะคะ”
เขากินไปชิ้นหนึ่งก่อนจะนิ่งไป พอฉันเงยหน้าขึ้นไปดูก็เห็นเขาขมวดคิ้วเล็ก ๆ อยู่ เป็นการเปลี่ยนแปลงอารมณ์บนใบหน้าที่ถ้าไม่สังเกตคงไม่เห็น ฉันกะพริบตา มองดูเขากินช็อกโกแลตชิ้นที่สองและสาม ได้ยินเสียงพึมพำว่าขมอย่างแผ่วเบา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกินจนหมด
ถ้าเกิดมียาพิษเขาคงเจ็บตัวไปแล้ว
หรือที่กล้ากินเพราะไปได้อัตลักษณ์พวกกันพิษมาเหรอ? เพราะแบบนั้นถึงไม่กลัวสินะ ฉันพยักหน้าให้กับความคิดของตัวเอง ส่วนเรื่องที่กินทั้งหมดก็เพราะอยากรักษาน้ำใจ
ชักเริ่มสงสารขึ้นมาแล้วสิ ช็อกโกแลตนั่นขมจะตายไป
แต่เขาก็กินไปทั้งหมดแล้ว ห้ามตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา เพราะงั้นฉันก็เลยบอกกับตัวเองว่าในวันเเห่งความรักปีหน้าจะทำของดี ๆ มาให้เขาไม่แพ้ที่ทำให้โทมูระคุง และถ้าวัตถุดิบหมดฉันก็จะไม่ขี้เกียจลงไปซื้ออีก
ในขณะที่คิด เสียงของเขาก็ดังขึ้นใกล้ ๆ ใบหู
“พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก”
พอหันไปทางต้นเสียงก็พบว่าใบหน้าของเขาอยู่ห่างไปแค่ปลายจมูก ฉันกะพริบตา ชั่วขณะลืมไปแล้วว่าในเวลาแบบนี้ควรทำสีหน้าอย่างไร พอตั้งสติได้ก็สบตาเขากลับ ปั้นรอยยิ้มกว้างเพราะนึกคำพูดไม่ออก นิ่งอยู่นานกว่าที่เขาจะผละใบหน้าออกไปเหมือนยอมแพ้กับอะไรสักอย่าง
พรุ่งนี้ไม่อยู่จริง ๆ ด้วย
โทมูระคุงก็น่าจะไม่อยู่เหมือนกัน
พอคิดจินตนาการถึงวันพรุ่งนี้ที่ต้องอยู่คนเดียว ที่พักก็ดูเหมือนจะกว้างขวางขึ้นมาไม่จบสิ้น
ฉันงึมงำในลำคอ เกมก็เบื่อ ข่าวฮีโร่ก็ไม่อยากดู ลงไปข้างล่างก็คงช้ำใจกับอีเว้นท์คู่รัก อันที่จริงระหว่างการที่ได้ขนมอร่อย ๆ มาเป็นของฝาก กับการที่มีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ยังไงฉันก็ต้องเลือกอย่างหลังแน่นอนอยู่แล้ว
ฉันเอนตัวพิงเขา เบียดตัวจนรู้สึกถึงความอุ่นจากร่างกายที่สัมผัสกัน ถึงจะเป็นโซฟาที่แข็งไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ชวนนึกไปถึงช่วงแรกที่รักษาเขา ตอนนั้นฉันก็ชอบนั่งเล่นแบบนี้บ่อย ๆ เหมือนกัน...อื้อ แต่เขาก็เฉยชาจนน่าหมั่นไส้
“ถ้ามีอะไรสนุก ๆ ให้ทำก็ดีสินะ”
ฉันบ่น เรื่องเลี้ยงเด็กคนใหม่ก็ถูกขีดฆ่าไป เรื่องไปเดินเล่นเเล้วหาใครสักคนไปเที่ยวด้วยยิ่งแล้วไปกันใหญ่ ใครจะรู้ วันต่อมาเขาอาจจะโชคร้ายเจอวิลเลินเหมือนนัตสึโอะก็ได้
พอฉันบ่นไปแบบนั้นตัวการร้ายของสาเหตุก็หัวเราะเหมือนไม่รู้ความผิดของตัวเอง เขากอดฉัน เอาคางมาเกยไหล่ เบียดยิ่งกว่าเดิม “ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ก็ไปด้วยกันสิ”
แน่นอนว่าฉันตอบปฏิเสธไปโดยไม่เสียเวลาคิด แค่นึกถึงเหล่าวิลเลินหรือความชั่วร้ายที่เขาคิดจะทำก็รู้สึกแหยงขึ้นมาแล้ว ถ้าไปเจอโนมุฉันคงเป็นลมแน่
มนุษย์ดัดแปลงพวกนั้นเหมือนคนปรกติที่ไหน ดีไม่ดีถ้าไปยืนข้าง ๆ เขาคงถูกวายร้ายคนอื่นเหมารวมว่าชั่วร้ายไปด้วยแหง ๆ หัวใจสาวน้อยอันบอบบางจะรับไหวได้ยังไง
อื้ม ๆ ไม่ดี ๆ
การแสดงออกชัดเจนของฉันคงทำให้เขาพอใจมาก ท่านราชาหัวเราะไม่หยุด “มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดเสียหน่อย” เขาว่า ก่อนจะเริ่มการเล่าเรื่องราวของวายร้ายให้ฟังเป็นฉาก ๆ
เริ่มตั้งแต่ก่อนยุคของออลไมท์ เล่าว่าอัตลักษณ์ของใครน่าสนใจบ้าง ยุครุ่งเรืองของวิลเลินเป็นยังไง ยิ่งฟังฉันยิ่งสงสารเหล่าคนที่โดนใบหน้านี้ล่อลวง พวกคุณตกหลุมพรางจอมมารเข้าให้เเล้ว
พอเล่าถึงจุดหนึ่งก็ทำให้ทนไม่ไหวขึ้นมา
พอทนไม่ไหว ฉันก็จูบเขา
แต่เพราะอีกฝ่ายคือวายร้ายที่เคยจูบกับฉันมานับครั้งไม่ถ้วน พอผละออกมาคาดหวังว่าเขาจะตกใจจนหยุดพูด ฉันกลับโดนจับใบหน้าขึ้นไปรับจูบอีกรอบ
เป็นจูบที่ทำให้รู้สึกวาบหวิวในช่องท้อง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา เสียงหัวเราะอันน่าหมั่นไส้ จนฉันที่ยังรู้สึกอื้ออึงในหัวไม่สบอารมณ์ กัดเข้าที่คอเขาเต็มแรง
แล้วเราก็เริ่มจูบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง
ในท้ายที่สุดสงครามไร้สาระก็จบลงเมื่อฉันเจ็บปากจนน้ำตาคลอเบ้า หายใจไม่ทัน หน้ามืด อีกทั้งก็หัวใจเต้นแรงเหมือนจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ ลำบากให้เขาลูบหลังปลอบ ฉันซุกหน้าลงบนไหล่กว้าง กัดเขาผ่านเสื้อผ้าอย่างทำอะไรไม่ได้ น้ำตายังกลิ้งหยดลงมาเรื่อย ๆ จนทั้งใบหน้าเเล้วก็เสื้อเขาเปียกไปหมด
“ฉันผิดเอง…โช หยุดร้องไห้เถอะนะ”
เขาพยายามปลอบ แต่น้ำตาฉันกลับมากขึ้นกว่าเดิม
“อื้อ” และฉันก็ทำได้แค่ซุกหน้าลงบนไหล่เขา พูดน้ำเสียงอู้อี้ที่แม้แต่ตัวเองยังฟังไม่รู้เรื่อง “ถ้าคุณไม่ยุ่งพรุ่งนี้ฉันก็จะได้ไปเที่ยวกับนัตสึโอะ ปีก่อนก็จะได้ไปดูดอกไม้ไฟด้วย...คุณน่ะใจร้าย ฮึก เป็นจอมวายร้าย...”
“ขอโทษที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้เธอ”
เขากอด เป็นตอนที่ฉันร้องไห้จนเหนื่อย เปลือกตาหนักอึ้งเพราะความง่วงที่แทรกซึม
“ไว้ปีหน้าเรามาดูดอกไม้ไฟด้วยกันนะ หลังจากนั้นฉันจะพาไปที่ที่เธออยากไป จะสวนสนุก หรือพิพิธภัณฑ์ที่เธอเคยไปกับเขา...”
ในความทรงจำเริ่มเลือนราง
“ฉันจะตามใจเธอ”
น่าเสียดายที่พอถึงฤดูร้อนปีต่อมา
ฉันก็ไม่ได้กลับไปหาเขาอีก
….
เมื่อตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นและความรู้สึกปวดตามตัวจากการนอนไม่ถูกที่ ก็ทำให้รู้ว่าฉันร้องไห้จนหลับไปทั้ง ๆ ที่โดนโทมูระคุงกอดอยู่อย่างนั้น
….พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าโทมูระคุงกำลังหลับอยู่
ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพราะที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้เปิดไฟไว้อยู่ถึงมองเห็นได้ง่าย...เหมือนจะเป็นโกดังร้างสักแห่ง ขนาดเท่ากับห้องนอนห้องหนึ่ง มีประตูอยู่สองด้าน
ฉันคิดว่าหนึ่งในบานประตูคงเป็นทางเชื่อมไปโกดังใหญ่ เพราะท่ามกลางความเงียบ ฉันได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากประตู ในห้องนี่มีแค่ฉันกับโทมูระคุง ส่วนวายร้ายคนอื่นก็น่าจะอยู่อีกห้อง
ฉันมองผ่านช่องระบายอากาศออกไป ข้างนอกท้องฟ้ายังเป็นสีน้ำเงินเข้ม ยังไม่ผ่านพ้นหนึ่งวัน ฉันคงหลับไปได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่การต่อสู้ก็น่าจะเริ่มไปแล้ว
ฉันยกมือขึ้นลูบหน้า ส่ายหัวสะบัดความมึนเบลอออกไป เลือดแห้งกรังติดบนใบหน้าและลำคอ แต่ความเจ็บปวดไม่มีอีกแล้ว ไม่ต้องบอกเลยว่าแผลก็คงหายไปด้วยเหมือนกัน แต่จะยังไง...สภาพฉันตอนนี้ก็ไม่น่าดู ทั้งผมที่ยุ่งไม่เป็นทรง คราบน้ำตาเต็มใบหน้า
แน่นอนว่าพอฉันเริ่มขยับตัว มันก็ไปกระทบโทมูระคุงที่กำลังหลับจนเขาลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
ดวงตาสีแดงที่ไม่ได้เห็นมานานหรี่ลง ก่อนเขาจะหลับตาอีกรอบ เอาคางมาเกยไหล่ฉัน...เมื่อฉันพยายามขยับตัวหนีก็ได้ยินเสียงพึมพำว่า “อยู่นิ่ง ๆ” พร้อมแขนที่รัดแน่นขึ้น
ฉันนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจเมื่อสังเกตเห็นขอบตาที่คล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนของเขา นอกจากนั้นแล้วในดวงตาก็ยังมีแต่ความอ่อนล้า
เพราะงั้นถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นเด็กน้อย แถมยังตัวใหญ่กว่าฉันเสียมากโข ยังไงใจฉันก็อ่อนยวบอยู่ดี
‘ฉันจะอยู่ข้างเธอ’
“ขอบคุณที่ปลอบฉันนะโทมูระคุง...ฉันทำให้เธอลำบากหลายเรื่องเลย” ฉันกอดเขากลับ ลูบแผ่นหลังเหมือนตอนที่เขาปลอบฉัน “บอกฉันได้ไหมว่าอาจารย์ของเธออยู่ที่ไหน?”
ไม่ไหว
ไม่ไหวจริง ๆ ด้วย
ถ้าไม่ได้กอดเขาต้องไม่ไหวแน่ ๆ
ฉันนึกถึงความทรงจำในวันแห่งความรักปีนั้น จู่ ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ความขมของช็อกโกแลตยังเทียบตอนนี้ไม่ได้เลย
เป็นกรรมตามสนองที่แกล้งให้ช็อกโกแลตรสชาติใช้ไม่ได้กับเขางั้นเหรอ? ความขี้เกียจของฉันมันร้ายแรงขนาดนี้เชียว รู้อย่างนี้ไม่ทำตั้งแต่แรกก็ดีหรอก
หลังกอดเสร็จคุณจะโกรธฉันก็ได้นะนายท่าน
‘หยุดร้องไห้ได้แล้ว’
อื้อ
ฉันพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา นิ่งเงียบรอฟังที่อยู่ของเขาจากโทมูระคุงอย่างใจจดใจจ่อ บางทีท่านวายร้ายอาจจะกำลังจิบกาแฟดูข่าวฮีโร่อยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้
แต่ทว่า
“เขาแพ้ออลไมท์”
อ้อมแขนโอบรัดแน่นขึ้น
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
คำตอบทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ
อันที่จริงคือหยุดหายใจไปแล้ว ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่าเขาคือบอสวายร้ายที่ถูกย้อนกลับไปในช่วงที่ยังไร้ที่ติ เรื่องที่จะแพ้แทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นตัวเอกก็ตาม ที่แพ้น่ะ...คือตัวปลอมของเขาต่างหาก
ฉันขยับตัวหนีออกจากอ้อมแขนของโทมูระคุง มือสองข้างจับใบหน้าของเขาให้มาสบตาด้วย ริมฝีปากขยับยิ้ม
“ฉันเชื่อเธอนะ”
โทมูระคุงไม่ได้โกหกสักประโยค
‘เขา’ ที่ว่ายังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าใคร เพราะงั้นจะเป็นตัวปลอมหรือหุ่นเชิดก็ได้ทั้งนั้น ฉันขยับยิ้มให้กว้างขึ้นอีกนิด มือบีบแก้มเขาอย่างหมั่นเขี้ยว น่ารักจริง ๆ เลยนะ ไม่ได้อยู่ใกล้แบบนี้มาตั้งนาน พี่สาวคิดถึงจังเลย
และฉันก็ลืมไปแล้วว่าตอนยังเป็นเด็กเขาก็เกรี้ยวกราดใส่ฉันไปหลายรอบเพราะไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย
“เจ็บ!”
พอโตขึ้น
นิสัยนั้นก็ยังไม่เปลี่ยน
ฉันแทบน้ำตาร่วงเมื่อโดนกัดเข้าที่คออย่างเต็มแรง ปล่อยมือจากแก้มเขาแทบไม่ทัน เมื่อมองดูตรงที่กัดก็พบว่ามันห้อเลือดและขึ้นเป็นรอยฟันชัดเจน ฉันได้แต่สะอื้นในใจ แค่จะด่าเขายังต้องคิดเเล้วคิดอีก ไม่ต้องไปพูดถึงการตีกลับ
ฉันสบตาเขา พยายามทำหน้าตาน่าสงสาร
ผลคือนายน้อยคนนี้เเค่นหัวเราะ
และยื่นหน้าเข้ามาใกล้
ฉันหลับตาปี๋ ภาวนาให้หลังจากนี้จะไม่โดนกัดจนเป็นแผลน่าเกลียด ให้อภัยพี่สาวด้วยโทมูระคุง ฮือ รู้แบบนี้ทำเป็นไม่รู้เรื่องและเชื่อเขาไปดีกว่า อย่างน้อยร่างกายอันบอบบางของสาวน้อยก็น่าจะอยู่ดีปลอดภัย
“ทำอะไรกัน”
เสียงขัดขึ้น
ฉันลืมตาพรึบในจังหวะที่ใบหน้าของโทมูระคุงห่างไปแค่ปลายจมูก พอรู้สึกตัวก็กะพริบตาปริบ ขยับออกห่าง ก่อนจะเบือนหน้าไปหาต้นเสียง คนที่อุ้มฉันพาดบ่า...ดาบิ
“คุณวายร้าย!” ฉันเรียกเขาด้วยใบหน้ายินดีที่สุด ต่อประโยคในใจว่าขอบคุณที่มาทันเวลาพอดี
เมื่อกี้ไม่น่าจะใช่การกัดแล้ว
“คุณเป็นคนที่มารับฉันนี่นา” ฉันผละตัวเองออกจากแขนโทมูระคุง แล้วลุกขึ้นวิ่งไปหลบด้านหลังเขา
“ฮือ ไหนบอกว่าโทมูระคุงจะไม่ตีฉันยังไงล่ะคะ คุณโกหกกันชัด ๆ!”
ฉันพยายามเค้นน้ำตาออกมาให้ดูเหมือนถูกรังแกอย่างสมจริงที่สุด มือสองข้างก็ดึงเสื้อย้วย ๆ เหมือนเป็นความผิดของเขา ทั้งที่อันที่จริงประโยคที่ว่ามากว่าครึ่งคือคำโกหกทั้งหมด
พวกเขามองหน้ากัน
และถ้าดาบิเป็นสมาชิกวายร้ายที่โทมูระคุงรู้นิสัยดี เขาจะไม่มีวันเชื่อที่ฉันพูด ส่วนถ้าโทมูระคุงรู้จักฉันดีเขาก็คงจะไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูดไปเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นฉันถึงได้ยินเสียงถอนหายใจจากโทมูระคุง และได้รับสายตาดุ ๆ จากวายร้ายดาบิ
แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดแค่ว่า ‘อย่างน้อยก็หนีหายนะพ้นแล้ว’ เกือบไปแล้ว ๆ ฮื่อ ไม่น่าหลับตาเลย
“อันที่จริงมีคนพยายามมาช่วยเธอ”
แต่ความโล่งอกของฉันก็อยู่ได้ไม่นาน
“ไปดูหน่อยเถอะ...ก่อนที่เด็กนั่นจะอาละวาด”
เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของดาบิ
เอ๋?
….
‘ก่อนที่จะอาละวาด’ ของเขาหมายถึงยังไง?
ฉันมองห้องย่อยอีกห้องของโกดังที่แทบจะกลายเป็นห้องแช่แข็งแล้วก็แทบร้องไห้ น้ำแข็งเกาะตามผนังกับเพดานเต็มไปหมด อุณหภูมิก็ลดต่ำลงยิ่งกว่าอยู่ในฤดูหนาว
ฉันกอดตัวเองแน่น มือเย็นจนชา ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าวายร้ายไม่เข้ามา ฉันคงเป็นเหมือนหน่วยกล้าตาย
กลางห้องมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาถูกมัดติดเก้าอี้...ซึ่งการถูกมัดก็แทบไม่ช่วยอะไร แค่ใช้ไฟเผาหน่อยเขาก็เป็นอิสระแล้ว ที่ยังนิ่งอยู่แบบนี้ก็คงรอมากกว่า ฮือ โชโตะ จะรออะไร ทำไมยังไม่รีบหนีจากรังวายร้ายไปอีก
เขาไม่ควรอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
เขาควรถูกช่วยไปพร้อมเด็กคนอื่น
ดาบิบอกฉันว่า ‘จู่ ๆ เด็กนี่กระโจนเข้ามาในวาร์ป อาละวาดเสียยกใหญ่ กว่าเราจะจับเขาให้อยู่นิ่ง ๆ ได้’ พอพูดจบก็มองหน้าฉัน ผลักฉันเข้ามาในห้องแช่แข็ง
“โชซัง”
แต่อย่างน้อยเขาก็ใจดี
แค่เพียงพริบตา อุณหภูมิห้องเริ่มกลับมาเป็นปรกติหลังจากที่เขาละลายน้ำแข็งไป มือที่เย็นจัดก็กลับมาอุ่น
ถึงจะมอมแมมไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ฮื่อ ดูดีจังเลยน้า น้องน้อยพอโตขึ้นมาดูดีอย่างที่คิดไว้เลย ถึงจะเย็นชาไปนิดหน่อยก็เถอะ แต่ต้องได้รับความนิยมสูงแน่ ๆ
“โชโตะ” ฉันเดินไปหาเขา ทำสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ จะบอกว่าพลาดอีกแล้วงั้นเหรอ?”
ฉันเห็นแววตาสั่นไหว นั่นยิ่งเป็นการยืนยันความคิดตัวเอง ว่าเเล้วเชียว อย่างเขาน่ะจะถูกจับมาง่าย ๆ ได้ยังไง
“ผมแค่อยากรู้….เรื่องเกี่ยวกับคุณ” เขาเม้มปาก “คุณอยู่ฝ่ายวิลเลินจริง ๆ ด้วย”
ถ้าขนาดเขายังมองฉันแบบนี้...ฮีโร่คงไม่เหลือ
จริง ๆ ด้วยสินะ
‘พวกเขาไม่ต้องการเธอเเล้ว’
“แล้วมันยังไงล่ะ?”
ฉันขยับยิ้มเหมือนที่พูดไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
“ผิดหวังงั้นเหรอ? นั่นสินะ” ฉันหัวเราะ “คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดกลับกลายเป็นวิลเลินแสนชั่วร้าย แล้วยังเป็นหนึ่งในพวกที่ทำร้ายเพื่อนตัวเอง เป็นใครก็คงผิดหวังกันทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอครับ”
คราวนี้ฉันกลับโกหกไม่ออก
“ถ้าคุณเป็นวิลเลินแสนชั่วร้ายอย่างที่พูดจริง ๆ ทำไมในตอนนั้นถึงคอยดูแลผมล่ะ ทำไมถึงให้กำลังใจผมล่ะ” ดวงตาสองสีที่ฉันชอบตอนนี้กลับหมองหม่น “ทั้งหมดนั่น...มันไม่ได้บอกว่าคุณเป็นคนชั่วร้ายเลยนะครับ”
‘เธอเก่งอยู่แล้วสาวน้อย!’
จู่ ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ฉันกะพริบตา พยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปรกติแม้มันจะยากเต็มทน
“ตอนนี้ฉันเบื่อแล้วล่ะ”
รอยยิ้มอันไร้ที่ติ
“ที่ทำไปก็แค่อยากหาอะไรเล่นฆ่าเวลาเท่านั้นเอง เธอก็เหมือนเกมใหม่ของฉันนั่นเเหละ”
เล็บจิกฝ่ามือจนเริ่มเจ็บขึ้นมา
“ขอโทษนะโชโตะ...นัตสึโอะกับฟุยูมิก็เหมือนกัน อ่า...แต่ถึงจะขอโทษไปพวกเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ? ความทรงจำพวกนั้นฉันทำให้หายไปหมดแล้วนี่นา”
“เป็นเกมที่มีสีสันจริง ๆ”
ฉันแสร้งก้มหน้ามองเชือกที่มัดตัวเขาไว้ ไม่อยากจะมองเลยว่ามีสีหน้าแบบไหนอยู่ ผิดหวังสินะ ต้องผิดหวังอยู่แล้วสิ
“จะแก้มัดให้ก็แล้วกัน แล้วก็คราวหลังอย่ามาเสี่ยงอันตรายตัวคนเดียวแบบนี้อีกนะคะโทโดโรกิคุง ถึงเธอจะมีความสามารถแต่ก็ใช่ว่าจะรับมือกับวิลเลินได้ทุกคน...”
ฉันลงไปนั่ง มองเชือกที่มัดทบกันแบบแน่นหนาก็นึกสงสารขึ้นมา หวา ไปทำยังไงถึงถูกจับมัดขนาดนี้ได้เนี่ย --- แตะเข้าที่ปมเชือกที่มัดไว้ ไม่นานมันก็หลุดออก
“ฉันจะส่งเธอกลับ ป่านนี้ทางฝั่งฮีโร่คงวุ่นวายจะแย่แล้ว” ดีไม่ดีบ้านโทโดโรกิอาจจะกำลังลุกเป็นไฟ
“ไม่จำเป็นต้องมาช่วยฉันอีกแล้วนะคะ”
ในตอนที่ฉันยืนขึ้น กำลังคิดอยู่ว่าควรลบความทรงจำเกี่ยวกับฉันทั้งหมดออกไปเลยดีไหม จู่ ๆ แขนก็ถูกดึงจนเซ ฉันนิ่วหน้า ถึงจะไม่ล้มลงไปแต่ตรงที่ถูกจับก็เจ็บอยู่ดี
“นี่----”
“ผมไม่สน”
เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขามีใบหน้าแบบนี้
“คุณเคยทิ้งผมไว้กับความทรงจำแล้วหายไป ตอนนี้ก็ยังจะทำมันอีกครั้ง มันอาจจะเป็นแค่เกมของคุณ แต่การที่ทำให้ผมเหมือนเป็นคนบ้าแบบนี้
...คุณไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไง?”
“โชโตะ” ฉันเม้มปาก พยายามสะบัดมือออก ทว่ายิ่งขัดขืนเท่าไหร่เขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นเท่านั้น
“ไม่ใช่ว่าคุณเคยบอกเหรอครับ”
โชโตะยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนมากจนน่าหวาดหวั่น
“ไม่ว่าผมจะเป็นวิลเลินหรือฮีโร่
คุณก็ยังชอบน่ะ”
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
nostalgia - มีรากศัพท์จากภาษากรีซ โดยเกิดจากการผสมคำคือคำว่า “nosto” แปลว่า “Homecoming” หรือการกลับบ้าน กับความว่า “algos” แปลว่า “pain” หรือความเจ็บปวด
*เพิ่มเติม* หมายถึงการรำลึกหรือนึกถึงสิ่งต่าง ๆ ในอดีตซึ่งในปัจจุบันไม่มีสิ่งนั้นอยู่แล้ว
จิ้มเพื่อดูข้อมูล
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
นักเขียน : ฤดูร้อนปีต่อมาที่ว่าคือหลังดูดอกไม้ไฟด้วยกัน เปลี่ยนจี้ให้ยัยโช(จากโลมาที่นัตสึโอะให้เป็นผีเสื้อตามชื่อโช) → นายน้อยมาเจอ (แน่นอนว่าหายนะ) → ตื่นมาและไปทวงจี้คืน และโดนบอกว่าทิ้งไปแล้ว
→ เจอออลไมท์
และก็ไปอยู่ฝั่งฮีโร่
ปล. ครึ่งหลังมีเซอร์ไพรส์ล่ะ!(´◔౪◔)
*หัวเราะ*
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
เซอร์ไพรส์!!
ความคิดเห็น