NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #40 : [Route : HERO(?)] Iktsuarpok (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      261
      2 ธ.ค. 62


    การมีอยู่ของเธอกลายเป็นเรื่องใหญ่


    เมื่อขุดค้นประวัติและเจอคดีเมื่อหลายปีก่อน เด็กผู้หญิงที่รอดจากระเบิดที่ติดตั้งไว้โดยไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ทั้งยังน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชิคาราคิ โทมูระที่ตอนนี้กลายเป็นอาชญากรที่โลกต้องการตัว

    เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในตอนแรก ก่อนที่ความร้ายแรงจะลดลงมาเมื่อมาตรวจสอบภายหลังแล้วพบว่าเธอไร้อัตลักษณ์ และร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนมาก ทั้งรอยกรีดที่เกิดจากของมีคม รอยฟกช้ำที่เหมือนโดนของหนัก ๆ ทุบ ยิ่งกว่านั้นเมื่อนำไปรักษา หมอยังบอกว่าตอนนี้เธออยู่ในภาวะสูญเสียความทรงจำ

    คล้ายเคสของเอริที่มีอัตลักษณ์พิเศษและถูกจับไปทดลองเพื่อสกัดเอาส่วนหนึ่งไปทำกระสุนลบล้างอัตลักษณ์ชั่วคราว ดังนั้นจึงมีหลายคนบอกว่าเธอเป็นแค่เหยื่อที่ถูกจับเอาไปทดลองเหมือนเอริจนไร้อัตลักษณ์

    เพียงแต่เอริเป็นเบต้า และเธอคือโอเมก้าที่...แปลกไปหน่อย? รอยกัดที่หลังคอหายไปแล้วหลังผ่านไปไม่กี่วัน

    เมื่อไม่มีรอยกัดแล้วกลิ่นยิ่งฟุ้งกระจายมากกว่าเดิม จนต้องกินยาเพื่อระงับไม่ให้มันไปดึงดูดและรบกวนอัลฟ่าคนอื่น

    โอเมก้าบางคนใช้ชีวิตในสังคมลำบากแม้ว่าจะมีอัตลักษณ์ เรื่องถูกข่มเหงก็มีให้เห็นบ่อย ๆ เธอไม่มีทั้งอัตลักษณ์และคนรู้จัก และยังไม่ได้อยู่ในข้อมูลประชากร พวกเขาจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาสถานะของเธอ

    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอรักษาผู้บาดเจ็บที่ได้รับลูกหลงจากการทำลายของโนมุทั้งที่ถูกตัดสินว่าไร้อัตลักษณ์

    แค่พริบตาเดียว ไม่ได้สัมผัส อาการบาดเจ็บพวกนั้นหายไปในพริบตา ร่างกายกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด

    พวกเขาสงสัยในตัวเธออีกครั้ง เริ่มทดสอบทั้งด้านการรักษาและการช่วยเหลือ การจำลองเหตุการณ์ภัยพิบัติ

    ผลการทดสอบทำให้ทั้งหมดต้องนิ่งงัน


    เมื่ออัตราการทำสำเร็จคือร้อยเปอร์เซ็นต์




    (1)



    เพราะเธอเป็นตัวอันตราย

    ดังนั้นจึงต้องมีคนคอยควบคุม



    ในวันที่อากาศร้อน โทโดโรกิ โชโตะถูกเรียกตัวไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมฮีโร่

    เมื่อมาถึงเขาก็ถูกเชิญไปยังห้องรับรอง ฝ่ายตรงข้ามที่จำได้ว่าเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมเริ่มกล่าวทักทายเขา ก่อนจะเริ่มถามถึงเหตุการณ์ตอนที่พบเธอครั้งแรกอีกครั้ง พบกันได้ยังไง? รู้จักกันมาก่อนหรือ?

    ก่อนที่จะถูกเรียกตัวมาแบบนี้ อีกฝ่ายก็คงรู้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นโทโดโรกิจึงไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้ารับ แต่ไม่ได้บอกไปว่าความสนิทนั้นไปถึงขั้นไหน

    เขาเป็นฮีโร่ระดับท็อป ส่วนพ่อก็มีเส้นสายและชื่อเสียงไม่น้อย ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ได้พยายามซักถามอะไรเพิ่มอีก

    “เรามีปัญหานิดหน่อย” เขากล่าว “เธอไม่มีขีดจำกัดในด้านพลังก็จริง แต่ด้านร่างกายไม่ใช่ ดูเหมือนการใช้พลังมากเกินไปจะส่งผลกระทบ เวลาฮีทของเธอถูกเร่งให้เร็วขึ้น...เมื่อเร็ว ๆ นี้ ระหว่างการปฏิบัติภารกิจเธอถูกวิลเลินที่เป็นอัลฟ่าจู่โจม”

    โทโดโรกิพยายามจะไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดออกไป แต่สุดท้ายก็ขมวดคิ้ว ไอเย็นเริ่มเกาะที่โซฟา

    “มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ในตอนนั้นไม่มียาระงับฟีโรโมนอยู่เลย พอเราไปถึง ไม่ใช่แค่วิลเลิน แต่เป็นอัลฟ่าทุกคนที่คิดจู่โจมเธอ พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บ”


    เยี่ยม


    โทโดโรกิคลายมือที่กำแน่นออก ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไอเย็นที่เกาะอยู่ในตอนแรกหายไปราวไม่เคยเกิดขึ้น

    “หลังเหตุการณ์นั้นมีข่าวโจมตีอยู่ไม่น้อย เธอเป็นโอเมก้า และพวกอัลฟ่าก็รวมทั้งประชาชนทั่วไป ผลตอบรับมีทั้งด้านลบและบวก พอเธอรู้ข่าวระยะนี้อารมณ์ก็เลยไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่”

    “ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่ายาระงับฟีโรโมนแบบปรกติจะใช้ไม่ได้ผลกับเธอ แบบเม็ดอยู่ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง และแบบฉีดไม่เกินวัน แต่ข่าวดีคือตอนนี้เรารู้วิธีระงับฟีโรโมนของเธอชั่วคราวแล้ว”

    โทโดโรกิถาม “วิธีไหนหรือครับ?”

    “การทำเครื่องหมาย” อีกฝ่ายถอนหายใจ “เหมือนตอนที่เจอครั้งแรก ช่วงที่บนคอเธอยังมีเครื่องหมายอยู่ นอกจากจะไม่มีการฮีทเกิดขึ้นแล้ว กลิ่นฟีโรโมนของเธอยังลดลงไปมาก...อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนนี้”

    โทโดโรกินึกไปถึงรอยกัดที่คอของเธอซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเอาไว้ พลันรสเลือดคาวคลุ้งในปาก ความรู้สึกตีรวนจนแยกไม่ออก ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างความรักกับความเกลียดชังอย่างไหนมันมีมากกว่ากัน

    ความพยายามของเขาถูกปฏิเสธทุกครั้ง

    ผ่านมาแล้วหลายปี ตอนนี้เขาเติบโตขึ้น เป็นฮีโร่อย่างที่เธออยากให้เป็น ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ในขณะที่กำลังจะลืมอดีต ทิ้งความทรงจำนั้นไว้ข้างหลัง เขากลับได้เจอเธออีกครั้งราวกับโชคชะตาเล่นตลก

    มันควรจะพอสักที




    “แต่ข่าวร้าย”




    “จากเหตุการณ์ล่าสุดทำให้เธอไม่อยากอยู่ใกล้อัลฟ่า พวกที่เข้าไปใกล้ทุกคนถ้าไม่โดนหนีก็ถูกไล่กลับมาเสียหมด” ถอนหายใจ “พวกเราก็ทำได้แค่กักตัวเธอไว้ไม่ให้ออกนอกบริเวณจนกว่าช่วงฮีทจะหมด”

    “คุณพูดว่า...ไม่อยากอยู่ใกล้?”

    “ใช่ ไม่อยากอยู่ใกล้ มันไม่ใช่ความหวาดกลัว เธอบอกที่ไม่อยากอยู่ใกล้เพราะไม่ชอบกลิ่นพวกเขา”

    โทโดโรกิเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมา “ขอถามสาเหตุที่เรียกผมมาพบครั้งนี้ได้รึเปล่าครับ”



    “เธออยากพบฮีโร่โชโตะ”



    “คุณเป็นคนแรกที่เธอเอ่ยปากขึ้นมาเองว่าอยากพบ และว่าตามตรง ตอนนี้มีไม่กี่คนที่รู้จักเธอดี ช่วงที่อยู่ยูเอย์คุณก็สนิทกับเธอ ช่วงที่ความทรงจำยังฟื้นไม่ครบแบบนี้การได้อยู่กับคนคุ้นเคยคงจะทำให้รู้สึกหวาดระแวงน้อยลง คุณเป็นคนแรกที่เจอเธอด้วยนี่?”

    “ระดับและพลังที่เธอมีในครอบครองยังเป็นปริศนา ตอนนี้เธอจึงไม่ต่างจากตัวอันตราย ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเธอจะไม่ลุกขึ้นมาอาละวาด ดังนั้นเราจึงหาคนที่สามารถควบคุมและดูแลเธอได้”


    “ตัวเลือกไม่ได้มีเพียงแค่ผมใช่ไหม?”


    “แน่นอน ฮีโร่โชโตะ เพียงแต่คุณอยู่ในรายชื่อลำดับต้น ๆ เพราะข้อแรกเธอไม่หวาดระแวงในตัวคุณ และข้อสอง เรารู้ว่าคุณรู้วิธีรับมือกับเธอ”

    เขาจิบชา ก่อนจะกล่าวต่อ “ถ้าคุณตกลง เราจะพาไปดูสัญญาและคุยเรื่องสิทธิพิเศษต่อจากนี้ คุณมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ พวกเราไม่สามารถบังคับคุณได้ อันที่จริงนิสัยของเธอตอนนี้ก็ค่อนข้างมีปัญหาเล็กน้อย...”


    ‘โชโตะ’


    โทโดโรกิสูดลมหายใจลึก ไล่เสียงในหัวออกไป แต่ภาพความทรงจำแสนสุขพวกนั้นก็ยังคงชัดเจน

    “ถ้าผมปฏิเสธ?”

    “เราคงต้องหาคนมาแทนที่ ซึ่งก็ต้องเป็นคนที่เข้าใกล้เธอได้มากพอ ๆ กับคุณ” อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ “ตอนนี้มีอยู่หนึ่งคนที่เข้าข่ายข้อนั้น โชคดีในโชคร้ายที่เขามาเจอเธอในช่วงฮีทพอดี เราจึงได้รู้ว่าใครคือคู่แห่งโชคชะตาของเธอ”

    คู่แห่งโชคชะตา

    ไม่ต่างจากด้ายแดงที่ผูกสัมพันธ์



    ชื่อถูกเอ่ยออกมา




    “ยากิ โทชิโนริ

    สัญลักษณ์แห่งสันติภาพคนก่อน”



     

    หัวอื้ออึง ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป

    ความพยายามทั้งหมดพังครืนลงมาในชั่วพริบตา



    ทำไมโชคชะตา...ถึงได้โหดร้ายแบบนี้กัน






    ----------






    ว่างเปล่า

    ในหัวมัน...ว่างเปล่าไปหมด




    “คุณ...




    ‘เธอเป็นใคร’


    คล้ายหลงลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ

    บนใบหน้ารับรู้ถึงฝ่ามือหยาบที่แนบชิด

    มือนั้นสั่น เกลี่ยไปบนใบหน้า แผ่วเบาทว่าก็เพียงพอแล้วต่อการปลุกให้ตื่น ฉันลืมตา แต่ก็โดนแสงแรกส่องเข้าตาจนแทบลืมไม่ขึ้น ต้องปรับสายตามองอยู่นานกว่าที่จะเห็นใบหน้าเจ้าของมือได้ชัด ๆ

    ผมสองสี ดวงตาเหมือนอัญมณีที่หมองหม่น

    ฉันพยายามค้นหาคนคนนี้ในสมอง คิดว่าใบหน้าโดดเด่นแบบนี้ถ้าเคยพบเห็นสักครั้งคงจะจำติดตาไปนาน...แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่ใช่แค่ไม่พบเขา แต่ก็ไม่พบคนอื่นด้วย

    ไม่มีใครเลย



    “โชซัง?”



    ริมฝีปากนั้นกำลังเปล่งชื่อของใครบางคนออกมาด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ภาพของฉันสะท้อนในดวงตาสั่นไหวชัดเจน ชื่อ โช ที่เอ่ยออกมานั้นคงกำลังหมายถึงฉัน ว่าแต่...ฉันชื่อโชงั้นเหรอ? ทำไมถึงจำไม่ได้เลยล่ะ

    “ขอโทษนะ...” ปั้นรอยยิ้มอย่างยากลำบาก ทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจ้องมาก ๆ “...เรารู้จักกันงั้นหรือคะ?”


    “คือว่าฉัน...จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ”


    ดูจากสายตา เขาต้องรู้จักฉันแน่ ๆ

    แต่ว่ารู้จักถึงขั้นไหนกันนะ? ผิวเผิน? เพื่อน? เพื่อนสนิท? หรือว่าเป็นครอบครัว? ถ้าไม่สนิทกันมากเขาก็คงจะเฉย ๆ และถ้าสนิทกันเยอะกว่านั้น ระดับความเจ็บก็คงจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย แต่มันก็คงจะหายไปในเวลาไม่นาน…

    ทว่าผิดคาด


    ที่ในดวงตาของเขา

    ความเจ็บไม่ได้ลงลงไปเลย





    (00)


    ยังไม่ทันได้รู้จักกันมากกว่านี้


    ฉันก็ถูกคนสองสีจับส่งให้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มสมาคมอะไรสักอย่าง ถ้าจำไม่ผิด….น่าจะสมาคมฮีโร่?

    พวกเขาบอกว่า ‘เราจำเป็นที่จะต้องกักตัวเธอเอาไว้ หวังว่าคงจะเข้าใจ’ ฉันทำได้แค่พยักหน้าเออออไปอย่างนั้น และคิดว่าถึงจะค้านไปก็น่าจะไม่มีผลอยู่ดี เพราะในขณะที่เขาพูด ข้อมือฉันก็ถูกล็อคด้วยกุญแจมือเรียบร้อย

    ห้องที่สอบสวนเป็นห้องสี่เหลี่ยม มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้สองตัว ไม่มีหน้าต่างให้ชมวิวข้างนอก ไม่มีนาฬิกาบอกเวลา

    พวกเขาบอกว่าจะมีคนมา ‘สอบสวน’ เรื่อย ๆ

    ผู้สอบสวนที่หนึ่งเป็นผู้ชายร่างผอม ใบหน้าแหลมและยิ้มอยู่ตลอด เขานั่งลง จากนั้นเริ่มถาม เธอเป็นคนจากไหน พ่อแม่เป็นใคร จำอะไรได้ไหม แน่นอนว่าเพราะไม่มีอะไรในหัวเลยฉันก็เลยตอบไปว่า “ไม่รู้” ทุกครั้ง

    การถามกินเวลาไปนาน

    รอยยิ้มของอีกฝ่ายหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    พอเขาลุกขึ้น ฉันร้องเฮในใจ สอบสวนเสร็จสักที จากนี้ก็คงเป็นเวลาพักสินะ เริ่มหิวแล้วสิ แสบท้องไปหมด

    พอเขาเดินมาด้านข้าง ฉันรีบยื่นมือไปข้างหน้า “รีบปลดกุญแจมือเถอะค่ะ” ฉันเจ็บข้อมือไปหมดแล้ว-----



    โลกหมุนเคว้ง



    เมื่อขาเก้าอี้ถูเตะอย่างแรงจนมันล้มลง

    ทั้งเก้าอี้ ทั้งคนที่นั่ง

    ดีที่เอาแขนมากันศีรษะไว้ทันมันถึงไม่กระแทกพื้นจนความจำหายไปอีกรอบ ทว่าเข่าและตัวที่กระแทกเต็ม ๆ มันเจ็บไปหมด ชุดของฉันมันเป็นชุดกระโปรงสีขาว พอล้มลงกระโปรงก็เลิกขึ้น เห็นเข่าที่กระแทก...ถลอกจนเลือดซิบ


    “เป็นแค่โอเมก้า”


    เสียงแทบกระซิบทว่าได้ยินชัดเจน น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั้นชวนให้นึกถึงคนที่มักระบายอารมณ์ใส่สิ่งของ

    “อย่าบังอาจมาสั่ง”

    เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ลืมกระทั่งการหายใจ แขนที่ยกขึ้นกันศีรษะขยับมาปิดบังหน้าเมื่อเห็นเงาขยับเข้ามาใกล้ ผู้ฟังที่ดีควรสบตา แต่ตอนนี้ฉันกลับลืมมารยาทข้อนั้นไปหมดสิ้น ในหัวเหมือนรวนไปหมด

    แขนถูกดึงขึ้นมานั่งอีกครั้ง


    “โอ้ ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันสะดุดขาเก้าอี้น่ะ”


    เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ฉันก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นไปมอง

    ตรงชายกระโปรงมีรอยเท้านิดหน่อย

    มือสั่นจนรู้สึกได้

    หรือบางทีอาจจะทั้งตัว


    รสเค็มปร่าคลุ้งอยู่ในปาก


    เลือด

    ไม่ใช่อาหารเช้าที่ดีเลยสักนิด





    (0.1)


    การสอบสวนยังดำเนินต่อไป

    เหมือนเล่นเกม บางวันก็มีการสับเปลี่ยนผู้สอบสวนเป็นคนใหม่บ้าง ถูกพาให้ออกไปเดินเล่นบ้างเผื่อจะกระตุ้นความจำอะไรขึ้นมาได้ โชคดีที่วันนี้ผู้สอบสวนใจดี ถึงจะหน้าบึ้งไปหน่อยแต่ก็ไม่เหมือนคนเมื่อวาน

    เขาได้รับคำสั่งให้พาฉันไปเดินเล่นในเมือง

    โอกาสหายากในรอบหลายวัน แต่เอาตามตรงก็ไม่อยากจะออกมานัก พอชุดเดรสที่ใส่ตัวแรกถูกฉีกไม่เหลือชิ้นดี ฉันก็เลยได้ทิ้งมันไปแล้ว หลังจากนั้นเสื้อผ้าก็ถูกเปลี่ยนให้ใหม่ จะว่าไงดีล่ะ ของมือสองน่ะ บางตัวก็เก่าและมีกลิ่นเหมือนไม่ได้ซัก พอดูตัวเองในกระจกแทบดูไม่จืดเลย

    รับรู้ถึงสายตาที่มองตามมา

    ฉันก้มมองพื้น เดินตามผู้คุม


    “เฮ้ย นึกอะไรได้บ้างหรือยัง!”

    “ขอโทษค่ะ”


    เบียดเสียดแออัด

    คนเยอะจนเวียนหัว

    ฉัน--------



    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”



    เสียงกรีดร้องของผู้คน

    เมื่อสัตว์ประหลาดเข้าโจมตี



    “ช่วยด้วย!! ฮีโร่!! ใครก็ได้!!”


    ฉันนิ่งงัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีรอบข้างที่เคยเบียดเสียดแออัดก็ว่างเปล่า พื้นที่แหวกออกกว้าง หลากหลายผู้คนที่ดูเหมือนฝูงมดรีบวิ่งหนีตึกที่ถล่มจากการโจมตีของสัตว์ประหลาด กรีดร้อง ตื่นตระหนก

    หนึ่งในนั้นรวมทั้งผู้คุมที่รักตัวกลัวตาย ทิ้งฉันไว้ในพื้นที่ของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่มีสมองเละๆ ถล่มตึกลงมาสร้างความเสียหาย


    “นั่นไง! ฮีโร่เดกุมาแล้ว!”


    ทันใดนั้นฮีโร่ก็ปรากฏกาย

    ไม่รู้ว่านี่เป็นผลจากการพยายามรื้อฟื้นความจำฉันหรือเปล่า หลายวันมานี้ก็เลยเริ่มนึกขึ้นมาได้

    เรื่องราวของเด็กแปลกหน้าที่คล้ายหนังเรื่องหนึ่ง เขาไร้อัตลักษณ์ แต่ต่อมาก็ได้เจอฮีโร่ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ได้พลังมา พัฒนาไม่หยุด ไม่ท้อต่ออุปสรรค มีเพื่อนที่ร่วมต่อสู้ไปด้วยกันเพื่อปราบเหล่าร้าย


    “เขาชนะมันแล้ว! แข็งแกร่งชะมัดเลย!”


    สุดท้ายทุกอย่างจะจบลงอย่างมีความสุข

    ฉันมองไปรอบข้าง เห็นดวงตาเป็นประกายของผู้คน เสียงยกย่องและอวยชัยราวกับว่าไม่เคยมีสายตาดูถูกฉัน


    ‘เป็นแค่โอเมก้า’



    มีผู้บาดเจ็บจากการโดนซากตึกถล่ม

    ครอบครัวของผู้บาดเจ็บกำลังร่ำไห้เสียใจ ภรรยากอดสามี ลูกกอดพ่อที่ชุ่มไปด้วยเลือด เสียงร้องเรียกฮีโร่และพยาบาลดังสนั่นปะปนแทบแยกไม่ออก

    อะไรสักอย่างทำให้ฉันเดินเข้าไปใกล้


    ‘เอ๊ะ เธอ!’

    ‘หล่อนคิดจะทำอะไร’

    ‘โอเมก้านี่...’



    มองข้ามเสียงทั้งหมด

    แตะมือที่ร่างชุ่มด้วยเลือดนั้น



    “...ฉันจะอวยพรคุณค่ะ...”



    เพียงพริบตา

    อีกฝ่ายกลับไปอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด



    “ฉันจะอวยพรคุณ...”



    แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนก็ต้องอวยพรฉัน

    ให้ความยินดีของพวกคุณดึงฉันออกไปจากที่นี่ที






    (0.2)



    เสียงกรีดร้องยินดีเมื่อเจอผู้ช่วยชีวิต

    แม้จะเป็น ‘โอเมก้า’ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป



    “ได้โปรดมากับเราหน่อยได้ไหมครับ”



    ความสุภาพและรอยยิ้มอ่อนน้อม

    เมื่อมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ





    “เราต้องการพลังของคุณ”






    การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

    มันก็ง่ายนิดเดียว















    -------------------------



    [Route : HERO(?)]



    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


    แงงงงงง เราเอ็นดูน้องนะคะ ( TДT)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×