NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #41 : ethereal [ปิดรับ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      277
      14 มี.ค. 63


    (0.3)


    พวกเขาเริ่มให้ฉันช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ


    อย่างช่วยคนที่ติดอยู่ในซากตึกถล่ม รักษาผู้บาดเจ็บ แล้วบางครั้งฉันก็ได้ไปท่องเที่ยวข้างนอก

    มีครั้งหนึ่งที่ได้ไปพื้นที่หิมะ อุณหภูมิติดลบจนขนตาเป็นน้ำแข็ง ที่สำคัญ...พวกเขาให้ฉันเดินไปคนเดียว ชั่วร้ายมาก! คุณกล้าปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ให้เดินท่ามกลางหิมะสูงถึงเอวได้ยังไง!

    พอมือเริ่มเย็นจนชา แข็งจนขยับตัวไม่ออก...ผลก็เลยออกมาตูม! เผลอระเบิดหิมะรอบตัวจนกลายเป็นพื้นที่โล่ง โชคดีแบบสุด ๆ ที่พอเอาหิมะออกไปแล้วก็หาผู้ประสบภัยพบทันที

    แน่นอนว่าในเมื่อมาคนเดียว ขากลับก็ต้องเป็นฉันที่แบกเขากลับไป โฮ วันนี้ดวงซวยจริงๆ!

    จำได้ว่าชวนคุยไปเยอะมากแต่ก็ไร้การตอบรับกลับมา ก็เลบคิดในแง่ดีว่าคงหิวจนพูดไม่ออกแน่ ๆ หรือไม่ก็คงเหนื่อยจนพูดไม่ได้ จมอยู่ในหิมะนานขนาดนั้น ตัวก็เย็นเฉียบอีกต่างหาก

    พอฉันกลับไป เหล่าฮีโร่อาสาสมัครก็มารุมล้อมเช็คชีพจรของผู้ประสบภัย

    พวกเขาต่างตัวใหญ่เหมือนกำแพงหิน ฉันที่ถูกดันออกมาเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปยุ่งในเมื่อช่วยมาได้แล้วจึงปลีกตัวออกมา ปัดหิมะที่เกาะตามตัวออก ข้างนอกหนาวจริงๆเลย!

    พอจะไปหาโกโก้ร้อนมาดื่ม ไหล่ก็ถูกสะกิดเรียก อีกฝ่ายมีสีหน้าทะมึนขณะชี้ไปยังร่างของผู้ประสบภัย


    “เขาไม่หายใจแล้ว”


    เขาว่า


    “ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาที”


    ฉันกะพริบตา ครั้นจะบอกว่าขอทางไปหาอะไรดื่มก่อนก็ถูกล้อมไว้หมด

    พวกเขาที่ถูกเลือกมาทั้งหมดล้วนเป็นเบต้า เพราะสาเหตุที่ว่าฟีโรโมนของโอเมก้าอย่างฉันมันมักไปกระทบอัลฟ่าบ่อย ๆ แต่สำหรับฉัน ไม่ว่าจะใครก็น่ากลัวเหมือนกัน

    ช่างเถอะ

    ด้วยความหิว ฉันก็เลยรีบทำให้เขาฟื้น

    บางคนดวงตาเป็นประกายแบบที่ไม่เข้าใจ พอหมดธุระให้ช่วยแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนใจฉันอีก

    “กลับวันนี้ตอนเย็นใช่หรือเปล่าคะ?”

    “ใช่’ ตอบเสียงห้วน “แล้วก็พรุ่งนี้มีนักข่-----”

    ก่อนจะถูกเพื่อนฮีโร่ตะครุบปิดปาก

    “ไม่มีอะไร!” เขาว่า “วันนี้เธอทำงานเยอะแล้ว ไปพักเถอะ เดี๋ยวตอนจะกลับเราจะให้คนไปปลุก”

    “ใช่ ๆ ไปนอนเถอะ”

    “ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว!”

    “ไปสิ”

    ฉันกะพริบขนตาน้ำแข็ง พวกเขาดูเป็นห่วงเกินกว่าที่คิด ตอนที่จะส่งฉันออกไปตามหาผู้ประสบภัยก็ไม่ได้พูดมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ

    แอบสงสัยนิดหน่อย แต่ฉันก็คร้านเกินจะถาม จึงพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนของที่พัก

    ล้มตัวนอนบนฟูกแข็ง ๆ จามหลายครั้งเมื่อฝุ่นเข้าจมูก พวกเขาบอกว่าห้องที่นี่ไม่พอจำนวนคน ฉันก็เลยต้องมานอนห้องใต้หลังคาอย่างช่วยไม่ได้ คิดในแง่ดี พวกเขาคงไม่อยากให้ฉันเป็นอันตรายก็เลยให้นอนแยก

    ฉันนึกถึงที่นอนอุ่น ๆ นึกถึงอาหารอร่อย ๆ เสื้อผ้าที่ดีกว่าเสื้อกันหนาวตัวบางที่สวมตอนนี้

    ตอนเย็นก็จะได้กลับแล้วน่า

    พอคิดแบบนั้นก็รีบข่มตานอนให้หลับ




    ......




    ตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน


    นาฬิกาเก่า ๆ ในห้องบอกเวลาเกือบสิบโมง

    พอลงมาข้างล่างก็เห็นแค่โทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ ฉันไม่ได้สนใจมันและกลับขึ้นไปชั้นบน เคาะประตูเรียกทีละห้อง แต่ทุกห้องก็เงียบ ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจนผิดปรกติ ฉันจึงเปิดประตูเข้าไป...และเห็นห้องที่ว่างเปล่า

    ฉันกะพริบตา ทำอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง เห็นโทรทัศน์กำลังฉายข่าวเด่นอยู่


    ‘กลุ่มฮีโร่ZZZ ระดมความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศA หนึ่งในผู้รอดชีวิตคือลูกชายเจ้าของบริษัท…..’


    ภาพตัดมาที่การสัมภาษณ์

    มีนักข่าวถามหนึ่งในกลุ่มฮีโร่ว่ารู้สึกยังไงกับงานที่ยากขนาดนี้ พวกเขาใช้วิธีอะไรในการหาผู้ประสบภัยจนเจอ

    ฉันมองตาไม่กะพริบ

    คนในทีวีช่างคุ้นหน้าคุ้นตา


    ‘พวกเราตามหาเขาไม่หยุด----’


    ฉันเดินไปที่ครัว เห็นช็อกโกแลตเหลืออยู่นิดหน่อย


    ‘ได้ยินว่าการค้นหาครั้งนี้มีโอเมก้าไปด้วยนี่คะ?’

    ‘ฮะฮะ อากาศหนาวเธอก็เลยป่วยน่ะ เราก็เลยให้เธอพักที่ที่พักระหว่างที่พวกเราออกไปหาผู้ประสบภัย...’

    ‘แปลว่าเธอไม่มีส่วนในการช่วยเหลือหรือคะ?’

    ‘เรื่องนั้นจะพูดออกมาได้ยังไง’


    เสียงหัวเราะในจอกึกก้อง

    ฉันกินช็อกโกแลตที่เหลือจนหมด ขึ้นไปเอาผ้าห่มหนา ๆ ที่พวกเขาใช้มาพันรอบตัวตัวเอง สวมรองเท้าก่อนจะออกไปเล่นหิมะด้านนอกแม้ว่าอุณหภูมิจะติดลบ

    ใช้มือที่ซีดไร้สีเลือดปั้นหุ่นสโนว์แมนตัวใหญ่ เติมตากับปากด้วยกระดุม ผ้าพันคอ กิ่งไม้ปักเป็นแขน

    ยิ้มให้ผลงาน ก่อนจะทรุดลงนั่งตรงนั้น ขดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ไม่ได้ช่วยกันความหนาวเลยสักนิด

    คงหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงปลุกแน่เลย



    “...คิดในแง่ดีเข้าไว้...”


    น้ำตากลายเป็นหยาดน้ำแข็งก่อนที่จะตกลงมา







    (0.4)


    ระหว่างการช่วยงานหนึ่ง

    จู่ ๆ คนรอบข้างก็เกิดเป็นบ้าขึ้นมา

    ทั้งวิลเลินและคนที่ถูกสั่งมาให้ช่วย พวกเขาจับจ้องมาที่จุดเดียว ดวงตากระหาย มองฉันราวเป็นเหยื่ออันโอชะ

    เสียงเสื้อถูกฉีกเสียดแทงหู

    ต้นคอถูกจับไว้แน่น


    เขี้ยวพร้อมจะฝังลงมา


    คนได้เปลี่ยนเป็นสัตว์ป่าในฤดูผสมพันธุ์




    “อย่าเข้ามานะ!”




    อย่างสมบูรณ์






    (0.5)


    มีคนมาช่วย

    เป็นผู้ชายร่างผอมแห้ง ใบหน้าซูบเหมือนคนป่วย จุดเด่นอยู่ที่ดวงตาสีฟ้า และผมด้านหน้าที่ดูคล้ายกระต่าย

    ในวินาทีที่เราสบตากัน



    “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”



    ความรู้สึกอันแปลกประหลาดเริ่มก่อตัว มากขึ้นเรื่อย ๆ จนล้นเอ่อ อัดแน่นข้างในจนทำให้อยากร้องไห้ขึ้นมา

    ‘เธอ..คงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับวิลเลินพวกนั้นใช่ไหม?’


    ม้ว่าฉันจะไม่รู้จักเขาก็ตามที





    (0.6)


    ฮีทเป็นอะไรที่น่ารำคาญ

    คล้ายอาการเป็นไข้แต่ไม่ใช่ อยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตัวร้อน เดินเซ และบางครั้งอาการเวียนหัวก็จะตามมาสมทบ

    คุณหมอเบต้าบอกว่าอาการฉันมันแปลกไปจากโอเมก้าปรกติเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองคนที่ช่วยฉัน ได้ยินเธอพึมพำว่า ‘ดีแล้ว’ ก่อนจะให้ยามาทาน

    พอกินไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นคุณหมอก็เดินนำไปห้องพักผู้ป่วยที่อยู่แยกมา เธอบอกว่าติดต่อกับทางสมาคมแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะมารับ ให้รออยู่ในห้องนี้ไปก่อน ถ้าขาดเหลืออะไรสามารถแจ้งได้

    ฉันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เข้าไปนอนเล่นในห้องพักผู้ป่วยที่เป็นห้องอย่างหรู ล้มตัวลงบนเตียง และ...ชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูตามมาด้วยร่างของผู้มีพระคุณ

    “ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะคะ” ฉันลุกขึ้นมานั่งดี ๆ ขยับยิ้ม “ถ้าไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ตอนนั้นฉันต้องแย่แน่ ๆ”

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เขาตอบด้วยเสียงที่ติดจะแผ่วเบา “...มันเป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำอยู่แล้ว....”


    ฮีโร่?


    แต่ฮีโร่ที่เจอส่วนมากไม่ผอมแห้งดูอ่อนแอแบบนี้นี่? เป็นแค่คนธรรมดางั้นเหรอ? อืม...แต่ก็ดูจะไม่ถูก

    หงุดหงิด

    ฉันมองท่าทางเหมือนคนมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็เงอะงะอยู่แบบนั้น ถามไปว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    เขาเม้มปาก “ฉันได้ยินมาว่าเธอความจำเสื่อม”

    อา...คนรู้จักนี่เอง

    “ค่ะ” ฉันส่งยิ้มตอบกลับไป “จำอะไรไม่ได้เลย ส่วนชื่อ...เคยมีคนเรียกฉันว่าโช ถูกไหมคะ?”

    “ตอนที่เจอกันครั้งแรกเธอแนะนำตัวอย่างนั้น” ใบหน้าชั่วขณะดูเศร้า “ฉันยากิ โทชิโนริ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    ‘ฉันอยู่นี่แล้ว’

    “เป็นอะไรรึเปล่า? สีหน้าดูไม่ดีเลย”

    ‘ไม่เป็นอะไรแล้วนะสาวน้อย’

    “เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร...” ฉันส่ายหน้า คลึงขมับ ในหัวคล้ายมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาอยู่ตลอดเวลา อื้ออึงไปหมด “ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะยากิซัง”

    เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน


    ออลไมท์...ตอนที่ยังเป็นฮีโร่ เธอเรียกฉันว่าออลไมท์


    ‘ออลไมท์!’

    ‘ทำไมชอบฝืนตัวเองนักคะ?’

    ปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว

    คลื่นไส้

    สีหน้าคงแสดงออกเด่นชัดมากเกินไป อีกฝ่ายรีบเดินเข้ามาดูอาการอย่างเป็นห่วง กลิ่นของอัลฟ่าคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เป็นกลิ่นหอมที่ชวนสงบและให้ความรู้สึกสบายใจ...ทว่าเสี้ยวหนึ่งก็ชวนให้รู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา

    อยากอยู่ใกล้

    พอ ๆ กับที่อยากจะหนีไปให้ไกล


    “อย่านะ...อย่าเข้ามา”


    เบี่ยงหน้าหลบมือของเขา



    “...ได้โปรด...”



    ฉันร้องไห้

    ร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไร หัวใจบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก สะอึกสะอื้นจนตัวโยนขณะที่ขยับตัวชิดกับขอบเตียง ขดตัวเหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่าง แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกันไว้

    ทั้งความอบอุ่นจากฝ่ามือคู่นั้น ทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทั้งคำพูดที่ช่วยเยียวยาจิตใจ



    “ได้โปรด...อย่าทำร้ายฉัน...”



    เสมือนว่าทั้งหมดนั้นของคุณ

    ครั้งหนึ่งเคยทำร้ายฉันมาก่อน





    (0.7)


    พวกเขามอบ ‘บ้าน’ ให้ฉัน

    พวกเขามอบ ‘เสื้อผ้า’ ให้ฉัน

    พวกเขามอบ ‘เงินตรา’ ให้ฉัน


    มันคือการแลกเปลี่ยน


    อืม...ก็ไม่ได้แย่? บ้านขนาดสำหรับพอให้คนสองคนอาศัยอยู่ ข้างนอกมีแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ข้างในบ้านก็ประดับเฟอร์นิเจอร์ประดับไว้แล้วเรียบร้อย มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอน

    ฉันพอใจกับห้องนอนมากเป็นพิเศษ โทนสีครีมในห้องดูสบายตามาก ที่สำคัญ...เตียงหนานุ่มสุดๆ!  

    ซุกอยู่บนเตียงไปครึ่งค่อนวัน ตื่นขึ้นมาตอนสาย ทำธุระรวมถึงอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจึงลงไปด้านล่าง เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เพื่อไม่ให้บ้านเงียบเหงาขณะเหยียดกายนอนบนโซฟา เล่นเกมแก้เบื่อในมือถือ

    ในโทรศัพท์เครื่องนี้นอกจากเกมหลากหลายแล้วยังมีเมล์ของพวกฮีโร่ และเบอร์โทรศัพท์ของคนในสมาคมอีกต่างหาก พวกเขามอบมันให้ฉันพร้อมบ้านหลังนี้ ทำหน้าตาจริงจัง กำชับอย่างดิบดีว่าถ้าโทรไปต้องรับสาย เมล์ไปก็ต้องอ่าน

    ฉันพยักหน้า ส่วนเรื่องจะทำหรือไม่นั้น...หึ!


    ทำ


    พวกเขาคือคนจ่ายค่าบ้าน ค่าเสื้อผ้า ค่าจิปาถะต่าง ๆ ยังไม่รวมเงินที่ต้องมอบให้ฉันซื้อกินซื้อใช้ในแต่ละวัน ถ้าไม่ทำแล้วจะอยู่ยังไง!  

    ถึงจะไม่มีปัญหากับการเสกบ้านสักหลัง เสื้อผ้าสักตัว หรือของใช้อื่น ๆ แต่นั่นก็ดูจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ การปะทะกันเพราะข้อหา ‘ใช้อัตลักษณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต’ คือเรื่องไร้สาระ ดังนั้นยอม ๆ ไปเถอะ

    เล่นเกมไปได้สักพักก็กดออกเมื่อเห็นเมล์เข้ามา...จากสมาคม ฉันกดอ่าน เนื้อหาย่อหน้าแรกกล่าวแสดงความเป็นห่วงในเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ของฉัน และย่อหน้าสุดท้ายบอกว่า ‘ดังนั้นจะมีคนมาคอยดูแลคุณ’

    อ่านจบ พอดิบพอดีกับที่ออดประตูบ้านดัง

    วางโทรศัพท์ลง สูดลมหายใจลึก ผ่อนออก ก่อนจะขยับยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเดินไปเปิดประตูต้อนรับ

    แขกผู้มาใหม่เป็นผู้หญิง รูปร่างผอมและสูงกว่าฉันมาก ใบหน้าดูใจดีคล้ายประเภทพี่สาวในการ์ตูน เธอมองดูรูปในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองฉันคล้ายเทียบว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า พอรู้แล้วก็ยิ้มกว้าง


    “ยินดีที่ได้พบค่ะ ฉัน ‘ทานากะ ฮานะ’ จากนี้ไปจะมาเป็นผู้ดูแลคุณ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”


    ไม่ได้กลิ่นแสบจมูก คงเป็นเบต้า

    “เอ่อ...แล้วคุณ….?”

    พอคิดว่าต่อแต่นี้ที่พักอันแสนสงบสุขจะไม่ได้มีเพียงแค่ตนเองอีกต่อไป ฉันก็อยากจะปิดประตูลงเสียตอนนั้น แต่ก็ติดในเรื่องของมารยาทและข้อความ ‘เป็นห่วง’ จากเบื้องบน ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มกลับไป


    “โชค่ะ...เรียกฉันว่าโชก็ได้”




    ….




    อาศัยอยู่คนเดียวมาตั้งนาน จู่ๆ มีคนเพิ่มมาหนึ่ง ถึงภายนอกจะยิ้มยินดีแต่ในใจไม่ใช่แน่นอน

    มองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ข้างกายคือกระเป๋าบรรจุสัมภาระเหมือนจะย้ายมาอยู่ ใจก็เหมือนจะร้อนรุ่ม คิดอยากจะทำตัวเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนขึ้นมา ฮึ่ม! ที่พักนี่คือเขตปลอดภัยของฉันนะ!

    ไม่ได้อยากให้ใครเข้ามาสักหน่อย!

    “น้ำค่ะ” วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเรียบร้อย “ขอโทษนะคะที่ไม่มีชาเลย ฉันไม่ค่อยได้ออกไปไหนน่ะ”

    ถึงอยากจะเกรี้ยวกราดใส่ แต่...จะทำได้ไงล่ะ


    ช่างเถอะ


    “บ้านหลังนี้มีสามห้องนอน แต่ห้องทางซ้ายสุดเป็นของฉัน ขอแค่ไม่เข้าไปยุ่งกับมัน อีกสองห้องที่เหลือคุณสามารถใช้ได้ตามใจ” ฉันเหลือบมองกระเป๋าสัมภาระที่เธอแบกมา “จะขึ้นไปดูห้องก่อนก็ได้นะคะ”

    รอยยิ้มของเธอเจื่อนลง ก่อนจะพยักหน้าแล้วขึ้นไปยังชั้นสองของที่พัก ชั่วขณะรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นตัวร้ายที่รังแกนางเอกผู้แสนดี...ทำเกินไปหรือเปล่านะ? ตะ—แต่จุดประสงค์ก็คือไล่เธอออกไปนี่นา!

    ไล่ความคิดออกไปจากในหัว ก่อนจะเดินเข้าครัวหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมา ฉีกซองเทใส่ถ้วย เติมน้ำร้อนและรอจนมันน่าจะกินได้ ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงมาจากชั้นบนพอดี

    ฉันเดินไปนั่งข้างล่าง วางถ้วยบะหมี่ไว้บนโต๊ะเตี้ย ควานหารีโมตและเปิดโทรทัศน์เพื่อไม่ให้เงียบเกินไปอย่างทุกที บะหมี่ซองนี้เป็นรสออกใหม่ที่อร่อยมาก แต่กินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ต้องหยุด เพราะสายตาที่จ้องมาชวนกดดันจริงๆ

    “เอ่อ..” หันไปมองผู้อยู่อาศัยคนใหม่ “ถ้าหิว...ในครัวมีอีกหลายซองนะคะ”

    อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยถามขึ้นมา “คุณกินอาหารพวกนี้เป็นปรกติเหรอคะ?”

    “ก็มันทำง่ายนี่คะ” ฉันตอบ “อร่อยด้วย!” นอกจากการทำงานแล้วอย่างอื่นก็รู้สึกขี้เกียจไปหมด แค่จะออกไปเดินข้างนอกยังต้องคิดแล้วคิดอีก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เลยเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าที่สุด ง่าย ประหยัดเวลา และอร่อย!

    “แบบนั้นไม่ดีนะคะ” เธอส่ายหน้า “ฉันขอยืมห้องครัวหน่อยได้ไหม”

    “เชิญค่ะ” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ อย่างไรเสียก็ไม่ได้ใช้นอกจากต้มบะหมี่กับล้างจานอยู่แล้ว

    กลับมาสนใจอาหารตัวเองต่อ ไม่สนใจเธอต่อไป พอกินเสร็จก็ยกถ้วยไปล้าง คนที่จะยืมครัวดันไม่อยู่ในครัว

    ฉันขมวดคิ้ว ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอจะทำยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ดังนั้นจึงเดินไปปิดโทรทัศน์ หยิบเอาโทรศัพท์ที่วางไว้และกลับขึ้นห้องตัวเอง ล็อกประตูไม่ให้ใครเข้ามา ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มฟู

    เมินมือถือไป ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกฮีโร่คนอื่นเถอะ! ไม่รู้ด้วยแล้ว!

    ปิดเปลือกตาลง ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

    ถ้าทนไม่ไหวก็ออกไปเองนั่นล่ะ




    ….




    ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้าย


    ‘...อย่ากลัวนะ...’


    คล้ายกำลังมองเรื่องราวหนึ่ง จุดเริ่มต้นของเรื่องคือสถานที่รกร้าง พังทลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง

    ท่ามกลางเศษซากนั่นปรากฏร่างของเด็กสาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ส่วนของใบหน้าคล้ายมีหมอกขมุกขมัวปกคลุมไว้ เลือนรางจนไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร ในอ้อมแขนกอดร่างของเด็กคนหนึ่งเอาไว้

    ฉันกำลังจะคิดว่า ‘นี่คงเป็นหนังเศร้าแน่นอน!’ จนกระทั่งผู้ที่ถูกกอดนั้น...ผลักตัวเธอออกอย่างไร้เยื่อใย!

    ‘ไม่ได้กลัวสักหน่อย’ เด็กชาย...ฟังจากน้ำเสียงน่าจะเด็กชาย ‘ฝ่ายที่กลัวควรเป็นเธอต่างหาก’ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่ติดจะหงุดหงิด เพราะมีหมอกปิดใบหน้าไว้เหมือนกันถึงไม่รู้ว่ากำลังมีสีหน้าแบบไหนอยู่

    ‘เอ๋ ไม่นะ?’ เธอหัวเราะ ‘เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำจะต้องเป็นฉันกับเธอที่เจ็บตัวล่ะมั้ง อีกอย่างก็น่าโมโหด้วย อยากจะเอาตัวฉันไปใช้แต่กลับไม่รู้จักปฏิบัติต่อกันดี ๆ ไม่พอยังตีเธออีกต่างหาก แย่ที่สุด!’

    ‘....’

    ‘แม้จะรู้ว่าถึงไม่มีพี่สาวเธอก็เอาตัวรอดได้ ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าเธอมีอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ทนไม่ได้อยู่ดี...’


    เสียงเริ่มเบาลงและเบาลง

    จนแทบไม่ได้ยิน



    ‘สำหรับฉัน-----น้องไค--------’


    กริ๊งงงงงงงงงงง


    เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น

    ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย มือควานหาต้นเสียงก่อนจะเจอโทรศัพท์ที่สั่นครืดและส่งเสียงไม่หยุด ฉันกะพริบตาเพื่อไล่ความพร่ามัวออกไป มองดูหน้าจอโทรศัพท์ที่บอกเวลาเกือบทุ่ม ท้องฟ้าสีเข้มข้างนอกหน้าต่างเป็นหลักฐานบ่งบอกชั้นดีเลยว่าการนอนล่วงเลยมานานแล้ว

    ฉันปิดเสียงมือถืออย่างรำคาญใจ มือหนึ่งนวดขมับ ขณะที่มือหนึ่งไล่ดูเกมทั้งหมดที่อยู่ในเครื่องไปเรื่อย ๆ

    ช่วงนี้ฉันติดเกมมาก และแต่ละเกมก็จะมีให้ล็อกอินโบนัสเมื่อเข้าเล่นเกมเป็นช่วงเวลา ฉันชอบลืมบ่อย ๆ มานึกได้ทีหลังก็เกิดเสียดายทุกที ดังนั้นก็เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้เตือนตัวเองไม่ให้ลืมอีก

    มองดูเกมที่โหลดมา ปลุกเวลานี้ควรเข้าเกมไหนอันแรกนะ? อื้อ...แย่จัง สมองตอนตื่นชอบไม่ทำงานอยู่เรื่อย

    ถ้าอย่างนั้น...ก็ช่างมันเถอะ

    ไม่อยากเล่นแล้วล่ะ


    ลบหมดเลยก็แล้วกัน




    ….




    พอลงไปด้านล่างก็ได้กลิ่นหอมอบอวล


    อาหารหลากหลายวางเรียงรายบนโต๊ะ ผู้ดูแลที่กำลังจัดอาหารพอเห็นฉันก็กระวีกระวาดเชิญให้มานั่งทานอาหารเย็น ใบหน้าปรากฏความไม่สบายใจ “ขอโทษนะคะที่กลับค่ำแบบนี้ พอดีว่าน้องสาวฉันไม่สบายน่ะค่ะ...”

    ฉันมองอาหารด้านหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจคีบเนื้อปลาเข้าปาก ความฉ่ำของเนื้อปลาและความกลมกล่อมของซอสต่างจากอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่เคยกิน “อร่อย!” แทบจะหยุดมือตัวเองไม่ได้ นี่มันอร่อยกว่าบะหมี่อีก!

    ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาถึงเรียกสติกลับมา ฉันมองผู้หญิงที่ทำท่ากลั้นขำเต็มที่ คิดในใจว่าพลาดไปแล้ว! กะจะไล่เธอออกไปแต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็แย่ล่ะสิ ยะ–อย่าปล่อยให้อาหารมาล่อลวงนะตัวฉัน..!

    “ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษก็เลยทำอาหารที่น้องสาวบอกว่าอร่อยน่ะค่ะ” อีกฝ่ายยิ้มเหมือนโล่งอก “ดูเหมือน...จะไม่ได้เกลียดอาหารแบบนี้สินะ”

    มองดูปลาย่างที่ส่องประกายยั่วน้ำลาย ซุปสีใสส่งกลิ่นหอม ฉันชิมไปอีกคำ อร่อยจนแทบจะละลาย!

    “มีน้องสาวด้วยเหรอคะ?” ถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกี้ฉันไม่ได้ไม่ได้หลงอาหารคุณแม้แต่น้อย!

    “ค่ะ เธอเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของฉัน เป็นเด็กดีมาก ๆ เลยล่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้า “แต่เพราะเธอเป็นโอเมก้า บางครั้งก็เลยทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่บ่อย ๆ ….”

    ‘เป็นแค่โอเมก้า’

    บรรยากาศที่ไม่เคยเจอกับตัวเอง

    แม้จะไม่เคยเห็นหน้าน้องสาวที่เธอพูดถึง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าดีจังเลยนะ มีคนที่รักแบบนี้ดีจริง ๆ เลย

    “อันที่จริง ฉันก็มีเรื่องจะพูดกับคุณอยู่เหมือนกัน” ฉันวางตะเกียบลง ละสายตาจากอาหารขึ้นมามองฝ่ายตรงข้ามที่ยังทำหน้างงๆ “ฉันอยู่คนเดียวมานานจนชิน เพราะงั้นพอรู้ว่าต้องมาอาศัยอยู่กับคนอื่นก็รู้สึกแปลกจนนอนไม่หลับ

    ถึงจะดูไร้มารยาทไปหน่อยที่มาพูดแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากัน แต่ว่า...”

    แสร้งทำหน้าลำบากใจ


    “ช่วยย้ายออกไปหน่อยได้ไหมคะ?”


    ถ้าฉันเป็นน้องสาว

    ถูกคนอื่นแย่งคนสำคัญไปแบบนี้คงเสียใจแน่ๆ




    (0.8)


    ชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปแต่ตอนนั้น


    ทานากะซังจัดการงานของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม บ้านที่ไม่เป็นระเบียบในบางครั้งถูกทำความสะอาดจนดีขึ้นผิดหูผิดตา สำคัญคือเรื่องอาหาร พอเธอมาค้นตู้เย็นและพบว่าเกือบทุกวันฉันดำรงอยู่ได้ด้วยอาหารสำเร็จรูป คุณผู้ดูแลก็ทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องร้ายแรง รีบลากฉันออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างนอกทันที

    หลังจากนั้นตู้เย็นก็เต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมากมาย เนื้อ ไข่ ผัก ขนมปัง แยม และขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ ที่ฉันหยิบมาจ่ายเพิ่มด้วยเงินจากฮีโร่ มีเยอะจนคิดว่าถึงไม่ออกไปไหนก็คงอยู่ได้เป็นอาทิตย์

    ฉันชอบนอน รองลงมาก็คือเล่นเกม

    เพราะข้างนอกคนเยอะ สายตาก็เยอะ ทั้งยังมีเสียงซุบซิบน่ารำคาญใจ ดังนั้นนอกจากเวลาที่ถูกเบื้องบนเรียกไปใช้งาน ฉันก็มักจะเก็บตัวอยู่ในที่พัก ขลุกตัวอยู่บนเตียงนุ่ม ปล่อยให้เวลาทั้งวันผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ

    พอผู้ดูแลรู้ เธอก็ไม่ได้พยายามจะบังคับฉันออกไปด้านนอก กลับกันทานากะซังปล่อยให้ฉันอยู่ในบ้านตามใจ เฉพาะบางวันที่มีอากาศดีถึงจะชวนออกไปเที่ยวข้างนอก หลากสถานที่ ทั้งสวนสาธารณะ สวนสนุก และย่านการค้า

    ตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยชุดหลากหลายที่เธอเลือกให้ ไล่เฉดสีอ่อนเข้มอย่างเป็นระเบียบ ยังมีที่เก็บหมวกและแว่นตา ทานากะซังเป็นคนจ่าย แต่แน่นอนว่าเงินที่ใช้ซื้อไม่ใช่ของเธอ ทั้งหมดล้วนมาจากการสนับสนุนของฝ่ายฮีโร่ทั้งสิ้น

    ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็แค่ไปบอกเธอ ผู้ดูแลคนนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางติดต่อไปยังเบื้องบน และหลังจากนั้นของที่อยากได้ก็จะมาอยู่ในมือภายในไม่กี่วัน สะดวก รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อเองเลย

    พวกเขาบอกว่าให้ได้ทุกอย่าง ฉันก็เลยขอดวงจันทร์ไป สิ่งที่ได้มากลับเป็นเซ็ทเครื่องประดับจักรวาลที่ดูประณีตสวยงาม แหวนดวงดาว สร้อยดวงจันทร์ที่เปล่งแสงในความมืด ฮื่อ...ที่อยากได้ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย


    ช่างมันเถอะ


    วันนี้เป็นวันที่อากาศดีทานากะซังก็เลยชวนออกมาเที่ยวย่านการค้าด้านนอก ของอย่างเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยขาด

    ดังนั้นวันนี้ฉันจึงปล่อยให้ผู้ดูแลเลือกซื้อของของตัวเองไป ส่วนฉันก็เดินตาม พักบ้างเมื่อปวดขา ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบเพราะกินยาระงับแล้วเรียบร้อย

    เธอดูมีความสุขฉันก็เลยไม่อยากจะทักท้วง ได้แต่ลากตัวเองเดินตามไปแม้ในใจจะร่ำไห้ไปหลายรอบ โฮ! ฉันเคยทำงานที่ใช้แรงมากที่ไหน วัน ๆ ก็เอาแต่นอนกับเล่นเกม นี่มันหนักกว่างานจัดการโนมุอีกนะ!

    ฉันพิงหลังกับเบาะรถอย่างเหนื่อยอ่อน กว่าการเที่ยววันนี้จะจบลงก็ล่วงเวลามาเกือบบ่าย เพราะผู้ดูแลมีของที่ต้องซื้อมากผิดปรกติ “...แปลกใจจังเลยนะคะที่ถือของเยอะ ๆ แบบนั้นได้”

    “อัตลักษณ์ของฉันสามารถลดน้ำหนักของสิ่งของได้นิดหน่อยน่ะค่ะ เพราะงั้นแค่นี้สบายมาก!” เธอตอบ ดูอารมณ์ดีชัดเจน “ว่าแต่โชจังไม่มีอะไรที่อยากได้เหรอคะ?”

    “ไม่ค่ะ” ฉันส่ายหน้า ของที่ได้มาตอนนี้ก็เยอะจนแทบจะไม่มีที่เก็บอยู่แล้ว “ว่าแต่วันนี้มีอะไรดี ๆ งั้นหรือคะ”

    ว่าพลางหาหนังสือบนรถมาอ่าน ไปสะดุดกับนิตยสารเล่มหนึ่งที่หน้าปกนายแบบเป็นฮีโร่

    “วันนี้เป็นวันเกิดน้องสาวฉันล่ะ”

    วันเกิดนี่เอง “ยินดีด้วยนะคะ”

    “วันเกิดโชจังถ้าอยากได้อะไรก็บอกได้นะ” เงียบไปครู่หนึ่ง “จะว่าไปฉันยังไม่รู้วันเกิดเธอเลยนี่นา”

    ชะงักมือที่กำลังจะพลิกหน้ากระดาษ ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี เพราะกระทั่งหน้าพ่อแม่หรือสถานที่เกิดของตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ยิ่งพยายามหาคำตอบก็ยิ่งพบกับความว่างเปล่า ไร้ร่องรอยใดให้สืบหา

    แต่ถ้าตอบไปว่าไม่มี…

    ฉันคลี่ยิ้ม


    “เสาร์นี้ค่ะ”


    ก็คงถูกมองแปลก ๆ

    ก่อนจะพลิกนิตยสารหน้าต่อไปอย่างไม่มีอะไรผิดสังเกต “แต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองมานานแล้วล่ะ...”

    “ถ้าอย่างนั้นก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้วนี่?!”

    “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย” ฉันว่า

    และคิดว่าถึงจะมีหรือไม่ ก็ไม่เห็นว่ามันต่างจากวันปรกติตรงไหน

    เปิดดูนิตยสารไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้า ‘ผลโหวตฮีโร่ยอดนิยม’

    ฉันนึกไปถึงฮีโร่ที่เคยอ่านในการ์ตูน ฮีโร่พวกนั้นมักทำงานด้วยจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกทำดีไม่หวังผลตอบแทน ช่วยเพราะอยากช่วย...อะไรเทือกนั้น

    ทว่าปัจจุบันนี้ฮีโร่คืออาชีพ

    และพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่จำเป็นต้องกินต้องใช้ มีแค่ใจรักยุติธรรมอย่างเดียวมันไม่พอต่อการใช้ชีวิตบนโลกนี้ คำชื่นชมไม่ใช่อาหารที่ทำให้อิ่ม และคำขอบคุณก็ไม่ใช่ยาวิเศษที่ช่วยให้หายเจ็บจากบาดแผล

    ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งมีผู้ชื่นชอบ

    เปิดไปหน้าต่อไปที่เป็นโฆษณาเครื่องดื่ม รูปของฮีโร่อันดับหนึ่งแปะอยู่ตรงนั้น จะว่าไปแล้วช่วงที่มันออกมาใหม่ ๆ หลายคนก็แห่ไปซื้อกันเยอะแยะ สินค้าหมดสต๊อกภายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าฉันเป็นเจ้าของสินค้าคงยิ้มแก้มฉีก

    ถึงค่าตัวของฮีโร่อันดับสูงจะไม่ใช่น้อย แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าดึงดูดลูกค้าได้ยอดเยี่ยม


    “ทานากะซังก็เป็นฮีโร่ใช่ไหมคะ”


    เอ่ยขึ้นมาระหว่างที่สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง

    ทานากะซังมองนิตยสารที่อยูในมือฉันก่อนจะหันกลับไปยิ้มแห้ง ๆ “ใช่...แต่ก็ไม่ได้อยู่อันดับสูงนักหรอกนะ อัตลักษณ์ของฉันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนคนอื่น เทียบกับโชจังไม่ติดเลยล่ะ”

    แต่คุณทำอาหารอร่อยนะ

    อร่อยมาก ๆ เลยด้วย

    “มันไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ เวลาใช้นาน ๆ ช่วงฮีทจะถูกเร่งให้เร็วขึ้นน่ะ” ฉันนึกไปถึงฮีทครั้งแรก ตอนที่มนุษย์กลายเป็นสัตว์ จู่ ๆ ก็อยากจะหัวเราะออกมา “พวกยาก็ใช้ได้แค่ชั่วคราว หมอก็บอกว่ามีแต่ต้องใช้คู่ของตนเอง...”

    ภาพของผู้ชายคนนั้นแล่นเข้ามาในหัว

    ยังคงชัดเจน แม้ว่าจะไม่อยากจำ


    “คู่ของฉัน...เป็นคนที่ใจดีมาก”


    แต่ฉันกลับกลัวเขาเหลือเกิน

    “ยินดีด้วยนะโชจัง!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า พอดิบพอดีกับที่ไฟจราจรได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว รถเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ฉันยิ้มรับและไม่ได้พูดอะไรต่อ เอนหลังพิงกับเบาะและมองออกไปนอกกระจกรถ

    “น้องสาวฉันก็เคยพูดเหมือนกันว่าอยากเจอคู่ของตัวเอง...คู่แห่งโชคชะตา แหม ฟังดูโรแมนติกดีจังน้า” ใบหน้าเพ้อฝัน ก่อนจะถอนหายใจเพราะรู้ว่าตนเป็นเบต้า “เฮ้อ ช่างมันเถอะ โชจังจะไปหาน้องสาวกับฉันไหม?”

    “นั่นเป็นช่วงเวลาของพี่น้องนี่คะ”

    “เอ๋ โชจังก็เหมือนน้องสาวอีกคนของฉันนะ”

    น้องสาว…

    จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างไร้สาเหตุ ยิ้มกว้างจนแก้มเริ่มเจ็บ “น้องสาวเหรอคะ” ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่ดีกว่าค่ะ มีงานที่ทำค้างไว้ด้วย” งานอะไรล่ะ ข้ออ้างชัดๆ

    เธอพยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไร

    “งั้นเอาไว้วันเกิดโชจังเรามาฉลองด้วยกันนะ”

    ถึงจะเป็นแค่การเสแสร้ง

    แต่ก็คิดว่า ‘วันเกิด’ เป็นอะไรที่ไม่เลวเหมือนกัน




    ……




    หลังอาบน้ำเสร็จฉันก็ลงมาที่ห้องนั่งเล่น ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มาด้วยเผื่อว่าจะมีใครโทรหรือส่งข้อความเข้ามา ฉันเอนตัวนอนบนโซฟานุ่มนิ่ม หยิบรีโมตมาเปิดทีวี ไล่ดูแต่ละช่องไปเรื่อย ๆ จนสะดุดกับข่าวถ่ายทอดสด

    ตึกที่พังทลาย การต่อสู้ตูมตามเหมือนอยู่ในหนัง นักข่าวรายงานสถานการณ์พร้อมเบี่ยงกล้องหันไปทางเหล่าฮีโร่ที่กำลังตะลุมบอนกับสัตว์ประหลาดร่างกล้าม มีจงอยปากเหมือนนก ส่วนกะโหลกเปิดให้เห็นสมอง---โนมุ

    ขั้นกว่าของน่ากลัวคือมันน่าขยะแขยงมาก คิดภาพตอนมันระเบิดแล้วของเหลวกับเครื่องในแปะตามตัวดูสิ โห ยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ! ถึงฝ่ายฮีโร่จะบอกว่าพวกนั้นเคยเป็นมนุษย์มาก่อนก็ไม่ทำให้ดูน่ารักขึ้นเลยสักนิด

    ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยสงสัยและขอให้ฉันช่วยทำให้มนุษย์ดัดแปลงกลับกลายเป็นคนเหมือนเดิม

    ก็...ไม่ได้ยาก พวกเขากลับมาเป็นคน ฉันได้รับคำชื่นชมกับค่าตอบแทน แลกเปลี่ยนเสร็จก็ตัวใครตัวมัน ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะได้รับเชิญไปฟังผลการทดลองด้วย

    เป็นมนุษย์แล้วก็จริง ทว่าความทรงจำตอนที่ยังเป็นโนมุก็ยังหลงเหลืออยู่ครบ ฆ่าคนไปกี่คน ทำร้ายไปเท่าไหร่ ได้รับคำสาปแช่งเท่าไหร่ พวกเขาล้วนจดจำได้หมด พอให้กลับไปในสังคมก็มีปัญหา เหมือนจะมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง รวมกับทั้งความเครียดเรื่องโนมุเป็นทุนเดิม

    ถ้าไม่ฆ่าตัวตายเพราะทนไม่ไหว ก็จมอยู่กับความรู้สึกนั้นไปตลอดชีวิต

    เล่าเรื่องให้ฟังมากขนาดนี้แน่นอนว่าจุดประสงค์คือการชวนฉันไปร่วมทีมด้วย แต่...บ้าหรือเปล่า! คิดว่าสาวน้อยจะตื่นเต้นเพราะได้ฟังเรื่องน่าสลดแบบนั้นหรือไง!

    แน่นอนว่าปฏิเสธไป

    นึกถึงเรื่องนั้นทีไรก็รู้สึกกินข้าวไม่ลงทุกที ฉันถอนหายใจอย่างซังกะตาย ความคิดมนุษย์นี่บ้าดีจริง ๆ

    มองดูข่าวถ่ายทอดสดครู่หนึ่ง มนุษย์ดัดแปลงโจมตีเมืองมากไปกว่าครึ่ง ความสามารถเยอะจนอดชื่นชมไม่ได้ว่าคนต้นคิดโนมุพวกนี้ขึ้นมาช่างมีรสนิยมดีจริง ๆ หากผสมเพิ่มไปอีกสักสองสามคนคงแข็งแกร่งขนาดที่ว่ามีแค่ตัวเอกของเรื่องเท่านั้นที่สามารถจัดการได้

    ไม่นานนักก็มีคนโทรเข้ามา


    [เหตุด่วน! ช่วยมา-----]


    ไม่ผิดไปจากที่คิด ฉันฟังเสียงปลายสายอย่างเอื่อยเฉื่อยขณะที่ก้มดูสภาพตัวเอง ถ้าได้ออกไปชุดนอนลายหมีสีขาวคงโดดเด่นท่ามกลางเหล่าฮีโร่ในชุดเครื่องแบบ....อืม ต้องไปเปลี่ยนชุดสินะ

    แต่ยังไม่ได้ลุกขึ้นจากโซฟา เสียงหนึ่งก็เรียกความสนใจเอาไว้เสียก่อน ฉันถือโทรศัพท์ไว้แนบหูขณะที่มองโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ ได้ยินเสียงร้องอย่างยินดีจากผู้คนในจอเด่นชัด เหมือนกำลังดูหนังฮีโร่แล้วถึงฉากเปิดตัวตัวเอก

    แค่หมัดเดียว โนมุที่ก่อนหน้านี้เก่งกล้าขนาดที่ว่าทำลายไปเกือบทั้งเมืองก็พ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดาย

    ปลายสายเงียบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาใหม่


    [อืม ตอนนี้ไม่ต้องแล้วล่ะ]


    ‘ตัวเอกคือตัวกำหนดทิศทางของเรื่อง...’

    ผมสีเขียวหม่น ใบหน้ากระ และดวงตากล้าหาญ

    ‘ทำให้ฉันนึกสงสัยขึ้นมาว่าถ้าหากการตัดสินใจของเขาต่างไปจากเดิม โลกใบนี้จะเป็นเช่นไรนะ?


    ฮีโร่อันดับหนึ่ง


    นอกจากความคุ้นหน้าแล้วยังมีความรู้สึกอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก หงุดหงิด? ไม่ได้ดั่งใจ? รู้สึกผิด?

    อะไรกันล่ะนั่น

    ส่ายหัวไล่ความรู้สึกพวกนั้นออกไปก่อนจะกดตัดสาย หยิบรีโมตขึ้นมาปิดโทรทัศน์เมื่อเห็นว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลืออีกแล้ว

    ฉันกลับขึ้นไปบนห้องนอน ล็อกห้องและซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หมอนข้างเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อต้องการจะหลับ

    เหมือนว่าก่อนหน้านี้


    ‘นิสัยไม่ดีเหมือนกัน นอนได้’


    เคยกอดใครสักคนจนชิน




    (0.9)


    ปรกติผู้ดูแลจะมาตอนเช้าเพื่อทำอาหารให้ฉันอยู่เสมอ ดังนั้นตอนที่ลงมาด้านล่างแล้วไม่ได้กลิ่นอาหารอย่างที่เคยก็เลยรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

    ฉันเข้าไปในครัว...และพบว่าไม่มีใคร

    ก็...คงจะฉลองวันเกิดจนนอนดึกมั้ง!

    มาสายสักวันคงไม่เป็นอะไร ฉันพยักหน้าให้ตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น พบวัตถุดิบและของกินมากมายในนั้น เลือกหยิบผักกับเนื้อออกมา

    นึกย้อนไปถึงตอนที่แอบดูผู้ดูแลทำอาหารบ่อย ๆ จากนั้นก็ลองทำตามเป็นขั้นเป็นตอน พอทำเสร็จแล้วลองชิมฝีมือตนเอง การเข้าครัวครั้งแรกผลออกมารสชาติดีใช้ได้

    ‘ผมชอบอาหารที่คุณทำนะ โดยเฉพาะโซบะ’

    ครั้งแรก...จริง ๆ น่ะเหรอ?

    ฉันขมวดคิ้วก่อนจะนวดขมับตัวเอง เสียงยังอื้ออึงในหัว ฮื่อ เป็นอะไรไปอีกเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ!

    ตัดสินใจลากตัวเองไปนอนพักบนโซฟา เปิดโทรทัศน์พอให้มีเสียงกล่อมให้หลับ จากนั้นปิดเปลือกตาลง

    ปรกติเวลานี้ทานากะซังจะชวนฉันนออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้านนอก ใช้ชีวิตแบบนั้นจนชิน พอได้ย้อนกลับมาเหมือนตอนที่อาศัยอยู่คนเดียว...ก็เลยรู้สึกแปลกๆ

    นานแล้วที่บ้านไม่ได้เงียบขนาดนี้



    ….



    ตื่นมาอีกครั้งช่วงบ่าย

    บ้านยังเงียบอยู่เหมือนเคย

    ฉันขมวดคิ้ว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและคิดจะต่อสายไปหาผู้ดูแล แต่แล้วเมื่อจะกดเบอร์ก็ได้หยุดชะงัก

    เมื่อลืมไปว่าตัวเองไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย



    ….



    ตอนเย็นก็ยังไม่มา

    ฉันก็เลยตัดสินใจนอนเร็วกว่าปรกติ

    ‘งั้นเอาไว้วันเกิดโชจังเรามาฉลองด้วยกันนะ’

    และหวังให้วันเกิดมาถึงเร็ว ๆ




    (0.10)


    ยังไม่มา

    ฉันนอนรอไปครึ่งวัน และอีกครึ่งวันที่เหลือก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าถึงฉันจะไม่มีข้อมูลของเธอ...แต่พวกฮีโร่มี!

    จึงจัดการต่อสายไปหาทันที

    [ทานากะ ฮานะ?]

    พวกเขาเงียบไป น้ำเสียงงุนงงว่าชื่อที่ฉันเอ่ยไปเป็นใคร ก่อนที่ต่อมาจะร้องอ๋อ [เข้าใจแล้ว เราจะติดต่อเธอให้]

    ฉันมองดูปฏิทิน วันพรุ่งนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ฉันบอกทานากะซังไปว่าเป็นวันเกิด(ปลอม ๆ)

    ...วันเกิดนี่นอกจากเค้กต้องมีอะไรอีกนะ




    (0.11)


    ฉันได้ข้อมูลมาว่าวันเกิดจัดตอนกลางคืน

    ในงานต้องมีลูกโป่ง ของประดับ แล้วก็ขนมขบเคี้ยวให้เพื่อนที่มาร่วมงาน เจ้าของวันเกิดต้องรับของขวัญด้วยรอยยิ้ม ชวนกันเล่นเกมสนุก ๆ เพื่อไม่ให้งานน่าเบื่อ แล้วก็...อีกหลายข้อที่อ่านแล้วต้องขมวดคิ้ว แต่ไม่เป็นไร จำๆไป

    ฉันเลือกชุดที่จะใส่ไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน ขนมในตู้ที่พอมีอยู่บ้างก็วางแผนไว้ว่าจะไปซื้อมาเพิ่มเผื่อคุณผู้ดูแลพาน้องสาวมาด้วย ลูกโป่งและของตกแต่งไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะสามารถสร้างเองได้เพราะงั้นข้ามไป ก็เหลือ...

    งานวันเกิดจัดตอนกลางคืน

    ฉันก็เลยคิดว่าเหลือเวลาอีกตั้งเยอะในงานจัดเตรียมงานให้สมบูรณ์พร้อมที่สุด วางแผนไว้ในหัวเรียบร้อย

    ที่ไม่ได้คิด


    ก็คือการที่มันจัดตอนกลางวันได้ด้วย!


    มองทานากะซังที่เดินเข้ามาบ้านตั้งแต่ตอนเช้า ฉันกะพริบตาปริบ ซ่อนลูกโป่งตกแต่งงานไว้ด้านหลังก่อนจะทำลายหลักฐานด้วยการทำให้มันหายไป ทักทายคุณผู้ดูแลด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างไม่มีอะไรผิดปรกติ

    “มะ---มาเร็วจังเลยนะคะ”

    ตายแล้ว เสียงสั่น!

    แสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่เหงื่อไหลพราก ทั้งที่คิดว่าจะจัดงานแบบเซอร์ไพรส์เหมือนที่อ่านมาแท้ ๆ ตะ--แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง! ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่นี่ก็ดูปรกติดี ไม่มีใครสังเกตหรอกน่า!

    ชะโงกหน้าไปด้านหลังเผื่อว่าจะมีคุณน้องสาวตัวน้อยตามมา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า คุณน้องสาวกำลังเรียนอยู่หรือเปล่านะ? คงจะมางานวันเกิดตอนเย็นแน่ๆ

    ฉันกำลังจะเอ่ยปากพูดถึงคุณน้องสาว แต่แล้วก็ชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป

    เมื่อสังเกตดูดี ๆ แล้วทานากะซังที่มักจะแต่งตัวอย่างเรียบร้อยอยู่เสมอตอนนี้กลับใส่ชุดยับ ๆ ใบหน้าอ่อนแรงเหมือนคนไม่ได้นอน และดวงตาก็แดงเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก


    “อยากเจอฉันงั้นเหรอ?”


    น้ำเสียงเรียบเฉยอย่างที่ไม่เคยได้ยิน

    หลายอย่างที่คล้ายแปลกประหลาดไปหมด แต่ฉันก็ปัดมันทิ้งไป พยักหน้าและตอบไปตามตรง “อื้ม!”

    “หลายวันมานี้...เธอรู้สึกยังไง”

    ยังไงน่ะเหรอ…

    “ฉันคิดถึงอาหารของคุณมาก ๆ เลยค่ะ! ลองทำเองแล้วแต่ยังไงก็ไม่เหมือนกับที่คุณทำให้กินอยู่ดี...”

    คงเหมือนกับประโยคที่ว่า ‘อาหารฝีมือแม่กับฝีมือไม่เหมือนกัน’ ล่ะมั้ง

    “วัตถุดิบในตู้เย็นก็เหลืออยู่ ถ้าทานากะซัง...”

    “ไม่ได้คิดอะไรเลยสินะ” รอยยิ้ม...คล้ายจะเย็นเยียบขึ้นมา “วันเกิดของน้องสาวฉันคือวันที่โนมุทำลายเมือง วันนั้นเธอได้รับลูกหลงเพราะตึกที่โดนโจมตีล้มลงมาทับ แต่เธอก็ยังหายใจอยู่...”

    ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่างเปล่า

    “ในขณะที่คนอื่นช่วยเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นเธอไปอยู่ที่ไหนกัน!” คล้ายกรีดร้องขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

    “ฉันรู้ว่าเธอเก่ง ฮีโร่หลายคนชื่นชมความสามารถของเธอ แม้แต่น้องสาวฉันตอนนั้นก็ยังถามหาถึงเธอ หวังว่าเธอจะมาช่วย...แต่รอแล้ว...รอเล่า...เธอ---คุณที่เป็นความหวังก็ยังไม่มา…


    จวบจนกระทั่งน้องสาวฉันตาย”


    ฉันนิ่งค้าง ได้แต่ยืนอย่างคนโง่งมขณะที่อีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามา สองมือจิกเล็บและขยุ้มเสื้อฉันอย่างแรง ใช้แรงทั้งหมด เหมือนระบายความโกรธแค้นที่มี ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำและเริ่มร้องไห้เหมือนคนเสียสติ

    “น้องสาวฉันเธอเป็นแค่เด็ก...เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!!” จิกเล็บกับแขนฉันเป็นทางยาว “ไม่สมควรที่จะมาจบชีวิตลงตรงนี้! เธอทำอะไรกับครอบครัวที่เหลืออยู่ของฉัน!!”

    เลือดไหลซิบออกมาจากรอยจิกมากมาย

    ขอบตาร้อนผ่าว


    “พี่สาว...”


    ไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์จะพัฒนาไปได้กว่านี้

    จนคุณบอกว่าเห็นฉันเป็น ‘น้องสาว’



    “เธอไม่ใช่น้องฉัน!!”



    กรีดร้องอย่างเสียสติ ผลักออกจากตัวอย่างรังเกียจ

    และเมื่อถึงขีดสุด

    ก็เผลอหลุดปากออกมา


    “ตั้งแต่แรกฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นน้อง! เธอก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือไงว่าทั้งหมดเป็นคำสั่งให้จับตาดูจากเบื้องบนน่ะ?!”


    เลือดยังไหลออกมาไม่หยุด เข่าและตัวที่กระแทกพื้นเจ็บจนชา ฉันคลี่ยิ้มอย่างไร้ความหมาย นึกไปถึงครั้งแรกที่ถูกสอบสวน ถูกตราหน้าว่าเป็นโอเมก้าและปฏิบัติอย่างโหดร้าย นั่นเป็นครั้งแรกที่คิดจะยกตัวเองขึ้นมา

    แค่เพียงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ

    หัวเราะอย่างฝืดเฝื่อนที่สุด

    “ถ้าคุณต้องการฉันทำได้นะ...น้องสาวที่คุณบอกว่าตายไปแล้วน่ะ ฉันทำให้ฟื้นขึ้นมาได้...”


    “หากฉันทำโดยไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยน

    ...ความสัมพันธ์ของเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่าคะ?”


    “คิดว่าชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นหรือไง...” อีกฝ่ายตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ “เพราะมีพลังจึงสามารถทำได้ทุกอย่าง นี่มัน...ไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?—ไม่สิ ความรู้สึกพวกนี้เธอคงไม่เข้าใจอยู่แล้ว…


    เพราะเธอมันไม่ใช่มนุษย์”


    หันหลังหนีไปเหมือนไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีก

    ฉันเม้มปาก กุมแขนที่เต็มไปด้วยบาดแผลคลานไปหยิบโทรศัพท์บนพื้นที่สั่นครืดเตือนว่ามีข้อความเข้ามาใหม่

    ในนั้นบอกว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’

    ฉันปิดโทรศัพท์ก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา หัวเราะเสียจนลำคอแหบแห้ง คล้ายกับว่าเจอเรื่องตลกนักหนา

    แต่มันก็ตลกจริง ๆ

    ‘งั้นเอาไว้วันเกิดโชจังเรามาฉลองด้วยกันนะ’

    ที่คิดไปเองได้ถึงขนาดนี้



    “...ไม่ได้อยากให้ใครเข้ามาสักหน่อย”



    คุณบอกว่าฉันไม่เข้าใจความรู้สึก

    เช่นนั้นแล้วหยดน้ำตามากมายที่เกิดขึ้น

    มันเรียกว่าอะไรกัน?




    (00)


    โหมงานจนฮีทบ่อยกว่าเดิม

    พวกฮีโร่เหมือนจะเริ่มเครียดขึ้นมาเมื่อครั้งล่าสุดฉันทำอัลฟ่าคนหนึ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บ...สาหัสไหม? ไม่หรอกมั้ง เดี๋ยวก็หายดีเองล่ะน่า

    แน่นอนว่ามีคนอยากจะด่าโอเมก้าอย่างฉันมากมาย แต่การโต้กลับเหมือนจะเป็นการเปลืองแรงมากไปหน่อย สิ่งที่ฉันทำคือเอาผลงานไปปาใส่หน้าพวกเขา อยากด่างั้นเหรอ? ถ้ายังทำได้น้อยกว่าฉันก็หุบปาก!

    ดูเหมือนพฤติกรรมอารมณ์ร้ายแบบนี้จะไปสะดุดใครเข้าจนทนไม่ไหว

    สุดท้ายก็มีคนมาขออย่างอ่อนน้อม(เพราะกลัวจะโดนลูกหลง)ว่าได้โปรดยอมให้คู่ของตัวเอง(หรืออัลฟ่าคนอื่น)กัดสักนิด ฟีโรโมนจะได้ไม่ไปกระตุ้นใครเข้าอีก

    คู่ของฉันคือผู้ชายคนนั้น

    ยากิ โทชิโนริ

    ดูอ่อนแอไม่สมกับเป็นอดีตฮีโร่เลยแม้แต่น้อย!

    นอกจากความกลัวแล้วยังมีความหงุดหงิดบางอย่างเจือปน ไม่เอาคนคนนี้เด็ดขาด!

    คิดไปคิดมาคนที่น่าจะเข้าเค้าที่สุด…




    “ฉันอยากเจอฮีโร่ที่พบฉันเป็นคนแรกค่ะ”




    ถ้าหากว่าครั้งนี้ยังซ้ำรอยเดิมอีก

    ต่อไป..และต่อ ๆ ไป…

    ก็ช่างมันเถอะ










    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    ที่เห็น (0.1) (0.2) (0....) ศูนย์จุดทั้งหลายคือลงรายละเอียดย่อย ๆ ค่ะ

    ประมาณว่าตั้งแต่ฟื้นเธอได้พบอะไรบ้าง


    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    ethereal [ADJ] : บางเบามากๆ, บอบบางเป็นพิเศษ, เหมือนสวรรค์ชั้นฟ้า, รู้ว่ามีอยู่แต่สัมผัสไม่ได้



    คิดว่าน่าจะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่น่าจะเอาลงในนี้ไม่ได้ล่ะค่ะ 


    ถึงตอนนั้นถ้าใครอยากได้สามารถทิ้งเมลล์ไว้ได้นะคะ เราจะส่งให้พร้อมรหัส 


    แต่กติกาข้อเดียวคือเม้นต์อะไรก็ได้ของเรื่องนี้มา จะบอกตัวละครที่ชอบ ตัวละครที่ไม่ชอบ หรือติส่วนของเนื้อเรื่องก็ได้ ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวเราก็จะส่งให้

    ฮือออ ขอโทษที่เรื่องมากแบบนี้นะคะ แต่ถ้าวันนึงเราท้อ(จากอะไรหลายๆอย่าง)เราจะได้กลับมาเปิดอ่านดูเม้นต์ของพวกคุณเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองเขียนต่อให้จบน่ะค่ะ...




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×