NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Hunter X Hunter」L’appel Duvide [OC]

    ลำดับตอนที่ #12 : sharp

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      626
      9 มี.ค. 66


    “เที่ยวสนุกไหม”


    น้ำเสียงเรียบแฝงความไม่พอใจของพี่สาวทำฉันใจหายวาบ รีบผละออกจากหัวหน้าไปกอดแทบไม่ทัน หัวก็ถูไถเอาใจเต็มที่ พี่สาวแค่นเสียงเหอะออกมา เชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่อยากฟังคำแก้ตัว

    ฉันแทบร้องไห้ แต่ก็ยังกอดอย่างไม่ละความพยายาม แก้มถูจนรู้สึกปวด “ยกโทษให้หนูเถอะนะ ดีกันๆ”

    “มาจิ อย่าไปแกล้งยัยหนูเลยน่า” พี่ชายที่นั่งอยู่บนซากหินอีกฝากว่า อ้าปากหาวก่อนจะเกาตัวแกรกๆ “หลายปีนี้ก็ไม่ได้ข่าวว่าไปก่อความวุ่นวายที่ไหนนี่ นั่นมันก็น่ายินดีแล้วไม่ใช่เหรอไง ถือว่าให้ยัยหนูไปเปิดหูเปิดตาแล้วกัน”

    แม้จะรู้สึกตะหงิดและอยากจะเถียง แต่ฉันก็พยายามมองข้ามประโยค ‘ก่อความวุ่นวายที่ไหน’ ไป พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยเต็มที่ มือเกาะเสื้อพี่สาวไม่ยอมปล่อย เค้นน้ำตาออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างน่าสงสาร

    ฮื่อ อย่าโกรธเลยนะ ตอนนั้นหนูก็แค่เบื่อไปหน่อยเท่านั้นเอง แถมพอออกมาข้างนอกก็หลงทางจนไม่มีแรงด้วย

    “ตามใจเกินไปแล้วโนบุนากะ”

    “หา? ตามใจ? เรื่องนั้นว่าฉันได้เหรอไง” เหมือนคำพูดพี่สาวจะไปกระตุกต่อมสักอย่างเข้า พี่ชายคิ้วกระตุก หุบปากที่กำลังหาวฉับพลัน “ตัวเองก็หวงใช่เล่นเหอะ ใครกันที่ตอนแรกเข้าใจผิดว่าอาหารของยัยหนูเป็นไอ้โรคจิตมาลวนลาม โห ศพคราวนั้นโคตรสยอง ชิ้นส่วนอะไร----”

    พวกอาหารที่รับฉันไปเลี้ยงชอบขอทำอะไรแปลกๆ แต่พวกเขาอร่อยสุดก็ตอนที่อารมณ์ดี ดังนั้นฉันก็เลยตามน้ำแล้วจะกินทีหลัง แต่ช่วงแรกที่รู้จักกันนอกจากหัวหน้าแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ พอพวกพี่บังเอิญมาเห็นการกินของฉันเข้าก็เลยพากันเข้าใจผิดไปหมด

    โฮๆ อาหารเละจนกินไม่ได้เลย!

    “ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเป็นอาหารของเธอ” พี่สาวเถียงกลับ มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเบี้ยวๆ คล้ายเห็นประกายไฟแลบที่ดวงตา “นายเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่ เห็นอยู่นะว่าแอบชักดาบออกมา หึ ถ้าฉันไม่จัดการไปก่อนบางทีศพนั่นอาจจะเละกว่านี้ก็ได้”

    “ใช่ฉันคนเดียวที่ไหน” พี่ชายพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ยกมือมานับนิ้ว “คนอื่นที่มาตามหายัยหนูช่วยก็อยากจะฆ่าเหมือนกัน ทั้งเจ้าเฟย์ตัน ปาคูโนด้า ฟิงค์...”

    ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง และจู่ ๆ เขาก็ถอนหายใจ มองฉันแล้วทำหน้าเหมือนคนตัดสินใจผิด หยุดนับไปเสียดื้อ ๆ

    “ไม่น่าตกหลุมเลย”

    พี่สาว คุณจะพยักหน้าทำไม!

    สองคนที่เมื่อกี้ยังจ้องหน้าอาฆาตคืนดีกันอย่างง่ายดาย พี่ชายกลับไปทำหน้าเบื่อโลกต่อ ส่วนพี่สาวก็ดูปลงตก บรรยากาศฟ้าผ่าครืนกลับมาแจ่มใสอีกครั้งด้วยสาเหตุบางประการที่ฉันไม่เข้าใจ

    เหมือนว่าการไม่รู้จะดีกว่า ฉันกลับมาทำการขอคืนดีต่อ เมื่อรู้ว่าการเบียดแก้มไม่ได้ผลก็ใช้วิธีสุดท้าย

    ชูสองมือขึ้นให้อุ้ม พูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ ทำหน้าแบบที่พี่เฟย์บอกว่าน่าเกลียดแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง


    “พี่สาว จุ๊บๆหนูหน่อย”


    ได้ยินเสียงสูดหายใจ พี่สาวคนสวยยกมือปิดปากตัวเองแล้วพูดมุบมิบคนเดียว เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน พอหันไปมองรอบข้างก็พบว่าพี่ชายโนบุนากะยกยิ้มเยาะเย้ย พี่สาวใจดีอย่างปาคูโนด้าก็ส่ายหน้ายิ้มอ่อน

    การคืนดีแบบเอาแต่ใจสำเร็จอย่างงดงามเมื่อคนที่ไม่พอใจเมือกี้อุ้มฉันขึ้น จุ๊บแก้มซ้ายจุ๊บแก้มขวา

    ฉันยิ้มจนตาปิด จุ๊บกลับไปแบบเดียวกัน

    “รักพี่สาวที่สุดเลย!”

    รสหวานติดปากกลับมาด้วยล่ะ

    ฉันแอบเลียปาก อยากจะชิมรสของหวานแสนอร่อยอีกสักครั้งแต่ก็กลัวถูกจับได้แล้วถูกโกรธอีก ดังนั้นเมื่อถูกปล่อยให้ยืนดี ๆ ก็หันไปหาพี่ชายพี่สาวคนอื่น สุ่มเลือกอาหารมาอีกสักคน จากนั้นก็วิ่งร่าไปหา

    พี่สาวใจดีหมุนตัวฉันสำรวจว่าไปเที่ยวบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พอไม่มีก็ทำหน้าโล่งอก กอดแล้วก็จุ๊บฉัน พูดว่าถ้าจะหายไปอีกก็ทิ้งข้อความบอกสักหน่อย

    ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ส่วนในใจปริ่มตายไปแล้วเมื่อได้กินอาหารรสเลิศสามคนติดกัน ทั้งหัวหน้า ทั้งพี่สาว ฮื่อ ทำเอาความอยากอาหารพุ่งในรอบหลายวัน ขออีกสักคนดีกว่า ส่วนที่เหลือค่อยทยอยกินไป

    พี่เฟย์ไม่ชอบให้กินต่อหน้าคนเยอะๆ หัวหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็กินไม่ได้ ชาร์แน็คกลัวฉัน อุโบกิ้นเป็นพวกแข็งแกร่ง ชอบให้กัดจนเนื้อหลุด แต่สำคัญคือเขาเคี้ยวยาก เป็นอาหารอร่อยที่ชวนปวดฟันที่สุด…


    “เฮ้ยแก! รู้ไหมว่าคนอื่นเขารอนานน่ะ!!”


    อื้อ ปวดหูด้วย(. .)

    “โทษทีๆ ติดธุระนิดหน่อยน่ะ

    หันไปหาสาเหตุของการทำพี่ชายอารมณ์เสีย อดีตคนเลี้ยงก่อนจะเจอหัวหน้าก้าวออกมาจากเงามืดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เข้าใจยากยังไงก็ยังเข้าใจยากอย่างนั้น ไม่มีตรงไหนเปลี่ยนไปจากที่เจอล่าสุดสักนิด



    “พอดีของหาย



    ออร่าดำมืด!

    พี่สาวทำหน้าเหม็นเบื่ออย่างเห็นได้ชัด เดาะลิ้นเหมือนไม่ยินดีกับการมาของตัวตลกเท่าไหร่ ยิ่งฝ่ายนั้นหันมาจ้องฉันเธอยิ่งขยับตัวมาบังให้ สองมือยกขึ้นมากันราวกับจะบอกว่า ‘ขืนเข้ามาได้ถูกด้ายหั่นเป็นชิ้นแน่’

    ฮิโซกะแบมือ “ขอยืมเด็กคนนั้นหน่อยสิ

    “อย่ายุ่ง”

    “ฉันอยากได้นี่นา

    พี่สาวเส้นเลือดขึ้นแล้ว!

    ฉันมองสองคนสลับกัน เห็นด้ายที่โผล่มาแวบ ๆ แล้วก็หวั่นใจ อีกนิดคงจะได้สวดภาวนาแน่ โฮๆ หยุดเถอะนะตัวตลก ฉันต้องการอาหารที่ยังมีลมหายใจ!

    เหมือนจะอ่านความคิดได้ ก่อนที่สงครามอาหารจะเกิดขึ้นก็มีคนแทรกถามขึ้นมาก่อน---ครั้งนี้จะขโมยอะไร?


    “ทั้งหมดนั่นแหละ”


    ว้าว

    ฉันหันไปมองหัวหน้าที่ยืนบนแท่นสูงด้วยความเคารพ แทบจะปรบมือให้ สิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้หยุดอาหารได้ชะงัก ไม่เพียงแต่พี่สาวจะหยุด ฮิโซกะก็ยังหยุดด้วย



    “สมบัติที่ประมูลใต้ดิน ฉันจะเอาทั้งหมด”



    ได้ยินคำนั้นอุโบกิ้นก็แผดเสียงถามย้ำ หากเพิ่มพลังไปด้วยระดับเสียงนี้คงสามารถทำตึกพังได้

    ฉันปิดหู รู้สึกทรมานเวลาได้ยินเสียงดังๆ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องมาเฟียทั่วโลกที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องบอกเลยว่าค่าหัวครั้งนี้คงเพิ่มสูงลิบลิ่ว

    หัวหน้ายิ้ม ไม่มีท่าทางเกรงกลัวเรื่องนั้นสักนิด อุโบกิ้นกัดปากจนเลือดซึมด้วยความตื่นเต้น ขอคำสั่ง---แล้วก็ได้คำอนุญาตมาว่าฆ่าได้ ใครขวางฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ ฮื่อ คราวนี้พวกพี่เล่นกันสนุกแหง

    คนที่จัดการไปคงเยอะเป็นภูเขา

    ไม่รู้ทำไมแวบหนึ่งหน้าน้องแมวถึงลอยเข้ามา


    “หนูก็มีสมบัตินะ”


    ฉันชูสองแขนขึ้น กระโดดโหยงเรียกความสนใจ

    พอทุกสายตาหันมาก็แจกยิ้มกว้างให้ พี่สาวเลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าฉันจะสื่ออะไร ส่วนพี่ชายบ้างก็หน้านิ่ง บ้างก็ตีหน้าดุเพราะคิดว่าฉันจะก่อเรื่องอีกแล้ว พี่เฟย์เป็นกลุ่มหลัง คิ้วของเขาขมวดมุ่น ไม่ต้องเดาเลยว่าใบหน้าอีกครึ่งที่ซ่อนใต้เสื้อก็คงไม่พอใจไม่ต่างกัน

    ฉันหันไปมองทางอื่น รอยยิ้มกว้างขึ้นไปอีก


    “หนูอยากเล่นบ้าง”


    อุโบกิ้นเป็นคนแรกที่ค้านเสียงดัง ร่างยักษ์แทบจะตรงดิ่งมาเขย่าคอฉันถ้าไม่ติดว่ามีพวกพี่สาวกันไว้อยู่

    “ให้ยัยหนูนี่เล่นเราก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี!”

    จากนั้นก็สาธยายวีรกรรมในอดีตตั้งแต่ครั้งก่อนออกมาจนหมด พูดด้วยสีหน้าคับแค้นใจเหมือนฉันเป็นหัวขโมยวายร้ายที่แย่งชิงของของเขา ทั้งที่ทุกครั้งที่บังเอิญเจอสมบัติ ฉันก็เก็บกลับมาให้ทุกอัน ไม่คิดอยากได้แม้แต่น้อย

    “งั้นจะให้หนูทำอะไรล่ะ”

    “ดูพวกเราก็พอ!”

    โนบุนากะตบหลังให้เขาใจเย็นลง ส่วนพี่สาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็หันมาถาม “ไม่อยากดูเฉย ๆ งั้นเหรอ?”

    “อื้อ เหมือนเพื่อนหนูจะมาเที่ยวยอร์คชิน”

    ฉันพูดออกไป

    “แล้วเขาก็ดูไม่ถูกกับพวกพี่เอามากๆ”

    พูดถึงประโยคนี้คนอื่นเริ่มขมวดคิ้ว



    “ต้องฆ่ากันตายแน่”



    บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นมา

    แม้แต่รอยยิ้มของฮิโซกะก็ไม่เหมือนเดิม ดวงตาสีอำพันวาววับเมื่อมองมาที่ฉันราวกับจะบอกให้หยุดพูด คงรู้แล้วว่าบุคคลที่ฉันพูดถึงหมายถึงคุราปิก้า คนที่เขากำลังใช้เป็นหมากในแผนล่าแมงมุม

    “เขาอร่อยมาก ตอบสอบก็ใจดีให้ขนมมาไม่น้อย”

    นึกถึงอาหารคนนั้นก็เศร้าขึ้นมา ฉันกับเขาคงไม่ต่างอะไรกับโรมิโอกับจูเลียต พวกพี่จะมองเขาเป็นศัตรู ส่วนถ้าเขารู้ว่าฉันรู้จักกับแมงมุม จากน้องสาวคิรัวร์คงเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนที่ต้องฆ่าให้ตาย


    “หนูยังไม่อยากแตกหักน่ะ”


    ที่สำคัญเขาเป็นเพื่อนกอร์น

    และกอร์นก็เป็นคนสำคัญของคิรัวร์

    ถึงที่ผ่านมาจะไม่ได้ใส่ใจคนที่พวกพี่จัดการไป แต่ครั้งนี้คงต้องเป็นกรณีพิเศษ ฉันไม่ได้อยากกินคุราปิก้าขนาดนั้น ถึงตายไปก็คงเสียใจแป๊บเดียว แต่อนาคตเขาจะร่วมมือกับพวกคิรัวร์จัดการพวกพี่

    ฮื่อ เข้าใจไหม คิรัวร์ก็ร่วมด้วย

    ถ้าต้องโดนเกลียดน่ะ ไม่เอาด้วยหรอก


    “หนูจะตีพวกเรางั้นเหรอ?”


    พี่สาวคนสวยถามเสียงอ่อน ดวงตาคลอน้ำ ทำฉันใจอ่อนยวบ กอดไปก็สูดจมูกไป ตัดสินใจยากจริง ๆ เลย

    “ฮื่อ หนูไม่กล้าหรอก...”

    “งั้นก็อย่าพูดเหมือนจะทิ้งพี่สิ”

    หนูจะทิ้งพี่คนสวยลงได้ยังไง

    ในขณะที่บรรยากาศเศร้า พี่ชายกลับเป็นอีกขั้ว

    “มารยาชัดๆ”

    “มาจิล่อยัยหนูอีกแล้ว...”

    ฉันตบหลังพี่สาวแปะๆ จุ๊บปลอบไปครั้งนึงกว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อย ดวงตาแสนเศร้าทำฉันต้องหันไปอีกทาง



    “มาเล่นเกมกันเถอะค่ะ”



    “เรื่องระหว่างพวกพี่กับเพื่อนหนูจะไม่ยุ่ง แต่ถ้าอยู่ที่นี่แล้วเกิดเขามาเห็นเข้าก็คงไม่ดีเท่าไหร่” ฉันชี้มาที่ตัวเอง จากนั้นคลี่ยิ้ม “เพราะงั้นเรื่องสมบัติที่จะขโมยนั่นน่ะ นับหนูรวมไปด้วยก็แล้วกัน”

    “หนูจะเล่นอยู่ในยอร์คชินนี่แหละ ส่วนพวกพี่จะหาหรือไม่ก็ได้---ง่ายๆ หนูจะซ่อนตัว ระหว่างนี้เราก็ไม่รู้จักกัน”

    “แต่ถ้าจับหนูได้ เกมจะจบทันที หนูจะกลับมาอยู่ฝั่งพวกพี่ตามเดิม หลังจากนั้นถ้าเจอเพื่อนหนูก็จะนับเป็นศัตรูด้วย”

    บรรยากาศเข้มข้นขึ้นมาแล้ว

    “ส่วนรางวัล”

    กลิ่นหวานลอยคลุ้งเชียว

    ฉันยิ้มกว้าง


    “หนูจะทำให้ความปรารถนาหนึ่งข้อเป็นจริงเอง”




    (1)

    เกมเริ่มแล้ว

    เพราะหัวหน้าบอกว่า “ให้เวลาหนี”  

    โชคร้ายที่ช่วงบอกเริ่มเกมเป็นเวลากลางคืน ไม่ใช่ตอนกลางวันที่มีคนพลุกพล่าน เรื่องที่พักก็เลยยากหน่อย

    เงินในบัญชีที่จริงก็พอมีเหลืออยู่บ้างจากการไปเคี่ยวเข็ญตาแก่เนเทโล่ ถึงจะโดนว่าว่าเหมือนท่านแม่แต่ก็คุ้ม เพิ่งเห็นประโยชน์ตอนนี้เอง จำนวนเลขศูนย์ต่อท้ายเยอะแบบนี้อีกนานคงกว่าจะใช้หมด

    ถอนเงินออกมาจำนวนหนึ่งก็ไปเดินเตร่ เดินไปเดินมาก็เข้าแหล่งสีสันยามค่ำคืน สถานที่อโคจรที่ถูกพวกพี่ห้าม

    แต่ตอนนี้เราไม่รู้จักกันนี่นา

    เพราะงั้นคำสั่งก็โมฆะชั่วคราวแล้วกัน

    เลือกร้านที่ดูคนไม่เยอะ ยอมจ่ายค่าเข้าแพงอีกนิดแค่ได้ยินเสียงเพลงแปลกหูแต่ชวนเคลิ้ม ไม่มีใครสนใจว่าฉันจะดูเป็นเด็กหรือเปล่า และนั่นเป็นเรื่องดี ที่สำคัญคือร้านมีบริการห้องพักให้ด้วย กินเสร็จก็นอนที่นี่เลยแล้วกัน

    เลือกโต๊ะในมุมอับ โชคดีที่ในเมนูมีอาหารกับพวกของหวานรวมอยู่ด้วย ถึงจะไม่เยอะเท่าเครื่องดื่มแต่ก็พอประทังท้องได้เหมือนกัน ฉันเลือกสเต็กเนื้อมาสองจาน เค้กเนยสด แล้วก็เครื่องดื่ม

    ไม่คิด

    ว่าจะได้เจอคนรู้จักด้วย



    “ไง”



    คุณพี่ชายทักทายหน้านิ่ง ถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามไม่คิดถามฉันที่เป็นเจ้าของโต๊ะสักนิด

    พอกำลังจะไล่ให้เขาไปนั่งตรงอื่น สายตาอันดีเลิศก็ดันไปสังเกตเห็นคราบเลือดที่ติดบนเสื้อคอเต่าเสียก่อน ทำเอาฉันหน้าซีด หุบปากฉับอย่างรักตัวกลัวตาย

    “โอ๊ะ” เหมือนอิลูมิจะสังเกตเห็น เขาขยับเสื้อโค้ทสีดำมาปิดคราบเลือดเอาไว้ “โทษที เพิ่งทำงานเสร็จน่ะ”

    โอ้

    ไม่ถามรายละเอียดจะดีกว่า(. .)

    เขาถาม “ทำไมมาที่แบบนี้”

    “หนูมาหาที่พัก” สายตายังจดจ่อกับอาหาร “แต่ที่นี่แพงไป กินเสร็จหนูว่าจะไปหาที่อื่นอยู่”

    ขอสารภาพ ที่จริงฉันไม่อยากเจอคุณ!

    ฉันรีบกินชิ้นเนื้อที่เหลืออยู่อีกครึ่งอย่างรวดเร็ว ยังดีที่ก่อนหน้านี้จัดการพวกขนมหวานไปหมดแล้ว ที่เหลือก็มีแค่เครื่องดื่ม รีบกินรีบไป เจอหน้าอิลูมิแบบนี้แล้วรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

    “เอาสิ ฉันเลี้ยง”

    โฮๆ คุณพี่ชายแสนดีเหลือเกิน!

    ฉันมองเขาด้วยสายตาปลื้มปริ่ม นึกชมในใจ นอกจากจะอร่อยแล้วยังใจกว้างอีก ขอเลื่อนเป็นอาหารดีเด่น!

    “แม่บอกว่าคิดถึงเธอแหน่ะ”

    ฉันกลืนเนื้อคำสุดท้าย “หนูไม่กลับหรอกนะ”

    คุณพี่ชายทำเสียงฮืมในลำคอ ทำเหมือนว่าเรื่องฉันจะกลับหรือไม่ไม่ใช่ธุระของเขา เมื่อเห็นว่าฉันกินอาหารเสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปคุยกับอะไรกับพนักงานที่รอรับคำสั่ง ไม่นานเขาก็กลับมา บอกว่าจะนำฉันไปที่ห้องพัก

    เป็นที่พักที่อยู่ชั้นสูงพอมองลงไปเห็นภาพยามค่ำคืน ของตกแต่งหรูหรา เตียงก็เป็นเตียงขนาดใหญ่ ราคาต่อคืนคงจะสูงเอาเรื่อง พอถามคุณพี่ชายว่าฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ เขาก็ส่ายหน้า บอกว่าไม่ต้อง

    ฉันนอนกลิ้งบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ อิลูมิยืนนิ่งตรงประตูได้สักพักก็เดินเข้ามานั่งที่เตียง จู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาว่าถ้าเขาจะนอนค้างที่นี่ด้วยจะเป็นอะไรไหม

    ฉันมองสีหน้าที่เรียบนิ่งของคุณพี่ชาย จากนั้นก็ตอบไปตามที่คิดว่าถึงเขาจะเป็นคนจ่ายเงิน แต่เตียงนี้คงต้องนอนแบ่งกัน เพราะฉันชอบนอนเตียงนุ่มนิ่มที่สุด ถ้าไม่นุ่มนิ่มก็จะนอนไม่หลับ ตื่นมาก็จะหงุดหงิดไปทั้งวันด้วย

    “อย่างนั้นเหรอ” คุณพี่ชายนิ่งคิดไปอีกสักพัก แล้วก็ถามขึ้นมาใหม่ “แล้วถ้าฮิโซกะมาขอนอนด้วยล่ะ?”

    ฉันเลิกคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้า “ถ้าเวลาปรกติก็ได้นะคะ” แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาเล่นเกม ถ้าเขาโผล่มาฉันก็คงต้องหนี ไม่อยู่นอนค้างด้วยแน่

    หน้าของพี่คนโตนิ่งสนิทกว่าเดิม

    “...ถ้าเป็นคิล--”

    “แน่นอนค่ะ”

    ตอบเร็วไป!

    ฉันอะแฮ่มแก้เก้อ ไม่มองหน้าอิลูมิที่นิ่งแล้วก็เรียบเฉยจนแทบจะกลายเป็นหุ่น ลืมไปได้ไงว่าช่วงแรกเขาขู่จะฆ่าฉันไม่เว้นวันเพราะเห็นเข้าไปยุ่งกับเจ้าแมว ชีวิตเสี่ยงหัวหายกี่รอบแล้วไม่อยากจะนับ

    “ถ้าเป็นอาหารที่อร่อย จะใครก็ไม่เกี่ยงหรอกค่ะ”

    พวกพี่ ฮิโซกะ กอร์น คิรัวร์ ตระกูลโซลดิ๊กทั้งหมด ทุกคนต่างเป็นอาหารที่น่าอร่อยและชวนลิ้มลอง ฉันชอบพวกเขา ดังนั้นจะยังไงก็ได้ ยิ่งอารมณ์ดีก็ยิ่งอร่อยนี่นา เวลาใกล้ชิดก็แอบกินได้ด้วย คนที่ได้กำไรคือฉันเห็นๆ!

    “จะใครก็ได้ที่อร่อย?”

    ฉันกอดอก พูดอย่างมั่นใจ “อือฮึ”

    ก่อนที่ความมั่นใจนั้นจะหายไปเมื่อวินาทีต่อมาถูกผลักให้ล้มลงบนเตียง

    ถึงจะนุ่มนิ่มยังไงแต่พอหลังกระแทกแบบนี้ก็เจ็บได้เหมือนกัน ฉันนิ่วหน้า รู้สึกมึนในหัว ทั้งร่างปวดไปหมดจากแรงเมื่อกี้ พอจะยันตัวเองลุกขึ้นมาถามว่าคุณพี่ชายโมโหอะไร ก็กลับกลายเป็นว่าลุกขึ้นไม่ได้เพราะข้อมือสองข้างถูกตรึงไว้เหนือหัวเสียก่อน

    เหมือนถูกบีบกระดูก มันปวดไปหมด

    ฉันกะพริบตา มองดูตัวการร้าย อิลูมิยังมีสีหน้านิ่งเรียบแม้กระทั่งตอนนี้ ดวงตาสีดำนิ่งสนิทจนไม่รู้ว่าข้างในนั้นคิดอะไรอยู่ ใบหน้างดงามจนเหมือนหุ่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดที่แก้ม

    “ฮิโซกะจ้างให้หาเธอ” เขาบอกความลับ “ได้ยินว่าถ้าจับได้จะทำให้ความปรารถนาหนึ่งข้อเป็นจริง?”

    “อะ...อื้อ” ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองเสียงสั่น ป–เป็นเพราะเจ็บข้อมือแน่ๆ... “อิลูมิ ปล่อยหนูก่อน”

    “จะกลัวทำไม”

    เขากระซิบข้างใบหู ลมหายใจที่เคยรดบนแก้มตอนนี้ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ ร้อนจนต้องเบือนหน้าหนี ทั้งที่ก็เคยพูดกับเขามาหลายครั้งแต่ไม่รู้ทำไมเสียงครั้งนี้ถึงให้ความรู้สึกต่างออกไป มัน...ประหลาด


    “เป็นแค่อาหาร คุณอย่า...”


    อย่าทำตัวแปลก ๆ แบบนี้นะ

    เสียงหัวเราะลอดมาจากลำคอ ริมฝีปากที่เรียบเป็นเส้นตรงกระตุกเป็นรอยยิ้ม อิลูมิปล่อยมือที่ตรึงข้อมือทั้งสองข้างของฉันออก พอเป็นอิสระฉันก็ถลึงตามองพี่ชาย คุณหัวใจที่น่าจะสงบลงไปแล้วกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เต้นแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมดเพราะเสียงหัวเราะที่ไม่เคยได้ยินของอิลูมิ มันไม่ชินแล้วก็ไม่คุ้นหูด้วย

    ฉันเม้มปากแน่นด้วยความหงุดหงิดที่ไม่เข้าใจ โน้มใบหน้าว่าจะไปกัดเขาจนปากหลุด อิลูมิไม่หลบ ไม่เบี่ยงหน้าหนี ยอมให้กินแต่โดยดี ฉันจึงระบายความหงุดหงิดไปเต็มที่ ระบายจนริมฝีปากของอิลูมิช้ำและมีเลือดซึม

    หัวเราะหึอย่างสะใจได้ไม่นานอาหารก็เสนอตัว พี่ชายแนบริมฝีปากแดงนั่นลงมา ไม่ละออกไปแม้สักนิด พอนานเข้าก็เริ่มหายใจไม่ออก ฉันผลักอีกฝ่ายออกเพื่อรับลมหายใจ แต่เพียงเสี้ยววิเขาก็บดเบียดมันลงมาอีกครั้ง สัมผัสบดขยี้และรุนแรงกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงรสเลือดของตัวเองที่คลุ้งอยู่ในโพลงปาก

    ดวงตาเริ่มพร่ามัว หูอื้อและในหัวกลวงเปล่า สองมือพยายามผลักเขาออก ทึ้งแผ่นหลัง อิลูมิในเวลานี้ตัวใหญ่ไปหมด เหมือนยักษ์ใจร้ายตะกละตะกลาม ไม่ว่าพยายามผลักเท่าไหร่เขาก็ไม่ขยับสักนิด

    แทบจะจมลงบนเตียงเมื่อคนที่คร่อมบนร่างกดตัวลงมา การกินที่เคยมีความสุขตอนนี้แทบจะตรงกันข้าม ฉันสำลัก คล้ายจะเป็นลมเพราะหายใจไม่ทัน ปากก็เจ็บจนชา ทั้งหน้าและตัวร้อนไปหมด

    น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกไป ในหัวขาวโพลนไปหมด แม้แต่คำพูดก็นึกไม่ออก ฉันสูดหายใจลึก พยายามกอบโกยเอาอากาศเข้าไปให้มากที่สุด

    แต่อิลูมิก็ไม่หยุด

    ริมฝีปากที่แตกช้ำลากต่ำลงไป ผ่านลำคอและไหล่ แนบลงบนแอ่งชีพจร จากนั้นก็กัดโดยไม่ให้ตั้งตัว

    ฉันสะดุ้งเฮือก น้ำตาที่คลออยู่หยดลงมา เข้าปากจนรับรู้รสเค็มปร่า มันควรจะเป็นการกินเหมือนทุกที อิลูมิถวายตัวให้ฉัน เมื่อกี้เขาก็เป็นฝ่ายเอาตัวเข้าปากให้ แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงต่าง รสหวานที่ควรรู้สึกถึงก็สัมผัสไม่ได้สักนิด

    “อย่ากินหนู...”

    อิลูมิกระตุกรอยยิ้มเหมือนได้ยินคำที่ต้องการ ร่างกายใหญ่โตที่กดฉันจมเตียงลุกออกไปนั่งบนพื้นที่ข้างๆ มือเย็นผิดกับเรียวปากร้อนปัดผมที่ปรกหน้าออกให้ นิ้วเช็ดน้ำตาทั้งที่ต้นเหตุก็มาจากเขา “ถ้าอย่างนั้นก็จำเอาไว้”

    อย่ามาจูบแก้มนะ

    อย่ามาจับด้วย


    “ฉันเป็นอาหาร”


    คนตะกละ

    เจ้ายักษ์ใจร้าย




    “แต่ก็กินเธอได้เหมือนกัน”




    (2)

    แสงแรกของเช้าวันใหม่ลอดเข้ามาผ่านม่านหน้าต่าง ส่งผลให้คนที่นอนอยู่ขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา ส่งเสียงในคออย่างหงุดหงิด จะพลิกตัวหันไปอีกทางก็ได้นิ่วหน้า ทั้งร่างล้าเหมือนถูกของหนักทุบ ปวดจนนอนต่อไปไม่ไหว

    ขยี้ตาอย่างง่วงงุน ก่อนจะกะพริบปริบ ปรับภาพให้เห็นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือพื้นที่เตียงที่ว่างเปล่า ถัดมาคือห้องที่เงียบไร้ซึ่งการมีอยู่ของคนอื่น เตียงอีกฝั่งเย็นชืด ผ้าปูเรียบตึง เมื่อคืนอิลูมิคงไม่ได้นอนที่นี่

    เด็กสาวนอนนิ่งบนเตียง แขนกับขากอดก่ายผ้าห่มฟูนุ่มเหมือนเป็นหมอนข้าง คราบน้ำตาเมื่อคืนยังเหลืออยู่ที่แก้ม ปากแตกและปวดหนึบ ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับคืนมาเป็นฉาก จำได้ว่าริมฝีปากร้อนนั้นผ่านไปตรงไหน น้ำเสียงเย็นชาเช่นไร ทั้งที่เป็นอาหารแต่ก็เหมือนไม่ใช่

    เจ้ายักษ์ใจร้าย

    ข้อมือที่ถูกตรึงกับเตียงเกิดรอยช้ำจางๆ เธอลูบมันแผ่วเบา พยายามลืมภาพของคนน่ากลัวแล้วลุกขึ้นจากที่นอน เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงเข้าห้องน้ำ ชุดที่ใส่เปลี่ยนจากเดรสมาเป็นเสื้อฮู้ดแขนยาวเพราะต้องปิดรอย คู่กับกางเกงขาสามส่วนเคลื่อนไหวง่ายหากเจอพวกพี่

    มัดผมที่ยุ่งขึ้นอย่างลวกๆ มองใบหน้าอิดโรยของตัวเองที่สะท้อนในกระจกแล้วก็เม้มปาก ยกสองมือตบแก้มจนเกิดเสียง เรียกความคิดที่สับสนให้เข้าที่

    ก็แค่อาหารแหละน่า

    เข้าปากก็จบแล้ว



    ….



    ช่วงเช้าผู้คนที่ล็อบบี้ดูบางตา มีไม่กี่คนนั่งทานอาหารอยู่ที่มุมหนึ่ง บ้างดื่มกาแฟกับอ่านหนังสือพิมพ์ บรรยากาศเงียบสงบ เธอเดินไปคืนคีย์การ์ดห้องกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ เช็คเอาท์ออกจากที่พัก

    นั่งแหมะที่โซฟาไม่ไกล เช็คดูความเรียบร้อย เงินครบ ที่พักก็หาใหม่ได้ไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญคือจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงดีโดยไม่ให้เบื่อตายไปซะก่อน พวกพี่ไม่อยู่แล้วก็ต้องหาอาหารเองด้วย แต่ถ้าจะสุ่มอาหาร...ฮื่อ กลัวไปเจออาหารห่วยนี่สิ แถมก่อนหน้ายังกินอาหารอร่อยอย่างพวกพี่มาอีก ต้องเกิดการเปรียบเทียบจนกินไม่ลงแน่ๆ

    ลูบท้องที่ร้องหาอาหาร เอนหลังพิงโซฟากำมะหยี่ ดวงตากลมเหม่อมองเพดานพลางนึกเมนูอาหาร ความคิดที่จะไปเล่นกับแมวสีเงินยังผุดแทรกมาเป็นระยะ จะว่าไปแล้วตอนนี้ก็อยู่ยอร์คชินใช่ไหมนะ?

    คิดถึงจัง

    อยากกอดคุณแมวมาก ๆ เลย

    หลับตาลงสักพัก ก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงแหลมดังขัดกับบรรยากาศเงียบสงบ---แขกสองคนเดินเข้ามาในล็อบบี้

    คนหนึ่งคืออิลูมิ

    ส่วนอีกคน---เจ้าของเสียงแหลมคือผู้หญิงไม่คุ้นหน้า ร่างเย้ายวนอยู่ในชุดรัดรูปสีดำอวดส่วนเว้าโค้งกับรองเท้าส้นสูง ริมฝีปากแต้มสีแดงเอ่ยเรียกร่างสูงที่เดินนำหน้า ขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายยังมีสีหน้าเรียบนิ่งและเดินต่อไปโดยไม่สนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเม้มปากแน่น ดวงตาฉายแววไม่พอใจ

    “อิล คุณยังไม่บอกฉันเลยนะว่ามาที่นี่ทำไม--!”

    “อา”

    อิลูมิส่งเสียงออกมาหนึ่งคำ น้ำเสียงเย็นเยือกจนคนฟังสะอึก ปากที่กำลังจะโวยวายหุบฉับเมื่อรับรู้ถึงสัญญาณเตือน หล่อนฮึดฮัด ขยี้ส้นสูงกับพื้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อถูกสายตาคนในล็อบบี้จ้องมองด้วยความเวทนาปนสมเพชที่ไม่ได้รับความสนใจ

    คุณคนนั้นเสียงดังจัง

    จีคิดในใจ แอบสะดุ้งไปหลายครั้งกับน้ำเสียงแหลมที่ตวาดออกมา ในหมู่พวกพี่ไม่ค่อยมีใครใช้น้ำเสียงกระชากโฮกฮากหากเธอยังอยู่ แม้แต่อุโบกิ้น นอกจากดุเรื่องหนีออกไปเล่นแล้วปรกติก็เป็นพี่ชายใจดี ยอมให้ขี่คอมองดูคนจากข้างบนบ่อยๆ

    เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จีไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลั้นลมหายใจเหมือนเวลาที่ได้เผชิญกับสัตว์ร้าย มือคว้าหนังสือพิมพ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปิดหน้า แสร้งทำเป็นทำเป็นอ่านทั้งที่เนื้อหาไม่เข้าสมองเลยสักตัวอักษร

    อีกนิดเดียวเขาก็จะผ่านไปแล้ว

    ต้องผ่านไปแน่นอน----


    “อ่านกลับหัวอยู่น่ะ”


    เสียงดังขึ้นจากข้างหลังโซฟา และวินาทีต่อมาหนังสือพิมพ์ที่ใช้ปิดหน้าก็หายไปอยู่ในมืออิลูมิ

    วูบหนึ่งรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เย็นไปถึงปลายเท้า ตอนที่หันหลังไปหาต้นเสียงเธอลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจ

    อีกฝ่ายยังเหมือนเมื่อคืนยกเว้นชุดที่ใส่ สูทสีดำบนร่างทำให้ดูเหมือนบอดี้การ์ดมากกว่าจะเป็นนักฆ่า ถึงใบหน้าจะนิ่งไปหน่อยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอาหารที่ดูดี จะว่าไปแล้วตอนที่พวกพี่แต่งตัวแบบนี้ก็ดูดีไม่แพ้กัน

    แต่พี่ชายพี่สาวไม่มีกลิ่นแบบนี้แน่ ๆ

    ฉุนจมูก

    น้ำหอมของผู้หญิงที่กลบกลิ่นรสอาหารไปหมด

    สายตาเลื่อนไปยังอีกคนที่มาพร้อมกับพี่ชายคนโตของตระกูลโซลดิ๊ก มือเรียวคล้องแขนอิลูมิ พี่สาวปากแดงส่งยิ้มมาให้แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ เพราะมันไม่เหมือนรอยยิ้มใจดีของพี่มาจิ พี่ปาคูโนด้า หรือชิซึคุ

    ทั้งสายตานั่น


    “แหม นี่ใช่เด็กที่คุณน้าสนใจหรือเปล่าคะ?”


    เหมือนศัตรูของพวกพี่ที่รวมเธอไปด้วย

    สายตาเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย

    อิลูมิไม่ตอบคำถาม ดวงตาสีดำจ้องมา ประกายบางอย่างในแววตาทำให้จีนิ่งอยู่กับที่เหมือนถูกสาป ในดวงตาเห็นมือขาวซีดของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาใกล้ คงคิดจะลูบหัวหรือบีบแก้มอย่างที่พวกพี่ชอบทำ

    ระยะห่างที่ลดลงยิ่งทำให้ลมหายใจติดขัด มือขาวที่น่าอร่อยถูกกลิ่นฉุนกลบทับ---กลิ่นเดียวกับพี่สาวปากแดง

    ที่ไม่อยู่เมื่อคืนคงไปเล่นกันมาแน่เลย

    อื้อ จีไม่ว่าอะไรหรอก

    คุณเป็นอาหารที่ดี เพราะงั้นหนูไม่โกรธ

    ถึงเมื่อวานจะน่ากลัวไปบ้าง แต่หนูก็ไม่ได้เจ็บอะไร


    ‘---แต่ก็กินเธอได้เหมือนกัน’


    ไม่เจ็บเลยจริง ๆ นะ

    ไม่กลัวเลยสักนิด


    เพี๊ยะ!


    ถึงจะคิดอย่างนั้น

    แต่รู้ตัวอีกทีก็ปัดมือของเขาออก หนีออกมาจากที่ตรงนั้นเหมือนสิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่เจอผู้ล่าเสียแล้ว




    (3)


    “ยัยตะกละ?”


    โชคบังเอิญยังทำงานได้ดี

    เดินไร้จุดหมายได้ไม่นานก็เจอมิลกี้

    ลูกชายคนรองบ้านโซลดิ๊กทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาตี่ ๆ เบิกกว้างจากเดิมน้อยนิดก่อนจะหรี่ลง เดินเข้ามาจับเธอหันซ้ายหันขวา บ่นเรื่องการแต่งตัวที่ไม่ใส่ชุดเดรสฟูฟ่องเหมือนเดิม มือหนาตบแก้มเธอแปะ ๆ แล้วถามว่าไปกินอะไรจนสมองกลับมา ถ้าแม่เห็นสภาพโทรมจัดแบบนี้ของลูกทูนหัวเข้าต้องใจสลายแน่

    เธออยากจะทักแต่ก็คิดคำพูดในหัวไม่ออก จึงพยายามสูดลมหายใจเรียกสติ แต่ก็กลายเป็นว่าสะอื้นออกมา

    ตอนนั้นมิลกี้ถึงสังเกตอะไรใต้เสื้อฮู้ดได้ เขาขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนเจอเรื่องยุ่งยาก กำลังจะทิ้งเธอแล้วไปเที่ยวด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับมา คว้าเอามือที่เล็กจนสามารถกำได้ทั้งหมดไปด้วย

    “ฉันหิวแล้ว”

    เขาว่าอย่างนั้น

    ก่อนจะลากเธอไปตะลุยร้านอาหารทั่วยอร์คชิน



    ….



    “ชิ้นนั้นฉันจองแล้วนะ!”

    “แต่คนที่จ่ายคือฉัน!”

    จีกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยว มองมิลกี้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อขนาดใหญ่เข้าปากในคำเดียว พอกินเสร็จยังมาทำยักคิ้วเหมือนเยาะเย้ยกันอีก เธอกำส้อมในมือแน่น แก้มป่องขึ้นอย่างคนทำอะไรไม่ได้

    “ฉันจะออกช่วยก็ได้ค่ะ”

    มิลกี้หยุดกิน ส่ายหน้าแล้วมองด้วยสายตาเวทนา

    “อาหารร้านนี้แพงนะ”

    ไม่รู้ว่านึกสงสารหรืออะไรถึงยกจานเนื้อมาให้ จียิ้มแฉ่ง ดวงตากลมวาววับเมื่อจ้องมองเนื้อคุณภาพดี ความโกรธเกรี้ยวเมื่อกี้หายไปในพริบตา

    เนื้ออร่อย หมูก็นุ่ม อาหารทะเลตรงนั้นก็สุดยอด เมื่อสองคนตะกละอยู่ในโต๊ะเดียวกัน ถึงจะสั่งเพิ่มแต่ไม่นานอาหารก็หมดอย่างรวดเร็ว มิลกี้ถือบิลดูจำนวนเงินที่ต้องจ่ายแล้วก็ถอนหายใจ ทำหน้าเศร้า พึมพำว่าไม่ควรพาตัวตะกละมาผลาญเงินเพิ่มเลย

    “เธอติดหนี้ฉันเยอะแล้วนะยัยตะกละ”

    “คะ?” ตัวตะกละที่ว่าไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อนสักนิดแม้จะถูกมองด้วยสายตาที่พร้อมจะงับหัวทุกเมื่อ “มิลกี้ ร้านต่อไปเอาเป็นคาเฟ่ตรงนั้นนะ”

    ชี้ไปที่ร้านอีกฝั่งซึ่งแต่งด้วยสีชมพูโดดเด่น คู่รักเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น มิลกี้มองแล้วทำหน้าแหยง แต่ก็ได้เดินเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกดึง

    ชั่วขณะคิดอยากผลักออกแล้วไปเที่ยวคนเดียว แต่เมื่อเห็นรอยช้ำจาง ๆ ที่ข้อมืออีกฝ่ายความคิดนั้นก็หายไป มิลกี้นึกหาเหตุผลที่ยอมให้ยัยตะกละใช้เงินที่เขาหามาอย่างยากลำบาก จบท้ายก็อ้างแม่ ใช่แล้ว! ถ้าไม่ดูแลลูกทูนหัวให้ดีแม่ต้องบ่นเขาตายแน่ๆ

    พอมาถึงร้านก็ร้องอ๋อ สาเหตุที่มีคู่รักมาเยอะก็เพราะโปรโมชั่นเปิดร้านใหม่ คนมีคู่ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์

    มิลกี้คิ้วกระตุกเมื่อได้กลิ่นความรักอบอวล พอมองเข้าไปในร้านแล้วเห็นคู่รักป้อนเค้กกันแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอยากจะลากยัยตะกละไปที่อื่นเมื่อฟังพนักงานอธิบายเงื่อนไขของการลดราคาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    พิสูจน์การเป็นคู่รัก

    โอ้

    เขายอมจ่ายราคาเต็มดีกว่า

    แต่เหมือนคนที่ลากมาจะไม่รับรู้ความรู้สึกเลยสักนิด ดวงตากลมกะพริบเหมือนกำลังประมวลผล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ยิ้มหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง

    สัมผัสนุ่มๆเหมือนมาร์ชเมลโล่ค้างอยู่ที่แก้ม

    ก่อนจะผละออก

    มิลกี้รู้สึกเหมือนในหัวหมุนไปหมด เขาว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำหน้าแปลก ๆ ออกไปแน่ พนักงานก็คงคิดสงสัย รอยยิ้มการค้าค้างไป อึกอักทำตัวไม่ถูกเมื่อมองมาที่เขากับเด็กสาวตัวเล็ก ปากที่กำลังจะค้านเรื่องคู่รักพะงาบ ๆ อยู่นั่นเมื่อเจอรอยยิ้มหวานของยัยตะกละ

    “ขอโทษนะคะพี่สาว คนนี้เค้าขี้อายน่ะ ถ้าทำมากกว่านี้หนูต้องโดนดุแน่ ๆ เลย”

    พนักงานยิ้มเขิน ยกมือปิดหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเจอรอยยิ้มแสบตาหรืออะไร จดๆอะไรในกระดาษครู่หนึ่งก็เชิญให้เข้าไปในร้านตรงที่นั่งคู่รัก ก่อนไปยังมาแอบกระซิบเขาว่า ‘แฟนน่ารักดีนะคะ’ อีก

    เชื่อด้วยว่ะ



    …..



    “พี่เขาสอนน่ะ”

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกมาเที่ยวแล้วเจอโปรโมชั่นแบบนี้ แต่ก่อนก็ไม่รู้อะไรหรอก ต้องขอบคุณเหล่าพี่ชายพี่สาวที่สอนให้

    ยิ้มหวานๆ จุ๊บซ้ายทีขวาที พอจ่ายแบบลดราคาแล้วก็จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปซื้อของกินร้านอื่นได้อีก ที่สำคัญคือไม่ต้องนองเลือดปล้นเค้กด้วยเพราะพี่ชอบให้จุ๊บ จุ๊บแล้วก็จะอารมณ์ดี ยอมใช้วิถีคนปรกติวันนึง

    มิลกี้ทำหน้าตายซาก ใช้ส้อมเขี่ยชีสเค้กแบบหมดอาลัยตายอยาก ท่าทางดูไม่อยากกินเลยแม้แต่น้อย

    “เธอมีพี่ด้วยเหรอ?”

    “ฮื่อ”

    “สอนอะไรแบบนี้ให้เด็กดูไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ คงไม่ใช่พี่ชายไม่แท้หรอกนะเหอะๆ” ตัดเค้กมากินด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ บ่นว่าหวานก่อนจะดื่มกาแฟตามลงไป “รอยกัดนั่นพี่เธอก็เป็นคนทำเหรอ?”

    พี่ไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย

    “อิลูมิ”

    คนนั้นต่างหาก

    มิลูกิเบิกตากว้างจากเดิม มองเธอตั้งแต่บนจรดล่าง โน้มมาดูรอยกัดกับรอยช้ำที่ข้อมือ ก่อนจะสบถออกมา ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าตอนเห็นตัวเลขบนบิลอาหาร ได้ยินแว่วๆว่าพรากเยาว์ๆอะไรสักอย่าง

    “ปรกติพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนา...” มิลกี้ยกเค้กมาให้เธอด้วยใบหน้าใจดีกว่าเดิมนิดหน่อย ถ้าไม่คิดไปเองเหมือนเขากำลังหาทางปลอบอยู่ “ถึงจะหน้านิ่งไปหน่อย โหดไปนิด แต่ก็ไม่ชอบไปยุ่งกับผู้หญิงมั่วยกเว้นเรื่องงาน”

    “พี่สาวปากแดง” เธอพึมพำขณะตักเค้กที่ได้รับมา “เห็นอิลูมิกับพี่สาวปากแดงอยู่ด้วยกัน”

    มิลกี้ร้องห๊ะ ใบหน้างุนงง ซักถามต่อว่าลักษณะของพี่สาวที่พูดถึงเป็นแบบไหน เธอนึกย้อนไปถึงตอนเช้า พูดเท่าที่จำได้ “นอกจากปากจะแดงแล้วพี่สาวคนนั้นก็มีผมสีแดงด้วย เสียงแหลมๆ แล้วก็เนื้อเยอะ อิลูมิคงชอบคนมีเนื้อเยอะ ๆ แบบนั้นล่ะมั้ง”

    มิลูกิสบถออกมาอีกคำ ใบหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเครียด

    เธอไม่เข้าใจท่าทางนั้น ก้มหน้าตักเครมบรูเล่กินไปเงียบ ๆ พบว่าร้านนี้ทำออกมาได้ไม่เลว ถึงจะไม่อร่อยเท่าขนมที่คุณแม่ทำแต่ก็ให้ผ่าน คัสตาร์ดวนิลาหวานหอมราวกับจะละลายบนลิ้น รสน้ำตาลที่ถูกเผาตกแต่งด้านบนก็ไม่ได้ทำให้รสชาติด้อยลงเลย ตอนกลับก็สั่งอีกสักถ้วยไปกินดีกว่า----

    มิลกี้ตบโต๊ะเรียกความสนใจ

    “ฟังนะ” เขามองเธอ มือที่วางบนโต๊ะกำแล้วก็แบออก ค่อย ๆ เอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    “แต่ก่อนมีปัญหานิดหน่อย ปู่ดันเมาแล้วไปตกลง---เอ้อ ช่างเหอะ พี่สาวที่เธอว่านั่นน่าจะเป็นคนจากตระกูลเนลสัน พวกค้าข่าวอะไรเทือกนั้น---น่าจะชื่อมีอา เนลสัน? ลูกสาวคนโตของตระกูล ผู้หญิงปากแดงที่พี่เกี่ยวข้องด้วยบ่อยที่สุดฉันก็นึกได้แต่คนนี้”


    “เธอเป็นคู่หมั้นของพี่”


    “เรื่องมันกี่ปีมาแล้วนะ จำได้ว่าตอนนั้นฉันก็เกือบจะซวยเหมือนกัน แต่ด้วยการต่อรองกับความฉลาดก็เลยไม่โดน...” มิลกี้เคาะนิ้วกับโต๊ะ เหมือนกำลังนึกข้อมูลอีกอย่างให้ออก

    อิลูมิมีคนจองตัวซะแล้ว

    เธอมองดูแก้วน้ำบรรจุของเหลวสีสดใส คนหลอดวนไปมาจนน้ำแข็งกระทบแก้วเกิดเสียง ไปยุ่งกับของที่ไม่ควรแตะแบบนี้ถ้าพี่คนนั้นรู้ต้องแย่แน่เลย

    มิลกี้พูดต่อ

    “จำได้ว่าตระกูลนั้นมีลูกสาวสองคน คนแรกคือมีอา ส่วนคนที่สองมาเบล---ใช่ไหมนะ? ช่างเหอะ คนนี้เป็นลูกสาวคนเล็กสุด อายุห่างกับฉันก็เยอะ เหอะๆ ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็ดูไม่ชอบฉันด้วย เอาไปเอามาแจ็กพอตก็เลยไปลงที่คนอายุใกล้เคียงกันที่สุด...”

    ถึงจะชอบแย่งกิน แต่มิลกี้ก็ไม่ได้แย่สักหน่อย

    ชิมเครื่องดื่มหวานอมเปรี้ยวไปอึกหนึ่ง มองพี่ชายคนรองด้วยความสงสาร ถูกไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกนี่ต้องช้ำใจแค่ไหนกันนะ ฮื่อ ร้านต่อไปจีจะเลี้ยงเองก็แล้วกัน


    “คิรัวร์”


    เธอเงยหน้าขึ้นมามองทั้งที่มาการองยังคาอยู่ที่ปาก กะพริบตาปริบ เอียงคออย่างสงสัยว่าชื่อของคุณแมวที่เอ่ยออกมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวซับซ้อนเมื่อกี้

    มิลกี้ดูเครียด เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มองเธอด้วยสายตาแปลกๆแล้วก็ถอนหายใจ จนจีต้องถอนหายใจตาม

    วันนี้มิลกี้ถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วนะ ทั้งที่ภายนอกดูไม่น่ามีเรื่องให้เครียดเลยแท้ๆ ค่อยถามดีกว่าว่ามีปัญหาอะไร ถ้าหนักมากเพื่อนคนนี้จะช่วยก็ได้

    ดันกล่องมาการองไปให้คนที่นิ่งตั้งแต่พูดชื่อคิรัวร์ออกมา ทำมือบอกให้กินได้ มาการองกล่องนี้ชิมแล้วรสไม่หวานมากจนบาดลิ้น มิลกี้ก็น่าจะกินได้โดยไม่ฝืนใจ

    เอาน่า กินของหวานให้หายเครียดก่อน

    เรื่องปัญหาปรึกษาจีได้! (`∀´)ゝ”


    “ปัญญาอ่อนน่ายัยตะกละ”


    มิลกี้ด่า แต่ก็ยอมหยิบไปกินชิ้นนึง

    รอยยิ้มเหมือนไม่ใช่รอยยิ้มเท่าไหร่

    เขาดูไม่อยากพูดออกมา

    แต่จีก็จ้องจนอีกฝ่ายบอกจนได้





    “ยัยลูกคนเล็กนั่นน่ะ เป็นคู่หมั้นของคิรัวร์”






    แค่หนึ่งประโยค

    ก็ทำให้รสหวานในปากเปลี่ยนเป็นความฝาดเฝื่อน








    ----------------

    [ลงตอนไม่ดึกได้แล้ว!]


    sharp : a strong bitter flavor

    รสชาติที่ขมมาก



    -------------------



    -หัวข้อ- อาหาร

    ไอ : ....

    อิลูมิ : ฉัน

    ไอ : หุบปากนะ!



    -----------------

    ลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างค่ะ

    ไม่ได้บรรยายมุมมองที่3นานแล้วก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเลยค่า แงงง;---; ถ้าอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆจะกลับมาบรรยายมุมมองที่หนึ่งเหมือนเดิมนะคะ



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×