ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 21 : นิทราแรก (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.89K
      172
      10 พ.ย. 57

    บทที่ 21 นิทราแรก 45%

     

    เมืองแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

     

                ในห้องสวีทบนชั้นสูงสุดของโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแมนฮัตตัน ปรากฏร่างของชายที่ตอนนี้ถูกเข้าใจว่ามาที่อเมริกาเพื่อรักษาอาการป่วยกับอีกหนึ่งชายที่ถูกยกย่องจากเพื่อนสนิทว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผู้หญิง กำลังสนทนากันด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด เอกสารหลายแผ่นกระจายเกลื่อนอยู่เต็มโต๊ะที่ทั้งคู่ใช้เจรจา เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นดูแล้วจ้องมันเขม็ง

     

                “มีแค่นี้เหรอ?” อิทาจิถามด้วยเสียงเย็นเยียบในขณะที่สายตาก็ไล่อ่านรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นที่ตนถือซ้ำแล้วซ้ำอีก

     

                “ครับ นี่เป็นข้อมูลส่วนที่ลึกที่สุดที่เราหามาได้” ซาโซริตอบเสียงสงบ เขาหยิบซองเอกสารอีกซองที่ยังไม่ได้เปิดอ่านออกมาจากกระเป๋าเก็บเอกสารแล้วยื่นให้อิทาจิ “ส่วนนี่เป็นหลักฐานการโอนเงินของประธานฟุเสะในช่วงสามสิบปีก่อนครับ”

     

                “ไม่มีประโยชน์” อิทาจิพูด เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ซาโซริยื่นให้ด้วยซ้ำ

     

                “แต่ถ้าเราลองเทียบเลขที่บัญชีดูดีๆเราก็อาจจะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงไปถึงคนๆนั้นก็ได้นะครับ”

     

                “เจ้านั่นมันคงไม่ทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้หรอกหรือถ้ามันทิ้งไว้ป่านนี้ฉันก็คงหาเจอไปนานแล้ว” อิทาจิพูดก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยล้า

     

    ที่เหลือคงต้องฝากความหวังไว้กับหมอนั่น

     

                ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกเพื่อชมทัศนียภาพยามค่ำคืนของมหานครนิวยอร์ก แสงไฟหลากสีสันของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลไม่ได้ช่วยให้จิตใจที่ต้องพบพานกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าของเขาสงบลงเลย

     

    น้อยครั้งจริงๆที่เขาจะเป็นแบบนี้...

    น้อยครั้งจริงๆที่เขาจะต้องรู้สึกพ่ายแพ้...

     

                ปกติอิทาจิไม่ใช่คนที่คิดแต่จะเอาชนะเหมือนกับน้องชาย การพ่ายแพ้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาปรารถนาจะลิ้มลองด้วยคิดว่าหากแพ้ไม่เป็นก็คงจะชนะไม่ได้ แต่สำหรับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเดียวที่เขาอยากจะเอาชนะ เป็นเรื่องเดียวที่เขาปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้

     

    มันคือคดีเมื่อยี่สิบสองปีก่อน...

    คดี...ที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา...

     

                เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของคู่สนทนาดังขัดความคิดของชายผู้มากประสบการณ์ ซาโซริที่กำลังวุ่นอยู่กับการเช็คเลขที่บัญชีชะงักมือค้างก่อนจะควานๆหาโทรศัพท์ของตัวเองที่คงนอนสงบอยู่ใต้กองเอกสารที่กระจายเกลื่อน หลังจากคุ้ยๆหาอยู่สักพักเขาก็พบเจ้าตัวการที่กำลังแผดเสียงลั่น ซาโซริมองดูเบอร์ของคนที่โทรเข้ามาแล้วขมวดคิ้วสงสัย

     

                “น้องชายฉันเหรอ?” เสียงผู้อาวุโสกว่าถามมาทำให้ เพื่อนน้องชาย อย่างเขาถึงกับขนลุกเพราะคนที่โทรเข้ามาก็คือซาสึเกะจริงๆ

     

                “รับเถอะ ฉันว่าตอนนี้มันคงกำลังต้องการความช่วยเหลือจากแกอยู่” คนพูดพูดพร้อมกับยิ้มแต่คนฟังกลับมือไม้สั่นอย่างบอกไม่ถูก

     

    พูดอย่างกับมีตาทิพย์!

     

                “งั้นผมขอตัวซักครู่นะครับ” ซาโซริพูดก่อนจะเดินหลบฉากออกไปที่ระเบียง เขากดรับสายจากเพื่อนสนิททันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่นอกรัศมีการจับตามองของอิทาจิ

     

                “แก...”

     

                “อย่าเพิ่งพูดอะไรแล้วฟังฉันก่อน... ฉันมีเรื่องอยากจะถาม” ปลายสายสวนขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนทั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบประโยค ซาโซริชักสีหน้าอย่างเอือมระอา

     

    มันก็เป็นแบบนี้ทุกที!

     

                “...”

     

                “แก...” แล้วจู่ๆอีกฝ่ายก็ชะงักเงียบไปไม่ถามอะไรต่อ ซาโซริขมวดคิ้วยุ่ง

     

    มันเป็นอะไรของมัน?

     

                “แกเคย...”

     

                “เคย?”

     

                “ผู้หญิง...”

     

    “ผู้หญิงอะไร?”

     

    “ ไม่ใช่...”

     

                “ตกลงแกมีเรื่องอะไรจะถามฉันวะครับ!?!” เขาถามย้ำเสียงหงุดหงิด ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าปลายสายที่กำลังคุยกับเขาอยู่มันใช่ไอ้คุณเพื่อนตัวดีของเขาหรือเปล่า ไอ้ลักษณะการพูดแบบตะกุกตะกักดูไม่มั่นใจน่ะไม่ว่าดูยังไงๆมันก็ห่างไกลจากลักษณะของผู้ชายที่ชื่ออุจิวะ ซาสึเกะชัดๆ

     

                “ไอ้ซัส...”

     

    ตรู๊ดๆๆ

     

    ตัดสาย?

     

    ตัดสายไปแล้ว...

    มันตัดสายเขาไปอีกแล้ว!

     

    นี่มันเห็นว่าเขาเป็นถังขยะที่ต้องคอยรองรับอารมณ์แปรปรวนของมันรึไง!?!

     

                 

    .

    .

    .

     

    น่าอายเกินไป!

    น่าอายเกินไปที่จะไปถามอะไรแบบนั้นจากซาโซริ

     

                ก็ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันมาแล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเจ้าหล่อน... เขาจะไปสนใจทำไม ซาสึเกะนั่งนิ่ง... ในหัวกำลังจินตนาการภาพของคนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังทำอะไรอย่างว่ากับเจ้าศัตรูตัวฉกาจแล้วเขาก็ต้องทึ้งศีรษะตัวเองเหมือนคนบ้า สายตาคมกริบหันกลับไปมองร่างเล็กที่ยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติ เนื้อตัวของเธอบอบช้ำและเต็มไปด้วยร่องรอยของเขา ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่ยากจะอธิบายผุดขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าคงมีผู้ชายอีกหลายคนที่ได้ครอบครอง... ได้สัมผัสเธอเหมือนกับเขา...

     

    โกรธ...

     

                โกรธจนอยากจะไปกระชากตัวคนที่นอนไม่รู้เรื่องแล้วปลุกขึ้นมาถามนักว่าทำไมเธอต้องยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวตัวเอง

     

    ทำไมเธอถึงไม่รอ...

    ไม่รอเขา...

     

    แล้วทำไมต้องรอ?

     

                เกิดคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ร่างสูงไม่เข้าใจนักว่าตัวเองกำลังหวังอะไรจากผู้หญิงคนนั้น... ผู้หญิงที่เขารังเกียจและไม่อยากจะข้องเกี่ยว ผู้หญิงที่ยอมเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อเงิน ยอมขายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแลกกับเศษเงินแบบนั้น เขากำลังหวังอะไรจากเธอ?

     

    หวังว่าจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเธองั้นหรือ?

     

    หรือหวัง...

     

    ...ว่าจะได้เป็นคนที่เธอ รัก ?

     

                “อืม...” เสียงพึมพำไม่ได้สติจากคนบนเตียงทำให้ซาสึเกะได้สติ เขาสลัดความคิดแปลกๆออกไปจากหัว ความจริงแล้วเขาอาจจะไม่ได้หวังอะไรก็ได้ เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำไป ที่เขาทำไปทั้งหมดมันก็เป็นแค่การ สั่งสอนเธอที่ชอบขัดคำสั่งเขา ทั้งหมดมันก็มีแค่นั้น...

     

    เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะรู้สึกอย่างอื่นกับผู้หญิง...

    ที่เขามีมันก็แค่ความเกลียดชัง...

     

    แค่เกลียด...

     

                “หนาว...” ร่างบางพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับนอนขดตัวแน่น บนร่างของเธอไม่มีสิ่งที่ช่วยให้ความอบอุ่นเลยสักชิ้น ผ้าห่มผืนหนาที่ควรจะอยู่บนเตียงกลับถูกเหวี่ยงลงมากองอยู่ที่พื้น ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองมันอย่างเฉยชา...

     

    “...”

     

    “เจ็บ...”

     

    “...”

     

    “ฮึก...” เสียงสะอื้นดังพร้อมๆกับหยดน้ำตามากมายไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย แม้สติของเธอจะถูกกระชากออกไปจนหมดหากแต่ร่างกายก็ยังตอบสนองความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ มันตอบสนองความเจ็บช้ำในใจของเธอในรูปแบบของน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่ขาดสาย

     

    น้ำตาของผู้หญิงมีไว้ก็แค่เพื่อเรียกร้องความสนใจ...

     

                ซาสึเกะคิด และมันก็เป็นสิ่งที่เขาเชื่อมาโดยตลอด เขาไม่เชื่อว่าน้ำตาของผู้หญิงจะมีไว้เพื่อจุดประสงค์อื่นนอกจากเรียกร้องความสนใจ เขาคงจะเชื่อแบบนั้นต่อไปถ้าตอนนี้หัวใจของเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บ...

     

    ใช่...

    เขากำลังเจ็บ...

    เจ็บที่ต้องเห็นน้ำตาของเธอ...

     

                และแล้วเขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งที่ออกมาจากใจที่กำลังร้าวระบมได้ ซาสึเกะตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำ ร่างสูงก้มลงหยิบผ้าห่มที่หล่นอยู่ที่พื้นก่อนจะคลี่มันออกแล้วห่มให้คนที่กำลังนอนร้องไห้ตัวสั่นอยู่บนเตียง แต่ถึงแม้จะทำอย่างนั้นคนตัวเล็กกว่าก็ไม่มีท่าทีสงบลงเลย เธอยังคงร้องไห้ในขณะที่ปากก็ยังคงพึมพำคำพูดที่จับใจความแทบไม่ได้

     

                “...”

     

    และก็เป็นอีกครั้งที่เขาตัดสินใจทำอะไรที่เหมือนไม่ใช่ตัวเอง...

     

                ซาสึเกะก้าวขึ้นเตียงไปก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆคนกำลังเพ้อ เขาซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับร่างเล็กแล้วรั้งตัวเธอเข้ามาชิดจนใบหน้านวลแนบไปกับแผ่นอกแข็งแกร่ง กลิ่นกายหอมๆของเธอที่แสนคิดถึงลอยเข้ามาปะทะจมูก

     

                “ฮึก...”

     

    เสียงสะอื้นของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัว...

    หยดน้ำตาของเธอยังคงเปรอะเปื้อนอยู่เต็มแผ่นอกของเขา...

     

    แต่เธอยิ่งร้องไห้...เขาก็ยิ่งกอดเธอให้แน่นกว่าเดิม...

     

                มันเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกสับสนกับตัวเอง ร่างกายของเขาตอบสนองผิดกับที่สมองสั่งการไปเสียหมด ซาสึเกะไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายการกระทำหรือความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้ รู้แต่ว่าถ้าเขาปล่อยเธอไปเขาจะต้องเสียใจ... และก็รู้อีกเหมือนกันว่าถ้าเขาเก็บเธอเอาไว้แบบนี้...

     

    เขา...

    ก็จะต้องมาเสียใจทีหลัง...

     

     

                ไม่มีเสียงอื่นใดดังแทรกความเงียบในยามราตรี... ราวกับทุกสรรพสิ่งต้องการจะปล่อยให้นิทราแรกของพวกเขาทั้งสองดำเนินต่อไป...

     

    และขับกล่อมจิตใจ...

    ที่เต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บช้ำ...

     

    ...ให้สงบลง...

     

     

     

                เนื่องจากวันนี้นารูโตะอวสานไปแล้ว ร้องไห้กระซิกๆ ไรเตอร์จึงขอตามเทรนด์ด้วยการอัพฟิค (ฮะ?) แง้งงงงง เค้าคิดถึงซาสึเกะ คิดถึงซากุระ คิดถึงนารูโตะและทุกๆคน เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก กระซิกๆ T.T~ แง่ม แต่ถึงการ์ตูนจะจบไปแล้วแต่ฟิคยังไม่จบ ฮ่าๆ ยังไงก็รอติดตามด้วยนะคะ^^ แต่ไรท์มีลางสังหรณ์แปลกๆว่าเขาจะทำรุ่นลูกออกมา ขอให้ทำทีเถอะ สาธุ~

     

                มาพูดเรื่องฟิคบ้าง >___< เนื้อเรื่องในตอนนี้มาแนวหวานแบบขมๆ แง่ม -.,- และก็มีการแง้มปมในเรื่องเพิ่มมาอีกนิดนึง ขออภัยที่ตอนนี้แต่งมาได้ไม่ครบ 100%นะคะ พรุ่งนี้ไรท์จะเดินทางไปสอบแล้วค่ะ อวยพรให้เค้าด้วยนะตัวเอง จุ๊บๆ>.<
     

     

    55%

     

               

                ดวงตาสีรัตติกาลตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว ตอนนี้เขากลับมายังห้องพักเดิมของตนแล้วเพราะจำเป็นต้องกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้าร่วมงานประมูลซึ่งจะจัดขึ้นในเวลาบ่าย ร่างสูงลบเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานออกไปจากหัวเมื่อเขาต้องขึ้นสังเวียนการต่อสู้ที่มีอาณาจักรของเขาเป็นเดิมพัน

     

    เขากลับมาเป็นตัวเขาอีกครั้ง...

    หลังจากที่สูญเสียความเป็นตัวเองไป...

     

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด...

    สมควรถูกลืม...

     

    “คุณ...ปล่อยฉันไปได้มั้ยคะ... ฉันขอร้อง...”

     

                มันเป็นประโยคแรกที่เธอพูดกับเขาหลังจากที่ฟื้นคืนสติ เป็นประโยคที่พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด เธอพูดแบบนั้นกับเขา... เขาที่นอนกอดเธอมาตลอดทั้งคืน... ในตอนนั้นเขาทำได้เพียงนิ่งเงียบฟังเสียงเว้าวอนของเธอ ฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเธอจนกระทั่งเธอหลับไปอีกครั้ง

     

    สายไปแล้ว

     

                นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับเธอที่หลับไป มันสายเกินไปแล้วที่จะขอให้เขาปล่อยเธอไป...

     

    เขาทำแบบนั้นไม่ได้

     

    ก๊อกๆๆ

     

                เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะดังขึ้นในขณะที่เขาผูกเน็คไทเสร็จพอดี ซาสึเกะพับปกเสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบเสื้อสูทที่เข้าชุดกันขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องแต่งตัว

     

                “ประตูไม่ได้ล็อก” เขาพูดเสียงไม่ดังนักแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนรออยู่นอกประตูได้ยิน จูโกะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ ไม่มีคำพูดทักทายใดๆจากปากของลูกน้องคนสนิทเหมือนทุกที

     

                “มีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันให้เวลาห้านาที” ซาสึเกะพูดขึ้นทั้งที่ตัวเองยังหันหลังอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นสีหน้าของเลขานอกสถานที่ของตนแต่ก็พอจะเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้

     

    จูโกะกำลังโกรธ...

     

                “เมื่อคืนคุณซาสึเกะไปอยู่ที่ไหนมาครับ” จูโกะถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างผิดปกติ ดูเหมือนว่าตอนนี้ความเคารพนอบน้อมที่เขาเคยมีต่อผู้เป็นนายจะลดลงไปมากกว่าครึ่ง ดวงตาสีเพลิงจ้องมองเจ้านายของตนอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

     

                “นายก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...” ซาสึเกะพูดพร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากับลูกน้อง สายตาของเขาช่างแข็งกร้าวและดุดันเสียจนคนมองถึงกับผงะ “...แล้วจะมาถามฉันทำไม”

     

                “...”

     

                “ถ้าเรื่องที่ทำให้นายไม่พอใจฉันมีแค่นี้ล่ะก็ เลิกสนใจและก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว” พูดจบก็เดินผ่านเลขาของตนไปราวกับไม่ใส่ใจนัก จูโกะมองตามเจ้านายไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

     

                “คุณทำผิดสัญญาไม่ใช่เหรอครับ...” สุดท้ายเลขาหนุ่มก็พูดออกมา น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความตัดพ้อจนคนฟังรู้สึกได้

     

                “...”

     

                “คุณบอกว่าซากุระจะไม่มีทางได้แตะต้องตัวคุณ...” จูโกะพูด เขาเว้นวรรคไปราวกับประโยคเหล่านั้นมันทำให้เขาเจ็บปวด “...และคุณเองก็ไม่มีวันจะไปแตะต้องเธอ”

     

                “...”

     

                “แล้วทำไม...”

     

                “จูโกะ” เสียงเรียบนิ่งของคนมากอำนาจดังขัดประโยคที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อของเลขาหนุ่ม ซาสึเกะหยุดยืนนิ่ง เขายังคงหันหลังให้ผู้ติดตามราวกับไม่ต้องการเห็นสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของอีกฝ่าย    

     

                “ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเป็นของฉัน ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย 

     

                “...”

     

                “นายไม่มีสิทธิ์...มาหึงหวงแม่นั่นต่อหน้าฉัน”

     

                “...”

     

                “ตัดใจซะ...” ซาสึเกะพูดเสียงราบเรียบ น้ำเสียงของเขาดูเย็นชาและไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจใดๆ  

     

    “ความรู้สึกที่นายมีต่อผู้หญิงคนนั้น...ตัดมันให้หมด”

     

    .

    .

    .

     

                งานประมูลสัมปทานถูกจัดขึ้นในโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปจากโรงแรมที่เขาพักราวๆหนึ่งกิโลเมตร ร่างสูงในชุดสูทสีดำเรียบหรูก้าวลงจากรถพร้อมกับเลขาคนสนิท ใบหน้างดงามเกินบุรุษแต่กลับเรียบเฉยและเย็นเยือกของซาสึเกะเป็นที่เด่นสะดุดตาจนทำให้เหล่านักข่าวที่ยืนรอทำข่าวกันอยู่หน้าโรงแรมต่างพากันยกกล้องขึ้นมาจับภาพ แต่ทุกคนก็ทำได้เพียงถ่ายภาพในระยะไกลเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเข้ามาสัมภาษณ์เขาสักคน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าราชา...เป็นบุคคลที่ไม่ควรเข้าใกล้

     

    ยิ่งนักข่าวที่เป็นผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่...

    อาละวาดจนกล้องพังยับก็ยังทำมาแล้ว...

     

                ซาสึเกะเดินผ่านกองทัพนักข่าวที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูแล้วเข้าไปในตัวโรงแรม นักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศที่เขาเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ่อยๆต่างพากันจับจองพื้นที่ต่างๆของล็อบบี้โรงแรมเป็นที่นั่งเพื่อรอเวลาเข้าร่วมประมูลซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า บรรยากาศโดยรอบดูกดดันขึ้นมาทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในเขตล็อบบี้ สายตาแทบทุกคู่จับจ้องมายังผู้มาใหม่ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ จนกระทั่ง...

     

                “ที่บอกว่าอุจิวะสนใจจะมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวน่ะ คงไม่ใช่เรื่องโกหกสินะคะ”

     

                เสียงหวานใสหากแต่เต็มไปด้วยอำนาจของใครคนหนึ่งเอ่ยทำลายความเงียบ แม้ไม่เห็นหน้าแต่น้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาจำได้ทันที มันเป็นเสียงของผู้หญิง... ที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ ใกล้ชิดเขาที่สุด

     

    ฟุรุคาวะ คาริน

    เพื่อนสมัยเรียนไฮสคูลของเขา

     

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คุณซาสึเกะ” คารินพูดแล้วสืบเท้าเข้ามาใกล้จนเขาได้กลิ่นน้ำหอมที่แสนยั่วยวนของอีกฝ่าย ก่อนที่ซาสึเกะจะได้สติแล้วถอยหลังไปอย่างรังเกียจ และพอเห็นเขาทำท่าทางแบบนั้นแทนที่จะโกรธแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคักราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก

     

                “ยังเป็นโรคกลัวผู้หญิงอยู่เหรอคะเนี่ย” เธอพูดแล้วหัวเราะอีกครั้ง

     

    ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้...

    เธอก็คือผู้หญิงคนเดียวที่ไม่เคยเกรงกลัวเขาเลย...

     

                “มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เขาถามเสียงเรียบหลังจากปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ดวงตาสีรัตติกาลมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างไม่นึกเกรงใจ คารินจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยจัดและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เธอมีเรือนร่างที่แสนสมบูรณ์แบบจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา และเรือนผมสีแดงเพลิงที่เด่นสะดุดตานั่นก็ช่างเข้ากันกับใบหน้ารูปไข่ที่แสนเย่อยิ่งของเธอยิ่งนัก

     

    เธอเป็นผู้หญิงประเภทที่ทำให้ผู้ชายทุกคนยอมศิโรราบเพียงแค่ได้มอง...

     

                “ฉันตามคุณพ่อมาน่ะค่ะ” คารินตอบพร้อมกับยิ้ม ซึ่งแค่คำตอบนั้นก็ทำให้ร่างสูงถึงกับบางอ้อ เพราะบิดาของหญิงสาวตรงหน้าคือผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้มีการจัดการประมูลสัมปทานในครั้งนี้ ฟุรุคาวะ คาสึจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักที่จะเห็นเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวคอยติดตามดูการทำงานของผู้เป็นพ่อ

     

    เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้มีแค่ความสวย

    หากแต่ความสามารถของเธอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน

     

    “ว่าแต่คุณน่ะ...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ ดวงตาสีโกเมนมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ เรียวปากได้รูประบายยิ้มในแบบที่เขาไม่ชอบ

     

    รอยยิ้มที่คล้ายกับอิทาจิ

     

                “...”

     

                “...ไปหัดใช้สายตาแบบนี้มาจากที่ไหนคะ”

     

                คำถามที่แปลกประหลาดกับท่าทางที่ดูไม่น่าไว้ใจทำให้ราชาถึงกับทำตัวไม่ถูก ซาสึเกะขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

     

                “หมายความว่ายังไง” ร่างสูงถามออกไปเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจภาษายากๆที่ผู้ใหญ่ใช้

     

                “ก็สายตา...” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการจะยั่วโมโหเขา ดวงตาสีโกเมนหรี่ลงอย่างจับผิดก่อนที่ริมฝีปากอิ่มสวยจะพูดประโยคที่ทำให้เขาถึงกับผงะ

     

     “ที่ดูยั่วยวนและเร่าร้อนแบบที่คุณกำลังทำอยู่น่ะค่ะ คุณไปเรียนรู้มาจากที่ไหนเหรอ?”

     

    !!!

     

    ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไร!?!

     

                “เหลวไหล” ซาสึเกะเอ่ยอย่างหงุดหงิด แต่ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ในหัวของเขามันมีแต่ภาพของคนๆนั้นที่ป่านนี้คงนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ที่โรงแรม

     

    ทั้งที่อยากจะลืม...

    แต่สมองกลับจดจำได้ทุกอย่าง...

    ทุกรายละเอียด...

     

    และพอคิดถึงทีไร...

    ร่างกายของเขา...

    มันก็เหมือนไม่ใช่ของเขา...

     

                “แต่ถ้าพูดถึงสายตาที่เร่าร้อนจนทำเอาสาวๆครึ่งค่อนประเทศยอมถวายตัวให้ล่ะก็...” เสียงหวานใสของคารินดึงเขาให้หลุดออกจากภวังค์ ซาสึเกะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายและก็พบว่าตอนนี้ดวงตาสีโกเมนของเธอไม่ได้กำลังมองมาที่เขา แต่กลับมองผ่านตัวเขาไป...

     

    ผู้หญิงคนนี้ยิ้มอีกแล้ว...

     

                “...คงต้องยกให้เขาล่ะ” คารินว่าก่อนจะพยักเพยิดหน้าเป็นเชิงบอกให้เขาหันหลังกลับไปดู และเมื่อทำตามที่เธอว่า เขาก็พบ...

     

    ภาพที่ทำให้เขา...

     

    แทบบ้า!!!

     

     

     

                ในที่สุดก็แต่งจบตอนแล้ว!!! (ปรบมือ เย้>__<) หลังจากไปสอบมาแล้ว (อย่าถามผลมันนะ เจ็บปวดT^T) ก็กลับมาแต่งต่อให้จบตอนจนได้ ว่าจะถามอยู่ว่าใครใช้ chromeอ่านแล้วตัวหนังสือมันเป็นแบบตัวใหญ่ๆดูอ่านยากๆหรือเปล่าคะ คือตอนแต่งไรท์ใช้ Cordia new 18 แต่เมื่อกี้โหลดchormeใหม่แล้วลองเปิดดู มันเหมือนว่าchromeไม่รองรับตัวอักษรแบบอื่นแฮะ ก็เลยไปลองดูในfirefoxซึ่งมันก็เป็นแบบอักษรปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร ไรท์ไม่รู้จะแก้ปัญหาให้ยังไง เอาเป็นว่าถ้าใครอ่านแล้วมันไม่สบายตาก็ลองปรับตัวอักษรดูในหน้านิยายนะคะ หรือไม่ก็ลองเปลี่ยนเบราว์เซอร์ไปใช้firefox แทนนะคะ

                ปล. ตอนนี้ก็เปิดตัวเจ๊ขาประจำแล้ว เย้! เกรงว่าถ้านางมาช้ากว่านี้เรื่องนี้คงจะมีเกินห้าสิบตอน -..- และไรท์เองก็จัดการเปลี่ยนนามสกุลให้นางเรียบร้อย เกรงว่าถ้าใช้อุซึมากิ(เห็นว่ามาจากตระกูลนี้)ก็คิดว่าเนื้อเรื่องคงจะเละเทะเป็นโจ๊กแน่ๆ

                ปล.2 ที่อัพนิยายเมื่อวันที่ 6 อันนั้นไรท์มาตามเทรนด์ค่า อยากฝากอะไรไว้ในวันที่นารูโตะอวสานบ้าง แต่กำหนดการดองยังคงเหมือนเดิม (ก๋อโต้ดกั๊บT^T) แต่ว่าถ้าไรท์ว่างก็จะมาแต่งต่อให้นะคะ คงจะมาๆขาดๆหายๆแบบนี้ไปจนกว่าจะสอบเสร็จง่ะ

                ปล.3 ใครรอคอยโมเม้นท์ประมาณว่าเกะมันหึงล่ะก็... คงจะได้อ่านกันจนเบื่อเชียวล่ะค่ะ เพราะตอนนี้มันเริ่มแล้ว!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×