ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #40 : CHAPTER 34 : พบกันอีกครั้ง (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.17K
      135
      5 มี.ค. 58

    บทที่ 34 พบกันอีกครั้ง

     

    ช็อกทั้งวงการ!

    ราชาแห่งอาณาจักรการเงินอุจิวะ ซาสึเกะ

    ประกาศลั่นระฆังวิวาห์สายฟ้าแลบกับไฮโซสาวฟุรุคาวะ คาริน

    งานนี้ต้องเรียกว่าทำคนอกหักกันทั้งประเทศ เมื่อราชาหนุ่มรูปงามทำเรื่องเหลือเชื่อด้วยการประกาศ

    แต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีการคลัง... (อ่านต่อหน้า32)

     

                ข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าทำให้ร่างสูงเจ้าของดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลรู้สึกเหมือนมีใครเอาของแข็งๆมาฟาดที่ศีรษะ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ...           

               

    “พี่นารูโตะคะ วันนี้ฉันทำข้าวต้มกุ้ง...” เสียงหวานใสของฮินาตะดังขึ้นพร้อมๆกับร่างเล็กเดินถือชามข้าวต้มมาเสิร์ฟ แต่เสียงนั้นหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นผู้เป็นสามีลุกขึ้นเดินไปคว้าเสื้อสูทด้วยท่าทางเร่งรีบ

     

    “จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” ถามออกไปอย่างงุนงงพลางเหลือบมองนาฬิกาติดผนัง

     

    ยังไม่เจ็ดโมงเลยด้วยซ้ำ

     

                “พี่ขอไม่ทานมื้อเช้านะครับคนดี พอดีว่าวันนี้พี่รีบน่ะครับ”

     

                “มีอะ...”

     

                “ไว้เจอกันตอนเย็นนะ” นารูโตะชิงพูดขัดขึ้นก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กพร้อมก้มลงประทับริมฝีปากที่หน้าผากมนเบาๆ จากนั้นก็เดินดุ่มๆออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์คุกรุ่น ฮินาตะมองตามร่างสูงไปจนลับสายตา ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีจัดด้วยความขัดเขิน หญิงสาววางชามข้าวต้มที่ตั้งใจจะยกมาเสิร์ฟนารูโตะก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่ยับยู่ยี่เหมือนถูกขยำ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย

     

    หรือที่เขารีบจะเป็นเพราะหนังสือพิมพ์นี่?

     

                ด้านคนที่เพิ่งปฏิเสธอาหารมื้อเช้าฝีมือภรรยาสุดสวยก็กำลังเหยียบคันเร่งเจ้าสปอร์ตคาร์คันสีขาวเสียมิด รถคันสวยพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับจรวด แต่ความเร็วนั้นก็ไม่อาจเอาชนะความรุ่มร้อนในใจของคนเป็นเจ้าของได้เลย มือแข็งแกร่งทุบเข้าที่พวงมาลัยครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความโกรธเกรี้ยว

     

    “ฉันจะไม่มีวันให้อภัยแก ไอ้ซาสึเกะ!

     

     

    .

    .

    .

     

     

                “คุณซาสึเกะครับ คุณอุซึมากิ นารูโตะมาขอพบคุณครับ ตอนนี้ผมให้เขารออยู่ที่ห้องรับรองแขกที่ชั้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกให้พบรึเปล่าครับ?” เสียงพนักงานต้อนรับที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้คนเป็นเจ้านายนิ่วหน้าอย่างสงสัย  

     

                “นารูโตะ?” ร่างสูงทวนคำ ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วตอบกลับด้วยเสียงเย็นเยียบ

     

    “พาขึ้นมาพบฉันที่ห้องแล้วกันคนนอกออกไปให้หมด ฉันต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”

     

    หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ร่างสูงส่งเสียงอนุญาต ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงานแผนกต้อนรับที่พาแขกกิตติมศักดิ์มาส่งถึงที่ แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่พนักงานคนนั้นเดินออกไป แขกก็พุ่งตัวเข้ามาหาคนเป็นเจ้าของห้องพร้อมประเคนหมัดหนักหน่วงเข้าใส่อย่างโกรธจัด

     

    พลั่ก!

     

                “ไอ้เลวเอ๊ย!!!

     

    พลั่ก!

     

                “แกมันก็เลวไม่ต่างจากฉันหรอก!” ซาสึเกะตอบโต้ด้วยหมัดที่รุนแรงไม่ต่างกัน สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายผิดไปจากปกติเพราะความโกรธ ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะโพล่งออกมาพร้อมกันราวกับรู้ดีว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเผชิญหน้ากันครั้งนี้

     

                “แกทำกับซากุระแบบนั้นได้ยังไง!?! / แกเอาซากุระไปซ่อนไว้ที่ไหน!?!

     

                “แก... ว่าอะไรนะ” เป็นนารูโตะที่งงงันกับคำถามนั้น

     

                “แกเอาเมียฉันไปซ่อนไว้ใช่มั้ย!?!” ถามออกไปโดยไม่สนใจจะระวังว่าใครจะมีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับคนที่หายไปหรือเปล่า

     

    ตอนนี้เขาอยากรู้แค่ว่าเธออยู่ที่ไหน?

     

                “ฉัน... ไม่ได้ทำ...”

     

                “ถ้าไม่ใช่แกแล้วมันจะเป็นใคร!?! ซากุระไม่รู้จักใคร และคนที่สามารถเอาเธอไปซ่อนโดยที่อิทธิพลของฉันตามไม่เจอมันก็มีแต่แกคนเดียว อุซึมากิ นารูโตะ!” ซาสึเกะตะคอกถามอย่างเดือดดาล ตลอดเวลาเกือบๆเดือนที่ตามหาซากุระ เขาเชื่อว่าถ้าจะมีใครสักคนเอาเธอไปซ่อนได้มิดชิดจนเขาหาไม่เจอก็คงจะมีแต่นารูโตะ เขาดึงดันทำให้ตัวเองเชื่อแบบนั้น... พยายามบอกตัวเองว่าหญิงสาวอาจจะอยู่กับชายตรงหน้า พยายาม... แม้ว่าลูกน้องของเขาจะบอกว่านารูโตะไม่เกี่ยวกับการหายตัวไปของซากุระเลยก็ตาม...

     

    ก็แค่อยากจะเชื่อว่าเธอยังปลอดภัยดี...

     

                คนถูกโยนความผิดว่าเอาคนอื่นไปซ่อนนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ ก่อนที่ใบหน้านั้นจะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อพอปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่างได้

     

    ซากุระหนีไปงั้นหรือ!?!

     

                ร่างสูงตัวชาวาบเมื่อนึกย้อนไปเกือบๆหนึ่งเดือนก่อนที่ไกรายงานมาว่าซากุระขอลาออกจากการเป็นเด็กฝึกงาน ตอนนั้นเขาเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเพราะซาสึเกะสั่งไม่ให้หญิงสาวไปทำงานที่อื่น โดยเฉพาะกับคนที่คิดจะจีบซากุระมาตั้งแต่แรกอย่างเขา แม้จะสงสัยว่าทำไมต้องถึงกับให้เปลี่ยนเบอร์ใหม่จนไม่สามารถติดต่อได้ แต่เขาก็ยังเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเพราะความหวง ไม่อยากให้เขาติดต่อกับเธออีกก็ได้

     

    แต่ความจริงนั้นกลับตาลปัตร...

     

                ซาสึเกะไม่ได้สั่ง... แต่เธอหายไปเอง และสาเหตุมันอาจจะเป็นเพราะข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์วันนี้ ซาสึเกะกำลังจะแต่งงาน... กับผู้หญิงที่ไม่ใช่เธอ!

     

                แค่คิดหัวใจคนที่รักและหวังดีต่อหญิงสาวก็เจ็บแปลบ ทำไมเขาถึงไม่สังเกตให้มันเร็วกว่านี้ ทำไมถึงได้ไว้ใจคนอย่างซาสึเกะทั้งที่ในงานแต่งของเขามันก็ควงคนอื่นไปงาน ไม่ได้ให้เกียรติ ไม่ได้รักผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขาเลย นารูโตะกัดฟันกรอด... ทั้งโกรธทั้งผิดหวังกับชายตรงหน้าที่เขาให้เกียรติมันในฐานะศัตรูมาโดยตลอด

     

                “แกทำแบบนี้กับซากุระได้ยังไง...” นารูโตะถามย้ำคำเดิม มือกำหมัดแน่น...

     

    พลั่ก!

     

                “ฉันถามว่าแกทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไงฮะ! ไอ้เวร!!!

     

    พลั่ก!

     

                “ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!! ฉันไม่ได้... ตั้งใจจะปล่อยเธอไป”

     

                นารูโตะมองใบหน้าเศร้าหมองของคนที่เพิ่งต่อยตัวเองอย่างเย็นชา ก่อนจะยกมือเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปาก

     

    “เหอะ! แล้วตอนนี้แกจะมาทุรนทุรายไปทำไมล่ะ คนเก่าหายไปก็ดีแล้วนี่ แกกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ที่คู่ควรไม่ใช่เหรอ? ยินดีด้วยนะ ว่าที่เจ้าบ่าวส่วนซากุระ... ฉันจะไปหาเธอและพาตัวเธอกลับมา และจะไม่มีวันให้แกได้แตะต้องเธออีก!!!

     

                “ไอ้เวรเอ๊ย!!!

     

    พลั่ก!

     

                “ถ้าฉันเวร แกก็เวรกว่าล่ะวะ!

     

    พลั่ก!

     

                “บอกมา! ซากุระอยู่ที่ไหน!?!” ซาสึเกะกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายพร้อมตะคอกถาม สภาพของเขาในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างจากคนตรงหน้าเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อเหลาบวมช้ำและเต็มไปด้วยคราบเลือด

     

                “ฉันไม่รู้! ถึงฉันรู้ฉันก็ไม่บอกคนอย่างแกหรอก...” พูดพร้อมกับปัดมือของอีกฝ่ายออก “ ฉันหลงคิดว่าปีศาจอย่างแกจะดูแลเธอได้ คิดผิดว่าคนอย่างแกจะไม่ทำให้เธอเสียใจ... แต่ฉันมันโง่เอง! ยังไงแกมันก็เป็นแกอยู่วันยังค่ำ แกไม่ได้เปลี่ยนไปเลย... เป็นราชาไร้หัวใจ เห็นชีวิตของคนอื่นเป็นสิ่งไร้ค่า ความรักของซากุระคงเป็นแค่ขยะสำหรับแกสินะ ไอ้ชั่ว!!!

     

    พลั่ก!

     

                “แกอย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย!

     

    พลั่ก!

     

                “คนอย่างแกมันจะไปรู้อะไร! แกไม่ใช่ฉัน! แกไม่ได้ตกอยู่ในสภาพเดียวกับฉัน อย่ามาพูดเหมือนรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง...” เสียงนั้นแสนเศร้าจนคนฟังที่แม้อยู่ในอารมณ์โกรธยังต้องหยุดชะงัก แต่ก็ไม่วายประเคนหมัดใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง

     

    พลั่ก!

     

                “แล้วแกเข้าใจความเจ็บของฉันมั้ยไอ้ปีศาจ!

     

    พลั่ก!

     

                “ซากุระเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันรัก... แต่เธอไม่ได้รักฉัน เธอรักคนอย่างแก... ส่วนฉันน่ะเหรอ... ฉันต้องแต่งงานกับคนที่ฉันรักเหมือนน้องสาวแท้ๆ แต่ฉันก็วางใจว่าแกจะดูแลซากุระได้ดีกว่าฉัน แล้วตอนนี้มันเป็นยังไง? แกขยี้หัวใจของฉันแล้วทำเธอหายไป! แกคิดว่าฉันจะเจ็บแค่ไหนที่รู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดแต่ฉันช่วยอะไรไม่ได้!!!

     

    พลั่ก!

     

                หมัดสุดท้ายกลับไม่หนักหน่วงรุนแรงเหมือนก่อนหน้า ราวกับว่าเจ้าของหมัดหมดแรงหมดพลังจะสู้ นารูโตะกระชากคอเสื้อคนที่ตรงหน้าที่กลายร่างเป็นคนไร้วิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเป็นทาง...

     

                “ดูแลเค้าให้ดีกว่านี้หน่อย... ไม่ได้รึไง?” พูดเสียงสั่นเครือพลางเขย่าตัวศัตรูที่เขาไม่เคยจะเอาชนะได้อย่างแรง

     

    “ตอนนี้ฉันมีครอบครัวแล้ว... ฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอให้นายยกเลิกงานแต่งงานนั่นแล้วกลับไปดูแลซากุระ ชีวิตของเธอเจ็บปวดมามาก... นายทำให้เธอมีความสุขหน่อยได้มั้ย?... ฉันขอร้อง...”

     

                “บางครั้ง... คนเราก็ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้หรอก บางทีอาจจะต้องฝืนใจ กล้ำกลืนความเจ็บปวด ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร... ทั้งที่จริง... ฉันเองก็อยากจะร้องไห้จะตายอยู่แล้ว”

     

     

     

     

                ช่วงนี้บักเกะของเราโดนกระหน่ำซัมเมอร์เซลจริงๆ -.,- อ่า... ไม่ต้องเศร้าไป เดี๋ยวก็ได้เจอแล้วเนาะ อิอิ >< 
     

    70%

     

     

                “หน้าคุณ... ไปโดนอะไรมาคะคุณซาสึเกะ”

     

                เป็นประโยคแรกที่หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงทักทายเขา ซาสึเกะใช้มือคลำๆดูที่ใบหน้าของตนที่ยังคงเหลือรอยฟกช้ำจางๆที่ได้มาจากการแลกหมัดกับศัตรูตัวฉกาจเมื่อสามวันก่อน เขาหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคารินก่อนจะโกหกออกไป

     

                “สองสามวันก่อนฉันไปชกมวยกับจูโกะก็เลยได้แผลมานิดหน่อย”

     

                “ไอ้ไพร่นั่น... มันกล้าดียังไงถึงมาทำให้คุณเจ็บตัว เห็นทีคงต้องสั่งสอน...” หญิงสาวพูดออกมาอย่างฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าแสนสมบูรณ์แบบของซาสึเกะมีรอยช้ำก็คือคนใช้กระจอกๆ แต่ประโยคที่เธอเพิ่งพูดไปกลับทำให้คนฟังโกรธ ร่างสูงเบนสายตาแข็งกร้าวกลับมามอง ว่าที่เจ้าสาวก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น

     

                “ฉันไม่ได้อนุญาตให้เธอเรียกคนของฉันด้วยคำต่ำๆแบบนั้น และจูโกะก็เหมือนคนในครอบครัวของฉัน อย่ายุ่งกับเขาเด็ดขาด”

     

                “ไอ้ขี้ข้านั่นมันสำคัญกับคุณมากกว่าฉันเหรอคะ คุณถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้”

     

                “ใช่... เธอเทียบไม่ติดเลยล่ะ” ตอบแบบไม่รักษาน้ำใจพร้อมกับเดินตรงดิ่งไปที่รถตู้ที่จอดรอโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดไหน

     

                “คุณซาสึเกะ! คุณทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะคะ!

     

                “จะไปมั้ย? ถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับไปทำงาน”

     

                พอได้ยินคนที่นั่งรอในรถถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย หญิงสาวก็ได้แต่เดินปึงปังขึ้นรถไปอย่างไม่พอใจพร้อมกับสาบานกับตัวเองในใจ

     

    ฉันจะทำให้คุณมาสยบแทบเท้าฉันให้ได้!

     

                รถตู้เคลื่อนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ธนาคารอุจิวะ มุ่งตรงไปยังสนามบินฮาเนดะเพื่อพาเจ้านายทั้งสองไปส่ง ปลายทางของการเดินทางครั้งนี้คือโรงแรมซึนะ สาขานิเสะโกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตฮอกไกโดซึ่งเป็นเกาะที่อยู่เหนือสุดของประเทศ และเจ้าของโรงแรมนั้นก็เป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

     

    ซาบาคุ โนะ กาอาระ

    หนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนเอาตัวซากุระไปซ่อน!

     

                แต่เพราะคุณหมอหนุ่มผู้นี้มีหลักฐานว่าอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดคืนเกิดเหตุ ประกอบกับตอนนั้นเขาพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวนารูโตะ และค่อนข้างจะเชื่อว่าภรรยาของตนไม่มีทางไปไหนมาไหนกับคนที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนแน่นอน ทำให้หมอกาอาระหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยปริยาย

     

                แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางไปยังโรงแรมซึนะในครั้งนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตามหาตัวอดีตภรรยาของเขาแต่อย่างใด และผู้กำหนดจุดหมายปลายทางก็คือหญิงสาวที่นั่งกอดอกไม่พอใจเขาอยู่ข้างๆ คารินต้องการรางวัลที่สามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการได้สำเร็จ และรางวัลนี้ก็อยู่นอกเหนือข้อตกลงเรื่องการแต่งงาน เธอจึงเลือกที่จะให้เขาไปเที่ยวกับเธอสองต่อสองที่เกาะทางเหนือโดยพักที่โรงแรมเปิดใหม่ของอดีตเพื่อนร่วมสถาบันสมัยมหาวิทยาลัยอย่างกาอาระ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้... เขาคิดว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องยอมจ่าย... เพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา..

      

                กว่าที่ทั้งคู่จะมาถึงจุดหมายปลายทางก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ คารินที่อยากเดินชมทิวทัศน์ที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะคว้าตัวซาสึเกะลงจากรถกลางทางก่อนจะถึงโรงแรม เธอควงแขนเขาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเดินผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวช่วงวันหยุด

     

                “อย่ามาเดินเกาะแข้งเกาะขาฉัน ฉันรำคาญ” ร่างสูงพูดอย่างหงุดหงิดพลางสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงสาว แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังส่งยิ้มหวานมาให้แม้จะรู้ว่าเขาสะอิดสะเอียนกับมันเต็มทน

     

                “เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกค่ะ ก็คุณน่ะฮอตซะขนาดนี้ ถ้าไม่จับไว้ดีๆสาวๆหนุ่มๆพวกนั้นมาฉกคุณไปฉันก็แย่ล่ะสิ”

     

                “ฉันไม่ใช่สิ่งของที่ใครนึกจะหยิบไปตอนไหนก็ได้ แต่เธอยังจะกลัวอะไรอีกล่ะ ตอนนี้คนทั้งโลกก็รู้แล้วว่าเธอกับฉันกำลังจะแต่งงานกัน ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับของของ แม่มดอย่างเธอหรอก” เขาพูดเสียงเย็น ปรายตามองคนข้างๆด้วยสายตาดูถูก คารินในตอนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความสุขุมดังเดิมแล้ว หล่อนเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขายอมตกลงแต่งงาน กลายเป็นผู้หญิงที่มีแต่ความลุ่มหลง หึงหวง...

     

    แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความอันตราย...

     

                “ใช่ค่ะ ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับแม่มดอย่างฉันหรอก และก็ไม่มีใคร... หนีออกจากกับดักของแม่มดได้เหมือนกัน” เธอพูดอย่างท้าทายก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงดังลั่น หญิงสาวยอมปล่อยแขนของชายหนุ่มอย่างจำใจเมื่อเห็นเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา

     

                “คุณรออยู่ตรงนี้นะคะ ขอฉันไปรับโทรศัพท์ก่อน” พูดจบก็เดินห่างออกไปหลายสิบเมตรเพื่อรับโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าละความสนใจจากตน ร่างสูงก็เดินหลบฉากออกมาตามอำเภอใจ ไม่ได้คิดสนใจคำสั่งของอีกฝ่ายสักนิด

     

                ซาสึเกะเดินเอื่อยเฉื่อยมาตามทางเดินยาวๆที่ตรงไปยังโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปเกือบๆกิโล เขาเดินผ่านครอบครัวนักท่องเที่ยวครอบครัวหนึ่งที่มากันห้าคน มีพ่อกับแม่และก็ลูกๆที่อยู่ในวัยกำลังซนอีกสามคน ทั้งห้าสวมเสื้อกันหนาวสีฟ้าสดใสเหมือนกัน พูดคุยหยอกล้อกันไปตลอดทางจนคนที่เดินมาคนเดียวรู้สึกอิจฉา

     

    ครอบครัว...

     

                ชั่วชีวิตนี้เขาแทบไม่เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นแบบนั้นเลย  พอคิดจะมีครอบครัวกับเขาบ้าง โชคชะตาก็กลั่นแกล้งให้ต้องตัดใจ ต้องฝังกลบความรู้สึกเหล่านั้นแล้วกลับมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเหมือนเดิม...

     

    จะต่างจากเดิมก็ตรง... เจ็บ... จนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรแล้ว

               

                ร่างสูงละสายตาจากครอบครัวสุขสันต์นั้นเมื่อเด็กน้อยคนหนึ่งสังเกตได้ว่าเขากำลังจ้องอยู่ เขาออกเดินต่อเพราะอยากกลับไปพักที่โรงแรมเต็มแก่ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงัก หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อสายตาปะทะเข้ากับเจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ใกล้ๆคนงานที่กำลังตักหิมะออกจากถนน

     

    แม้ว่าเธอจะยืนหันหลังให้...

    แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียง...

     

                แต่สำหรับคนที่เฝ้ารอเฝ้ามองหามาตลอด ทำไมจะไม่รู้เล่าว่าคนที่มองเห็นอยู่ไกลๆนั้นคือเจ้าของหัวใจที่เขากำลังเป็นห่วง... หัวใจที่เหมือนถูกพรากไปกลับมาเต้นอีกครั้ง ทั้งโล่งใจที่เห็นว่าเธอยังปลอดภัย และดีใจ... ที่ได้พบกันอีก

    ร่างสูงพึมพำ... ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังมองเธอผ่านม่านน้ำตา...

     

                “อยู่ที่นี่เองเหรอ... ซากุระ...”

     

    .

    .

    .

     

     

                “ให้หนูช่วยมั้ยคะคุณลุง?” เจ้าของเสียงหวานถาม ดวงตาสีมรกตมองพลั่วตักหิมะในมือชายวัยกวางคนตาละห้อย

     

                “อย่าลำบากเลยครับคุณผู้หญิง” อีกฝ่ายตอบปฏิเสธพลางยิ้มอย่างลำบากใจ แต่คนชอบตื๊อก็ยังไม่เลิกรา

     

                “แต่กว่าคุณลุงจะกวาดหิมะเสร็จคงเย็นพอดี ให้หนูช่วยเถอะนะคะ คุณลุงจะได้ไปพักเร็วๆ”

     

                “โธ่ คุณผู้หญิง ท่านประธานย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามไม่ให้คุณผู้หญิงทำงานเด็ดขาด ถ้าท่านรู้ว่าผมให้คุณช่วย ผมอาจจะไม่จบแค่ถูกตำหนินะครับ เห็นใจผมหน่อยเถอะ”

     

                “ถ้าเราไม่พูดซะอย่าง คุณหมอก็ไม่รู้หรอกค่ะ น้า~ นะคะ นะๆๆ ฉันอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง แค่ซักนิดก็ยังดี” หญิงสาวขอร้องพลางกระพริบตาปริบๆเรียกร้องความสงสาร แต่คนงานวัยกลางคนก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ

     

                “ไม่ได้จริงๆครับ”

     

                “ฮึ่ม! คุณลุงน่ะใจร้าย!

     

                ต่อว่าเสร็จก็เดินเชิดหน้าอย่างงอนๆไปทางอื่นจนคนมองตามส่ายหน้าอย่างระอา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่สาวสวยเจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระมาอ้อนวอนขอเขาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆน้อยๆอย่างตัดเล็มต้นไม้เพื่อตกแต่งสวน หรืองานใหญ่ๆอย่างการกวาดหิมะนี่ก็ตาม สาวเจ้าก็เข้ามาขอทำหมด และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่มันหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน ขนาดปฏิเสธไปทุกครั้งคุณเธอก็ยังคงไม่ละความพยายาม จนเขาชักจะสงสัยเสียแล้วว่างานหนักๆพวกนี้มันมีเสน่ห์น่าดึงดูดให้ทำตรงไหน คนงานอาวุโสส่งยิ้มแกนๆให้ร่างแบบบางที่เดินงอนออกไปก่อนจะก้มหน้าก้มตากวาดหิมะต่อ

     

    แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนดี และในอนาคตก็อาจจะมาเป็นเจ้านายของเขาอีกคนก็ได้

     

                ด้านคนเพิ่งถูกปฏิเสธให้ช่วยงานก็เดินอารมณ์บูดไปตามทางเดินโล่งๆเพราะหิมะถูกกวาดไปกองอยู่สองข้างทาง นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหมั่นไส้คุณหมอจอมดุที่ห้ามไม่ให้เธอทำอะไรเลยนอกจากนั่ง นอน กินอยู่ที่บ้านพัก มิหนำซ้ำยังให้การดูแลอย่างดีราวกับเจ้าหญิงในปราสาท เธอรู้สึกขอบคุณเขาที่เขาให้ความช่วยเหลือเธอมากเหลือเกิน ถึงเขาจะเคยบอกว่าทำไปเพราะมีใจให้เธอก็เถอะ แต่เธอก็ปฏิเสธเขาไปแล้ว การที่เขายังคงปฏิบัติกับเธอดีดังเดิมทุกประการมันทำให้ต่อมความเกรงใจของเธอชักจะทำงานหนักจนทนไม่ได้ที่จะนั่งๆนอนๆเป็นภาระเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็เหมือนว่าต่อมเป็นห่วงของฝ่ายจะทำงานหนักพอๆกัน เพราะคุณหมอหนุ่มก็ยังคงกีดกันไม่ให้เธอได้มีโอกาสตอบแทนอะไร ทั้งยังกำชับคนในปกครองทุกคนไม่ให้ใครให้งานเธอทำอีกต่างหาก เธอเคยไปขอร้องเขาให้บรรจุเธอเป็นพนักงานในโรงแรมตำแหน่งอะไรก็ได้เพื่อทำงานชดใช้เขาบ้าง แต่เขาก็ปฏิเสธโดยอ้างว่าถ้าให้เธอทำงานมันจะส่งผลกระทบถึงเด็กในท้อง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องตัดใจเดินคอตกกลับไปนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้านพักเหมือนเดิม หญิงสาวยกมือลูบท้องเบาๆอย่างรักใคร่...

     

    แม่จะพยายามสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างอนาคตให้หนูนะ ตัวเล็กของแม่

     

                ร่างบางเดินมองวิวทิวทัศน์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้ดูทาง เธอเดินชนใครบางคนเข้าอย่างจัง...

     

    “ว้าย!!!” ริมฝีปากเล็กหลุดเสียงอุทานออกมาได้แค่นั้นก่อนที่ทั้งตัวจะเสียหลักจนเกือบจะล้มลงไปกองบนพื้นหิมะลื่นๆ ยังดีที่มีมือของคนที่ถูกชนสอดเข้ามารับตัวเธอได้พอดิบพอดี

     

    ความรู้สึกกลัวแล่นปราดขึ้นถึงกลางใจ ร่างบางหายใจหอบถี่ราวกับคนเพิ่งออกกำลัง มือเล็กกุมที่ท้องอย่างตกใจ เมื่อกี้ถ้าเธอพลาดล้มลงไป...

     

    ลูกของเธออาจเป็นอันตรายได้...

     

    พอเริ่มตั้งสติได้คนไม่ทันระวังตัวก็พยายามกลับมายืนด้วยขาของตัวเอง แต่เธอกลับไม่สามารถผละตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของคนที่กำลังโอบตัวเธอได้เลย ดวงตาสีมรกตเริ่มตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกว่าสองแขนของอีกฝ่ายกอดรัดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกอึดอัด... กลับรู้สึกคิดถึงมันเสียด้วยซ้ำ...

     

    คิดถึงเหรอ?

     

                ร่างบางสั่นศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะออกแรงขืนตัวออกจากวงแขนแข็งแกร่งอีกครั้ง คราวนี้คนกอดยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระแต่โดยดี ซากุระก้มหน้าก้มตามองพื้น ผงกศีรษะขอโทษขอโพยอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด

     

                “ขะ... ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ขอบคุณนะคะที่ช่วย...!!!” เสียงของเธอขาดหายไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่ชน เหลือเพียงอาการอ้าปากค้างอย่างตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง ไม่คิดว่าจะมาคนตรงหน้าที่นี่...

     

                “คุณ... ซาสึเกะ...”

     

                เรียกชื่อคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา หยดน้ำใสๆคลออยู่ที่หน่วยตาโดยอัตโนมัติ... เมื่อสามวันก่อนเธอได้อ่านข่าวการประกาศแต่งงานของเขา... ข่าวนั้นมันทำให้เธอเศร้าซึมจนต้องนอนร้องไห้ทั้งคืน แต่พอรุ่งเช้าเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะลืมเขาให้ได้และมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อลูกของเธอ แต่ตอนนี้เขามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ...

     

    ยืนมองเธอ...

    ด้วยสายตาที่แสนโหยหา...

     

                ร่างบางยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้นราวกับความว่าเย็นของอากาศได้แช่แข็งเธอไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวสั่งให้ตัวเองเดินหลบคนใจร้ายไปซะ แต่ขาของเธอไม่ยอมขยับตาม แถมสายตามันยังทรยศ ดึงดันจะมองหน้าคนที่ไล่เธอออกจากบ้าน...

     

    เขาผอมลง... ใบหน้าก็ดูอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ มิหนำซ้ำยังมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมดราวกับเพิ่งไปทะเลาะวิวาทกับใครมา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแทบจะตลอดเวลา แววตาของเขาดูเศร้า... เศร้ามาก...

     

    ดวงตาสองคู่ประสานกัน...

    ต่างฝ่ายต่างรู้ตัวว่า คิดถึง มากแค่ไหน แต่คนหนึ่งกลับทำได้เพียงยืนเงียบทั้งที่ในหัวมีคำพูดมากมายอยากจะบอก มือแข็งแกร่งกำแน่นข่มความรู้สึก ไม่อาจวิ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้าให้หายคิดถึงได้เพราะภาระหน้าที่ที่กำลังแบกรับ ส่วนอีกคน... ก็ได้แต่ยืนนิ่ง มองคนที่ทำลายหัวใจของตนให้แหลกสลายไม่มีชิ้นดี... ด้วยแววตาที่แสนปวดร้าว...

     

    ...มีแต่ความเจ็บปวด...

     

                “เดินออกมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะคะ ใจร้ายมากนะคะคุณซาสึเกะที่ทิ้งฉันไว้แบบนั้น”

     

    น้ำเสียงไม่พอใจของใครคนหนึ่งทำให้คนสองคนตื่นจากภวังค์ ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกอย่างตกใจ และเมื่อคิดไม่สามารถซ่อนร่างเล็กให้พ้นจากสายตาแสนคมกริบของคนที่กำลังเดินตรงมาหาได้ เขาก็จำเป็นต้องสวมบทคนใจร้ายเล่นละครตบตา ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความโหยหาอาวรณ์แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและแสนรังเกียจ

     

    “อ้าว! นั่นอดีตเมียเก็บของคุณนี่ เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” คารินร้องทักอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นคนที่ตามหามายืนคุยกับ ของเก่า ที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอพยายามสงบสติอารมณ์ ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มอย่างดูถูก

     

                “แล้วฉันจะรู้มั้ย” หันไปตอบคนมาใหม่เสียงหงุดหงิดก่อนจะเบนสายตากลับมายังคนที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

     

    “หึ! แต่ก็คงมา รับจ๊อบล่ะมั้ง ช่วงนี้เทศกาลท่องเที่ยวนี่ อยู่ที่นี่คงทำเงินได้มากพอดูเลยล่ะสิ”

     

                “ จ๊อบ? จ๊อบที่ว่านี่หมายถึงอาชีพ เมียเก็บ เปล่าคะ?” เจ้าของเรือนผมสีแดงว่าก่อนจะทำท่าตกอกตกใจ “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ พอดีว่าฉันไม่ค่อยรู้จักคุณเท่าไหร่ แต่คุณซาสึเกะเล่าให้ฟังว่าคุณรับจ้างเป็นเมียเก็บของพวกคนรวยๆ ก็เลยคิดว่าคุณคงมาทำอาชีพเก่าที่นี่ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ”

     

                “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือสาหรอก... กับความคิดของคน” ร่างบางพูดเหมือนไม่ถือสา แต่ทว่าในใจกลับเจ็บปวดแสนสาหัส... เธอไม่สนคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าหรอก ตอนนี้ไม่ได้สนคำดูถูกของใครต่อใครแล้ว แต่กับคำพูดของเขา...

     

    แค่เพียงเล็กน้อยมันก็ทำให้เจ็บเจียนตาย...

     

                และยิ่งได้มาเห็นเขายืนควงแขนอยู่กับคนรักใหม่... ผู้หญิงที่เพียบพร้อมคู่ควรกับเขาทุกอย่าง ความเจ็บนั้นก็เหมือนจะกัดกินไปทั้งใจ...

     

                “แต่ว่าถ้าไม่ใช่มาขายตัว... อ๊ะ! เอ่อ... เอาเป็นว่าตอนนี้คุณทำงานอะไรอยู่คะ? คุณพักอยู่ที่นี่รึเปล่าหรือว่าแค่มาเที่ยว? ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ฉันเองก็พอรู้จักคนใหญ่คนโตอยู่บ้าง ถ้าคุณยังไม่มีงานทำและอยากได้ งานล่ะก็ บอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันติดต่อพวกท่านให้ รับรองว่าชีวิตของคุณจะสบายกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า”

     

                แทบไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่า งานที่เจ้าของใบหน้าสมบูรณ์แบบตรงหน้าพูดถึงคืองานอะไร ซากุระหน้าชากับคำพูดที่ไม่ให้เกียรติกันของอีกฝ่าย ยิ่งเจ็บปวดเข้าไปใหญ่เมื่อคนที่เคยบอกว่า รักเอาแต่ยืนส่งยิ้มสมเพชมาให้ มือเล็กกำเข้าหากันแน่นก่อนจะพูด

     

                “คุณไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ และตอนนี้ชีวิตของฉันก็สุขสบายดี ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ... รู้สึก... เหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากขุมนรกชั้นต่ำ” ร่างบางพูดตอบกลับด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อนพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่าย คารินดูจะหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มมาให้

     

                “ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระต้องไปทำต่อ”

     

                พูดจบก็ตั้งท่าจะเดินหนีจากเหตุการณ์อันน่าอัปยศ แต่แล้วก็ต้องเซถลาจนแทบจะล้มเมื่อแขนข้างหนึ่งถูกร่างสูงรั้งไว้ท่ามกลางความตกใจของหญิงสาวอีกคน

     

                “ทำอะไรของคุณคะคุณซาสึเกะ?” คารินร้องถาม ดวงตาสีโกเมนเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่ทว่าร่างสูงไม่ตอบ เขาสนใจเพียงร่างบางเจ้าของเรือนผมสีชมพูตรงหน้าเท่านั้น ลืมการแสดงไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินจากไป

     

                “จะรีบหนีไปไหนล่ะ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ อุตส่าห์เจอ คนคุ้นเคยทั้งที เดินหนีไปแบบนี้น่ะไม่รู้รึไงว่ามันเสียมารยาท”

     

                “แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพวกคุณนี่คะ เชิญพวกคุณสนุกกันต่อเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนแล้ว”

     

                “แล้วไม่คิดจะร่วมแสดงความยินดีกับพวกฉันหน่อยเหรอ ที่พวกเรากำลังจะแต่งงาน...”

     

    คำพูดนั้นเปรียบเสมือนมีดคมๆที่กรีดกลางใจ มันช่างเจ็บปวด... แต่ก็ยังฝืนยิ้ม... ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอยังมีเยื่อใย ยังมีเขาอยู่เต็มหัวใจ...

     

    “ยินดีด้วยค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ” พูดเหมือนไม่รู้สึกอะไรพลางแกะมือออกอีกครั้งแต่ผลก็ยังคงเดิม มิหนำซ้ำเขายังจับแขนเธอไว้แน่นกว่าเดิมเสียอีก

     

    “กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ”

     

    “หึ!

     

    “คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน! ปล่อย!

     

    “ทำมาเป็นเล่นตัว หรือต้อง จ่าย ให้ก่อนถึงจะยอมอยู่คุยกันดีๆ” พูดเสียงเยาะพลางจ้องหน้าเธอนิ่ง ร่างบางยิ้มเหยียดทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล

     

    “เก็บเงินของคุณคืนไปเถอะค่ะ เพราะต่อให้จ่ายมาเท่าไหร่... มันก็ไม่ได้ทำให้คุณดูน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงน้อยลงเลย!

     

                “ซากุระ!!!” คนตัวสูงตะคอกเสียงดังเมื่อได้ยินถ้อยคำแสนร้ายกาจ เธอคงไม่รู้ว่าเขาคิดถึงเธอมากแค่ไหน... คงไม่รู้ว่าเขาต้องทรมานแค่ไหนที่ไม่รู้ข่าวคราวอะไรของเธอเลย เธอทำให้เขาเกือบจะบ้า... ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา ทั้งเป็นห่วง... เขารู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่รั้งเธอไว้ รู้ว่าตัวเองทำให้เธอเจ็บปวด... แต่ก็แค่...

     

    อยากอยู่ด้วยกันนานๆ...

    มากกว่านี้... แค่สักหนึ่งหรือสองนาทีก็ยังดี...

     

                “คุณปล่อยฉันนะ!!!

     

                “ทำไม!?! กะอีแค่มองหน้าฉันนี่มันลำบากมากนักรึไงฮะ!

     

                “ใช่! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ! ฉันเกลียดคุณ! ปล่อยฉัน!” ทั้งร้องทั้งดิ้นทั้งสะบัด ทำทุกวิถีทางเพื่อจะสลัดแขนให้หลุดจากมือแกร่ง และเสียงโวยวายนั้นเองที่ทำให้คนงานคนเดิมที่กวาดหิมะอยู่ใกล้ๆวิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ

     

                “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับคุณผู้หญิง!?!

     

    คำเรียกของคนงานวัยกลางคนทำให้ร่างสูงชะงัก...

     

                “คุณผู้หญิง? นี่เธอเป็น คุณผู้หญิง งั้นเหรอ?”

     

                คุณผู้หญิง? มันก็หมายความว่าตอนนี้เธอเป็นคุณนายของใครสักคน... เธอ... แต่งงานใหม่หรือ!?! แค่คิดคนเป็นอดีตสามีก็โกรธจนควันออกหู หัวใจเจ็บช้ำรุนแรง ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะรักแค่เขาคนเดียว... สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ให้ใครมาแทนที่ แล้วทำไม...

     

                “ตอบฉันมานะ ตอนนี้เธอเป็นของใคร!?! เธอไปเป็นเมียน้อยของใครอยู่ใช่มั้ย!?!” ตะคอกใส่เหมือนคนสติแตกพลางบีบต้นแขนเล็กเสียแรงจนร่างบางร้องด้วยความเจ็บ

     

                “โอ๊ย!

     

                “ฉันบอกให้ตอบ!!!

     

                “เธอไม่ใช่เมียน้อยของใครทั้งนั้นแหละครับ”

     

    เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งเอ่ยขัดบรรยากาศที่กำลังดุเดือดและเต็มไปด้วยเพลิงโกรธของราชา ซาสึเกะตวัดสายตาไปมองเจ้าของเสียง ความโกรธที่มีอยู่เดิมดูเหมือนจะเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างสูงของคุณหมอหนุ่มสุดหล่อที่เดินเข้ามาใกล้

     

    ไอ้หมอนี่... สรุปว่าเป็นมันจริงๆสินะที่พาเธอหนีมา!?!

     

    กาอาระยิ้มให้ชายหนุ่มพลางหันไปพยักหน้าบอกให้คนงานกลับไปทำงานตามปกติ ก่อนจะออกแรงแกะมือแข็งแกร่งที่กำลังบีบต้นแขนเล็กออก และไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือเพราะแรงอันมหาศาลของผู้มาใหม่กันแน่ ซาสึเกะยอมปล่อยมืออย่างง่ายดายแต่ทว่าสายตาคมกริบก็ยังคงจดจ้องอยู่ที่คุณหมอหน้าดุ กาอาระไม่สนสายตาเหมือนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อนั่น เขาโน้มตัวลงก่อนจะยกมือจิ้มหน้าผากคนที่ทำท่าว่าจะร้องไห้เบาๆพร้อมกับเอ่ยเสียงดุ

     

    “ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้อยู่ที่บ้านเฉยๆน่ะ คุณจะดื้อไปถึงไหนกัน ออกมาเดินตากลมเย็นๆแบบนี้ถ้าไม่สบายขึ้นมามันเดือดร้อนผมนะครับ”

     

    “ขอโทษค่ะ...” คนดื้อเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะแฝงกายหลบเร้นอยู่เบื้องหลังร่างสูงใหญ่ของคุณหมอ กาอาระยิ้มให้อย่างอ่อนใจ

     

    คงจะเจอมาหนัก

     

                ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มากู้สถานการณ์เลวร้ายได้ทันเวลา ถือว่าโชคดีเหลือเกินที่วันนี้เขาตัดสินใจมาใช้วันหยุดประจำสัปดาห์ที่นี่แทนที่จะอยู่โรงพยาบาล มิเช่นนั้นแม่ตัวดีที่ยืนตัวซีดตัวสั่นอยู่ข้างหลังอาจถูกคนสองคนตรงหน้ารังแกด้วยคำพูดจนช้ำในตายไปก็ได้

     

    ใจร้ายกันจริงๆ! โดยเฉพาะราชาเลือดเย็นนั่น!!!

     

    “อ้อ! เกือบลืมแน่ะ... สวัสดีครับคุณซาสึเกะ คุณคาริน ผมได้ข่าวว่าพวกคุณจะมาพักที่โรงแรมก็เลยกะว่าจะออกมาต้อนรับ แต่ก็ไม่คิดนะครับว่าจะมาเจอภาพแบบนี้...” คนมาใหม่หันไปทักสองหนุ่มสาวที่ต่างก็ยืนตะลึงพรึงเพริดกับการปรากฏของเขา ริมฝีปากหยักได้รูปกระตุกยิ้ม...

     

                “แล้ว... ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรกับ ว่าที่ภรรยา ของผมเหรอครับ? เมื่อกี้เห็นคุยกันรุนแรงเชียว”

     

                “!!!

     

    คำถามนั้นไม่ได้สร้างความตกใจแค่ร่างเล็กที่เขาโมเมว่าเป็น ว่าที่ภรรยาแต่รวมถึงคนฟังอีกสองคนที่ดูจะตกใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเจ้าของฉายาราชานรก ที่แค่ได้ยินก็ได้แต่ยืนอึ้ง ใบหน้างดงามที่มักจะเต็มไปด้วยความเย็นชาขาวซีดเหมือนกระดาษ แต่คนที่โพล่งถามออกมาก่อนกลับเป็นหญิงสาวที่ยืนเคียงข้าง

     

                “ว่าที่ภรรยา!?! นี่คุณจะแต่งงานกับเด็กคนนี้เหรอคะ?”

     

                “ครับ เรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว อาจจะหลังพวกคุณสักเดือน...” ชายหนุ่มตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิด

     

    “จริงๆก็อยากแต่งวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ แต่ผมอยากให้เธอพร้อมกว่านี้ซักหน่อย เพราะกะว่าแต่งแล้วก็คงจะมีลูกเลยน่ะครับ ผมชอบทำ อะไรๆ คืนวันแต่งซะด้วยสิ ถ้าเธอพร้อม... ผมก็คงได้ลูกวันนั้นเลย โรแมนติกใช่มั้ยล่ะครับ คุณซาสึเกะ?” พูดพร้อมกับหันหน้ามาทางคนที่ยืนเงียบ ก่อนจะตวัดมือโอบกอดคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ ดวงตาสีโอปอลมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างท้าทาย

     

                “ไม่ได้...” เสียงแผ่วเบาของราชาตอบกลับ...

     

                “หือ?”

     

                “ฉัน... ไม่อนุญาต...”

     

                “อ้าว คุณไม่เห็นด้วยเหรอครับ? แต่ก็มันช่วยไม่ได้ คุณแม่ผมท่านอยากอุ้มหลานเร็วๆ ความจริงผมก็อยากทำให้ท่านไวๆอยู่หรอก แต่ว่าที่เจ้าสาวของผมมีค่าเกินกว่าที่ผมจะทำรุ่มร่ามกับเธอก่อนวันแต่งงาน... ผมให้เกียรติเธอครับ... เพราะผมรักเธอจากใจจริง” ตอกย้ำด้วยคำพูดแทงกลางใจคนที่กำลังโกรธจนตัวสั่น

     

    แต่งงาน... มันเป็นสิ่งที่เขาทำให้เธอไม่ได้...

    แต่มันก็ไม่ได้แปลว่า... ไม่รัก...

     

                “เป็นสุภาพบุรุษจริงๆนะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าสาวของคุณจะมีค่าจริงๆอย่างที่คุณว่ารึเปล่า อย่าคาดหวังอะไรมากนักจะดีกว่านะคะคุณหมอ จะได้ไม่ต้องผิดหวัง” คารินเหน็บแนมอย่างเจ็บแสบ เธอเกลียดผู้หญิงตรงหน้าเข้าไส้! และยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ ซาสึเกะยังมีเยื่อใยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่... เธอจะต้องตัดเยื่อใยนั้นทิ้ง ทำลายหล่อนให้สิ้นซาก หล่อนจะต้องไม่มีความสุข ไม่ว่าจะกับซาสึเกะ... หรือกับใครก็ตาม!

     

                “ขอบคุณที่เตือน...” กาอาระว่า ใบหน้าหล่อเหลาติดจะดุระบายยิ้ม...

     

    “แต่ผมว่าคุณเลิกพูดจาแบบนี้กับซากุระจะดีกว่า ไม่งั้นผมจะโกรธจริงๆนะครับ”

     

    !!!

     

                “ผมจะให้พนักงานพาพวกคุณไปส่งที่โรงแรม ส่วนผมกับซากุระก็คงต้องขอตัวก่อน เที่ยวให้สนุกนะครับ คุณซาสึเกะ...” คุณหมอหนุ่มไม่ได้สนใจใบหน้าตื่นตกใจของคาริน เขาพูดก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ราชาที่ยืนนิ่ง... พร้อมกระซิบที่ข้างใบหู...

     

    “และก็ขอบคุณ... ที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าผมควรจะทำยังไงกับอดีตภรรยาของคุณดี”

     

                “แก!!!

     

                “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีเลยล่ะ ผมจะทำให้เธอลืมปีศาจอย่างคุณให้ได้!

     

     

     

                เกะโดนไปอีกหนึ่งดอกเต็มๆ! คือก็สงสารนะ แต่เอ็งสมควรโดน จะได้รู้บ้างว่าหนูกุของฉันรู้สึกยัง เชอะ! =w= ช่วงนี้ก็สะใจพ่อเป็ดของเราให้เต็มที่ แล้วเตรียมมาเสียน้ำตาให้พี่แกได้เลยค่ะ ไรต์รับรองว่าจัดหนัก(ให้เหล่ารีดเดอร์)แน่นอน ><~

     

    ปล. คารินเริ่มร้ายแบบโจ่งแจ้ง ส่วนคุณหมอก็แมนได้แสบอกมาก ไปแกล้งเกะมันมากๆเดี๋ยวมันก็ช้ำในตายพอดี(ได้ข่าวว่าใกล้ละ-.,-)

     

    100%

     

                เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มที่ร่างสูงเจ้าของดวงตาสีนิลจะมีโอกาสได้ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าหลังจากคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มานานกว่าสามชั่วโมง ซาอิเอาเท้าเขี่ยๆกระป๋องน้ำอัดลมเปล่ากับซากอาหารขยะที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้น ก่อนจะพาตัวเองหายลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่น

     

                เขากลับมายัง รังของตัวเองในอีกห้านาทีให้หลังพร้อมกับขนมขบเคี้ยวสองสามถุงกับน้ำอัดลมอีกหนึ่งกระป๋อง ซาอิกลับไปมีสมาธิกับเจ้าจอสี่เหลี่ยมบางๆอีกครั้ง เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังรัวอย่างต่อเนื่อง บนจอคอมพิวเตอร์ปรากฏตัวอักษรสลับกับตัวเลขเรียงติดกันเป็นพรืด ยากนักที่สายตาของคนธรรมดาจะสามารถเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่สำหรับผอ.แผนกไอทีคนเก่งแล้ว มันก็อ่านง่ายพอๆกับหนังสือธรรมดานั่นล่ะ

     

                นี่เป็นชีวิตประจำวันของชายที่ชื่อซาอิ... หรืออีกชื่อก็คือ เอริค แซนเดอร์สัน อันเป็นชื่อใหม่ที่เขาได้มาจาก อาเธอร์ แซนเดอร์สัน พ่อเลี้ยงผู้เป็นมหาเศรษฐีของเขานั่นเอง ซาอิใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง คอนโดราคาแพงระยับมีห้องนอนถึงสามห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว มีครัวสไตล์ตะวันตกแสนหรูหรา ห้องรับแขก แถมด้วยห้องทำงานอีกหนึ่ง แต่ซาอิใช้เวลาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่อยู่คอนโดในห้องทำงานที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นรังหนูขนาดย่อมๆไปเรียบร้อยแล้ว

     

                ยิ่งช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา... หลังจากส่งให้ใครคนหนึ่งที่คอยทำความสะอาดห้องกับดูแลหุงหาข้าวปลาอาหารให้เขาไปอยู่ในที่แสนไกล ชายหนุ่มก็หันมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองด้วยน้ำอัดลมกับขนมขบเคี้ยวตามประสาคนบ้างานที่ขี้เกียจจะออกไปหาของกินเป็นเรื่องเป็นราว ห้องทำงานที่ควรจะสะอาดเนี้ยบก็รกรุงรังกลายเป็นที่สุมขยะเพราะเจ้าของไม่มีเวลาจะเก็บกวาด ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายกลับคืนสู่สภาพปกติ...

     

     

    ไม่มีเสียงตวาดแว้ดๆน่ารำคาญ... ไม่มีหน้ามุ่ยๆงอนๆให้เห็น... ไม่มีคำประชดประชันที่ฟังแล้วน่าจับคนพูดมาตีก้น...

     

    ไม่มีอะไรเลย...

     

    ซาอิละสายตาจากจอคอมอีกครั้งเพื่อตั้งสมาธิที่ไขว้เขวไปหาใครบางคน เก็บความรู้สึก... เก็บความคิดถึงเอาไว้ ตัวเขามันก็เป็นเหมือนไฟ

     

    ยิ่งเข้าใกล้...

    เธอก็จะยิ่งเป็นอันตราย...

     

      เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำให้คนกำลังทำสมาธิ สมาธิแตกกระเจิงไปอีกหน ดวงตาสีนิลมองรายชื่อคนโทรเข้า หัวใจกระตุกวูบรุนแรง...

     

    ดันโซ...

     

    ร่างสูงกดรับสายก่อนจะพูด

     

                “สวัสดีครับ” .

     

                “แกรีบมาที่สำนักงานใหญ่เดี๋ยวนี้เลย! ตอนนี้เมนบอร์ดของธนาคารฟุวะโดนไวรัส ข้อมูลที่เก็บไว้ทั้งหมดก็เลยหายเกลี้ยง ถ้าไม่รีบทำอะไรตอนนี้...ฟุวะแย่แน่” น้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่ายตอบกลับมา และเนื้อความนั้นก็ทำให้คนตัวสูงขมวดคิ้ว...

     

                “ไวรัส? แล้วเจ้าหน้าที่เทคนิคของธนาคารล่ะครับ ปกติคุณให้คนพวกนั้นดูแลไม่ใช่เหรอ?”

     

                “ไอ้กากพวกนั้นมันจะไปทำอะไรได้! มันไม่ใช่อัจฉริยะเหมือนแกนี่หว่า รีบมาเร็วๆเข้าเถอะ ตอนนี้ข้อมูลถูกทำลายไปเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว”

     

                “คุณ... ไม่เคยไว้ใจให้ผมแตะต้องเมนบอร์ดของธนาคาร แล้วทำไมจู่ๆ...”

     

                “ถ้าฉันไม่ไว้ใจแกตอนนี้ธนาคารของฉันก็เจ๊ง! และฉันก็ขอสั่งให้แกเลิกตั้งคำถามงี่เง่ากับฉันแล้วโผล่หัวมาที่นี่ เดี๋ยว-นี้!” สั่งเสร็จก็ตัดสายทิ้งไป ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆเพิ่มนอกจากบอกให้เขารีบไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารฟุวะเร็วๆ

     

                หลังจากวางสาย ชายหนุ่มก็หันมาสนใจจอคอมตรงหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา เขาพิมพ์คำสั่งสุดท้ายลงไป... เพื่อส่งไวรัสอีกชุดที่อุตส่าห์ใช้เวลาสร้างเป็นอาทิตย์ เจาะเข้าเมนบอร์ดใหญ่ของธนาคารฟุวะ!

     

    .

    .

    .

     

                ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากถูกโทรตาม ซาอิก็พาตัวเองเข้ามายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆที่ข้างในเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงหลายเครื่อง ห้องนี้เป็นห้องลับที่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมพอๆกับเซฟของธนาคาร ประตูเข้า-ออกใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือกับสแกนรูม่านตา และประตูเหล็กที่หนาเกือบฟุตทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้กำลังบุกทะลวงเข้ามา

     

    สมกับเป็นฟุวะจริงๆ

     

    ซาอิพึมพำในใจพลางกวาดตามองดูบรรยากาศที่เคร่งเครียดโดยรอบ ดวงตาสีนิลสะดุดกับภาพวาดต้นไม้ขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปเกือบสองในสามของผนังด้านหนึ่ง มันเป็นภาพต้นไม้ที่ลำต้นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ใบไม้สีเขียวเข้มถูกวาดไว้เสมือนจริงจนดูราวกับว่ามันมีชีวิต แต่ที่ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นกลับเป็น รากของมันที่หยั่งลึกลงในดิน รากที่ประกอบด้วยรากแก้วขนาดใหญ่ แตกยิบย่อยเป็นรากแขนงและรากฝอย กินพื้นที่ของภาพไปกว่าครึ่ง มันให้ความรู้สึก... เหมือนการฝังลึกของอะไรบางอย่าง... ที่ไม่สามารถกำจัดได้...

     

    น่าขนลุก...

     

                หลังจากยืนทึ่งกับภาพวาดอยู่ได้ไม่ถึงนาที พนักงานฝ่ายข้อมูลคนหนึ่งของธนาคารก็พาเขาไปที่คอมพิวเตอร์ตัวหลักของธนาคารที่มีดันโซยืนทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ

     

                “เป็นไง พอจะทำอะไรได้มั้ย?” ดันโซถามเสียงเป็นกังวลหลังจากใช้ให้เขาเช็คสภาพความเสียหายของเมนบอร์ด ซาอิพยักหน้าให้ผู้อาวุโสกว่าก่อนจะพูด

     

                “มันเป็นไวรัสตัวใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้น่ะครับ ผมสงสัยว่าจะมีคนปล่อยออกมาเพื่อทำลายข้อมูลของบริษัทใหญ่ เท่าที่ผมเช็คดู... จนถึงตอนนี้ก็มีมากกว่าห้าสิบบริษัททั่วโลกที่ถูกโจมตี แต่ก็ถือว่าเรายังโชคดีครับที่เมื่อสองสามวันก่อนผมเพิ่งเขียนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวนี้ไว้” พูดจบก็หยิบแผ่นซีดีออกมาจากกระเป๋าที่ข้างในอัดแน่นไปด้วยแผ่นซีดีหลายสิบแผ่น จากนั้นก็จัดการเอามันใส่ตัวเครื่องหลัก ที่จอปรากฏหน้าต่างที่เต็มไปด้วยตัวเลขกับตัวอักษรนับไม่ถ้วน

     

                “แกแน่ใจเหรอว่ามันจะใช้ได้” ดันโซถามย้ำ น้ำเสียงนั้นแสดงออกว่าไม่ไว้ใจเจ้าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสใหม่แกะกล่องที่เพิ่งถูกเขียนขึ้นมาเลยสักนิด

     

                “ครับ ถึงจะเป็นแค่รุ่นเบตาที่อยู่ในช่วงทดลองใช้ แต่ประธานอุซึมากิก็อนุมัติแล้วว่าจะให้มันเป็นสินค้าตัวใหม่ของบริษัท เพราะฉะนั้นเชื่อถือได้แน่นอนครับ” ผอ.หนุ่มยืนยันแค่นั้นก่อนจะหันไปป้อนคำสั่งต่อไปเพื่อดำเนินการกำจัดไวรัส ชายหนุ่มทำทุกขั้นตอนอย่างใจเย็น... ไม่เผยพิรุธให้เห็นว่าตนกำลังขโมยข้อมูลส่วนสำคัญบางส่วนไปผ่านโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ถูกปรับแต่งให้มีฟังก์ชันคัดลอก...

     

    ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้น...

     

                ชายหนุ่มกล่อมตัวเอง...

     

                “ข้อมูลหยุดการทำลายตัวเองแล้วครับท่านประธาน!” เจ้าหน้าที่เทคนิคคนหนึ่งตะโกนบอกหลังจากที่เขาใช้เวลาจัดการเก็บเจ้าไวรัสที่ตัวเองเป็นคนเอามาปล่อยร่วมสิบนาที ดันโซที่ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับเดินมาตบๆที่บ่าของเขาเบาๆอย่างชื่นชม

     

                “เก่งเหมือนกันนี่หว่า”

     

                “ขอบคุณที่ชม” ร่างสูงพูดพร้อมกับระบายยิ้ม...

     

    “เดี๋ยวผมจะเริ่มกู้ข้อมูลที่ถูกลบไปนะครับ”

     

    .

    .

    .

     

     

                เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้น ดังก้องไปทั่วบริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินของสำนักงานใหญ่ธนาคารฟุวะ ร่างสูงเจ้าของดวงตาสีนิลเดินกลับไปที่รถของตนที่จอดไว้ใกล้ๆกับทางออก แต่ยังไม่ทันจะถึงเสียงโทรศัพท์เข้าก็ทำให้เขาต้องหยุดรับ เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์หราอยู่หน้าจอ คนหน้าตายที่มักจะเก็บซ่อนความรู้สึกก็ระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ...

     

                “เรียบร้อยแล้วครับ ผมได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปพบคุณที่จุดนัดพบ ครับ... ครับ... MISSION completed (ภารกิจสำเร็จแล้ว)”

     

                พูดจบชายหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า หัวใจเต้นโครมครามเพราะความตื่นเต้น... ตอนนี้ในมือของเขามีข้อมูลส่วนหนึ่งที่ก็อปปี้มาจากเมนบอร์ดของธนาคารฟุวะ มันคือบัญชีซ้อนของธนาคารที่ดันโซเก็บเอาไว้ เป็นข้อมูลส่วนลึกที่มีแค่ดันโซกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนที่รู้

     

    ซาอิยิ้มเย็น...

    สามปีที่เขาแฝงตัวเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายของดันโซก็เพื่อเข้าถึงบัญชีลับนี้ มันเป็นแค่ทางเดียวที่จะสืบสาวได้ว่าดันโซคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายเมื่อยี่สิบสองปีก่อน... แม้ว่าคดีเกือบทั้งหมดจะหมดอายุความไปแล้ว แต่นั่นใช่สิ่งสำคัญเสียเมื่อไหร่ เพราะสิ่งเดียวที่เขาต้องการ... ก็คือหลักฐานยืนยันว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา!

     

    ยี่สิบสองปีที่รอคอย...

    การแก้แค้น... กำลังจะสิ้นสุด!

     

                “แกเป็นหนอนบ่อนไส้จริงๆด้วยสินะ ซาอิ”

     

    เสียงน่ารังเกียจของใครคนหนึ่งดังขึ้นหยุดความคิดของเขา พร้อมๆกับความรู้สึกเย็นวาบของโลหะที่ศีรษะ ซาอิยืนตัวแข็งทื่อ... ดวงตาสีนิลเบิกโพลง... แม้ไม่ต้องหันไปมอง ชายหนุ่มก็พอรู้ว่าใครเป็นคนถือปืนจ่อหัวเขาอยู่ แค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกสะอิดสะเอียน...

     

    ทรราชผู้หื่นกระหาย...

    เสือร้ายที่คร่ำหวอดในโลกมืด...

    ฟุเสะ โทระตะ!

     

                “เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย... แกคิดว่างั้นมั้ย?”

     

     

     

     

                O_o!!! เห็นไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวแต่ตัวร้ายของเราก็ฉลาดนะคะ เสร็จไปแล้วสำหรับซาอิ -.,- ตอนหน้าคงได้บู๊กันแหลก อ๊ากกก ลุ้น >< (ได้ข่าวว่าเป็นคนแต่ง) ไรต์อยากให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆค่ะ! สองสามตอนจากนี้หืดขึ้นคอกันแน่นอน

     

    #นี่เป็นนิยายรักใช่มั้ย?

    #ยังไงๆก็นิยายสืบสวนชัดๆ!

    #ไรเตอร์โง่คอมมากกกกก

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×