ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #48 : CHAPTER 42: ราชินีของผม [END] (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.64K
      190
      8 พ.ค. 58

      

    บทที่ 42 ราชินีของผม (END)

     

     
     

    จับแล้ว! ฟุรุคาวะ คาสึจิ อดีตรัฐมนตรีและลูกสาว ในข้อหาพยายามฆ่า พร้อมความผิดอีกหลายกระทง!

    เช้าวานนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม ฟุรุคาวะ คาสึจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อม ฟุรุคาวะ คาริน ลูกสาวเพียงคนเดียว ขณะที่ทั้งคู่พยายามหลบออกจากประเทศผ่านทางเรือขนส่งสินค้า... (อ่านต่อหน้า 13)

               

    เนื้อหาของข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า เรียกรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร

     

    ซาสึเกะพับหนังสือพิมพ์เก็บตามเดิมเพราะไม่มีข่าวอะไรน่าสนใจอีกสำหรับเขา แน่นอนว่าหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าของสำนักพิมพ์อื่นก็คงจะเหมือนกัน ตอนนี้ทุกคนต่างพุ่งประเด็นไปที่ข่าวการจับกุมคาสึจิกับคารินที่ถูกออกหมายจับหลังจากมีการตรวจสอบยืนยันแน่ชัดแล้วว่าสองพ่อลูกกระทำความผิดจริงทั้งฐานพยายามฆ่า ติดสินบนเจ้าพนักงาน ค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย แทรกซึมองค์กร และคดีทุจริตอีกนับไม่ถ้วนที่คาสึจิใช้อำนาจของตนปกปิดไว้

     

    กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง

     

    ไม่มีใครหลีกหนีกฎแห่งกรรมนี้พ้น ไม่ว่าจะมีเงินหรือมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม คาสึจิและคารินต้องชดใช้ผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ในคุก ส่วนเขาในฐานะที่เป็นผู้เสียหายก็ต้องตัดใจ ตัดความรู้สึกโกรธแค้นที่มีต่อสองพ่อลูกนั่นและไม่เอามันไปคิดอาฆาตพยาบาทให้เป็นทุกข์อีก

     

    ร่างสูงถอนหายใจยาวเหยียดพลางเอนกายพิงพนักเก้าอี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เขามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารหลังจากพักฟื้นมาเกือบอาทิตย์

     

    มันเป็นการพักฟื้นที่ต่างจากที่เขาเคยจินตนาการไว้อย่างลิบลับ!

     

                คิดมาถึงตรงนี้คนกำลังอารมณ์ดีก็ชักสีหน้าอย่างขัดใจ ใบหน้าสวยๆของภรรยาสาวที่ลอยเข้ามาหัวโดยอัตโนมัติ ยิ่งทำให้อารมณ์บูดเข้าไปใหญ่ ร่างสูงต่อสายภายในถึงเลขานอกสถานที่ที่วันนี้รับหน้าที่เป็นเลขาหน้าห้องแทนเจ้าเลขาสารพัดประโยชน์คนเดิมที่ตอนนี้อยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจสำคัญ ไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ได้รับคำสั่งจูโกะก็พาร่างสูงใหญ่ของตนมาพบเจ้านาย เขามองหน้าบอกบุญไม่รับของซาสึเกะยิ้มๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถูกเรียกมาพบเพราะอะไร

     

    “โทรถามซุยเงสึซิว่ามันจะมาถึงญี่ปุ่นเมื่อไหร่”

     

    ผิดจากที่คิดซะที่ไหนล่ะนั่น

     

    “พวกคุณยังไม่หายโกรธกันอีกเหรอครับ?” เลขาหนุ่มย้อนถาม แสดงอาการกลั้นหัวเราะจนคนมองแทบจะหยิบแฟ้มเล่มหนาปาใส่

     

    “ฉันไม่ได้เรียกนายเพื่อให้นายมาตั้งคำถามงี่เง่ากับฉัน! ฉันบอกให้โทรก็โทรสิ”

     

    “หึๆ ครับ ถ้างั้นรอซักครู่นะครับ”

     

    พูดเสียงเจ้าเล่ห์เสร็จ มือขวาที่นับวันเริ่มจะติดนิสัยกวนๆจากซาโซริ ก็อันตรธานหายไปจากห้องเพื่อไปทำตามคำสั่ง ไม่นานหลังจากนั้นจูโกะก็กลับเข้ามาพร้อมสมุดเล่มเล็กในมือ ซึ่งเขาเดาว่ามันน่าจะเป็นรายละเอียดที่เจ้าตัวจดไว้กันพลาด

     

    “ซุยเงสึบอกว่าจะขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มตามเวลาที่ชิคาโก...” เลขานอกสถานที่ว่าพลางก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ก็...เหลือเวลาอีกเกือบๆชั่วโมงครับ และจะมาถึงนาริตะประมาณสี่ทุ่มของบ้านเรา รวมเวลารอโหลดสัมภาระกับจัดการเอกสารประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากชิบะมาถึงโตเกียวก็เกือบๆหนึ่งชั่วโมง อีกสิบห้านาทีสำหรับเข้าบ้านอุจิวะ รวมเวลาเบ็ดเสร็จคุณน่าจะได้เจอหน้าภรรยาตอนประมาณเที่ยงคืนครับ”

     

    จูโกะรายงานละเอียดยิบ เขายิ้มอย่างรู้ทันคนเป็นเจ้านาย แค่เห็นหน้าหงุดหงิดเหมือนคนกินยาขมนั่นก็รู้แล้วว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังกระวนกระวายใจ อยากเห็นหน้าภรรยาสุดที่รักใจแทบขาด แต่ก็ถือทิฐิไม่เข้าท่า ไม่ยอมโทรหา ทำเป็นไม่สนใจ และก็เป็นฝ่ายมานั่งทรมานใจเอง

     

    นี่แหละเจ้านายของเขา เรื่องปากแข็งฟอร์มจัดน่ะ ไม่มีใครเกินหรอก

     

    “ฉัน... ฉันไม่ได้ถามถึงขนาดนั้น!จะไปไหนก็ไป และถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว... วันนี้ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก!

     

    ร่างสูงแสร้งโกรธกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจแอบนึกชมความละเอียดรอบคอบของลูกน้อง แต่จะให้มาหลุดฟอร์มยอมรับว่ากำลังคิดถึงเมียที่ทิ้งเขาให้นอนป่วยคนเดียว แล้วตัวเองไปงานแต่งงานของเพื่อนที่ชิคาโกกับไอ้เลขาเฮงซวยของเขาน่ะหรือ...

     

    ไม่ - มี- ทาง!

     

     

    .

    .

    .

     

                รถยุโรปคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าบ้านสไตล์ยุโรปในเวลาเกือบๆเที่ยงคืน ร่างบางก้าวลงจากรถโดยมีซุยเงสึที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่ชิคาโกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ เดินถือสัมภาระมาส่งที่หน้าประตูบ้าน

     

                “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”

     

                “ฝากทักทายคุณซาสึเกะด้วยนะครับ และก็...” เลขาหนุ่มลดเสียงลงจนกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบ ดวงตาสีอะเมทิสต์กวาดมองรอบๆอย่างระแวดระวังพลางเอ่ย

     

    “อย่าลืมย้ำกับเขานะครับ ว่าผมไม่ได้แตะต้องคุณแม้แต่ปลายเล็บ”

     

                “ค่ะ เดินทางดีๆนะคะ” เธอรับปากพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวอะไร

     

    หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านหลังจากส่งซุยเงสึเสร็จ เธอเงยหน้ามองชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนทั้งชั้น และก็ไม่ได้แปลกใจนักที่เห็นเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียงร่างบางตัดสินใจไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ห้องน้ำชั้นล่างเพราะรู้ดีว่าหากขึ้นไปข้างบนแล้ว คงต้องรับมือกับความงอนของคนที่กำลังแกล้งนอนหลับจนไม่ได้อาบน้ำอาบท่าเป็นแน่

     

                “ฉันรู้นะคะว่าคุณยังไม่นอน มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่าคะ คุณซาสึเกะ”

     

    ซากุระถามยิ้มๆหลังจากพาตัวหอมกรุ่นของตนนั่งลงบนเตียง สองมือกำลังสาละวนอยู่กับการเช็ดผมที่เปียกชุ่มด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก ซาสึเกะยังคงเงียบ เขานอนหันหลังให้ภรรยาสาว ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเธอ แม้ว่าเขาจะถูกเจ้ากลิ่นหอมๆของแม่ตัวดีทำพิษเสียจนอดใจแทบไม่ไหวก็เถอะ!

     

    “หรือคุณอยากจะขอโทษที่อาละวาดใส่ฉันเมื่ออาทิตย์ก่อน?”

     

                “คนที่ต้องขอโทษน่ะ มันเธอไม่ใช่รึไง” จะว่าเพราะทนกับประโยคที่เธอว่าไม่ได้หรือเพราะทำใจแข็งไม่ได้ดี สุดท้ายเขาก็เผลอโต้ตอบไปจนได้

     

                “นี่คุณยังโกรธอยู่เหรอคะที่ฉันทิ้งคุณแล้วไปชิคาโกคนเดียว?”

     

                “...”

     

    “ถึงว่าสิ รอโทรศัพท์ตั้งนานแต่ก็ไม่โทรไปซักสาย” เธอพูดด้วยเสียงน้อยใจ หากแต่คนฟังกลับทำเบะปากใส่

     

                “รอเหรอ? ไม่ใช่ล่ะมั้ง ได้ไปเปิดหูเปิดตาซะขนาดนั้น คงเที่ยวเพลินจนลืมเลยล่ะสิว่าฉันยังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ!

     

                “คุณกำลังน้อยใจ?”

     

                “ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น”

     

                “ถ้างั้นก็หันหน้ามาคุยกันดีๆค่ะ”

     

                “หึ!

     

                “กลัวใจอ่อนเหรอคะ?”

     

                สิ้นเสียงกึ่งท้าทายนั้น ร่างสูงก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับภรรยาสาวอย่างไม่นึกหวั่น ดวงตาสีรัตติกาลวูบไหวทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์ สองมืออยากจะเกี่ยวเอวบางดึงรั้งเข้ามากอดให้หายคิดถึงนัก หากแต่ทิฐิและอารมณ์โกรธเคืองในใจทำให้เขาได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เธอ หญิงสาวหลุดหัวเราะเบาๆ

     

                “คิก~”

     

                “หัวเราะอะไร หน้าฉันมันตลกมากนักรึไง”

     

                “เปล่าค่ะ แต่หน้าคุณมันฟ้องว่าคุณคิดถึงฉันม๊ากมาก” เธอพูดเสียงสูงลิบ ทำหน้าล้อเลียนอย่างคนเหนือกว่า ร่างสูงถลึงตามองดุๆพลางปฏิเสธเสียงแข็ง

     

                “ฉันไม่ได้คิดถึง! ไม่ - ได้ - คิด! นิดเดียวก็ไม่”

     

    ช่างเป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาเสียเลยในสายตาของเธอ

     

                “อ้อ~ งั้นหรือคะ”

     

                น้ำเสียงและรอยยิ้มเยาะเย้ยของเธอทำเอาเขาคิ้วกระตุก อยากจับแม่ตัวดีของเขามาตีก้นเสียให้เข็ด หล่อนคงไม่รู้ตัวเลยล่ะสิว่าตัวเองทำให้เขาห่วงแทบบ้า จู่ๆก็มาบอกว่าจะไปงานแต่งงานของเจ้าซาอิกับเพื่อนของเธอที่ชิคาโก จากนั้นก็จองตัวเครื่องบิน แพ็คกระเป๋า ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่สนามบินทั้งที่เขาห้ามแล้วห้ามอีกว่าไม่ให้ไป ยังดีที่เขาไหวตัวทันส่งซุยเงสึตามไปประกบ ไม่งั้นแม่คุณคงได้บุกเดี่ยวไปคนเดียวแน่

     

    ทำอะไรไม่รู้จักคิด!

     

                “แล้วจะนั่งเช็ดผมอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม แผ่ไอรังสีน่ากลัวออกมาเสียจนเธอขนลุก

     

    ชักสังหรณ์ใจไม่ดี

     

    “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ถ้าเธอไม่หลับลูกจะหลับได้ยังไง ทำอะไรหัดคิดซะบ้างว่าตัวเองไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ท้องอ่อนๆอยู่แท้ๆ แทนที่จะพักผ่อนแต่กลับเที่ยวไปโน่นมานี่ ทำอย่างกับว่าตัวเองเหมือนเมื่อก่อน แล้วนี่คิดจะไปไกลถึงชิคาโกคนเดียว บ้ารึเปล่า ถ้าเกิดว่าเธอเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะทำยังไง ฉันไม่มีปัญญาหาเมียใหม่ปั๊มลูกใหม่หรอกนะ!

     

    เขาดุยาวเหยียดจนเธอหาช่องว่างสำนึกผิดตัวแทบไม่ทัน ร่างบางมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ จากที่เคยคิดจะแหย่ผู้ชายปากแข็งที่ไม่ยอมโทรหาหรือรับโทรศัพท์เธอสักสายให้เข็ด กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมานั่งฟังเขาดุพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของตัวเองที่คิดจะชิ่งไปงานแต่งงานของอิโนะคนเดียวเพราะขอแล้วเขาไม่อนุญาต ทีแรกก็คิดว่าเขาไม่อนุญาตเพราะติดเธออย่างกับตังเม

     

    ใครจะไปคิดล่ะว่าไม่ให้ไปเพราะห่วง!

     

                “ก็คุณไม่บอกฉัน...”

     

                “อย่าเถียง เวลาที่ผู้ใหญ่พูดแล้วพูดแทรกน่ะ รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาท เธอมีหน้าที่ฟัง ฟังและทำตามที่ฉันบอก ฉันขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำอะไรไม่ห่วงตัวเองแบบนี้”

     

                “...”

     

                “รับปากสิ” เขาว่าเสียงดุเมื่อเห็นเธอเงียบไป ซากุระมองสามีตาปริบๆก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

     

                “ค่ะ... ฉัน... จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

     

                “ความผิดครั้งนี้ฉันจะให้อภัยก็ได้ แต่คราวหน้าไม่มีแล้วนะ” ร่างสูงพูดเสียงอ่อนลงพร้อมกับยันตัวขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อพิศมองใบหน้าหวานที่มีหยดน้ำเกาะพร่างพราย

     

                “แล้วใครเขาให้สระผมก่อนนอนกัน ไม่รู้รึไงว่ามันจะทำให้ป่วย”

     

                เขาบ่น จากนั้นก็ดึงตัวเธอให้ตามไปที่ห้องแต่งตัว บังคับให้เธอนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่เป็นช่างทำผมชั่วคราว ใช้ไดร์เป่าผมเป่าผมที่เปียกชุ่มของเธอให้แห้งสนิท ซากุระมองเงาของเขาในกระจกพร้อมกับอมยิ้ม

     

                “คุณน่ารักจัง”

     

                “เธอก็ดื้อเหลือเกิน” เขาตอบกลับแทบจะในทันที เสียงนั้นไม่เชิงดุหากแต่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

     

                “ต่อไปนี้ห้ามอยู่นอกสายตาของฉันอีกเด็ดขาด เพราะฉันเป็นห่วง... มาก

     

     

     

               **********

    ขอโทษที่หายไปนานค่ะ T^T รู้สึกว่าครั้งนี้จะนานมากกกเพราะไรต์ออกต่างจังหวัดไปสามสี่วันแล้วไม่ได้แจ้งล่วงหน้าด้วยล่ะ ถ้าความสามารถเพียงพอวันนี้จะลงทีเหลือให้จบค่ะ แต่ถ้าไม่ก็ยกยอดเป็นวันพรุ่งนี้เนาะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันอยู่ตลอดนะคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้รอน้า รักทู๊กคนนน จุ๊บๆ~

     

    ปล. ณ จุดๆนี้อยากสิงหนูกุจริงๆ >< เป็ดน่าร๊ากกก

    ปล.2 และเค้ามีข่าวดีจะบอกด้วยนะตัวเอง><
     

    50%

     

                อากาศช่วงสายของวันไม่หนาวจัดนักเพราะได้แสงอาทิตย์ช่วยให้ความอบอุ่น ซาสึเกะนั่งจิบชาร้อนอยู่กลางสวนสวยหลังคฤหาสน์ ที่บัดนี้ดูแห้งแล้งเพราะต้นไม้พากันผลัดใบจนเหลือแต่กิ่งก้าน

               

                “วันนี้ไม่เข้าธนาคารรึไง”

     

                เสียงทักทายของผู้อาวุโสกว่าทำให้เขาละสายตาจากแท็บเล็ตเครื่องบางที่ถือติดมือมาด้วย ร่างสูงยิ้มให้ผู้มาใหม่

     

                “ครับ อยากจะพักซักหน่อย และตอนนี้ที่ธนาคารก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลาแล้ว”

     

                อิทาจิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตอนนี้เหตุการณ์ที่ธนาคารสงบ ไม่ต้องคอยระแวดระวังมากเท่าเมื่อก่อนเพราะดันโซกับคาสึจิที่จ้องจะเล่นงานธนาคารพากันจบเห่ไปแล้วทั้งคู่ ส่วนศัตรูคนอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษสงร้ายกาจถึงขนาดที่ต้องคอยจับตาเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นช่วงที่คลื่นลมสงบแบบนี้ น้องของเขาก็ควรจะพักและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง

     

    ในฐานะว่าที่คุณพ่อ

     

                “แล้วซากุระไปไหนซะล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้แกมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ปกติเห็นตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋”

               

                “อ้อ~ แม่คุณเขาไม่อยู่หรอกครับ ไอ้หมอเวรนั่นมันมารับไปตั้งแต่เช้า” คนเป็นน้องตอบเสียงประชดประชัน อารมณ์บนใบหน้าเปลี่ยนไปทันที อิทาจิเลิกคิ้ว

     

                “หมอกาอาระ?”

     

    ร่างสูงพยักหน้ารับเซ็งๆ รู้สึกว่าแค่ได้ยินชื่อเจ้าหมอหน้าหล่อนั่นก็ทำเอาจิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมด เขาจำไอ้ใบหน้ายียวนกวนบาทาของมันตอนที่มารับภรรยาของเขาไป ทำธุระได้ดี มันเป็นใบหน้าเยาะเย้ยที่เห็นแล้วมันน่ากระทืบให้มิดดินจริงๆ

     

    ให้ตายสิ!

     

    ถ้าเพียงแต่เขารู้มาก่อนว่า เพื่อนที่คุณภรรยาเธอขอไปทำธุระด้วยเป็นไอ้หมอนั่นล่ะก็ เขาไม่มีทางอนุญาตให้ไปหรอก ฝากปลาย่างไว้กับแมวชัดๆ!

     

    “หึ! แกเป็นห่วงรึไง”

     

    นี่ก็ปีศาจชัดๆเหมือนกัน รู้ไปเสียทุกอย่าง!

     

    “ก็แต่น่าแปลกนะที่แกยอมปล่อยให้ซากุระไป ปกติเห็นหวงซะอย่างกับอะไรดี”

     

    ซาสึเกะถอนหายใจ...

    ที่ปล่อยไปไม่ใช่เพราะหวงหรือห่วงน้อยลงเสียเมื่อไหร่ หากแต่คนอยู่ด้วยกัน... ลำพังความรัก ความหึงหวงห่วงใย ก็อาจไม่เพียงพอ มันต้องมีมากกว่านั้น... ต้องมีทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจ เชื่อมั่นในความรักซึ่งกันและกัน และต้องรู้จักเคารพความคิดจิตใจของอีกฝ่าย จะมามัวดื้อแพ่งเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เขาไม่ได้สบายใจนักที่ปล่อยเธอไปไกลหูไกลตากับคนอื่น แต่เพราะเธอสัญญาว่าจะดูแลตัวเองและมันก็เป็นความต้องการที่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ เขาก็เลยต้องยอมอย่างเสียไม่ได้

     

    ถ้าอยากให้ความรักอยู่กับเรานานๆ...

    ก็ต้องตัดความเห็นแก่ตัวทิ้งไป...

     

                “ผมก็แค่อยากให้อิสระเธอบ้างน่ะครับ” ร่างสูงตอบตามตรง

     

                “แกโตขึ้นเยอะ” อิทาจิชมพลางตบไหล่กว้างของคนเป็นน้องอย่างภูมิใจ “คนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งอย่างแกยอมข่มใจได้ขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องเกินคาดสำหรับฉัน”

     

                “โลกนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวผม ถ้ามัวแต่เอาแต่ใจ บังคับให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองต้องการโดยไม่เห็นหัวใคร สักวันผมคงไม่เหลือใครเลย”

     

                “หึๆ น้องฉันกลายเป็นคนใจกว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

     

                “แต่ถ้าใครร้ายใส่ผมก่อน... นั่นมันก็อีกเรื่อง” น้ำเสียงและแววตาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด ดับฝันคนที่อุตส่าห์คิดว่าจะได้น้องชายน่ารักๆเหมือนอย่างสมัยก่อนห้าขวบคืนมา อิทาจิได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปบ่นกับตัวเองเบาๆ

     

                “มันก็ยังนิสัยเสียเหมือนเดิม”

     

                การสนทนาระหว่างพี่น้องดำเนินไปอีกครู่ใหญ่ ส่วนมากจะเป็นเรื่องการลงทุนในตลาดน้ำมันในไตรมาสแรกของปีของซาสึเกะ ซึ่งแยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนของธนาคาร รวมถึงเรื่องคดีความกับคาสึจิ คาริน และโทระตะที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการในชั้นศาล และสุดท้ายก็วกกลับเข้ามาที่เรื่องการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบของซาอิ

     

                “เจ้านั่นมันก็ชิ่งแต่งงานไปก่อนแล้ว ว่าแต่แกเถอะ เมื่อไหร่แกจะแต่งงานกับซากุระซักที”

     

    !!!

     

    ร่างสูงผงะทันทีที่ได้ยินคำถามแทงใจดำ ใบหน้าที่ถูกจัดว่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซีดเผือดจนเกือบจะเป็นสีกระดาษ อิทาจิหรี่ตามองอย่างจับผิด

     

                “หรือตั้งใจจะไม่แต่ง?”

     

                “ตะ... แต่งสิครับ!” เขาลนลานตอบเสียงสั่น

     

    “แล้วจะรอไปถึงเมื่อไหร่? ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนี้ซากุระท้องได้สามเดือนกว่าแล้วนะ สี่เดือนเมื่อไหร่ท้องคงจะโตจนเห็นได้ชัด แกอยากให้เจ้าสาวของตัวเองท้องโย้ในวันแต่งรึไง”

     

    “ใจจริงผมก็อยากแต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยนะครับ แต่ว่า...” ซาสึเกะอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร  อิทาจิยืนกอดอกนิ่ง พอเห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายเขาก็เข้าใจแทบจะในทันที

     

    “นี่แกอย่าบอกฉันนะว่าแกไม่กล้าขอเขาแต่งงาน?”

     

    !!!

     

    “เอาจริงสิ!” คนเป็นพี่อุทานออกมาอย่างทึ่งจัดเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนคนถูกจับไต๋ได้ของซาสึเกะ

     

    “แกหน้าด้านไปทำ อะไรๆกับเขาไว้ตั้งเยอะ กะอีแค่ขอแต่งงานดันมาป๊อดนี่นะ แกเป็นน้องฉันรึเปล่า!?!

     

    “มันทำได้ง่ายๆซะที่ไหนกันล่ะครับ”

     

    ใครไม่เป็นเขาไม่เข้าใจหรอก!

     

    คนป๊อดบ่นในใจ ขอแต่งงานไม่ใช่เล่นหุ้นซักหน่อย ที่แค่นั่งวิเคราะห์ตลาดหาความเสี่ยง เคาะเครื่องคำนวณไม่กี่ครั้ง แล้วจะได้ตัดสินใจซื้อขายได้เลย การขอใครสักคนแต่งงาน... มันต้องอาศัยความกล้าในการตัดสินใจมากกว่านั้น แม้ว่าคนที่ขอแต่งงานด้วย... จะเป็นแม่ของลูกเขาก็เถอะ!

     

    “ผมเคยพยายามมาหลายครั้งแล้วนะครับ แต่...”

     

    “แต่อะไร”

     

    “ผม... ผมพูดไม่ออก” ซาสึเกะตอบเสียงอู้อี้

     

    “กากว่ะ”

     

    “อะไรนะครับ”

     

    “ช่างเถอะ” อิทาจิบอกปัดพลางหรี่ตามองคนขี้ขลาดอย่างคาดโทษ

     

    “ฉันขอยื่นคำขาด ไปขอเมียแกแต่งงานซะ ฉันไม่อยากให้หลานเกิดมาโดยที่พ่อแม่ยังไม่ได้แต่งงานกัน”

     

    “แต่ผม...!!!” ซาสึเกะคิดจะแย้ง แต่ก็ต้องกลืนคำแก้ตัวทั้งหมดลงคอแทบไม่ทันเมื่อเห็นใบหน้าของอิทาจิถูกประดับด้วยรอยยิ้มเพชฌฆาตตามแบบฉบับของเจ้าตัว

     

    เหตุการณ์นี้มัน... คุ้นๆ?

     

    “ไม่งั้นฉันจะทำให้แกได้สัมผัสกับนรก... ที่สมกับฉายาราชานรกของแกแน่”

     

     **********

     

               

    มาทีละนิดจิตแจ่มใส วันนี้จะลงเรื่อยๆนะฮะ! ไม่อยากให้รอกันนาน ถ้าใครไม่อยากอ่านแบบกะปริดกะปรอยแนะนำให้มาตอนดึกๆทีเดียวเลย

    ปล. งานนี้พี่จิก็วินอีกแล้ว ด่าเจ็บมาก 555

     

    70%

     

     

                เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มที่สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าบ้านทรงยุโรป หลังจากที่มันพาเจ้านายกับ เพื่อนคนสำคัญไปทัวร์ตะลอนๆรอบโตเกียว ซากุระโบกมือลาเจ้าของรถที่อุตส่าห์เป็นสารถีให้เธอทั้งวัน กาอาระยิ้มตอบก่อนจะวนรถกลับ เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ป่านนี้คงกลายร่างเป็นอสูรกายไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ก็พาคนสำคัญมาส่งซะมืดค่ำขนาดนี้นี่นะ

     

                ซากุระยืนทำใจอยู่หน้าประตูบ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ในมือถือถุงกระดาษที่ข้างในมีของที่เธอใช้เวลาทั้งวันกับกาอาระหามาจนได้ ริมฝีปากบางระบายยิ้ม...

     

    เหตุการณ์ในตอนนี้ดูคล้ายกับเมื่อสองเดือนก่อนราวกับเป็นเดจาวู ตอนที่เธอวางแผนจะทำเซอร์ไพรส์ซาสึเกะ แต่แผนการก็ล่มไม่เป็นท่า และกลับกลายเป็นว่าเธอต้องถูกเขาเซอร์ไพรส์เสียเอง แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นหัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบ บาดแผลพวกนั้นคงฝังลึกอยู่กับเธอไปอีกนาน... แต่ก็คงไม่นานเกินไป เพราะตอนนี้เธอมีเขาอยู่ข้างๆแล้ว

     

    เธอมั่นใจ...

    สักวันมันคงหายสนิท...

     

                เสียงไวโอลินแสนคุ้นดังขึ้นขัดความคิด ซากุระรีบเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็พบเพียงไฟที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ชอบเล่นไวโอลิน เธอเงี่ยหูฟังอีกครั้ง แล้วก็พบว่าต้นตอของเสียงอยู่บนชั้นดาดฟ้า

     

    เรือนกระจก

     

                เธอคิดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    เขาจะเล่นอะไรอีกล่ะนี่?

     

                ร่างบางเดินตามบันไดวนขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เธอได้ยินเสียงไวโอลินของเขาอย่างชัดเจน มันยังคงเป็นเสียงที่ไพเราะ ดึงดูด และชวนฟังอย่างประหลาด

     

                “มาทำอะไรตรงนี้คะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เธอทักอย่างเป็นห่วงหลังจากฟังเขาเล่นจนจบเพลง

     

                “...”

     

    หญิงสาวหัวใจเต้นตึกตักที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไป นึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าเขาจะหันมาว้ากเพราะเธอกลับบ้านช้าหรือเปล่า แต่ซาสึเกะก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เขาวางไวโอลินตัวโปรดบนโต๊ะ จากนั้นก็หันมามองเธอด้วยสายตาประหลาด วินาทีต่อมาก็กางแขนออกพลางเอ่ยอ้อนๆ

     

                “กอดฉันหน่อย”

     

                !!!

     

                “กอดฉัน...”

     

    “เป็นอะไรของคุณคะ...”

     

    “นะ”

     

    แม้จะยังแปลกใจว่าทำไมจู่ๆพ่อราชาของเธอถึงได้ทำอะไรพิลึกแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะมอบความอบอุ่นให้เขา ร่างบางทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆพลางโอบมือรอบตัวคนตัวโต เธอถามเขาเสียงอ่อนโยน

     

                “คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ?”

     

    “...”

     

    “หรือคุณโกรธที่ฉันกลับบ้านช้า!?!

     

    “ไม่ใช่หรอก”

     

    ร่างบางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    “เอ... แล้วอะไรกันน้าที่ทำให้ราชาของฉันเซื่องซึมได้ถึงขนาดนี้ หรือว่ามีปัญหาที่ธนาคาร?”

     

    “เปล่า...” เขาปฏิเสธ พยายามซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนเล็ก สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า...

     

    “แล้วทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”

     

    “ก็แค่...”

     

    “หืม?”

     

    “เอ่อ...”

     

    เขาพูดไม่ออก!

     

                อุตส่าห์บรรเลงเพลงซึ้งๆเพื่อสร้างบรรยากาศ ท่องสคริปต์ยาวๆที่ใช้เวลาเขียนมาครึ่งค่อนวัน แต่พอถึงเวลาจริงไอ้ที่เตรียมมาทั้งหมดกลับใช้ไม่ได้ซักอย่าง! ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอ้การขอคนที่นอนกอดกันทุกคืนแต่งงานมันจะเป็นอะไรที่ยากเย็นขนาดนี้!

     

    “ไม่บอกก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คุณสะดวกใจเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้” หญิงสาวกระซิบเบาๆ เธอยิ้มอย่างเข้าใจ... บางทีเขาอาจจะมีเรื่องหนักใจอะไรบางอย่างที่บอกเธอไม่ได้ก็ได้ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ประจำ

     

    ชอบเก็บทุกอย่าง...

    เอาไว้คนเดียว...

     

    “คุณซาสึเกะคะ ฉันมีอะไรจะให้” เธอเปลี่ยนเรื่องเพื่อเลี่ยงบรรยากาศน่าอึดอัด ร่างบางผละตัวออก ดวงตาสีมรกตมองใบหน้างงงันของสามีพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “แต่คุณต้องหลับตาก่อน”

     

    “...”

     

    “หลับตาเร็วๆสิคะ” เธอเร่ง ร่างสูงถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมหลับตาลงแต่โดยดี ปลงแล้วว่าวันนี้แผนขอแต่งงานคงล่มแน่

     

    เมื่อเห็นว่าคนตัวโตนั่งหลับตานิ่ง ซากุระก็หยิบของที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา มันเป็นหมวกไหมพรมสีขาวที่ส่วนบนถักเป็นรูปหูแมวดูน่ารัก เธอบรรจงสวมมันบนศีรษะของชายคนรัก จากนั้นก็นั่งมองผลงานของตัวเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

     

    เขาน่ารักเหลือเกิน!

     

    “หัวเราะอะไร” ซาสึเกะที่เพิ่งลืมตาถามขึ้น เขาทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนบนกระจก

     

    หูแมว?

     

    ร่างสูงถลึงตามองคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ

     

    “ทำบ้าอะไรของเธอ”

     

    “อ๊ะๆๆ อย่าถอดออกเชียวนะคะ ไม่งั้นฉันโกรธคุณจริงๆด้วย” หญิงสาวขู่ ก่อนจะหยิบหมวกไหมพรมรูปหูแมวของตนสวมบ้าง หมวกของเธอแตกต่างจากของเขาเล็กน้อยเพราะเป็นสีชมพูอ่อน เข้ากันกับเรือนผมสีดอกซากุระของเธอ

     

    “น่ารักมั้ยคะ ฉันอุตส่าห์เดินหากับคุณหมอตั้งนาน กว่าจะได้มาก็ถูกคุณหมอบ่นจนหูชาแน่ะ” เธอพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง...

     

    เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวเสมอ...

     

    ตึกตัก~

     

                เสียงหัวใจเต้นระรัวจนจับจังหวะไม่ถูก...

     

    เขา...

    ตกหลุมรักเธออีกแล้ว...

     

    “ซากุระ...” ซาสึเกะเรียกชื่อภรรยาสาวเสียงแผ่วเบาพลางดึงตัวเธอมากอดอีกครั้ง น้ำเสียงช่างไม่มั่นคงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากแต่อ้อมกอดอุ่นๆของเธอเปรียบเสมือนคำปลอบโยนไม่ให้เขากลัวที่จะเอ่ย

     

    “แต่งงานกันนะ”

     

    ละอองหิมะสีขาวโปรยปรายรับคำขอ...

    ราวกับว่ามีใครสักคนเสกมันขึ้นมาเพื่อเป็นพยาน...

     

    ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้ความอบอุ่นทดแทนความหนาวเย็นของอากาศ บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักอย่างชัดเจน ความเงียบในค่ำคืนที่ทั้งมืดทั้งหนาว... เริ่มทำให้หัวใจคนเพิ่งขอแต่งงานห่อเหี่ยว...

     

    หนึ่งนาที...

    สองนาที...

    สามนาที...

     

                เขาเริ่มกระวนกระวาย

     

    ทำไมเธอไม่ตอบตกลงซักที?

    หรือเมื่อกี้มันไม่โรแมนติกพอ?

    เขาควรจะขอเธอใหม่ดีหรือเปล่า?

     

    หรือว่า...

     

    ที่ไม่ตอบเพราะเธอจะปฏิเสธ!?!

     

    “ฉันไม่อนุญาตให้เธอปฏิเสธ!” จู่ๆร่างสูงก็โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ซ้ำยังกอดเสียแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ออก  

     

    “ห้ามปฏิเสธนะ!

     

    “ฉัน...”

     

    “ถ้าเธอจะบอกว่า ไม่ล่ะก็ เงียบไปเลย! ฉันไม่ฟัง!

     

    “ขอแต่งงานอะไรกันคะเนี่ย” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ เข้าใจว่าเขากังวลกับคำตอบจนสติแตกเพราะเห็นเธอเงียบไป แต่เขาจะรู้ไหมว่าเธอไม่ได้เงียบเพราะคิดจะปฏิเสธ แต่เงียบ...

     

    เพราะพูดอะไรไม่ออกต่างหาก...

     

    เธอรอคำนี้มานาน...

    เฝ้าฝันมาตลอดว่าวันหนึ่งจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา...

     

    หลังจากที่ได้เห็นงานแต่งงานของเพื่อนรักอย่างอิโนะ ความคิดที่ว่าเธออยากจะแต่งงานบ้างก็รุมเร้าอยู่ในหัวเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าการแต่งงานจะไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากกว่าไปกว่าพิธีการพิธีการหนึ่ง ความสำคัญนั้นเทียบไม่ได้กับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

     

    แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังหวัง...

     

    หวังที่จะได้เรียกซาสึเกะว่าเจ้าบ่าวสักครั้ง หวังที่จะได้จับมือกันสาบานต่อหน้าบาทหลวงว่าจะดูแลกันให้ดีที่สุด จะไม่ทอดทิ้งกันไปไหน และจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปจนแก่เฒ่า เธอหวังมาตลอด... แต่ก็ไม่งี่เง่าพอที่จะร้องขอเขา เพราะการแต่งงานอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เธอเคยคิดแบบนั้น...

     

    แต่...

     

    “ว่าไงล่ะ คำตอบของเธอน่ะ จะแต่งหรือไม่แต่ง? แต่ย้ำนะว่า ห้าม- ป-ฏิ-เสธ”

     

    “บังคับกันซะขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ตกลง คุณคงเด็ดหัวฉันแหง”

     

    “ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก แต่จะ ขอแต่งงานทั้งวันทั้งคืน ขอจนกว่าเธอจะหมดแรง... เอ่อ... ขอจนกว่าเธอจะตอบตกลง”

     

    ร่างบางระบายยิ้มกว้างกับประโยคชวนคิดลึกนั่น มือเล็กโอบกอดคนตัวโตไว้แน่นพลางซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาในอ้อมกอดอบอุ่น

     

    “ค่ะ ฉันตกลงค่ะ ฮึก... ขอบคุณมากนะคะ... คุณซาสึเกะ”

     

    สุดท้ายเธอก็คิดผิดอีกจนได้...

     

     

    ********** 

    themy butter


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

     

    100%

     

    งานแต่งงานของราชาแห่งอาณาจักรการเงินอุจิวะ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมซึนะ ซึ่งกาอาระยอมลงทุนปิดโรงแรมหนึ่งวันเพื่อจัดงานนี้โดยเฉพาะ แขกเหรื่อมากหน้าหลายตาจากทุกวงการต่างก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานวิวาห์ที่ออกจะเหลือเชื่อที่สุด...

     

    งานวิวาห์ของราชานรก...

    ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับผู้หญิงทั้งโลก!

     

    “เอาจนได้สินะหมอนั่น” หนึ่งในแขกกิตติมศักดิ์เอ่ยขณะยกสุราชั้นเลิศขึ้นจิบ

     

    “วันนี้ภรรยาของคุณไม่ตามมาด้วยหรือครับ ท่านประธาน?” เสียงหนึ่งถามขึ้น นารูโตะหันหน้ามองคนถามเซ็งๆ

     

    “นายไม่ต้องมาเรียกฉันว่าท่านประธงท่านประธานอะไรเลยนะ หึ! ต้มผมซะเปื่อยเชียวนะครับ! คุณเอริค แซนเดอร์สัน!” นารูโตะเอ่ยเสียงประชดประชัน เขายังคงโกรธที่ซาอิปลอมแปลงเอกสารเพื่อเข้าทำงานที่บริษัท แต่ก็ไม่ได้ดำเนินคดีอะไรเพราะอิทาจิมาขอร้องไว้พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ชายหนุ่มทำแบบนั้น

     

    “เป็นพี่น้องร่วมสถาบันกันแท้ๆ ดันมาหลอกกันซะได้”

     

    “ขอโทษครับ” ซาอิเอ่ยยิ้มๆ ข้างกายเขามีอิโนะ ภรรยาสาวสวยว่าที่แม่ของลูกนั่งอยู่ด้วย เธอยังคงประหม่าเพราะเพิ่งเคยนั่งร่วมโต๊ะกับประธานของอุซึมากิคอร์เปอเรชัน เจ้าของบริษัทที่เคยไปฝึกงานด้วยเป็นครั้งแรก

     

    “แล้วเมื่อกี้นายถามอะไรฉันนะ”

     

    “อ้อ ผมถามถึงคุณฮินาตะน่ะครับ เธอไม่ได้มางานกับคุณหรือครับ?”

     

    “นายคง... ไม่ได้คิดอะไรกับเมียฉันใช่มั้ย” นารูโตะถามเสียงเย็น หารู้ไม่ว่าคำถามนั้นเปรียบเสมือนการโยนระเบิดให้เขาอยู่กลายๆ

     

    “ผะ... ผมจะไปคิดได้ยังไงล่ะครับ! ผมมีภรรยาแล้ว และก็รักมากกกด้วย” ท้ายประโยคเขาหันไปเอาใจคนที่กำลังมองตาขวาง อิโนะเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆก็ถูกบอกรักต่อหน้าคนอื่น

     

    “แล้วไป” นารูโตะเอ่ยอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ “งานนี้น่ะ ฮินะจังก็อยากมาอยู่หรอกนะ แต่มาไม่ได้ ช่วงนี้แพ้ท้องหนัก”

     

    “ท้อง!?!” สองสามีภรรยาอุทานออกมาพร้อมกัน นารูโตะยิ้มอย่างภูมิใจ

     

    “ช่าย~ ฮินะจังกำลังท้อง ฉันกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะ”

     

    “คุณก็ด้วยเหรอครับ!?!

     

    “หมายความว่ายังไง หรือว่า...” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเบนไปยังสาวสวยอดีตเด็กฝึกงาน ก่อนจะหันกลับมามองอดีตผอ.แผนกไอทีของบริษัทอีกครั้งด้วยสายตาทึ่งจัด ซาอิพยักหน้า

     

    “ครับ อิโนะกำลังตั้งครรภ์ และคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน ก็ไม่ได้มีแค่พวกเรา...” ชายหนุ่มเว้นวรรคไป ดวงตาสีนิลมองเวทีที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับคู่บ่าวสาวออกมาปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก ซาอิผงะกับภาพตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆพลางเอ่ย

     

    “เขาด้วยล่ะ”

     

    .

    .

    .

     

                ด้านคนที่ถูกกล่าวถึงแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งได้ยินเสียงโห่ฮากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของแขกที่มาร่วมงาน เขาก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียตรงนั้นเพราะความอับอาย แตกต่างจากคนข้างๆ ที่ดูจะระริกระรี้มีความสุขซะเหลือเกิน!

     

                “สนุกมากมั้ย ที่บังคับให้ฉันแต่งไอ้ชุดบ้าๆนี่ได้น่ะ!” เขาถามเสียงเย็น แต่สาวเจ้าดูเหมือนจะไม่มีแรงตอบเสียแล้ว เพราะเธอเอาแต่หัวเราะมาตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังหัวเราะไม่หยุด

     

    จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะ ภาพของราชาผู้สูงศักดิ์ใส่ชุดเจ้าสาวน่ะ หาดูได้ง่ายๆซะที่ไหน!

     

                ร่างสูงมองคนตัวเล็กอย่างหมั่นไส้ นี่ถ้าไม่ติดที่ว่าแม่คุณขู่เอาไว้ว่าถามเขาไม่ยอมทำตามจะขอนอนแยกห้องนะ เขาไม่มีทางทำเรื่องน่าอายแบบนี้หรอก! นี่ยังดีนะที่เจ้าหล่อนยอมใส่ชุดเจ้าสาวแบบปกติตอนทำพิธีช่วงเช้า

     

    เล่นอะไรเป็นเด็กๆ!

     

    “สวยมากค่ะ ฉันไม่เคยเห็น เจ้าสาวที่ไหนสวยขนาดนี้เลย” หลังจากหัวเราะจนพอใจ ร่างเล็กที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวก็หันมาชม เจ้าสาว ที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ

     

    “เธอจะต้องชดใช้...” ซาสึเกะกัดฟันกรอด “เตรียมวอร์มร่างกายได้เลย”

     

    “ลืมไปแล้วหรือคะว่าคุณหมอกำชับมาว่าให้ งดเรื่องอย่างว่า เพราะมันอาจจะส่งผลถึงเด็ก” เธอพูดพร้อมกับยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเขาทำหน้าเหมือนคนถูกจับกรอกยาพิษ มือบางยกขึ้นจับใบหน้าบูดบึ้งของสามีพลางเอ่ย

     

    “ยิ้มหน่อยสิคะ เวลาคุณยิ้มน่ะ คุณสวยมาก”

     

    ซาสึเกะมองคนชมตาขวาง

     

    สวย?

    เธอชมว่าเขา สวยได้อย่างไรกัน!?!

     

    “เฮอะ! อะ... อืม...”

     

    เสียงประชดประชันของร่างสูงเปลี่ยนเป็นครางเบาๆ เมื่อเจ้าบ่าวแสนสวยถูกคุณเจ้าสาวจู่โจมที่ริมฝีปากแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แขกที่มาร่วมงานพากันเฮลั่นอย่างถูกใจ บ้างก็ส่งเสียงแซววี้ดวิ้วเสียจนเขาชักจะกระดาก

     

    “ทำอะไรของเธอ!” เขาเอ่ยเสียงดุหลังจากโชว์สวีทหวานกลางเวทีจบ

     

    “ก็งานแต่งงานนี่คะ แบบนี้เค้าเรียกเซอร์วิสแขก พวกเขาคงอยากเห็นเวลาคุณทำหน้างงๆ น่ารักแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมกับใช้มือจิ้มหน้าผากคนตัวโตเบาๆ เธอหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นใบหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศของเขา ร่างสูงย่นจมูก เธอรู้ว่าเขากำลังอายกับสภาพของตัวเองก็เลยยิ่งแกล้งให้เป็นจุดเด่น ซาสึเกะหรี่ตามองคนที่ยืนหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง...

     

    ก่อนจะระบายยิ้มเจ้าเล่ห์!

     

    “ไม่ใช่หรอก...” พูดพร้อมกับรวบมือบางไว้กลางอก ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาประชิดท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่มองดูอย่างสนอกสนใจ

     

    !!!

     

    “แขกไม่ได้อยากเห็นหน้างงๆของฉัน แต่เขาอยากเห็นฉาก เจ้าบ่าวจูบ เจ้าสาวแบบดูดดื่มต่างหาก”

     

    พูดไม่ทันขาดคำดี เจ้าบ่าวตัวจริงก็โน้มตัวจูบเจ้าสาวขี้แกล้งพร้อมกับมอบความหอมหวานที่ยากจะลืมเลือนให้ เขาแก้แค้นเธอกลับด้วยรสจูบที่ดุดันกว่า ร้อนแรงกว่า ซ้ำยังกินเวลานานเสียจนเธอแทบหมดแรง ซาสึเกะผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า มองเจ้าสาวของเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว

     

    “คุณทำบ้าอะไรคะ!

     

    “ถือว่าเจ๊ากัน”

     

    “คุณนี่มัน... หื่นได้ทุกเวลา!” เธอเอ็ดอย่างระอา แต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภรรยาสาวพลางกระซิบ...

     

    “ก็แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น”

     

    “อะแฮ่ม! เกรงใจกันนิดดดนึงนะครับ แขกยังอยู่กันเต็มงานนะครับคุณเจ้าบ่าว คุณเจ้าสาว” ซาโซริที่เหมือนไม่มีตัวตนบนเวทีมานานเอ่ยขัดจังหวะอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปทำหน้าที่พิธีกรของตน

     

    “เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเวลาอันมีค่าของคู่บ่าวสาว ผมขอเชิญเจ้าสาว... เอ๊ะ เจ้าบ่าว... เอ่อ เอาเป็นว่าขอเชิญคุณซากุระกล่าวอะไรถึงเจ้าบ่าว เอ้ย! เจ้าสาว... เอาเป็นว่าพูดอะไรที่คุณอยากบอกสามีคุณน่ะครับ!” เขาสรุปในที่สุด รู้สึกลิ้นพันกันไปหมด ไม่เข้าใจว่าไอ้คู่บ่าวสาวคู่นี้กำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่

     

    นี่งานแต่งงานนะโว้ย!

     

    ซากุระรับไมค์ต่อจากพิธีกรจำเป็น เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ความประหม่านั้นก็หายไปทันทีเมื่อมืออุ่นๆของเขาเอื้อมมากุมมือเธอไว้ ร่างบางยิ้มขอบคุณ...

     

    “สำหรับเขาคนนี้...” เธอเอ่ย หยดน้ำใสๆรื้นขึ้นที่ขอบตา

     

    “ฉันอยากบอกเขาว่าฉัน ขอบคุณ... ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉัน ขอบคุณที่เดินเข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่มอบหัวใจอันมีค่าให้ฉันดูแล... ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของพวกเราจะไม่ได้สวยงามเหมือนคนอื่น แต่ตอนนี้... มันทั้งงดงาม... และมีค่ามากค่ะ ขอบคุณที่ทำให้ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ฉันรักคุณนะคะ ราชาของฉัน

     

    เธอจบถ้อยคำหวานซึ้งด้วยการโผเข้ากอดเขาเสียเต็มรัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซึ้งหรือเพราะต้องการซ่อนน้ำตาไม่ให้ใครเห็นกันแน่ ซาสึเกะระบายยิ้มอ่อนใจ เขายกมือกอดพร้อมกับหยิบไมโครโฟนจากมือเธอมาถือไว้ ร่างสูงรวบรวมความกล้า...

     

    เขาตั้งใจจะพูด...

    ความรู้สึกที่มีต่อเธอที่เขารักที่สุด...

     

    แม้ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรบอกกับเธอ ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่ฟังแล้วจะซึ้งกินใจที่สุด เขาไม่สันทัดกับเรื่องแบบนี้ ไม่ได้ละเอียดอ่อนพอ... แต่ถ้าจะให้เขานิยามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับตัวเธอล่ะก็ คำตอบนั้นมันแสนจะชัดเจนในใจ...

     

    “เธอคือ... ราชินีของผมครับ”

     

     

    .

    .

    .

     

     

    บทส่งท้าย

     

     

                ลมหนาวที่พัดแทรกมาตามประตูของเรือนกระจกที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้หญิงสาวต้องกระชับผ้าคลุมไหล่แนบกาย ดวงตาสีมรกตหันกลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่ถือติดมือมาด้วย ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความกังวลหลังจากอ่านเนื้อหาของข่าวที่อยู่ข้างใน

     

    ถ้าเขาเห็นนี่ล่ะก็...

     

                “ขึ้นมาที่นี่ทำไมไม่บอก”

     

                เสียงทุ้มแสนคุ้นหูทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว หัวใจดวงน้อยแทบร่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม ซากุระยกมือทาบอก ก่อนจะหันไปต่อว่าคนที่จู่ๆก็โผล่พรวดมาข้างหลังแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

     

                “เล่นอะไรของคุณคะ!?! ฉันตกใจนะ”

     

                “หึๆ”

     

                “ยังจะมาหัวเราะอีก” เธอเอ็ดไม่จริงจังนัก ซาสึเกะหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ

     

                “อ่านอะไรอยู่”

     

                !!!

     

                “หืม?”

     

                “ปละ... เปล่าค่ะ” ร่างบางตอบเสียงตะกุกตะกัก เธอรีบซ่อนหนังสือพิมพ์ไว้ข้างหลังอย่างมีพิรุธ ชายหนุ่มหรี่ตามองภรรยาสาวด้วยสายตาจับผิด

     

                “เธอมีอะไรปิดบังฉันใช่มั้ย?”

     

                “มะ... ไม่มีค่ะ! ไม่มีอะไรเลย เอ่อ... ฉันว่าฉันไปเตรียมมื้อเที่ยงรอเลยดีกว่า คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ?” หญิงสาวแสร้งเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างระแวดระวัง แค่เห็นสายตาจริงจังของเขาก็ทำเอาเธอเสียววาบไปทั้งตัว ซาสึเกะเงียบไม่ตอบ... เป็นหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้คล้อยตามประเด็นใหม่ของเธอเลยสักนิด ซากุระยิ้มเจื่อน...

     

                “คงไม่สินะ งั้นฉันขอตัว... ว้าย!” ร่างบางร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆคนตัวโตก็ลุกขึ้นมาช้อนตัวเธอไปนั่งตัก เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่จนแก้มแทบช้ำ แทนการลงโทษที่เธอคิดจะชิ่งหนี

     

                “ไม่เอาแล้วค่ะคุณซะสึเกะ” หญิงสาวร้องห้ามพลางเอี้ยวตัวหลบคนที่จ้องจะเอาเปรียบเธออยู่เรื่อย ซาสึเกะยิ้มเจ้าเล่ห์...

     

                “งั้นก็ส่งหนังสือพิมพ์นั่นมาก่อนสิ”

     

                “มะ... มันมีแต่ข่าวซุบซิบดารานะคะ ไม่น่าสนใจสำหรับคุณหรอก”

     

                “เธอรู้ได้ยังไง บางทีฉันอาจจะสนใจก็ได้ ส่งมาให้ฉัน”

     

                “ไม่ค่ะ...” เธอว่าพลางสั่นหน้าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    ให้เขาเห็นไม่ได้หรอก!

     

                “ ไม่สินะ” เขาพูดเสียงไม่น่าไว้ใจ ก่อนจะประคองใบหน้าของเธอไว้แล้วชิงจูบทั้งอย่างนั้น

     

    ริมฝีปากอุ่นร้อนลากไล้แตะสัมผัสแทบทุกตารางนิ้ว ล่อหลอกให้เธอหลงในความหวานล้ำอย่างมิอาจถอนตัว ร่างบางตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้เขาแย่งหนังสือพิมพ์ไปจากมือได้อย่างง่ายดาย

     

                “ขี้โกง!!!

     

                เธอต่อว่าทันทีที่เขาผละริมฝีปากออก ใบหน้าหวานแดงเรื่อทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาค้อนขวับเอาเรื่องมองเขาอย่างไม่พอใจ ซาสึเกะหัวเราะ หึๆในลำคอ ก่อนจะกางหนังสือพิมพ์ออก ดวงตาสีรัตติกาลไล่อ่านเนื้อหาของข่าวทั่วไป เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติ จนกระทั่งถึงหน้าข่าวบันเทิง...

     

    ที่ทำเอาเขา...

    แทบช็อก!

     

                เจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก อุจิวะ ซาสึเกะ!

    (มีภาพประกอบ)

     

                ฮอตไม่เปลี่ยน! อุจิวะ ซาสึเกะ ครองแชมป์ผลโหวตโพลผู้ชายที่น่าหม่ำที่สุดในสายตาของผู้ชายด้วยกันเป็นปีที่สี่

    ต้องเรียกว่ายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหมือนเดิมสำหรับราชาแห่งอาณาจักรการเงินอุจิวะ อุจิวะ ซาสึเกะ ซึ่งแม้ปีนี้เจ้าตัวจะประกาศลั่นระฆังวิวาห์ไปเรียบร้อยแล้วแต่ระดับความฮอตก็ไม่ได้ลดลงเลย ล่าสุด โคโนฮะนิวส์ของเราได้ทำการสำรวจหนุ่มๆชาวสีม่วงว่าใครคือคนที่พวกเขาอยากเดทด้วยมากที่สุด ซึ่งเหล่าหนุ่มๆทั้งหลายก็พร้อมใจกันเทคะแนนให้พ่อราชาสุดหล่อ(?)กันแบบถล่มทะลายแบบไม่ต้องนับคะแนนกันเลยทีเดียว ว่าแต่ผลโพลออกมาเป็นแบบนี้ คุณภรรยาที่บ้านจะว่ายังไงบ้างคะเนี่ย J

     

                ซาสึเกะขบกรามแน่น สองมือขยำขยี้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจนมันกลายสภาพเป็นเพียงก้อนกระดาษ ร่างบางนั่งตัวสั่นงันงกบนตักคนเป็นสามี ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขาตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจบ...

     

    เป็นอะไรที่เธอไม่กล้ามอง!

     

                เพราะลำพังแค่รังสีอำมหิตที่เจ้าตัวปล่อยออกมาเต็มพิกัดก็ทำเอาเธอชักร้อนๆหนาวๆแทนสำนักพิมพ์เจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้ว แทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่กล้าเอาปมด้อยของซาสึเกะมาพูดราวกับว่าเป็นเรื่องตลก...

     

    จะมีจุดจบอย่างไร...

     

                ร่างสูงล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก่อนจะโทรหาใครบางคน มืออีกข้างของเขายังคงเกี่ยวเอวเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ซากุระทำหน้าไม่ถูก เธอรู้สึกผิดต่อสำนักพิมพ์นั้นอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย...

     

                “กำจัดสำนักพิมพ์โคโนฮะนิวส์ซะ เห็นทีว่าฉันกับมัน... คงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!!!

     

                ร่างบางระบายยิ้มอ่อนใจ...

     

    ไม่ว่าอย่างไรราชาก็ยังคงเป็นราชา...

     

    เขายังคงงดงามดุจเทพบุตร

    เขายังคงโหดร้ายและไม่เคยปรานีใคร

    เขายังคงเป็นจอมเผด็จการและจอมเจ้าเล่ห์

    เขายังคงเป็น อุจิวะ ซาสึเกะ

     

    ...เป็นผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ...

     

     

    จบบริบูรณ์

     

     

     

     

    **********

     

                จบแล้ววววว จบไปแล้วค่ะสำหรับฟิคที่ใช้เวลาแต่งนานมากกก T^T ดีใจ ปริ่ม~ ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกแรงใจแรงเชียร์ และขอบคุณการสนับสนุนดีๆจากนักอ่านทุกคนนะคะ (เบญจางคประดิษฐ์) ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด แม้ว่าข้าน้อยจะลาป่วย ลาขาด หยุดนักขัตฤกษ์ไปเยอะ หยุดยาวววก็มี แต่ทุกคนก็ไม่ได้ทิ้งกันไปไหนเลย ไรเตอร์ซาบซึ้งจริงๆค่ะT^T

     

                เอาล่ะ! มาถึงเรื่องแจ้งข่าว สำหรับตอนพิเศษทั้งหลาย... บอกเลยค่ะว่ามิต้องรอ คือไรต์จะมาแต่งให้ตอนว่างๆนะ ทีแรกคิดแต่งตอนพิเศษเพื่อทิ้งท้ายผลงานด้านแฟนฟิคซึ่งตั้งใจจะไม่มาแต่งอีกแล้ว แต่!!! ด้วยความที่ไรต์เป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้นั่นแหละค่ะ ไรก็เลยจะมาแจ้งข่าวดี...

     

    ไรต์จะเขียนฟิคsasusaku อีกเรื่องนะครัช!

     

                ซึ่งคราวนี้ต้องขออภัยคู่อื่นอย่างแรงเพราะเรื่องต่อไปนี้จะแต่งเกะกุคู่เดียว ไรต์เรียนรู้แล้วว่าทักษะด้านการแต่งหลายคู่ในเรื่องเดียวของตัวเองง่อยมาก T^T เรื่องใหม่ก็เลยตัดสินใจว่าจะแต่งคู่เดียว โดยเป็นฟิคแบบ sasusakusaso ใช่แล้วฮะ! พ่อตัวบันเทิงจากเรื่องนี้จะไปชิงรักหักสวาทกับซาสึเกะในเรื่องถัดไป ซึ่งแน่นอนว่ายังคงเป็นแนวดราม่าที่ไรต์จะจัดเต็มบทอาบน้ำตาค่ะ และเรื่องใหม่นี้ก็ได้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการเท่าไหร่ว่า...

     

    ความทรงจำสีรัตติกาล

     

                ชื่อเรื่องก็มืดมนมาเชียว ฮ่าๆๆ บอกก่อนว่าทักษะด้านการตั้งชื่อเรื่องของไรต์ก็ง่อยไม่แพ้ด้านการจัดสรรตัวละครนะเออ ฟิคเรื่องนี้อาจจะเปิดตัวช้าหน่อยเพราะไรต์ต้องเคลียร์ของเก่าก่อนค่ะ

     

    แล้วพบกันใหม่นะคะ!

     

    ขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง J


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×