คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : CHAPTER 42: ราชินีของผม [END] (100%)
บทที่ 42 ราชินีของผม (END)
จับแล้ว! ฟุรุคาวะ คาสึจิ อดีตรัฐมนตรีและลูกสาว ในข้อหาพยายามฆ่า พร้อมความผิดอีกหลายกระทง!
เช้าวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม ฟุรุคาวะ คาสึจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อม ฟุรุคาวะ คาริน ลูกสาวเพียงคนเดียว ขณะที่ทั้งคู่พยายามหลบออกจากประเทศผ่านทางเรือขนส่งสินค้า... (อ่านต่อหน้า 13)
เนื้อหาของข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า เรียกรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร
ซาสึเกะพับหนังสือพิมพ์เก็บตามเดิมเพราะไม่มีข่าวอะไรน่าสนใจอีกสำหรับเขา แน่นอนว่าหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าของสำนักพิมพ์อื่นก็คงจะเหมือนกัน ตอนนี้ทุกคนต่างพุ่งประเด็นไปที่ข่าวการจับกุมคาสึจิกับคารินที่ถูกออกหมายจับหลังจากมีการตรวจสอบยืนยันแน่ชัดแล้วว่าสองพ่อลูกกระทำความผิดจริงทั้งฐานพยายามฆ่า ติดสินบนเจ้าพนักงาน ค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย แทรกซึมองค์กร และคดีทุจริตอีกนับไม่ถ้วนที่คาสึจิใช้อำนาจของตนปกปิดไว้
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ไม่มีใครหลีกหนีกฎแห่งกรรมนี้พ้น ไม่ว่าจะมีเงินหรือมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม คาสึจิและคารินต้องชดใช้ผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ในคุก ส่วนเขาในฐานะที่เป็นผู้เสียหายก็ต้องตัดใจ ตัดความรู้สึกโกรธแค้นที่มีต่อสองพ่อลูกนั่นและไม่เอามันไปคิดอาฆาตพยาบาทให้เป็นทุกข์อีก
ร่างสูงถอนหายใจยาวเหยียดพลางเอนกายพิงพนักเก้าอี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เขามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารหลังจากพักฟื้นมาเกือบอาทิตย์
มันเป็นการพักฟื้นที่ต่างจากที่เขาเคยจินตนาการไว้อย่างลิบลับ!
คิดมาถึงตรงนี้คนกำลังอารมณ์ดีก็ชักสีหน้าอย่างขัดใจ ใบหน้าสวยๆของภรรยาสาวที่ลอยเข้ามาหัวโดยอัตโนมัติ ยิ่งทำให้อารมณ์บูดเข้าไปใหญ่ ร่างสูงต่อสายภายในถึงเลขานอกสถานที่ที่วันนี้รับหน้าที่เป็นเลขาหน้าห้องแทนเจ้าเลขาสารพัดประโยชน์คนเดิมที่ตอนนี้อยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจสำคัญ ไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ได้รับคำสั่งจูโกะก็พาร่างสูงใหญ่ของตนมาพบเจ้านาย เขามองหน้าบอกบุญไม่รับของซาสึเกะยิ้มๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถูกเรียกมาพบเพราะอะไร
“โทรถามซุยเงสึซิว่ามันจะมาถึงญี่ปุ่นเมื่อไหร่”
ผิดจากที่คิดซะที่ไหนล่ะนั่น
“พวกคุณยังไม่หายโกรธกันอีกเหรอครับ?” เลขาหนุ่มย้อนถาม แสดงอาการกลั้นหัวเราะจนคนมองแทบจะหยิบแฟ้มเล่มหนาปาใส่
“ฉันไม่ได้เรียกนายเพื่อให้นายมาตั้งคำถามงี่เง่ากับฉัน! ฉันบอกให้โทรก็โทรสิ”
“หึๆ ครับ ถ้างั้นรอซักครู่นะครับ”
พูดเสียงเจ้าเล่ห์เสร็จ มือขวาที่นับวันเริ่มจะติดนิสัยกวนๆจากซาโซริ ก็อันตรธานหายไปจากห้องเพื่อไปทำตามคำสั่ง ไม่นานหลังจากนั้นจูโกะก็กลับเข้ามาพร้อมสมุดเล่มเล็กในมือ ซึ่งเขาเดาว่ามันน่าจะเป็นรายละเอียดที่เจ้าตัวจดไว้กันพลาด
“ซุยเงสึบอกว่าจะขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มตามเวลาที่ชิคาโก...” เลขานอกสถานที่ว่าพลางก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ก็...เหลือเวลาอีกเกือบๆชั่วโมงครับ และจะมาถึงนาริตะประมาณสี่ทุ่มของบ้านเรา รวมเวลารอโหลดสัมภาระกับจัดการเอกสารประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากชิบะมาถึงโตเกียวก็เกือบๆหนึ่งชั่วโมง อีกสิบห้านาทีสำหรับเข้าบ้านอุจิวะ รวมเวลาเบ็ดเสร็จคุณน่าจะได้เจอหน้าภรรยาตอนประมาณเที่ยงคืนครับ”
จูโกะรายงานละเอียดยิบ เขายิ้มอย่างรู้ทันคนเป็นเจ้านาย แค่เห็นหน้าหงุดหงิดเหมือนคนกินยาขมนั่นก็รู้แล้วว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังกระวนกระวายใจ อยากเห็นหน้าภรรยาสุดที่รักใจแทบขาด แต่ก็ถือทิฐิไม่เข้าท่า ไม่ยอมโทรหา ทำเป็นไม่สนใจ และก็เป็นฝ่ายมานั่งทรมานใจเอง
นี่แหละเจ้านายของเขา เรื่องปากแข็งฟอร์มจัดน่ะ ไม่มีใครเกินหรอก
“ฉัน... ฉันไม่ได้ถามถึงขนาดนั้น!จะไปไหนก็ไป และถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว... วันนี้ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก!”
ร่างสูงแสร้งโกรธกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจแอบนึกชมความละเอียดรอบคอบของลูกน้อง แต่จะให้มาหลุดฟอร์มยอมรับว่ากำลังคิดถึงเมียที่ทิ้งเขาให้นอนป่วยคนเดียว แล้วตัวเองไปงานแต่งงานของเพื่อนที่ชิคาโกกับไอ้เลขาเฮงซวยของเขาน่ะหรือ...
ไม่ - มี- ทาง!
.
.
.
รถยุโรปคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าบ้านสไตล์ยุโรปในเวลาเกือบๆเที่ยงคืน ร่างบางก้าวลงจากรถโดยมีซุยเงสึที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่ชิคาโกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ เดินถือสัมภาระมาส่งที่หน้าประตูบ้าน
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
“ฝากทักทายคุณซาสึเกะด้วยนะครับ และก็...” เลขาหนุ่มลดเสียงลงจนกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบ ดวงตาสีอะเมทิสต์กวาดมองรอบๆอย่างระแวดระวังพลางเอ่ย
“อย่าลืมย้ำกับเขานะครับ ว่าผมไม่ได้แตะต้องคุณแม้แต่ปลายเล็บ”
“ค่ะ เดินทางดีๆนะคะ” เธอรับปากพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวอะไร
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านหลังจากส่งซุยเงสึเสร็จ เธอเงยหน้ามองชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนทั้งชั้น และก็ไม่ได้แปลกใจนักที่เห็นเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียงร่างบางตัดสินใจไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ห้องน้ำชั้นล่างเพราะรู้ดีว่าหากขึ้นไปข้างบนแล้ว คงต้องรับมือกับความงอนของคนที่กำลังแกล้งนอนหลับจนไม่ได้อาบน้ำอาบท่าเป็นแน่
“ฉันรู้นะคะว่าคุณยังไม่นอน มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่าคะ คุณซาสึเกะ”
ซากุระถามยิ้มๆหลังจากพาตัวหอมกรุ่นของตนนั่งลงบนเตียง สองมือกำลังสาละวนอยู่กับการเช็ดผมที่เปียกชุ่มด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก ซาสึเกะยังคงเงียบ เขานอนหันหลังให้ภรรยาสาว ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเธอ แม้ว่าเขาจะถูกเจ้ากลิ่นหอมๆของแม่ตัวดีทำพิษเสียจนอดใจแทบไม่ไหวก็เถอะ!
“หรือคุณอยากจะขอโทษที่อาละวาดใส่ฉันเมื่ออาทิตย์ก่อน?”
“คนที่ต้องขอโทษน่ะ มันเธอไม่ใช่รึไง” จะว่าเพราะทนกับประโยคที่เธอว่าไม่ได้หรือเพราะทำใจแข็งไม่ได้ดี สุดท้ายเขาก็เผลอโต้ตอบไปจนได้
“นี่คุณยังโกรธอยู่เหรอคะที่ฉันทิ้งคุณแล้วไปชิคาโกคนเดียว?”
“...”
“ถึงว่าสิ รอโทรศัพท์ตั้งนานแต่ก็ไม่โทรไปซักสาย” เธอพูดด้วยเสียงน้อยใจ หากแต่คนฟังกลับทำเบะปากใส่
“รอเหรอ? ไม่ใช่ล่ะมั้ง ได้ไปเปิดหูเปิดตาซะขนาดนั้น คงเที่ยวเพลินจนลืมเลยล่ะสิว่าฉันยังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ!”
“คุณกำลังน้อยใจ?”
“ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น”
“ถ้างั้นก็หันหน้ามาคุยกันดีๆค่ะ”
“หึ!”
“กลัวใจอ่อนเหรอคะ?”
สิ้นเสียงกึ่งท้าทายนั้น ร่างสูงก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับภรรยาสาวอย่างไม่นึกหวั่น ดวงตาสีรัตติกาลวูบไหวทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์ สองมืออยากจะเกี่ยวเอวบางดึงรั้งเข้ามากอดให้หายคิดถึงนัก หากแต่ทิฐิและอารมณ์โกรธเคืองในใจทำให้เขาได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เธอ หญิงสาวหลุดหัวเราะเบาๆ
“คิก~”
“หัวเราะอะไร หน้าฉันมันตลกมากนักรึไง”
“เปล่าค่ะ แต่หน้าคุณมันฟ้องว่าคุณคิดถึงฉันม๊ากมาก” เธอพูดเสียงสูงลิบ ทำหน้าล้อเลียนอย่างคนเหนือกว่า ร่างสูงถลึงตามองดุๆพลางปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันไม่ได้คิดถึง! ไม่ - ได้ - คิด! นิดเดียวก็ไม่”
ช่างเป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาเสียเลยในสายตาของเธอ
“อ้อ~ งั้นหรือคะ”
น้ำเสียงและรอยยิ้มเยาะเย้ยของเธอทำเอาเขาคิ้วกระตุก อยากจับแม่ตัวดีของเขามาตีก้นเสียให้เข็ด หล่อนคงไม่รู้ตัวเลยล่ะสิว่าตัวเองทำให้เขาห่วงแทบบ้า จู่ๆก็มาบอกว่าจะไปงานแต่งงานของเจ้าซาอิกับเพื่อนของเธอที่ชิคาโก จากนั้นก็จองตัวเครื่องบิน แพ็คกระเป๋า ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่สนามบินทั้งที่เขาห้ามแล้วห้ามอีกว่าไม่ให้ไป ยังดีที่เขาไหวตัวทันส่งซุยเงสึตามไปประกบ ไม่งั้นแม่คุณคงได้บุกเดี่ยวไปคนเดียวแน่
ทำอะไรไม่รู้จักคิด!
“แล้วจะนั่งเช็ดผมอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม แผ่ไอรังสีน่ากลัวออกมาเสียจนเธอขนลุก
ชักสังหรณ์ใจไม่ดี
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ถ้าเธอไม่หลับลูกจะหลับได้ยังไง ทำอะไรหัดคิดซะบ้างว่าตัวเองไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ท้องอ่อนๆอยู่แท้ๆ แทนที่จะพักผ่อนแต่กลับเที่ยวไปโน่นมานี่ ทำอย่างกับว่าตัวเองเหมือนเมื่อก่อน แล้วนี่คิดจะไปไกลถึงชิคาโกคนเดียว บ้ารึเปล่า ถ้าเกิดว่าเธอเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะทำยังไง ฉันไม่มีปัญญาหาเมียใหม่ปั๊มลูกใหม่หรอกนะ!”
เขาดุยาวเหยียดจนเธอหาช่องว่างสำนึกผิดตัวแทบไม่ทัน ร่างบางมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ จากที่เคยคิดจะแหย่ผู้ชายปากแข็งที่ไม่ยอมโทรหาหรือรับโทรศัพท์เธอสักสายให้เข็ด กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมานั่งฟังเขาดุพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของตัวเองที่คิดจะชิ่งไปงานแต่งงานของอิโนะคนเดียวเพราะขอแล้วเขาไม่อนุญาต ทีแรกก็คิดว่าเขาไม่อนุญาตเพราะติดเธออย่างกับตังเม
ใครจะไปคิดล่ะว่าไม่ให้ไปเพราะห่วง!
“ก็คุณไม่บอกฉัน...”
“อย่าเถียง เวลาที่ผู้ใหญ่พูดแล้วพูดแทรกน่ะ รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาท เธอมีหน้าที่ฟัง ฟังและทำตามที่ฉันบอก ฉันขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำอะไรไม่ห่วงตัวเองแบบนี้”
“...”
“รับปากสิ” เขาว่าเสียงดุเมื่อเห็นเธอเงียบไป ซากุระมองสามีตาปริบๆก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ค่ะ... ฉัน... จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
“ความผิดครั้งนี้ฉันจะให้อภัยก็ได้ แต่คราวหน้าไม่มีแล้วนะ” ร่างสูงพูดเสียงอ่อนลงพร้อมกับยันตัวขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อพิศมองใบหน้าหวานที่มีหยดน้ำเกาะพร่างพราย
“แล้วใครเขาให้สระผมก่อนนอนกัน ไม่รู้รึไงว่ามันจะทำให้ป่วย”
เขาบ่น จากนั้นก็ดึงตัวเธอให้ตามไปที่ห้องแต่งตัว บังคับให้เธอนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่เป็นช่างทำผมชั่วคราว ใช้ไดร์เป่าผมเป่าผมที่เปียกชุ่มของเธอให้แห้งสนิท ซากุระมองเงาของเขาในกระจกพร้อมกับอมยิ้ม
“คุณน่ารักจัง”
“เธอก็ดื้อเหลือเกิน” เขาตอบกลับแทบจะในทันที เสียงนั้นไม่เชิงดุหากแต่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ต่อไปนี้ห้ามอยู่นอกสายตาของฉันอีกเด็ดขาด เพราะฉันเป็นห่วง... มาก”
**********
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ T^T รู้สึกว่าครั้งนี้จะนานมากกกเพราะไรต์ออกต่างจังหวัดไปสามสี่วันแล้วไม่ได้แจ้งล่วงหน้าด้วยล่ะ ถ้าความสามารถเพียงพอวันนี้จะลงทีเหลือให้จบค่ะ แต่ถ้าไม่ก็ยกยอดเป็นวันพรุ่งนี้เนาะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันอยู่ตลอดนะคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้รอน้า รักทู๊กคนนน จุ๊บๆ~
ปล. ณ จุดๆนี้อยากสิงหนูกุจริงๆ >< เป็ดน่าร๊ากกก
ปล.2 และเค้ามีข่าวดีจะบอกด้วยนะตัวเอง><
50%
อากาศช่วงสายของวันไม่หนาวจัดนักเพราะได้แสงอาทิตย์ช่วยให้ความอบอุ่น ซาสึเกะนั่งจิบชาร้อนอยู่กลางสวนสวยหลังคฤหาสน์ ที่บัดนี้ดูแห้งแล้งเพราะต้นไม้พากันผลัดใบจนเหลือแต่กิ่งก้าน
“วันนี้ไม่เข้าธนาคารรึไง”
เสียงทักทายของผู้อาวุโสกว่าทำให้เขาละสายตาจากแท็บเล็ตเครื่องบางที่ถือติดมือมาด้วย ร่างสูงยิ้มให้ผู้มาใหม่
“ครับ อยากจะพักซักหน่อย และตอนนี้ที่ธนาคารก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลาแล้ว”
อิทาจิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตอนนี้เหตุการณ์ที่ธนาคารสงบ ไม่ต้องคอยระแวดระวังมากเท่าเมื่อก่อนเพราะดันโซกับคาสึจิที่จ้องจะเล่นงานธนาคารพากันจบเห่ไปแล้วทั้งคู่ ส่วนศัตรูคนอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษสงร้ายกาจถึงขนาดที่ต้องคอยจับตาเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นช่วงที่คลื่นลมสงบแบบนี้ น้องของเขาก็ควรจะพักและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง
ในฐานะว่าที่คุณพ่อ
“แล้วซากุระไปไหนซะล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้แกมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ปกติเห็นตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋”
“อ้อ~ แม่คุณเขาไม่อยู่หรอกครับ ไอ้หมอเวรนั่นมันมารับไปตั้งแต่เช้า” คนเป็นน้องตอบเสียงประชดประชัน อารมณ์บนใบหน้าเปลี่ยนไปทันที อิทาจิเลิกคิ้ว
“หมอกาอาระ?”
ร่างสูงพยักหน้ารับเซ็งๆ รู้สึกว่าแค่ได้ยินชื่อเจ้าหมอหน้าหล่อนั่นก็ทำเอาจิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมด เขาจำไอ้ใบหน้ายียวนกวนบาทาของมันตอนที่มารับภรรยาของเขาไป ‘ทำธุระ’ ได้ดี มันเป็นใบหน้าเยาะเย้ยที่เห็นแล้วมันน่ากระทืบให้มิดดินจริงๆ
ให้ตายสิ!
ถ้าเพียงแต่เขารู้มาก่อนว่า ‘เพื่อน’ ที่คุณภรรยาเธอขอไปทำธุระด้วยเป็นไอ้หมอนั่นล่ะก็ เขาไม่มีทางอนุญาตให้ไปหรอก ฝากปลาย่างไว้กับแมวชัดๆ!
“หึ! แกเป็นห่วงรึไง”
นี่ก็ปีศาจชัดๆเหมือนกัน รู้ไปเสียทุกอย่าง!
“ก็แต่น่าแปลกนะที่แกยอมปล่อยให้ซากุระไป ปกติเห็นหวงซะอย่างกับอะไรดี”
ซาสึเกะถอนหายใจ...
ที่ปล่อยไปไม่ใช่เพราะหวงหรือห่วงน้อยลงเสียเมื่อไหร่ หากแต่คนอยู่ด้วยกัน... ลำพังความรัก ความหึงหวงห่วงใย ก็อาจไม่เพียงพอ มันต้องมีมากกว่านั้น... ต้องมีทั้งความไว้เนื้อเชื่อใจ เชื่อมั่นในความรักซึ่งกันและกัน และต้องรู้จักเคารพความคิดจิตใจของอีกฝ่าย จะมามัวดื้อแพ่งเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เขาไม่ได้สบายใจนักที่ปล่อยเธอไปไกลหูไกลตากับคนอื่น แต่เพราะเธอสัญญาว่าจะดูแลตัวเองและมันก็เป็นความต้องการที่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ เขาก็เลยต้องยอมอย่างเสียไม่ได้
ถ้าอยากให้ความรักอยู่กับเรานานๆ...
ก็ต้องตัดความเห็นแก่ตัวทิ้งไป...
“ผมก็แค่อยากให้อิสระเธอบ้างน่ะครับ” ร่างสูงตอบตามตรง
“แกโตขึ้นเยอะ” อิทาจิชมพลางตบไหล่กว้างของคนเป็นน้องอย่างภูมิใจ “คนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งอย่างแกยอมข่มใจได้ขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องเกินคาดสำหรับฉัน”
“โลกนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวผม ถ้ามัวแต่เอาแต่ใจ บังคับให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองต้องการโดยไม่เห็นหัวใคร สักวันผมคงไม่เหลือใครเลย”
“หึๆ น้องฉันกลายเป็นคนใจกว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แต่ถ้าใครร้ายใส่ผมก่อน... นั่นมันก็อีกเรื่อง” น้ำเสียงและแววตาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด ดับฝันคนที่อุตส่าห์คิดว่าจะได้น้องชายน่ารักๆเหมือนอย่างสมัยก่อนห้าขวบคืนมา อิทาจิได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปบ่นกับตัวเองเบาๆ
“มันก็ยังนิสัยเสียเหมือนเดิม”
การสนทนาระหว่างพี่น้องดำเนินไปอีกครู่ใหญ่ ส่วนมากจะเป็นเรื่องการลงทุนในตลาดน้ำมันในไตรมาสแรกของปีของซาสึเกะ ซึ่งแยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนของธนาคาร รวมถึงเรื่องคดีความกับคาสึจิ คาริน และโทระตะที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการในชั้นศาล และสุดท้ายก็วกกลับเข้ามาที่เรื่องการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบของซาอิ
“เจ้านั่นมันก็ชิ่งแต่งงานไปก่อนแล้ว ว่าแต่แกเถอะ เมื่อไหร่แกจะแต่งงานกับซากุระซักที”
“!!!”
ร่างสูงผงะทันทีที่ได้ยินคำถามแทงใจดำ ใบหน้าที่ถูกจัดว่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซีดเผือดจนเกือบจะเป็นสีกระดาษ อิทาจิหรี่ตามองอย่างจับผิด
“หรือตั้งใจจะไม่แต่ง?”
“ตะ... แต่งสิครับ!” เขาลนลานตอบเสียงสั่น
“แล้วจะรอไปถึงเมื่อไหร่? ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนี้ซากุระท้องได้สามเดือนกว่าแล้วนะ สี่เดือนเมื่อไหร่ท้องคงจะโตจนเห็นได้ชัด แกอยากให้เจ้าสาวของตัวเองท้องโย้ในวันแต่งรึไง”
“ใจจริงผมก็อยากแต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยนะครับ แต่ว่า...” ซาสึเกะอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร อิทาจิยืนกอดอกนิ่ง พอเห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายเขาก็เข้าใจแทบจะในทันที
“นี่แกอย่าบอกฉันนะว่าแกไม่กล้าขอเขาแต่งงาน?”
“!!!”
“เอาจริงสิ!” คนเป็นพี่อุทานออกมาอย่างทึ่งจัดเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนคนถูกจับไต๋ได้ของซาสึเกะ
“แกหน้าด้านไปทำ ‘อะไรๆ’ กับเขาไว้ตั้งเยอะ กะอีแค่ขอแต่งงานดันมาป๊อดนี่นะ แกเป็นน้องฉันรึเปล่า!?!”
“มันทำได้ง่ายๆซะที่ไหนกันล่ะครับ”
ใครไม่เป็นเขาไม่เข้าใจหรอก!
คนป๊อดบ่นในใจ ขอแต่งงานไม่ใช่เล่นหุ้นซักหน่อย ที่แค่นั่งวิเคราะห์ตลาดหาความเสี่ยง เคาะเครื่องคำนวณไม่กี่ครั้ง แล้วจะได้ตัดสินใจซื้อขายได้เลย การขอใครสักคนแต่งงาน... มันต้องอาศัยความกล้าในการตัดสินใจมากกว่านั้น แม้ว่าคนที่ขอแต่งงานด้วย... จะเป็นแม่ของลูกเขาก็เถอะ!
“ผมเคยพยายามมาหลายครั้งแล้วนะครับ แต่...”
“แต่อะไร”
“ผม... ผมพูดไม่ออก” ซาสึเกะตอบเสียงอู้อี้
“กากว่ะ”
“อะไรนะครับ”
“ช่างเถอะ” อิทาจิบอกปัดพลางหรี่ตามองคนขี้ขลาดอย่างคาดโทษ
“ฉันขอยื่นคำขาด ไปขอเมียแกแต่งงานซะ ฉันไม่อยากให้หลานเกิดมาโดยที่พ่อแม่ยังไม่ได้แต่งงานกัน”
“แต่ผม...!!!” ซาสึเกะคิดจะแย้ง แต่ก็ต้องกลืนคำแก้ตัวทั้งหมดลงคอแทบไม่ทันเมื่อเห็นใบหน้าของอิทาจิถูกประดับด้วยรอยยิ้มเพชฌฆาตตามแบบฉบับของเจ้าตัว
เหตุการณ์นี้มัน... คุ้นๆ?
“ไม่งั้นฉันจะทำให้แกได้สัมผัสกับนรก... ที่สมกับฉายาราชานรกของแกแน่”
**********
มาทีละนิดจิตแจ่มใส วันนี้จะลงเรื่อยๆนะฮะ! ไม่อยากให้รอกันนาน ถ้าใครไม่อยากอ่านแบบกะปริดกะปรอยแนะนำให้มาตอนดึกๆทีเดียวเลย
ปล. งานนี้พี่จิก็วินอีกแล้ว ด่าเจ็บมาก 555
70%
เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มที่สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าบ้านทรงยุโรป หลังจากที่มันพาเจ้านายกับ ‘เพื่อนคนสำคัญ’ ไปทัวร์ตะลอนๆรอบโตเกียว ซากุระโบกมือลาเจ้าของรถที่อุตส่าห์เป็นสารถีให้เธอทั้งวัน กาอาระยิ้มตอบก่อนจะวนรถกลับ เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ป่านนี้คงกลายร่างเป็นอสูรกายไปเรียบร้อยแล้ว
ก็พาคนสำคัญมาส่งซะมืดค่ำขนาดนี้นี่นะ
ซากุระยืนทำใจอยู่หน้าประตูบ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ในมือถือถุงกระดาษที่ข้างในมีของที่เธอใช้เวลาทั้งวันกับกาอาระหามาจนได้ ริมฝีปากบางระบายยิ้ม...
เหตุการณ์ในตอนนี้ดูคล้ายกับเมื่อสองเดือนก่อนราวกับเป็นเดจาวู ตอนที่เธอวางแผนจะทำเซอร์ไพรส์ซาสึเกะ แต่แผนการก็ล่มไม่เป็นท่า และกลับกลายเป็นว่าเธอต้องถูกเขาเซอร์ไพรส์เสียเอง แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นหัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบ บาดแผลพวกนั้นคงฝังลึกอยู่กับเธอไปอีกนาน... แต่ก็คงไม่นานเกินไป เพราะตอนนี้เธอมีเขาอยู่ข้างๆแล้ว
เธอมั่นใจ...
สักวันมันคงหายสนิท...
เสียงไวโอลินแสนคุ้นดังขึ้นขัดความคิด ซากุระรีบเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็พบเพียงไฟที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ชอบเล่นไวโอลิน เธอเงี่ยหูฟังอีกครั้ง แล้วก็พบว่าต้นตอของเสียงอยู่บนชั้นดาดฟ้า
เรือนกระจก
เธอคิดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาจะเล่นอะไรอีกล่ะนี่?
ร่างบางเดินตามบันไดวนขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เธอได้ยินเสียงไวโอลินของเขาอย่างชัดเจน มันยังคงเป็นเสียงที่ไพเราะ ดึงดูด และชวนฟังอย่างประหลาด
“มาทำอะไรตรงนี้คะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เธอทักอย่างเป็นห่วงหลังจากฟังเขาเล่นจนจบเพลง
“...”
หญิงสาวหัวใจเต้นตึกตักที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไป นึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าเขาจะหันมาว้ากเพราะเธอกลับบ้านช้าหรือเปล่า แต่ซาสึเกะก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เขาวางไวโอลินตัวโปรดบนโต๊ะ จากนั้นก็หันมามองเธอด้วยสายตาประหลาด วินาทีต่อมาก็กางแขนออกพลางเอ่ยอ้อนๆ
“กอดฉันหน่อย”
“!!!”
“กอดฉัน...”
“เป็นอะไรของคุณคะ...”
“นะ”
แม้จะยังแปลกใจว่าทำไมจู่ๆพ่อราชาของเธอถึงได้ทำอะไรพิลึกแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะมอบความอบอุ่นให้เขา ร่างบางทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆพลางโอบมือรอบตัวคนตัวโต เธอถามเขาเสียงอ่อนโยน
“คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ?”
“...”
“หรือคุณโกรธที่ฉันกลับบ้านช้า!?!”
“ไม่ใช่หรอก”
ร่างบางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เอ... แล้วอะไรกันน้าที่ทำให้ราชาของฉันเซื่องซึมได้ถึงขนาดนี้ หรือว่ามีปัญหาที่ธนาคาร?”
“เปล่า...” เขาปฏิเสธ พยายามซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนเล็ก สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า...
“แล้วทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
“ก็แค่...”
“หืม?”
“เอ่อ...”
เขาพูดไม่ออก!
อุตส่าห์บรรเลงเพลงซึ้งๆเพื่อสร้างบรรยากาศ ท่องสคริปต์ยาวๆที่ใช้เวลาเขียนมาครึ่งค่อนวัน แต่พอถึงเวลาจริงไอ้ที่เตรียมมาทั้งหมดกลับใช้ไม่ได้ซักอย่าง! ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอ้การขอคนที่นอนกอดกันทุกคืนแต่งงานมันจะเป็นอะไรที่ยากเย็นขนาดนี้!
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คุณสะดวกใจเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้” หญิงสาวกระซิบเบาๆ เธอยิ้มอย่างเข้าใจ... บางทีเขาอาจจะมีเรื่องหนักใจอะไรบางอย่างที่บอกเธอไม่ได้ก็ได้ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ประจำ
ชอบเก็บทุกอย่าง...
เอาไว้คนเดียว...
“คุณซาสึเกะคะ ฉันมีอะไรจะให้” เธอเปลี่ยนเรื่องเพื่อเลี่ยงบรรยากาศน่าอึดอัด ร่างบางผละตัวออก ดวงตาสีมรกตมองใบหน้างงงันของสามีพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่คุณต้องหลับตาก่อน”
“...”
“หลับตาเร็วๆสิคะ” เธอเร่ง ร่างสูงถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมหลับตาลงแต่โดยดี ปลงแล้วว่าวันนี้แผนขอแต่งงานคงล่มแน่
เมื่อเห็นว่าคนตัวโตนั่งหลับตานิ่ง ซากุระก็หยิบของที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา มันเป็นหมวกไหมพรมสีขาวที่ส่วนบนถักเป็นรูปหูแมวดูน่ารัก เธอบรรจงสวมมันบนศีรษะของชายคนรัก จากนั้นก็นั่งมองผลงานของตัวเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เขาน่ารักเหลือเกิน!
“หัวเราะอะไร” ซาสึเกะที่เพิ่งลืมตาถามขึ้น เขาทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนบนกระจก
หูแมว?
ร่างสูงถลึงตามองคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ
“ทำบ้าอะไรของเธอ”
“อ๊ะๆๆ อย่าถอดออกเชียวนะคะ ไม่งั้นฉันโกรธคุณจริงๆด้วย” หญิงสาวขู่ ก่อนจะหยิบหมวกไหมพรมรูปหูแมวของตนสวมบ้าง หมวกของเธอแตกต่างจากของเขาเล็กน้อยเพราะเป็นสีชมพูอ่อน เข้ากันกับเรือนผมสีดอกซากุระของเธอ
“น่ารักมั้ยคะ ฉันอุตส่าห์เดินหากับคุณหมอตั้งนาน กว่าจะได้มาก็ถูกคุณหมอบ่นจนหูชาแน่ะ” เธอพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง...
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวเสมอ...
ตึกตัก~
เสียงหัวใจเต้นระรัวจนจับจังหวะไม่ถูก...
เขา...
ตกหลุมรักเธออีกแล้ว...
“ซากุระ...” ซาสึเกะเรียกชื่อภรรยาสาวเสียงแผ่วเบาพลางดึงตัวเธอมากอดอีกครั้ง น้ำเสียงช่างไม่มั่นคงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากแต่อ้อมกอดอุ่นๆของเธอเปรียบเสมือนคำปลอบโยนไม่ให้เขากลัวที่จะเอ่ย
“แต่งงานกันนะ”
ละอองหิมะสีขาวโปรยปรายรับคำขอ...
ราวกับว่ามีใครสักคนเสกมันขึ้นมาเพื่อเป็นพยาน...
ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้ความอบอุ่นทดแทนความหนาวเย็นของอากาศ บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักอย่างชัดเจน ความเงียบในค่ำคืนที่ทั้งมืดทั้งหนาว... เริ่มทำให้หัวใจคนเพิ่งขอแต่งงานห่อเหี่ยว...
หนึ่งนาที...
สองนาที...
สามนาที...
เขาเริ่มกระวนกระวาย
ทำไมเธอไม่ตอบตกลงซักที?
หรือเมื่อกี้มันไม่โรแมนติกพอ?
เขาควรจะขอเธอใหม่ดีหรือเปล่า?
หรือว่า...
ที่ไม่ตอบเพราะเธอจะปฏิเสธ!?!
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอปฏิเสธ!” จู่ๆร่างสูงก็โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ซ้ำยังกอดเสียแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
“ห้ามปฏิเสธนะ!”
“ฉัน...”
“ถ้าเธอจะบอกว่า ‘ไม่’ ล่ะก็ เงียบไปเลย! ฉันไม่ฟัง!”
“ขอแต่งงานอะไรกันคะเนี่ย” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ เข้าใจว่าเขากังวลกับคำตอบจนสติแตกเพราะเห็นเธอเงียบไป แต่เขาจะรู้ไหมว่าเธอไม่ได้เงียบเพราะคิดจะปฏิเสธ แต่เงียบ...
เพราะพูดอะไรไม่ออกต่างหาก...
เธอรอคำนี้มานาน...
เฝ้าฝันมาตลอดว่าวันหนึ่งจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา...
หลังจากที่ได้เห็นงานแต่งงานของเพื่อนรักอย่างอิโนะ ความคิดที่ว่าเธออยากจะแต่งงานบ้างก็รุมเร้าอยู่ในหัวเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าการแต่งงานจะไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากกว่าไปกว่าพิธีการพิธีการหนึ่ง ความสำคัญนั้นเทียบไม่ได้กับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังหวัง...
หวังที่จะได้เรียกซาสึเกะว่าเจ้าบ่าวสักครั้ง หวังที่จะได้จับมือกันสาบานต่อหน้าบาทหลวงว่าจะดูแลกันให้ดีที่สุด จะไม่ทอดทิ้งกันไปไหน และจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปจนแก่เฒ่า เธอหวังมาตลอด... แต่ก็ไม่งี่เง่าพอที่จะร้องขอเขา เพราะการแต่งงานอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เธอเคยคิดแบบนั้น...
แต่...
“ว่าไงล่ะ คำตอบของเธอน่ะ จะแต่งหรือไม่แต่ง? แต่ย้ำนะว่า ห้าม- ป-ฏิ-เสธ”
“บังคับกันซะขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ตกลง คุณคงเด็ดหัวฉันแหง”
“ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก แต่จะ ‘ขอแต่งงาน’ ทั้งวันทั้งคืน ขอจนกว่าเธอจะหมดแรง... เอ่อ... ขอจนกว่าเธอจะตอบตกลง”
ร่างบางระบายยิ้มกว้างกับประโยคชวนคิดลึกนั่น มือเล็กโอบกอดคนตัวโตไว้แน่นพลางซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาในอ้อมกอดอบอุ่น
“ค่ะ ฉันตกลงค่ะ ฮึก... ขอบคุณมากนะคะ... คุณซาสึเกะ”
สุดท้ายเธอก็คิดผิดอีกจนได้...
**********
100%
งานแต่งงานของราชาแห่งอาณาจักรการเงินอุจิวะ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมซึนะ ซึ่งกาอาระยอมลงทุนปิดโรงแรมหนึ่งวันเพื่อจัดงานนี้โดยเฉพาะ แขกเหรื่อมากหน้าหลายตาจากทุกวงการต่างก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานวิวาห์ที่ออกจะเหลือเชื่อที่สุด...
งานวิวาห์ของราชานรก...
ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับผู้หญิงทั้งโลก!
“เอาจนได้สินะหมอนั่น” หนึ่งในแขกกิตติมศักดิ์เอ่ยขณะยกสุราชั้นเลิศขึ้นจิบ
“วันนี้ภรรยาของคุณไม่ตามมาด้วยหรือครับ ท่านประธาน?” เสียงหนึ่งถามขึ้น นารูโตะหันหน้ามองคนถามเซ็งๆ
“นายไม่ต้องมาเรียกฉันว่าท่านประธงท่านประธานอะไรเลยนะ หึ! ต้มผมซะเปื่อยเชียวนะครับ! คุณเอริค แซนเดอร์สัน!” นารูโตะเอ่ยเสียงประชดประชัน เขายังคงโกรธที่ซาอิปลอมแปลงเอกสารเพื่อเข้าทำงานที่บริษัท แต่ก็ไม่ได้ดำเนินคดีอะไรเพราะอิทาจิมาขอร้องไว้พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ชายหนุ่มทำแบบนั้น
“เป็นพี่น้องร่วมสถาบันกันแท้ๆ ดันมาหลอกกันซะได้”
“ขอโทษครับ” ซาอิเอ่ยยิ้มๆ ข้างกายเขามีอิโนะ ภรรยาสาวสวยว่าที่แม่ของลูกนั่งอยู่ด้วย เธอยังคงประหม่าเพราะเพิ่งเคยนั่งร่วมโต๊ะกับประธานของอุซึมากิคอร์เปอเรชัน เจ้าของบริษัทที่เคยไปฝึกงานด้วยเป็นครั้งแรก
“แล้วเมื่อกี้นายถามอะไรฉันนะ”
“อ้อ ผมถามถึงคุณฮินาตะน่ะครับ เธอไม่ได้มางานกับคุณหรือครับ?”
“นายคง... ไม่ได้คิดอะไรกับเมียฉันใช่มั้ย” นารูโตะถามเสียงเย็น หารู้ไม่ว่าคำถามนั้นเปรียบเสมือนการโยนระเบิดให้เขาอยู่กลายๆ
“ผะ... ผมจะไปคิดได้ยังไงล่ะครับ! ผมมีภรรยาแล้ว และก็รักมากกกด้วย” ท้ายประโยคเขาหันไปเอาใจคนที่กำลังมองตาขวาง อิโนะเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆก็ถูกบอกรักต่อหน้าคนอื่น
“แล้วไป” นารูโตะเอ่ยอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ “งานนี้น่ะ ฮินะจังก็อยากมาอยู่หรอกนะ แต่มาไม่ได้ ช่วงนี้แพ้ท้องหนัก”
“ท้อง!?!” สองสามีภรรยาอุทานออกมาพร้อมกัน นารูโตะยิ้มอย่างภูมิใจ
“ช่าย~ ฮินะจังกำลังท้อง ฉันกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะ”
“คุณก็ด้วยเหรอครับ!?!”
“หมายความว่ายังไง หรือว่า...” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเบนไปยังสาวสวยอดีตเด็กฝึกงาน ก่อนจะหันกลับมามองอดีตผอ.แผนกไอทีของบริษัทอีกครั้งด้วยสายตาทึ่งจัด ซาอิพยักหน้า
“ครับ อิโนะกำลังตั้งครรภ์ และคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน ก็ไม่ได้มีแค่พวกเรา...” ชายหนุ่มเว้นวรรคไป ดวงตาสีนิลมองเวทีที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับคู่บ่าวสาวออกมาปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก ซาอิผงะกับภาพตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆพลางเอ่ย
“เขาด้วยล่ะ”
.
.
.
ด้านคนที่ถูกกล่าวถึงแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งได้ยินเสียงโห่ฮากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของแขกที่มาร่วมงาน เขาก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียตรงนั้นเพราะความอับอาย แตกต่างจากคนข้างๆ ที่ดูจะระริกระรี้มีความสุขซะเหลือเกิน!
“สนุกมากมั้ย ที่บังคับให้ฉันแต่งไอ้ชุดบ้าๆนี่ได้น่ะ!” เขาถามเสียงเย็น แต่สาวเจ้าดูเหมือนจะไม่มีแรงตอบเสียแล้ว เพราะเธอเอาแต่หัวเราะมาตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังหัวเราะไม่หยุด
จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะ ภาพของราชาผู้สูงศักดิ์ใส่ชุดเจ้าสาวน่ะ หาดูได้ง่ายๆซะที่ไหน!
ร่างสูงมองคนตัวเล็กอย่างหมั่นไส้ นี่ถ้าไม่ติดที่ว่าแม่คุณขู่เอาไว้ว่าถามเขาไม่ยอมทำตามจะขอนอนแยกห้องนะ เขาไม่มีทางทำเรื่องน่าอายแบบนี้หรอก! นี่ยังดีนะที่เจ้าหล่อนยอมใส่ชุดเจ้าสาวแบบปกติตอนทำพิธีช่วงเช้า
เล่นอะไรเป็นเด็กๆ!
“สวยมากค่ะ ฉันไม่เคยเห็น ‘เจ้าสาว’ ที่ไหนสวยขนาดนี้เลย” หลังจากหัวเราะจนพอใจ ร่างเล็กที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวก็หันมาชม ‘เจ้าสาว’ ที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“เธอจะต้องชดใช้...” ซาสึเกะกัดฟันกรอด “เตรียมวอร์มร่างกายได้เลย”
“ลืมไปแล้วหรือคะว่าคุณหมอกำชับมาว่าให้ ‘งด’ เรื่องอย่างว่า เพราะมันอาจจะส่งผลถึงเด็ก” เธอพูดพร้อมกับยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเขาทำหน้าเหมือนคนถูกจับกรอกยาพิษ มือบางยกขึ้นจับใบหน้าบูดบึ้งของสามีพลางเอ่ย
“ยิ้มหน่อยสิคะ เวลาคุณยิ้มน่ะ คุณสวยมาก”
ซาสึเกะมองคนชมตาขวาง
สวย?
เธอชมว่าเขา ‘สวย’ ได้อย่างไรกัน!?!
“เฮอะ! อะ... อืม...”
เสียงประชดประชันของร่างสูงเปลี่ยนเป็นครางเบาๆ เมื่อเจ้าบ่าวแสนสวยถูกคุณเจ้าสาวจู่โจมที่ริมฝีปากแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แขกที่มาร่วมงานพากันเฮลั่นอย่างถูกใจ บ้างก็ส่งเสียงแซววี้ดวิ้วเสียจนเขาชักจะกระดาก
“ทำอะไรของเธอ!” เขาเอ่ยเสียงดุหลังจากโชว์สวีทหวานกลางเวทีจบ
“ก็งานแต่งงานนี่คะ แบบนี้เค้าเรียกเซอร์วิสแขก พวกเขาคงอยากเห็นเวลาคุณทำหน้างงๆ น่ารักแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมกับใช้มือจิ้มหน้าผากคนตัวโตเบาๆ เธอหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นใบหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศของเขา ร่างสูงย่นจมูก เธอรู้ว่าเขากำลังอายกับสภาพของตัวเองก็เลยยิ่งแกล้งให้เป็นจุดเด่น ซาสึเกะหรี่ตามองคนที่ยืนหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง...
ก่อนจะระบายยิ้มเจ้าเล่ห์!
“ไม่ใช่หรอก...” พูดพร้อมกับรวบมือบางไว้กลางอก ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาประชิดท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่มองดูอย่างสนอกสนใจ
“!!!”
“แขกไม่ได้อยากเห็นหน้างงๆของฉัน แต่เขาอยากเห็นฉาก ‘เจ้าบ่าว’ จูบ ‘เจ้าสาว’ แบบดูดดื่มต่างหาก”
พูดไม่ทันขาดคำดี เจ้าบ่าวตัวจริงก็โน้มตัวจูบเจ้าสาวขี้แกล้งพร้อมกับมอบความหอมหวานที่ยากจะลืมเลือนให้ เขาแก้แค้นเธอกลับด้วยรสจูบที่ดุดันกว่า ร้อนแรงกว่า ซ้ำยังกินเวลานานเสียจนเธอแทบหมดแรง ซาสึเกะผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า มองเจ้าสาวของเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว
“คุณทำบ้าอะไรคะ!”
“ถือว่าเจ๊ากัน”
“คุณนี่มัน... หื่นได้ทุกเวลา!” เธอเอ็ดอย่างระอา แต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภรรยาสาวพลางกระซิบ...
“ก็แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น”
“อะแฮ่ม! เกรงใจกันนิดดดนึงนะครับ แขกยังอยู่กันเต็มงานนะครับคุณเจ้าบ่าว คุณเจ้าสาว” ซาโซริที่เหมือนไม่มีตัวตนบนเวทีมานานเอ่ยขัดจังหวะอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปทำหน้าที่พิธีกรของตน
“เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเวลาอันมีค่าของคู่บ่าวสาว ผมขอเชิญเจ้าสาว... เอ๊ะ เจ้าบ่าว... เอ่อ เอาเป็นว่าขอเชิญคุณซากุระกล่าวอะไรถึงเจ้าบ่าว เอ้ย! เจ้าสาว... เอาเป็นว่าพูดอะไรที่คุณอยากบอกสามีคุณน่ะครับ!” เขาสรุปในที่สุด รู้สึกลิ้นพันกันไปหมด ไม่เข้าใจว่าไอ้คู่บ่าวสาวคู่นี้กำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่
นี่งานแต่งงานนะโว้ย!
ซากุระรับไมค์ต่อจากพิธีกรจำเป็น เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ความประหม่านั้นก็หายไปทันทีเมื่อมืออุ่นๆของเขาเอื้อมมากุมมือเธอไว้ ร่างบางยิ้มขอบคุณ...
“สำหรับเขาคนนี้...” เธอเอ่ย หยดน้ำใสๆรื้นขึ้นที่ขอบตา
“ฉันอยากบอกเขาว่าฉัน ‘ขอบคุณ’... ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉัน ขอบคุณที่เดินเข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่มอบหัวใจอันมีค่าให้ฉันดูแล... ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของพวกเราจะไม่ได้สวยงามเหมือนคนอื่น แต่ตอนนี้... มันทั้งงดงาม... และมีค่ามากค่ะ ขอบคุณที่ทำให้ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ฉันรักคุณนะคะ ราชาของฉัน”
เธอจบถ้อยคำหวานซึ้งด้วยการโผเข้ากอดเขาเสียเต็มรัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซึ้งหรือเพราะต้องการซ่อนน้ำตาไม่ให้ใครเห็นกันแน่ ซาสึเกะระบายยิ้มอ่อนใจ เขายกมือกอดพร้อมกับหยิบไมโครโฟนจากมือเธอมาถือไว้ ร่างสูงรวบรวมความกล้า...
เขาตั้งใจจะพูด...
ความรู้สึกที่มีต่อเธอที่เขารักที่สุด...
แม้ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรบอกกับเธอ ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่ฟังแล้วจะซึ้งกินใจที่สุด เขาไม่สันทัดกับเรื่องแบบนี้ ไม่ได้ละเอียดอ่อนพอ... แต่ถ้าจะให้เขานิยามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับตัวเธอล่ะก็ คำตอบนั้นมันแสนจะชัดเจนในใจ...
“เธอคือ... ราชินีของผมครับ”
.
.
.
บทส่งท้าย
ลมหนาวที่พัดแทรกมาตามประตูของเรือนกระจกที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้หญิงสาวต้องกระชับผ้าคลุมไหล่แนบกาย ดวงตาสีมรกตหันกลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่ถือติดมือมาด้วย ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความกังวลหลังจากอ่านเนื้อหาของข่าวที่อยู่ข้างใน
ถ้าเขาเห็นนี่ล่ะก็...
“ขึ้นมาที่นี่ทำไมไม่บอก”
เสียงทุ้มแสนคุ้นหูทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว หัวใจดวงน้อยแทบร่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม ซากุระยกมือทาบอก ก่อนจะหันไปต่อว่าคนที่จู่ๆก็โผล่พรวดมาข้างหลังแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
“เล่นอะไรของคุณคะ!?! ฉันตกใจนะ”
“หึๆ”
“ยังจะมาหัวเราะอีก” เธอเอ็ดไม่จริงจังนัก ซาสึเกะหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ
“อ่านอะไรอยู่”
“!!!”
“หืม?”
“ปละ... เปล่าค่ะ” ร่างบางตอบเสียงตะกุกตะกัก เธอรีบซ่อนหนังสือพิมพ์ไว้ข้างหลังอย่างมีพิรุธ ชายหนุ่มหรี่ตามองภรรยาสาวด้วยสายตาจับผิด
“เธอมีอะไรปิดบังฉันใช่มั้ย?”
“มะ... ไม่มีค่ะ! ไม่มีอะไรเลย เอ่อ... ฉันว่าฉันไปเตรียมมื้อเที่ยงรอเลยดีกว่า คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ?” หญิงสาวแสร้งเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างระแวดระวัง แค่เห็นสายตาจริงจังของเขาก็ทำเอาเธอเสียววาบไปทั้งตัว ซาสึเกะเงียบไม่ตอบ... เป็นหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้คล้อยตามประเด็นใหม่ของเธอเลยสักนิด ซากุระยิ้มเจื่อน...
“คงไม่สินะ งั้นฉันขอตัว... ว้าย!” ร่างบางร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆคนตัวโตก็ลุกขึ้นมาช้อนตัวเธอไปนั่งตัก เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่จนแก้มแทบช้ำ แทนการลงโทษที่เธอคิดจะชิ่งหนี
“ไม่เอาแล้วค่ะคุณซะสึเกะ” หญิงสาวร้องห้ามพลางเอี้ยวตัวหลบคนที่จ้องจะเอาเปรียบเธออยู่เรื่อย ซาสึเกะยิ้มเจ้าเล่ห์...
“งั้นก็ส่งหนังสือพิมพ์นั่นมาก่อนสิ”
“มะ... มันมีแต่ข่าวซุบซิบดารานะคะ ไม่น่าสนใจสำหรับคุณหรอก”
“เธอรู้ได้ยังไง บางทีฉันอาจจะสนใจก็ได้ ส่งมาให้ฉัน”
“ไม่ค่ะ...” เธอว่าพลางสั่นหน้าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย
ให้เขาเห็นไม่ได้หรอก!
“ ‘ไม่’ สินะ” เขาพูดเสียงไม่น่าไว้ใจ ก่อนจะประคองใบหน้าของเธอไว้แล้วชิงจูบทั้งอย่างนั้น
ริมฝีปากอุ่นร้อนลากไล้แตะสัมผัสแทบทุกตารางนิ้ว ล่อหลอกให้เธอหลงในความหวานล้ำอย่างมิอาจถอนตัว ร่างบางตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้เขาแย่งหนังสือพิมพ์ไปจากมือได้อย่างง่ายดาย
“ขี้โกง!!!”
เธอต่อว่าทันทีที่เขาผละริมฝีปากออก ใบหน้าหวานแดงเรื่อทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาค้อนขวับเอาเรื่องมองเขาอย่างไม่พอใจ ซาสึเกะหัวเราะ ‘หึๆ’ ในลำคอ ก่อนจะกางหนังสือพิมพ์ออก ดวงตาสีรัตติกาลไล่อ่านเนื้อหาของข่าวทั่วไป เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติ จนกระทั่งถึงหน้าข่าวบันเทิง...
ที่ทำเอาเขา...
แทบช็อก!
เจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก อุจิวะ ซาสึเกะ!
(มีภาพประกอบ)
ฮอตไม่เปลี่ยน! อุจิวะ ซาสึเกะ ครองแชมป์ผลโหวตโพล‘ผู้ชายที่น่าหม่ำที่สุดในสายตาของผู้ชายด้วยกัน’ เป็นปีที่สี่
ต้องเรียกว่ายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหมือนเดิมสำหรับราชาแห่งอาณาจักรการเงินอุจิวะ อุจิวะ ซาสึเกะ ซึ่งแม้ปีนี้เจ้าตัวจะประกาศลั่นระฆังวิวาห์ไปเรียบร้อยแล้วแต่ระดับความฮอตก็ไม่ได้ลดลงเลย ล่าสุด โคโนฮะนิวส์ของเราได้ทำการสำรวจหนุ่มๆชาวสีม่วงว่าใครคือคนที่พวกเขาอยากเดทด้วยมากที่สุด ซึ่งเหล่าหนุ่มๆทั้งหลายก็พร้อมใจกันเทคะแนนให้พ่อราชาสุดหล่อ(?)กันแบบถล่มทะลายแบบไม่ต้องนับคะแนนกันเลยทีเดียว ว่าแต่ผลโพลออกมาเป็นแบบนี้ คุณภรรยาที่บ้านจะว่ายังไงบ้างคะเนี่ย J
ซาสึเกะขบกรามแน่น สองมือขยำขยี้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจนมันกลายสภาพเป็นเพียงก้อนกระดาษ ร่างบางนั่งตัวสั่นงันงกบนตักคนเป็นสามี ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขาตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจบ...
เป็นอะไรที่เธอไม่กล้ามอง!
เพราะลำพังแค่รังสีอำมหิตที่เจ้าตัวปล่อยออกมาเต็มพิกัดก็ทำเอาเธอชักร้อนๆหนาวๆแทนสำนักพิมพ์เจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้ว แทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่กล้าเอาปมด้อยของซาสึเกะมาพูดราวกับว่าเป็นเรื่องตลก...
จะมีจุดจบอย่างไร...
ร่างสูงล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก่อนจะโทรหาใครบางคน มืออีกข้างของเขายังคงเกี่ยวเอวเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ซากุระทำหน้าไม่ถูก เธอรู้สึกผิดต่อสำนักพิมพ์นั้นอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย...
“กำจัดสำนักพิมพ์โคโนฮะนิวส์ซะ เห็นทีว่าฉันกับมัน... คงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!!!”
ร่างบางระบายยิ้มอ่อนใจ...
ไม่ว่าอย่างไรราชาก็ยังคงเป็นราชา...
เขายังคงงดงามดุจเทพบุตร
เขายังคงโหดร้ายและไม่เคยปรานีใคร
เขายังคงเป็นจอมเผด็จการและจอมเจ้าเล่ห์
เขายังคงเป็น อุจิวะ ซาสึเกะ
...เป็นผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ...
จบบริบูรณ์
**********
จบแล้ววววว จบไปแล้วค่ะสำหรับฟิคที่ใช้เวลาแต่งนานมากกก T^T ดีใจ ปริ่ม~ ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกแรงใจแรงเชียร์ และขอบคุณการสนับสนุนดีๆจากนักอ่านทุกคนนะคะ (เบญจางคประดิษฐ์) ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด แม้ว่าข้าน้อยจะลาป่วย ลาขาด หยุดนักขัตฤกษ์ไปเยอะ หยุดยาวววก็มี แต่ทุกคนก็ไม่ได้ทิ้งกันไปไหนเลย ไรเตอร์ซาบซึ้งจริงๆค่ะT^T
เอาล่ะ! มาถึงเรื่องแจ้งข่าว สำหรับตอนพิเศษทั้งหลาย... บอกเลยค่ะว่ามิต้องรอ คือไรต์จะมาแต่งให้ตอนว่างๆนะ ทีแรกคิดแต่งตอนพิเศษเพื่อทิ้งท้ายผลงานด้านแฟนฟิคซึ่งตั้งใจจะไม่มาแต่งอีกแล้ว แต่!!! ด้วยความที่ไรต์เป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้นั่นแหละค่ะ ไรก็เลยจะมาแจ้งข่าวดี...
ไรต์จะเขียนฟิคsasusaku อีกเรื่องนะครัช!
ซึ่งคราวนี้ต้องขออภัยคู่อื่นอย่างแรงเพราะเรื่องต่อไปนี้จะแต่งเกะกุคู่เดียว ไรต์เรียนรู้แล้วว่าทักษะด้านการแต่งหลายคู่ในเรื่องเดียวของตัวเองง่อยมาก T^T เรื่องใหม่ก็เลยตัดสินใจว่าจะแต่งคู่เดียว โดยเป็นฟิคแบบ sasusakusaso ใช่แล้วฮะ! พ่อตัวบันเทิงจากเรื่องนี้จะไปชิงรักหักสวาทกับซาสึเกะในเรื่องถัดไป ซึ่งแน่นอนว่ายังคงเป็นแนวดราม่าที่ไรต์จะจัดเต็มบทอาบน้ำตาค่ะ และเรื่องใหม่นี้ก็ได้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการเท่าไหร่ว่า...
ความทรงจำสีรัตติกาล
ชื่อเรื่องก็มืดมนมาเชียว ฮ่าๆๆ บอกก่อนว่าทักษะด้านการตั้งชื่อเรื่องของไรต์ก็ง่อยไม่แพ้ด้านการจัดสรรตัวละครนะเออ ฟิคเรื่องนี้อาจจะเปิดตัวช้าหน่อยเพราะไรต์ต้องเคลียร์ของเก่าก่อนค่ะ
แล้วพบกันใหม่นะคะ!
ขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง J
ความคิดเห็น