ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 4 : คนที่ถูกเลือก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.8K
      123
      14 ส.ค. 57

    บทที่ 4 คนที่ถูกเลือก

     

     

                เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มที่เธอกลับถึงบ้าน... หญิงสาวไขกุญแจเข้าบ้านไปเหมือนคนไร้วิญญาณ

     

    “เฮ้อ~!

     

    ซากุระถอนหายใจพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงท่ามกลางความมืดที่เริ่มโรยตัว เธอไม่มีกะจิตกะใจจะเดินไปกดสวิตช์ไฟเปิดเสียด้วยซ้ำ ร่างบางนอนหลับตาปล่อยให้ความเหนื่อยล้าค่อยๆไหลออกไป...

     

    เหนื่อยเหลือเกิน...

     

                ตอนนี้ซากุระชักไม่มั่นใจเสียแล้วว่าการที่เธอจะเอาชีวิตในฐานะพนักงานกินเงินเดือนไปฝากไว้กับบริษัทที่คนแบบนั้นเป็นเจ้าของมันจะดีหรือไม่ นารูโตะไม่ได้แสดงให้เธอเห็นเลยสักนิดว่าเขาเป็นประธานบริษัทที่ดี...

     

    ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่ดีล่ะก็ว่าไปอย่าง...

     

                ถึงแม้เธอจะไม่อาจลืมเลือนเรื่องราวของเขาได้ แต่ความจริงที่ปรากฏในปัจจุบันก็ทำให้ซากุระต้องยอมทำใจและยอมรับว่า เขาในจินตนาการของเธอกับ เขาในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นต่างกัน... ซากุระตั้งใจว่าในวันพรุ่งนี้ถ้าเธอพบเขาอีกเธอจะต้องไม่เหลือความรู้สึกผูกพันทางใจใดๆกับเขา เพราะนั่นมันอาจจะทำให้เธอลำบาก... มัน...จะทำให้เธอเผลอคาดหวังอะไรบางอย่างที่ไกลเกินเอื้อมอีก...

     

    แกร๊กๆ

     

                เสียงลูกบิดที่ประตูดังอยู่สองสามทีก่อนที่ซากุระจะได้ยินเสียงบานประตูถูกเปิดออก หญิงสาวไม่ได้ลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อดูว่าใครมา เธอไม่แม้แต่จะลืมตาเสียด้วยซ้ำ... เพราะบ้านหลังนี้มีคนอยู่แค่สองคน ถ้าไม่ใช่เธอ...ก็คงเป็นอีกคนนั่นแหละ

     

                “ซากุระ! กลับมาแล้วทำไมไม่เปิดไฟ แกกะจะให้ฉันเดินสะดุดอะไรแล้วล้มลงไปตายรึไง” เสียงแหลมๆของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด ซากุระได้ยินเสียงอะไรบางอย่างทุบเข้าที่ผนังอย่างแรงก่อนที่ไฟในห้องจะกระพริบถี่ๆแล้วส่องสว่าง

     

                “แล้วนี่มีอะไรให้ฉันกินบ้าง หิวไส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย!” เสียงคนๆเดิมบ่นพร้อมกับเดินไปที่ครัว ซากุระเดาได้ว่าเธอจะได้ยินประโยคอะไรถัดมา...

     

                “กรี๊ดดดด ยัยเด็กเหลือขอ ทำไมแกไม่รู้จักหุงหาข้าวปลาอาหารหา!?!” ซากุระยังคงทำหูทวนลมไม่ได้ยินคำด่าที่ลอยออกมาจากปากของอีกฝ่าย หญิงสาวนอนเหยียดแข้งขาที่โซฟา เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะต้องมานั่งทะเลาะกับ แม่เลี้ยงขี้วีนของตัวเอง

     

                “แน่ะ ยังจะเฉยอีก เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง ฉันบอกว่า ฉัน-หิว!ฮารุโนะ  ฮิโตมิแผดเสียงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกเลี้ยงของเธอยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาดูอ่อนกว่าเยาว์หลายปีทิ้งหม้อหุงข้าวที่มีเศษข้าวแห้งกรังเกาะอยู่ลงพื้นก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาคนที่ยังคงนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา

     

                “เดี๋ยวนี้แกกล้าเมินฉันแล้วเหรอยัยเด็กบ้า!” เธอว่าพลางกระชากคอเสื้อคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นมาคุยกับเธอ ซากุระใช้สายตาขุ่นเขียวจ้องไปยังแม่เลี้ยงของตัวเอง...

     

                “คุณมีมือมีเท้าครบก็หากินเองสิคะ วันนี้หนูเหนื่อย ขอตัว!” ซากุระพูด เธอปัดมือที่จับคอเสื้อของเธอออกไปก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน

     

                “กรี๊ดดดด!!! นังเด็กบ้า นังเด็กเนรคุณ! แกมันไม่สำนึกข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันเลี้ยงแกมา แกมันไม่สำนึกว่าฉันคือคนที่คอยดูแลแกตั้งแต่พ่อแม่แกตาย ยัยเด็กนรก กลับลงมาเดี๋ยวนี้นะยะ!” ฮิโตมิกรีดร้องโวยวายลั่นบ้าน แต่ถึงกระนั้นคนที่เดินขึ้นมาบนชั้นสองก็ไม่ได้สนใจ ซากุระเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเองเงียบๆ เธอล็อคลูกบิดพร้อมกับใส่กลอนเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงใจร้ายคนนั้นจะไม่สามารถพังประตูเข้ามาอาละวาดเธอถึงในห้องได้... ร่างบางนั่งลงที่เตียง ดวงตาคู่สวยมองไปยังภาพเก่าๆที่ถูกอัดใส่กรอบไว้อย่างดี

     

    มันเป็นภาพครอบครัวของเธอ...

     

                ซากุระหยิบภาพนั้นขึ้นมา...เพียงแค่ได้มองน้ำตาของเธอก็ไหลพราก

     

    ทำไมพ่อกับแม่ไม่เอาหนูไปด้วย...

     

                นั่นเป็นคำถามที่ซากุระมักจะถามทุกครั้งที่มองภาพนี้ มีหลายครั้งที่เธอรู้สึกเหนื่อยกับการใช้ชีวิตเหลือเกิน...จนบางทีก็อยากจะตายๆไปเสียให้พ้น เธอรังเกียจชีวิตของตัวเองที่ต้องอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ต้องทำงานในผับในบาร์โชว์เรือนร่างสนองตัณหาของคนอื่นเพียงเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต้องอยู่อย่างอัปยศเพราะถูกเจ้าหนี้คอยตามทวงอยู่ทุกวี่ทุกวัน...

     

    มันไม่ใช่หนี้ที่พ่อของเธอไปกู้ยืมมา...

    แต่มันเป็นหนี้สินของแม่เลี้ยงที่ได้จากการไปเล่นพนัน...

     

                ซากุระนึกน้อยใจบิดาของตัวเองว่าทำไมต้องแต่งานใหม่กับผู้หญิงที่เกลียดเธอเข้าไส้ขนาดนี้... ซากุระไม่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกับแม่เลี้ยงของเธอเลย มันมีแต่ความขมขื่นที่อีกฝ่ายมอบให้...

     

    เจ็บจนชินชา...

     

                นั่นคือความรู้สึกของเธอที่มีต่อแม่เลี้ยง.. ในวันที่พ่อของเธอเสียชีวิต ซากุระคิดว่าผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในชีวิตของเธอคงจะพอเป็นที่ยึดเหนี่ยวอะไรให้ได้ แต่มันกลับตรงกันข้าม... หญิงสาวยังจำได้ดีตอนที่แม่เลี้ยงของเธอพยายามกล่อมให้เธอไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยใหญ่คนหนึ่งเพื่อหาเงินมาใช้หนี้แทนพ่อ... ตอนนั้นเธออายุสิบแปด เธอกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่ง... แต่หล่อนบังคับให้เธอขายเรือนร่างเพื่อแลกกับเงิน

     

    หล่อนใจร้าย...

     

                หลังจากที่ปฏิเสธที่จะไปอยู่ในคอลเล็กชันเมียเก็บของเสี่ยใหญ่ ซากุระก็พยายามทำงานทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้ในขณะนั้นเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวที่กำลังขัดสนเพราะหนี้สิน อีกทั้งแม่เลี้ยงของเธอก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินใดๆเลย เงินเดือนของหล่อนทั้งหมดหมดไปกับการเล่นพนันและเที่ยวราตรีจนไม่เหลือเก็บ ทำให้ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่ซากุระ... หญิงสาวคิดว่าเธอคงจะไปไม่รอดและสุดท้ายก็ต้องใช้ชีวิตแบบที่แม่เลี้ยงของเธอแนะนำ...

     

    แต่เธอก็อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้...

     

    ซากุระทิ้งตัวลงบนที่นอนทั้งที่ยังกอดรูปไว้ เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน... ใบหน้าสวยหวานดูเย็นชาแม้จะยังหลับตาอยู่... ความเย็นชาเหล่านี้เธอได้มาเพราะความเจ็บช้ำที่ได้รับมากจนกลายเป็นความชินชาและไม่แยแสต่อสิ่งใดๆรอบตัว

     

    วันนี้หญิงสาวขอลาหยุดที่ผับเพื่อจะพักผ่อน...รวมถึง หนีหน้าใครบางคนที่อาจจะกำลังแค้นเธออยู่ก็ได้

     

    แต่ไม่มีผู้ชายที่ไหนเค้าคิดหยุมหยิมกับเรื่องแบบนั้นหรอก...

     

    ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็นะ...

     

    .

    .

    .

     

    สำนักงานทนายความซาโซริ

     

                ทั้งๆที่ตั้งใจว่าวันนี้จะหมกตัวอยู่ที่สำนักงานทนายและจะไม่เฉียดเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่ของธนาคารอุจิวะอยู่แล้วเชียว แต่เขาว่ากันว่าคนจะซวยยังไงมันก็ซวยอยู่วันยังค่ำ... ขนาดทำตัวสงบเสงี่ยมไม่คุยไม่โทรหามันแล้วนะ พ่อทูนหัวก็ยังอุตส่าห์ส่งคนมาแจกจ่ายความซวยให้เขาถึงที่แบบเดลิเวอรี่กันเลยทีเดียว...

     

                “ฝากไปบอกเจ้านายของนายทีนะจูโกะ ว่าฉันน่ะคน ไม่ใช่เครื่องจักร! ใช้เอาๆแบบนี้ไม่กลัวฉันสึกหรอบ้างเรอะ!” ซาโซริบ่นกระปอดกระแปดหลังจากที่รับซองเอกสารสีน้ำตาลที่จูโกะส่งให้ จูโกะได้แต่ส่งยิ้มอย่างเห็นใจให้คุณทนายหนุ่มเจ้าของสำนักงานทนายความที่โด่งดัง บุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ คือทนายเก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา อากาซึนะ โนะ ซาโซริ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของซาสึเกะ...

     

                “และคราวนี้มีเรื่องอะไร ไอ้บ้านั่นนึกอยากจะฟ้องล้มละลายใครอีกเหรอ” ซาโซริถามพร้อมกับแกะซองเอกสาร “นรกจะกินกบาลฉันตายแล้วมั้ง เล่นสร้างความหายนะให้คนอื่นซะถี่ยิบขนาดนี้ แค่เดือนนี้ก็บริษัทที่สี่แล้วนะที่ต้องล่มไปเพราะความเอาแต่ใจของไอ้ซัสน่ะ”

     

                “จะโทษคุณซาสึเกะอย่างเดียวก็ไม่ได้หรอกครับ... บริษัทพวกนั้นเป็นฝ่ายโกงก่อน”

     

                “มันก็จริง แต่คนที่มีมนุษยธรรมเขาไม่จัดหนักใส่ตั้งแต่หมัดแรกแบบนี้หรอก อีแบบนี้กะให้คนโกงตายคาที่เลยนี่หว่า” ซาโซริพูด เยือกเย็น เด็ดขาด ฉลาด ไร้มนุษยธรรม นั่นแหละคำจำกัดความของผู้ชายที่ชื่ออุจิวะ ซาสึเกะ

     

                “คุณซาสึเกะเขาก็มีมาตรฐานแปลกๆน่ะครับ”

     

                “จะพูดว่ามันโรคจิตก็ได้นะ ฉันไม่เอาไปนินทาให้มันฟังหรอก” ซาโซริพูดพร้อมกับทำหน้าเบ้เมื่อนึกถึงใบหน้าสงบราบเรียบของเพื่อนรัก ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลหม่นจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่ออ่านเอกสารที่อยู่ในซอง

     

                “โอ้วก็อด!!! ไอ้นี่เชิงจะโรคจิตจริงๆ!” ซาโซริพูดโดยไม่กักเก็บความตกใจเลยสักนิด เป็นใครใครก็ต้องช็อค... นี่ไอ้ยอดเพื่อนกำลังจะให้เขาร่างสัญญาแบบไหนกัน!?!

     

                “นี่มันผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ผิดจรรยาบรรณ ผิดหลักมนุษยธรรม แถมผิดจารีตอีกต่างหาก เรียกว่าศูนย์รวมแห่งความเสื่อม!

     

                “ทำได้หรือเปล่าครับ” จูโกะถาม เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมซาโซริถึงแสดงอาการแบบนั้นออกมา เพราะกระดาษสี่แผ่นที่เจ้าตัวกำลังถือเหมือนเป็นของร้อนนั้นคือร่างสัญญาคร่าวๆของการว่าจ้างให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นแม่อุ้มบุญ

     

                “จะบ้าเหรอ! ของแบบนี้ใครมันจะไปทำ! โอ๊ย ไอ้ซัสมันสมองพลิกกลับด้านแล้วรึไง ทำไมมันถึงได้คิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้” ซาโซริพูดอย่างหัวเสียแล้วก็ต้องชะงัก

     

    เขาเป็นคนเสนอมันเองนี่หว่า...

     

    ไม่! แต่นั่นมันก็เป็นแค่ความคิดขำๆ

    ไม่มีใครบ้าพอจะเอาไปทำจริงๆหรอก!

     

    อ่า...ไม่สิ ซาสึเกะนี่แหละเป็นพวก บ้าของแท้...

     

                “ถ้าคุณไม่ทำคุณซาสึเกะบอกว่าจะเอาไปให้คนอื่น...”

     

                “!!!

     

                “เขาสั่งผมมาแบบนี้ล่ะครับ”

     

                “ไอ้เพื่อนเวร...” ซาโซริพูดเสียงลอดไรฟัน “มันยังหน้าด้านคิดจะเอาความโรคจิตของตัวเองไปให้คนอื่นเค้าดูอีกนะ”

     

                “แสดงว่าคุณจะปฏิเสธใช่มั้ยครับ?”

     

                “จะปฏิเสธได้ไงล่ะ! เรื่องแบบนี้ถ้ารั่วไหลออกไปก็มานั่งนับวันอวสานของธนาคารอุจิวะได้เลย” ซาโซริพูดพร้อมกับทำหน้าเครียด ถึงแม้จะคิดว่ามันเป็นเพียงคำขู่ที่คุณเพื่อนเขาฝากให้เลขามาบอก แต่ชายหนุ่มก็ยังหวั่นๆในใจว่าคนอย่างซาสึเกะน่ะหรือจะไม่กล้าทำตามที่ปากพูดไว้ ถ้ามันบอกว่าจะเอาไปให้ทนายคนอื่นจัดการให้มันก็คงจะทำอย่างนั้นจริงๆ... และถ้าทำแบบนั้นก็น่ากลัวว่าความมั่นคงของธนาคารอุจิวะจะสั่นคลอน... ซาสึเกะมีสิทธิ์จะถูกลากเข้าตารางได้ง่ายๆ

     

    ก็เล่นแหกกฎซะเละเทะขนาดนี้...

    ถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงนิดเดียวเขาคงได้ไปเยี่ยมมันที่ห้องขังแน่ๆ

     

                “มันจะเอาวันไหน?” ซาโซริถามหลังจากนั่งทำใจอยู่สักพัก ดวงตาสีน้ำตาลหม่นเลิกแสดงออกถึงความตกใจแล้ว แต่มันกลับฉายแววเยือกเย็นแบบแปลกๆออกมาแทน

     

                “ผมไม่อยากให้เกินมะรืนนี้ครับ”

     

                “หือ? ซาสึเกะไม่ได้เป็นคนสั่งให้ร่างสัญญานี่เหรอ” ซาโซริถาม ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วน้อยๆ แน่ล่ะว่าถ้าเป็นคำสั่งของซาสึเกะมันจะต้องประมาณว่า ต้องได้เย็นนี้’ ‘อีกครึ่งชั่วโมงจะเอา’ ‘พรุ่งนี้ต้องเสร็จไอ้คำว่า มะรืนนี้นี่อย่าหวังว่าจะได้ยิน

     

                “คุณซาสึเกะสั่งให้ผมไปหาผู้หญิงมาและก็จัดการทำให้เธอเชื่องน่ะครับ สัญญาพวกนี้ผมร่างเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอสามารถเรียกร้องอะไรที่เป็นการทำลายคุณซาสึเกะได้” จูโกะตอบพร้อมกับยิ้มเฝื่อนๆ ซาโซริพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะคิด

     

    ยังมีคนที่น่าสงสารกว่าเขาอีกแฮะ

     

                “อือ เดี๋ยวฉันจะดูให้ วันมะรืนนายค่อยมาเอาละกันเพราะฉันก็คงทำให้ได้เร็วสุดแค่นั้น”

     

                “ขอความกรุณาด้วยครับ” จูโกะพูดไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นโค้งให้แล้วเดินออกไป ซาโซริมองตามไปสักพักก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาสนใจแบบร่างสัญญาที่เพี้ยนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ชายหนุ่มยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกเหมือนไมเกรนจะขึ้นสมอง

     

    มันจะออกมาแบบไหนวะเนี่ย!!!

     

    .

    .

    .

     

                บ้านเดี่ยวสองชั้นที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนที่ดินราวๆร้อยตารางเมตรปรากฏแก่สายตาของเลขาหนุ่ม บริเวณตัวบ้านค่อนข้างเงียบเพราะไม่มีบ้านเรือนปลูกอยู่ใกล้ๆเลยสักหลัง จูโกะยืนมองมันด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ลึกๆในใจก็อดรู้สึกผิดต่อใครบางคนที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ไม่ได้

     

    เขาไม่ได้อยากจะทำแบบนี้...

    ถ้าเลือกได้ก็อยากจะหาคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ...

    แต่เขาไม่เหลือเวลาแล้ว...

     

                จูโกะยืนมองบ้านหลังนั้นอยู่สักพักก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับ เขาต้องไปพบคนๆหนึ่ง... เลขาหนุ่มขับรถญี่ปุ่นของตัวเองออกไปด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ดวงตาสีเพลิงเหลือบมองดูซองเอกสารสีน้ำตาลที่นอนสงบอยู่ตรงเบาะฝั่งคนนั่ง... เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่...

     

                “ขอโทษนะ ซากุระ...”

     

     

     

     

                ความซวยกำลังจะมาเยือนหนูกุแล้ว>.< บทนี้ทั้งพระเอกพระรองหายจ๋อมไปเลย ฮ่ะๆๆ ตอนนี้แอบฮาพี่ซาโซริเบาๆ อยากจะหาคู่ให้พี่แกเหลือเกินแต่ก็ต้องทำใจว่าตัวละครหญิงในนารูโตะมันมีจำกัด T^T ฉะนั้นคุณพี่ก็จงเสพย์ความโสดต่อไป อิอิ>.< สำหรับใครที่รอหนูฮินะจังก็อดใจรอสักพักนะคะ คือรู้สึกผิดที่เรื่องที่แล้วมิได้กล่าวถึงนางเลยก็เลยจับนางมาอยู่เรื่องนี้ คุณพี่เนจิก็มากับเค้าด้วยนะเออ ใครลุ้นคู่เนจิเท็นเท็นก็รอลุ้นต่อปายยย ฮ่าๆๆ ถือว่าไรท์เฉลยเลยก็แล้วกันว่านิยายเรื่องนี้มีคู่ไหนบ้าง นอกจากคู่sasusakuคู่หลักแล้วจะมี naruhina saiinoค่ะ ส่วน nejitenten อันนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนดีมั้ยกลัวจัดการไม่หมดครบทุกคู่ ปล. คู่ของอิโนะเป็นอีกคู่ที่มีความดราม่าอยู่ในระดับสูง บางคนไม่ได้ชิปคู่นี้ไรท์ก็ลำบากใจแฮะที่จะเอามารวมกัน-..- แต่ก็ไม่เป็นไรเนาะ ฮ่าๆๆ จะให้เปิดเรื่องใหม่นี่ไรท์คงจะตายก่อนเพราะแต่งไม่ทันแน่ๆ>.< ยังไงก็ขอฝากทุกคู่เอาไว้ในอ้อมใจด้วยน้า^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×