ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ending [ทำมือ] MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #10 : MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์ครั้งที่ 08 {110%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.02K
      113
      27 ก.ค. 60





    Image result for gif dark




    สัมพันธ์ครั้งที่ 08

     

    เวลาผ่านไปน่าจะราวๆ สองชั่วโมงเห็นจะได้ เตโชก็ยังไม่ออกไปไหน

    เขายังอยู่ข้างหลังฉัน ไม่พูด ไม่จา ไม่อะไรเลย กระทั่ง...

    สวบ

    อยู่ดีๆ มันก็เดินเข้าห้องครัวไป เทอาหารจานเดิมทิ้งและเอาอาหารสำเร็จรูปกล่องใหม่เข้าเครื่องเวฟ สักพักก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ย่อตัวลงเพื่อให้ระดับสายตาของเราอยู่ใกล้เคียงกัน

    ฉันรีบหลับตา ยกผ้าห่มคลุมศีรษะตัวเองทันที

    “เอื้องขวัญ” มันเรียกชื่อฉัน “ไม่กินฉันจะจัดการเธออีกรอบ” ก่อนจะกระซิบคำขู่ที่ทำเอาฉันสั่นระริกไปทั้งตัว

    สมองมันก็มีแต่เรื่องพรรค์นี้ อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ขู่ ก็ทำร้าย

    ไม่น่าเกิดมาเลยนะ...ไอ้ระยำ

    “...แกจะไปตายที่ไหนก็ไป ฉันจะกินเอง” ฉันพูดผ่านผ้าห่ม เพราะรู้ว่ามันอยู่ใกล้ฉันมากแค่ไหน... ยังไงมันก็ต้องได้ยินที่ฉันพูด

    “เธอต้องกินให้ฉันดู” น้ำเสียงของเตโชเต็มไปด้วยอำนาจ มันไม่ยอมให้ฉันตัดสินใจเองสักอย่าง แน่นอนว่านั่นทำให้ฉันยิ่งหวาดกลัว กลัวว่ามันจะทำเรื่องเลวร้ายอีกครั้ง “อย่าให้ต้องพูดซ้ำ!!!”

    เฮือก

    ฉันสะท้านไปทั้งตัวเมื่อมันกระชากผ้าห่มออกอย่างป่าเถื่อน ไม่เพียงเท่านั้นยังโยนไปไกลๆ จนร่างกายเปล่าเปลือยประจักษ์ต่อหน้ามันอีกครั้ง เตโชใช้สายตาอันตรายหลุบมองฉันอย่างคุกรุ่น ฉันร้อนวาบไปทั้งตัวเมื่อถูกมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    “ยะ อย่ามายุ่ง” ฉันพยุงตัวขึ้นและค่อยๆ เขยิบห่าง แต่ไม่ทันไรข้อมือก็ถูกกระชากเข้าหาตัว รู้สึกเหมือนกระดูกมันแหลกเหลวไปแล้วในวินาทีนั้น “เจ็บ...”

    “แค่กินข้าวมันจะตายไหม” เมื่อฉันถลาเข้าไปใกล้ เตโชก็กระซิบถาม ฉันหดศีรษะ หดตัว ห่อไหล่โดยอัตโนมัติ แทบไม่กล้ามองหน้าหรือจ้องตามัน เหมือนมันพร้อมจะลงมือทำร้ายฉันได้ทุกเวลา แม้แต่ตอนนี้

    “แกจะแคร์ทำไม...” แต่ถึงอย่างนั้นความเกลียดชังมันก็มากพอๆ กับความกลัว ฉันเปล่งเสียงถามมันพร้อมร่างกายสั่นเทา

    จะสนใจทำไมกะอีแค่ว่าฉันจะกินข้าวหรือไม่กิน เพราะก่อนหน้านี้สิ่งที่มันทำก็มากพอจะเป็นคำตอบแล้วว่าไม่เคยเห็นค่าอะไรใรในตัวฉันเลย

    “อ๋อ” เตโชยิ้มเย็น อาหารสำเร็จรูปในมือถูกเอามาจ่อที่ปากฉัน “กินดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม”

    ตุ้บ!

    ทว่าสักพักเตโชก็โยนอาหารลงพื้นจนเศษข้าวเลอะเทอะเต็มพื้น มันหลุบตามองซากอาหารราวกับว่าไม่รู้สึกอะไร และตอนนั้นเองที่ต้นแขนถูกบีบแน่นขึ้น...

    “ฉันจะไปข้างนอก อย่าลืม เลียให้เกลี้ยงก่อนฉันจะกลับมา” อะไรนะ! “ถ้ากลับมาแล้วไม่สะอาด เธอโดนดีแน่เอื้องขวัญ” 




    หลังจากที่เตโชประกาศิตเสียงกร้าว เขาก็จัดการปิดหน้าต่างทุกบาน ตรงไหนที่ฉันสามารถใช้เป็นทางหนีเขาก็ล็อกอย่างดีจนมีสภาพไม่ต่างกับห้องปิดตาย

    ฉันไม่ได้ถูกล่ามแล้วก็จริง... แต่การมองไม่เห็นแม้แต่แสงไฟข้างถนนมันทำให้ฉันกลัวจนจิตตก

    ฉันนั่งอย่างไร้จุดหมายปลายทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ลุกขึ้นหาผ้ามาเช็ดเศษข้าวที่เตโชเป็นคนทำ ยอมรับว่าคำขู่ของมันเสียดลึกเข้ามาถึงหัวใจ ฉันกลัวจะโดนทำร้ายฉันอีก กลัวมากจริงๆ

    เมื่อทำความสะอาดเสร็จ ฉันก็กลับมานั่งพิงกำแพง สองตามองหน้าต่างปิดทึบ...

    คิดถึงบัวนิลจัง

    ป่านนี้เธอเป็นยังไงบ้าง จะงอแงหาฉันหรือเปล่า พี่โบว์จะปลอบให้เธอหายเศร้าได้ไหมนะ

    หลายความคิดนับร้อยพันถาโถมเข้ามาในหัว ยิ่งนึกถึงหน้าบัวนิลฉันก็ยิ่งอยากร้องไห้ เพิ่งมีโอกาสกลับไปหาเธอได้ไม่ทันไรก็ถูกลากกลับมา มาอยู่ในสภาพน่าสมเพชราวกับถูกสวรรค์ลิขิตเอาไว้ว่าต้องเผชิญมันไปเรื่อยๆ หรืออาจจะชั่วชีวิต

    “ฮ่าๆ...” ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาพลางยกมือลูบแผลบริเวณศีรษะ

    หรือฉันเป็นบ้าไปแล้วกันแน่ “ฮ่าๆๆ”

    จนแล้วจนรอดก็ไม่วายปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเหมือนคนสติแตก

    ฉันนั่งจมกับความคิดต่างๆ นานาอยู่หลายชั่วโมง และมันคงนานมากทีเดียวกระทั่งประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ร่างสูงของเตโชยังคงสง่าผ่าเผยผิดจากแก่นแท้ภายในที่เน่าเฟะยิ่งกว่าอะไร 

    ฉันรีบห่อไหล่ เอาตัวแนบกับกำแพงเพื่อหลบเลี่ยงกับเผชิญหน้า แต่มันก็ไม่วายเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ย่อตัวลงตรงหน้า...

    “ตื่นนอนแล้วหรือยังไม่นอน หื้ม?” เสียงทุ้มของมันทำให้ฉันสะดุ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันส่ายหน้า... “ถามก็ตอบ”

    “ไม่ใช่ธุระกงกางของแก!” ตอนแรกน่ะ เตโชไม่แตะเนื้อต้องตัวฉันหรอกนะ แต่เพราะฉันเอาแต่ส่ายหน้า มันจึงใช้นิ้วแข็งกระด้างล็อกปลายคางฉันไว้... บังคับให้ไปมองสบตา และนั่นทำให้ฉันต้องตะคอกบอกอย่างไม่พอใจ

    ไอ้โรคจิตยิ้มมุมปากกลับมา

    “อิๆ รู้อยู่แล้วว่าต้องตอบแบบนี้ ไงก็... ขอให้มีความสุข ไปละ” ฉันแหงนหน้ามองเมื่อเตโชหยัดตัวขึ้น มันเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนาประมาณสามสี่เล่มแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวกลับมาแม้แต่นิด

    กระทั่งตรงนี้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

    ฉันรู้ว่าหนังสือพวกนั้นน่ะ แท้จริงแล้วเตโชเอาไปให้ใคร แต่ขอไม่พูดก็แล้วกัน ยังไงซะ... ฉันก็สะใจอยู่ลึกๆ กับบางเรื่องที่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจมันในตอนนี้ 

     



    ตั้งแต่นั้นฉันใช้ชีวิตไม่เหมือนผู้เหมือนคนเท่าไหร่ เตโชกลับมาที่นี่ประมาณไม่กี่นาทีก็ออกไป เป็นแบบนี้ราวๆ อาทิตย์กว่า แน่นอนว่าชีวิตส่วนใหญ่ของฉันเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอกได้ ถ้าไม่ดูนาฬิกาฉันก็คงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว

    ครั้งล่าสุดมันล่ามฉันไว้

    ยังดีที่เชือกยาวพอจะเคลื่อนไหวไปมุมต่างๆ ได้บ้าง ยกเว้นห้องครัวที่เต็มไปด้วยอาหารสำเร็จรูปและน้ำดื่ม เวลาฉันหิวมากๆ ฉันทำได้แค่มองมัน อาหารน่ะทนหิวนานแค่ไหนก็ได้ แต่น้ำเปล่า... วันนี้ฉันยังไม่ได้ดื่มสักหยด คอแห้งเหือดเหมือนจะตายเลย

    หรือว่า... ฉันต้องดื่มจากก๊อกตรงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ...

    ไม่สิ เตโชไม่มีทางปล่อยให้ฉันตายแน่ๆ มันรังแกฉัน แต่มันไม่มีทางปล่อยให้ฉันหมดลมหายใจไปง่ายๆ ฉันรู้...

    “ไม่เป็นไร” บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วขยับไปข้างๆ หน้าต่าง ฉันมุดตัวเข้าไปในผ้าม่านผืนใหญ่ ใช้มันปิดบังความกว้างขวางของห้อง ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างดูกว้างเกินไปสำหรับฉันเพียงคนเดียว

    ฉันเผลอหลับไป รู้สึกตัวตื่นหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคน

    ตึง!

    “เฮือก”

    แต่การมาของเขาในครั้งนี้ต่างออกไปจากทุกครั้ง เตโชน่าจะถีบโต๊ะตัวหนึ่งจนมันกระแทกผนังอีกฝาก ความรุนแรงจากเสียงที่ได้ยินทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก รีบจิกนิ้วกับชายเสื้อทันที...

    “ช่วยเสนอหน้าออกมาหน่อยสิเอื้องขวัญ" ฉันกลั้นหายใจ "นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่โผล่หัวออกมาเธอคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิๆ” คำพูดที่ดูเกรี้ยวกราด รวมถึงเสียงหัวเราะเย็นเยียบทำให้หัวใจเต้นช้าลง เตโชต้องไปโกรธใครมาแน่ๆ

    หรือว่า... เขารู้อะไรมา...

    ฉับพลันที่ตัวสั่นระริกขึ้นมา แต่สมองกลับสั่งให้ฉันตะเบ็งเสียงเป็นการตอบโต้

    ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันทำให้หมอนั่นโกรธ ฉันก็ยังทำ...

    “ไปตายซะ” น้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้งดังสะท้อนไปทั่วห้อง เพียงวูบเดียวฝีเท้าหนักหน่วงก็ใกล้เข้ามา มันดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของหัวใจฉัน

    “มาพนันกันไหมว่าใครจะตายก่อนกัน...” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อผ้าม่านถูกกระชากออกอย่างรุนแรง “ไงครับ... สบายดีหรือเปล่า ได้ข่าวว่าไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า หินจนท้องกิ่วเลยไหม”

    เตโชยิ้มอย่างเลือดเย็นขณะก้มหน้ามองฉันราวกับกำลังตัดสินโทษ

    แววตาของมันบ่งบอกว่าโกรธแค้นจนอยากฆ่าให้ตาย และต่อให้มันไม่ปริปากพูดว่าอะไรคือสาเหตุ ฉันกลับคิดว่าตัวเองรู้...

    เรื่องของยัยนลินหรือเปล่า... ถ้าใช่ ก็คงไม่แปลกที่เขาจะโกรธ

    ทว่าต่อให้ฉันกลัว ลึกๆ กลับสะใจเมื่อเห็นความเจ็บปวดจากแววตาคู่นั้น

    “ฉันไม่อยากกินอาหารของแกหรอก!” ฉันตะคอกและทำท่าจะลุกขึ้นหนี ทว่าก้าวเท้าได้เพียงนิดเดียวเชือกก็ถูกกระตุกกลับไป การตรึงของเชือกทำให้ฉันหายไม่ออก ลำคอเหมือนจะขาดออกจากกัน...

    “ปากดีจังเลยน้า...” เสียงน่าขนลุกดังขึ้น ริมฝีปากเปียกชื้นจรดบริเวณใบหู ฉันรู้สึกร้อนวาบและสั่นร้าวเพราะความกลัว หนีไม่พ้นเรื่องเลวทรามบัดซบเลยสักครั้ง อยากจะโทษตัวเองเหมือนกันที่ทำให้มันโกรธ แต่มันเริ่มทำร้ายฉันก่อน ฉันก็แค่หาทางเอาคืน

    ได้ความสะใจเพียงไม่นาน มันก็ตามมากระชากลงนรกอยู่ดี

    “อึก...แกมันเลว” ฉันก่นด่าอย่างคับแค้นใจ แต่เพราะแรงรัดจากเชือกบริเวณลำคอทำให้ฉันหายใจยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ปลายนิ้วทั้งหมดเลยแข็งเกร็งโดยอัตโนมัติ ภาพทุกอย่างพร่าเบลอไปหมดเพราะถูกม่านน้ำตาบดบัง

    “แล้วที่เธอให้คนไปยิงน้องฉันเนี่ย ไม่เลวเลยเนอะ” เสียงเหี้ยมเกรียมถามชิดผิวชุ่มเหงื่อ “เรียกร้องความสนใจจากฉันเหรอ?”

    เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย... สาเหตุที่ทำให้เตโชโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคือเรื่องของยัยนลิน

    มันคือน้องสาวต่างสายเลือดของเตโช

    เราเคยเรียนม.ปลายด้วยกัน ฉันรู้จักมัน รู้ว่ามันเคยชอบอักขระเพื่อนร่วมชั้นซึ่งเป็นน้องชายของบุรินทร์... ผู้หญิงที่แย่งคนรักของฉันไปเมื่อหลายปีก่อน ฉันพยายามไม่แคร์อดีต เพราะเมื่อคนเราโตขึ้น เราก็แค่ลบลืมเรื่องร้ายๆ เเละอยู่กับปัจจุบัน

    จะมีก็แต่ไอ้เตโชซึ่งยังตามหลอกหลอนจนในที่สุดฉันก็หาทางแก้แค้นมันในแบบของตัวเอง

    วันนั้น... ตอนเตโชพาผู้หญิงเข้าห้องและลากฉันไปไว้อีกห้องหนึ่ง มันทำโทรศัพท์ตกไว้ ฉันใช้โอกาสนั้นติดต่อกับคนรู้จักซึ่งเคยคลุกคลีกันอยู่พักหนึ่ง น่าดีใจที่เบอร์ของมันเรียงกันเลยง่ายต่อการจำ และใช่ ฉันจ้างให้มันทำร้ายนลินเพราะอยากเห็นเตโชเจ็บปวดเหมือนฉัน... แม้ว่ามันจะไม่ได้ครึ่งกับสิ่งที่ฉันเจอเลยก็ตาม

    ส่วนเรื่องโทรศัพท์ ฉันสังเกตว่ามันมีหลายเครื่องตามประสาคนรวย เครื่องที่ทำตกไว้... อาจเป็นไปได้ว่าเตโชลืมหรือไม่ได้ใส่ใจ

    กระทั่งวันนี้ 

    มันคงให้ลูกน้องสืบสาวผู้อยู่เบื้องหลังจนรู้ว่าใครคือตัวการเรื่องนลิน

    “ฉันไม่อยากได้ความสนใจจากแก ฉันอยากให้แกทรมานมากกว่า!” ฉันแอบแสยะยิ้ม

    “อ๋อๆ” ทว่าเตโชกลับทำเสียงแปลกๆ กลับมา “งั้น... เรามาทรมานด้วยกันดีกว่า ใครตายก่อนคนนั้นแพ้ โอเคไหม!”

    พึ่บ!

    เอ่ยจบมันก็เหวี่ยงฉันลงบนเตียง ฉีกเสื้อผ้าฉันจนขาดวิ่นในขณะที่ฉันช็อกจนสติแตก

    วูบหนึ่งก่อนบางสิ่งจะแทรกเข้ามา... ฉันเห็นแววตาแดงก่ำของเตโช คล้ายกับคน...ผิดหวัง

    “ฮึก”

    สำหรับเตโช นี่คงเป็นเซ็กซ์แบบทารุณ... แต่สำหรับฉันความตายมันยังดูสวยงามกว่า

    กึก... กึก... กึก

     




    บทบรรยาย เตโช

    ผมรุนแรงกับเอื้องขวัญมากกว่าครั้งไหนๆ

    เลือดเต็มผ้าปูเตียงเลย...

    เลือดจากตรงไหนน่ะเหรอ... ผมรุนแรงตรงส่วนไหน ก็ตรงนั้นแหละ จะลากไปอาบน้ำก็ไม่ยอม ไล่ให้ไปตายอยู่นั่น ล่าสุดเธอถีบหน้าผมด้วย 

    ผมชำเลืองมองเอื้องขวัญที่นอนหันหลังให้ระหว่างสูบบุหรี่ไปพลาง เห็นรอยสีม่วงช้ำกระจัดกระจายเต็มผิวขาวซีดก็แอบเห็นใจอยู่นิดหน่อย แต่เอาจริงๆ นั่นก็สมควรแล้ว... ใครใช้ให้มายุ่มย่ามกับน้องสาวผมวะ

    ต่อให้นลินไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่ผมค่อนข้างผูกพัน แน่นอนว่าเวลามีคนมารังแกหรือทำให้ยัยนั่นเจ็บปวด ผมต้องโกรธเป็นธรรมดา

    อ๋อ จะบอกว่าที่เอื้องขวัญจ้างคนไปทำร้ายนลินเพราะอยากแก้แค้นผมใช่ไหม อืม... อันนี้เดาได้ไม่ยาก แต่ควรจะมาลงที่ผมมากกว่า หรือเพราะยัยนั่นรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะผมได้เลยใช้วิธีนี้

    “ฟู่...” ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งระหว่างคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี

    ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้นผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ... ล้างเนื้อล้างตัวและต่อสายหาใครบางคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งรอไม่นานนักปลายสายก็กดรับ

    [สวัสดีค่ะ]

    “โบว์ ผู้หญิง...ต้องง้อไง?” ผมถามขณะจ้องตัวเองผ่านเงากระจกตรงอ่างล้างหน้า

    ดูเป็นการกระทำที่ขัดแย้งโคตรๆ เลยเนอะ ชั่วโมงก่อนโกรธแทบฆ่าให้ตาย พอปล้ำเขาเสร็จก็หาทางง้อ

    ก็นะ สั่งสอนเสร็จมันก็จบไง ต่อไปนี้เข้าสู่ประเด็นใหม่

    [ง้อ...ขวัญเหรอคะ?] ผมยิ้มมุมปากเพราะรู้ดีว่าปลายสายกำลังรู้สึกแบบไหน

    ถ้าสงสัยว่าผู้หญิงชื่อโบว์ที่ผมโทรหาคือใคร เธอคือพี่เลี้ยงบัวนิลไง...เรารู้จักกันตั้งแต่วันที่ผมช่วยเหลือเด็กคนนั้นตอนถูกรถเฉียด เราทำข้อตกลงบางอย่างเพื่อให้เธอร่วมมือกับผม

    “ดูเหมือนว่าเขาอยากคุยกับเธอนะขวัญ เดี๋ยวพี่พาบัวนิลกลับห้อง รีบๆ กลับมาล่ะ”

    จำตอนโบว์พาบัวนิลกลับอพาร์ทเมนต์ได้ใช่ไหม นั่นเป็นความจงใจของเธอ

    โบว์เปิดทางให้ผมได้อยู่กับเอื้องขวัญสองคน เพราะมันง่ายต่อการลากยัยนั่นกลับคอนโดฯ ยังไงล่ะ

    “จะมีใครอีกล่ะ”

    [คุณเตทำอะไรให้เธอโกรธคะ...]

    “ปล้ำ” พอได้ยินคำตอบ โบว์ก็เงียบไป เสี้ยววินาทีนั้นหูผมได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้งอแงแซมเข้ามาคล้ายว่าถูกทำให้เจ็บปวดจนทนไม่ไหว “เธอทำอะไรเด็ก”

    เสียงผมกดต่ำลงกว่าเดิม แม้มองไม่เห็น... แต่มั่นใจว่าโบว์คงรังแกยัยตัวเล็กอีกแล้วแน่ๆ

    [บัวนิลเธอสะดุดล้มน่ะค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก]

    “ถ้าไม่อยากโดนตบ... พูดอีกที ขอความจริง”

    ---------


    จำพี่โบว์ได้ใช่ม้ายยยยย อิเตนางร้ายนะ รู้จักทุกคน ทั้งฉลาดและเลวทราม 5555



    ติดแท็ก #พี่เตคนจิต หรือ #สัมพันธ์อสูร สำหรับคนเล่นทวิตเตอร์




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×