ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All Yaoi Fictions

    ลำดับตอนที่ #36 : S Fic : Kuroko no basuke Aomine X Kuroko จบในตอน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.34K
      55
      14 เม.ย. 63

    ShortFiction : Kuroko no basuke

    Pairing : Aomine Daiki / Kuroko Tetsuya

    Rating : PG-13

    Talk : ช่วงปีที่ผ่านมานี้ อ่านแต่ของคนอื่น ฮา555 อ่านจนไม่มีให้อ่านละ ทั้งไทยทั้งอังกฤษ

                    เชื่อว่าหลายๆคน คงขาดแคลนเช่นกัน

    มาจากความเวิ่นเว้อส่วนตัวมาก ชอบจริงๆเรื่องนี้ > < ได้ทุกคู่ แค่คุโรโกะก็พอ

    ปล. อ่านแล้วก็เม้นด้วยเน้อ จะได้ปรับปรุง จะได้รู้ว่ายังอ่านกัน555 จะได้แต่งต่อ J

     

                                

    ...อาโอมิเนะคุง...

            เสียงยางรองเท้า บดเบียดกับพื้นขัดเงา ดังก้องไปทั่วสนาม เคล้าคลอกับเสียงเชียร์เฮฮาของกลุ่มเด็กนักเรียนข้างสนาม ตะโกนเชียร์กันอย่างจริงจัง กับการแข่งที่กำลังดุเดือด ลูกบาสเกตบอลที่น่าสงสารโดนแย่งชิงไปมาอยู่ท่ามกลางสนาม ก่อนที่หน้าปัดเวลา อิเล็กทรอนิค จะกลายเป็นเลขศูนย์

           ลูกกลมๆหนังสีน้ำตาล ถูกมือเล็กๆ ปัดส่งให้กลับชายหนุ่มผิวสีแทน ขนาดอยู่ห่างไกลจากแป้นบาสมากขนาดนั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถโยน ได้ลงเป็นแน่แท้ แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับโยนได้ลงอย่างง่ายดาย  ทั้งสนามเงียบกริบ  จนกระทั่งเสียงวัตถุกลมๆ ลอดผ่านตาข่าย โดยไม่โดนแม้แต่ห่วงรอบข้างดังขึ้นเบาๆ  เสียงเฮลั่นขึ้นพร้อมกับชัยชนะที่เหล่าเด็กหนุ่มได้รับ ทีมที่ได้ชื่อว่า ทีมแห่งปาฏิหาริย์

           คะแนนที่ต่างกันลิบลับของทั้งสองทีม ปรากฏสู่สายตาของคนในสนาม นี่อาจเป็นเรื่องปกติจนคนที่มาเชียร์ ให้กำลังใจนักกีฬาคงไม่ได้สังเกตอะไร หารู้ไหมว่า แต้มที่ต่างกันมากขึ้น ความสามารถของคนในทีมแต่ละคนที่กำลังพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไป ระยะห่างระหว่างกัน ที่ทุกคนไม่ได้สังเกตถึง

    ..มันอาจจะสายไปสำหรับการอยู่ด้วยกัน..

           เรือนผมสีอ่อน ลู่ลง พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาเพื่อระบายความร้อน เสื้ออันเปียกปอนไปด้วยเหงื่อจากการแข่งขันแนบกับร่างกายผอมบางเล็กๆ ความจืดจางที่เคยใช้ได้ บัดนี้กลับกลายเป็นไม่ได้ผล หลังจากการแข่งระยะยาวที่เพิ่งจบไป  สายตาของเด็กผู้ชายทั้งวัยที่มากกว่า และน้อยกว่าจับจ้องไปที่ใบหน้าหวาน ที่กำลังเหนื่อยหอบ ขาเล็กๆทรุดตัวลง แสดงให้เห็นถึงขีดจำกัดของเจ้าของ 
                 รู้สึกชอบที่ทุกคนมองไม่เห็นเขาเหมือนเมื่อก่อนมากกว่าก็เพราะแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่ามีคนจ้องมาที่ตน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  พอเหนื่อยแบบนี้มันแทบจะอยากหยุดหายใจ

         
               นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเพื่อนในทีมที่กำลังเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว ใจก็อยากจะเดินตาม หากแต่ร่างกายมันไม่ขยับตามที่ตนคิด พอคิดถึงใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มของเพื่อนตน ที่หลังๆเริ่มเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เบื่อหน่ายหลังจากการแข่ง ไม่ใช่คิ้วที่ขมวดกัน แล้วยิ้มมาที่เขาเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ใบหน้าที่ดูสดใสที่ได้เล่นบาสเก็ตบอลกับเขาเมื่อก่อน ตอนนี้เขาเหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเด็กหนุ่มร่างใหญ่ ผิวสีแทนคนนี้ไปแล้ว ...อาโอมิเนะ ไดกิ...

             
                  เสียงนกหวีดดังขึ้น ก่อนเด็กนักเรียนที่ถูกส่งลงมาในสนามเพื่อเก็บกวาด จะเริ่มเก็บ และทำความสะอาดสนามหลังจากการใช้งานเป็นระยะเวลาอันยาวนานพอสมควร เสียงซุบซิบดังขึ้น น่าหงุดหงิดน้อยๆสำหรับร่างบาง ทำยังไงก็ไม่สามารถขยับขาได้อยู่ดี ก่อนที่สัมผัสหนักๆจะถูกทับลงมาบนหัว พร้อมกับเสียงกระซิบแหบพล่า ที่คุ้นเคยจะดังขึ้น พร้อมกับอวัยวะอีกอย่างหนึ่ง ที่เริ่มเต้นแรงขึ้น ราวกับจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ


        “เท็ตสึ ระวังตัวหน่อยสิ”  เสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมทับเรือนผมสีฟ้า และพอที่จะคุมไปถึงช่วงบนของร่างกายเล็กๆนั่นปกคลุมลงมา มือหนากดหัวร่างบางลงเบาๆ ก่อนจะค่อยๆพยุงแขนเล็กๆขึ้นมา ขายาวๆจึงค่อยๆก้าวตรงไปยังห้องเปลี่ยนชุดของทีมตน ไร้ซึ่งคำพูดใดๆหลังจากนั้น

           หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขาเล็กๆก้าวไปยังม้านั่งใกล้ๆห้องพัก ก่อนจะหยุด แล้วนั่งลง สายตาเหม่อมองไปยังทางที่มืดมิด เพราะไร้ซึ่งแสงไฟ เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นค่อยๆดังใกล้เขามา นัยน์ตาสีฟ้าค่อยๆเหลือบมองไปยังต้นเสียง 
         
    อาโอมิเนะคุงเหรอครับ?” เมื่อโล่งใจหลังจากที่เห็นร่างสูงโปร่งผิวสีแทนที่คุ้นเคยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับนั่งลงข้างๆ สัมผัสเย็นๆจากเครื่องเดิมเกลือแร่ยี่ห้อดัง แตะลงมาที่แก้มใสของเจ้าของเรือนผมสีฟ้าเบาๆก่อนมือบางจะยื่นไปรับมา กล่าวคำขอบคุณเบาๆ ทั้งๆที่ไม่ได้หันไปสบตากับคนข้างๆขอบคุณครับ


         ขวดฉลากสีฟ้าค่อยถูกบิดฝาออก หยาดน้ำใสกลิ่นแปลกๆค่อยๆไหลลงสู่คอของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกสดชื่นหลังจากดื่มเครื่องดื่มที่ตนชอบรองจากวานิลามิลค์เช็ค กลับมาแทนที่ความเหนื่อยล้าหลังจากการแข่ง ความอุ่นค่อยๆแล่นเข้าสู่ประสาทของร่างบาง พร้อมความรู้สึกเบาๆที่กดลงบนหัวให้นอนลง ต้นขาแกร่งของร่างสูง  แทนที่จะขัดขืน แต่กลับเต็มใจ กลิ่นที่คุ้นเคย จากคนที่คุ้นเคย คนที่ตนรู้สึกเคารพ และรักมากที่สุด คนที่เป็นดังแสง ที่ทำให้เขายังคงอยู่ได้
     
           อยากจะเก็บเวลานี้ให้นานที่สุด หากแต่ร่างเล็กรู้ดี เวลามันใกล้จะหมดลงแล้ว เพราะคนตรงหน้า เริ่มจะเปลี่ยนไป ทุกคนกำลังเปลี่ยนไป กำลังเติบโตขึ้นทีละนิดๆ  


    นอนพักสักพักนะ คนอื่นกลับกันหมดแล้ว ฉันบอกให้แล้วว่านายจะกลับกับฉัน...เท็ตสึ....”  เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆหู สัมผัสแผ่วเบาแตะลงบนริมฝีปากสีชมพูบางๆที่เจ้าของใบหน้ากำลังหลับตาพริ้มอยู่นั้น

          รอยยิ้มบางๆค่อยผุดขึ้นมาบนใบหน้าหวาน ก่อนที่ร่างสูงจะเหยียดยิ้มบางๆ จับจ้องไปที่เปลือกตาที่กำลังปิดอยู่ เรือนผมนุ่มที่สัมผัสกับขาตนทำให้รู้สึกดี ไม่ได้รู้สึกน่ารำคาญหรือน่าขยะแขยงแต่อย่างใด ก่อนที่เปลือกตาบางๆจะค่อยเปิดขึ้นมา นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องไปที่นัยน์ตาสีอ่อน ในที่สุดก็ยอมมองตาฉันแล้วสินะก่อนนัยน์ตาใสเหมือนจะสั่นไหวไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม มือเล็กหยิบยื่นมาจับมือหนาใหญ่เอาไว้ ก่อนจะกอบกุมไว้เบาๆ

    มือคุณใหญ่จังนะครับ อาโอมิเนะคุง”   ร่างบางถามยิ้มๆก่อนจะเอามาแนบใบหน้าของตน

    นายมันตัวเล็กเกินไปต่างหากล่ะ เท็ตสึอาโอมิเนะ ไดกิ ว่าไปพลางก่อนจะใช้มืออีกข้างยื่นไปขยี้เรือนผมนุ่มสีอ่อนที่อยู่ข้างๆตนเบาๆ ใบหน้าหวานมุ่ยลงเล็กน้อย นิสัยส่วนตัวก็ไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวเขาอยู่แล้ว

    หากแต่ว่า....

    เหนื่อยจัง ขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะครับ อาโอมิเนะคุงเปลือกตาบางค่อยๆปิดลง

    อืมเสียงทุ้มในคอดังกลับมา บอกให้รู้ถึงว่าตนอนุญาติแล้ว

    ...หากการที่โดนเล่นหัวแล้วคุณจะอยู่กับผม...

    ...หากการนอนหนุนตักแข็งๆของคนตรงหน้าสามารถทำให้ร่างสูงไม่หายไปไหน...

    ...หากมือที่กอบกุมกันไว้ จะทำให้คุณ กับผม ทำให้เราอยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อยก็ดีสินะ...

        
            ก่อนที่ภาพที่สวยงามจะค่อยๆหายไป หลังจากการแข่งวันนั้นแล้ว นับวัน ร่างสูงผิวสีแทนอาโอมิเนะ ไดกิ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เก่งขึ้น สูงขึ้น แสงที่ส่องผ่านลงมาสว่างมากขึ้น มากขึ้น ...มากขึ้น... จนเงาเริ่มจะเลือนหายไป ค่อยๆจางลง รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มหายไป ของคุณ และผม

    การเล่นบาสมันไม่ได้ทำให้คุณ หรือ ผมยิ้ม ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว อาโอมิเนะคุง

    “ขอโทษนะครับ”

    ..............................................

        สายตาทอดมองตามไปยังแผ่นหลังอันยำเกรงของเพื่อนร่างใหญ่ ก่อนจะหลับตาลงแล้วหันหลังเดินกลับไปอีกทางหนึ่งของสนาม เก็บซ่อนความรู้สึกอันเจ็บปวดเอาไว้ ไม่ให้ใครได้เห็นหรือได้รู้ ขาสั้นๆก้าวเดิน หมายจะไปที่ห้องพักนักกีฬา เพื่อที่จะคุยกับหัวหน้าทีมของตน อากาชิ เซย์จูโร่

       
                 เสียงประตูเปิด และปิดดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เด็กหนุ่มที่ค่อนข้างจืดจาง ไม่ได้หลุดไปจากสายตาของเจ้าของนัยน์ตาสีแดงที่กำลังนั่งหันหลังให้ประตูอยู่ กลั้นลมหายใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหา ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องที่จะพูด อาจจะทำให้คนตรงหน้านี้ สติแตกก็เป็นได้ ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเด็กหนุ่มหน้าหวาน ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าหวาน ที่ดูเหนื่อยล้า และเป็นกังวลอย่างสังเกตได้

     

    อากาชิคุง ผมมีเรื่องจะคุยด้วย

     

    อาโอมิเน็จจิ นายมัวทำอะไรอยู่หา?” เสียงโหวกเหวกผ่านทางโทรศัพท์ ลอดผ่านเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่มร่างสูงผิวแทน ความรู้สึกหงุดหงิดผุดขึ้นมา ก่อนความรู้สึกกังวลแปลกๆ ค่อยๆผุดขึ้นมาตงิดๆในใจ

    หา?!!! พูดอะไรของนายนะ คิเสะ ฉันก็นอนบนดาดฟ้าปกตินั่นแหละเอซหนุ่มตอบอย่างรำคาญ แต่ก็ต้องเงียบเมื่อได้ยินประโยคถัดไปจากเพื่อนสุดน่ารำคาญร่วมทีมของตน

    และแล้วลางสังหรณ์ของเขาก็เป็นจริง...


    ฮึกๆ คุโรโกจจิ ยื่นใบลาออกจากชมรมแล้ว”  เสียงสะอื้นไห้เบาๆของเพื่อนร่วมทีม ดังขึ้นจนทำให้เขาต้องเงียบลง ไม่กล้าที่จะตอบอะไรออกไป ไม่สิ เหมือนกับเสียงที่กำลังจะโวยวายใส่คนตรงหน้า มันติดอยู่ที่ลำคอ และกลืนหายไป ยอมรับว่าตนเองนั้นรู้สึกโกรธนิดๆ แต่ความรู้สึกวูบๆ ที่อกนั้นมันคืออะไรกัน?

    ..อย่ามาล้อเล่นน่ะ!!..

    เขาไปแล้ว คำพูดที่ค่อยๆซ้ำ ย้ำเตือนให้รู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด ทำให้นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้น  ใบหน้าของคู่หูของตนปรากฏขึ้นมาอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ก่อนที่คำถามจะเกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม

     

    ..ทำไม..

    นายทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ดูแล ไม่สนใจคุโรโกจจิ ฮึกๆ นายมันบ้า!! บ้าที่สุด!!!!! ก่อนสายจะถูกตัดไป 

    ...ขอโทษ...

            ความรู้สึกหลายๆอย่าง ภาพหลายๆภาพ ทุกๆฉาก ทุกๆตอนไหลเข้ามา ราวกับกำลังซ้ำเติมตัวตนอันโง่เง่าของเขาที่ไม่สามารถดูแลคนสำคัญได้ ความเจ็บข้างในอก มันกระตุ้นให้น้ำตามันไหลออกมา

     

    "เท็ตสึ" เสียงแหบพล่าเพรียกชื่อคนตัวเล็กเบาๆ เลาเสียจนแทบจะหายไป พร้อมกับหยาดน้ำอุ่นๆที่ซึมออกมาจากเปลือกตาสีเข้ม

     

    ...กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรสำคัญ ก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว...

     

     

    เฮ้ คุโรโกะ นายมัวเหม่ออะไรอยู่นะได้เวลากลับบ้านแล้วนะ

            เสียงเพรียกของคางามิ ไทกะ ผู้เล่นอันดับหนึ่งของเซย์ริน เป็นสิ่งที่เรียกสติสัมปชัญญะ ของเด็กหนุ่มกลับมาจาก ห้วงความคิดของตนเอง นัยน์ตาหวานลืมขึ้นช้าๆ ก่อนจะรู้ตัวอีกที ก็รู้สึกถึงมือหยาบของร่างสูง จับใบหน้าของตนไว้ นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ปาดหยาดน้ำใสๆออกจากตาคู่สวยของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ พร้อมความสงสัย

    "ร้องไห้ทำไมเหรอ? คุโรโกะ" มือแกร่งยื่นไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ หมายจะปลอบประโลมคนตรงหน้าให้หายจากความเศร้า ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงข้างๆร่างเล็กๆจับหัวเล็กๆให้พิงกลับบ่าแกร่งของตน พร้อมกับลูบเรือนผมสีอ่อนนุ่มไปพลาง

     

    "ฉันยังอยู่กับนายนะ คุโรโกะ"  หัวเล็กๆนั่นพยักๆเบาเป็นการตอบรับ พร้อมทั้งมือเล็กที่ยื่นไปจับชายเสื้อของคู่หูของตนไว้ เบาๆ เวลานี้ สำหรับคางามิ ไทกะแล้วเด็กหนุ่มที่ตนกำลังปลอบประโลมอยู่นั้น จากที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งมาก กลับบอบบางราวกับจะแตกหักลงได้ทุกเมื่อ

     

    ....อยากจะดูแล อยากจะปกป้อง....

    ....ไม่ใช่ความรู้สึกอย่างครอบครอง แค่อยากให้คนข้างๆมีความสุข....

     

    ไม่มีเสียงร้องไห้ ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมาจากใครสักคน ไม่มีการเคลื่อนไหว หากเพียงนั่งอย่เฉยๆ ให้เวลาผ่านไป ใช้ความคิดอยู่กับความคิดตนเองให้มากขึ้น ก่อนคางามิจะทำลายความเงียบลง

    "กลับกันเถอะ ฉันไปส่งนะ หาอะไรกินกันก่อนกลับด้วยไง" คางามิว่าพลางลุกขึ้น หยิบกระเป๋าของตนและของร่างเล็ก แขนแกร่งออก ส่งมือให้กับคนที่นั่งอยู่ มือเล็กจับเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับแสงคนใหม่ของเขา

     

    "ขอโทษนะครับ คางามิคุง ผมจะแข็งแกร่งขึ้น" ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนอีกคนครับ ผมจะทำให้คุณเจิดจรัส อยู่บนเวทีแห่งชัยชนะ ผมอยากให้คุณยิ้มครับ คุณที่เล่นบาสเก็ตบอลอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจชัยชนะนั้นน่ะ ทำให้ผมอยากที่จะเป็นเงาของคุณ คุณที่เจิดจรัส

     

    "พูดบ้าอะไรน่ะ เจ้าบ้าคุโรโกะ นายก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว อย่าคิดมากสิเจ้าบ้าเอ๊ย" มือหนายื่นไปขยี้เรือนผมนุ่มแรงบ้าง เบาบ้าง ใบหน้าหวานมุ่ยลง สะบัดหัวตนเองออกจากการจับกุม  

     

    "อุ้ก!!.. เจ็บนะเว่ย คุโรโกะ" ศอกเล็กๆกระทุ้งเข้าไปที่หน้าท้องแข็งๆที่เตมไปด้วยกล้ามเนื้อซึ่งไร้ไขมันของคนตรงหน้า มันก็น่าสงสัย ทั้งที่คนที่กินเยอะมากๆ กินมากกว่าเขาเป็นสิบเท่าอย่างคางามิ ไทกะ นั้น หน้าท้องกลับไม่มีไขมันหลงเหลืออยู่ มีเพียงแค่กล้ามแข็งๆอย่างนักกีฬาเท่านั้น ...น่าอิจฉาจังนะ....

     

    "คางามิคุง กินเยอะขนาดนั้น แต่ไม่อ้วนเลยนะครับ น่าอิจฉาจัง"พูดออกมาเร็วกือบเท่าความคิด ใบหน้าคมเข้มระบายรอยยิ้มบางๆขึ้นมา เปรยให้กับร่างเล็ก

    "นายมันตัวเล็กเกินไปต่างหาก กินเยอะๆเสียบ้างสิ" ประโยคทำนองเดียวกัน ภาพเก่าๆที่ผุดขึ้นมา ใบหน้าของคนที่เขาผูกพันธ์ ภาพของเจ้าของรอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานมากแล้ว กลับผุดขึ้นมาในความทรงจำ นี่คือประโยชน์ ของความทรงจำที่มีค่า เขาจำได้ รอยยิ้มของอาโอมิเนะ ไดกิ มันน่ามองมากแค่ไหน มันสวยเพียงใด

         ชายหนุ่มคนนี้นอกจากจะเก่งบาสเก็ตบอลแล้ว ยังมีเสน่ห์ที่ล่อตาล่อใจสาวๆ มากมายอีกด้วย ใครๆก็ต้องมองกล้ามเนื้อที่ได้รูป ความสูงที่โดดเด่น ผิวสีแทนที่ทำให้ดูมีเอกลักษณ์ ต่างจากเขาที่จืดจาง

     

    "นายแปลกๆนะคุโรโกะ วันนี้เหม่อตลอดเลยนะ" คางามิ ไทกะเรียกเพื่อนสนิทเบาๆเพื่อดึงสติของร่างบางกลับมา พร้อมกับหยุดอยู่หน้าร้านแฮมเบอเกอร์ที่ทั้งสองมากินด้วยกันประจำ

              นายกำลังคิดถึงใครกัน มันเป็นคำถามโง่ๆที่เขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว คนที่คุโรโกะ เท็ตสึยะ จะคิดถึงน่ะ มีแค่คนๆเดียวเท่านั้นแหละ ตั้งแต่เจอคนตัวเล็กที่แสนจะจืดจางนี่ แรกๆเขาก็รู้สึกเฉยๆ แต่ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน ยิ่งได้พูดคุยกัน ความรู้สึกดีแบบประหลาดนี้ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
             
                 คนๆนี้มีอะไรๆน่าสนใจ มีความน่ารักที่เขารู้สึกได้ และคนอื่นๆก็รู้สึก มันทำให้รู้สึกดีที่เขาได้ใกล้ชิด สนิทสนมกับคุโรโกะ เท็ตสึยะคนนี้มากขึ้น และมากขึ้นทุกวัน รู้ทั้งรู้ ว่าคนที่ร่างเล็กตรงหน้านี้คิดถึง คงหนีไม่พ้น แสงคนเก่า นักบาสเก็ตบอลอัจฉริยะ อาโอมิเนะ ไดกิ เขาไม่ได้แพ้ไปเสียทีเดียว ต่อให้ทั้งสองคนนี้จะมีความผูกพันธ์กันมากแค่ไหน ต่อให้ความสัมพันธ์มันจะลึกซึ้งกันเพียงใด ต่อให้เขาจะมาทีหลัง แต่ตอนนี้หมอนั่นมันพลาดแล้ว ตอนนี้คุโรโกะอยู่กับฉัน

     

    ......ตอนนี้แสงของเขาคือฉัน ไม่ใช่นายอีกต่อไปแล้ว....

     

    พอคิดถึงใบหน้าคม เจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งผิวสีแทนนั้น คิ้วเรียวยาวก็ขมวดขึ้น จนเด็กหนุ่มข้างๆหันมาถามอย่างสงสัยถึงใบหน้าที่ดูเครียดขึ้นของร่างสูง

     

    “ทำไมทำคิ้วขมวดอย่างนั้นล่ะครับ คางามิคุง?”  สติกลับมาพร้อมกับการสะดุ้งน้อยๆของร่างสูง

    "นี่...วันเสาร์นี้ไปเที่ยวกันไหม คุโรโกะ?" กลั้นใจก่อนจะไถ่ถามออกไป นัยน์ตาสีฟ้าใสหันมามองอย่าง งงๆ สักพักก็หลุดยิ้มบางๆให้ร่างสูง หน้าแดงเล่นๆ ท่าทีกระอักกระอ่วน เหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเองของคนตัวสูง มองๆดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ แกล้งเขาดีนัก แกล้งกลับบ้างก็ดี

     

    "ว่าแต่ผมเถอะครับ คางามิคุงก็แปลกๆเหมือนกันแหละครับ" ร่างบางว่า พลางยิ้มขำๆ กับท่าทีของเจ้าของใบหน้าที่กำลังถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงจางๆ

    "อะ ..อะไร ร เล่า สรุปไปกันไหม เที่ยวนะเที่ยว? " พูดติดๆขัดๆ รู้สึกร้อนผ่าวยังกับจะเป็นไข้ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกกับนายแบบนี้เนี่ยคุโรโกะ

     

    "ครับ" 

     

    "หา หือ?"

     

    "ไปครับ อะไรก็ได้ครับ ที่คางามิคุงต้องการ"ความรุ้สึกดีลึกๆ รู้สึกดีจนทำให้เด็กหนุ่มผมสีแดงฉานแทบจะเป็นบ้านั้นประทุขึ้นมา จนถึงขนาดหุบยิ้มไม่ได้เลยเนี่ยสิ

     

    ทำไมนายถึงน่ารักขนาดนี้เนี่ย คุโรโกะ!

     

     “งั้นพรุ่งนี้ฉันไปรับที่บ้านนะ”

       

                                                        

    ........เท็ตสึ........

    “ซัทสึกิ  พรุ่งนี้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนถาม สาวน้อยร่างเล็ก เจ้าของเรือนผมสีชมพูยาวสวยขึ้น อย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย เป็นเรื่องแปลกที่คนๆนี้จะ สาวเจ้าเองอย่างนี้ วันนี้พายุเข้าหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ได้แต่ถามกับตัวเองในใจ

     

    “ได้สิ ไดจัง อยากไปที่ไหนล่ะ ซัทสึกิอยากไปร้านน้ำชาร้านใหม่ แถวหน้าสถานี” เด็กสาวตอบแล้วยิ้มร่า พลางพูดถึงร้านที่ตนเองอยากจะเข้าไปนานมากแล้วเด็กหนุ่มมโนภาพตาม ร้านน้ำชานั่นต้องหวานแหวว เต็มไปสวยของจุกจิกน่ารักแหงๆ คิดแล้วก็น่าเหนื่อยใจ

     

    .....เพียงแต่ว่า วันนี้มีความรู้สึกตะหงิดๆใจขึ้นมา ภาพรอยยิ้มเล็กๆ เรือนผมสีอ่อนที่พริ้วไหวไปตามลม มโนภาพของร่างบางๆที่มักจะให้เขานอนหนุนตักได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามแต่ที่เขาจะต้องการ คนที่เขาทำร้ายไปอย่างไม่น่าให้อภัย คนที่เขาเฝ้ารอคอยที่จะได้พบ จนกระทั่งมันก็เป็นจริง

         

         หากแต่เราสองคนพบกันอีกครั้งในฐานะคู่แข่ง พร้อมๆกับได้ยลโฉม แสงคนใหม่ ทั้งๆที่แสงนั่นมันลิบหรี่ใกล้จะดับแท้ๆ ถ้าแสงมันไม่สว่างพอ เงาก็จะอยู่ไม่ได้ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ เท็ตสึ

     

    ...นายอยู่ไม่ได้ถ้าหากไม่มีฉันคนนี้.....

    ..... ฉันเท่านั้นที่จะเติมเต็มความต้องการ เติมเต็มเงาอย่างนายได้....

     

    “นี่ไดจังฟังฉันอยู่บ้างหรือเปล่าเนี่ย? งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ซัทสึกิจะกลับไปเลือกชุดที่สวยที่สุดเลย”

    เด็กสาว พูดจบก็วิ่งออกตัวกลับบ้านทันที ทิ้งเด็กหนุ่มเอาไว้คนเดียว พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ความเย็นค่อยๆแผ่ขยายความกว้างมากขึ้น

     

    “หนาวแฮะ”  จะว่าไป สถานีนั่นมัน ใกล้กับบ้านเท็ตสึไม่ใช่เหรอ...คิดถึงจัง...

     

    “วันนี้เวลายังเหลืออีกเยอะ แวะไปหาดีกว่า อยากเจอนายจัง เท็ตสึ”  หารู้ไหมว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับตนเอง อาจจะเป็นเหมือนบทลงโทษจากเบื้องบน ที่เด็กหนุ่มได้กระทำให้ คนที่ตนรักต้องเจ็บปวดจนสุดหัวใจ ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไร จะต้องทนอีกนานแค่ไหน วันนี้เด็กหนุ่มไม่รอให้เขากลับมา แต่จะเป็นฝ่ายวิ่งไปหาคนที่ตนรักแทนบ้าง

     

          ขายาวๆค่อยๆสาวก้าวเร็วขึ้น เมื่อเริ่มเห็นหลังคาบ้านอันคุ้นเคยที่ตนเคยมาเป็นประจำเมื่อก่อน ยังจำซ้ำๆได้ทุกตอน ราวกับมีใครมาหมุนย้อนเวลาให้หวนคิดถึงวันวาน บ้านอันแสนอบอุ่น บ้านที่คนตัวเล็กมักจะนั่งอยู่ รอทานข้าวพร้อมหน้ากัน จนกระทั่งตัวเขาเองทำให้มันพังลง โดยการไม่ได้นึกถึงจิตใจเด็กหนุ่มเลยเลย

     

       สิ่งที่เขาอยากจะบอกกับร่างบางคือ ถึงเขาจะเบื่อบาสเก็ตบอล เพราะไม่มีใครชนะเขาได้นอกจากตัวเขา แต่ที่เขายังคงอยู่ในชมรม แต่ที่เขายังคงไปเข้าค่ายเก็บตัวนักกีฬา หรือการที่เขายังคงแข่งอยู่เสมอ ถึงแม้จะรู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ก็เพราะเขาแค่อยากจะอยู่กับคนตัวเล็ก แค่อยากจะอยู่กับเงาของเขา

     

          อยากให้นายรู้ว่า สิ่งที่นายกำลังคิดอยู่ มันคือความเข้าใจผิด ตอนนี้ถึงนายจะเปลี่ยนใจไปหาแสงใหม่นั่นแล้ว ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้หรอก เพราะสิ่งที่ฉันกับนายมีมาด้วยกัน มันเกินกว่าที่ใครจะมาทำลาย หรือลบเลือนไปได้ง่ายๆ นายจะคิดเหมือนฉันไหม เท็ตสึ

     

    “ยังไม่กลับเหรอครับ? ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณ และขอโทษแก่บุพการี ที่คุ้นเคยของร่างบาง เจ้าของผมสีอ่อนโทนฟ้า อย่างผิดหวังน้อยๆ

     

       เวลานี้มันก็ดึกแล้ว ทำไมร่างเล็กๆนั่นยังไม่มุ่งตรงกลับบ้านเสียทีนะ มันอาจไม่อันตรายก็จริง สำหรับคนที่จืดจาง จนคนรอบข้างมองไม่เห็นแบบหมอนั่น แต่ยังไงๆมันก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี ยิ่งความรู้สึกตงิดๆใจ ที่ติดอยู่ที่อกนี่มันคืออะไร เวลาแบบนี้คนที่อยู่กับเงา คงต้องเป็นแสงแน่นอน ...แต่ว่าแสงนั้นมันไม่ใช่ฉัน....

     

    ร่างสูงโปร่งเดินต่อไป หมายมุ่งไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตแถวๆนั้น เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่ายังไม่ได้กินอะไร และเขาก็ต้องกระตุกยิ้ม ไม่ว่าคนๆนี้จะจืดจางแค่ไหน ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ เป็นแน่นอน ร่างบางที่ยืน กดโทรศัพท์อยู่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ยังคงเหมือนเดิมในหลายๆความหมาย

     

    ทั้งตัวเล็ก น่ารัก มือเล็กๆนั่นพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์สีฟ้าสวย ที่คุ้นเคยนั้น  ยิ่งมองเท่าไหร่ยิ่งคิดถึงคนๆนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตรงดิ่งเข้าไปหา ร่างที่ตนโหยหามานาน ประตูอัตโนมัติที่เปิดออกทำให้ขา เขาเริ่มแข็ง และต้องหยุดก้าวเดินต่อ

     

         เรือนผมสีแดงเดินออกมาจากซุปเปอร์พร้อมกับแก้วสีครีมสวยในมือ ..วานิลามิลค์เชค..

    เครื่องดื่มสุดโปรดที่ร่างบางชอบมากที่สุด เขารู้ดี เขาคือคนแรกที่รู้ เรื่องนี้ เขารู้ดี

    ร่างบางที่เก็บโทรศัพท์แล้ว รับแก้วนั้นเข้ามาในมือ พร้อมทั้งดูดเครื่องดื่มหอมหวานขึ้นมา

         

           มือบาง ชี้ไปที่กระเป๋าเป้ ทั้งสองใบที่วางอยู่บนพื้นพร้อมทั้งทำท่าทาง ปวดเมื่อย ถึงขนาดเสืออย่างคางามิ ไทกะต้องเอามือตบแล้วลูบหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มลงแล้วหยิบกระเป๋าของตนและส่วนของร่างเล็กขึ้นมา แล้วออกเดินต่อไป หมายที่จะไปส่งร่างเล็กๆนั่น

     

    การกระทำเหล่านั้นตกอยุ่ในสายตาของ หนุ่มผิวแทนอย่างไม่รุ้ตัว ใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นบึ้งตึง ดวงตาเริ่มแข็งกร้าว ราวกับกำลังโกรธใครมาเป็นสิบชาติ ขายาวๆก้าวตามทั้งสองไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น หากเพียงแต่ภาพที่ปรากฏ ประจักษ์แก่สายตานั้น คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุด

     

    มือหนาค่อยๆช้อนใบหน้าหวาน ขึ้น ภาพที่เห็นไกลๆ ไกลจนเขาแทบจะไม่อยากมองต่อ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งได้เห็นใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีนั่น ใบหน้าของสองคนที่ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน ใกล้เสียจนเขาแทบอยากจะออกไปแยกทั้งสองออก ณ ตอนนั้น แต่อีกใจก็ยังอยากรู้ ว่าทั้งสองคนนี้จะทำอะไรกัน อยากจะถามให้รู้ชัดไปว่า ทั้งสองคนนี้เป็นอะไรกัน อยากจะรู้ว่า...นายลืมฉันได้จริงๆเหรอ เท็ตสึ...

     

    ขาทั้งสองข้างเจ้ากรรม ก้าวถอยออกมา ราวกับรู้ว่าเจ้านายตนไม่สามรถ ทนเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นได้อย่างแน่นอน เด็กหนุ่มมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความ คับแค้นข้องใจ ปนโศกเศร้า ถ้าหากเขาดูแลร่างเล็กๆนั่นดีกว่านี้ เขาคงไม่เสียเขาไป แต่ที่รู้อย่างหนึ่งตอนนี้คือ เขายังไม่แพ้ เขายังคงพอมีความหวัง

     

    ...................

         “คุโรโกะ นายนี่นะ ระวังๆหน่อยสิ หายแสบตาหรือยังละ”  มือหนาเกลี่ยใต้ตาของร่างเล็กเบาๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ การที่ร่างสูงจะอดทนต่อความน่ารักของร่างเล็กๆตรงหน้านั้น มันยากเหมือนกัน แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้เพื่อความเป็นเพื่อนของทั้งสองจะไม่หายไป

     

    “ขอบคุณครับ คางามิคุง งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ” ใบหน้าหวานยิ้ม ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าบ้านไป

     

    “เจอกันพรุ่งนี้” เป็นอันจบบทสนทนาของวันนั้น

     

     

    “ซัทสึกิ เธอช่วยเงียบเสียงลงหน่อยได้ไหม”

    อาโอมิเนะ ไดกิ ห้ามปรามสาวน้อยข้างๆตนที่ส่งเสียงโหวกเหวกราวกับได้เจอของที่ถูกใจตน ชมว่าน่ารักบ้างล่ะ น่ากินบ้างหล่ะ แล้วยังจะคะยั้นคะยอให้เขากินโน่นี่อีก หลังจาก กลั้นใจ เดินตามเข้ามาในร้านน้ำชา ตามที่สัญญาไว้ มันผิดคาดตรงที่ร้านนี้ไม่ได้เลวร้านอะไรมาก เพียงแต่เป็นร้านที่เรียบๆ ประดับประดาตกแต่งไปทางสไตล์ตะวันตก รับเปลี่ยนให้เข้ากับประเทศญี่ปุ่น กลิ่นกาแฟ หอมกรุ่น   

              เค้กต่างๆมากมายหลายหน้าหลายรส วางเรียงกันให้เห็นแก่สายตาของลูกค้า หากแต่ความน่ากินของมันไม่ได้สะดุดตาของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเค้กสีสวย ที่เขียนบอกว่ามีกลิ่นหอมที่คุ้นเคย ...กลิ่นวานิลา...จะถูกหยิบออกจากตู้ไปโดยพนักงานสาวสวย ที่อยู่หลังเคาท์เตอร์

               เร็วเท่าความคิด สายตาคมกริบมองตามสาวเสิร์ฟคนนั้น จนซัทสึกิเริ่มหันมาโวยวาย ว่ามัวแต่มองสาวคนอื่น ไม่สนใจที่สาวเจ้า สะอุส่าห์ พูดมาตั้งนมนาน ลางห์สังหร เขาไม่เคยผิดพลาด โต้ะริมในสุด ผมสีแดงเด่นชัดขึ้นมาหันหลังแก่เขา กับร่างเล็กตรงหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ดูดเครื่องดื่มอสนโปรดนั่น พลางอ่านนิตยสารบาสเก็ตบอล พร้อมกับคุยกับฝ่ายตรงข้ามอย่างสนุกสนาน

    ....สนิท จนสามารถมาเที่ยวกับเท็ตสึ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้แล้วเหรอ

    “ไดจัง ดูนั่นสิ เทตสึคุงนี่นา เท็ตสึคุงงงงงง”

         หลังจากที่เด็กสาวมองตามสายตาของชายหนุ่มไปพบเข้ากับของรักของหวงของเธอสายตาก็เป็นประกายมากขึ้น เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่เห็นหน้าก็พอจะเดาออกว่าเป็นใคร

    “แล้วก็ นั่นมัน คางามิคุงนี่นา เข้าไปหากันเถอะเนอะ” เด็กสาวว่าพลางควงแขนเพื่อนหนุ่มของตนเข้าไปที่โต้ะนั้น ด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก มือเล็กโอบแขนแกร่งเอาไว้ เดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะปล่อยแล้วกระโดดกอดเด็กหนุ่มร่างบาง เรือนผมสีฟ้าอ่อนที่นั่งดูด วานิลาเชค ด้วยความคิดถึง

            ใบหน้าหวานที่ก่อนหน้านี้หันขึ้นมามองร่างโปร่งของอาโอมิเนะ ไดกิ เล็กน้อย แสดงสีหน้าตกใจ ก่อนที่จะสลัดจากอ้อมกอดของเด็กสาวแล้วเดินมานั่งที่ฝั่งเดียวกับชายหนุ่มผมแดง เพื่อให้คนอีกคู่นั่งตรงกันข้าม มือเล็กๆ จับมือหนาของร่างสูงเอาไว้เบาๆ จนคางามิต้องแปลกใจ แต่คงไม่แปลกใจไปมากกว่านี้ เพราะเขาก็รู้ว่าเพราะอะไร
     

    หลังจากสนทนากันไปมากมาย เด็กสาวที่ทำกิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องปกติ ดูแลชายหนุ่มข้างๆอย่างดีเหมือนเดิม ภาพนี้ก็คุ้นเคยเมื่อก่อนหากแต่ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้คุโรโกะ เท็ตสึยะต้องคิดในแง่ที่ดีขึ้น หรือร้ายลงกับเจ้าตัวกันแน่

    ...คบกันจริงๆแล้วเหรอ คุณทั้งสองคนน่ะ....

                  คิดแล้วก็ได้แต่ระบายยิ้มเศร้าๆ บนใบหน้านั่น คางามิทำได้แค่เพียงกอบกุมมือ ที่ใต้โต้ะเอาไว้แน่นๆ ใจก็อยากจะพาร่างเล็กๆนี่ไปให้ไกลๆ จากที่นี่ ไกลจากสองคนตรงนี้ ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  มือหนาตักกินวานิลาเชคของร่างบาง พร้อมกับช้อคโกแลตของตนเอง พร้อมทั้งดูดเครื่องดื่มของตนเอง และของร่างบางภายในพริบตาเดียว

     

    “เดี๋ยวผมกับคุโรกะไปทำธุระต่อ ขอตัวก่อนนะครับคุณโมโมอิ อาโอมิเนะ” พูดไป แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากมือของคนข้างๆ เขาจะไม่ปล่อยเด็ดขาด จนกว่าคนตรงหน้าจะต้องการ หยิบของเสร็จก็เดินออกจากร้านไป สร้างความสงสัยให้แก่ อีกสองคนที่นั่งอยู่

    ต่างกับใบหน้าของฝ่ายที่ยังไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา มือที่จับกันของทั้งสองคน ไม่ได้เล้นรอดไปจากสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย หากทั้งสองคนนี้มีความสุข หากคางามิ ไทกะ สามารถทำให้คุโรโกะมีความสุขได้ ฉันคงต้องถอนตัวออกมาจริงๆสินะ คงทำได้เพียงแสดงความยินดี ออกมาสินะ

    ....ฉันจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันนะ ทั้งๆที่ใจฉันยังไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย เทตสึ....

    “ขอบคุณครับ คางามิคุง” เด็กหนุ่มว่า ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวนั่งลง พร้อมกับร่างสูงที่ทรุดนั่งลงตามข้างๆยิ้มบางๆให้ทั้งๆที่มือหนายังคงกอบกุมเอาไว้ ด้วยความมั่นคงไม่หวั่นไหว

     

    “ตราบเท่าที่นายต้องการเลยล่ะ เจ้าบ้าเอ้ย ถ้าไม่ไหวจะร้องไห้ออกมาก็ได้นะ ฉันจะอยู่กับนายเอง สัญญาไว้แล้วนิว่าจะอยู่ข้างๆนาย” มือนั่นเพิ่มแรงบีบแน่นขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของตนเอง มือเล็กนั่นเองก็บีบเบาๆกลับมาเพื่อเป็นการตอบรับ

    ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงเมื่อวานนี้

                                                         ...ผมยังไม่เคยคิดที่จะปล่อยมือจากคุณเลยครับ...

    จนกระทั่งวันนี้ ที่ผมเห็นว่าคุณกับโมโมอิซังมีความสุขกันแค่ไหน

    ต่อให้คุณจะลืมผมไปก็ไม่เป็นไรครับ

     

    ...ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าตั้งแต่วันนั้น ที่คุณหันหลังให้ผม...

    .....ไม่มีวันไหน ที่ผมไม่คิดถึงคุณ....

     

    ยินดีด้วยนะ/ยินดีด้วยนะครับ

    ต่างคนต่างไม่รู้ ต่างคนต่างไม่ได้พูดความรู้สึกของตนเองออกไป ได้แค่ปล่อยให้ผ่านเลยไป

    มันทำให้รู้ว่าการจะเอาอดีตนั้นให้กลับมานั้นยาก

    และการทำให้ปัจจุบันนั้นดีเหมือนอดีตนั้นยากยิ่งกว่า

    EnD

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×