ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All Yaoi Fictions

    ลำดับตอนที่ #39 : S Fic : Daiya no ace [Misawa] | Before College life | 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      27
      15 เม.ย. 63

    S Fic    : Daiya no ace [Misawa] | Before College life | 1

    Pairing : Miyuki Kazuya X Sawamura Eijun

    Talk :  ต้องการให้เป็นเรื่องหลังจากที่ทั้งคู่เข้ามหาลัยไปแล้ว แต่สุดท้ายใส่Beforeเฉย

     

    หากกล่าวถึงสิ่งที่มิยูกิ คาซึยะสนใจและให้ความสำคัญ ก็คงหนีไม่พ้น..เบสบอล.. หากแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อสามปีก่อน ทำให้เขาได้รู้ว่ามีสิ่งที่สำคัญกับเขา นอกเหนือจากเบสบอลที่เขาทุ่มเทเล่นมาทั้งชีวิต "ซาวามูระ เอย์จุน" relief pitcher จอมโวยวายของโรงเรียนเซย์โด

    หลังจากช่วงเวลาของมัธยมปลายผ่านไป ในช่วงเวลา3ปีนั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะผ่านไปเร็วถึงขนาดนี้ เขาได้สัมผัสด้วยตัวเองถึงความเจ็บใจจากความพ่ายแพ้ รวมไปถึงความสุขปลาบปลื้มปิติยินดีจากการที่พวกเขาสามารถพาเซย์โดไปโคชิเอ็งได้

     คิดย้อนๆไปสุดท้ายก็มาถึงจุดที่เขาต้องเลือกทางเดินชีวิตต่อ ด้วยผลงานที่ยากจะแทนที่ของเขาที่มีบทบาทต่อทีม แน่นอนว่าเขาโดนทาบทางโดยมหาลัยที่มีทีมเบสบอลชื่อดังหลายๆแห่ง สุดท้ายเขาก็เลือกที่ๆเขาคิดว่าเหมาะสมกับตัวเขาที่สุด

    สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ ..การต้องแยกจากกัน..

    เขาจะไม่ได้เจอซาวามูระทุกวันอีกต่อไปแล้วหลังจากนี้

    หลังจากย้ายออกมาจากหอพักเซย์โดสปิริทนอกจากเวลาที่เตรียมสอบเข้ามหาลัย(ที่เขาไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมาก)เนื่องจากได้รับการทาบทางให้เข้าไปเรียนได้ในทันทีแล้ว ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ทุกนาทีเขาก็ยังคงใช้มันไปกับเจ้าเด็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่ปัจจุบันก็ยังคงเสียงดังโวยวายให้คนอื่นรำคาญได้ทุกที่ อย่างซาวามูระ ต่อให้เด็กคนนี้จะเสียงดังหนวกหูแค่ไหน งอแงขนาดไหน เขาก็ไม่เคยที่จะเบื่อที่จะค้นหาสิ่งที่อยู่ในตัวคนๆนี้เลยแม้แต่น้อย

                หลังจากจบ Summer tournament เขาย้ายออกจากหอพักของนักกีฬาเบสบอลเซย์โด เป็นช่วงเวลาที่มิยูกิ คาซึยะ แคชเชอร์หนุ่มหน้าตาดี กับเจ้าเด็กขี้โวยวาย ตำแหน่งพิชเชอร์ ซาวามูระ เอย์จุน ได้รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน

     

    “มิยูกิ คาซึยะ”

    เสียงเรียกชื่อเต็ม แบบไร้คำนำหน้าแสดงความเคารพแบบเช่นเดิม เขาชินแล้วกับคนๆนี้ เขาค่อนข้างพอใจ กับการที่เจ้าร่างบางตรงหน้า คิดถึงแต่เขาตลอดเวลา(?) เรียกหาเขาตลอดเวลา

    ริมฝีปากเรียวยกยิ้มขึ้นกับตัวเองแบบเจ้าเล่ห์ คิคิ นึกไปถึงตอนที่เจ้านี่มาขอให้เขารับบอลให้ เขาก็อยากรับให้ตลอดเวลาหรอกนะ แต่เขาเป็นผู้เล่นหลักตำแหน่งแคชเชอร์ เอซของทีมเลยต้องมาก่อน แต่นั้นก็ทำให้เขาสามารถแกล้งเจ้าคนตัวเล็กตรงหน้าได้ ในขณะเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นแรงผลักดันให้เจ้านี่ได้พัฒนาไปอีกขั้น

     

    “ว่าไงล่ะ?”

                มิยูกิ คาซึยะ ตอบรับเสียงเรียกของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง เหลือบตาไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้าตัวแสบในชุดกีฬาประจำทีมของเซย์โด

     

    “นายเก็บของเสร็จแล้วเหรอ?”

                เสียงที่ปกติดูสดใส วันนี้กลับหมองหม่นลง เขาไม่ชอบเลยที่เด็กที่ร่าเริงกับทุกเรื่องตรงหน้าไม่เหมือนเดิมในวันแบบนี้ด้วย หากแต่เขาเองก็เข้าใจแต่ไม่อาจแสดงอะไรออกมาได้ ...ไม่อยากย้ายออกเลย...

     

    “อื้ม เสร็จแล้ว ว่าแต่ว่าทำหน้าอย่างนั้น อย่าบอกนะว่าคิดถึงฉันล่ะสิ หึหึ”

     

    “.........” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ...แปลก...

     

    “ว่าไง เหงาเหรอไม่มีฉันอยู่? พ่อพิชเชอร์ว่าที่เอซ”

     เขาเอ่ยเล่นๆว่าไปตามนั้น พลางหัวเราะหยอกล้อเจ้าคนตัวเล็กตรงหน้า สายตาคมพลางเหลือมองคนตรงหน้าที่ยังคงก้มหน้าไม่พูดไม่จา

     

    “คิดถึงสิ”

     

    “เหงาสิ”

     

    “นายต้องไปจริงๆเหรอ?”

                หลังจากความเงียบ ซาวามูระกล่าวเบาๆ  เสียงใสๆสั่นคลอนเล็กน้อย เร็วเท่าความคิด มีหรือที่แคชเชอร์ผู้หล่อเหลา และสายตาคมกริบจะไม่รู้ มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าหวานตรงหน้าให้ขึ้นมาสบตากับตนเอง            

                พอเห็นดังนั้น เขาก็ไม่อาจเก็บความรู้สึกไว้ได้อีก เม็ดน้ำตาใสๆ ไหลเอ่ออยู่ที่ดวงตาสีน้ำตาลทองสดใสตรงหน้า ใบหน้าหวานพยายามกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ จนดูบิดเบี้ยวน่าเกลียด หากแต่จากมุมมองของเขาไม่ใช่แบบนั้นเลยเสียสักนิด

                ซาวามูระบอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ แต่พอเห็นเจ้ารุ่นพี่ทานูกิบ้านั่นเก็บของเสร็จ กำลังจะย้ายออกไป เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเขาจะได้เจอกับคนตรงหน้าน้อยลง ความอุ่นจากมือของมิยูกิ เป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ผ่านไปสักพักใหญ่ๆหลังจากที่มิยูกิประคองใบหน้าหวานนั่น เจ้าตัวก็ปล่อยโฮออกมาแบบไม่หยุด

    “เฮ้ๆ อย่าทำให้ฉันดูเหมือนเป็นคนไม่ดีสิ ให้ตาย”

                รุ่นพี่หนุ่มพาเจ้าเด็กขี้แย มานั่งที่ๆพวกเขานั่งเป็นประจำ ม้านั่งใกล้ๆกับตู้ขายน้ำอัตโนมัติ มือนึงลูบเรือนผมสีน้ำตาลนั่นเบาๆ จนกระทั่งร่างที่สั่นเทานั้นหยุดลงพร้อมกับความเงียบ

    “ว่ายังไงล่ะ?”

                เขาเจอซาวามูระครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน แปลกใจที่เจ้านี่มาเรียนที่นี่จริงๆ เขารู้สึกโล่งใจ ที่พูดแบบนั้นออกไปในวันนั้น “เราจะเป็นสุดยอดคู่หู แห่งเบสบอลแน่นอน”

    และเด็กคนนี้ก็ตามเขามาจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกสนใจในตัวใครมาก่อน จนกระทั่งได้พบกับคนข้างๆตัวนี้

     

    。。好き。。

    [ Suki ]

     

    “ชอบนะ” เสียงแหบพล่า จากการร้องไห้ดังขึ้นเบาๆ

                มิยูกิ คาซึยะรุ้สึกเหมือนว่ากำลังอยู่ในฝัน ฝันที่ดีมากๆเสียด้วย จากมือที่ลูบหัวคนข้างๆอยู่ เลื่อนต่ำลงเปลี่ยนเป็นโอบเอวเล็กๆที่เต็มไปด้วยกลางเนื้อนั่น  ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของแคชเชอร์ค่อยๆดันร่างของพิชเชอร์ให้ขยับเข้ามาชิดตนเองมากขึ้น โดยที่เจ้าตัวเล็กแอบขัดขืนพร้อมกับ บ่นพึมพำเบาๆแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิยูกิ หยุดการกระทำแต่อย่างใด

    ก่อนใบหน้าหล่อคมจะก้มลงไปเอาคางเกยกับไหล่ของเด็กหนุ่มตรงหน้า รมหายใจร้อนเป่ารดหูเล็กนั่นๆก่อนที่จะกระซิบคำบางคำที่ทำให้หูเล็กๆนั่นเปลี่ยนเป็นสีแดงได้อย่างในทันที

     

    “นายพูดจริงใช่ไหม?”

    นัยน์ตากลมโตที่ค่อนข้างจะบวมช้ำจากการร้องไห้เบิกกว้างก่อนจะดันรุ่นพี่ของตนให้ออกห่างจะได้สบตากับคนตรงหน้าได้ แววตาที่จริงจังนั่นหมือนกับตอนที่พวกเขาเล่นคู่แบตเตอรี่เสียอย่างไงอย่างนั้น แววตานั่นทำให้ซาวามูระรุ้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลายเสมอ ถ้าเป็นกับคนๆนี้ละก็เขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะกี่ลูก เขาก็สามารถขว้างได้ หากเชื่อใจคนๆนี้ล่ะก็เขาสามารถเป็นเอซได้อย่างแน่นอน

    และตอนนี้ก็เหมือนกัน เสียงแหบพล่าที่เปล่งออกมาหลังจากไม่ได้พูดอะไรมานานของรุ่นพี่ตรงหน้า ออกเป็นเสียงที่แอบเซ็กซี่กระซิบเบาๆตรงหูของเขาหลังจากที่เขาได้ตัดสินใจพูดความในใจออกไป

    ..ซาวามูระคิดทบทวนเป็นร้อยๆรอบแล้วว่าต่อให้คนตรงหน้าไม่ได้รับความรู้สึกของเขา เขาก็จะไม่เสียใจ..

    แต่ผลที่ออกมามันกลับทำให้หัวใจที่แทบจะห่อเหี่ยวมาเป็นสัปดาห์ต้องพองโตอีกครั้ง

     

    。。俺も、ずっと。。

    『 ชอบเหมือนกัน  』

    รอยยิ้มบางๆที่เขาคุ้นเคยตรงหน้ารอยยิ้มที่ประทับบนหน้าหล่อๆของแคชเชอร์อัจฉริยะตรงหน้า ทำให้เขาอบอุ่นใจ มือที่โอบรอบเอวของเขาเริ่มรัดแน่นขึ้น ร่างเล็กๆถูกดึงเขาไปในอ้อมอกของคนตัวสูงกว่า ร่างกายที่เต็มไปด้วยซิกแพ็ค แนบชิดกับร่างของหนุ่มรุ่นน้อง

     

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซาวามูระ เอย์จุนกล่าวเป็นเชิงถาม

     

     

    “ตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน”

    “ตั้งแต่วันที่ฉันได้พบนายอีกครั้ง”

    “อา..ฉันคิดแล้วว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิต ของฉันที่ได้พบนาย”

                มิยูกิ คาซึยะ พูดเบาๆก่อนจะเอาใบหน้าที่สาวๆกรื้ดนักหนาซุกไปกับเรือนผมของคนตัวเล็ก กลื่นที่คุ้นเคยที่เขาได้สัมผัสมาตลอดสามปี และยังอยากจะสัมผัสมันอยุ่เรื่อยไป

    ก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมกอดออกมา สอดประสานตากับคนตรงหน้า ริมฝีปากบางถูกทาบทับด้วยริมฝีปากร้อนของคนตรงหน้าเนิ่นนาน

     

    “รีบๆเป็น เอซแล้วตามมาหาฉันให้ได้นะ ฉันจะรอปี หลังจากนี้”

    นั่นเป็นประโยคหนึ่งเดียวที่ทำให้ในที่สุดซาวามูระก็ได้ตำแหน่งเอซในปีสุดท้ายของการเป็นผู้เล่นพิชเชอร์ที่เซย์โด พาเพื่อนๆและทีมเข้าไปแข่งโคชิเอ็งและชนะมาได้

    ตั้งแต่วันนั้น มิยูกิ คาซึยะก็ได้คบกันอย่างเป็นทางการ ที่ไหนที่มีซาวามูระ เอย์จุน ก็จะมี มิยูกิ คาซึยะอยุ่เสมอ  ทุกๆวันหลังจากฝึกซ้อมซาวามูระบ้างก็ไปหามิยูกิ หรือบางทีมิยูกิ ก็จะมาหาซาวามูระ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป

     

    “ซาวามูระเซมไป กับมิยูกิเซมไปดูสนิทกันยิ่งกว่าก่อนอีกนะ”

    “อย่าเรียกสนิทเลย เรียกได้ว่าจะตัวติดกันรวมเป็นคนเดียวอยู่แล้ว”

    “เห จริงดิ เขาคบกันจริงๆสินะ”

    “ชู่วห์เบาเสียงหน่อยสิ”

    เสียงซุบซิบของรุ่นน้องและคนในทีม เป็นเรื่องปกติที่จะมีข่าวแพร่กระจายออกไปอยู่แล้ว ทุกคนในทีมรู้ดี ว่าสถานะของทั้งสองเป็นอย่างไร พวกเขาตอนแรกก็ตกใจเล็กน้อยหลังจากที่เริ่มรุ้สึกว่าทั้งสองคนเปลี่ยนไป มิยูกิ คาซึยะ หนุ่มหน้าตาดีขวัญใจสาวๆนั่น หันมาคบซาวามูระพิชเชอร์ซื่อบื้อเนี่ยนะ ถ้าไม่เห็นกับตาใครจะเชื่อกัน

     

    “จะพูดให้ถูกคือ ไอ้เจ้าบ้ามิยูกิไม่เคยสนใจใครเลยต่างหาก”

    "ก็สิ่งที่หมอนั่นสนใจก็คงจะมีแค่เจ้าซาวามูระกับเบสบอลเท่านั้นละ"

    คุราโมจิได้กล่าวไว้ พลางมองเจ้าสองคนนั้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกัน มองไปมองมาแล้วเส้นเลือดที่ใบหน้าก็ปูดขึ้นมา ด้วยความหงุดหงิด เหลือบตาไปเห็นมือหนานั่นกึ่งล้วงกึ่งลูบไปที่เสื้อเจ้าน้องชายตัวดีของเขา ทำแบบนี้ตลอดเวลา

                แล้วแกก็มาแผ่รังสีอำหิตใส่ฉันในห้องเรียน ก็เพราะนายทำแบบนี้ไง ไปกระตุ้นให้เจ้าซาวามูระมันแผ่ออร่าความเซ็กซี่ออกมาขนาดนั้นไง ผู้หญิงผู้ชายหลายคน เลยตามมันไม่หยุดหย่อน

    จะไม่มีปัญหาอะไรเลย....ถ้าหากว่าเจ้าบ้านี่หยุดหื่นสักสองสามนาที นอกจากหื่นแล้วยังขี้หึงที่สุดในสามโลก แล้วมันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย....ถ้าหากไอ้เจ้าบ้ามิยูกิไม่ลากเพื่อนสนิทอย่างเขาเข้าไปยุ่ง

    แต่มันไม่ใช่เลยไงเขาโดนลากเข้าไปพ่วงด้วยเสมอถ้าช่วยเจ้าน้องชายตัวแสบอย่างซาวามูระยังพอว่า แต่ให้ไปนั่งฟังเจ้าเพื่อนพร่ำเพ้อ บ่นถึงความเนื้อหอมของเจ้าคนตัวเล็กแล้ว หงุดหงิดชอบกล แถมบางทีเจ้าบ้านี่ก็ฟิวส์ขาดใส่คนที่มองน้องตัวแสบของเขา

     

    “เฮ้อ มิยูกิ ทำไมนายถึงได้เนื้อหอมนักนะ”

    ซาวามูระพึมพำ พลางดึงมือที่ลูบนั่นลูบนี่ของเขาออก ก่อนปากจะเกบลมไว้แล้วทำแก้มป่องพองๆเหมือนหนูแฮมสเตอร์ ช่างน่ารักเสียจริง

     

    “ว่าไง หึงเหรอ? ฉันหล่อใช่ไหมละ ”

    รอยยิ้มยียวนถูกส่งกลับมา หนังสือที่อยู่ตรงหน้ายังคงถูกอ่านไปเรื่อยๆ

    “เปล่าเสียหน่อย  ไม่ได้ชมเลยสักนิด หลงตัวเอง”

    ร่างบางว่า พลางอ่านหนังสือต่อไป

    ...นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆ ฉันควรจะห่วงนายมากกว่า...

     

    กลับมาที่ปัจจุบัน..

    ช่วงเวลาที่แสนสุขย่อมหมดไป วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แห่งนี้

    เขาจะไม่ได้เจอเจ้านี่ไปสักพักใหญ่เนื่องจากเรื่องที่มหาลัย และเขายังต้องเล่นเบสบอลให้ทีมของที่นั้น การแข่งขัน หรือมาเยี่ยมดูต่างๆของร่างบางคงเป็นไปได้ยากขึ้น เขาเพียงแต่ต้องเชื่อใจและรอเจ้ารุ่นน้องให้เติบโตและตามเขามา

    มิยูกิยืนรอแฟนหนุ่มรุ่นน้องของตนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน เจ้าเด็กคนนี้เซ้าซี้ว่าเขาให้รอจนเจ้าตัวซ้อมเสร็จก่อน แล้วจะไปส่งด้วย อ้างว่าเดี๋ยวไม่ได้เจอกันบ่อยๆแล้วนะ

     

    เสร็จแล้ว กำลังไปนะซาวามูระ เอย์จูน

     

    โอเค ฉันรออยู่นะมิยูกิ คาซึยะ

     

    นิ้วเรียวกดส่งข้อความ ก่อนที่จะหันไปมองต้นทางของเสียงด้านหลัง เสื้อของทีมที่คุ้นเคยวิ่งมาแต่ไกล มาเร็วจริงๆแฮะ

     

    “รอนานไหม มิยูกิ แฮ่กๆ” ร่างบางถามก่อนจะหอบหายใจ ราวกับจะขาดใจ

    “ไม่นานหรอก ไหวไหม? ไปกันเถอะ”

    ร่างสูงว่าพลางยื่นมือให้คนตรงหน้าแปลกใจเล่นๆแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธแต่อย่างใด ทั้งสองเดินไปจนถึงสถานีที่ใกล้โรงเรียน มหาลัยของมิยูกิอยู่ค่อนข้างไกลจากเซย์โดถึงแม้จะอยู่ในโตเกียวก็ตามที พอถึงสถานีรถไฟ ร่างเล็กก็ควักบางสิ่งมาจากกระเป๋ากางเกง ซองกระดาษเล็กๆถูกวางบนมือหนาของอีกฝ่าย สร้างความแปลกใจเล็กน้อยให้กับหนุ่มรุ่นพี่สถานะแฟน ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อยไม่พูดอะไร

    “ของขวัญเหรอ? เหหห..เปิดได้ไหม?”

    ร่างสูงถามเลิกคิ้วมองคนตัวเล็ก หลังจากได้รับคำอนุญาต เขาก็เปิดซองในมือดู มันเป็นที่ห้อยโทรศัพท์เล็กๆ เป็นรูปถุงมือเบสบอลกับลูกเบสบอล มีความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในอกของมิยูกิ คาซึยะ รอยยิ้มที่ไม่อาจหักห้ามได้อีกต่อไป เขาได้รับของขวัญชิ้นแรกจากเจ้าตัวเล็กตรงหน้า แน่นอนเขาจะดูแลมันอย่างดี

    “นายมันหน้าตาดี เนื้อหอม ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะนะ ชิ” ร่างเล็กว่าพลางสบถเบาๆ มือเล็กๆคว้าของขวัญในมือเจ้าทานูกิที่ยิ้มกว้าง จนมองไม่เห็นตามาหลายนาทีแล้ว ไอ้ร้อยยิ้มแบบนั้นแกมๆเหมือนจะกวนประสาทเขานิดๆ ก่อนจะว่าต่อ พลางยื่นมือที่แบออกมาข้างหน้า

    “โทรศัพท์” เป็นเหมือนแกมสั่ง มิยูกิ ล้วงโทรศัพท์ในกระเป่าเสื้อตนออกมาวางบนมือนั่นพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ประดับที่มุมปาก “คิคิ”ตาก็มองมือเล็กๆที่ปกติจะจับแต่ลูกเบสบอลและตะเกียบกินข้าวนั่นยุกยิกๆกับพวงกุญแจและโทรศัพท์เขา ก่อนเจ้าตัวจะใส่พวงกุญแจนั่นติดกับโทรศัพท์เขา และยกขึ้นมา ให้ดู

    “เห็นนี่แล้วให้นึกถึงฉันนะ ไม่ว่ายังไงก็อย่าไปมีใครอื่นนอกจากฉันนะ”

    ร่างสูงผิวปากเบาๆ แซวแฟน ก่อนจะคว้าเจ้าคนที่เขินจนแดงไปทั้งหน้ามากอดไว้

    “รับทราบแล้วครับ”

    “นายเองก็รีบตามฉันมานะ หล่อขนาดนี้ระวังโดนแย่งไปละกัน”

    “ไอ้คนหลงตัวเอง”

    หลังจากนั้น ผ่านไปหนึ่งปี ซาวามูระ เอย์จุน และเพื่อนๆยืนมองสนามฝึกซ้อมของตน พร้อมรุ่นน้องที่มายื่นส่งในวันจบการศึกษาของพวกเขา ฟุรุยะ ซาโตรุ มีแมวมองมาทาบทางไปให้เทิร์นโปร เช่นเดียวกับโคมินาโตะ ฮารุอิจิ แต่สำหรับซาวามูระ เอย์จุนแล้วเป้าหมายของเขาหลังจากจบมีเพียงที่เดียว มหาลัยเดียวกับมิยูกิ คาซึยะ

    หนึ่งปีมานี้ เขาก็ไม่ได้เจอเจ้าตัวเลย สิ่งที่พวกเขาเชื่อมกันอยู่ก็คงจะมีแค่ส่งข้อความหาแฟนหนุ่มเป็นบางครั้งบางคราวแล้ว ปกติเขาเป็นคนไม่สนใจโทรศัพท์อยุ่แล้ว ยิ่งต้องมุ่งหน้าให้เป็นเอซและไปโคชิเอ็ง เขาจะได้เจอมิยูกิก็แค่แข่งใหญ่ๆ เขาเข้าใจว่ามิยูกิ ต้องแข่งให้กับมหาลัย ไหนจะเรื่องเรียน บางทีพวกเขาก็ทะเลาะกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเดิมๆ ปัญหาหลักก็คือมิยูกิ คาซึยะ เป็นผู้ชายที่ขี้หึงที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา (หมายถึง ถึงแม้มิยูกิเป็นแฟนคนแรกของเขาก็ตาม)

    เขาเข้าใจคุราโมจิเซมไป ที่มาบ่นให้เขาฟังบ่อยๆก็ตอนนี้ล่ะ เรื่องเดิมๆที่ยังไม่เคลียร์เสียเท่าไหร่ เรื่องนึงก็เจ้าคู่แข่งฟุรุยะ ซาโตรุ นึกตามไปถึงเจาคนใส่แว่นแล้วพูดว่า “นายมันซื่อบื้อ ซาวามูระ” หรือจะเป็นเรื่อง แคชเชอร์คนใหม่ของทีม โอคุมูระ โคชู หนุ่มรุ่นน้องที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นมาจนรับบอลของเขาได้เหมือนกับมิยูกิ มิยูกิบอกว่า “ไม่เห็นสายตาของเจ้าเด็กหน้าตายนั้นที่มองนายหรือไง”ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ

     

    [ ยืนบื้ออะไรอยู่น่ะ เจ้าบ้า]  มิยูกิ  คาซึยะ

     

    เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับข้อความตรงหน้า ซาวามูระ หมุนรอบตัว แทบจะ360องศา เพื่อมองหาบางสิ่งบางอย่าง ก่อนจะหันไปสะดุดตาก็ ใบหน้าที่ได้เจอกันตั้งแต่จบโคชิเอ็ง กรอบแว่นที่คุ้นเคยนั่นสะท้อนแสงยามเย็น  ขาแกร่งเริ่มก้าวเดิน เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเข้าไปหาร่างสูง ก่อนจะกระโดดเข้าไปกอดคนตรงหน้า

     

    “หวาๆ..” หนุ่มร่างสูงเจ้าของแว่นนั้นเซเล็กน้อย หลังจากเจ้าเด็กซ่านั่นวิ่งเข้ามา แถมกระโดดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางสายตาของคนรอบๆ

     

    “ไหนบอกว่ามาไม่ได้ไง”

    ซาวามูระซุกหน้าลงกับอกแกร่งของคนในอ้อมกอด กลิ่นหอมบางๆที่คุ้นเคยของมิยูกิ แตะจมูก เขาชอบกลิ่นคนๆนี้ ซาวามูระพูดเสียงอู้อี้ๆในอกของอีกฝ่าย

    “ก็วันสำคัญของคนสำคัญ ฉันจะพลาดได้ไงล่ะ” เขาจะไม่บอกร่างเล็กตรงหน้านี่แน่นอน ว่าเขาหนีเพื่อนร่วมทีมที่มหาลัยมาจากการซ้อม ไม่อย่างนั้นเขาจะโดนล้อ ว่าไม่มีความรับผิดชอบ แต่ก็นะเขาทำหน้าที่ตัวเองเสร็จแล้วที่ทีมปัจจุบัน

     

    “ยินดีด้วยนะ ซาวามูระ เอย์จุน”

    ก่อนใบหน้าหวานจะถูกดึงไปประกบจูบ ท่ามกลางเสียงโห่ เฮ แซวของกลุ่มเพื่อนและรุ่นน้อง เป็นจูบที่ลึกซึ้งกว่าครั้งไหนๆเนิ่นนาน ก่อนเขาจะค่อยๆถอนปากออกมาไม่กี่วิหลังจากนั้นมือเรียวโน้มคอคนตัวสูงลงมาอีกครั้งก่อนจะริมฝีปากนุ่มนั่นจะประกบลงกับปากของคนอีกคน แบบไม่ทันได้ตั้งตัว

    “ฮิ๊ววว... ซาวามูระรุกแหละ” เสียงเพื่อนๆแซว

    “เงียบไปน่า” ร่างบางหันไปแยกเขี้ยวใส่

     

    “นายนี่มัน..” ร่างสูงลูบหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปกระซิบกับคนตรงหน้า

     

    “ถ้าทำตัวน่ารักขนาดนี้ อย่าคิดว่าคืนนี้นายจะรอดนะ เอย์จุน..”

    ก่อนสายตาคมจะไปสบกับตากลมโตที่เหมือนกับตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ราวกับจะสื่อว่าเขาพร้อมแล้ว

    “ฉันรอนานมากแล้วนะ” เสียงใสกล่าวตอบ ถึงแม้จะเขินอาย แต่เขาไม่ได้เจอคนตรงหน้ามาร่วมปี เขาย่อมต้องการความรักจากอีกฝ่าย

    มือหนาแบออกตรงหน้า  ก่อนคนตัวเล็กสายมองไปที่มือที่แบออกอย่างงงๆ

    “กระดุมล่ะ?”

     

    “อ๊ะ! ร่างบางค้างไปสักพักนึง พลางนึกถึงกระดุมเม็ดที่สองบนเสื้อตน พลางนึกถึงหน้ารุ่นน้องหน้าตายผมทอง ..ผมขอสิ่งนี้ไว้แทนกำลังใจนะครับ..

     

    “อย่าบอกนะว่านายให้คนอื่นไปน่ะ”

    มิยูกิ เริ่มรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่หน้าเขาจะปูดขึ้นมาเล็กน้อย มองไปที่คนตรงหน้าไม่ต้องให้เดาเลย ต้องเป็นเจ้าแคชเชอร์หน้าตายนั่นแน่นอน

     

    “น่าๆ แค่กระดุมเอง ต่อจากนี้ฉันก็อยุ่กับนายแล้วไง”

    ใช่แล้ว หลังจากนี้เขาจะย้ายเข้าไปอยู่หอนอกกับแฟนหนุ่มตรงหน้า ก็เรียนที่เดียวกันนี่นะ

    “เฮ้อออ.. นายนี่มันจริงๆเลย”

    มิยูกิยีหัวเจ้าคนเนื้อหอมตรงหน้า ก่อนจะจับมือเล็กละพาเดินออกไปจากโรงเรียน ของทุกอย่างถูกขนส่งไปยังห้องของเขาแล้ว เขารอวันนี้มานานมากแล้ว

    “หิวหรือเปล่า ? วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

    “โหวว สมกับเป็นรุ่นพี่ขึ้นมาก็วันนี้ล่ะ” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะโดนมิยูกิโขกกะโหลกไปสองที

     

    “อยากได้อะไรไหม?”

    ร่างสูงในกางเกงในบ็อกเซอร์ตัวเดียวโชว์ความเป็นชายและกล้ามท้อง  หยดน้ำเกาะตามเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มนั้นบอกได้อย่างดีว่าเจ้าตัวเพิ่งอาบน้ำมา ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเดินมาหาร่างบางที่ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่บนโซฟา โดยมีเพียงผ้าผืนเล็กๆคลุมตัวของเจ้าตัวไว้ ผิวกายสีชมพูระรื่อ ใบหน้าหวานนอนพาดกับที่วางแขนบนโซฟา พร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามร่างกาย ไหนจะคราบอะไรหลายๆอย่างที่เลอะเปอะเปื้อนทั่วตัว รอยจูบบนพื้นที่ที่คนอื่นไม่สามรถมองเห็นประทับทั่วร่างกายอุ่นๆนั่น

    “น้ำ..”  เสียงแหบพล่าตอบ กลับมาแบบหมดเรี่ยวแรง

    “เสียงนายแย่จริงๆละตอนนี้ ฮ่าๆ”

    ร่างสูงเปรยประมาณว่าเมื่อคืนนายครางซะขนาดนั้นไม่คอแหบได้อย่างไร  ก่อนจะยกยิ้มขึ้น นึกถึงคนตรงหน้าเมื่อคืนที่ทำให้เขาน็อตหลวม ควบคุมตัวเองไม่ได้

    ซาวามูระ ตวัดหางตามา ก่อนจะ รับน้ำมาดื่ม

    “เพราะใครกันล่ะ!! 

    “น่าๆ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

    “ แถมนายก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่า มากกว่านี้ๆ อย่าหยุดนะ มิยูกิเซมไป มิยูกิเซมไป อ๊าๆ”

    ประโยคที่ทำให้เจ้าคนที่กำลังกินน้ำอยุ่แทบสำลัก แว่นประจำตัวนั่นสะท้อนแสง แคชเชอร์หนุ่มเล่าเรื่องเมื่อคืนด้วยน้ำเสียงกวน เลียนแบบหน้าตาย มิยูกิขยับนั่งลงข้างๆ พลางดึงคนบนโซฟาให้หนุนตักตน

     

    “อาทิตย์หน้า นายจะกลับนางาโนะใช่ไหม?” 

    คนในอ้อมแขนตอบเสียงอื้อเบาๆ ก่อนจะซบลงมาที่บ่าของเขา

    “ดีแล้วล่ะ กลับบ้าน เพราะเดี๋ยวนายจะต้องยุ่งมากๆหลังจากนี้ช่วงเข้ามหาลัยใหม่ๆ”

    หลังจากหมอนี่กลับมา แค่คิดก็ตื่นเต้นไปหมด เขาจะได้ใช้ชีวิตกับคนตรงหน้าอีกครั้ง แถมยังสองต่อสอง ในหอพักที่ไม่มีใครมากวนอีกด้วย นอกจากนั้นเขาจะได้นั่นทำนี่กับคนตรงหน้าได้อย่างเต็มที่

    ในระหว่างเขากำลังจินตนาการไปไกล คนบนตักก็ลุกไปหยิบไดร์กับผ้าขนหนูมา บนโต๊ะมาไม่ได้ดูเลยว่าตนเองเปลือยอยู่สายตาคมมองผ่านแว่นตามไปยังคนตัวเล็กที่กำลังเดินกลับมา ตอนนี้มีผ้าบางๆพันตัวอยู่

    “มิยูกิ คาซึยะ ทำไมไม่ทำให้ผมแห้งดีๆ บอกกี่ครั้งแล้ว มานี่เลย”

    “หวา แย่จัง” ชายหนุ่มทำสีหน้ายียวน ก่อนสไลด์ตัวลงมานั่งข้างล่างโซฟา เหลือบมองเจ้าคนตัวเล็กที่นอนทรมตะกี้ตอนนี้กลับมาเดินได้แล้วแถมยัง ไอ้เปลือยกายนั่งเป่าผมให้เขาจากบนโซฟานี่มันอะไร สัมผัสเบาๆของมือนั่นบนหัวเขา พอเขาคิดถึงร่างเปลือยเปล่าด้านหลัง กับภาพของคนด้านหลังเมื่อคืน อะไรบางอย่างในบ็อกเซอร์แนบตัวของเขาเริ่มจะร้อนขึ้นมา

    “เอย์จุน ฉันว่าแย่แล้วล่ะ ตรงนี้น่ะ” เสียงเรียกพาลให้คนตัวเล็กก้มลงมองเลยผมสีน้ำตาลที่กำลังจะแห้งแล้วนั้นต่ำลงไป  

    “นายมีอารมณ์จากการเป่าผมงั้น ขนลุกชะมัด เห้ยๆนายจะทำอะไรไอ้ทานุกิบ้า”

    ร่างบางว่าก่อนมือเล็กๆนั่นจะถูกจับแล้วกดลงกับโซฟาที่นั่งอยุ่ในท่านอนคว่ำ ถึงแม้จะเช็ดคราบต่างๆนานาออกแล้ว

    “ก็บอกแล้วให้อาบน้ำพร้อมฉันก็ไม่เชื่อ ดูส่วนนี้ของนายสิ”

    ร่างสูงยกสะโพกมนขึ้นก่อนจะปรากฏให้เห็นช่องทางสีชมพูที่มีคราบสีขาวขุ่นๆของเขาไหลออกมาเรื่อยๆยิ่งเขาลูบสะโพกนั่น ช่องทางที่ขยับราวกับจะบีบรัดของที่สอดเข้าไปอย่างไม่รีรอนั้น เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก มิยูกิสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางร้อนสีชมพูนั้น เขาใช้มานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อคืน ...ขนาดเพิ่งผ่านมาเมื่อคืนแต่ยังแน่นได้ถึงขนาดนี้ นายนี่มันสุดยอดจริงๆเลยซาวามูระ...

     

    “อ๊ะ อา..” เสียงครางหวานๆของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาอยากแกล้งคนตรงหน้ามากขึ้น พร้อมๆกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นไปตามๆกัน นักกีฬาอย่างพวกเขาย่อมมีความต้องการสูงเป็นทุนเดิม แต่กับเขาต่อหน้าเด็กคนนี้ไม่เคยมีคำว่าพอเลยสักครั้ง

     

    “หวาา..ทั้งเปียก ทั้งลื่น เหนอะหนะไปหมดเลย” มิยูกิถอนนิ้วออกมา โชว์ให้ดูของเหลวเหนอะหน่ะที่ติดอยู่ที่นิ้วของตน ก่อนจะสอดแทรกนิ้วเข้าไปอีก แต่คราวนี้นิ้วที่สองค่อยๆสอดเข้าไปขยับเขาออกราวกับจะเตรียมพร้อมร่างกายของคนข้างล่างอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงครางของคนตรงหน้า


    NC จิ้มที่นี่จ้า รายได้นำไปบริจาคน้า


     

    หลังจากนั้นจากที่ซาวามูระ เอย์จุนจะกลับบ้านอาทิตย์หน้า เขาก็เลื่อนมากลับวันพรุ่งนี้ในแทน เขายังคงหงุดหงิดกับมิยูกิ คาซึยะ ต่อให้อารมณ์มันพาไปก็เถอะ เมื่อคืนก็เยอะพอแล้ว ยังมาต่ออีกวันนึงเต็มๆ เขาควรจะโกรธไหมล่ะ แก้มใสพองลง มองแคชเชอร์ ที่พูดประโยคเดิมมาไม่รุ้กี่ครั้งในวันนี้“ขอโทษนะ ไม่โกรธนะ น้า”

    ชายหนุ่มในชุดลำลองแฟชั่น แต่เข้ากับใบหน้าและความหล่อ บวกกับหุ่นที่เพอร์เฟคนั่นเรียกสาวๆหันมามองตามเลยทีเดียว มิยูกิมาส่งเขาที่สถานีรถไฟ

    ก่อนที่ทุกความโกรธจะหายไปเป็นปลิดทิ้งด้วยคำพูดกระซิบข้างหูเพียงแค่ไม่กี่คำ

    “รีบกลับมานะ....ที่รัก....”

     

    END [1]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×