คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : My Captain 7 :: กลับบ้าน
Chapter 7
ฮาโลวีนผ่านไปต่อไปก็เป็นเทศกาลวันคริสต์มาส
เทศกาลที่หลายคนต่างรอคอย อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว
ทางโรงเรียนได้ประกาศให้นักเรียนสามารถกลับบ้านได้ส่วนใครที่ประสงค์จะอยู่ต่อให้มาลงชื่อที่ห้องโถง
แต่คาร่าไม่ใช่หนึ่งในคนที่จะอยู่ต่อ
เธอเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวสำหรับกลับบ้านในวันคริสมาสต์ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
ถึงแม้จะอีกนานกว่าจะมีกำหนดการขึ้นรถไฟแต่เธอยังไม่อยากมาจัดกระเป๋าตอนวันสุดท้ายหรอกนะ
“เธอไม่ได้ลงชื่ออยู่ที่นี่เหรอ?”อเล็กซาถามเด็กหญิงผมสีน้ำตาลที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“ไม่ล่ะ
ฉันสัญญากับพ่อแล้วว่าจะกลับไปหาตอนคริสต์มาส”
“น่าเสียดายจัง
ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวคงเหงาแย่เลย”อเล็กซาพูดท่าทีเศร้า
“ทำไมล่ะ
รูมเมทที่เหลือไม่ได้อยู่กับเธองั้นเหรอ?”
“ใช่
ทุกคนต่างกลับไปฉลองที่บ้านตัวเองเหลือแต่ฉันคนเดียวที่ไม่ไป”อเล็กซานอนลงบนเตียงก่อนจะเอาขาพาดกับขอบเตียงด้วยท่าทีสบายอารมณ์
“ว่าแต่ทำไมเธอไม่กลับบ้านล่ะ”
“พ่อกับแม่ฉันตกลงกันว่าจะไปฉลองกันสองคน
ฉันก็เลยถูกทิ้งไว้ที่นี่ไงล่ะ”อเล็กซาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่
“ฉันว่าฉันชักหิวแล้วสิ
ไปหาอะไรกินที่ห้องโถงดีไหม”อเล็กซาพูดพร้อมทำท่าลูบท้องตัวเอง
“เอาสิ”คาร่าลุกไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม
อากาศข้างนอกนั้นหนาวและเย็นกว่าที่คิด
โดยเฉพาะตามระเบียงทางเดินและหอคอยของปราสาทดูท่าจะหนาวเย็นเป็นพิเศษ ด้านนอกยังคงมีหิมะตกอยู่เรื่อยๆ
คาร่ากระชับเสื้อคลุมตัวเองไว้แน่นเพื่อป้องกันความหนาว เด็กหญิงทั้งสองต่างรีบสาวท้าวเพื่อไปที่ห้องโถง
ถึงตอนนี้จะเป็นตอนเที่ยงแต่ก็ไม่มีนักเรียนคนไหนเดินออกมาเพ่นพ่านตามทางเดินเท่าไหร่
ส่วนใหญ่คงหมกตัวอยู่ในหอเพื่อรับไออุ่นจากเตาผิงในห้องนั่งเล่น
หรือไม่ก็มารวมตัวกันที่ห้องโถงเพื่อมาคุยกับเพื่อนๆหรือมาทำการบ้าน
“คนน้อยกว่าที่คิดแฮะ”อเล็กซาเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
จากห้องโถงที่ควรจะเป็นแหล่งรวมตัวของนักเรียนทุกระดับชั้น ในตอนนี้มีอยู่ไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ
แหงล่ะไม่มีใครอยากออกมาเดินในระหว่างที่อากาศหนาวหรอก
“หวังว่าจะมีโกโก้ร้อนนะ”ทันใดนั้นก็มีแก้วโกโก้ร้อนปรากฏขึ้นมาตรงหน้า คาร่าร้องว้าวออกมาเบาๆ
เธอนึกขอบคุณเอลฟ์ที่ทำงานอยู่ในโรงครัวในใจ
หน้าหนาวและโกโก้ร้อนคือของคู่กัน
“สวัสดียามบ่ายสาวๆ”เด็กชายสวมแว่นแสนคุ้นเคยเดินมาพร้อมป้องปากหาว
ไบรอันเดินมานั่งข้างคาร่าที่กำลังดื่มด่ำไปกับโกโก้ร้อนแสนวิเศษของเธอ
“สวัสดียามบ่ายไบรอัน”สองสาวเอ่ยพร้อมกัน
“พวกเธอนี่ใจกล้าดีนะ
ที่ออกจากหอมาในเวลาแบบนี้”ไบรอันเอาหน้าแนบไปกับโต๊ะ
“ก็แค่มาหาอะไรกินน่ะ
นายดูง่วงเป็นพิเศษนะไบรอัน”
“มีใครไม่ง่วงบ้างล่ะ
หน้าหนาวอย่างนี้ก็มีแต่คนหมกตัวอยู่ในหอทั้งนั้นแหละ”ไม่นานนักขนมปังร้อนๆก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
ดูเหมือนของว่างยามบ่ายวันนี้จะมีแค่โกโก้ร้อนกับขนมปัง
“นายได้กลับบ้านช่วงคริสต์มาสหรือเปล่า”คราวนี้อเล็กซาเป็นคนถาม
“กลับสิ
ก็มันเป็นวันครอบครัวนี่”อเล็กซากลอกตาเมื่อได้รับรู้คำตอบของเขา
นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าเธอต้องอยู่คนเดียวจนกว่าจะหมดคริสต์มาส
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้กลับน่ะ”ไบรอันชี้มาที่อเล็กซา
“ใช่
พ่อกับแม่ฉันจะไปฉลองกันสองคน ฉันเลยต้องอยู่นี่ไง”
“คุณพระ”ไบรอันเอามือทาบอก
“น่าสงสารเขานะครับ”
ในที่สุดวันที่รถไฟฮอกวอตส์จะมารับกลับบ้านในช่วงคริสต์มาสก็มาถึง
คาร่าสำรวจดูสัมภาระตัวเองอีกครั้ง อเล็กซาเดินมาลาเธอที่สถานี
เด็กหญิงทั้งสองสวมกอดกัน อเล็กซาบอกว่าจะเขียนจดหมายไปหาตลอด
“สุขสันต์วันคริสต์มาสคาร่า”
“สุขสันต์วันคริสต์มาสอเล็กซา”
บนรถไฟคนยังเยอะเหมือนตอนเปิดเรียนวันแรกเพียงแต่มันไม่ค่อยมีการเบียดเสียดกันเท่าไหร่
ทางเดินนั้นโล่งแต่หลายตู้ก็ถูกจับจองไปแล้วเช่นกัน
และสุดท้ายก็คงเป็นตู้หลังเช่นเคย และแน่นอนคาร่าเลือกตู้ที่ว่างและแถวนั้นจะต้องไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่
แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยวนักหรอกนะ คาร่าวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างๆตัว
ก่อนจะหยิบหนังสือออกมาอ่าน
รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี
เด็กนักเรียนที่ไม่ได้กลับบ้านต่างกลับเข้าไปในปราสาทแล้ว
หิมะนั้นยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ถึงแม้จะอยู่บนรถแต่เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นจากอากาศข้างนอก
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกเปิดออก
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นไล่อ่านไปทีละตัวอักษร
มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ถึงแม้พวกเขาจะไม่คิดอย่างนั้น
ตั้งแต่เด็กๆคาร่านั้นแทบไม่มีเพื่อนเลยสักคน
มีแต่หนังสือที่คอยอยู่กับเธอมาตลอด ไปโรงเรียนก็ไม่มีใครกล้าเข้าหาหรือเข้ามาเล่นด้วยเท่าไหร่หรอก
เด็กหลายคนมักจะมองว่าเธอเป็นตัวประหลาดอย่างเวลา เธอไม่พอใจอะไรสักอย่างสิ่งของที่ทำจากแก้วก็จะแตกโดยไม่มีสาเหตุ
มันเลยทำให้เด็กๆที่โรงเรียนเริ่มไม่ เข้าใกล้ จนเป็นเหตุทำให้เธอต้องอยู่คนเดียว
บ้างก็ถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าเจมส์นั่นมักจะมาแกล้งเธอประจำจนกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันและกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
‘ครืด’เสียงเลื่อนประตูทำให้เธอหลุดจากภวังค์
“ขอนั่งด้วยได้ไหม”เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มเปิดประตู โอลิเวอร์ยืนยิ้มด้วยท่าทีขี้เล่น
เสื้อฮู้ดสีแดงเข้มถูกทับด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิท กางเกงขายาวสีเข้มและรองเท้าผ้าใบดูทะมัดทะแมง
“เชิญเลย”เมื่อได้ยินดังนั้นโอลิเวอร์ก็เดินลงมานั่งตรงข้ามคาร่า
“เธอนี่ชอบอ่านหนังสือจังเลยนะ”เด็กหญิงละสายตาจากหนังสือที่อ่าน
“อ่า...ก็ประมาณนั้น”คาร่าตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ก่อนจะหันกลับมาอ่านหนังสือต่อ โอลิเวอร์หลุดขำเล็กน้อยกับปฏิกิริยานิ่งๆและไม่ค่อยสนใจอะไรของเธอ
“นั่นหนังสืออะไรน่ะ”คาร่าถามเมื่อเห็นเขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“นี่เหรอ
หนังสือควิดดิชน่ะ”เขาชูหนังสือรูปหน้าปกเป็นรูปลูกโกลเด้นสนิชเด่นหราอยู่หนึ่งลูก
ชื่อหนังสือคือ ควิดดิชในยุคต่างๆ
“ควิดดิช?”คาร่าขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
เธอเคยได้ยินคำว่าควิดดิชแต่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
ของกิน?
รูปที่อยู่หน้าปกอาจจะเป็นของกินก็ได้นะ
“เธอไม่รู้จักควิดดิชเหรอ”คาร่าเอียงคอมองอย่างสงสัย
ตกลงมันคือของกินหรือเปล่า?
“เมอร์ลิน! ควิดดิชน่ะคือกีฬายอดนิยมเลยนะ
ตั้งแต่มาอยู่ที่ฮอกวอตส์เธอไม่เคยได้ยินคำว่าควิดดิชบ้างเหรอ!”โอลิเวอร์พูดอย่างอึ้งๆ
“ก็เคยได้ยินมาบ้างแต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันหมายถึงอะไร”
ไม่ใช่ของกินหรอกเหรอ....
เสียดายจัง
“ฉันคงต้องเล่าให้เธอฟังตั้งแต่ต้นสินะเนี่ย”โอลิเวอร์พูดอย่างจริงจัง
“เล่ามาสิ
ฉันอยากรู้ว่ามันคืออะไร”คาร่าพูดด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น
หากมันเป็นความรู้ใหม่เธอก็อยากที่จะเรียนรู้ไว้
“ควิดดิชก็คือกีฬาประเภทหนึ่ง....”โอลิเวอร์เริ่มเล่าเรื่องควิดดิชให้เธอฟังอย่างออกรส
และคาร่าเองก็นั่งฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ
โอลิเวอร์ดูมีความสุขที่ได้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองชอบ
เขาดูมีชีวิตชีวาและดูเปล่งประกาย ผิดกับเธอที่อยู่ตัวคนเดียว
เลี่ยงจากผู้คนและดูเหมือนเด็กเก็บกด คนที่ดูมีชีวิตชีวาแบบเขามาอยู่กับคนมืดมนเธอนั้นดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วโอลิเวอร์ยังคุยจ้อไม่หยุด
เหมือนเขาจะเริ่มเล่าตั้งแต่การกำเนิดของควิดดิชจนกระทั่งการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆหรือทีมควิดดิชที่เขาชอบ
พอเริ่มนานเข้าเรื่องเล่าของเขาก็เริ่มเหมือนยานอนหลับ
ดวงตาสีน้ำตาลของเธอแทบจะปิดอยู่รอมร่อ
เด็กหญิงใช้มือตีหน้าตัวเองเบาๆเพื่อไม่ให้หลับ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผล....
“อนาคตฉันอยากจะเล่นตำแหน่ง---อ้าว...”โอลิเวอร์หันมาเพื่อคุยกับคาร่าแต่เธอก็คอพับหลับไปก่อนแล้ว บนตักของเธอยังเปิดหนังสือที่อ่านค้างไว้แถมยังเป็นหน้าเดิมตั้งแต่ที่เขาเล่าเรื่องควิดดิชให้เธอฟัง
นั่นแสดงว่าเธอตั้งใจฟังเขามาโดยตลอด โอลิเวอร์หลุดยิ้มเมื่อคิดได้เช่นนั้น
เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อฮู้ดแขนยาวสีแดงเข้มซึ่งอุ่นพอที่จะป้องกันความหนาว
โอลิเวอร์จัดท่าทางให้เธอนอนราบไปกับเบาะนั่ง เสื้อคลุมสีดำห่มทับตัวเธอ
โอลิเวอร์ไม่รู้ว่าเสื้อคลุมของเขาตัวใหญ่เกินไปหรือว่าเธอตัวเล็ก
หนังสือของเธอถูกนำมาวางไว้ข้างตัว
มือหนาปัดเส้นผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าของเธอออก
คาร่าเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่จัดไปในทางที่ค่อนข้างสวย
แต่เขาคิดว่าเธอน่ารักมากกว่า
เด็กชายลูบหัวของเธอเบาๆก่อนจะกลับมานั่งที่ของตัวเอง
โอลิเวอร์ถือวิสาสะเปิดหนังสือของเธอ
ตำนานเทพเจ้า
“ยังมีคนอ่านหนังสือแบบนี้อีกหรือเนี่ย”โอลิเวอร์พูดเบาๆ แต่ละหน้าของหนังสือถูกแทรกไว้ด้วยกระดาษ เขาเปิดตามที่เธอคั่นเอาไว้
เด็กชายมองดูอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะไปสะดุดตากับหัวข้อของเทพีอโฟรไดท์ที่ถูกวงกลมเอาไว้ด้วยหมึกสีดำข้างกันมีข้อความเขียนไว้
อโฟรไดท์ พรของฉัน
รับรู้ถึงความรู้สึก/???
“พรของฉันงั้นเหรอ?”โอลิเวอร์คิ้วขมวดก่อนจะเปิดไปหน้าต่อไปที่ถูกคั่นเช่นกัน
อะพอลโล เด็กผู้หญิง
พร::อาจจะมองเห็นอนาคต
เธอเขียนเอาไว้เหมือนกันกับหน้าที่แล้ว
แต่เป็นหมึกสีที่แตกต่างกันออกไป
เฟรย่า เด็กผู้หญิง
พร::???
เฮฟเฟตัส เด็กผู้ชาย
พร::อาจจะเป็นการสร้างสรรค์บางสิ่ง
อินาริ เวโรนิก้า พร::???
เนเมซิส เด็กผู้หญิง
พร::???
ทานาทอส เด็กผู้ชาย
พร::???
ทุกหน้าที่ถูกคั่นนั้นถูกเขียนไว้เหมือนกันหมด
โอลิเวอร์ไม่เข้าใจนักหรอกว่ามันหมายถึงอะไร
แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคาร่า
เด็กชายปิดหนังสือก่อนจะวางไว้ข้างตัว เขาเปิดประตูตู้ออกและเดินออกไปอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เธอตื่น
เด็กชายเดินมาที่ทางเดินตอนนี้เริ่มมีเด็กหลายคนทยอยออกมานอกตู้แล้ว
แต่ก็ไม่มากเสียเท่าไหร่
อากาศด้านนอกนั้นหนาวเย็นกว่าที่เขาคิดไว้แต่เสื้อฮู้ดของเขาก็ยังสามารถรักษาความอบอุ่นภายในร่างกายไว้ได้ดี
“ต้องการอะไรจากรถเข็นไหมจ๊ะเด็กๆ”หญิงวัยกลางคนเดินมาตามทางเดินพร้อมกับเข็นรถเข็น เด็กนักเรียนหลายคนเดินมาซื้อของ
โอลิเวอร์ชั่งใจอยู่นานว่าจะไปซื้อดีไหม
ช็อกโกแลตบาร์สองแท่งอยู่ในมือของโอลิเวอร์
เขาฉีกซองออกมาก่อนจะกัดเจ้าก้อนช็อกโกแลต ส่วนอีกแท่งเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงไว้ให้คาร่า
เขาไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่าที่ให้ช็อกโกแลตกับคนที่เพิ่งตื่นนอนแต่เขาก็ซื้อมันมาแล้วล่ะนะ
โอลิเวอร์กำลังคิดอะไรบางอย่างทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องของเขาด้วยซ้ำ
หนังสือของคาร่าและสิ่งที่เธอเขียนอยู่ในหัวข้อต่างๆ
พร?
เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย?
การรับรู้ถึงความรู้สึก?
นั่นคือสิ่งที่เขารู้
โอลิเวอร์ก็แค่เด็กช่างสงสัยคนหนึ่งเขากำลังคิดว่าทั้งหมดนั่นมันคืออะไร
แต่ก็อย่างว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา อีกทั้งยังไม่กล้ามากพอที่จะไปถามเธอ
แค่เปิดหนังสือของคาร่าก็เสียมารยาทมากพอแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองไปยังทัศนียภาพด้านนอก
ภูเขาและทุ่งหญ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว โอลิเวอร์สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
สิ่งที่เขากำลังคิดหรือว่าสงสัยมันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยสักนิดเดียว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงสำหรับการนั่งรถไฟจากสถานีฮอกส์มี้ดไปที่สถานีคิงส์ครอส
คาดว่าอีกไม่กี่นาทีก็คงจะถึงที่หมาย
นักเรียนในรถไฟเริ่มทำการเตรียมตัวและสำรวจสัมภาระของตัวเอง
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นตากลมลืมตาตื่น
คาร่ายันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆพลันเห็นเสื้อคลุมสีดำเข้มคลุมทับตัวเธอ
เดาว่าต้องเป็นของโอลิเวอร์แน่ๆ เด็กหญิงนึกในใจว่าตัวเองหลับไปตอนไหนแต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
คาร่ามองออกไปนอกหน้าต่างตอนนี้เธอเริ่มเห็นตึกรามบ้านช่องแล้วเดาว่าจะถึงสถานีในอีกไม่ช้า
“ตื่นแล้วเหรอ”โอลิเวอร์เปิดประตูเข้ามา
“อ่า ขอบคุณสำหรับเสื้อคลุมนะ”เด็กหญิงยื่นเสื้อคลุมไปให้เขา โอลิเวอร์รับมันมาก่อนจะสวมอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร”
“ช็อกโกแลตไหม”
“โอ้ ขอบใจนะ”คาร่ารับช็อกโกแลตบาร์จากมือเขา เด็กชายนั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอเหมือนเดิม
“เวลาหลับนี่ก็น่ารักดีนะ”คาร่าเงยหน้าขึ้นมาพอดีกันกับจังหวะที่เขาหันหน้าไปทางอื่น
“นายพูดว่าอะไรนะ”
“ไม่มีอะไร”เขาตอบปัดๆก่อนจะทอดมองทิวทัศน์ด้านนอกต่อไป
“คริสต์มาสนี้นายวางแผนจะทำอะไรเหรอ”คาร่าเอ่ย
“อาจจะฝึกควิดดิชล่ะมั้ง”
“ทั้งที่หิมะตกอย่างนี้นี่นะ
เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”คาร่าตำหนิเขาเบาๆนั่นทำให้โอลิเวอร์อึ้งไปเล็กน้อย
“เป็นห่วงงั้นเหรอ?”
“อื้อ เป็นห่วง”โอลิเวอร์เลิกคิ้ว
เขาคิดว่าเธอจะพูดด้วยท่าทีอายๆเสียอีกแต่เธอกลับพูดด้วยความใสซื่อและดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงเขาจริงๆ
“ขอบใจที่เป็นห่วง
แต่ฉันถึกจะตายไป ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”เขาพูดยิ้มๆ
คาร่ากลอกตาอย่างไม่เชื่อ
รถไฟจอดเทียบชานชาลา
เด็กๆทุกคนต่างถือสัมภาระของตัวเองลงจากรถไฟ
คาร่าและโอลิเวอร์นำหีบของตัวเองวางลงบนรถเข็น ทั้งสองคนเดินหาผู้ปกครองของตัวเองท่ามกลางความวุ่นวายจากฝูงชน
เจ้าชิกเก้นเริ่มกระแทกที่กรงราวกับว่าอยากจะออกไปทักทายเพื่อนๆของมัน
คาร่าเกือบจะถูกกลืนหายไปเข้าไปในฝูงชน แต่โอลิเวอร์คว้ามือเธอไว้ได้ก่อนจะดึงเธอมาใกล้ๆเขา
“เดี๋ยวก็หลงทางหรอก”โอลิเวอร์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้หลุดไปไหน
“คนเยอะจริงๆเลยนะ”โอลิเวอร์เอ่ย
“ก็นี่มันวันคริสต์มาสนี่นา
แต่ฉันว่ามันยังน้อยกว่าวันเปิดเทอมเสียอีก”คาร่าว่าพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ
“มันก็จริงอย่างที่เธอว่า”
“คาร่า!”เสียงเรียกหนึ่งดึงความสนใจของเธอจากเด็กชาย
“พ่อ!”ชายวัยกลางคนเดินฝ่าฝูงชนและเดินมาหาลูกสาวของเขาอย่างรวดเร็ว
แต่แทนที่เขาจะรีบเข้ามาสวมกอดลูกสาวเขากลับยืนนิ่งเหมือนกำลังตกใจบางอย่าง
ใครบังอาจจับมือลูกสาวข้า
“เอ่อ...โอลิเวอร์ปล่อยมือก่อน”เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ปล่อยมือทันที
“คิดถึงพ่อจังเลยค่ะ”เด็กหญิงสวมกอดพ่อของเธอ
“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน
แล้วนี่?”คุณเอฟเวอร์ตันชี้มาที่โอลิเวอร์
“โอลิเวอร์ วู้ด ค่ะ
เพื่อนของหนูเอง”
“ยินดีที่ได้พบครับคุณเอฟเวอร์ตัน”เด็กชายพูดด้วยความประหม่า
“ยินดีเช่นกันโอลิเวอร์”คุณเอฟเวอร์ตันจับมือเด็กชาย
“เราไปหาอะไรร้อนๆดื่มกันดีกว่าไหมคาร่า”
“ก็ดีค่ะ
ไปด้วยกันไหมโอลิเวอร์”คาร่าหันมาชวนเด็กชายที่กำลังเหม่อไปทางอื่น
“ไม่เป็นไร
พ่อฉันใกล้จะมารับแล้วล่ะ”โอลิเวอร์โบกมือเชิงปฏิเสธ
“น่าเสียดายจัง งั้น
สุขสันต์วันคริสต์มาสนะโอลิเวอร์”
“สุขสันต์วันคริสต์มาส
คาร่า”
ความคิดเห็น