ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale of Another world ตำนานบทใหม่ที่ต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #26 : เดินเล่นชมเมือง ทาสสาวในร้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.16K
      43
      1 ก.พ. 59

    เดินเล่นชมเมือง ทาสสาวในร้าน




            ตอนนี้ผมออกมาเดินฆ่าเวลารอช่วงบ่าย แต่ไหนๆก็ว่างผมจึงขอเดินชมเมืองเสียหน่อย เพราะตั้งแต่เข้าเมืองยังไม่เคยได้เดินสำรวจ แม้แต่ครั้งเดียว เสียชาติเกิดชะมัด(ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง= =!) 

            จนกระทั่งผมเดินมาถึงจัตตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองนี้โดยถนนทุกเส้นในเมืองนี้ จะมาบรรจบกันที่จุดนี้พอดี เหมาะเป็นจุดตั้งต้นในการสำรวจเมืองนี้ของผม โดยเมืองนี้มีถนนสายหลักอยู่ห้าเส้นที่ใช้ในการแยกโซนของเมืองนี้  

            เริ่มจากถนนโซนการค้าก่อนเลยแล้วกัน ถามว่าแล้วโรงแรมที่ผมอยู่ อยู่ที่โซนโรงแรมที่อยู่ทางทิศใต้ของเมือง ส่วนกิลก็อยู่ในโซนสำนักงานที่เป็นเส้นหลักจากที่ผมเข้าเมืองมานะสิ แล้วโซนการค้าเนี่ยจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับโซนสถานเริงรมย์ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และสุดท้ายคือโซนอยู่อาศัยของชาวเมือง ต้องยอมรับว่าเป็นการจัดผังเมืองที่ระบบที่เดียว

             แล้วผมรู้ได้ไง....

             ก็ถามจากคนในเมืองสิครับ....

            ปากก็มีนิ 

            เอาละ เราออกทะเลไปไกลกลับท่าแปป

           
            ตอนนี้นี้ผมเข้าสำรวจถนนการค้าก่อน เพราะว่าตั้งใจมาซื้อของก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมีสิ่งสำคัญที่ผมลืมนึกถึงมันมานานก็คือ เสื้อผ้า เพราะผมพึ่งมีเสื้อผ้าเพิ่มจากที่คุณนาเดียให้แล้วใส่อยู่ กับชุดนักเรียนตัวเก่าที่ใส่มาจากโลกนู่นที่ส่งซักอยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ(ไรท์ก็ลืมเหมือนกัน) = =
             หลังจากที่ผมกำลังเดินสำรวจถนนโซนการค้าอยู่เพื่อหาร้านเสื้อผ้าอยู่นั้น แต่ตลอดเส้นทางก็มีการโฆษณาสินค้าต่างๆ ของพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากให้ได้ยินเสมอ บางอย่างก็น่าสนใจ บางอย่างก็แปลกตา แต่บางอย่างนี่สิ .... ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันนะ

            แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มีอยู่บ้าง ในการเดินชมย่านการค้านนี้ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตลอดเส้นทางก็คือ 

            ตึก ตุบ

           " โอ๊ย ระวัง เหล่าหน่อยสิ ไอ้ทาสนี่ เดินชนข้าแล้วเห็นมั้ย"

           " ขอโทษค่ะ อย่าทำอะไรข้าเลย "

           " ฮ่าๆๆ ก็ได้ "

            เด็กสาวคนหนึ่งที่มีเท่าที่ดูแล้วเป็นเผ่าครึ่งสัตว์ที่แต่งตัวไม่ค่อยดีนัก กำลังแบกของหนักมา ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งที่เดินมาทำให้ชนกลับเธอเข้า แต่เธอเป็นฝ่ายต้องก้มหัวขอโทษ ใช่ครับ เธอเป็นทาสที่ถูกซื้อมา ทำให้เธอคงถูกแกล้งเสมอแน่เลย มีอย่างที่ไหนใช้เด็กตัวเล็กมาถือของเยอะขนาดนั้น แต่ที่เห็นตอนนี้อย่างเบานะ เพราะตลอดเส้นทางที่เห็นนั้น บางที่ครั้งถึงกับแกล้งกันตรงนั้นเลย แถมมีทำร้ายร่างกายอีก ซึ่งคนเป็นทาสไม่มีสิทธิ์ได้ตอบโต้แม้แต่น้อย ได้แต่ก้มหัวรับไป ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากทีเดียว

             ไม่ใช่ผมไม่อยากช่วยนะ แต่ถ้าเข้าไปยุ่งเนี่ยตัวทาสจะมีปัญหามากกว่า อาจทำเมื่อกลับไป ทาสอาจจะโดนเจ้านายทำร้ายได้ จากตอนที่ผมกำลังเข้าไปช่วยทาส แต่ถูกคนที่อยู่ใกล้เดินมาห้ามไว้ก่อน แล้วบอกให้ผมฟัง ทำให้ผมได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ 

              ผมจึงได้แต่รีบเดินไปให้พ้นจากตรงนั้นเร็ว แล้วรีบเดินหาร้านเสื้อผ้าตามเป้าหมายทันที จนในที่สุดผมก็เจอร้านที่ต้องการเป็นร้านที่ตกแต่งไม่ได้เวอร์อะไร ดูแล้วคงไม่แพงงมาก ถึงความจริงผมจะไม่สนใจเรื่องเงินเลยก็เถอะ ช่างเรื่องของผม ส่วนที่ผมเลือกร้านนี้เพราะว่าการตกแต่งร้านเนี่ยแหละที่ดูน่าสนใจ ผมจึงเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ลังเลเลย 

               เมื่อผมเดินเข้ามาในร้านก็มีพนักงานต้อนรับออกมาทันที แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจก็คือ เธอเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเจอมากที่สุด คือ เอลฟ์นั่นเอง ลักษณะหูยาวแหลม ผมสีทอง ตาสีเขียว ใบหน้างดงามเกินมนุษย์ธรรมดา แถมยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนด้วย แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าที่คอไม่มีตราอักขระทาสที่ยาวอยู่รอบคอระหงของเธอ 

               " ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าจะรัยอะไรดีค่ะ "

              ทำเอาภาพของคุณแม่ลอยมาทันที ผมจึงโกรธมากขึ้นจึงถามกับเธอไป

               " ผมต้องการพบเจ้าของร้านนี้ "

              " เออ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือป่าวค่ะ "

              " ตอนแรกผมก็ต้องการจะซื้อเสื้อผ้าเนี่ยแหละ แต่พอเห็นคุณแล้วผมมีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของร้านหน่อย"

             " อะไรกันฮ่ะ มีเสียงพวกชายเรียกหาเดี๊ยนเหรอฮ่ะ "

             " ใช่ผมเอง ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ"

            " งั้นเดี๋ยว เดี๊ยนออกไปหาน่ะฮ้า "

            ผมที่ตอนแรกยังโมโหอยู่จึงไม่ได้สนใจเสียงที่ตอบมาเท่าไรนัก คิดจะปล่อยเอลฟ์สาวตรงหน้าให้ได้ แต่เมื่อร่างของเจ้าของร้านออกมาจากหลังร้านเล่นเอาผมสะอึกเลย เพราะเป็นร่างของชายร่างยักษ์สูงสองเมตร มีกล้ามเป็นหมัด แต่อยู่ในชุดของผู้หญิง เพียงแต่ตัวใหญ่เกินไปเท่านั้น คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของร้านคงเป็นกระ... เอ๊ย ไม่ใช่ เป็นผู้หญิงข้ามเพศสินะ  ก่อนที่เธอจะเดินนวยนาดมาหาผม แล้วเธอก็มาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ โดยมีเอลฟ์สาวยืนอยู่ด้านหลังของ.... เธอก็แล้วกัน

            " มีปัญหาอยากคุยกับเดี๊ยนเหรอฮ่ะ สุดหล่อ "

     
           " คะ..คือแบบว่า ผมอยากจะคุยเรื่องเธอคนนั้นนะครับ "

          เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย แต่ผมก็ยังรักษาสภาพหน้าตัวเองเอาไว้ได้ ก่อนจะเริ่มเข้าประเด็นที่ต้องการจะคุยกับเธอ(?)  คุณเจ้าของก็หันไปมองเอลฟ์ข้างหลังก่อนจะหันมามองผมสลับกัน แล้วเธอก็ถอนหายใจก่อนจะพูดบอกผม

            " งั้นเข้าไปนั่งคุยกันข้างในก่อนนะฮ่ะ แล้วก็เอลลี่จ๊ะ อย่าลืมเตรียมเครื่องดื่มให้แขกด้วยนะจ๊ะ"

           " ค่ะ มาดาม "

           แล้วเธอจึงเดินนำผมไปที่โต๊ะข้างในร้านแล้วนั่งลง ก่อนจะผายมือเชิญผมที่เดินตามเธอมาข้างหลังให้นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เมื่อผมนั่งลงแล้ว เอลฟ์สาวที่ชื่อเอลลี่ก็เอาน้ำชามาวางไว้ให้บนโต๊ะ แล้วก็ยืนรออยู่ข้างๆ แต่เจ้าของร้านก็พูดขึ้นมาก่อน

          " เอลลี่จ๊ะ ไปคอยดูหน้าร้านให้เดี๊ยนที่นะ "

         " ได้ค่ะ มาดาม "

         แล้วเธอก็เดินออกไปหน้าร้าน ตอนนี้เหลือแต่ผมกับเจ้าของร้านกันสองคน หลังจากที่เจ้าของร้านดื่มชาอยู่ ผมจึงกล่าวออกมาว่า

         " ผมอยากให้คุณเจ้าของร้านปลดสัญญาทาสให้เธอคนนั้นะครับ "

          " เดี๊ยนชื่อว่า มาคัส แต่ชื่อมันเห่ย อยากให้เรียกว่า มาตี้ดีกว่านะรูปหล่อ"

         เธอกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้ผม ผมได้แต่เสียวสันหลังเอามากๆแต่ไม่อยากขัดใจเธอเท่าไรนัก จึงได้แต่พยักหน้าให้เธอแล้วพูดกันอีกครั้ง

          " คุณมาตี้ครับ ผมอยากให้คุณปลดพันธะสัญญาทาสของคุณเอลลี่ออก แล้วปล่อยเธอกลับบ้านนะครับ ส่วนคุณจะคิดค่าเสียหายเท่าไร บอกผมมาได้เลย"

          " ทำไมเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่ม หรือว่านายจะหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเหรอจ๊ะ"

          " มะ ไม่ใช่นะครับ เพียงแต่เอลฟ์เท่านั้น ที่ไม่อยากถูกเห็นเป็นทาสนะครับ "

          " พ่อหนุ่มคงมีเรื่องอยู่ในใจสินะ แต่ฉันคงต้องขอปฏิเสธจ๊ะ "

          " ทำไมล่ะครับ ถ้าเรื่องค่าเสียหายล่ะก็ผมยินดีชดใช้ให้"

          คุณมาตี้ที่เห็นสีหน้าร้อนรนตอนได้ยินคำตอบของเธอ ก็ยิ้มอย่างอ่อนใจเล็กน้อยก็จะตอบผมว่า

          " ไม่ใช่เดี๊ยนไม่อยากปลดให้นะ เพียงแต่ถ้าอยู่ที่เมืองนี้การทำแบบนั้นไม่ต่างจากการทำร้ายหนูเอลลี่เลยนะจ๊ะ "

         " ทำไมล่ะครับ "

         " ก็เพราะว่า ถ้าทำแบบนั้นเธอก็จะถูกพ่อค้าทาสหรือโจรจับไปเป็นทาสอีก เพราะเมืองนี้ที่มีเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ก็ต้องเป็นทาสเท่านั้น เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ห้ามคนจากเผ่าพันธุ์อื่นเข้ามาจ๊ะ"

          เมื่อผมได้ฟังแล้วก็ต้องนิ่งคิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงถึงจะปลดปล่อยไป แต่ก็คงหนีออกนอกเมืองไม่ทันอยู่ดี แล้วตอนนั้นเองคุณเอลลี่ก็เดินเข้ามาในที่หลังร้าน แล้วเรียกคุณมาตี้

           " มาดามค่ะ มีลูกค้าอยากพบกับมาดามค่ะ "

          " ลูกค้าผู้หญิงเธอก็คุยไปสิจ๊ะ "

          " เป็นลูกค้าผู้ชายค่ะ หน้าตาดีด้วยค่ะ"

          " งั้นบอกเขา รอเดี๊ยนแปป เดี๋ยวเดี๊ยนออกไปน่ะฮ้า "

          " ค่ะ มาดาม "

            แล้วคุณมาตี้ก็เดินออกไป อนนี้เหลือแต่ผมกับคุณเอลลี่ ที่มายืนรอคุณมาตี้ด้านใน แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร คุณเอลลี่ก็พูดออกมาก่อน โดยที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม

           " เออ คุณ มาคุยกับมาดามเรื่องของฉันสินะค่ะ "

          " ผมชื่อแพนครับ ใช่ครับ ผมมาคุยกับคุณมาตี้เรื่องของคุณ"

         " คุณแพนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะค่ะ มาดามเป็นคนใจดี เธอไม่เคยทำร้ายทาสในร้านเลย มีแต่อุปการะ ช่วยเหลือคอยดูแลด้วยความเมตตา ถึงมาดามจะหน้าตาแบบนั้บก็เถอะนะค่ะ"

         ผมที่ได้ยินจากปากเธอเองก็สบายใจขึ้นมาบ้าง ที่อย่างน้อยเธอก็มีความเป็นอยู่ที่ดี แถมยังไม่ได้ถูกรังแกอะไรด้วย  ดูจากรอยยิ้มของเธอเวลาพูดถึงคุณมาตี้นะ ผมที่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแล้ว จึงเริ่มวางแผนจะซื้อเสื้อผ้าทันที  แต่เธอถามขึ้นมาเสียก่อน

          " ทำไมคุณถึงเป็นห่วง ฉันขนาดนั้นนะค่ะ ทั้งที่เราพึ่งจะรู้จักกัน "

         " พอดีผมเคยถูกช่วยชีวิตเอาไว้ โดยเอลฟ์สองสามี ภรรยานะครับ แถมพวกเขายังรับผมเป็นลูกอีก พอผมมาอยู่ในเมืองจึงรู้สึกโกรธที่เห็นเอลฟ์เป็นทาสนะครับ"

        " มิน่าล่ะค่ะ คุณถึงเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้น พวกเขาสองคนเนี่ยคุณคงรักพวกเขาจริงๆสินะค่ะ แล้วตอนนี้พวกเขาสบายดีมั้ยค่ะ "

        " ครับ แต่ตอนนี้พวกเขาได้จากโลกนี้ไปแล้วครับ เพราะปกป้องผม"

        หลังจากที่ผมบอกเล่าเรื่องให้เธอฟัง แต่คำถามสุดท้ายก็ทำเอาผมคิดถึงพวกเขาเช่นกัน หวังว่า พ่อกับแม่คงมีความสุขนะครับ คุณเอลลี่ที่ได้ยินเรื่องราว พร้อมกับเห็นสีหน้าที่หมองลงของผม ทำให้เธอรู้ว่าได้ถามในเรื่องไม่ควรถามออกไปซะแล้ว

         " ฉันขอโทษด้วยนะค่ะ ที่ถามออกไป ฉันไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น "

        " ไม่เป็นไรครับ ผมทำใจได้แล้ว ส่วนที่ผมเข้ามาที่ร้านนี้ นอกจากจะเห็นคุณแล้วเลยเปลี่ยนประเด็นแต่ความจริงผมต้องการมาซื้อเสื้อผ้าด้วยนะครับ"

        " งั้นเดี๋ยวฉันเอาแบบมาให้นะค่ะ คุณนั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะค่ะ "

       " ได้ครับ "

       แล้วเธอก็ยิ้มให้ผมก่อนเดินออกไปหน้าร้าน โดยผมที่ยิ้มตอบเธอแล้วหันหน้ามาดื่มชาต่อ โดยไม่สนใจเธอต่อจากนั้น ก็คือเธอกับโค้งหัวลงให้ผม แล้วพูดพึมพำเบา ไม่ให้ใครได้ยินออกมา

        " ตามพระประสงค์เพคะ องค์ชายรัชทายาทของพวกเรา "



           แล้วหลังจากที่คุณเอลลี่ เอาแบบเสื้อผ้าผู้ชายมาให้เลือก ซึ่งร้านนี้เป็นร้านสั่งตัดนั่นเอง แต่ผมก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว จึงบอกเธอว่าไม่เป็นไร หลังจากที่เลือกรูปแบบที่ชอบแล้วสักสองสามแบบ 
           จากนั้นคุณเอลลี่ก็เข้ามาวัดขนาดตัวของผม ซึ่งเล่นเอาผมเคลิ้มเลย จากกลิ่นหอมอ่อนเหมือนดอกไม้ป่าจากตัวของเธอ พอเธอวัดเสร็จเธอก็บอกผมถึงกำหนดมารับเสื้อ แล้วยิ้มให้ผม ผมจึงยิ้มตอบเธอแล้วก็จ่ายเงินมัดจำไป แล้วก็เดินออกนอกร้านไป โดยมีเสียงของคุณมาตี้ไล่หลังมาด้วย

            " แล้วมาใช้บริการเจ๊ อีกนะสุดหล่อ "

            ผมที่ได้ยินก็ได้แต่ยิ้มแหย่ส่งกับไป ก่อนจะเดินไปหาของกินตามร้านเพื่อทานเป็นอาหารเที่ยง ในระหว่างที่ผมถือของกินในมืออยู่นั้น แล้วกำลังเดินกลับไปยังกิลด์ เพราะตอนนี้ ใกล้ได้เวลานัดแล้ว แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนเป็นประกาศดังออกมา เรียกความสนใจของผม

           " อีกสามวันเราจะมีการจัดประมูลทาสครั้งใหญ่ที่โรงประมูลทาสเช่นเคย"

           แล้วผมก็มองไปที่คนประกาศด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดๆทาสมันใช่ของที่ควรมาตะโกนโฆษณาเนี่ยนะ แล้วผมก็มองไปข้างหลังของเขา ซึ่งมีรถม้าที่เป็นกรงขังทาสอยู่แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งจนอาหารที่กินอยู่หลุดออกจากปาก เพราะในกรงนั้นดันมีเอลฟ์สาวอยู่หลายสิบคน แล้วก็สองคนในนั้นดันมีโครงหน้าคล้ายกับท่านแม่ไม่มีผิด แต่อายุดูจะน้อยกว่าเท่านั้นเอง ทำให้ผมต้องหันไปฟังสิ่งที่พ่อค้านั้นจะพูดอีกครั้ง

            " แล้วเรายังได้ของหายากมาอีกด้วยคือ เอลฟ์ชนชั้นราชวงศ์ครับ แถมมีถึงสองคนด้วยกัน สำหรับคนที่สนใจ เชิญร่วมงานได้ที่โรงประมูลในอีกสามวันครับ ขอบคุณครับ"

            หลังจากที่ผมได้ฟัง แทบทำเอาผมอยากจะไปตั้นหน้าไอ้คนพูดแล้วช่วยพวกเธอออกมา เพราะมีความเป็นไปได้ว่า เธออาจจะเป็นญาติพี่น้องของท่านแม่ก็ได้ แต่การทำแบบนั้นมันออกจะเด่นเกินไป แถมมีสิทธิ์ถูกจับอีกตั้งหาก 

            'งั้นตัดสินใจแล้วอีกสามวัน ฉันจะไปประมูลเอาพวกเธอออกให้ได้' 

            เมื่อผมตัดสินใจได้แล้ว ผมก็เลยเดินกลับไปยังกิลด์ของตน เพราะตอนนี้จะรีบร้อนไปก็ไม่ได้อะไรต้องเตรียมตัวให้พร้อมซะก่อน

           หลังจากนั้นผมก็มาถึงที่กิลด์ตามเวลาที่นัดไว้ ผมเดินไปติดต่อที่พนักงานสาวคนเดิมเพื่อรับเงินที่ได้จากการทำภารกิจ ซึ่งเป็นเหรียญทองกับแพนตินั่มจำนวนมาก แต่ก็ไม่เท่าไรเพราะในกระเป๋าของผมมีเงินมหาศาลกว่าที่ได้นี้หลายพันเท่า เพราะได้จากการทำความสะอาดมานั่นเอง(?) แล้วก่อนที่ผมจะเดินไปหาคุณเอวานที่ห้องของมาสเตอร์ พนักงานสาวก็บอกผมขึ้นมาก่อนว่า

            " ตอนนี้มาสเตอร์ รอคุณอยู่ที่ห้องประชุมอีกทางค่ะ "

           " ขอบคุณมากครับ "

           " ไม่เป็นไรค่ะ "

           แล้วผมก็เบนทิศทางมุ่งไปห้องประชุมแทน เมื่อผมเปิดเข้าไปผมก็เจอคุณเอวานที่นั่งทำสีหน้าจริงจังที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่รู้จักกัน ( เหมือนรู้จักกันมานานเนอะ) แล้วผมก็กล่าวเรียกเขาสักนิด 

           " คุณเอวานครับ ผมมาแล้วมีเรื่องจะคุยกับผมเหรอครับ "

           " อ้อ แพนนั่งก่อนสิ แล้วปิดประตูให้สนิทด้วยล่ะ "

           " ครับ "

           แล้วจากนั้นผมก็ปิดประตูเรียบร้อย จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆกับคุณเอวาน เพื่อให้สะดวกในการพูดคุยกัน ก่อนที่คุณเอวานจะเป็นคนเปิดประเด็นการสนทนาขึ้นมาก่อน

           " แพน พูดกันตรงๆนะ นายเป็นคนทำภารกิจเกี่ยวกับหุบเขามังกรทั้งหมดใช่มั้ย"

           ทันทีที่ผมได้ยินคำถามแรก ก็เล่นเอาเครียดเหมือนกันไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเพราะตอนรับก็รับมาด้วยความสติแตก ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น แต่สำหรับผมคิดว่าคงต้องบอกความจริงกับเขาไ ถึงโกหกไป เขาก็รู้อยู่ดี ก็เป็นกิลด์มาสเตอร์นี่นะ

          "ใช่ครับ ผมเป็นคนรับภารกิจทั้งหมดไปทำเอง "

          " ก็จริงสินะ ฉันขอวัดระดับพลังของนายได้มั้ย "

          " ขอโทษด้วยครับ แต่ผมยังไม่อยากให้ใครรับรู้ถึงระดับพลังของผมนะครับ "

          ผมขอโทษจริงนะครับ คุณเอวาน เพราะผมยังไม่อยากเห็นใครเป็นลมไปซะก่อนนะครับ ไม่ว่ากันนะครับ เมื่อคุณเอวานได้ฟังก็คิดอะไรสักพักก่อนจะพูดออกมา

          " งั้นก็ไม่เป็นไร เพราะนั้นเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของเธอ แต่จากภารกิจทั้งหมดที่เธอทำ ฉันต้องเลื่อนระดับของเธอให้เป็นระดับ X ก็แล้วกันนะ "

         " แน่นอนครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว "

         ขออธิบายก่อนว่าระดับนักผจญภัยนั้นมีหลายขั้น โดยแต่ละขั้นจะไม่ได้ใช้กำหนดระดับในการรับภารกิจ แต่จะใช้บอกความแข็งแกร่งของคนๆนั้น และยังมีสิทธิพิเศษสำหรับนักผจญภัยระดับสูงด้วย โดยมีระดับดังนี้คือมีตั้งแต่1-10 และ E  D  C  B  A  S  SS  SSS  X  เรียงจากต่ำไปสูง สำหรับสิทธิพิเศษนั้นคราวก็มี ส่วนลดค่าที่พัก สามารถปฎิเสธภารกิจได้ หรือสามารถเข้าพบบุคคลสำคัญในราชสำนักได้ นี่แค่คร่าวๆนะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือมักจะถูกเรียกตัวเวลามีภัยร้ายแรงเกิดขึ้น กับอาณาจักร แต่ช่างหัวมันเถอะ ไม่สำคัญ

         หลังจากที่ผมได้เลื่อนขั้นเป็นนักผจญภัยขั้นสูงแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิม ผมคุยกับคุณเอวานอีกเล็กน้อยแล้วก็ขอตัวกลับโรงแรมไปพักผ่อน

      {{แพนเจีย}}(ชาย)

     lv. xxx (ไม่แสดง)  ระดับพลัง : xxx (ไม่แสดง)

     อาชีพ : นักผจญภัย ระดับ X
        




    ...................................................................................................................


     เย้ เสร็จตอนที่ 25 แล้ว 

    แอบปล่อยก่อนตอนหนึ่งกัน รีดลงแดง แต่ยังไม่ได้แก้เท่าไร 

    หวังว่าคงไม่เผาบ้านผมนะครับ = = !

    มีข้อผิดพลาดอะไร โปรดคอมเม้นท์บอกด้วยนะครับ 5555

    1 comment = 1 กำลังใจ เช่นเคย รับรองได้อ่านของดีแน่

         

           
              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×