ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale of Another world ตำนานบทใหม่ที่ต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #51 : ตอนที่ 50 บทสรุปความวุ่นวาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.66K
      25
      4 ส.ค. 59

    บทสรุปความวุ่นวาย




                    " โอ้ พระเจ้าตาย " ( พระเจ้า : บิดาเอ็งสิ )

                   {{สถิรพงษ์ วิริยะกุล}} (แพนเจีย) (ชาย)
     
    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ (สัตว์ประหลาด) สายย่อย : เอลฟ์ชั้นสูง
    อาชีพ : นักผสานศาสตราเวท       อายุ : 19        เลเวล : 750
    ตำแหน่ง :  รัชทายาทแห่งเอลฟา เจ้าชายแห่งดีลาเอล รัชทายาทแห่งเผ่าพันธุ์
    พลังเวท : (ยากต่อการประเมิน)  (ผนึก) 
    พลังโจมตี : (ไม่อยากรู้หรอก) (ผนึก)
    พลังป้องกัน : (รับอุกกาบาตได้) (ผนึก)
    ความว่องไว : (พอๆกับแสง) (ผนึก)
    พลังโจมตีเวท : (เกินกว่าจะวัดได้) (ผนึก)
    พลังป้องกันเวท : (เกินกว่าจะวัดได้) (ผนึก)
    โชค : (ไม่อยากบอก)
    อุปกรณ์สวมใส่ :ชุดคลุมแห่งมายา เสื้อหนังมังกร  กางเกงสายลม  รองเท้าผ้าใบ กางเกงใน  ดาบพงไพรผลาญ   ไม้เท้าเปลวดารา
    ทักษะ : เข้าใจทุกภาษา  กลืนกินสัมบูรณ์ ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์  จดจำสมบูรณ์ สัญชาตญาณ  อำพราง  วางแผน  มองเห็นในความมืด ดำรงชีวิตในป่า วางกับดัก
    ทำอาหาร คำนวณ วาดภาพ วางผัง มือ เท้า เข่า ศอก พลัง มนุษย์ ฯลฯ 
    สกิล :  ตรวจสอบขั้นสมบูรณ์  ก้าวพริบตา ปรุงยาขั้นสมบูรณ์ ประดิษฐ์  ซ่อมแซม ลบตัวตน ดาบ หอก เคียว ธนู ขวาน มีด  อาวุธลับ ฯลฯ
    เวทมนตร์ : เวทลมสมบูรณ์  เวทน้ำสมบูรณ์  เวทแสงสมบูรณ์ เวทความมืดสมบูรณ์ เวทไฟสมบูรณ์  เวทดินสมบูรณ์  เวทกาลเวลาสมบูรณ์  เวทมิติสมบูรณ์  เวทมายาสมบูรณ์
    เวทเฉพาะตัวสมบูรณ์
    สถานะ :  ทลายขีดจำกัด  ผู้บรรลุศาสตรา  ผู้เป็นกลาง   ผู้ทำลายล้าง  ผู้สังหารมังกร
    ผู้ฝึกตน สูงสุดคืนสามัญ โลกา นักวางระเบิด ผู้สังหารเทพ
     
    <เงิน: 82,756,961 P 132,958,479 G 1,396,562 S 100,000 C>

                    'ขนาดตัวทักษะยังไม่อยากประเมินเลย ขนาดตั้งใจจะเลิกตบมุกกับค่าสถานะตัวเองแล้วนะ แต่ขนาดนี้มัน อ๊ากกกกกกกกก'

                    ผมที่ได้เห็นค่าสถานะหลังจากสบถคำออกไป ก็ได้แต่มานั่งกรีดร้องโหยหวนในใจคนเดียว ตอนนี้ส่วนบรรดาคนรอบข้างหลังจากที่ได้ยินคำอุทานของผมก็พากันมามอง แต่พอเห็นผมนั่งลงก็หันกลับไปทำหน้านิ่งๆต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอจะทำให้ผมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองสักพัก

                    'ไม่เป็นไรลองดูรายละเอียดของสกิลใหม่ดีกว่า'


                   <<มือ>>

                   สูงสุดสู่สามัญ แปรผันตามการใช้ ไร้ซึ่งกระบวนท่า

                   'เออ ตูอยู่ในบทกำลังภายในหรา'

                   <<เท้า>>

                   ท่าเท้าว่องไว พลิกแพลงหลากหลาย

                   'พอเถอะนะ'

                   หลังจากนั่งกุมขมับอยู่คนเดียวพร้อมกับตรวจสอบสกิลที่เหลือต่อไปดูเหมือนสกิลที่เกี่ยวกับร่างกายจะอธิบายเป็นกำลังภายในทั้งหมด แต่สิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นไมเกรนเลยก็คือ สองสกิลหลังได้แก่

                     <<พลัง>>

                   เพิ่มค่าพลังของเจ้าของไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ส่วนจะเพิ่มเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับค่าพลังดั้งเดิมของเจ้าตัว)

                   'เอาเถอะครับ ผมชินแล้วกับการเจอเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากตากันนะ'

                    <<มนุษย์>>

                    สกิลที่มอบความสามารถของมนุษย์ที่นิยามด้วยการใช้ภาษา การจัดโครงสร้างสังคมอันซับซ้อนในรูปของกลุ่ม, ชาติ, รัฐ และสถาบัน; และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ของมนุษย์ก่อให้เกิดวัฒนธรรมนับหมื่นนับพันวัฒนธรรม ซึ่งยึดถือความเชื่อ, ตำนาน, พิธีกรรม, คุณค่า และปทัสฐานทางสังคมต่างๆ กันไป รวมไปถึงความตระหนักถึงตนเอง, ความใคร่รู้ และการใคร่ครวญของมนุษย์ ตลอดจนความโดดเด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายธรรมชาติและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทั้งในทางวัตถุธรรมและในทางนามธรรม คำอธิบายในทางนามธรรมนั้นจะเน้นมิติทางเจตภาพของชีวิต และอาจรวมถึงความเชื่อในพระเป็นเจ้า, เทพเจ้า หรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ตลอดจนแนวคิดเรื่องวิญญาณ ความพยายามที่จะสะท้อนภาพตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นพื้นฐานของความคิดทางด้านปรัชญา และมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ

                    'ขอบคุณสำหรับคำนิยามของมนุษย์ที่ดูยิ่งใหญ่ในสกิลของตูครับ ไม่ช่วยให้เข้าใจขึ้นมาได้เลย' 

                    หลังจากตรวจสอบสกิลทั้งหมดเรียบร้อย ซึ่งไปพร้อมกับพลังงานทั้งหมดของที่ถูกดูดไปด้วย ทำตอนนี้เริ่มไม่อยากจะรับรู้สิ่งใดอีกแล้ว ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกสูญเสียหลักยึดเหนี่ยวอยู่นั้นเอง ก็มีคนเดินมาเอามือวางไว้บนบ่าของผมก่อนจะพูดออกมา

                    " เอ็งสุดยอดไปเลยแพน ฝีมือขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องทดสอบเลยนิ "

                    ผมที่หันไปมองลุงอาเธอร์ที่เข้ามาทักด้วยความยินดีในขณะที่ผมอยู่ในสีหน้าซังกะตายอยู่ตอนนี้ ตามมารยาทผมจำเป็นต้องตอบลุงสักหน่อย

                    " ก็การคัดเลือกต้องผ่านทดสอบไม่ใช่เหรอครับ ผมจึงไปนะ " 

                    " นั่นสินะ ตอนแรกข้าก็ยังไม่รู้ฝีมือเอ็งซะหน่อย " ลุงอาเธอร์ตอบรับกลับมาพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย แต่พอผ่านไปสักพักลุงอาเธอร์ก็เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะพูดอะไรบ้างอย่างที่เขาพึ่งนึกขึ้นได้ออกมา

                  " งั้นแสดงว่า ในสนามตอนทดสอบ แกก็ไม่ได้เอาจริงอะไรตอนสู้กับข้าเลยนิ "

                  ผมมองหน้าลุงแกสักพัก แต่ดูเหมือนคำถามนี้แกต้องการคำตอบรวมถึงคำยืนยันสินะ ผมจึงพยักหน้าช้าๆให้ลุงอาเธอร์เพื่อบอกว่าที่เขาคิดนะถูกต้องแล้ว

                   'ความจริงคือตอนสู้กับมังกรก็ด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าบอกแกคงหัวใจวายยิ่งแก่แล้วด้วย' ( อาเธอร์ : ข้ายังไม่แก่ขนาดนั้นโว๊ย )

                  หลังจากได้คำตอบลุงอาเธอร์ก็มีสีหน้าอึ้งๆออกมาแต่ก็เหมือนจะทำใจกับความเก่งของผมได้ จึงกลับเป็นเหมือนเดิม จากนั้นผมกับลุงอาเธอร์ก็คุยกันต่ออีกสักพักในระหว่างที่รอทหารเคลียร์พื้นที่หน้าเมือง 

                  ซึ่งเนื้อหาที่คุยก็คงไม่พ้นกองไอเทมของมอนสเตอร์ที่ผมเป็นคนจัดการไป ด้วยความรำคาญกับขี้เกียจจัดของจึงบอกว่ายกทั้งหมดให้แก่เมืองหลวงทั้งหมดเลย พอผมบอกอย่างนี้ลุงอาเธอร์ก็ดูดีใจอยู่ แต่ด้วยความเกรงใจจึงบอกว่าจะเลือกเอาของที่ดีที่สุดมาคืนให้ผม ด้วยความซังกะตายจึงได้แต่พยักหน้าส่งๆไป ก่อนจะขอตัวมุ่งหน้ากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมทันที 

                   ทันทีที่ผมมาถึงโรงแรมก็ไม่สนใจอะไรมุ่งขึ้นไปบนห้องของตนโดยไม่ทักทายใครทั้งสิ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงของโรงแรมอย่างหมดแรง แล้วก็หลับไปโดยมีเพียงสิ่งที่อยู่ในหัวก่อนจะหลับไปก็คือ

                   'เตียงนุ่มๆเนี่ยแหละที่จะฟื้นฟูบาดแผล(?)ได้ดีที่สุด'




                                  .........................................................


                       ก๊อก ก๊อก

                       ก๊อกๆๆ 

                       อืม...

                       ผมที่หลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูห้องเรียก ผมจึงลืมตาขึ้นก่อนจะเงยหัวขึ้นมาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นดำ แล้วแสดงว่าเข้าช่วงเวลากลางคืนมาได้พอสมควร ผมจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องออกมาเพื่อดูตัวต้นของคนที่มาปลุกผมตอนนี้ 

                        เมื่อเปิดประตูออกมา คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เป็นกลุ่มของสี่สาวเช่นเคยที่พากันส่งยิ้มให้ผมกันอย่างทั่วหน้า จากที่ผมสังเกตุดูแล้วพวกเธอไม่มีบาดแผลจากการไปลุยเท่าไหร่ จึงเริ่มเอ่ยคำถามออกไป

                       " มีอะไรกันเหรอครับ ถึงมาเคาะห้องของผมตอนนี้ "

                       " พี่แพนค่ะ พวกเราก็มาตามพี่ลงไปกินข้าวนะสิคะ ตั้งแต่พี่กลับมายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ " เป็นเสียงตอบด้วยความเป็นห่วงจากดาร่า พร้อมกับสีหน้าเป็นห่วงของคนที่เหลือด้วย

                    " อืม นั่นสินะ งั้นพวกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ ไปบอกน้าสเตล่ากับซานเดรียด้วยสิ " ผมที่เห็นสีหน้าเป็นห่วงของทุกคนจึงยิ้มออกมา ก่อนจะถามถึงคนที่เหลือไปด้วย

                    " คุณแม่กับน้องซานเดรียเข้าลงไปก่อนแล้วค่ะ เหลือแต่แพนที่ยังไม่ลงไป "

                    " งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ "

                    จากนั้นพวกเราก็ลงไปกินข้าวเย็นกันที่ด้านล่าง พอลงมาถึงผมก็มองหาโต๊ะที่น้าสเตล่ากับเด็กสาวนั่งอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงฝั่งขวาจากเค้าน์เตอร์ ที่ห่างจากบันไดทางเดินของโรงแรมพอสมควร เมื่อพวกผมนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ก็มีบริกรเดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะของผม ผมกับสี่สาวจึงสั่งของกินมาหลายอย่าง เมื่อบริกรรับออร์เดอร์เรียบร้อยจึงผละจากโต๊ะของพวกเราออกไป จึงเริ่มบทสนทนาทันที

                     " เป็นยังไงวันนี้ได้ของจากการจัดการมอนสเตอร์เยอะมั้ย" 

                    " ก็เยอะนะคะ อย่างของหนูได้ดาบอันใหม่  ของพี่ดาเรียได้คทาเสริมพลังเวท ของพี่เฟียได้มีดสั้นระดับสูง ส่วนของพี่อาเนียเป็นแหวนค่ะ "

                    " นี่ดาร่า ไม่เห็นต้องแย่งพวกพี่พูดเลย อุตส่าห์จะให้ลุ้นสักหน่อย "

                    จากนั้นก็เป็นการผลักกันเล่าเรื่องระหว่างเฟียกับดาร่า โดยมีอาเนียกับดาเรียคอยเสริมให้เป็นพักๆ ผมก็นั่งฟังเรื่องที่ทั้งสองเล่าออกมาอย่างมีความสุข เพราะความจริงผมเองก็รู้ว่าพวกเธอเจออะไรมาบ้าง ( จากทักษะของมัน ) แต่การฟังพวกเธอเล่าก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน 

                    ในขณะที่พวกเรานั่งรออาหารกันอยู่ ก็มีกองทหารอัศวินเดินเข้ามาในโรงแรม ทำเอาทุกคนที่ดื่มกินกันอยู่เงียบเสียงกัน เพื่อดูจุดประสงค์ของการเข้ามาของทหารกลุ่มนี้ เมื่อพวกเขาหันหาคนอยู่สักพัก ก็พากันมาสะดุดสายตาที่โต๊ะของผม ก่อนจะเดินเข้ามาที่โต๊ะของผมทันที 

                    เมื่อกองทหารเดินมาหยุดที่โต๊ะของผม พวกเขาทั้งหมดก็ยกมือขึ้นทำความเคารพผม แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็ยื่นจดหมายที่ถูกปิดผนึกอย่างดี ส่งมาให้ผม ก่อนจะเดินจากไป ทำเอาทุกคนในที่นั้นมองด้วยความสงสัย จึงทำให้หลังจากที่กองทหารจากไปทุกสายตาในร้านจึงมารวมกันที่ผมคนเดียว แต่พอเห็นสีหน้างงๆของผมเช่นกันพวกเขาจึงเลิกสนใจทันที  แต่ก็มีบางคนยังคงมาที่โต๊ะของผมอยู่

                      " มีอะไรหรือค่ะ พี่แพน " ดาเรียถามออกมาด้วยความเป็นกังวล

                      " แล้วนั่นจดหมายอะไรค่ะ " ตามมาด้วยคำถามจากดาร่าที่มีความอยากรู้อยากเห็นออกมา

                      " พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอดูก่อนนะ "

                      หลังจากนั้นผมจึงแกะจดหมายออกมาดู หลังจากที่อ่านเนื้อความด้านในแล้วก็ทำเอาพลังงานที่ได้มาจากการนอนถูกสูบออกไปอีกครั้ง ก่อนจะทำเสียงครางพร้อมกับทิ้งหัวลงบนโต๊ะ

                       " งานเข้าอีกแล้ววววววววววว "





    ...................................................................................................................


     เสร็จแล้วววววววววววววววว ตอนที่ 50 

    ตอนนี้สั้นไปนิด เพราะอยากเอาเนื้อเรื่องไปบอกตอนหน้า 555

    อย่างที่บอกไป ตอนหน้าเราจะได้รู้จักฮาเร็มพระเอกอีกสองคนนนนนนน

    เตรียมลุ้นกันได้เลยว่าจะเป็นใคร

    เหมือนเดิม มีข้อผิดพลาดตรงไหนโปรดบอกด้วย ครับ

    1 Comment = 1 กำลังใจเช่นเคย บายยยยยยยยย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×