คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 4 Kings : Chapter 10
ร่างสูงตรงหน้าสนทนากับไนท์ได้สักพักก่อนจะเดินตรงมาทางเขาที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้า ขายาวหยุดลงตรงหน้าเขา
“ในป่านี้ไม่มีสัตว์อันตรายไม่ต้องกลัว แต่สิ่งที่นายต้องกลัวก็คือทางที่มันวกวนไปมา นายอาจจะหลงออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่มีทางรู้สึกตัว เพราะฉนั้น อย่าคลาดสายตาจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว จะไม่มีไนท์ตามเราไป นายต้องดูแลตัวเอง ถ้านายหลุดออกจากบริเวณเขตโรงเรียนไป ฉันไม่รับประกันในความปลอดภัยของนายแม้แต่เปอร์เซ็นเดียว” กล่าวจบก็เดินนำออกไปทันที ชางบินที่กำลังยืนประมวลผลอยู่นั้นรีบก้าวตามอีกคนออกไปเพื่อไม่ให้เกิดอะไรขึ้น..
อย่างน้อยตอนนี้ก็ฟังหมอนั่นไว้ก่อนดีกว่า..
ขาเล็กก้าวตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆจนไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว เนื่องจากก่อนเข้าป่ามาคนตัวสูงสั่งให้เขาฝากข้องไว้กับไนท์ จะได้ไม่เป็นภาระระหว่างการเดินสำรวจ ขาเล็กเริ่มรู้สึกล้า อาการเจ็บขาจากเมื่อวันศุกร์ยังไม่หายสนิท ข้อขาเริ่มรู้สึกแปล๊บขึ้นมาเล็กน้อย เขาชะงักฝีเท้าลงเพื่อผ่อนคลายขาตน ระหว่างที่กำลังกดนวดข้อขาเพียงเสี้ยววินาที เสียงฝีเท้าของคนที่เดินนำเขากลับหายไป.. มีเพียงแต่เสียงของลมที่พัดลู่กับใบไม้ ดวงตากลมใสเบิกกว้างขึ้นก่อนจะรีบหันซ้ายขวาเพื่อหาอีกคน แต่ก็ไม่พบ..
“ฮยอนจิน!” ตะโกนเรียกพร้อมกับค่อยๆออกเดินอย่างช้าๆ ทิศทางของป่าที่เขาไม่ชำนาญเหมือนคิงที่พาตนเข้ามาแม้แต่เพียงนิดเดียว ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ไม่ต่างกันสักนิด
“ไปไหนนะ.. ฮยอนจิน!! นายจะทิ้งฉันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ!! อ..ไอคิงฮยอนจิน!!! ไอบ้าเอ้ยย!!” ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมองรอบๆแทน ก็ในเมื่ออีกคนบอกว่าเส้นทางที่นี่มันวนหากันทำให้หลงได้ง่าย แล้วตัวเขาจะเดินไปให้หลงทำไม สู้ให้คนที่รู้เส้นทางมาหาเขาไม่ดีกว่าหรอ คิดได้เช่นนั้นจึงจะกลับหลังหันเพื่อนเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็มีมือหนึ่งยื่นมาปิดปากเขาไว้ก่อนก่อนจะลากตัวเขาไปยังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
“ไออ้า!! อ่อยอะเอ้ยยย!!” ตะโกนนออกมาด้วยเสียงอู้อี้ ร่างเล็กดิ้นอยู่ภายใต้อ้อมกอดของใครบางคน กลิ่นประจำของคนตัวโตที่อยู่ข้างหลังเขา เขาจำมันได้ดี จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่เขากำลังตามหาอยู่นั่นเอง..
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะชางบิน” ฮยอนจินพูดใส่คนตัวเล็กี่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อื้ออออ” ร่าเล็กยังคงออกแรงดิ้นอยู่เหมือนเดิม โดยไม่สนใจในคำถามของอีกฝ่าย ฮยอนจินเห็นดังนั้นจึงปล่อยมือออกจากปากของอีกคน โดยที่ยังคงกอดคนตัวเล็กเอาไว้ เมื่อเจ้าตัวเป็นอิสระได้ก็หอบหายใจเข้าออกทันที
“ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว” เมื่อชางบินได้ยินเช่นนั้นก้ฌริ่มออกแรงดิ้นอีกครั้งจนทำให้แขนแกร่งยอมปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ ชางบินหันกลับไปเผชิญหน้าอีกคน พร้อมกับหายใจเข้าลึกๆก่อนจะระเบิดคำพูดออกมา..
“รู้ว่าตัวเองขายาวส่วนฉันมันขาสั้นก็ช่วยเดินให้มันช้าๆไม่ได้หรือไง! คิดแต่ว่าคนอื่นจะต้องเดินตามนายให้ทัน คิดว่าคนอื่นจะเหมือนนายไปซะทุกคนหรือไง! เออ ขอโทษที่ขาฉันมันสั้นกว่าแล้วกัน แล้วอีกอย่างนะ ฉันยังขาเจ็บอยู่ ช่วยเดินช้าๆที ฉันไม่ใช่เดอะแฟลช!” โวยวายจบก็หอบหายใจในทันที ฮยอนจินมองอีกคนก่อนจะปล่อยขำออกมาลูกใหญ่ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งพร้อมกับดึงหน้าตึงใส่อีกคนในทันที
“ขำอะไร! ตลกมากหรือไง!”
“นายนี่ก็รู้ตัวนะว่าขาสั้น”
“อะ..ไอบ้า!! จิ๊ส์” ส่งเสียงออกมาอย่างขัดใจก่อนจะหันตัวกลับไปอีกด้านพร้อมกับนั่งลงบนพื้นอย่างไม่กลัวสกปรก เสียงหัวเราะของอีกคนเบาลง ไม่นานนักคนตัวสูงก็เดินอ้อมมานั่งชันเข่าอยู่ข้างหน้าเขา ก่อนจะดึงข้อขาของเขาไปอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อยจึงพยายามยั้งขาตัวเองไว้แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ถ้ายังไม่อยากอดตายในป่าก็ช่วยหยุดดื้อก่อนได้มั้ย” พูดจบก็ก้มลงไปเช่นเดิม มือหนาค่อยๆดึงรองเท้ากับถุงเท้าของอีกคนออก ก่อนจะใช้มือลูบเบาๆบริเวณข้อขาของอีกคน สายตาคมถูกส่งมาอีกครั้ง คนถูกดุทางสายตารู้ตัวทันทีจึงรีบหลบสายตาของอีกคน ฮยอนจินถอนหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะใส่รองเท้ากลับคืนให้อีกคน
“ทำไมเมื่อเช้านายไม่รู้จักทายา นายมาเป็นพาร์ทเนอร์ของฉันนายต้องดูแลฉัน ไม่ใช่ฉันต้องไปดูแลนาย เหมือนนายจะเข้าใจผิดในเรื่องนี้นะชางบิน”
“...” เจ้าตัวดื้อไม่มีปฏิกริยาตอบกลับใดๆ ฮยอนจินถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะขยับตัวหันหลังให้อีกคน
“ขึ้นหลังฉันซะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็มืดซะก่อน แล้วไม่ต้องสำคัญตัวล่ะ ฉันแค่ไม่อยากชักช้ามีคนพิการค่อยๆย่องตาม มันน่ารำคาญ” เมื่อเขาพูดจบก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากคนตัวเล็ก
“ชางบิน ฉันนับ 1-3 ถ้านายยังไม่ขึ้นหลังฉันมาดีๆ ฉันจะวิ่งหนีนายออกจากป่าเดี๋ยวนี้” ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มนับ เจ้ากระต่ายแสนดื้อก็มาเกาะที่หลังของเขาทันที ฮยอนจินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นเต็มตัว “ขึ้นหลังดีๆตั้งแต่แรกก็จบ เป็นพวกซาดิสม์หรือไงชอบให้ฉันใช้ความรุนแรงไม่ก็บังคับกันตลอดเวลา คืนนี้ฉันจะได้จัดให้ จะเอาให้ร้องไม่ออกเลย” มือเล็กฟาดเข้ายังไหล่กว้างที่แบกเขาอยู่อย่างลืมตัว
“ขอโ.. เห้ย! โอ้ยย!!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดขอโทษดี แขนแกร่งที่แบกเขาไว้จู่ๆก็ปล่อยเขาลงทันทีโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว ทำให้ก้นของเขากระแทกพื้นอย่างเเรง มือเล็กได้แต่ลูบก้นตัวเองเบาๆ โดยที่มีคนตัวสูงยืนมองอยู่อย่างนั้น
“เหมือนนายจะลืมตัวไปแล้วนะชางบิน ว่าฉันกับนายชนชั้นมันต่างกัน การที่ฉันดึงนายมาเป็นพาร์ทเนอร์ไม่ใช่ว่านายจะทำอะไรกับตัวฉันก็ได้” คนตัวสูงยืนกอดอกมองเขาที่ค่อยๆยันตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ ไม่นานนักมือหนาก็ถูกยื่นมาหน้าเขาอีกครั้ง ชางบินมองมือนั่นก่อนจะทำเป็นไม่สนแล้วยืนขึ้นด้วยตัวเอง คนตรงหน้าดึงมือกลับก่อนจะหันหลังแล้วย่อตัวให้เขาอีกครั้ง คนตัวเล็กเบะปากใส่อีกคนก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผมมันแค่เด็กทุนมิบังอาจกล้าขึ้นขี่หลังที่สูงส่งอย่างคิงหรอกครับ” ฮยอนจินได้ยินดังนั้นก็อดที่จะรู้สึกขัดใจไม่ได้ในความดื้อรั้นของอีกคน ร่างสูงลุกขึ้นยืนกาอนจะเดินนำออกไป โดยมีคนตัวเล็กที่เดินตามมาอย่างช้าๆ
ระหว่างทางที่เดินกันไปฮยอนจินได้อธิบายถึงเส้นทางต่างๆให้คนตัวเล็กได้รู้ไว้ เพื่อที่จะไม่เป็นอันตรายต่อพาร์ทเนอร์ของตน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเข้าทุกทีทั้งสองก็ยังคงเดินต่อไป ผ่านไปสักพัก จู่ๆร่างสูงตรงหน้าก็หยุดเดินขึ้นมาดื้อๆ ดีที่ตัวเขายังเบรกตัวเองไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังต้องได้มีเจ็บตัวอีกแน่ๆ เขามองไปยังเบื้องหน้าก็พบบ้านหนังหนึ่งที่ดูจากสภาพแล้วเหมือนไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไหร่ คิงตรงหน้าทำท่าเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างก่อนจะหันกลับมาทางเขา
“เดินตามฉันมา แล้วไม่ต้องกลัวล่ะ”
เมื่อพูดจบมือหนาก็ดึงมือเขาไปจับในทันที มือเล็กขัดขืนได้เพียงนิดเดียวก็ต้องหยุดลง เมื่ออีกฝ่ายหันมาส่งสายตาเป็นเชิงดุใส่เขาอีกครั้ง “อย่าดื้อ แล้วถ้าฉันพูดอะไรไปก็ไม่ต้องขัด ถ้ายังไม่อยากจบชีวิตไว้ที่นี่” เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงได้แต่พยักหน้าให้อีกฝ่ายแบบส่งๆก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายดึงไปตามทาง
..ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นหมาหรือเปล่า ดุได้ดุดี
ประตูไม้เก่าตรงหน้าถูกเปิดออกโดยคนตัวสูง ขายาวก้าวเข้าไปภายในบ้านเก่าอย่างไม่ลังเลพร้อมกับกระชับมือเล็กที่ตนกอบกุมอยู่ให้แน่นขึ้น ภายในบ้านมีเพียงแสงไฟสลัวๆจากเทียนที่อยู่บริเวณโดยรอบเพียงเท่านั้น จะว่าโรแมนติกก็ไม่ใช่ จะน่ากลัวก็ไม่เชิง ชางบินหันไปปิดประตูด้วยมือข้างที่ว่างก่อนจะหันกลับมาหาร่างสูงอีกครั้ง ฮยอนจินยังคงอยู่เฉยๆไม่ขยับไปไหน พร้อมกับสายตาที่คอยสอดส่องโดยรอบบริเวณ ด้วยประสาทหูที่ไวต่อการเคลื่อนไหว ฮยอนจินจับได้ถึงเสียงบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“นายพาฉันมาที่ไหน”
“เงียบ” น้ำเสียงที่จริงจังของอีกฝ่ายทำให้คนตัวเล็กรีบทำตามทันทีโดยไม่ต้องรอให้อีกคนดุเช่นทุกครั้ง เนื่องจากบรรยากาศมันช่างไม่ต่างอะไรจากบ้านแม่มดในหนังแม้แต่นิด ระหว่างที่ดวงตากลมกำลังงมองรอบๆด้วยความหวาดระแวงนั้น ก็มีสิ่งหนึ่งมาสัมผัสที่แขนของเขาคล้ายจะเป็นนิ้วมือของคนก็ไม่ปาน แต่ยังไม่ทันที่สิ่งนั้นจะได้สัมผัสเขาอย่างเต็มที่ ตัวเขาก็ถูกดึงไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอย่างรวดเร็ว
“ซิสเตอร์ช้าก่อนครับ! คนนี้คือซอ ชางบิน เป็นคนของผม เขาไม่มีอันตรายใดๆครับ” คนตัวโตพูดออกมาด้วยความรวดเร็ว
“จะแน่ใจได้ยังไง!!” น้ำเสียงหญิงชราที่แหบแห้งตะโกนออกมาจากทางด้านที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ คนตัวเล็กตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด แขนแกร่งกระชับกอดอีกคนแน่นขึ้น หัวทุยซุกเข้าที่อกหนาด้วยความหวาดกลัว มือเล็กเกาะรั้งเสื้ออีกคนไว้แน่น
“ผมเอาตัวผมเป็นประกันเลยครับ ผมไม่เคยพาใครมาหาซิสเตอร์เลยสักคนนับตั้งแต่ที่ผมเริ่มเหยียบเข้ามาอาณาเขตของโรงเรียนนี้เป็นครั้งแรกจนถึงตอนนี้” ฮยอนจินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเงียบอีกครั้ง ชางบินไม่รู้ว่าคิงตรงหน้ากำลังคุยกับอะไร แต่ที่เขารับรู้ได้ก็คือความน่ากลัวที่แผ่ออกมาทั่วบริเวณ ไม่นานนักเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ค่อยจับตัวเขาเบาๆ..
“ไม่ต้องกลัวนะ อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ฉันอยู่กับนายตรงนี้” ร่างสูงพูดพร้อมมือที่ลูบหัวทุยที่ซุกอยู่ที่อกเขาเบาๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดสั่นยิ่งขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆที่แผ่มาทางผิวหนังของซิสเตอร์ที่อีกคนเรียก ฮยอนจินได้เพียงแต่กอดปลอบอีกคนไว้ เขาแค่ต้องการให้อีกคนปลอดัยก็เท่านั้น ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ ในคืนประเพณีเจ้ากระต่ายของเขาต้องปลอดภัยแน่ๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีในระยะเวลาที่รวดเร็วโดยเขาไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ
.
ไม่ต้องกังวลว่าในสองชั่วโมงก่อนที่เขาจะลงนั้นกระต่ายจะถูกเหล่านายพรานต่างๆดักหรือไม่
.
ไม่ต้องกลัวว่ากระต่ายของเขาจะกลายเป็นของประมูลที่ล้ำค่าให้เหล่าไฮยีน่าผู้หิวกระหาย
.
คนที่จะรังแกเจ้ากระต่ายตัวนี้ได้..
…
…
..ต้องมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น..
ความคิดเห็น