ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #21 : เขียวหวานน่ารัก ~ 21 ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.83K
      48
      18 มิ.ย. 60



    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 21

    Fiction by 2nd Admin 

    .

    .

    . 


                “เขียวหวานน่ารัก หลับยังน่ารัก ฝันดีนะครับ โอ๊ยยยย อยากจะกรี๊ดให้ลั่น คนบ้าอะไรหลงแฟนชะมัด น่ารักเป็นบ้า”

                ดูเอาเถอะ ชื่นชมกันเข้าไป คนหลงแฟนที่ว่านั่นแอบถ่ายรูปคนอื่นตอนหลับนะ แถมยังโพสต์ลงไอจีอวดแฟนคลับตัวเองอีก น่าอายจะตายไป อี้ชิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ได้แต่ฟุบลงกับโต๊ะแล้วทุบกำปั้นลงหนักๆ ด้วยความเจ็บใจ

                คนตัวขาวจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเผลอหลับไปตอนไหน ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็อยู่บนเตียงตัวเองแล้ว คิดว่าคงเดินสะลึมสะลือเข้าห้องนอนไปเองโดยไม่รู้ตัว ยังไม่รู้เรื่องที่โดนแอบถ่ายจนกระทั่งจงแดไลน์มาบอกให้เข้าชมรมแต่เช้า พอเห็นรูปในไอจีพ่อคนดังเท่านั้นแหละ ต้องโทษตัวเองที่เผลอหลับจนโดนแกล้งเอาได้ ทั้งเคืองทั้งอายจนนึกอยากจะเอาคืนนัก นี่ถ้าเห็นก่อนจะไม่ยอมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาด้วยแน่ๆ

                “ทั้งกระทู้ข่าวทั้งไอจีรุ่นพี่เมื่อคืนกลบกระแสคลิปเสียงได้จริงๆ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นเลย รุ่นพี่นี่ฉลาดชะมัด นายรอดตัวแล้วนะอี้ชิง” คนมีความผิดติดตัวย่นจมูกใส่ ต้องให้โค้งขอบคุณงามๆ ด้วยเลยไหมล่ะ

                “นอกจากจะแก้ข่าวได้แล้วนะ แฮชแท็กรุ่นพี่นี่ยังทำเอาสาวๆ กรีดร้องกันแทบคลั่ง คนหล่อหลงแฟนนี่มันน่ารักจริงๆ เลยว่าไหม”

                “ว่าแต่ เขียวหวานน่ารัก เขียวหวานนี่หมายถึงอี้ชิงเหรอ?”

                “ก็ใช่น่ะสิ รุ่นพี่เค้ามีชื่อเล่นมุ้งมิ้งไว้เรียกแฟนด้วย น่ารักใช่ไหมล่ะ” น่ารักตายล่ะ! อี้ชิงปรายสายตามองลู่หานด้วยความหมั่นไส้ เห็นดีเห็นงามไปกับหมอนั่นเสียทุกเรื่องจริงๆ

                “แล้วอะไรคือเขียวหวาน?”

                “แกงเขียวหวานไง อาหารไทย ของโปรดอี้ชิงเค้า”

                “อ้อ นี่สนิทกันถึงขนาดรู้เรื่องอาหารโปรด?”

                “แน่นอน ก็เป็นแฟนกันนี่ เนอะชิงชิง? แฟนหลอกๆ ไหม? ยังมีหน้าเอาศอกมาสะกิดกัน อี้ชิงเลยสะกิดกลับไปบ้างแรงๆ คิมจงแดมองพวกเขาที่แหย่กันไปมาแล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะบอกเสียงเรียบ

                “ก็ดีนะ กุ๊กกิ๊กกันได้เนียนดี แต่ก็อย่างที่เคยบอก ระวังหน่อยล่ะอี้ชิง อย่าเผลอไปหลงรักรุ่นพี่เค้าเข้าจริงๆ เชียว อีกหน่อยถ้าเค้าต้องไป นายจะแย่เอานะ”

     

     

                “จงแดนี่ก็แปลก เป็นคนต้นคิดเรื่องที่ให้ตัวกับรุ่นพี่เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่กลับมาบอกไม่ให้รักกันจริงๆ” ออกจากชมรมมากันแล้วทั้งคู่ลู่หานถึงได้พูด โคลงหัวด๊อกแด๊กอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ทีตอนอยู่กับจงแดไม่เห็นเถียงซักคำ เพื่อนตัวขาวชายตามองแล้วก็ย่นจมูกใส่

                “จงแดน่ะไม่แปลกหรอก ตัวสิแปลก ชอบยัดเยียดเราให้คนอื่นอยู่เรื่อย”

                “คนอื่นที่ไหนกัน นั่นคุณชายอู๋อี้ฟานรูปหล่อ บ้านรวย มีรถสวยขับ อยู่คอนโดหรู แถมมาสายเปย์อีก เพอร์เฟ็คขนาดนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน เราน่ะรักเพื่อนหรอกนะ ถึงอยากให้เพื่อนได้สิ่งดีๆ”

                “ก็ถ้าดีขนาดนั้นทำไมไม่เก็บไว้เองเลยล่ะ”

                “ก็รุ่นพี่ไม่ได้ชอบเรานี่”

                “เค้าก็ไม่ได้ชอบเราเหมือนกัน”

                “เค้าเคยพูดแบบนั้นเหรอ?”

                “ก็...” ไม่เคยถามนี่ อยู่ดีๆ จะให้ไปถามได้ยังไงกัน

                “ไม่เคยพูดว่าไม่ชอบ ก็แสดงว่าชอบ” เอ๊า! “ว่าแต่ตัวเถอะ อยู่ใกล้ๆ พี่เค้าทุกวัน ไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างหรือไง?”

                “มันก็...” จู่ๆ ใจดวงเล็กก็เต้นแรงจนอี้ชิงหงุดหงิด หน้าขาวๆ ร้อนผ่าวเสียจนต้องหันหนีไปทางอื่น เกรงว่าเพื่อนรักเห็นเข้าจะล้อเอา จะให้ตอบอย่างไรได้ ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ อาการผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งที่อี้ชิงไม่เคยเป็น แต่จะเรียกว่าหวั่นไหวได้หรือเปล่านั้น... “เราไม่... อุ๊บ”

                จู่ๆ มือเล็กป้อมก็ตะปบปิดปากทั้งที่ยังพูดไม่จบคำ อี้ชิงแปลกใจจนต้องหันกลับไปมองทางข้างหน้าถึงได้รู้ว่าเพราะอะไร

                “ว่าไงจ๊ะสาวๆ หน้าตาสดใสกันดีจัง” สีหน้าบูดบึ้งของสามสาวที่กำลังเดินสวนมานั้นไม่เห็นเหมือนอย่างที่ลู่หานว่าเลยซักนิด ยิ่งเมื่อพวกหล่อนปรายตามองร่างเล็กขาวที่ยืนอยู่ด้วยกันแล้วก็ทำหน้าเหม็นใส่ เดินเลยไปโดยไม่คิดจะทักกัน แต่ลู่หานไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ รีบตามไปดักหน้าในทันที

                “อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อนสิ แค่จะถามว่าได้เข้าไปอ่านกระทู้ข่าวล่าสุดของชมรมเราหรือยัง? คู่รักคนดังเค้าย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูแคปชั่นจากไอจีรุ่นพี่คริสประกอบได้ อ้อ แต่คงไม่ต้องหรอกเนอะ ก็พวกเธอเป็นแฟนคลับรุ่นพี่นี่นา ป่านนี้คงเข้าไปกดไลค์รูปสุดสวีทในไอจีตามหน้าที่แฟนคลับแล้วล่ะ จริงไหม?” ริมฝีปากแดงๆ ถูกกัดเม้มแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะหลุด นิ้วเรียวๆ กับเล็บคมๆ นั้นกางออกอย่างน่าหวาดเสียว แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นกำมือแน่น สามสาวสะบัดหน้าพรืดแทบจะพร้อมกันก่อนจะเดินเลยไปโดยที่ลู่หานก็ไม่ตามไปตอแยซ้ำ อี้ชิงส่ายหน้าพลางใช้สายตาติติงเมื่อเพื่อนรักหัวเราะสนุก

                “ไปหาเรื่องพวกเธอทำไม”

                “ก็ทดสอบปฏิกิริยาดูไง อยากรู้ว่าถ้ารุ่นพี่ออกตัวแรงขนาดนี้แล้วพวกสาวๆ จะยังกล้าหาเรื่องตัวอยู่หรือเปล่า แต่ท่าทางจ๋อยแบบนี้คงไม่มายุ่งกับตัวไปซักพัก สบายใจได้ ว่าแต่ ตกลงกลางวันนี้ยังไง จะไปกินข้าวด้วยกันหรือนัดกับรุ่นพี่ไว้แล้ว?

                “เห็นว่าไม่มีเรียนช่วงบ่าย จะออกไปทำธุระแล้วกลับมาซ้อมเย็นๆ เลย” ธุระอะไรก็ไม่ได้ถามหรอก จะกินข้าวก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งเจอหน้ากันเลยก็ดี

                “โอเค งั้นตอนกลางวันเจอกันที่แคนทีนนะ”

                เดินมาส่งอี้ชิงถึงหน้าตึกคณะแล้วลู่หานก็โบกมือบ๊ายบายก่อนจะแยกกัน มองตามแผ่นหลังเพื่อนแล้วคนตัวขาวก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ช่วงหลังๆ มานี่ เพื่อนรักไม่ค่อยมีเวลาให้เลย นานๆ ทีได้กินข้าวด้วยกันก็อยากจะดีใจ แต่พอนึกได้ว่าต้องได้เจอกับคนเกือบทั้งมหาวิทยาลัยที่แคนทีน อี้ชิงก็ชักไม่อยากไปที่นั่น ขนาดแค่เดินเข้าตึกเรียนแล้วพบว่าตลอดทางมีแต่คนมองจ้อง คนตัวเล็กยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำ ใครทักเข้าหน่อยก็ถึงกับสะดุ้งด้วยความระแวง กว่าจะถึงห้องเรียนได้ก็เล่นเอาตัวเกร็งไปหมด

                ต่างกับเพื่อนรักที่เดินยืดอกอย่างอารมณ์ดี ส่งยิ้มให้คนโน้นทีคนนี้ทีจนพร่ำเพรื่อ อี้ชิงก็อยากเป็นแบบลู่หานที่ปรับตัวเก่งนัก สนุกได้กับทุกเรื่องจนน่าอิจฉา ขนาดมากินข้าวแล้วมีคนคอยจ้อง ยังทำตัวร่าเริงได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่ไง ลองมาอยู่ในสถานะแฟนคนดังแบบเขาดูบ้าง ก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนั่นแหละ

                เลิกเรียนแล้วอี้ชิงก็รีบเก็บของแล้วจ้ำอ้าวออกมาจากคณะโดยไม่รอใคร มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่นัดกันไว้กับแฟนโดยไม่แวะไถลไปที่อื่น ได้ยินเสียงใครพูดอะไรตามรายทางก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย กระทั่งมาถึงหน้าประตูโรงยิมฯ คนตัวเล็กชะโงกหน้าเข้าไปมองก่อน เห็นว่าไม่มีใครอื่นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ค่อยลดเสียงฝีเท้าขณะที่เดินเข้าไปด้วยเกรงจะรบกวนสมาธิของคนที่กำลังซ้อมชู้ตลูกอยู่ลำพัง แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี คนตัวขาวยิ้มทักเมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็น

                “หวัดดีฮะรุ่นพี่”

                “สวัสดีจางอี้ชิง”

                “ผมมารบกวนหรือเปล่า?”

                “ไม่เลย ฉันก็แค่ซ้อมฆ่าเวลาไปงั้น” กัปตันร่างสูงพักลูกบาสไว้ในมือตอนที่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหารุ่นน้องก่อน “คริสยังไม่มาหรอกนะ เห็นว่าจะไปทำธุระก่อน”

                “ทราบแล้วครับ”

                “อ่า นั่นสินะ ฉันก็ลืมไป เป็นแฟนกันก็ต้องรู้ก่อนอยู่แล้วจริงไหม” คนตัวเล็กไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มเจื่อน เกานิ้วกับข้างแก้มเบาๆ รุ่นพี่กลับเห็นเป็นขวยเขินจึงได้นึกเอ็นดูนัก

                “ว่าแต่ เรื่องเมื่อวันก่อนน่ะ ปรับความเข้าใจกันดีแล้วสินะ” ตาคู่สวยเบิกกว้างน้อยๆ ก่อนจะหรี่ลงแล้วเลี่ยงหลบเมื่อเข้าใจในความหมาย ครั้งสุดท้ายที่อี้ชิงมาที่สนามก็ตอนที่ตั้งใจจะเอาโทรศัพท์มาคืนเจ้าของ แต่นอกจากจะไม่ได้คืนแล้วยังทำเรื่องน่าขายหน้าเอาไว้อีก จำได้ว่าตอนนั้นอยู่กันครบทีมเลยด้วยซ้ำ แค่คิดแก้มใสยังร้อนผ่าวด้วยนึกอาย รุ่นน้องผงกศีรษะปะลก เอ่ยขอโพยรุ่นพี่เสียงอ่อย

                “ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”

                “ไม่เป็นไรเลย แค่นายไม่ลำบากใจที่จะมาที่นี่อีกก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ วันนั้นในสนามไม่มีคนอื่น ส่วนลูกทีมฉันก็สั่งให้ปิดปากให้หมด ไม่มีใครเอาไปพูดต่อให้นายกับคริสเสียหายแน่”

                “ขอบคุณมากครับ”

                “แต่ว่าตอนนี้ก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วนี่นา คนเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันทุกวันต้องมีความสุขมากแน่ๆ น่าอิจฉาจังเลยน้า” กัปตันตัวสูงยิ้มแซวจนตาแทบปิด พอรุ่นน้องก้มหลบก็ยังโน้มใบหน้าลงหาด้วยหมายจะเห็นแก้มแดงๆ ให้ชัด แต่ความน่ารักของเด็กขี้อายกลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดซึ่งดังมาจากหน้าโรงยิมฯ

                แสงแดดยามเย็นที่สาดส่องยิ่งทำให้เงาร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังเดินผ่านประตูหน้าเข้ามานั้นเด่นชัด บรรดาแฟนคลับซึ่งเพิ่งจะตามเข้ามาถึงกับคุมสติแทบไม่อยู่เพียงได้เห็นแค่เสี้ยวหน้าของหนุ่มหล่อ ภาพลักษณ์ที่แปลกตายิ่งเรียกความสนใจได้มากขึ้นกว่าทุกวัน แม้กระทั่งคนในทีมเดียวกันที่เดินตามหลังมายังอดจะผิวปากแซวไม่ได้ กัปตันคนเก่งมองลูกทีมคนดังซึ่งวันนี้หล่อเป็นพิเศษแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ แกล้งส่งบอลให้แรงๆ เมื่ออีกฝ่ายเดินใกล้เข้ามา

                “แค่เดินเข้ามาก็ทำเอาฮือฮากันทั้งสนามเลยนะ” คนดังยักคิ้วรับ ส่งบอลคืนให้กัปตันแล้วเลื่อนสายตามองใครอีกคนที่เผยอริมฝีปากพลางกระพริบตามองเขาอย่างเหวอๆ

                “คิดยังไงไปเปลี่ยนสีผม?”

                “แฟนไม่ชอบ ก็เลยเปลี่ยน” ตอบง่ายๆ แต่เสียงโห่แซวจากคนกันเองกลับยิ่งดัง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นแฟนสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่อทุกสายตาในสนามหันมาจับจ้อง เนื้อตัวยิ่งพลอยจะร้อนเมื่อมองสบกับดวงตาเล่ห์ร้ายของคนที่เป็นเป้าสายตาไม่ต่างกัน

                “แหม สวีทกันไม่เกรงใจแฟนคลับเลยนะ รูปในไอจีเมื่อคืนก็ทีนึงละ”

                “เพิ่งจะเข้าหอเป็นคืนแรก วันนี้จะมีแรงซ้อมไหมเนี่ย” เพื่อนร่วมทีมผลัดกันแซวพลางตบหลังตบไหล่ต่างสูงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉา ทุกสายตาที่มองมาไม่บอกก็รู้ว่าคิดอะไร อี้ชิงรีบสั่นหน้าแก้ตัวเป็นพัลวัน

                “ม.. ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!

                “ดูสิ เจ้าตัวเล็กเขินหน้าแดงไปหมดแล้ว”

                “อีกหน่อยคงต้องเปลี่ยนพื้นสนามเป็นสีชมพูซะแล้วล่ะมั้งกัปตัน จะได้เข้ากับบรรยากาศ” เสียงวี้ดวิ้วผิวปากผสมเสียงโห่แซวดังขึ้นอีกระลอก แต่คนตัวสูงกับยิ้มรับอย่างไม่สะท้าน มีเพียงรุ่นน้องร่างเล็กที่สั่นหัวไปมา พยายามจะแก้ตัวแต่กลับไม่มีใครฟัง หน้าแดงๆ นั้นบอกชัดว่าเจ้าตัวเล็กของคนทั้งทีมกำลังอายไปถึงไหน น่าเอ็นดูเท่าไหร่แต่กัปตันก็ต้องปรามด้วยเกรงจะทำให้รุ่นน้องต้องอึดอัด

                “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาพร้อมกันที่สนามภายในสามนาที ใครช้าที่สุดต้องถูกทำโทษ นับหนึ่ง!” ลูกทีมสะดุ้งตัวโหยงเมื่อน้ำเสียงเข้มงวดออกคำสั่ง รีบแย่งกันวิ่งเข้าห้องพักไปอย่างกะตือรือร้น แน่นอนว่าคนที่กุมอำนาจสูงสุดในสนามได้แต่ส่ายหน้าตามหลัง เจ้าของความสูงระดับไล่เลี่ยกันยื่นมือไปตบไหล่กว้างของคริสเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กำลังใจรุ่นน้องร่างเล็กแล้วจึงเดินตามลูกทีมเข้าไปในห้องพัก เปิดโอกาสให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง

                อี้ชิงพรูลมหายใจเสียยาวเหยียดก่อนจะนาบหลังมือลงบนแก้มร้อนๆ ของตัวเอง โดนรุมแซวจนทำตัวไม่ถูกเลย คนในทีมเข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว คนตัวขาวได้แต่ครางงี้ดๆ อยู่ในใจ เสียหายไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ตาบ้านี่ก็ไม่รู้จักแก้ตัวอะไรบ้างเลย ตวัดสายตามองอีกฝ่ายที่เอาแต่อมยิ้มแล้วก็ยิ่งหัวเสียนัก อารมณ์ดีอะไรนักหนาก็ไม่รู้

                “ยิ้มอะไร?” อี้ชิงถาม แต่ในทันทีก็แทบจะต้องถอยหลังเมื่อจู่ๆ ใบหน้าหล่อก็เคลี่อนเข้ามาใกล้

                “หล่อขึ้นไหม?”

                “อ.. อะไรนะ?”

                “ก็นายเคยบอกว่าไม่ชอบฉันเพราะสีผม ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว ชอบขึ้นบ้างหรือยัง?” ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวเอาปอยผมที่ข้างแก้มใสพันม้วนเล่น แต่อี้ชิงกลับไม่มีท่าทีจะถือสา ตาคู่สวยช้อนมองเรือนผมซึ่งเคยเป็นสีน้ำตาลอ่อน มาบัดนี้กลับกลายเป็นดำสนิทเช่นเดียวกันกับของเขา ยังได้กลิ่นน้ำยาเคมีจางๆ อยู่เลย ธุระที่คริสว่าคือเรื่องนี้น่ะหรือ อี้ชิงเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยพูดอะไรไว้ ในตอนนั้นก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจัง ไม่สิ ไม่เห็นจะต้องคิดจริงจังเลย เขาจะชอบหรือไม่ชอบแล้วยังไง ไม่มีผลอะไรกับคนดังเสียหน่อย แฟนกันจริงๆ ก็ไม่ใช่ คริสจะมาแคร์คำพูดของเขาทำไมกัน

                “ว่าไงล่ะ ชอบไหม?” ยังถามย้ำให้หัวใจเต้นแรงเสียอย่างนั้น เลื่อนสายตาจากเรือนผมที่เซ็ตทรงมาอย่างดี ดวงตาคมที่ฉายแววเล่ห์ร้ายก็รอรังแกกันอยู่ อี้ชิงถอยใบหน้าออกห่างเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนเกินไป เสียงกรีดร้องของสาวๆ จากท้ายสนามนั้นแว่วดังเข้ามาในหู ฉุดสติให้คนตัวเล็กได้รู้ว่าเขาทั้งคู่หาใช่อยู่กันตามลำพัง อี้ชิงยกมือขึ้นตีอกอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

                “ป.. ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก”

                เพียงคำถามเดียวยังทำเอาคนคิดช้าไปต่อไม่ถูก ใจเต้นแรงจนมือไม้สั่นไปหมด พูดจาก็เริ่มไม่เป็นคำแล้ว แต่คนตัวโตก็ยังมองอยู่ได้ ไล่ไม่ไปซ้ำยังยิ้มขัน ทำไมต้องทำสายตาแบบนี้ด้วยนะ ก่อนออกจากร้านได้ส่องกระจกบ้างหรือเปล่า ยิ้มแบบนี้ กับเส้นผมและเรียวคิ้วสีเข้มแบบนี้...

     

                ให้ตายเถอะ

     

                แล้วทำไมเราต้องเขินขนาดนี้ด้วยนะ!




     

     

                วิบากกรรมของจางอี้ชิงไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น ต่อให้อยากออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน แต่จะกลับก่อนก็ไม่ได้เพราะไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้อง จะแว่บไปนอนเล่นที่หอ ลู่หานก็ซ้อมบอลยังไม่กลับ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งแกร่วรอแฟนอยู่ข้างสนาม ให้นั่งรออย่างเดียวอย่างมากก็คงแค่เบื่อ แต่นี่ต้องนั่งท่ามกลางเสียงกรี๊ดกดดันจากบรรดาแฟนคลับที่ดูเหมือนจะกรีดร้องดังกว่าทุกวัน อี้ชิงก็ทำตัวแทบไม่ถูก พยายามสนใจแต่ลูกบอลสีส้มที่เด้งไปมาในสนามก็แล้ว หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็แล้ว แต่ทุกครั้งที่คนดังได้จับบอล เสียงกรีดร้องก็ดังจนแทบจะต้องยกมือขึ้นปิดหูด้วยความรำคาญ คนในสนามทนกันได้ยังไงก็ไม่รู้ อี้ชิงยังนึกอยากจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดเลย คนตัวเล็กถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ก่อนจะหยิบขวดน้ำที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมา พอจะยกขึ้นดื่มก็ถึงกับเซ็งเพราะเพิ่งรู้ว่ามันหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ จะออกไปเติมน้ำก็นึกหวั่นเพราะสาวๆ เยอะแยะขนาดนั้น ให้เดินฝ่าออกไปคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ลุกขึ้นยืนแล้วชะเง้อคอมองไปทางประตูหลังของโรงยิมฯ เห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก็คลี่ยิ้มน้อยๆ อย่างโล่งใจ แต่เพียงแค่ก้าวขายังไม่ทันได้ไปไหน เสียงทุ้มของคนตัวใหญ่ก็ถามขึ้น

                “จะไปไหน?” สะดุ้งน้อยๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่ควรจะจดจ่ออยู่แต่เกมในสนามจะหันมาเห็น แต่สายตาคาดคั้นเหมือนว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ ที่กำลังหนีเที่ยวนั่น เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะบึนปากแล้วกรอกตาใส่ เพียงเท่านั้นคริสก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษเพื่อนๆ ในสนามแล้วเดินออกมาถามเสียจนใกล้ “ถามว่าจะไปไหน?”

                นั่นไงล่ะ เป็นเรื่องอีกจนได้ อี้ชิงถอนหายใจเนือยๆ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นให้เห็น

                “ไปเติมน้ำ น้ำหมด”

                “เติมที่คูลเลอร์นี่ก็ได้”

                “ไม่เอาอ่ะ นี่ของทีม”

                “แล้วไง?”

                “ก็เก็บไว้ให้คนในทีมสิ ฉันไปเติมข้างนอกได้” บอกแล้วรีบหันหลังเพราะไม่อยากต่อความ แต่ในทันทีต้นแขนก็ถูกคว้า

                “บอกให้เติมที่นี่ไง”

                “เอ๊ะ นายนี่!” น้ำเสียงทุ้มดุนั้นทำเอาอี้ชิงนึกฉุน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบังคับกับแค่เรื่องไปเติมน้ำ เขาไม่ได้ถูกกักบริเวณเสียหน่อย แต่เสียงกรี๊ดที่ดังเข้าหูนั้นทำเอาลืมความขุ่นเคืองไปจนสิ้น หันมองไปทางกลุ่มแฟนคลับแล้วก็ต้องรีบหันกลับพลางดึงแขนคืนด้วยนึกระแวง นี่ใกล้เกินไปสินะถึงได้กรี๊ดเอาๆ หวงขนาดนี้ไม่ยุ่งก็ได้ “รู้แล้วๆ เติมที่นี่ก็ได้”

                เพราะแรงขืนไม่มากพอเลยต้องรอให้คริสปล่อยแขนตัวเองจึงได้เป็นอิสระ คนตัวขาวตะบึงตะบอนไปเติมน้ำในคูลเลอร์ใหญ่ซึ่งเตรียมไว้ให้สมาชิกในทีม โดยที่คนตัวสูงก็ยืนกอดอกมองจนพอใจแล้วถึงได้กลับลงสนาม อี้ชิงได้แต่ย่นจมูกตามหลัง เอาแต่ใจตัวเองชะมัด ชอบออกคำสั่งจนเคยตัวแล้วหรือไง!

                กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง การซ้อมถึงได้สิ้นสุด พอกัปตันคนเก่งให้สัญญาณลูกทีมก็แยกย้ายกันไปพัก ส่วนใหญ่จะเดินตรงมาหาผ้าขนหนูและน้ำดื่มในที่พักข้างสนามซึ่งอี้ชิงนั่งอยู่ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะเกะกะจึงได้ลุกขึ้นหลีกทางให้ ไม่ทันระวังเลยถอยหลังไปชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของคนที่เข้ามาประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว คนตัวขาวร้องอุ้ย ก่อนจะต้องจิ๊ปากแล้วถลึงตาใส่เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใคร ชอบเข้ามาใกล้ไม่ให้สุ้มให้เสียงนักเชียว

                “น้ำล่ะ?”

                “ห๊ะ?”

                “ขวดน้ำ หิวน้ำ เร็ว” แบมือมารอแล้วกวักเร่งเหยงๆ อี้ชิงเหวอไปนิดแต่สุดท้ายก็นึกออก หยิบขวดน้ำจากกระเป๋าเป้แล้วส่งให้ ให้เติมน้ำจากคูลเลอร์จะได้มาแย่งดื่มได้แบบนี้เองสินะ “ผ้าขนหนูด้วยสิ”

                ได้คืบจะเอาศอกไปอีก คนตัวเล็กจิ๊ปากแต่ก็ยอมไปหยิบมาให้ ดูเหมือนอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กๆ น้อยๆ จะไม่มีผลกับคนหน้ามึนซักเท่าไหร่ เพราะคริสยังใช้ผ้าขนหนูบรรจงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและลำคออย่างใจเย็น กระทั่งคนอื่นๆ ทยอยหายเข้าไปในห้องพักกันหมดแล้ว คริสก็ยังนั่งแช่อยู่ในที่พักนักกีฬาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน จนเป็นอี้ชิงเองที่เริ่มจะหมดความอดทนกับเสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง น่าทึ่งที่การส่งเสียงกรีดร้องเป็นเวลานานนั้นไม่สามารถทำอะไรลำคอเล็กๆ ของพวกเธอได้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมกัน

                “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ” อี้ชิงจึงนั่งลงข้างๆ แล้วเอามือสะกิดเร่ง แต่คริสกลับเลิกคิ้วสงสัย ยกคอเสื้อขึ้นดมกลิ่นผ่านๆ

                “ทำไม? เหม็นเหงื่อเหรอ?”

                “เปล่า ฉันอยากรีบกลับ การบ้านเยอะ” คนดังพยักหน้าช้าๆ ยกขวดน้ำขึ้นดื่มอีกสองสามอึกก่อนจะคืนให้ถึงมือแฟนแล้วลุกขึ้น

                “ก็ได้ รอแป๊บนึง”

                มองตามแผ่นหลังกว้างจนหายเข้าไปในห้องพักนักกีฬาแล้วอี้ชิงก็ถอนหายใจเบาๆ เก็บขวดน้ำลงกระเป๋าก่อนจะหันไปมองกลุ่มแฟนคลับที่ยังรออยู่รอบสนามด้วยนึกขยาด ที่จริงแล้วการบ้านก็ไม่ได้เยอะอะไร อี้ชิงแค่รู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าต้องอยู่ในนี้นานๆ เป็นเพราะกระทู้ข่าวที่จงแดลงไปเมื่อคืนนั่นแหละ แรงหมั่นไส้ของสาวๆ จะทำอะไรเขาได้บ้างก็ไม่รู้ รีบกลับออกไปพร้อมคนอื่นๆ จะดีกว่า

                แต่แป๊บนึงที่ว่าของคนดังนี่ก็นานพอสมควรเลย จนลูกทีมคนอื่นๆ ทยอยกันกลับออกมา โบกมือบ๊ายบายก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปจนเกือบหมดแล้ว อี้ชิงชะเง้อคอรอและมองหา คริสเพิ่งจะเดินออกมาคนสุดท้ายตามหลังกัปตัน คนตัวขาวลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที

                “ไงอี้ชิง จะออกไปพร้อมกันเลยไหม?” รุ่นพี่ชักชวนพร้อมรอยยิ้ม อี้ชิงก็พยักหน้ารับอย่างกะตือรือร้น

                “ครับ” คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วกระชับสายอย่างเตรียมพร้อม ครั้นพอจะออกเดิน คนเป็นแฟนซึ่งตามมาทีหลังกลับนั่งลงบนม้านั่งเสียอย่างนั้น “ทำอะไรน่ะ?”

                “ผูกเชือกรองเท้า” คริสตอบอย่างใจเย็น ใจเย็นพอๆ กับตอนที่ก้มลงดึงปมเชือกรองเท้าออกแล้วบรรจงผูกมันใหม่ทีละข้าง ชักช้าเสียจนคนรอต้องร้อนใจ อี้ชิงหันไปมองตามหลังรุ่นพี่กัปตันที กลับมามองแฟนตัวเองทีพลางซอยเท้าถี่ๆ เป็นเชิงกดดัน แต่ดูเหมือนคริสจะไม่กะตือรือร้นเอาเสียเลย

                “เร็วๆ หน่อยสิ ฉันรีบนะ”

                “ทำไมต้องรีบ?”

                “บอกแล้วไงฉันต้องรีบกลับไปทำการบ้าน”

                “ช้านิดช้าหน่อยคงไม่ทำให้การบ้านนายเสร็จช้าลงหรอกมั้ง” คนตัวเล็กได้แต่ร้องฮึ่ยฮ่ายอย่างขัดใจ หันไปมองแผ่นหลังของคนที่หมายจะให้เดินไปเป็นเพื่อนซึ่งตอนนี้ก็ห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความสิ้นหวัง เมื่อคนดังไม่เร่งมือให้เขาจะทำอะไรได้ ได้แต่กระแทกก้นนั่งรออยู่ข้างๆ ทั้งที่หน้าบึ้งตึง

                “หน้างอทำไม?” ยังมีหน้ามาถามกัน กัปตันเดินออกไปไกลแล้วนี่ ต่อให้ตามไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ อี้ชิงตวัดสายตามองคนที่มัวแต่ชักช้าแล้วประชดงอนๆ

                “ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก นายอยากทำอะไรก็ทำเหอะ จะช้าแค่ไหนก็ได้ ยังไงฉันก็ต้องรออยู่แล้วนี่”

                “ทำไม? หรืออยากออกไปพร้อมกัปตัน? เมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบ?”

                “ห๊ะ?”

                “จะไปก็รีบไปสิ ตามไปตอนนี้คงทันที่ลานจอดรถพอดีล่ะมั้ง” จู่ๆ ก็ทำเสียงเหวี่ยงใส่ก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายแล้วลุกขึ้น ก้าวยาวๆ นำไป ปล่อยอี้ชิงเหวออยู่เป็นครู่ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วจึงวิ่งตาม แต่ก็ต้องมาเบรคเอี๊ยดเอาตอนที่เกือบจะพ้นเขตสนาม

                “อะไรอีก?” ยังจะหันมาทำหน้าตึงใส่ อี้ชิงก็ชักสีหน้ากลับ ใช่สิ ตัวเองมีแต่คนรักจะไปกลัวอะไร นี่เห็นสายตาบรรดาแฟนคลับที่รออยู่ข้างนอกนั่นบ้างไหม เขาที่เป็นแฟนหลอกๆ จะถูกรุมขย้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะใครล่ะที่มัวแต่ชักช้า แทนที่จะได้มีเพื่อนเดินฝ่ากลุ่มสาวๆ ออกไปด้วยกันให้อุ่นใจ นี่กลายเป็นว่าเขาต้องเสี่ยงชีวิตตามลำพังคนเดียว ใครกันแน่ที่ควรต้องงอน

                “ถ้าฉันตายเพราะคมเล็บพวกสาวๆ ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ!

                คริสถอนหายใจบางเบา มองคนตัวเล็กที่กระชับสายสะพายเป้เตรียมพร้อมเหมือนจะไปออกรบ ก่อนจะตะบึงตะบอนเดินเลยเขาไปแล้วก็ต้องรีบคว้าข้อมือเล็กไว้

                “มานี่ มา” แต่อี้ชิงยังดื้อดึงคริสจึงต้องเพิ่มแรง รั้งร่างเล็กเข้ามาชิดอกแล้วตรึงไหล่เล็กไว้ด้วยอ้อมแขน “มาสิ อย่าดื้อ”

                ดิ้นนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมหยุด อี้ชิงช้อนดวงตามองเจ้าของอกกว้างที่ดึงดันกักขังตัวเองไว้ สีหน้าขัดเคืองใจที่มีอยู่ก่อนนั้นหายไปสิ้นแล้ว นัยน์ตาคู่คมฉายแววบางอย่างที่ทำให้ความขุ่นใจของอี้ชิงจางหายไปเช่นกัน ร่างกายที่เคยแข็งขืนกลับโอนอ่อนยอมตามยามเมื่อเสียงทุ้มว่าอยู่ที่ข้างหู

                “อยู่ใกล้ๆ ฉัน ไม่มีใครทำอะไรนายได้ทั้งนั้น”

                เสียงกรีดร้องจะดังเท่าไหร่ไม่รู้ หูของอี้ชิงอื้อไปหมดแล้วในตอนนั้น เสียงหัวใจที่เต้นดังกลบเสียงอื่นใดไปจนสิ้น เขาได้แต่ก้มหน้าซ่อนแก้มร้อนๆ ไม่ให้ใครเห็น แรงปะทะจากรอบข้างแทบไม่มี แต่ไหล่เล็กกลับถูกกุมไว้จนแน่น อี้ชิงเผลอกำมือขยำชายเสื้ออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ระยะทางกระทั่งออกจากประตูโรงยิมฯนั้นสั้นนัก แต่อี้ชิงกลับรู้สึกว่าใช้เวลานานยิ่งกว่าเดินเลียบคลองชองเกชอนเสียอีก กว่าจะถึงลานจอดรถก็เล่นเอาแทบหมดแรง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นรอยยิ้มสว่างไสวของคนที่รออยู่ก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นได้บ้าง

                “ว่าจะโทรไปตามอยู่พอดี เห็นหายกันไปนาน กำลังคุยกันว่าจะไปหาอะไรกินแถวกังนัม จะไปด้วยกันไหม?” กัปตันคนเก่งลดมือข้างที่ถือโทรศัพท์ลงก่อนจะชักชวนด้วยรอยยิ้ม คนอื่นๆ ในทีมก็ยังรออยู่ แต่อี้ชิงรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะไปต่อที่ไหนทั้งนั้น ยิ่งก่อนหน้านี้บอกคริสว่าจะรีบกลับไปทำการบ้านด้วยแล้ว ถึงรุ่นพี่ผู้ใจดีจะเป็นคนเอ่ยชวน แต่เขาก็จำเป็นต้องส่ายหน้า ทว่ายังไม่ทันได้ปฏิเสธ แรงกระชับที่หัวไหล่กลับยิ่งแน่น

                “ไม่ล่ะ ขอบใจ ว่าจะไปกินข้าวยำปลาหมึกกัน จริงไหมที่รัก?” อี้ชิงหันขวับเมื่อได้ยินอย่างนั้น ควรต้องตกใจเรื่องไหนก่อนดี ข้าวยำปลาหมึก หรือที่รัก? แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็คงแก้ตัวไม่ทัน เมื่อเสียงโห่แซวจากคนทั้งทีมทำเอาหน้าขาวๆ ต้องร้อนผ่าวอีกครั้ง

                “งั้นเราเปลี่ยนจากกังนัมเป็นข้าวยำปลาหมึกบ้างดีไหมกัปตัน?”

                “ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวก้างจะตำคอคนหล่อเอานา”

                “ปลาหมึกที่ไหนมีก้าง?”

                “ปลาหมึกน่ะไม่มีหรอก ก้างชิ้นใหญ่ก็พวกเรานี่ไง ฮ่าๆๆๆ” หัวเราะสนุกกันใหญ่ ไม่เห็นใจคนที่พูดไม่ออกอยู่ตรงนี้บ้างเลย อี้ชิงอยากจะร้องไห้นัก

                “อี้ชิงหน้าแดงหมดแล้ว เลิกแซวเถอะ” คงมีแต่รุ่นพี่กัปตันคนเดียวที่เห็นใจ ปรามลูกทีมแล้วหันมายิ้มให้ ก่อนจะตบไหล่คริสเพื่อบอกลา “โอเค งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

     

                ทุกคนไปหมดแล้ว อี้ชิงทอดถอนใจแล้วยืนนิ่งสงบสติอารมณ์อยู่เป็นครู่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไหล่ตัวยังไม่เป็นอิสระ ศอกเล็กจึงกระทุ้งถองพลางดิ้นขืนให้อีกฝ่ายรู้ตัว คริสยอมปล่อยมือโดยง่าย แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นเรียบตึงเมื่ออี้ชิงย้อนถาม

                “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะไปกินกับนาย?”

                “ไม่ไปกับฉัน หรืออยากไปกับกัปตัน?”

                “อะไรนะ?” ตีสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากจนอี้ชิงหน้าแทบหงาย

                “แต่เสียใจด้วยนะ นายเป็นแฟนฉันก็ต้องอยู่กับฉัน ถึงฝืนใจยังไงก็ต้องทน” บอกแล้วหันหลังคว้าหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม ก่อนจะหยิบใบเล็กมาสวมให้อี้ชิงเช่นกัน ลงล็อคใต้คางให้เรียบร้อยแล้วจึงตวัดขาขึ้นคร่อมรถ “จะมาไหม?”

                คนตัวเล็กยังยืนนิ่งคริสก็ยื่นมือมารอ ตาคู่สวยนั้นมองจ้องอีกฝ่ายด้วยทั้งขุ่นเคืองและสงสัย เคืองใจที่จู่ๆ คนดังก็เปลี่ยนอารมณ์จนตามไม่ทัน และที่สงสัยก็เพราะไม่รู้ทำไมคริสจึงหงุดหงิดง่ายนัก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนอี้ชิงทำตัวไม่ถูก แล้วนี่ก็พูดชื่อกัปตันเป็นครั้งที่สองทั้งที่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย

                “ไม่ได้บอกว่าอยากไปกับกัปตันเสียหน่อย”

                “แล้วไง?” คนตัวเล็กตีหน้างอน จับมืออีกฝ่ายยึดไว้แล้วปีนขึ้นนั่งซ้อนท้ายบนมอเตอร์ไซค์คันโต ปากก็บ่นพึมพัมไปเรื่อย มัวแต่นอยด์จนลืมคิดไปว่าทุกทีก็ปีนขึ้นเองได้

                ทว่ารอยยิ้มเหนือมุมปากภายใต้หมวกกันน็อคสีดำนั้นคือสิ่งที่อี้ชิงมองไม่เห็น ถ้อยคำตัดพ้อนั้นหาใช่เสแสร้ง แต่เพียงแค่คำตอบเดียวก็ทำให้หัวใจดวงหนึ่งลิงโลดไปถึงไหน ยิ่งเมื่อมือเล็กยอมให้เขาจับดึงมาโอบรอบเอวไว้ ความขุ่นใจที่มีมาก่อนหน้านั้นก็มลายไปสิ้น คริสโทษตัวเองที่เป็นคนใจง่ายแบบนี้ โกรธง่ายก็หายง่าย แม้แต่รัก... ก็ยังง่ายเลย

     

     

     

     

     

     

     

    ทู บี คอนตินิว...

     

     

     

     

     

    คนรอง: ค่อยๆ อ่านกันไปแบบใจเย็นเน้อ ว่างจากงานเมื่อใดพี่จะมาปั่นให้เรื่อยๆ ><

     

    เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×