ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #27 : เขียวหวานน่ารัก ~ 27 ~

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.93K
      189
      8 เม.ย. 61


    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 27

    Fiction by 2nd Admin 

     

    .

    .

    . 

     

                หลังจากที่อยู่ในช่วงเตรียมพร้อมกันมาเกือบทั้งสัปดาห์ บรรยากาศในมหาวิทยาลัยในวันนี้ก็ดูคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยเพราะงานแข่งขันกีฬากระชับมิตรระหว่างมหาวิทยาลัยชื่อดังในโซลทั้งสองแห่ง ซึ่งสลับกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละปี และแน่นอนว่าปีนี้เป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่อี้ชิงเรียนอยู่ ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา ชมรมหนังสือพิมพ์ออนไลน์ก็เลยมีกระทู้ให้ลงกลบกระแสข่าวคู่รักคนดังไปได้ชั่วคราว เมื่อหนุ่มสาวเกือบทั้งมหาวิทยาลัยต่างก็ตื่นเต้นไปกับกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้จะมีกีฬาหลากหลายประเภทให้เลือกเชียร์ แต่ไฮไลต์ของงานก็คงหนีไม่พ้นกีฬาสุดเท่อย่างบาสเก็ตบอลซึ่งมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนสุดหล่อของทีมเจ้าบ้านลงแข่งด้วย

                ตื่นเต้นกันแค่ไหนก็ดูได้จากกองหน้าทีมฟุตบอลคนเก่งนี่แหละ ซึ่งพอแข่งชนะแล้วแทนที่จะอยู่ร่วมฉลองกับเพื่อนในทีม กลับลากเอาเพื่อนสนิทให้วิ่งข้ามฝั่งไปยังอีกหนึ่งสนามซึ่งกำลังจะแข่งขันกันในลำดับต่อไปในทันที

                “เร็วหน่อยสิชิงชิง เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”

                “ยังไงก็ทัน อีกตั้งนานกว่าจะเริ่มแข่ง”

                “จะไม่ทันจองที่นั่งแถวหน้าน่ะสิ ก็รู้อยู่ว่าแฟนคลับแฟนตัวน่ะเยอะแค่ไหน ป่านนี้ไปปูเสื่อรอกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมั้ง”

                “นั่งตรงไหนก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องแถวหน้าเลย”

                “ไม่ได้สิ แฟนตัวลงแข่งทั้งคนก็ต้องนั่งเชียร์แถวหน้า พี่เขาหันมาเห็นจะได้มีกำลังใจไง”

                “คำก็แฟนสองคำก็แฟน” บ่นพึมพัมแต่มีหรือเพื่อนรักจะไม่ได้ยิน ลู่หานถึงกับปล่อยมือแล้วหยุดวิ่งหันมายกมือกอดอกตีสีหน้าระอาใส่

                “หรือไม่ใช่? จะต้องให้ถามย้ำอีกไหมว่าพี่เขายังมองตัวเป็นแฟนกำมะลออยู่หรือเปล่า? ว่าเขาชอบผู้ชายไหม? ทั้งกอดทั้งหอมขนาดนั้น ไหนจะจูบ...”

                “พอเลยๆ จะไปก็รีบไป เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” คราวนี้กลายเป็นอี้ชิงที่เดินจ้ำอ้าวไม่รอ ไม่ต้องเห็นก็รู้ว่าป่านนี้แก้มป่องๆ คงแดงไปถึงไหน ลู่หานได้แต่ส่ายหน้าขำๆ ดูเอาเถอะ เพื่อนจอมซึนของเขา วันก่อนให้ไปถามว่าตกลงรุ่นพี่คิดยังไง ก็ไปทำอีท่าไหนไม่รู้ให้เขาเอาเปรียบจนกระฟัดกระเฟียดกลับมา ฟาดงวงฟาดงาใส่ หาว่าเพื่อนเป็นต้นเหตุ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้ว่ารุ่นพี่เขาคิดยังไงด้วยก็บื้อเต็มทีแล้ว คนไม่รักไม่ชอบกันจะมาถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ได้ยังไง มีแต่เพื่อนเขาเนี่ยแหละที่ยังทำมึน หาข้ออ้างแก้เขินไปเรื่อย อยากให้รุ่นพี่พูดออกมาตรงๆ นัก ดูซิถึงตอนนั้นแล้วอี้ชิงจะทำหน้ายังไง

                ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงโรงยิมฯของชมรมบาสเก็ตบอล ซึ่งการแข่งขันยังไม่เริ่ม แต่กองเชียร์ก็แน่นขนัดแทบจะเต็มทุกที่นั่งบนอัฒจันทร์แล้ว ซ้ำพื้นที่รอบสนามก็ยังถูกจับจองจนแทบไม่เหลือ ลู่หานชะเง้อคอมองหาที่ว่างๆ ก่อนจะเห็นว่ามีใครคนหนึ่งในสนามโบกมือให้ จึงได้ดึงมืออี้ชิงให้ฝ่ากลุ่มคนเข้าไปหา

                “หวัดดีฮะพี่กัปตัน”

                “สวัสดี ยินดีด้วยนะ ได้ข่าวว่าชนะ แล้วนี่มาทั้งชุดแข่งเลยหรือ”

                “รีบน่ะฮะ กลัวอี้ชิงมาไม่ทันเชียร์แฟน”

                “ไม่ต้องห่วง” กัปตันคนเก่งเพยิดหน้าขึ้นไปบนอัฒจันทร์ซึ่งยังเห็นที่นั่งติดทางเดินเหลือว่างอยู่อีกสองที่ “พี่ให้สาวๆ ที่คณะจองที่นั่งบนแถวสองไว้ให้ แถวหน้าไม่เหลือเลย พี่ว่าพี่มาเร็วแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ทันบรรดาแฟนคลับคริสเขาอยู่ดี”

                “ไม่เป็นไรหรอกฮะ ตรงนั้นก็แจ่มดี” ลู่หานบอกแล้วค้อมศีรษะขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเอาศอกสะกิดพุงเพื่อนที่กำลังเหม่อให้ทำเหมือนกัน

                กัปตันร่างสูงพยักหน้าให้รุ่นน้องแล้วยิ้มอ่อนให้กับเด็กตัวขาวที่เอาแต่มองเข้าไปในสนามซึ่งสมาชิกเกือบทั้งทีมกำลังวอร์มอัพกันอยู่ ขาดก็แต่ใครบางคนที่ยังเก็บตัวเงียบ และคงเป็นคนเดียวกับที่เด็กหนุ่มกำลังมองหา

                “หาคริสเหรอ? ยังอยู่ในห้องล็อคเกอร์โน่น ถ้าเขารู้ว่าเรามาเดี๋ยวก็คงออกมา” แต่อี้ชิงรีบส่ายหน้า

                “ไม่ได้หาหรอกครับ ผมก็มองไปเรื่อย ขอบคุณรุ่นพี่มากนะครับ งั้นผมขอตัวไปนั่งก่อน ไปกันเถอะเสี่ยวลู่” ลู่หานยังหันซ้ายหันขวาด้วยลังเลตอนที่เพื่อนรักค้อมศีรษะแล้วหันหลัง กระทั่งเสียงกรีดร้องของสาวๆ ทั้งโรงยิมฯดังขึ้น ทุกสายตาต่างหันไปจับจ้องร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งก้าวลงสู่สนามด้วยความสนใจ หนุ่มหล่อผู้เล่นหมายเลขสิบในชุดแข่งสีแดงเพลิงผู้มีใบหน้าเรียบขรึม ทว่าเพียงแค่ย่างก้าวก็ทำเอาสาวๆ ใจละลายได้

                “มาพอดี” พี่กัปตันบอกแล้วยิ้มให้อี้ชิงซึ่งไม่อาจละสายตาจากคนที่กำลังมองมาได้ ยิ่งเห็นว่าคนดังกำลังตรงเข้ามาหา ลู่หานก็หาข้ออ้างเปิดโอกาสเหมือนรู้กัน

                “ขอสัมภาษณ์พี่กัปตันก่อนแข่งหน่อยได้ไหมฮะ?”

                “ได้สิ” ทั้งคู่จึงทำทีเป็นแยกตัวไปก่อน ทิ้งอี้ชิงไว้ลำพังกระทั่งคนดังมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเรียบเฉยนั้นใครมองก็คงคิดว่าเจ้าตัววางขรึม แต่อี้ชิงคนเดียวที่รู้ว่ามุมปากตกคว่ำนั้นบอกอาการขัดใจอะไรซักอย่าง

                “มาช้า”

                “ก็ไปเชียร์เพื่อนมา”

                “แล้วแฟนล่ะ?” ต้องหน้ามึนขนาดไหนถึงได้พูดจาเอาแต่ใจได้ขนาดนี้ ดีว่าตรงนี้ไม่มีใครได้ยินนะ ไม่อย่างนั้นอี้ชิงคงไม่รู้จะเอาหน้าร้อนๆ ไปซุกไว้ตรงไหนแน่

                “ก็มาแล้วนี่ไง”

                “นั่งตรงไหน?”

                “โน่น” เพยิดหน้าไปบนอัฒจันทร์ เพียงเท่านั้นคงดังก็ขมวดคิ้ว

                “ไกล ทำไมไม่นั่งนี่” ตรงนี้ที่ว่าคือม้านั่งยาวซึ่งอยู่ชิดขอบสนาม ที่นั่งประจำ แต่วันนี้อี้ชิงจะนั่งตรงนี้ไม่ได้

                “นี่มันที่พักนักกีฬา”

                “แล้วไง?”

                “ก็เอาไว้ให้นักกีฬานั่งสิ”

                “ไม่เห็นเป็นไรเลย ทุกทีก็นั่งตรงนี้”

                “ก็ทุกทีแค่ซ้อม วันนี้แข่งจริง นั่งไม่ได้หรอก”

                “ไม่อยากเห็นชัดๆ หรือไง?”

                “มองจากข้างบนนั้นก็ชัด”

                “ตามใจ” คนหล่อพ่นลมฮึดฮัด กอดอกแล้วเมินหน้าไปอีกทาง กิริยาขัดใจเหมือนสาวน้อยแสนงอนไม่มีผิด พอเห็นอี้ชิงเบะปากก็หันมาทำตาดุใส่ เอาแต่ใจไม่มีใครเกินเลยจริงๆ

                “ขอดูมือหน่อย”

                “จะดูอะไร”

                “เอามาเถอะน่า” กึ่งขอกึ่งบังคับซ้ำยังยื่นมือมาตรงหน้า หากว่าขัดใจอีกก็คงจะงอนตุ๊บป่องจนไม่เป็นอันแข่ง อี้ชิงเลยต้องยอมตามใจ มองสองมือตัวเองแล้วจึงตัดสินใจยื่นมือขวาให้

                มือใหญ่กุมกระชับในทันทีที่มือเล็กวางลง พลิกคว่ำพลิกหงายแล้วบีบเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาให้คนตัวเล็กซึ่งขมวดคิ้วน้อยๆ ด้วยความสงสัย มองกันมามองกันไปจนสุดท้ายอี้ชิงก็นึกระแวงจนอยากจะขอมือคืน

                “ดูพอหรือยัง?”

                “มือนายเย็นมากเลย ตื่นเต้นแทนฉันหรือไง?”

                “ตกลงนายจะดูอะไรกันแน่เนี่ย?”

                “ก็แค่อยากได้กำลังใจ แข่งนัดนี้สำคัญนะ ไม่อยากให้ฉันชนะหรือไง?”

                “อยากสิ” เผลอบีบมือตอบเขาไปเต็มแรง มารู้ตัวก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มเหนือมุมปากได้รูปนั่น คิดจะดึงมือคืนก็ไม่ทันเสียแล้ว “ก็... ก็ต้องอยากให้ทีมมหาลัยตัวเองชนะอยู่แล้ว”

                อ้อมแอ้มแก้ตัวแล้วกัดปาก แก้มน่ะร้อนจนไม่รู้ป่านนี้จะแดงไปถึงไหน ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายยิ้มกว้าง ดึงมือเขาไปให้ยิ่งใกล้

                “งั้นฉันจะชนะให้นาย”

     

                อี้ชิงเบิกตากว้างตอนที่คริสโน้มใบหน้า หลังมือขาวยิ่งร้อนผ่าวเมื่อริมฝีปากอุ่นประทับลง

     

                “คอยดูให้ดีนะ”

     

                เสียงกรีดร้องจากทั้งสนามยิ่งดัง ทว่าอี้ชิงกลับแทบไม่ได้ยิน ในหูได้ยินเพียงเสียงวิ้งๆ สลับกับเสียงโครมครามที่ดังในหัวใจ แววตาของคริสแทบจะสะกดทั้งร่างกายของอี้ชิงไม่ให้อาจขยับ มือเล็กที่ถูกกอบกุมก็เช่นกัน คิดจะยื้อคืนแต่แขนมันไม่ยอมทำตามเลย ได้แต่ปล่อยให้เขาทำตาเชื่อมใส่อยู่อย่างนั้นกระทั่งเสียงกระแอมดังขัด กัปตันกับลู่หานกลับมาสมทบ คริสจึงยอมรามือได้ แต่ป่านนั้นอี้ชิงก็ลมแทบจับ ให้เดินก็คงไม่ตรงทางไปแล้ว

     

                ตายๆๆ แล้วนี่ต้องเดินผ่านผู้คนขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์อีก จะเอาหน้าเอาตัวร้อนๆ ไปซ่อนไว้ที่ไหนได้บ้างเนี่ย!

     

    .

    .

    .

     

                สิ้นเสียงนกหวีดสัญญาณแรก การแข่งขันก็เริ่มขึ้น สองกัปตันจากทั้งสองทีมต่างกระโดดขึ้นชิงบอลลูกแรกที่โยนออกจากมือกรรมการ ด้วยความสูงและแรงกระโดดที่เหนือกว่า ทำให้เกมแรกตกเป็นของทีมเจ้าบ้านอย่างง่ายดาย กัปตันคนเก่งเปิดเกมอย่างรวดเร็วโดยการส่งต่อบอลให้คริสซึ่งรอท่าอยู่ไม่ไกลอย่างรู้กัน ก่อนที่คนดังจะเลี้ยงบอลเข้าไปยังแดนฝ่ายตรงข้ามในทันที และในเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที กองเชียร์ฝั่งเจ้าบ้านก็ได้เฮเมื่อรุ่นพี่สุดหล่อทำคะแนนแรกให้กับทีมได้จากการชู้ตลูกใต้แป้น

                หลังจากนั้นทีมตรงข้ามก็เริ่มตั้งตัวได้และโต้กลับ ทำคะแนนตีเสมอขึ้นมา เวลาการแข่งขันผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่สองทีมผลัดกันทำแต้มจนคะแนนวิ่งขึ้นไปเป็นเลขสองหลักอย่างรวดเร็ว

                “ฝีมือสูสีกันทั้งสองทีมเลยแฮะ” อี้ชิงพยักหน้าทั้งที่สายตายังไม่ละจากลูกบอลที่กระเด้งกระดอนออกนอกสนาม ก่อนที่ผู้เล่นร่างสูงจะตามไปเก็บมันมาแล้วส่งเข้าสนามเพื่อเริ่มเกมใหม่อย่างรวดเร็ว

                “แบบนี้จะคะแนนเท่ากันไปจนจบเกมไหมอ่ะ?”

                “ไม่มีทางหรอก เราว่ากัปตันยังออมมือให้ในฐานะเจ้าบ้าน เดี๋ยวครึ่งหลังต้องสนุกกว่านี้แน่”

                และดูท่าว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อเกมผ่านไปจนถึงช่วงท้ายของครึ่งแรก จากที่แค่ผลัดกันทำแต้ม ทั้งสองทีมก็เริ่มหันมาสกัดไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนเพิ่มได้ แน่นอนว่ามือชู้ตอย่างคริสต้องถูกประกบจนเกือบจะพลาดโอกาสในหลายครั้ง แต่ด้วยทักษะในการหลบหลีกที่เหนือกว่า และฝีมือการสกัดของกัปตัน ทำให้ทีมเจ้าภาพยังคงรักษาคะแนนนำไปได้จนจบครึ่งแรก กองเชียร์ทั้งสนามต่างปรบมือให้กำลังใจเมื่อกรรมการเป่านกหวีดให้สัญญาณ หลังจากนั้นนักกีฬาจึงแยกย้ายกันไปยังที่พักข้างสนาม

                “ท่าทางจะเหนื่อยน่าดูเลยเนอะ” ลู่หานเอาศอกสะกิดเพื่อนแล้วเพยิดหน้าไปทางที่พักนักกีฬาฝั่งเรา ยังไม่รู้ว่าเพื่อนรักหาได้ละสายตาจากร่างสูงซึ่งใช้เพียงมือเสยผมที่ชุ่มเหงื่อลวกๆ ขณะที่ริมฝีปากพรูลมหายใจขับไล่ความเหนื่อย ก่อนจะรับแก้วน้ำพลาสติกจากคนในทีมแล้วกระดกเข้าปากแบบรวดเดียวหมด “ดูสิ หอบกันใหญ่เลย”

                “แล้วตอนเตะบอลตัวไม่เหนื่อยหรือไง?”

                “สนามบอลออกจะกว้าง เราก็วิ่งบ้างเดินบ้าง ไม่มีใครสังเกตุหรอก แต่นี่สนามเล็กแค่นี้เอง รุ่นพี่เขาก็ต้องวิ่งตลอดเวลา เหนื่อยนา”

                “นั่นน่ะสิ ไม่ลงไปดูแลแฟนหน่อยหรือจ๊ะ?” เสียงสนับสนุนจากพี่สาวต่างคณะที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนของรุ่นพี่กัปตันที่ช่วยจองที่นั่งให้ อี้ชิงจึงหันไปยิ้มตอบด้วยความเกรงใจ

                “ไม่อ่ะครับ”

                “ทำไมล่ะ? นี่พักครึ่งอยู่นะ แว่บลงไปแป๊บนึงก็ได้” นี่ก็พี่สาวอีกคนที่นั่งถัดไป น่าจะเป็นเพื่อนกัน

                “คง... ไม่เหมาะมั้งครับ”

                “อี้ชิงเค้าเขินน่ะฮะ เกิดลงไปแล้วรุ่นพี่อดใจไม่ไหว อยากได้กำลังใจมากกว่าแค่จุ๊บมือขึ้นมา”

                “เสี่ยวลู่!” รุ่นพี่สาวๆ ที่นั่งติดกันพากันหัวเราะคิกคัก นี่คงกลุ่มเดียวกันทั้งแถวเลยกระมัง

                “น้องอี้ชิงเนี่ย ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดเยอะเลยนะ เคยเห็นแต่ในรูปที่คริสเขาโพสต์ลงไอจี อยู่ในมหาลัยก็เหมือนจะไม่เคยเจอกันเลย”

                “นั่นน่ะสิ ไปอยู่ที่ไหนมาจ๊ะ พวกพี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”

                “เห็นว่าอยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ปิ๊งกันตอนสัมภาษณ์คริสใช่ไหมจ๊ะ? ปิ๊งปุ๊บจีบปั๊บ เล่นเอาสาวๆ ทั้งมหาลัยอกหักไม่ทันได้ตั้งตัวเลยนะ”

                “เห็นเงียบๆ ขรึมๆ แบบนั้น เวลาอยู่กับแฟนคงจะหวานมากแน่ๆ เลยเนอะ ดูอย่างเมื่อกี้สิ ขอกำลังใจอะไรแบบนั้นต่อหน้าคนเยอะแยะ ฉันยังเขินไปหมดเลยอ่ะพวกเธอ”

                เด็กหนุ่มนั่งฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหะ อาศัยจังหวะที่พวกพี่สาวหันไปวี้ดว้ายใส่กันค่อยๆ ทำเนียนจะลุกหนี แต่ลู่หานก็ชิงดึงแขนให้ต้องกลับมานั่งลงที่เดิม

                “จะไปไหน นั่งลงก่อน”

                “สลับที่กันได้ไหม?”

                “ไม่ต้องเลย นั่งนั่นแหละ” เพื่อนรักทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ลู่หานกลับยิ้มขำ เคยเจอแต่แอนตี้แฟนไม่เคยเจอแฟนคลับเลยทำตัวไม่ถูกล่ะสิ แบบนี้แหละดีแล้ว อี้ชิงควรจะรู้ว่าคู่ตัวเองก็มีชิปเปอร์คอยลุ้นคอยเชียร์ จะได้เลิกคิดว่ามีแต่คนคอยจ้องจะหมั่นไส้จนไม่กล้าสวีทกับรุ่นพี่ซักที

                จบการแสดงโชว์คั่นเวลาจากเชียร์ลีดเดอร์ของทั้งสองทีมในช่วงพัก หลังจากนั้นครึ่งหลังก็เริ่มขึ้น คราวนี้เป็นกัปตันทีมเยือนที่ชิงลูกได้ก่อน และเปิดเกมรุกแบบรวดเร็วจนผู้เล่นปีกซ้ายขวาของเจ้าบ้านตามสกัดไว้ไม่ทัน ปล่อยให้คะแนนแรกเป็นของฝ่ายตรงข้ามไปได้ แต่หลังจากนั้นบอลก็ตกอยู่ในมือคริสซึ่งหมายเปิดเกมเร็วเช่นกัน ทว่าทันใดนั้น ผู้เล่นทีมตรงข้ามถึงสองคนต่างวิ่งเข้ามาขวางจนคริสถึงกับชะงักไป

                “สองรุมหนึ่งเลยเหรอ สกัดรุ่นพี่คนเดียวต้องใช้ถึงสองคนเลยนะนั่น” ลู่หานนั่งเขย่าขายืดตัวตรงด้วยทั้งลุ้นทั้งตื่นเต้น แค่เปิดเกมก็เริ่มจริงจังกว่าครึ่งแรกแล้ว

                “พี่กัปตันก็ด้วย” จริงอย่างที่อี้ชิงว่า ผู้เล่นอีกสองคนก็ตามประกบกัปตันฝั่งเราอยู่ทั้งที่ยังไม่ได้ครองบอลด้วยซ้ำ

                “กะไม่ให้ทำแต้มเพิ่มแน่ๆ”

                ดูเหมือนทีมตรงข้ามจะเปลี่ยนแผนการเล่น และนั่นทำให้เกมยิ่งตื่นเต้นขึ้น แม้จะใช้ผู้เล่นถึงสองคนสกัด แต่คริสก็ใช้ความว่องไวหลบหลีกมาได้ เขาไม่ทำแต้มเองแต่กลับส่งต่อบอลให้เพื่อนร่วมทีมที่ว่างอยู่วิ่งเข้าไปชู้ตใต้แป้นอย่างรวดเร็ว ทีมตรงข้ามก็โต้กลับอย่างทันควันเช่นกัน ทว่ากลับถูกผู้เล่นตำแหน่งปีกของทีมเราสกัดไว้จนไม่อาจชู้ตลูกได้ลงห่วง ยิ่งคะแนนทิ้งห่างมากขึ้นเท่าไหร่ เกมก็ยิ่งดุเดือด และผู้เล่นทีมตรงข้ามก็ยิ่งกดดันจนเป็นฝ่ายพลาดโยนบอลออกนอกสนามเสียเองอยู่หลายครั้ง

                แม้จะมีทักษะและชั้นเชิงที่เหนือกว่า แต่เมื่อต้องคอยหลบหลีกกำพังสกัดอีกทั้งยังต้องหาโอกาสส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมบ่อยครั้งเข้าก็ทำเอาคริสค่อนข้างล้า อาการเหนื่อยหอบนั้นเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่ง คริสไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งอยากเอาชนะ เกมที่จริงจังเริ่มทวีความรุนแรงถึงขั้นปะทะกัน เล็กน้อยยังพอให้อภัย แต่ในขณะที่คริสตัดแย่งบอลมาได้และหมายจะวิ่งไปทำแต้มด้วยตัวเองนั้น จู่ๆ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่วิ่งตามมาก็พุ่งตัวเข้าใส่อย่างเต็มแรงจนกระทั่งคริสเสียหลัก ร่างสูงใหญ่เซถลาจนชนเข้ากับเสาเหล็กเสียงดังสนั่น กรรมการเป่านกหวีดหยุดเกมในทันที

                “เห้ย!” ลู่หานถึงกับลุกจากที่นั่ง เช่นเดียวกับอีกหลายๆ คนบนอัฒจันทร์ที่ต่างก็ตกใจเมื่อผู้เล่นคนสำคัญล้มลงไปกับพื้นสนาม ไม่นานนักเพื่อนร่วมทีมทั้งหมดต่างก็วิ่งกรูกันเข้าไปล้อมกระทั่งมองไม่เห็นคนเจ็บ ลู่หานชะเง้อชะแง้แล้วจิ๊ปาก ป้องปากตะโกนแข่งกับเสียงโห่เซ็งแซ่ของกองเชียร์ที่อยู่รอบๆ “เล่นแรงนี่หว่า! ยังงี้ต้องโดนใบแดง ให้ใบแดงมันเลยกรรมการ ไล่ออกจากสนามไปเลย!

                กัปตันเป็นคนช่วยพยุงตัวคริสให้ลุกขึ้นและสำรวจดูจนทั่วร่างกาย ดูเหมือนคริสจะเจ็บที่แขนซึ่งมีรอยแดงเป็นปื้นใหญ่ คงเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ ยังดีที่ไม่พลาดโดนจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นคงได้เลือดตกยางออกกันบ้าง

                “ไหวไหม? จะเปลี่ยนตัวก็ได้นะ” คริสยังรู้สึกมึนๆ แต่ไม่ถึงกับไม่ไหว กวาดสายตามองเพื่อนร่วมทีมที่รายล้อมก่อนจะพยักหน้าหนักแน่น

                “ไหวสิ ฉันไม่ได้ใจเสาะขนาดนั้น” กัปตันพยักหน้าแล้วตบไหล่ก่อนจะลุกขึ้น บอกให้คนอื่นๆ กลับเข้าประจำที่เช่นกัน ปล่อยให้แพทย์สนามสองคนคอยดูอาการที่แขนขวาให้คริสจนแน่ใจ

                อาการบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้มีผลกับการแข่ง คริสรู้กำลังตัวเองดี แต่คนที่ได้แต่มองอยู่ห่างๆ คงใจเสียไม่น้อย คนตัวเล็กที่อยู่ในสายตาคริสตอนนี้จึงได้ดูตระหนกนัก เขายิ้มบางหมายเพียงปลอบว่าไม่เป็นไร แต่สีหน้าวิตกกลับไม่คลายลงเลย คนที่อยู่ตรงนั้นจะรู้บ้างไหม เขาอยากแข่งให้จบเกมนี้โดยไว จะได้ขึ้นไปปลอบให้หายกังวลถึงตรงนั้น

                “คงไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกมั้ง ลุกได้แล้วนี่” อี้ชิงพยักหน้าช้าๆ สายตายังไม่ละจากร่างสูงใหญ่ที่ค่อยพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เหวี่ยงแขนไปมาก่อนจะกลับเข้าสนามอีกครั้ง ยังพอวิ่งไหว คงไม่ได้เจ็บมากจริงๆ อย่างที่ลู่หานว่า

                “เห็นแล้ว”

                “ไม่ต้องเป็นห่วงมากก็ได้”

                “ก็... ไม่ได้ห่วงอะไรนี่”

                “งั้นก็นั่งลงก่อนเถอะ บังคนอื่นเขา” แรงกระตุกที่ชายเสื้อนั้นดึงความสนใจ อี้ชิงหันไปมองก่อนจะพบว่าเหลือตัวเองแค่คนเดียวที่ยืนอยู่ คนอื่นๆ นั่งกันตอนไหนนะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย

     

                ฝ่ายตรงข้ามคงรู้ตัวว่าเล่นแรงเกินไปจึงได้เข้ามาขอโทษ จับไม้จับมือกันแล้วกรรมการจึงเป่านกหวีดเริ่มเกมอีกครั้ง คราวนี้กัปตันทีมผู้สุขุมเลือกที่จะดึงเกมให้ช้าลง เตือนลูกทีมให้ทำแต้มจากลูกชู้ตระยะไกลเพื่อลดการปะทะ แม้ว่าการเล่นอย่างระมัดระวังจะทำให้คะแนนฝั่งเราเพิ่มขึ้นช้าลง จนเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายตีตื้นขึ้นมาจนคะแนนเท่ากันได้ในที่สุด แต่กัปตันมองว่าความปลอดภัยของลูกทีมนั้นสำคัญกว่า เพราะอย่างนั้นกำลังหลักของทีมอย่างคริสจึงไม่ถูกผ่านลูกให้บ่อยนัก แม้ว่าจะเหลือผู้เล่นฝั่งตรงข้ามตามประกบอยู่แค่คนเดียวก็ตาม

                ตัวเลขดิจิตอลสีแดงที่ข้างสนามบอกเวลาที่เหลือไม่ถึงหนึ่งนาทีแล้ว ตอนที่ลูกชู้ตระยะสามแต้มถูกฝ่ายตรงข้ามปัดป้องและตัดแย่งไปได้  เพราะลูกนี้เป็นลูกสำคัญและอาจตัดสินว่าใครเป็นผู้แพ้ชนะ ขณะที่ผู้เล่นทีมตรงข้ามพากันบุกเข้าข้ามแดนมาเข้ามา ผู้เล่นทีมเจ้าบ้านก็ต้องรีบกลับไปเตรียมตั้งรับให้ทันกัน

                เว้นก็แต่คริสที่ตัดสินใจยืนขวางอยู่ที่เส้นกลางสนาม และเพราะผู้เล่นฝั่งตรงข้ามที่ครองบอลนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน จึงกลายเป็นการเผชิญหน้าในนาทีสุดท้ายที่ชวนให้ตื่นเต้นนัก ต่างฝ่ายต่างจ้องตาอย่างท้าทาย คริสหาได้ผลีผลาม แต่เป็นอีกฝ่ายที่หมายหลอกล่อให้หลงกล ทว่ามีหรือที่มือหนึ่งของทีมจะแพ้ทางง่ายๆ อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายสอดส่ายสายตาหาช่องว่าง ช่วงแขนยาวก็ปัดแย่งบอลจนเปลี่ยนการครอบครองได้ เวลาเหลือน้อยแล้ว คริสจึงรีบผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมในทันที โชคดีที่กัปตันกลับขึ้นมารออย่างรู้กัน เกมพลิกอย่างกลับตาลปัตรและผู้เล่นทุกคนวิ่งกลับมาแดนฝ่ายตรงข้ามกันไม่ทัน กัปตันจึงตัดสินใจส่งบอลคืนให้คริสซึ่งสลัดตัวเองหลุดจากผู้เล่นทีมตรงข้ามแล้ววิ่งขึ้นมาหนุน สบตากันเพียงแว่บเดียว ผู้เล่นคนสำคัญก็เข้าใจความหมาย คริสวิ่งตรงไปยังแป้นของฝ่ายตรงข้ามในทันที

                เหลือเวลาอีกเพียงห้าวินาทีเท่านั้น ช่วงขายาวก้าวจ้วงกระทั่งพาตัวเองมาจนถึงใต้แป้นในที่สุด และขณะที่ทุกคนกำลังลุ้นกันจนนั่งแทบไม่ติดนั้น คริสก็กระโดดส่งตัวเองขึ้นสูงจนมือจับห่วงเหล็กได้ ก่อนจะใช้อีกมือยัดลูกบอลลงตาข่ายไปอย่างง่ายดาย ตัวเลขบอกแต้มเปลี่ยนไปให้ฝ่ายเจ้าบ้านขึ้นนำก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังเป็นสัญญาณหมดเวลา และนั่นหมายความว่าลูกดั๊งค์ของคริสเป็นแต้มสุดท้ายและแต้มปิดเกมทำให้ทีมชนะได้

                “เยส! รุ่นพี่สุดยอดไปเลย!”

                ทั้งอัฒจันทร์ส่งเสียงเฮลั่น กระโดดลุกจากที่นั่งอย่างดีใจ เช่นเดียวกับกับอี้ชิงและลู่หาน และในสนามนั่น สมาชิกทุกคนทั้งตัวจริงตัวสำรองต่างวิ่งเข้าไปล้อมกอดคริสจนมองหาคนตัวสูงแทบไม่เห็น แต่กระนั้นรอยยิ้มแห่งความดีใจของคนที่เชียร์กลับเด่นชัดในสายตาของคนที่อยู่กลางสนามนัก

     

                พิธีมอบถ้วยและเหรียญรางวัลถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น เหรียญเงินและเหรียญทองถูกคล้องลงบนคอของสมาชิกทั้งสองทีม มีเพียงทีมที่ชนะที่ได้ถ้วยรางวัล และกัปตันเป็นคนถือมันไว้ให้ทุกคนชื่นชมขณะที่เสียงปรบมือและโห่ร้องดังขึ้นจากทุกทิศทางในสนาม หลังจากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเพื่อนๆ ในทีมแล้วคริสก็ถอดเหรียญทองออกจากคอมาถือไว้แล้วเดินออกจากสนาม ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนในที่นั้น

                แต่ลู่หานอมยิ้มด้วยรู้ทันตั้งแต่ที่เห็นคนตัวสูงเดินตรงมา บรรดาแฟนคลับต่างแหวกทางให้เมื่อรุ่นพี่ก้าวขึ้นมาบนอัฒจันทร์ เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ยิ่งดังเมื่อคนหล่อมาหยุดยืนอยู่บนทางเดินชั้นสอง ตรงหน้าแฟนตัวเอง

                “ฉันให้”

                อี้ชิงมองเหรียญทองที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้าแล้วกระพริบตาปริบ มองหน้าคนที่ยื่นมันให้แล้วก็สั่นหัวงงๆ

                “ห..ให้ทำไม นายแข่งชนะก็เก็บเอาไว้สิ” แต่คริสกลับยิ้ม จับมือเล็กให้แบออกแล้ววางเหรียญทองลงบนนั้น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหาจนใกล้

                “บอกแล้วไง ฉันชนะให้นาย”

     

    .

    .

    .

     

                “ฮ้า วันนี้อากาศดีจัง”

                จางอี้ชิงกางแขนยืดอกสูดลมหายใจเข้าจนตัวพอง ก่อนจะปล่อยออกแล้วยิ้มร่า ตลอดทางที่เดินมาก็จับดอกไม้ใบไม้เล่นไปเรื่อย วันนี้อากาศไม่ร้อนไม่เย็น กำลังสบาย ช่วงนี้ก็เป็นแบบนี้ทุกวันแหละ แต่ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าอากาศมันดีกว่าทุกวันก็ไม่รู้

                “เพราะนายอารมณ์ดีล่ะมั้ง” คนรู้ทันชิงบอกให้ คนตัวเล็กเลยหันขวับ หรี่ตามองแล้วเชิดหน้าอย่างอวดๆ

                “แหงสิ แข่งวันนี้ทีมมหาลัยชนะเกือบทุกประเภทกีฬา ฉันก็ต้องอารมณ์ดีอยู่แล้ว” มือที่คอยแต่จะล้วงลงกระเป๋าก็เพราะว่าในนั้นมีของสำคัญใส่ไว้ นึกถึงแล้วก็หยิบขึ้นมาดูเสียหน่อย เห็นสีทองวาววับแล้วก็อดจะอมยิ้มไม่ได้จริงๆ “ว่าแต่เหรียญเนี่ย ให้แล้วห้ามเอาคืนนะ”

                “ไม่เอาคืนอยู่แล้ว ฉันชนะให้นาย เหรียญนี่ก็ต้องเป็นของนายสิ” คนตัวเล็กยืดอกจนตัวพอง ลูบมือบนเหรียญทองเบาๆ ทั้งชื่นชมทั้งทะนุถนอม อี้ชิงเล่นกีฬาไม่เก่ง เรื่องแข่งขันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยได้ดีจากการออกกำลังกายใดๆ ทั้งนั้น จู่ๆ ก็ได้เหรียญทองมาไว้ในมือ ถึงจะไม่ใช่ด้วยฝีมือตัวเองแต่ก็อดภูมิใจไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเจ้าตัวเขาเต็มใจให้ด้วยแล้ว

                “ไม่ได้แข่งเองแต่ก็มีเหรียญทองไว้ประดับฝาห้อง ดีจัง รู้งี้...”

                “รู้งี้?” เพราะเกือบพูดตามใจไปถึงได้รีบงับปาก คริสโน้มหน้าลงมามอง อี้ชิงก็หันหน้าหนีไม่ให้เห็น แต่ถึงอย่างนั้นแก้มแดงๆ ก็คงฟ้องให้อีกคนรู้ทันจนได้ “รู้งี้มีฉันเป็นแฟนนานแล้วใช่ไหม?”

                ความในใจมันเสียงดังขนาดนั้นเลยหรือไงนะ คนร้อนตัวรีบหันหลัง ยกสองมือขึ้นกุมอกโดยไม่รู้ตัว ทำไมกันนะ ทั้งที่คิดว่าแค่พูดเล่น แต่ทำไมถึงยังอดใจสั่นไม่ได้

                “นี่ เขียวหวาน” เสียงทุ้มกระซิบเรียกอยู่ชิดริมใบหู ครั้นอี้ชิงจะหันหา กลับกลายเป็นว่าถูกสองแขนสอดเข้าคล้องเอว รั้งตัวเองให้เข้าหาร่างใหญ่โตกว่าซึ่งซ้อนหลัง แก้มขาวยิ่งร้อนผ่าวด้วยถ้อยคำหลังจากนั้น

     

                “เป็นแฟนกันนะ?”

     

                ร้อนทั้งตัวราวกับจะละลายหายไปได้เดี๋ยวนั้น สถานะปลอมๆ ซึ่งคริสพูดติดปาก เหตุใดยังมาถามย้ำเอาตอนนี้

                “ก็เป็นอยู่แล้วนี่ไง” แฟนหลอกๆ แฟนกำมะลอ อี้ชิงคิดได้แค่นั้น แต่คนตัวสูงหัวเราะหึ อี้ชิงเอียงคอน้อยๆ ยามแก้มนิ่มถูกเบียดเมื่อคนที่กอดซ้อนหลังวางคางลงบนไหล่

                “ฉันหมายถึง เป็นแฟนกันจริงๆ”

                ตาคู่ใสเบิกโตด้วยทั้งสับสนระคนแปลกใจนัก เสียงในอกดังโครมครามจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเอาได้ หากไม่ใช่เพราะเสียงทุ้มนั้นบอกอยู่ที่ข้างหู อี้ชิงคงนึกว่าตัวเองกำลังละเมอไปแน่

     

                “ฉันชอบนาย เป็นแฟนกันเถอะนะ”

     

     

     

     

     

     

     

    ทู บี คอนตินิว...

     

     

     

    คนรอง: สาแก่ใจพวกเธอกันแล้วสินะ! ><

    แล้วยังไงดีล่ะทีนี้ อี้ชิงของเราจะว่ายังไงดี

    เจอกันใหม่ตอนหน้านะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×