ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #6 : เขียวหวานน่ารัก ~ 06 ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.63K
      58
      29 ธ.ค. 58


    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 6

    Fiction by 2nd Admin


    .

    .

    .

     

    “ฮ้าาา~ อิ่มสุดๆ ไปเลยยย”

    ร่างเล็กทิ้งทั้งตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้นเตียงตัวเอง มือข้างหนึ่งลูบวนอยู่บนพุงที่ตอนนี้นูนออกมาน้อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าน่ารักยังคงระบายยิ้มอย่างเป็นสุขจนปรากฏรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม และข้างๆ กันนั้น เพื่อนสนิทก็กำลังทิ้งตัวลงนอนในท่าเดียวกัน

    “อิ่มชะมัด นายถล่มฉันซะเละเลยนะ”

    “ก็ฉันหิวนี่นา เมื่อกลางวันก็ไม่ได้กินอะไรเลย” นึกถึงสาเหตุแล้วหัวใจก็เต้นแรงด้วยความหงุดหงิดไม่หาย แนวกรามได้รูปและเส้นเอ็นแข็งแรงที่ลำคอตอนที่คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นเพื่อช่วยเป่าใบไม้ออกจากผมให้เขายังติดตาอยู่เลย หลังจากบังเอิญเจอกันที่ทางเดินแล้วอี้ชิงก็จ้ำเอาจ้ำเอาจนถึงห้องชมรม เปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เช็คโน่นเช็คนี่ไปเรื่อยเปื่อย เขาลืมไปแล้วว่าไปที่นั่นทำไม ลืมมื้อกลางวันไปเลยด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเรียนช่วงบ่ายแล้ว ความหงุดหงิดยังทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง อยู่ในห้องเรียนตั้งสองชั่วโมงแต่กลับจำไม่ได้เลยว่าเรียนอะไรไปบ้าง เห็นหน้าลู่หานในตอนเย็นถึงได้รู้สึกหิวขึ้นมา ดีนะว่าเพื่อนสนิทรักษาคำพูด อี้ชิงก็เลยจัดเนื้อย่างมื้อเย็นเสียเต็มคราบแบบอิ่มจังตังค์อยู่ครบเลยด้วย

    “ฉันนึกว่านายจะอิ่มอกอิ่มใจที่บังเอิญได้เจอหนุ่มฮ็อตจนกินข้าวไม่ลงซะอีก”

    “อย่าพูดถึงได้มั้ย แค่นึกถึงหน้าฉันก็ขนลุกแล้ว”

    “หัวใจเต้นแรงด้วยหรือเปล่า? แบบนั้นเค้าไม่เรียกว่ารังเกียจนะ”

    “เงียบเลย” อี้ชิงปรายตามองแล้วก็แกล้งยื่นมือไปตีพุงเพื่อนแรงไม่เบา เล่นเอาลู่หานโอดโอยว่าจุกแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    ลู่หานแกล้งสำออยไปอย่างนั้นเอง มองรอยยิ้มบนดวงหน้าน่ารักก่อนจะกลิ้งตัวกลับมาหา พลิกตัวขึ้นนอนตะแคงข้างแล้วเอานิ้วจิ้มรอยบุ๋มเล็กๆ บนข้างแก้มนิ่มเบาๆ

    “นี่อี้ชิง”

    “หือ?”

    “ทำไมนายถึงคิดว่าการปล่อยข่าวแบบนั้นจะกันพวกสาวๆ ออกจากรุ่นพี่ได้?”

    “ทำไมจะไม่ล่ะ? มีผู้หญิงที่ไหนชอบผู้ชายที่เป็นเกย์บ้าง”

    “นายคิดว่า การที่ผู้ชายคนนึงจะชอบผู้ชายด้วยกันนี่มัน... น่ารังเกียจมากเหรอ?”

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” อี้ชิงพลิกตัวตะแคงข้างหันไปทางลู่หานบ้าง “ฉันก็แค่คิดว่า ถ้าหมอนั่นหันไปชอบผู้ชายด้วยกัน พวกสาวๆ ก็จะได้หมดหวัง แล้วก็เลิกยุ่งเลิกตามเค้าซักที ก็เท่านั้น”

    “งั้นเหรอ...”

    “ก็งั้นแหละ ถามทำไมอ่ะ?”

    “เปล๊า แค่อยากรู้” ตอบเสียงสูงก็ว่ามีพิรุธแล้ว ยังจะพลิกตัวนอนหงายไม่ยอมสบตาเมื่ออี้ชิงจ้องตรงๆ อีก ถึงจะอารมณ์ดีแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ความสงสัยนี้ผ่านไปง่ายๆ หรอกนะ คนตัวขาวบุ้ยปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกได้

    “ถามแบบนี้... หรือว่า?!” เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ลู่หานก็ลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นตาม “สาวที่นายจีบอยู่คิดว่าเรามีซัมติงกันใช่ป่ะ?”

    “ว.. ว่าไงนะ?”

    “ใช่แน่ๆ เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็เลยมีคนเข้าใจผิด สาวที่นายจีบอยู่เค้าก็คิดอย่างนั้นใช่ป่ะ มิน่าล่ะ พักนี้นายถึงไม่ยอมไปกินข้าวกลางวันกับฉันน่ะ”

    ฟันธงเองแล้วก็ยกมือขึ้นกอดอกฉับ ลู่หานจ้องใบหน้าที่จริงจังของเพื่อนสนิทแล้วก็อึ้งไปเป็นครู่กว่าจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา แล้วก็หัวเราะอยู่อย่างนั้นจนอี้ชิงถึงกับเหวอ เขาเดาถูกก็เลยแกล้งเป็นบ้ากลบเกลื่อนรึไง

    “ขำอะไรนักหนาน่ะเสี่ยวลู่?”

    “ฮ่าๆๆ นายนี่มัน...” ย่นคอหนีเมื่อมือเล็กป้อมยื่นมาบีบสองแก้มเบาๆ “ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ”

    “อ.. อะไรเล่า” อี้ชิงดึงมือเพื่อนออกอย่างไม่เข้าใจนัก สีหน้างุนงงนั่นทำให้ลู่หานยิ่งหัวเราะหนัก หัวเราะจนตัวงอ จนต้องเอามือกุมท้องไว้ แต่พอเห็นสีหน้าที่เริ่มจะบึ้งตึงของเพื่อนรักแล้วก็ต้องพยายามกลั้นขำ กระเถิบเข้ามาใกล้แล้วโอบแขนกอดเอาใจ แก้มแนบแก้มอย่างง้องอน

    “เอาน่า ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง”

    “สัญญา?” ลู่หานยิ้มอ่อน เขาสนิทกับอี้ชิงมากจนลืมคำว่าเรื่องส่วนตัว พวกเขาไม่เคยมีความลับต่อกัน อี้ชิงบอกเขาทุกเรื่อง ลู่หานเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่บางเรื่อง... ก็แค่อยากรอให้แน่ใจก่อนเท่านั้น ลู่หานจับมือเพื่อนขึ้นมาแล้วเอานิ้วก้อยเกี่ยวกันไว้ตอนที่เอ่ยคำมั่น

    “สัญญาเลย”

     

    .

     

    .

     

    .

     

                “ฮ้าววว~ เรียกมาทำไมแต่เช้าเนี่ยจงแด”

                คิมจงแดเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงยานคางที่เดินลากเท้าผ่านประตูห้องเข้ามาจนถึงโต๊ะกว้างกลางห้องชมรม ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าเป้ไว้ที่ว่างข้างตัวแล้วทิ้งก้นลงนั่ง ฟุบหน้าลงบนแขนที่เหยียดยาวไปบนโต๊ะ ลู่หานที่เดินตามมาก็เดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งตรงกันข้าม รายนี้ดูไม่ง่วงเท่าไหร่แต่ก็ไม่อัลเลิทเหมือนทุกวัน ไม่แปลกใจกับอาการสะลึมสะลือของทั้งสองคนเลยเพราะเขาเองที่เป็นคนโทรเรียกให้จางอี้ชิงมาพบตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แน่นอนว่าได้ลู่หานมาเป็นของแถม ก็ดีเหมือนกัน จะได้อวดทีเดียวเลย

                “โทษที เรื่องด่วนน่ะ”

                “ฉันต้องตื่นเช้ากว่าทุกวันตั้งชั่วโมงนึงเลยนะ มีเรื่องด่วนอะไรนักหนา ไว้คุยกันตอนเย็นไม่ได้รึไง?”

                “ไม่ได้หรอก เรื่องบทสัมภาษณ์ของนายนี่น่ะสิ” หัวข้อนั้นทำให้คนที่อยากจะงีบหลับเต็มทนผงกหัวขึ้นได้ในทันที

                “ทำไมอ่ะ ไม่มีคนกดไลค์เลยเหรอ? หรือว่ามีคอมเม้นท์แย่ๆ?”

                “ไม่นี่ เมื่อคืนฉันเข้าไปเช็คดูก็เห็นยอดไลค์เยอะดี เยอะพอๆ กับรูปที่โพสต์ก่อนหน้านี้เลยนะ” ถึงจะไม่ค่อยมีคนแสดงความคิดเห็นเท่าไหร่ แต่ลู่หานก็ไม่เห็นว่าสำคัญ ก็จงแดต้องการแค่ยอดคนที่เข้ามากดถูกใจเท่านั้นไม่ใช่หรือ

                “ยอดไลค์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่พวกนายดูนี่สิ” ประธานชมรมหันหน้าจอแล็ปท็อปออกจากตัวให้สมาชิกทั้งสองได้ดู “ยอดแชร์หลักร้อยเลย เยอะกว่าทุกครั้งที่โพสต์รูปอีกนะ ฉันก็เลยตามไปดูคนที่เอาบทสัมภาษณ์นี้ไปแชร์”

                “แล้วไง? มีแต่คนไม่ชอบใช่ป่ะ? หมอนั่นถูกแอนตี้แฟนถล่มเละเลยใช่มั้ย?”

                “อี้ชิง” ลู่หานถึงกับต้องแอบเตะขาเพื่อนเบาๆ พลางขยิบตาให้รู้ตัว ลุ้นจนออกหน้าออกตาขนาดนี้เดี๋ยวจงแดก็จับผิดเข้าจนได้

                “คือ... ฉันหมายถึง ต้องมีคนไม่ชอบบ้างแหละ ใช่มั้ย?”

                “ใครว่าล่ะ พวกสาวๆ ตื่นเต้นแล้วก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ท่าทางจะชอบกันมากด้วย”

                “ว่าไงนะ?” พอจงแดพยักหน้า อี้ชิงก็ลากแล็ปท็อปมาตรงหน้าตัวเองแล้วคลิกที่ปุ่มแชร์เพื่อตามไปดูที่หน้าเพจของบรรดาแฟนคลับ ไล่ดูไปสองสามเพจก็ถึงกับอึ้ง เป็นอย่างที่จงแดว่าจริงๆ มีแต่คนพูดถึงเรื่องที่รุ่นพี่คนดังชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ไม่เห็นมีคอมเม้นท์ที่ไม่ดีเลย แม้แต่คนที่บอกว่าไม่ชอบก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ “ม.. ไม่จริงอ่ะ ทำไมเป็นนี้ล่ะ?”

                “ฉันเองยังคิดไม่ถึงเลยว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้ เมื่อวานพอโพสต์เสร็จก็คอยเข้ามาเช็คทั้งวัน เห็นไม่ค่อยมีคอมเม้นท์ก็ใจแป้วเลย แต่นี่กลายเป็นว่าพวกแฟนคลับแชร์ไปเม้าท์กันที่หน้าเพจตัวเอง นี่นะ แล้วประเด็นสำคัญก็อยู่ที่สเปคของรุ่นพี่ ตอนนี้ไม่ใช่แค่พวกสาวๆ ที่ชอบอกชอบใจ ดูเหมือนรุ่นพี่จะได้แฟนคลับเป็นผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่มเลยด้วย”

                “ไหงเป็นงี้อ่ะ?” นี่เขาทำให้พ่อคนดังตกกระป๋องไม่ได้ แม้แต่แอนตี้แฟนซักคนก็ไม่มี แต่กลายเป็นว่าไปเพิ่มแฟนคลับให้เค้าซะงั้นเหรอ?

     

                ผิดแผน!

               

                อี้ชิงหันไปมองหน้ากันกับลู่หาน ฝ่ายนั้นก็ยักไหล่แล้วส่ายหน้าน้อยๆ สีหน้าคาดไม่ถึงเช่นกัน  

     

                “เป็นอะไรไปอี้ชิง? ไม่ดีใจรึไงที่บทสัมภาษณ์ชิ้นแรกกลายเป็นกระแสแบบนี้น่ะ” นักเขียนข่าวมือสมัครเล่นได้แต่ยิ้มแหย จะให้ดีใจยังไงไหว เรื่องมันกลับพลิกล็อคเสียจนเขาตั้งตัวแทบไม่ทัน กระแสในโลกโซเชียลยังเป็นซะแบบนี้ เรื่องที่เขาตกลงกับคริสไว้คงไม่สำเร็จแน่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหมอนั่นรู้เรื่องแล้วเขาจะโดนเล่นงานยังไงบ้าง ยิ่งจะปากคอเราะร้ายอยู่ด้วย โอยยยย จางอี้ชิงหนอจางอี้ชิง คราวนี้ต้องโดนจิกกัดจนพรุนไปทั้งตัวแน่!  

     

                ปัง! ปัง! ปัง!

     

                “เปิดประตูหน่อย”

     

                เสียงทุบประตูดังลั่นกับน้ำเสียงทุ้มห้าวนั้นทำให้สมาชิกทั้งสามถึงกับสะดุ้ง หันไปมองทางประตูหน้าแทบจะพร้อมกัน

                “ใครล่ะนั่น” ลู่หานมองหน้ากันกับจงแดแล้วยักไหล่ไม่รู้ แต่ก็เต็มใจจะลุกขึ้นเดินไปเปิดดูให้ ใครบางคนในที่นั้นน่าจะจำน้ำเสียงอวดดีนั้นได้ดีที่สุด แต่กว่าอี้ชิงจะนึกออก ลู่หานก็เดินไปถึงประตูแล้ว

     

                “เสี่ยวลู่ อย่าเพิ่ง!”

     

                แกร๊ก

     

                ไม่ทัน

     

                ตายแน่ๆ จางอี้ชิง!

     

                ในทันที่ลู่หานดึงบานประตูให้เปิดออก ใบหน้าของคนที่อี้ชิงยังไม่พร้อมจะเจอมากที่สุดก็ทำให้จงแดร้องโอ๊ะด้วยความแปลกใจ

                “รุ่นพี่!”

                “เขียวหวานอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

                “ค.. ใครนะครับ?” ลู่หานถึงกับเหวอ แว่บแรกเขานึกว่าพอจะเดาได้ว่ารุ่นพี่สุดหล่อบุกมาถึงชมรมแต่เช้าตรู่ด้วยเหตุผลใด แต่เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหูก็เริ่มไม่มั่นใจแล้ว

                เมื่อไม่ได้คำตอบ เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เริ่มสอดส่ายสายตาเข้ามามองหาในห้องเอง เพียงแว่บเดียวก็เจอคนที่ต้องการ ใช้เพียงสายตาบอกลู่หานให้หลีกทางแล้วถือวิสาสะเข้ามาในห้อง ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปหาคนตัวเล็กที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่บนโต๊ะกลางห้องในทันที 

                “ไหนนายว่ามันจะได้ผล ดูข้างนอกนั่นสิ”

                นิ้วเล็กๆ แหวกออกแค่ให้ลูกตาโผล่มาได้ เหลือบตามองคนตัวสูงกว่าที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าแล้วถึงได้ชำเลืองสายตาไปทางประตู เห็นลู่หานกำลังทุลักทุเลกับการปิดมัน ได้ยินเสียงอื้ออึงดังอยู่ข้างนอกแต่อี้ชิงมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้แค่ว่ามีใครหลายคนพยายามจะเข้ามาเพราะจงแดถึงกับต้องลุกขึ้นไปช่วยพูดกับคนพวกนั้น ลู่หานถึงปิดประตูลงได้

                “คนพวกนั้นใครกัน?”

                “มากับรุ่นพี่หรือเปล่าครับ?” คริสส่ายหน้าให้คนทั้งสอง

                “พวกเค้าตามฉันมา อุตส่าห์มาแต่เช้ายังมีคนมาดักรอ ฉันถึงต้องหนีมาที่นี่ไง”

                “หนีมา?” ทั้งจงแดและลู่หานทวนคำขึ้นพร้อมกัน และคริสก็หัวเราะหึ

                “นายจะทำยังไงถ้าจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้ามากกว่าหนึ่งคนเข้ามาตื๊อเพื่อจะขอเบอร์โทรให้ได้ แม้กระทั่งเพื่อนที่เล่นบาสเก็ตบอลด้วยกันทุกวัน จู่ๆ ก็มาชวนไปเที่ยวแบบสองต่อสอง และนั่นมันหลังจากที่พวกนายโพสต์บทสัมภาษณ์นั่น”

                จงแดแอบชำเลืองตามองสบกันกับลู่หานก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ

                “ก็... คงเพราะทุกคนอยากรู้ว่าจะมีโอกาสได้เป็น... สเปคของรุ่นพี่มั้ย... มั้งครับ”

                “นั่นสินะ” หนุ่มหล่อพยักหน้าช้าๆ หันมามองคนที่ยังนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะแล้วกดยิ้มมุมปาก ท้าวมือหนึ่งลงบนโต๊ะส่วนอีกมือก็ยื่นไปดึงข้อมือเล็กที่ปกปิดใบหน้าร้อนรนครึ่งหนึ่งออก พอเขาโน้มใบหน้าลงหา คนร้อนตัวก็ย่นคอหนีด้วยท่าทีระแวง “ดูเหมือนแผนของนายจะไม่ได้ผลนะ ว่ามั้ย?”

                อี้ชิงเพิ่งจะช็อคไปเมื่อครู่เมื่อรู้ว่าคริสไม่ได้โดนกระแสแอนตี้อย่างที่คาด ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหรือคิดแผนสองสำรองไว้เลย จู่ๆ หมอนี่ก็โผล่มาพร้อมหลักฐานตามหลังเป็นพรวน จะเพื่อตอกย้ำว่าเขาคิดผิดหรือกดดันให้หาวิธีแก้ก็เถอะ ถึงยังไงตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นแล้ว อี้ชิงทำใจกล้าลดมืออีกข้างลงในที่สุด สู้สายตาคนตรงหน้าแล้วก็ส่ายหัวระรัว

                “ไม่จริงอ่ะ ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ” ถึงจะรู้ว่ากระแสโซเชียลนั้นรวดเร็วแค่ไหน แต่นี่มันเพิ่งจะแค่วันเดียว บางทีสาวๆ พวกนั้นอาจจะเป็นแฟนคลับกลุ่มที่คอยตามติดพ่อคนดังทุกวันอยู่แล้วก็ได้ บางทีพวกเธออาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ อี้ชิงแค่ต้องทำให้พวกเธอตาสว่าง คนตัวเล็กลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูในทันที ข้างนอกนั่นยังมีสาวๆ สองสามคนรอตื๊ออยู่ พอเปิดประตูออกไป อี้ชิงก็บอกพวกเธออย่างไม่อ้อมค้อม

                “นี่พวกเธอ หมอนี่ชอบผู้ชายนะ เค้าไม่ชอบเธอหรอก ไม่รู้กันรึไง?” สองสาวมองหน้ากันแล้วยักไหล่ให้เขา

                “รู้แล้วล่ะย่ะ”

                “งั้นก็เลิกวิ่งตามกันซักทีสิ”

                “เรื่องอะไรล่ะ คนที่กล้าเปิดเผยตัวเองขนาดนี้น่ะเท่จะตาย เค้าจะชอบผู้ชายแล้วยังไง? เราก็ยังเป็นแฟนคลับเค้าอยู่ดี”

                “เราจะตามติดรุ่นพี่แล้วก็เป็นกำลังใจให้จนกว่าเค้าจะเจอรักแท้เลยล่ะ” แล้วสองสาวก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมาพร้อมกันจนอี้ชิงอุดหูแทบไม่ทัน

                “พวกเธอต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ” ขนาดรู้ว่าหมอนี่เป็นเกย์ยังจะคลั่งกันอยู่ได้ อี้ชิงไม่อยากจะเชื่อ เขาหลบเข้ามาในห้อง ปิดประตูล็อคกลอนจนเรียบร้อยแล้วก็พ่นลมหายใจอย่างหัวเสีย แต่เมื่อหันหลังมาก็ต้องเผชิญกับสายตาอวดดีของคนที่เข้ามายืนเสียประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                “นายทำผิดข้อตกลงของเรา จะว่ายังไง?

                “เดี๋ยวก่อนนะ ข้อตกลงอะไรกัน?” จงแดสลับสายตามองหน้าคริสกับอี้ชิง ก่อนจะหันมาหาลู่หานซึ่งได้แต่ยักไหล่น้อยๆ ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้หรือไม่ก็คงไม่อยากเล่าให้ฟัง อันที่จริงถ้าไม่รวมหน้าที่ในฐานะประธานชมรมหนังสือพิมพ์ออนไลน์แล้วเขาก็ไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นซักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อรุ่นพี่บุกมาถึงห้องชมรมแต่เช้าตรู่แบบนี้ เรื่องที่ชวนให้หัวเสียคงไม่ใช่แค่บทสัมภาษณ์นั่น และจงแดก็คิดว่าเขารู้ว่าควรต้องคาดคั้นเอากับใคร

     

                “มีอะไรที่ฉันต้องรู้หรือเปล่า จางอี้ชิง?”

     

    .

     

    .

     

    .

     

                “ว่าไงนะ?! บทสัมภาษณ์นี่ ของปลอมงั้นเหรอ?”

                “ไม่ใช่ของปลอมทั้งหมดนะ ฉันสัมภาษณ์คริสมาจริงๆ แค่ข้อนั้นข้อเดียวที่ฉัน... เขียนขึ้นมาเอง” น้ำเสียงท้ายประโยคนั้นอ่อนลง แต่ก็ไม่ช่วยให้คิมจงแดคลายสีหน้าเอือมระอาและผิดหวังได้ การสารภาพเรื่องทั้งหมดไม่ได้ช่วยให้ความผิดเบาบางลงเลย เพราะจรรยาบรรณของสมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์ออนไลน์นั้นสำคัญ ต่อให้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องจริง แต่คิมจงแดก็ให้ความสำคัญกับหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ไม่จริงเสียมากกว่า

                “ให้ตายเหอะอี้ชิง นายโกหกฉันนี่”

                “ฉันขอโทษ ก็หมอนี่อยากเรื่องมากทำไม ถ้าเค้าไม่สร้างเงื่อนไขยุ่งยาก ฉันก็ไม่ต้องสร้างเรื่องแบบนี้หรอก”

                “เฮ้ๆๆ นายเองนะที่อยากสัมภาษณ์ ฉันไม่ได้บังคับนี่”

                “แต่นาย...!”

                “พอก่อนอี้ชิง” คนตัวเล็กงับปากเมื่อถูกปรามเสียงเรียบ ไม่วายส่งสายตาชิงชังไปให้คนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามซึ่งกำลังยักคิ้วให้อย่างท้าทาย อยากจะปีนข้ามโต๊ะไปข่วนหน้านัก ถ้าไม่ติดว่าลู่หานคอยกระตุกชายเสื้อห้ามไว้ล่ะก็นะ

                “จงแด แต่หมอนี่น่ะ...”

                “เรื่องนี้ฉันถือว่านายผิด เพราะนายโกหกคนอื่นก่อน”

                “แต่ว่า...!”

                “ฉันจะลงโทษนายทีหลัง เอาเป็นว่าตอนนี้ นายต้องขอโทษรุ่นพี่เค้าก่อน”

                “ว่าไงนะ?”

                “นายกุเรื่องให้รุ่นพี่เค้าเสียหายจนเกิดความวุ่นวายขนาดนี้ ยังไงก็ต้องขอโทษ”

                “ไม่มีทางอ่ะ หมอนี่รู้ว่าฉันทำอะไรแต่ไม่ขัด ก็แสดงว่าเห็นดีด้วย ถ้าจะผิดก็ต้องผิดด้วยกัน ฉันไม่ขอโทษแน่”

                “นั่นสินะ เพราะถึงขอโทษไป ชีวิตฉันก็คงไม่ได้ยุ่งยากน้อยลงอยู่ดี”

                “นี่นาย...!”

                “เอ่อ เอาอย่างนี้มั้ย” คราวนี้เป็นลู่หานที่ขัดขึ้น จับนิ้วเล็กที่ชี้หน้าหล่อๆ ของรุ่นพี่ให้ลดลงพลางส่งสายตาปรามเมื่อเพื่อนสนิทยังไม่มีทีท่าจะลดราวาศอก จงแดกำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าอี้ชิงยังลืมตัวต่อปากต่อคำกับโจทก์ต่อหน้าต่อตา เดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้ “คือ ตอนนี้เรามาหาวิธีแก้ข่าวกันก่อนดีกว่า นี่จงแด เราโพสต์แถลงการณ์ขอโทษแล้วบอกว่าบทสัมภาษณ์นี้มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่นได้หรือเปล่า?”

                หนุ่มแว่นครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า

                “แบบนั้นไม่ได้ เพจเราขึ้นชื่อเรื่องนำเสนอแต่ข้อเท็จจริงมาตลอด ถ้ามีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องโกหก มีหวังได้โดนปิดชมรมแน่”

                “ถ้าอย่างนั้นเราจะเอายังไงกันดี?”

                “เรื่องนี้กำลังเป็นกระแส คงต้องปล่อยให้เลยตามเลยไปก่อน”

                “ฟังดูดีสำหรับชมรมของพวกนายนะ แต่ชีวิตฉันต้องวุ่นวายมากขึ้น ใครซักคนควรต้องรับผิดชอบ ว่ามั้ย?” ใครที่ว่านั่นก็นั่งตาแป๊วอยู่นี่ พอดวงตาคมปรายมาก็ถึงกับร้อนตัว

                “ก็... ก็แล้วจะให้ทำยังไง ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะเป็นแบบนี้น่ะ” มาทำไม่รู้ไม่ชี้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ รู้ได้จากสายตาของจงแดที่ปรายมามอง ว่าต่อให้เขาแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี

    “อันที่จริงก็พอมีทางแก้ อยู่ที่ว่ารุ่นพี่จะเอาด้วยหรือเปล่า”

    เพราะเป็นความผิดของสมาชิกในชมรม คิมจงแดจึงคิดว่าเขาควรต้องรับผิดชอบ ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แก้ข่าวไม่ได้ก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน ดูท่าว่ารุ่นพี่จะไม่พอใจแค่เรื่องที่มีคนมาคอยตอแยเพิ่มมากขึ้น จงแดเลยคิดหาทางที่จะจัดการให้ พอหนุ่มหล่อเลิกคิ้ว ขยับแผ่นหลังออกจากพนักพิงเล็กน้อยด้วยท่าทีว่าสนใจ หนุ่มแว่นก็ยืดตัวมาข้างหน้า ขยับแว่นสายตาแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างมีแผน

     

    “ทางเดียวที่จะกันรุ่นพี่ออกจากบรรดาแฟนคลับได้ ก็คือต้องหาแฟนตัวจริงให้”

     

    คนมีแฟนมักเรทติ้งตก ทฤษฏีนี้เป็นจริงเสมอ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พลาด ถึงจะเป็นรุ่นพี่สุดหล่อที่ตอนนี้มีแฟนคลับอยู่เกือบทั้งมหาวิทยาลัยก็เถอะ คิมจงแดนั้นฉลาดพอที่จะคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่ลู่หานนั้นฉลาดกว่าตรงที่คิดตามแผนของประธานชมรมคนเก่งซ้ำยังเดาเรื่องต่อ เขาร้องโอ๊ะแล้วหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังเหรอหรา พอจงแดมองมา คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็มองตามด้วย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสามสายตากำลังมองมาที่คนๆ เดียว

    “แล้วพวกนายมองหน้าฉันทำไม?”

    “รุ่นพี่ต้องมีแฟนตัวจริง และนายคงต้องจัดการเรื่องนั้น”

    “ยังไง? จะให้ฉันไปหาแฟนมาให้หมอนี่รึไง?”

    “ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอก” ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหนุ่มแว่นผู้จริงจัง ดูเหมือนแม้แต่คริสก็จะเข้าใจความหมาย เขาหัวเราะหึ มีเพียงอี้ชิงเท่านั้นที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างเหรอหรา กระทั่งลู่หานยกแขนขึ้นโอบไหล่เขาแล้วกระซิบเสียงไม่เบา

    “ฉันว่าจงแดหมายถึงนายนะ”

    “ฉันเหรอ?” คนคิดช้าชี้นิ้วที่หน้าตัวเองแล้วกระพริบตาปริบ มองสีหน้าเพื่อนสนิทที่ตบบ่าเขาปุๆ แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยังตามเรื่องไม่ทันอยู่ดี สุดท้ายลู่หานก็เลยต้องกระซิบอีกครั้งเพื่อเฉลย พอรู้แผนของจงแด อี้ชิงก็ถึงกับหน้าตาตื่น ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ในทันที

     

    “ว.. ว่าไงนะ?! นี่พวกนายจะให้ฉัน... เป็นแฟนหมอนี่เนี่ยนะ?!”

     

    “อาฮะ” หนุ่มแว่นพยักหน้าช้าๆ “แค่แกล้งทำเท่านั้นแหละ แฟนหลอกๆ ไง”

    “เพื่อ?”

    “ก็อย่างที่บอก หาแฟนให้รุ่นพี่ซักคน พวกแฟนคลับจะได้หมดหวังแล้วก็เลิกตามตื๊อกันไปเอง”

    “แล้วไง?! ทำไมต้องฉันล่ะ? ข้างนอกนั่นมีสาวๆ ตั้งเยอะ ให้เค้าไปเลือกเอาซักคนสิ”

    “รุ่นพี่ชอบผู้ชาย ลืมไปแล้วรึไง”

    “งั้นก็... ใครก็ได้ คนที่ชมรมบาสเก็ตบอลก็ได้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉันน่ะ”

    “แต่เรื่องนี้เป็นเพราะแผนของนายนะอี้ชิง นายควรต้องรับผิดชอบ”

    “รับผิดชอบด้วยวิธีอื่นก็ได้นี่ ให้ฉันทำยังไงก็ได้ นายโพสต์แก้ข่าวแล้วบอกคนอื่นๆ ก็ได้ว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง ฉันผิดเอง ชมรมไม่เกี่ยว”

    “ถึงยังไงนายก็เป็นสมาชิกคนนึง ฉันจะไม่ยอมเอาชื่อเสียงของชมรมไปเสี่ยงแบบนั้นหรอกนะ”

    ถูกปฏิเสธทางรอดอย่างเด็ดขาด อี้ชิงก็ได้แต่ร้องครวญครางอย่างสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่านอกจากจะแก้ปัญหาแล้ว จงแดคงคิดจะลงโทษเขาในฐานที่โกหกด้วย ถึงได้จะมัดมือชกยกให้เขาไปเป็นแฟนกับคนที่ไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุดแบบนี้ เป็นตายยังไงอี้ชิงก็ไม่มีทางยอมง่ายๆ  และอีกฝ่ายก็คงเช่นกัน

    “แล้วหมอนี่ล่ะ ถามเค้ารึยัง? เค้าไม่มีทางยอมแน่”

    มองปลายนิ้วที่ชี้มาแล้วคนตัวสูงก็หัวเราะหึ รอยยิ้มที่มุมปากนั้นยังไม่คลาย ดูเหมือนว่าคริสจะชอบใจกับการที่ได้นั่งดูอี้ชิงถูกไล่ต้อนจนแทบจนมุมไม่น้อยเลย

    “คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการถูกคนแปลกหน้าวิ่งตามทั้งวันหรอก”

    “ว.. ว่าไงนะ?”

    “ตอนนี้ฉันกลายเป็นเกย์ไปแล้ว ถ้าจะให้มีแฟนซักคน ก็คงไม่แย่ไปกว่าเดิมซักเท่าไหร่” ท่าทางยักไหล่ไม่ยี่หร่ะนั้นมันน่าหมั่นไส้นัก ตอนที่อยู่ในสวนสาธารณะด้วยกัน พออี้ชิงเล่าแผนการณ์ให้ฟัง หมอนี่ก็ทำหน้าแบบนี้แหละ ยิ้มมุมปากแบบไม่ยินดียินร้าย เป็นคนดังแบบไหนถึงไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเอง คนอื่นจะมองยังไงก็ไม่สนเลยรึไง โรคจิตชัดๆ!

    “ถ้าอยากได้ตัวหลอกก็ไปหาเอาเอง ฉันไม่เอาด้วยแน่”

    “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็แก้ข่าว โพสต์คำขอโทษแล้วเราคงต้องไล่นายออกจากชมรม”

    “ว่าไงนะ?!

    “การปล่อยข่าวที่ไม่จริงแบบนี้ถือเป็นความผิดขั้นร้ายแรง กฏของชมรมระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการลงโทษนั้นมีอยู่สถานเดียว”

    “จงแด แต่ว่าฉัน...” ขยับปากจะพูดแต่สุดท้ายก็ได้แต่พ่นลมหายใจพร้อมเสียงคราง ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้แล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างจนใจ อี้ชิงรู้กฏทุกข้อดี แต่ทั้งที่รู้ก็ยังทำ จงใจเลยด้วยซ้ำ จงแดไม่มีทางให้ลดโทษให้แน่

    “เราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก็ได้ และนายก็ไม่ต้องถูกไล่ออก แต่นายต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเอง  เลือกเอา”

    จะให้ยอมเป็นแฟนหลอกๆ ของคนที่ไม่ชอบหน้า หรือยอมโดนไล่ออกจากชมรม ไม่ว่าทางไหนก็โหดร้ายสำหรับอี้ชิงทั้งนั้น จงแดทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน

     

    เย็นชาที่สุด!

     

    ก่อนหน้านี้ยังดีใจที่จะไม่ต้องทนเห็นหน้าคนขี้เก๊กทุกวันแล้วแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ

     

    เพราะหมอนี่แท้ๆ!

     

    ผงกหัวขึ้นเพื่อจะส่งสายตาชิงชังไปให้คนตรงข้าม สายตาที่มองมากับยิ้มร้ายที่มุมปากนั่น เขาจะทนเห็นทนหมั่นไส้ไปทุกวันได้ยังไงกัน?

     

    เกลียดที่สุดเลยจริงๆ!

     

    “เอาน่าอี้ชิง ยอมๆ ไปเหอะ ดีกว่าต้องออกจากชมรมนะ แค่สองเดือนเอง เดี๋ยวรุ่นพี่ก็ไปแล้ว”

    “ที่จริงต้องบอกว่าแค่เดือนครึ่งด้วยซ้ำ” จะเดือนครึ่งหรือครึ่งวัน อี้ชิงก็ไม่อยากอยู่ใกล้คนแบบนี้ ไม่มีใครเข้าใจเลยหรือไง? มองหน้าจงแดผู้เย็นชาแล้วก็หันมาสบตากับเพื่อนสนิทที่กำลังตบไหล่เขาเบาๆ แล้วอี้ชิงก็เบะปาก อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ

    “แต่ว่านะ จู่ๆ จะให้เปิดตัวอี้ชิงเป็นแฟนรุ่นพี่เลยก็คงไม่เหมาะ” ที่ลู่หานท้วงขึ้นมาก็ทำให้อี้ชิงมีความหวังอีกครั้ง เขากระพริบตาปริบพลางยิ้มน้อยๆ บางทีเพื่อนรักอาจจะช่วยพูดให้จงแดเปลี่ยนใจก็ได้

    “อืม งั้นเราก็ต้องสร้างสตอรี่หน่อย” เห?

    “ยังไง?”

    “ก็ต้องเริ่มจาก ให้อี้ชิงเข้าไปจีบรุ่นพี่แบบโจ่งแจ้งให้คนอื่นๆ เห็น หลังจากนั้นก็ค่อยเป็นแฟนกัน” ห๊าาาา?!

    “จริงด้วยสินะ ต้องค่อยเป็นค่อยไป” ลู่หานพยักหน้าช้าๆ เห็นดีเห็นงามกับจงแดไปเสียอย่างนั้น ตกลงไม่ได้คิดจะช่วยกันจริงๆ สินะ

    “เดี๋ยวก่อนนะ ทั้งคู่เลย จะให้ฉัน... จีบหมอนี่เนี่ยนะ?!

    “งั้นสิ จู่ๆ จะให้เดินออกไปจากห้องนี้แล้วบอกว่าเป็นแฟนกัน ใครจะเชื่อ” ฟังจงแดพูดเข้า บ้าไปแล้วแน่ๆ!

    “แค่ให้เป็นแฟนก็แย่พอแล้ว นี่ยังจะต้อง... โฮ้ยยย พวกนายอย่ารุมฉันแบบนี้สิ” สุดท้ายแล้วแม้แต่เพื่อนรักก็ยังไม่เข้าข้าง ชีวิตจางอี้ชิงทำไมมันอาภัพแบบนี้นะ ได้แต่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วครวญครางอย่างสิ้นหวัง

    “เอาน่าอี้ชิง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะ”

    “เรื่องแบบนี้จะให้ทำใจได้ง่ายๆ ได้ยังไงเล่า!” ยังจะมีหน้ามาเกลี้ยกล่อม อี้ชิงก็เลยเหวี่ยงใส่เพื่อนรักจนหน้าหงาย ก่อนจะหันไปอ้อนประธานชมรมอีกครั้ง “จงแด... คิดดูใหม่อีกครั้งเถอะ นี่เรากำลังจะโกหกกันยกแก๊งค์เลยนะ”

    หนุ่มแว่นบุ้ยปาก ตีสีหน้าว่าครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็ส่ายหน้า

    “โกหกเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากเรื่องโกหกของนาย ฉันไม่ถือว่าเป็นบาปหรอก” โฮฮฮฮฮ ให้มันได้อย่างนี้สิ!

    “พวกนายมันใจร้ายที่สุด!

     

    ในเสียงโอดครวญของอี้ชิงนั้นมีเสียงหัวเราะหึๆ ดังแทรกมาด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ดูเหมือนคนที่ไม่แสดงความเห็นอะไรเลยมาตั้งแต่ต้นจะไม่ได้นั่งเงียบเพราะมัวแต่อึ้ง ทันทีที่อี้ชิงตวัดสายตาไปมองก็เห็นรอยยิ้มที่เกลียดแสนเกลียด

    “น่าสนุกดีนะ” อี้ชิงแยกเขี้ยวใส่รอยยิ้มกวนอารมณ์นั่น

    “ขำอะไรนักหนามิทราบ”

    คนดังเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วใช้นิ้วถูที่หลังใบหู ท่าทางยียวนแบบแบ้ดบอยนั้นชวนให้อารมณ์เสียจนอี้ชิงแทบจะปีนข้ามโต๊ะไปหา แต่ท่าทางจนตรอกของเขาคงทำให้หมอนี่ยิ่งนึกสมเพชจนหยุดหัวเราะไม่ได้ อี้ชิงไม่ยอมหรอก เขาจะไม่ยอมเป็นตัวตลกให้คนนิสัยไม่ดีหัวเราะเยาะแน่ ยืดตัวขึ้นแล้วสูดหายใจเข้าจนลึก มองสบดวงตาคู่คมแล้วกดยิ้มคืนบ้าง

    “หัวเราะให้ได้ตลอดเถอะ”

     

    ระหว่างคนดังที่มีแฟนคลับเยอะแยะ ขยับตัวทีก็เป็นกระแส กับเขาที่ไร้ตัวตนและไม่มีอะไรจะเสีย (นอกจากอารมณ์) คอยดูก็แล้วกัน เขาไม่ยอมให้หมอนี่หัวเราะอยู่ฝ่ายเดียวแน่

     

    “ฉันเป็นแฟนนายเมื่อไหร่ อย่ามาขอเลิกทีหลังก็แล้วกัน”

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ทู บี คอนตินิว...

     

     

     

     

    คนรอง: มันเขี้ยวเขียวหวาน อยากแกล้งงงงงง ฮื่ออออ ><


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×