ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #10 : หวานใจ ตอน 10 ::: น้องรหัส (3/3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.12K
      13
      9 ส.ค. 56

     


    [Fic] หวานใจ >///<

    ตอน 10: น้องรหัส (3)

    Fiction by 2nd Admin

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    อี้ชิงเก็บความสงสัยไว้อย่างแนบเนียนจนกระทั่งกลับถึงบ้าน วันนี้พี่คริสอ้อนอยากทานสปาเก็ตตี้ อี้ชิงเลยว่าจะเข้าครัวทำให้ คนตัวโตพอแฟนเอาใจเข้าหน่อยก็ดีใจนักหนา หอมแก้มนุ่มสองฟอดใหญ่ๆ แล้วก็เดินฮัมเพลงเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวรออาหารเย็นจานโปรด
     

    ทั้งที่น่าจะเป็นอีกวันที่อี้ชิงมีความสุขอยู่กับคนที่รัก แต่เพราะเรื่องกวนใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้จิตใจของคนตัวขาวไม่สงบเอาเสียเลย ...ทำไมถึงคิดว่าพี่คริสจะโกหก บางทีแบคฮยอนอาจจะโทรมาก่อนหน้านั้น สายที่คุยกับพี่คริสตอนที่อี้ชิงได้ยิน อาจจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งจริงๆ ก็ได้ แค่คุยกับแบคฮยอนไม่น่ามีความลับอะไรที่ต้องปิดบัง

     

    หรือพี่คริสกลัวว่าเขาจะคิดมาก? ...ก็ไม่น่าใช่ อี้ชิงจะคิดมากไปทำไมกัน แบคฮยอนเป็นเด็กน่ารักจริงใจ เป็นน้องรหัสที่พี่คริสต้องคอยดูแล แล้วทั้งสองคนก็ดูจะเข้ากันได้ดี คุยเรื่องเดียวกัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน อี้ชิงควรจะดีใจด้วยซ้ำที่พี่คริสมีน้องชายที่น่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกคน ถ้าอย่างนั้นแล้วพี่คริสจะต้องปิดบังเรื่องที่โทรคุยกับแบคฮยอนไปทำไม?

     

    ไม่หรอก อี้ชิงเข้าใจผิดไปเองแน่ๆ

     

    คนตัวเล็กสะบัดหัวตัวเองเบาๆ หวังไล่ความคิดที่รบกวนจิตใจออกไปให้หมด เขาไม่ควรเป็นแบบนี้ ไม่ควรระแวงพี่คริสเหมือนคนคิดเล็กคิดน้อย ลืมเรื่องพวกนี้ไปให้หมดแล้วทำตัวให้ปกติดีกว่า

     

    “อ๊ะ!

    เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับความคิดมากมาย เมื่อเอวบางถูกสวมกอดจากด้านหลัง ร่างขาวก็สะดุ้งทั้งตัว

    “เหม่ออะไรอยู่หืม? พี่เข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัว” บทเรียนสำหรับคนความรู้สึกช้าก็คือต้องเสียแก้มนุ่มให้ถูกเอาเปรียบไปฟอดใหญ่ อี้ชิงพรูลมหายใจเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ปิดก๊อกน้ำที่เปิดไว้เพื่อแช่ผักแล้วก็หันมองคนรักด้วยเสี้ยวหน้าหวาน

    “พรุ่งนี้ตอนเย็น พี่คริสว่างมั้ยครับ?”

    “ว่างสิครับ จะชวนพี่ไปเดทไหน หืม?” จมูกโด่งคลอเคลียอยู่เพียงร่องบุ๋มน่ารักบนแก้มขาว ถ้าอี้ชิงจะยอมให้เขากอดอยู่อย่างนี้ น้องขออะไรคริสยอมให้หมดเลยจริงๆ

    “พรุ่งนี้มินฮยอกกับพี่มินโฮมีแข่งฟุตบอล ไปดูด้วยกันนะครับ?”

    เปลี่ยนใจแล้ว ยอมให้แค่บางเรื่องดีกว่า

    “เฮ้อออ พี่นึกว่าจะชวนไปเดทกันสองต่อสองเสียอีก”

    “พรุ่งนี้ชมรมฟุตบอลมีแข่งคัดเลือกตัวจริงสำหรับงานกีฬามหาลัย ผมอยากไปเชียร์”

    “มินฮยอกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่รุ่นพี่ของอี้ชิงเป็นคู่แข่งของพี่นะ ลืมไปแล้วรึไง”

    “ฮื่อออ~ นะครับพี่คริส~” คราวนี้น้องหันทั้งตัวมาหา เกาะแขนเขาแล้วก็ทำหน้าอ้อนๆ ตาอ้อนๆ เสียงอ้อนๆ ปากอิ่มที่ยื่นออกน้อยๆ นั้นดูนุ่มนิ่มเหมือนขนมเจลลี่ที่คริสนึกอยากจะชิมความหวาน

     

    อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อะไร กับมินโฮก็จบๆ กันไปตั้งแต่ในสนามแข่ง แต่มันยังอดหมั่นไส้ไม่ได้ มีแฟนอยู่แล้วยังหาเรื่องมากวนประสาทให้เขาหึงเล่น แต่เอาเถอะ ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมให้น้องไปนั่งยิ้มหวานอยู่ริมสนามตามลำพังให้พวกชมรมฟุตบอลจ้องกันตาเป็นมันแน่

     

    เพลย์บอยหนุ่มจุดยิ้มแฝงนัย ยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าประชิดดวงหน้าหวานของคนรักจนอี้ชิงต้องเอนศีรษะหนีไปเล็กน้อย

     

    “คิสๆ ก่อน”

     

    มามุกเดิมแต่เด็กขี้อายก็ยังเบิกตากว้าง ก่อนจะค้อนใส่คนตัวโตที่หาโอกาสเอาเปรียบเขาได้ทุกเมื่อ แต่เหมือนพี่คริสจะไม่รู้สา ยิ้มแล้วเอียงแก้มรอเพราะรู้ว่ายังไงอี้ชิงก็ต้องยอมตามใจ พอคนตัวเล็กยืดตัวขึ้นแตะริมฝีปากและจมูกที่สองข้างแก้ม คริสก็ยิ้มกว้าง ฉวยโอกาสแตะริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มเบาๆ เป็นของแถมให้ตัวเองเป็นการปิดท้ายจนคนตัวเล็กครางฮื่อ

    “บอกไว้ก่อนนะว่าพี่แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนเรา ไม่ได้ไปเชียร์หมอนั่น”

    อี้ชิงหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ กับความไม่ยอมแพ้ของคนรัก ก่อนจะพูดเอาใจ

    “ผมรู้แล้วครับ”

     

    คริสยิ้มให้เด็กดีของเขา แตะหลังมือกับพวงแก้มนุ่มเบาๆ อย่างแสนรัก ก่อนที่มืออีกข้างจะประคองมือเล็กขึ้นมา ที่ข้อมือบางยังปรากฏรอยเขียวช้ำให้คริสได้เตือนใจตัวเอง มองสบดวงตาคู่หวานแล้วเขาก็ก้มลงแนบจูบทับรอยช้ำนั้น

    “ฮื่ออ... เหม็นนะครับ ผมเพิ่งล้างผัก”

    “เหม็นที่ไหนกัน หอมออก” คริสยืนยันคำหวานด้วยการแต้มจูบบนหลังมือบางอีกครั้ง เห็นแก้มใสแดงระเรื่อแล้วก็แสนจะเอ็นดู เขาชอบเวลาที่อี้ชิงยิ้มแบบนี้ อยากให้คนตัวเล็กมีความสุขและยิ้มหวานอย่างนี้อยู่เสมอ

     

    อะไรที่ทำให้น้องมีความสุขได้ คริสสาบานกับตัวเองว่าจะทำโดยไม่ลังเลเลย

     

    “อี้ชิง พี่...” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นก่อนที่คริสจะทันได้พูดอะไร เขาจิ๊ปากอย่างขัดใจแต่ก็หยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอมือถือโชว์ชื่อใครบางคนที่พอคริสเห็นก็ยิ้มออกมา ท่าทางตื่นเต้นเหมือนว่าเป็นสายที่เขากำลังรอ “เดี๋ยวพี่มานะ”

     

    ร่างสูงเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งความรู้สึกวูบโหวงไว้กับคนที่อยู่ข้างหลัง อี้ชิงยืนนิ่งมองแผ่นหลังของคนรักที่ห่างออกไปเรื่อยๆ พี่คริสไม่เคยเดินออกไปรับโทรศัพท์ไกลๆ แบบนี้มาก่อน อี้ชิงไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่พี่คริสก็ไม่เคยทำตัวมีความลับ รอยยิ้มเมื่อครู่สั่นคลอนความเชื่อมั่นที่อี้ชิงเพียรสร้างเพื่อลบล้างความกลัวของตัวเองมาตลอด สงสัยและคลางแคลงใจทั้งที่สั่งตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ควร อี้ชิงไม่ชอบให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลย

     

    แย่จริงๆ เลยจางอี้ชิง ...ทำไมกลายเป็นคนคิดมากแบบนี้นะ

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    วันต่อมา หลังพักกลางวัน ก่อนเข้าเรียนชั่วโมงบ่าย ระหว่างที่อี้ชิงกำลังอ่านทวนวิชาที่เรียนในคาบเช้าอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะ จู่ๆ แบคฮยอนก็โผล่พรวดเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม ยิงคำถามแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

    “สีดำกับสีขาว พี่อี้ชิงชอบสีไหนฮะ?”

    “อะ.. อะไรนะ?”

    “ผมถามว่า ระหว่างสีดำ กับสีขาว พี่อี้ชิงชอบสีไหนมากกว่ากันฮะ?” รุ่นน้องย้ำคำถามอีกครั้ง ช้าๆ และชัดๆ อี้ชิงก็เอียงคอคิด กระพริบตาสองสามทีก่อนตอบ

    “อืม... ถ้าต้องเลือกระหว่างสองสีนี้จริงๆ ฉันชอบสีดำนะ”

    “นั่นปะไร!” มือเล็กตบผั้วะลงกับพื้นไม้ของโต๊ะแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามันเจ็บ แบคฮยอนยิ้มแหยแล้วสะบัดมือแรงๆ แต่หน้าตายังดูสะใจไม่น้อย “ผมว่าแล้วเชียว พี่อี้ชิงต้องชอบสีดำ”

    “ถามไปทำไม?”

    “ก็ผมกับพี่คริสกำลังเถียงกัน พี่คริสบอกว่าพี่อี้ชิงต้องชอบสีขาวแน่ๆ”

    “เถียงกัน?” เรื่องสีที่ชอบแค่นี้ก็เป็นประเด็นให้คู่พี่น้องรหัสเอามาเถียงกันได้แล้วหรือ “นึกยังไงถึงเถียงกันเรื่องนี้?”

    “ก็...!” แบคฮยอนตั้งท่าจะเม้าท์เต็มที่ แต่อ้าปากแล้วก็กลับชะงัก นิ้วชี้ที่ชูค้างไว้ต้องย้ายกลับมาแตะริมฝีปากล่างของตัวเอง หัวเราะเจื่อนๆ “ฮี่ๆๆ ความลับน่ะฮะ ผมไปก่อนนะ!”

    รุ่นน้องโดดแผล็วออกจากโต๊ะแล้วพาร่างเล็กของตัวเองวิ่งหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่มา อี้ชิงส่ายหน้ายิ้มๆ นึกเอ็นดูกับความร่าเริงของเด็กน้อยเสียจริงๆ

     

    ครั้นก้มหน้าจะอ่านหนังสือต่อ สมาธิก็กลับสะดุดเมื่อหนึ่งความคิดเข้ามาแทรกราวกับมีใครกระซิบบอก มือเรียวเล็กที่จับปากกาขยับน้อยๆ อี้ชิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วมองเหม่อไปเบื้องหน้าทั้งที่แบคฮยอนไม่ได้อยู่ในระยะสายตาแล้ว ความคิดฟุ้งซ่านทำให้เขาไม่มีสมาธิกับตัวหนังสือตรงหน้า ...เป็นความคิดที่อี้ชิงไม่ชอบเอาเสียเลย

     

    พี่คริสกับแบคฮยอน... มีความลับกันสองคน

     

    อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองห่างไกลจากสองคนนั้นออกไปทุกที... ทุกที...

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    [คนใจดี: พี่ติดธุระ อาจจะไปช้าหน่อย ขอโทษนะ]

     

    อี้ชิงถอนใจใส่ข้อความที่เพิ่งเข้ามาบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะเก็บมันคืนลงกระเป๋า ตอนนี้เขานั่งอยู่บนชั้นสองของอัฒจันทร์ริมสนามฟุตบอล นอกจากสมาชิกชมรมฟุตบอลบางส่วนแล้ว บนอัฒจันทร์สี่ตัวรอบสนามก็มีแค่กองเชียร์อีกไม่ถึงยี่สิบคน เพราะนี่เป็นการแข่งภายในเพื่อคัดเลือกตัว คงมีแต่เพื่อนๆ กันที่มาเชียร์

     

    มินฮยอกที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดซ้อมของชมรมเรียบร้อยแล้วเดินสะพายกระเป๋าเป้ใบโตมาเหวี่ยงลงข้างๆ กันกับที่อี้ชิงนั่งอยู่ ก่อนที่จองชินซึ่งเดินตามมาจะปีนขึ้นมานั่งอีกข้าง

    “รุ่นพี่คริสยังไม่มาเหรอ?” มินฮยอกถามขณะนั่งลงที่ชั้นล่างสุดของอัฒจันทร์เพื่อเปลี่ยนรองเท้าผ้าใบมาสวมรองเท้าสตั๊ด

    “อื้อ เห็นว่าติดธุระ อาจจะมาช้า”

    “ไหนเมื่อวานถามแล้วบอกว่าว่างไง” จองชินเอาเท้าสะกิดบั้นเอวเพื่อนในทันที แต่มินฮยอกเหมือนจะยังไม่รู้ตัว หันมาขมวดคิ้วใส่ พอเห็นหน้าหวานม่อยลงนั่นล่ะถึงได้สำนึก มีปากก็พูดไปเรื่อย ลืมคิดไปว่าคนที่ถูกเบี้ยวนัดจะรู้สึกแย่แค่ไหน มินฮยอกเกือบจะลงโทษตัวเองด้วยการตบปากถ้าอี้ชิงไม่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดเสียก่อน

    “ระวังพี่มินโฮไว้ด้วยนะ รายนั้นเค้าตัวทำประตู ระวังจะโดนแย่งซีน”

    “ไม่มีทางอยู่แล้ว ฉันน่ะกองกลางตัวจริงทีมฟุตบอลมหาลัยสองปีซ้อนเชียวนะ” คุยโวใส่เพื่อนจนตัวพองแล้วก็ลุกขึ้นยืนเมื่อสวมรองเท้าเสร็จ ยกมือขึ้นให้อี้ชิงตีมือตอบแล้วหันไปชนกำปั้นกับจองชิน ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ลงสนาม “ฉันไปวอร์มก่อนนะ”

    “เต็มที่นะพวก!” จองชินเชียร์เพื่อนแล้วยกนิ้วโป้งตามหลัง

     

    มินฮยอกกับคนอื่นๆ อยู่ในสนามแล้ว จองชินก็มองหาคู่แข่งคนสำคัญที่อี้ชิงว่า ไปเจอร่างสูงเจ้าของผิวสีเข้มยืนอยู่หน้าอัฒจันทร์อีกตัว กำลังยื่นหน้ายื่นตาเหมือนจะอ้อนให้คนตัวบางที่นั่งยิ้มหวานอยู่เช็ดเหงื่อให้

    “นั่นแฟนเค้าเหรอ?”

    อี้ชิงหันไปตามที่จองชินกำลังมองอยู่ หนุ่มน้อยหน้าหวานกำลังเอาผ้าขนหนูซับๆ ที่ข้างแก้มของรุ่นพี่นักกีฬาพร้อมรอยยิ้มเขิน

    “อื้อ ชื่อลีแทมิน ปีหนึ่งศิลปกรรมฯ”

    “น่ารักชะมัด”

    หนุ่มตัวโตเหมือนจะรู้ว่าถูกพดถึง หันมาเห็นว่ารุ่นน้องมองอยู่ก็เลยสะกิดแฟนให้หันมาทักทาย ลีแทมินผงกศีรษะแล้วส่งยิ้มหวานให้ อี้ชิงก็ทำแบบเดียวกัน

     

    พี่มินโฮพูดอะไรกับแฟนตัวเองสองสามคำ พอฝ่ายนั้นพยักหน้าเขาก็วิ่งเหยาะๆ มาตรงที่อี้ชิงกับจองชินนั่งอยู่

    “ไง? ถูกแฟนเบี้ยวนัดซะแล้วรึ?” แขวะไปก็บิดตัวยืดแขนยืดขาเพื่อวอร์มร่างกายไปด้วย อี้ชิงเห็นสีหน้ากวนๆ แล้วก็ย่นจมูกใส่

    “เดี๋ยวก็มา ติดธุระแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ”

    “เหรอออ? ไม่ใช่ว่าป่านนี้ควงสาวสวยไปเที่ยวอยู่หรอกนะ เดี๋ยวได้มีคนร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะกลายเป็นพ่อสายบัวรอเก้อแน่ๆ”

    “ไม่มีทางหรอก”

    “ให้มันจริงเถอะ” ท่าทางยียวนกวนประสาทเหมือนเคย คำพูดคำจาฟังผ่านๆ ก็เหมือนจะยั่วอารมณ์กันเล่นๆ แต่ประกายวาววับในหน่วยตาคมบอกให้รู้ว่าชเวมินโฮนั้นจริงจัง เขาออกปากไปแล้ว ไม่ว่าใครทำให้รุ่นน้องคนสนิทต้องเสียน้ำตา มันผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม!

     

     

    พอเสียงนกหวีดเป่าเรียกให้นักกีฬาทั้งหมดไปรวมตัวกันในสนาม มินโฮก็แยกตัวไป เขารวมทีมกับสมาชิกใหม่ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมินฮยอก โค้ชของชมรมฟุตบอลบอกกติกาคร่าวๆ ในการคัดตัวให้ลูกทีมแต่ละคนได้เข้าใจ ก่อนจะสั่งให้แยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งในสนาม เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง การแข่งขันฟุตบอลภายในเพื่อคัดเลือกตัวจริงสำหรับงานกีฬามหาลัยก็เริ่มขึ้น

     

    เวลาในแต่ละครึ่งของเกมส์ถูกลดลงเหลือครึ่งชั่วโมง พักครึ่งสิบนาที ชเวมินโฮที่อยู่ในสนามดูโดดเด่นด้วยร่างกายที่สูงใหญ่หากแต่คล่องแคล่วปราดเปรียว ทุกครั้งที่ครองบอลก็ทำให้กองเชียร์รอบสนามฮือฮาได้ แม้จะยังทำประตูไม่สำเร็จเพราะฝ่ายตรงข้ามที่เน้นเกมส์ตั้งรับยังป้องกันประตูไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็เป็นการแข่งขันที่สนุกและน่าลุ้นไม่น้อย

     

    อี้ชิงสนุกกับการส่งเสียงเชียร์เพื่อนและลุ้นให้รุ่นพี่ทำประตูจนกระทั่งเสียงนกหวีดเป่าบอกหมดเวลาครึ่งแรก มินฮยอกวิ่งไปที่ข้างสนามเพื่อหยิบขวดน้ำดื่มจากในกระติกแล้วก็วิ่งมาหาเพื่อนที่อัฒจันทร์ พูดคุยถึงเกมส์ที่ผ่านมากับจองชินอย่างเมามัน ในขณะที่อี้ชิงเอาแต่ชะเง้อคอมองไปรอบๆ ...ยังไม่เห็นวี่แววว่าพี่คริสจะมา ปกติห่างกันนานขนาดนี้ พี่คริสต้องคอยโทรหา หรือไม่ก็ส่งข้อความมาตลอด แต่นี่อี้ชิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูกี่ครึ้ง หน้าจอก็ยังว่างเปล่า

     

    “ยังไม่มาอีกเหรอ?” จองชินถามเมื่อเห็นเพื่อนมองหน้าจอมือถืออีกครั้งแล้วก็ถอนใจ

    “อื้ม”

    “ลองโทรไปตามสิ” มินฮยอกแนะบ้าง

    “อย่าดีกว่า” อี้ชิงคิดดีแล้วถึงส่ายหน้า พี่คริสไม่ติดต่อมาแสดงว่ายังไม่สะดวก เขาโทรไปจะเป็นการรบกวนเปล่าๆ

    “อย่าคิดมากน่า พี่เค้ารับปากแล้ว เดี๋ยวก็มา เค้าไม่เคยผิดนัดนายไม่ใช่เหรอ”

    อี้ชิงพยักหน้าน้อยๆ เขาเชื่อใจพี่คริส ต่อให้รับปากแล้วมาไม่ได้จริงๆ คนรักของเขาก็ต้องมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ แน่ๆ อี้ชิงไม่ได้โกรธ เพียงแต่รู้สึกเป็นห่วง ธุระที่ว่านั้นคงสำคัญมาก จะเป็นเรื่องที่บ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้

     

    หมดเวลาพักครึ่งแล้วมินฮยอกก็กลับลงสนาม รุ่นพี่มินโฮที่อ้อนให้แฟนเช็ดเหงื่อและป้อนน้ำให้จนกำลังใจเต็มเปี่ยมแล้วก็วิ่งผ่านหน้าอัฒจันทร์ที่อี้ชิงนั่งอยู่ มองให้รู้ว่าแฟนของรุ่นน้องยังไม่มาตามที่นัด สบตากันแว้บเดียวโดยที่รุ่นพี่ไม่พูดอะไรแล้วก็วิ่งลงสนามไป

     

     

    “ไหนวะ? น้องปีหนึ่งน่ารักๆ ที่มึงว่า”

    “นั่นไงๆ นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งโน้นน่ะ”

    “เฮ้ย! น่ารักจริงๆ ด้วยว่ะ มีแฟนรึยังวะเนี่ย” สามชีวิตที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มา พูดจาเสียงดังแบบไม่เกรงใจคนแถวนั้นจะหันมามอง โชคดีว่าแฟนของหนุ่มน้อยร่างบางที่ถูกพูดถึงเพิ่งวิ่งลงสนามไปเมื่อครู่ ไม่งั้นคงได้มีปะทะกันบ้าง

     

    อี้ชิงหันไปมองเพราะจองชินหันไปก่อน รุ่นพี่ที่ตัวไม่ได้สูงนักแต่หน้าตาดูจะหาเรื่องคนอื่นได้ตลอดเวลาคนนั้นเขารู้จักอยู่ก่อนแล้ว

    “รุ่นพี่?” บรรดาเดอะแก๊งค์เพื่อนร่วมชั้นปีของพี่คริสนั่นเอง ทั้งสามคนอี้ชิงรู้จักชื่อแค่คนเดียว พี่จงฮยอนที่ขับรถไปรับเขาจากค่ายวรรณกรรมแล้วพาไปส่งที่ทะเลตอนที่พี่คริสไปรับน้อง

    “อ้าวอี้ชิง อยู่นี่ด้วยเหรอ?”

    “เพื่อนลงแข่งน่ะครับ แล้วนี่พวกพี่เลิกเรียนกันแล้วเหรอ?

    “เลิกตั้งนานแล้ว ฉันยังนึกว่าคริสมันนัดนายไว้ เห็นรีบออกไปขนาดนั้น”

    “ออกไป? ไปไหนครับ?”

    “ไม่ได้บอกนะ แต่เห็นขับรถออกไป”

    “เอ้อ แต่มีน้องรหัสนั่งไปด้วยนะ นี่ตกลงไม่ได้นัดกันไว้หรอกเหรอ?” รุ่นพี่อีกคนรีบบอก แต่อี้ชิงส่ายหน้าช้าๆ จงฮยอนมองสีหน้ารุ่นน้องแล้วก็เริ่มเอะใจว่าเพื่อนรักอาจกำลังสับราง พูดมากไปเดี๋ยวไก่ตื่นได้

    “หมอนั่นอาจจะแค่ไปส่งรุ่นน้อง เดี๋ยวก็คงกลับมาแหละ”

    “แต่ทำไมต้องไปส่งวะ ก็แฟนรออยู่นี่ ...โอ๊ย!” คนตัวไม่สูงศอกใส่เพื่อนแรงไม่เบา ไอ้นี่ก็ขยันชักใบให้เรือเสียซะจริง!

    “ไอ้คริสมันก็เป็นแบบนี้แหละ ใจดีไปเรื่อย ...เอ้อ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีนัด พวกเรารีบไปกันดีกว่า” บอกแล้วก็ผลักๆ ถีบๆ เพื่อนอีกสองคนให้รีบออกไปจากตรงนั้นก่อนที่จะหลุดปากพูดอะไรมากไปกว่านี้ ยังไม่ลืมหันกลับมาขอร้องรุ่นน้องเพราะเกรงว่าภัยจะมาถึงตัวถ้าไอ้หล่อมันรู้ว่าใครคาบข่าวมาบอกที่รักของมัน

     

     

    “นายโอเคมั้ย?” แก๊งค์รุ่นพี่ตัวกวนไปแล้ว จองชินถึงได้หันมามองสีหน้าเพื่อน อี้ชิงไม่ตอบอะไร คนตัวขาวนั่งตัวตรงนิ่ง ตาคู่สวยมองตรงไปเบื้องหน้าแต่ดูเหมือนจะไร้จุดหมาย จองชินเห็นมือบางบนตักบีบกันแน่นจนผิวเนื้อแดงไปหมด เขาเรียกชื่อเพื่อนอีกครั้งพลางวางมือลงบนไหล่ อี้ชิงถึงได้หันมามองหน้า แต่ก็ไร้ซึ่งคำพูดใด

     

    เขาฉวยหยิบเอามือถือที่คนตัวเล็กวางไว้บนกระเป๋าเป้ข้างตัวขึ้นมาแล้วกดหารายชื่อคนสำคัญ กดปุ่มโทรออกแล้วส่งมือถือให้อี้ชิง

    “โทรไปถามให้รู้เรื่อง อาจจะแค่เข้าใจผิดกันก็ได้”

    อี้ชิงมองหน้าเขานิ่ง แววตาไหวระริกที่ดูสับสนคู่นั้น จองชินรู้ว่ามันซ่อนความหวาดกลัวไว้ด้วย จองชินจับมือบางของเพื่อนขึ้นมา วางโทรศัพท์บนฝ่ามือขาวแล้วรอให้เพื่อนยกมันขึ้นแนบใบหู

     

    อี้ชิงเงียบฟังเสียงรอสายที่ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ยิ่งนาน ความคิดมากมายก็ยิ่งพรั่งพรูเข้ามา จางอี้ชิงเด็กไม่ดีกำลังคิดมาก เขาไม่โกรธถ้าพี่คริสจะออกไปกับแบคฮยอน แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่คริสไม่บอก อาจจะแค่ไปส่ง หรืออาจจะทำธุระด้วยกัน แต่ทำไมพี่คริสถึงไม่อยากให้เขารู้

     

    อาจจะไม่มีเวลาบอกก็ได้ จริงสิ พวกรุ่นพี่บอกว่าตอนออกไปพี่คริสรีบมาก เค้าอาจจะไม่ทันได้บอก ถ้าได้คุยกัน พี่คริสต้องบอกเขาแน่ๆ จริงมั้ย?

     

    [อี้ชิง]

    ได้ยินเสียงจากปลายสาย อี้ชิงก็หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมด เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงที่บังคับแล้วว่าให้สั่นน้อยที่สุด

    “พี่คริส... อยู่ที่ไหนครับ?”

    [พี่ติดธุระสำคัญมากน่ะ คงไปไม่ทันแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปบอกนะ]

    “แล้ว... แบคฮยอน...”

    [หืม? แบคฮยอนทำไม?]

    “เอ่อ เปล่าครับ พี่คริส... อยากให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย?”

    [ไม่เป็นไรหรอก พี่อยู่คนเดียวได้ อี้ชิงอยู่กับเพื่อนๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ]

     

    ...อยู่คนเดียว? พี่คริสบอกว่าอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่ออกไปกับแบคฮยอน

     

    ทำไม...

     

    [ฮัลโหลอี้ชิง ...ฟังพี่อยู่รึเปล่า? ...อี้ชิง?]

     

    ฟังสิ อี้ชิงกำลังฟัง แต่ไม่มีแรงจะตอบอะไรแล้ว มือข้างที่ถือโทรศัพท์ตกลงบนตัก หูมันอื้อไปหมด ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ เบลอจนมองอะไรไม่ชัด อี้ชิงไม่ดีเลยที่ปล่อยให้ความระแวงสงสัยเข้าครอบงำ จนสุดท้ายมันก็เอาชนะความเชื่อใจที่เขามีให้พี่คริสไปจนหมด

     

    อี้ชิงกลัวเหลือเกินว่าซักวันจะเสียพี่คริสไป ...แต่ตอนนี้ ...ที่กลัวที่สุดถือการถูกหลอก

     

    โกหกครั้งแรกถือว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้ามีครั้งที่สอง...

     

    “เค้าว่ายังไงน่ะ?”

    อี้ชิงหันมองหน้าเพื่อนอย่างช้าๆ แรงที่เหลือก็เพียงยื่นมือออกไปข้างหน้า และจองชินก็รีบจับไว้ ผิวเนื้อเย็นเยียบและสั่นเทาทำให้เด็กหนุ่มเผลอบีบมือเพื่อนแรงไป

     

    “...ทำยังไงดีจองชิน ...ฉันจะทำยังไงดี”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คริสหักพวงมาลัยเอารถเข้าจอดเทียบทางเท้าใกล้ๆ สนามฟุตบอลแล้วก้าวลงมาจากรถอย่างรีบร้อน ไม่หยุดรอให้ล็อคอัติโนมัติทำงานเรียบร้อยก็รีบวิ่งไปทางอัฒจันทร์ที่อยู่ข้างสนาม ...ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย อยู่ดีๆ น้องก็ตัดสายทิ้งทั้งที่ยังคุยกันไม่จบ พยายามโทรกลับตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมรับสาย ต้องโกรธที่เขาผิดนัดแน่ๆ นี่คริสก็รีบจัดการธุระให้เรียบร้อยแล้วบึ่งรถออกมาจากคอนโดฯทันที

     

    ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ทัน คริสไม่ได้มองนาฬิกาแต่ก็รู้ว่าการแข่งขันคงจบไปแล้ว ในสนามฟุตบอลไม่มีใครอยู่เลย คริสวิ่งมาหยุดอยู่ขอบสนามแล้วก็มองไปรอบๆ เพื่อหาคนรัก ท่ามกลางแสงสีส้มของอาทิตย์ยามใกล้ลับฟ้า ร่างโปร่งบางนั่งอยู่ลำพังบนชั้นสองของอัฒจันทร์ ผิวขาวใสสะท้อนแสงอ่อนเหมือนภาพร่างที่เลือนลางชวนให้คนมองใจหาย

     

    “อี้ชิง...!

    คนที่เอาแต่เหม่อมองไปในสนามหันเหสายตามาทางเขา ใบหน้าหวานเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด คริสไม่หวังให้น้องดีใจหรอก มาช้าเสียขนาดนี้ แต่ท่าทางนิ่งๆ แบบนี้ทำให้เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย ร่างสูงรีบก้าวยาวๆ ขึ้นอัฒจันทร์ไปนั่งข้างคนรัก คว้ามือนิ่มมากุมไว้ “พี่ขอโทษนะ คือพี่...”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่คริสไม่ต้องอธิบายก็ได้”

    “อี้ชิง...”

    “ผมรอเพื่อจะบอก ว่าคืนนี้ผมจะไปค้างที่หอกับจองชินนะครับ” อี้ชิงบอกพร้อมรอยยิ้มบางแล้วก็ลุกขึ้น แต่คริสก็รีบคว้าข้อมือเล็กไว้

    “เดี๋ยวก่อนอี้ชิง ทำไมล่ะ?” น้องไม่ตอบ ไม่ยอมมองหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่คริสควรรู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรไว้ “โกรธที่พี่ผิดนัดใช่มั้ย พี่ขอโทษ กลับบ้านเราเถอะนะ พี่...”

    “จองชินรออยู่ ผมขอตัวก่อน” มือที่ออกแรงขืนนั้นบอกได้ดีว่าอี้ชิงไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ เพราะไม่อยากให้น้องเจ็บ คริสเลยต้องยอมปล่อย แต่ไม่ยอมให้ไปไหนไกล พออี้ชิงเดินลงจากอัฒจันทร์คริสก็ก้าวเข้ามาขวาง

    “อี้ชิง ฟังพี่ก่อนสิ พี่ขอโทษ หายโกรธได้มั้ย”

    “ผมไม่ได้โกรธ” น้องมองหน้าเขาแล้วก็เม้มริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยน้ำใส แค่นี้คริสก็ใจหายเหลือเกินแล้ว ถ้าน้องร้องไห้ เขาต้องตายแน่ๆ

    “อี้ชิง... มีอะไรก็บอกพี่ตรงๆ ถ้าพี่ทำผิดจะตำหนิพี่ก็ได้ แต่อย่าประชดแบบนี้ พี่ใจไม่ดีเลยนะ”

    “ผมไม่ได้ประชด” คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี เชิดดวงหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสูดลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบาก “...พี่คริสเคยคิดอยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนตอนก่อนหน้าที่เราจะเจอกันรึเปล่าครับ จะโทรหาใครก็ได้ ไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องโกหกใคร ...ลองคิดดูให้ดีๆ นะครับ บางทีการที่พี่คริสมีผม มันอาจจะทำให้พี่หมดอิสระก็ได้”

     

    คริสส่ายหน้าช้าๆ สมองเขายังประมวลผลไม่ทัน น้องโกรธที่ผิดนัด คริสเข้าใจ แต่ทำไมถึงลงโทษกันหนักนัก บอกว่าจะไปค้างกับเพื่อนคริสก็ช็อคมากพอแล้ว แต่นี่อี้ชิงยังพูดเหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่ ทำไมน้องถึงคิดว่าเขาจะหมดรัก คริสทำอะไรผิดน้องถึงน้อยใจขนาดนี้

    “อี้ชิง โกรธอะไร บอกพี่เถอะนะ อย่าพูดเหมือนพี่ไม่รัก อี้ชิงก็รู้ว่าพี่มีเราคนเดียว” 

    “เราอาจจะเข้าใจผิดไปกันเอง อยู่ด้วยกันทุกวันก็เลยคิดว่ามันคือความรัก ...เราใกล้กันเกินไป บางที... ถ้าเราห่างกันบ้าง...”

    “อย่าพูดแบบนี้” คริสดึงร่างขาวบางเข้ามากอดไว้แน่น หัวใจสั่นระรัวจนเจ็บแปลบไปทั้งอก กลัวเหลือเกินว่าน้องจะทิ้ง กลัวจะหายไปจริงๆ “พี่ขาดอี้ชิงไม่ได้ พี่ต้องตายแน่ๆ”

    “มันก็แค่ความรู้สึก ถ้ามันเกิดขึ้นจริงพี่คริสอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น” น้ำเสียงนุ่มเจือแววสะอื้นขาดหาย อี้ชิงขืนตัวแต่คริสกลับยิ่งรัดแน่น ปวดใจแค่ไหนยังห่วงเนื้อกายคนรักจะเจ็บยิ่งกว่า เสียงประท้วงแผ่วเบาคริสก็รู้ว่าเขารัดแขนแน่นไป แต่เมื่อคลายแรงก็กลายเป็นปล่อยให้หัวใจลอยหาย ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองสบ น้ำใสเอ่อคลอแต่น้องไม่ได้ร้องไห้ ใบหน้าหวานเรียบเฉยเสียจนคริสรู้สึกกลัว อี้ชิงต้องโกรธมากแค่ไหนถึงได้กลายเป็นเย็นชาไปแบบนี้ “...ผมแค่อยากให้พี่คริสลองมองเรื่องของเราเสียใหม่ บางที... ถ้าพี่คริสเจอใครที่ใช่มากกว่า ...ผมไม่อยากเป็นเหตุผลให้พี่ต้องลังเล”

    “ไม่มีใครคนไหนทั้งนั้น! มีแค่เราสองคน พี่รักอี้ชิงคนเดียว อย่าลงโทษพี่แบบนี้ ให้โอกาสพี่ได้อธิบายบ้าง”

    อี้ชิงยิ้มบางทั้งที่น้ำตาคลอ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คริสปวดร้าวไปทั้งอก

    “ค่อยๆ คิดเถอะนะครับ ใช้เวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันลองคิดดูให้ดีๆ บางทีพี่อาจจะเพิ่งรู้... ว่าที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้มีความสำคัญมากขนาดนั้น”

     

    เพียงมือเดียวที่เหนี่ยวรั้งน้องยังค่อยๆ ดึงออก สมองของคริสตื้อตันไปหมดตอนที่น้องถอยห่าง อี้ชิงกำลังจะทิ้งเขา ร่างสูงส่ายหน้าช้าๆ ไม่อยากยอมรับความจริง พอร่างขาวตรงหน้าหันหลัง คริสก็ก้าวเท้าตาม ...ไม่ให้ไป เขาปล่อยอี้ชิงไปไม่ได้!

     

    “อี้ชิง!”

    “ฉันว่านายปล่อยน้องไปก่อนดีกว่า” มือที่แข็งแรงคว้าท่อนแขนเขาไว้แล้วบีบจนแน่น คริสเกือบจะสะบัดถ้าไม่หันไปเห็นซะก่อนว่าร่างสูงที่รั้งตัวเขาไว้ไม่ให้ตามคนรักไปคือใคร

    “มินโฮ!”

    “เลย์ยังไม่พร้อมจะฟังนายหรอก”

    “เกิดอะไรขึ้น ทำไมอี้ชิงถึงโกรธมากขนาดนี้!

    “ฉันว่านายควรถามตัวเองมากกว่านะ ว่าทำอะไรไว้”

    คริสพยายามคิดแล้ว แต่สมองมันไม่ทำงานเลย เขานึกไม่ออกว่าทำเรื่องไม่ดีอะไรให้น้องต้องเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้น

    “ฉันผิดนัด ฉันไม่มาทั้งที่สัญญาไว้แล้ว แต่เรื่องนั้นฉัน...!

    “นายโกหก เลย์ไม่ชอบคนโกหก”

    “ฉันไม่ได้...!” คริสไม่เคยโกหกน้อง เขามั่นใจ แต่มโนสำนึกสะกิดให้นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผิดนัด หรือว่า... เรื่องที่เขากับแบคฮยอน... “อี้ชิงรู้...?”

    “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก นายโกหกแม้กระทั่งเรื่องโทรศัพท์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน แต่การถูกคนที่รักโกหกซ้ำไปซ้ำมามันทำให้เกิดความระแวงแล้วก็ไม่ไว้ใจ เลย์ไม่อยากมองนายไม่ดี เค้าถึงอยากให้นายลองทบทวน ถ้านายชอบรุ่นน้องคนนั้นจริงๆ ก็แค่บอกไปตรงๆ แล้วก็ปล่อยมือจากเลย์ซะ”

    “ไม่... ไม่มีทาง... ฉันกับแบคฮยอน เราไม่ได้...!” ป่วยการจะแก้ตัวกับมินโฮ คริสไม่สนไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง คนเดียวที่เขาแคร์ที่สุดคืออี้ชิง “ฉันจะไปอธิบายให้เค้าฟัง!”

    “ฉันบอกแล้วไง ตอนนี้น้องไม่พร้อมจะฟังนายหรอก”

    “แต่เรื่องพวกนั้นมัน... เข้าใจผิดกันชัดๆ! ฉันรักอี้ชิง รักอี้ชิงคนเดียว ให้ปล่อยมือจากเค้า นายฆ่าฉันเลยดีกว่า!

    “แต่รั้งตัวเลย์ไว้ในสภาพจิตใจแบบนี้ก็เท่ากับตายทั้งเป็นกันทั้งคู่! นายยังร้อน เลย์ก็ยิ่งเย็นมากจนเข้าไม่ถึง ให้เวลาน้องบ้างสิ นายทำผิด จะให้น้องเข้าใจแล้วหายโกรธได้ในทันทีเลยรึไง!

     

    เหมือนจะยังไม่ยอมรับแต่คริสก็สงบลงบ้าง อย่างน้อยพอมินโฮปล่อยมือ เพลย์บอยหนุ่มก็ไม่หุนหันวิ่งตามคนรักไป หนุ่มนักกีฬาถอนหายใจยาวเหยียด หมอนี่ทำให้รุ่นน้องคนสนิทของเขาเสียใจ จริงๆ ไม่ควรได้ยืนหล่ออยู่อย่างนี้ด้วยซ้ำ มินโฮตั้งใจจะเล่นงานให้หมอบตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าคริสมีแววจะนอกใจเลย์ ถ้าไม่เห็นกับตาว่าท่าทางของร่างสูงเหมือนคนหัวใจสลายแค่ไหน มินโฮทำไปแล้ว

     

    “เอาเถอะน่า” ตบไหล่หนาแรงๆ สองสามที คนคอตกก็เงยหน้าขึ้นมอง “อย่างน้อยนายก็รู้ว่าเค้าอยู่ที่ไหน เค้าไม่หายไปโดยไม่บอกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    [เลย์เป็นยังไงบ้าง?]

    สองหนุ่มเกาะขอบประตูแล้วชะโงกหน้าเข้าไปมองในส่วนที่กั้นไว้สำหรับเป็นห้องครัว ร่างโปร่งบางเดินวนไปวนมาระหว่างเตาไฟฟ้ากับเคาท์เตอร์และอ่างล้างจาน หยิบโน่นไปล้าง หยิบนี่มาหั่น ซักพักก็จับตะหลิวผัดๆ อะไรในกระทะไปเรื่อย จองชินกับมินฮยอกมองหน้ากันก่อนจะถอยออกมาจนแน่ใจว่าอยู่ไกลพอที่เพื่อนตัวขาวจะไม่ได้ยินเสียงแล้ว จองชินถึงได้กรอกเสียงตอบรุ่นพี่ที่รออยู่ปลายสาย

    “ไม่รู้อารมณ์เลยพี่ เค้าไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย นี่ก็ง่วนอยู่แต่ในครัว เห็นบอกนานๆ จะมาค้างหอเพื่อนที อยากทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน ยังยิ้มได้นะ แต่เค้านิ่งเกินไป ผมกลัวใจจริงๆ”

    “เงียบแบบนี้ ร้องไห้ฟูมฟายออกมาซะยังดีกว่า จะได้ปลอบได้” มินฮยอกที่เอาหูแนบฟังอยู่ตลอด เขย่งเท้ายืดตัวขึ้นเสริม จองชินเร่งเสียงโทรศัพท์เสียจนดังสุด ขนาดเสียงพี่มินโฮถอนหายใจก็ยังได้ยิน

    [คงจะช็อค ถ้าได้ร้องออกมาจริงๆ คงหนัก ฝากพวกนายคอยดูเค้าหน่อยแล้วกัน]

     

    ตัดสายจากรุ่นพี่แล้วจองชินกับมินฮยอกก็ถอนหายใจใส่กัน กลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูกแต่สองหนุ่มยังไม่รู้สึกหิวซักนิด อี้ชิงพยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเพราะไม่อยากให้คนอื่นๆ เป็นห่วง หารู้ไม่ว่าที่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยนั่นแหละ ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า เพื่อนจะปลอบจะอะไรก็เริ่มต้นไม่ถูก  

     

    มินฮยอกเกาหัวแกรกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟายาวอย่างเซ็งๆ หมอนผ้าห่มถูกยกมากองไว้ตั้งแต่ตอนที่อี้ชิงมาถึง ในห้องนอนมีแค่สองเตียง ถึงอี้ชิงจะบอกว่าให้นอนเบียดกันก็ได้ แต่มินฮยอกก็ยังไสหัวจองชิน(ซึ่งขายาวมากๆ)มานอนที่โซฟาอยู่ดี กะว่าจะนอนคุยให้รู้เรื่องรู้ราว เผื่อว่าเพื่อนมีอะไรอยากระบาย แต่ดูท่าแล้วคนตัวขาวจะใจแข็งกว่าที่คิดไว้

     

    เสียงเคาะที่ประตูหน้าดังขึ้นสองสามครั้ง จองชินมองหน้ามินฮยอกแล้วก็เห็นว่าตื่นเต้นพอกัน ถึงพี่มินโฮจะบอกว่ารุ่นพี่คริสคงไม่มาตามตื๊อขอคืนดีอี้ชิงตอนนี้ แต่มันก็อดจะลุ้นไม่ได้ จองชินรีบก้าวยาวๆ ไปเปิดประตู ระดับการมองของสายตาลดต่ำลงเมื่อคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นแค่รุ่นน้องตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาเรียวเล็กเป็นประกายยิบหยีเมื่อเจ้าตัวยิ้มให้ ก่อนจะค้อมศีรษะ

     

    “สวัสดีฮะ ผมชื่อพยอนแบคฮยอน เป็นน้องรหัสพี่คริส ขออนุญาตเข้าไปหาพี่อี้ชิงได้มั้ยฮะ?”

     

     

    “อี้ชิง มีคนมาหาแน่ะ” จองชินเยี่ยมหน้าเข้ามาบอกถึงในครัว ก่อนจะหลีกทางให้รุ่นน้องร่างเล็กที่เดินตามมาข้างหลัง พอเห็นหน้าคนที่อยากเจอ แบคฮยอนก็ยิ้มกว้างทักทายอย่างน่ารัก

    “พี่อี้ชิงอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”

    อี้ชิงมองมาจองชินก็ยักไหล่ประมาณว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการที่รุ่นน้องร่างเล็กบุกมาถึงห้อง ถึงจะไม่อยากปล่อยให้เพื่อนต้องอยู่ตามลำพังกับ... เรียกว่าอะไรดี คู่กรณีก็แล้วกัน แต่จองชินก็คิดว่าทั้งสองคนน่าจะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กันเป็นการส่วนตัวมากกว่า

    “คุยกันตามสบายนะ ฉันกับมินฮยอกจะออกไปเดินเล่นหน่อย ถ้ามีอะไรก็...” กางนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยออกทำมือเป็นรูปโทรศัพท์แล้วจองชินก็พยักหน้าให้เพื่อนวางใจว่าเขาจะคอยอยู่แถวนี้ ก่อนจะปล่อยให้คนตัวเล็กทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง

     

    “แบคฮยอน... มาได้ยังไงน่ะ?”

    “พี่จองชินเค้าเป็นคนดังฮะ ผมถามคนข้างล่าง เค้าก็บอกเลขห้องให้ ...พี่อี้ชิงทำอาหารอยู่เหรอฮะ?” แบคฮยอนเดินเข้ามาสำรวจที่โต๊ะอาหาร ทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นหอมของหมูทอดกระเทียมที่เพิ่งถูกยกมาวาง “อื้อหือออ ห๊อมหอม~ พี่คริสเคยบอกว่าพี่อี้ชิงทำอาหารอร่อย ท่าจะจริง”

    พอเอ่ยถึงชื่อใครอีกคน มือที่จับตะหลิวกำลังผัดผักกับน้ำมันหอยก็ชะงักไปเล็กน้อย อี้ชิงถอนใจเบาๆ

    “จะทานด้วยกันก็ได้นะ ฉันทำไว้เยอะ”

    “ขอบคุณฮะ แต่ผมอิ่มมาแล้ว”

    คงไปทานกับพี่คริสมา จู่ๆ เสียงนี้ก็ดังขึ้นในหัว อี้ชิงต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่าน เขาปิดไฟที่เตาแล้วตักผัดผักใส่จาน ก่อนจะยกมารวมกับจานอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะ ยิ้มบางให้แบคฮยอนที่ดูจะไม่ค่อยปลื้มกับใบสีเขียวๆ ซักเท่าไหร่ ท่าทางจะไม่ค่อยชอบทานผัก

     

    โชคดีที่หอพักนอกมหาวิทยาลัยค่อนข้างกว้างขวาง แล้วก็แยกเป็นสัดส่วนเหมือนอพาร์ทเม้นท์ขนาดกลาง เลยมีพื้นที่ส่วนที่ใช้ทำครัวได้ ถ้าไม่หาอะไรทำอี้ชิงคงฟุ้งซ่าน แต่ตอนนี้คนที่ฟุ้งซ่านกว่าคงเป็นเพื่อนสนิทของเขาทั้งสอง เห็นเดินไปเดินมาอยู่ในห้องกลาง อี้ชิงก็ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของเขากับพี่คริส จะเอาปัญหาส่วนตัวมาตีโพยตีพายให้เป็นภาระของเพื่อนก็คงไม่เหมาะนัก

     

    “เมื่อกี้ผมเห็นพี่คริสนั่งอยู่ข้างล่างด้วย”

    ถึงจะคาดไม่ถึงว่าคนรักจะมารออยู่หน้าหอพัก แต่อี้ชิงก็ยังเก็บอาการไว้ พยักหน้าน้อยๆ แสดงการรับรู้

    “เดี๋ยวก็คงกลับ”

    “ผมก็คิดว่างั้น” รุ่นน้องยักไหล่แล้วลอบมองสีหน้ารุ่นพี่ตัวขาว พี่อี้ชิงเก็บความรู้สึกไม่เก่ง ถึงจะพยายามทำเฉยแต่ก็ดูออกว่ากำลังกระวนกระวายใจ เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น

     

    “วันนี้ผมออกไปกับพี่คริสมา” แบคฮยอนบอกทั้งที่อี้ชิงไม่ได้ถาม ลอบยิ้มเมื่อเห็นมือบางที่กำลังจัดชามกับชุดตะเกียบชะงักไป “สองสามวันมานี้เราคุยกันบ่อยมาก แล้วส่วนใหญ่พี่คริสก็เป็นฝ่ายโทรมา ผมว่านี่คือสิ่งที่พี่อี้ชิงสงสัยและอยากรู้”

     

    ใช่ ก่อนหน้านี้อี้ชิงอยากรู้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่แล้ว คนเดียวที่ควรจะพูดความจริงมากที่สุดคือพี่คริส อี้ชิงไม่ได้โกรธแบคฮยอน ไม่ใช่ความผิดของรุ่นน้อง ตอ่ให้พี่คริสชอบแบคฮยอนจริงๆ... ก็ไม่ใช่ความผิด ...ใจคนเรามันเปลี่ยนกันได้ เขาแค่ไม่อยากให้พี่คริสโกหกหรือปิดบัง มันทำให้อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ และทำให้เรื่องมันแย่ไปหมด เขาถึงอยากเอาตัวเองออกมา ให้เวลาทั้งตัวเองและคนรักได้คิด บางที... พี่คริสอาจจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้

     

    “ถ้าพี่อี้ชิงอยากรู้ว่าทำไม ถามรุ่นพี่สิครับ ผมว่าเค้ามีคำตอบให้แน่ๆ”

    อี้ชิงยิ้มบาง

    “ขอบใจที่มาบอกนะ แต่คงไม่ต้องหรอก ...ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันแล้วล่ะ”

     

    ที่อี้ชิงไม่เห็นคือสีหน้าขัดใจและผิดหวังของรุ่นน้อง แบคฮยอนแอบกระแทกลมหายใจ พี่อี้ชิงใจแข็งกว่าที่เขาคิดไว้เยอะจริงๆ

     

    ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้ไม้แข็ง!

     

    “ผมชอบพี่คริสนะฮะ” เด็กหนุ่มยิ้มย่องในใจเมื่อพี่อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ ว่าจู่ๆ เขาจะพูดออกมาแบบนี้ “พี่เค้าทั้งหล่อ ทั้งใจดี ถ้าเค้าโสด ผมก็จะจีบ หรือต่อให้เค้ามีแฟนแล้ว ผมก็จะแย่ง”

     

    แบคฮยอนพูดจาตรงไปตรงมาเสียจนอี้ชิงคาดไม่ถึง ความอึดอัดที่ไม่รู้ที่มาค่อยๆ บีบรัดและกดดันจนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก มือไม้ก็สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกแต่ยังฝืนยิ้มให้ นานเกินอึดใจกว่าอี้ชิงจะหาเสียงตัวเองเจอ

    “...คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก แบคฮยอนเองก็น่ารัก ร่าเริงสดใส บางที... พี่คริสเองก็... อาจจะชอบนายอยู่แล้วก็ได้”

    “เหรอฮะ? พี่อี้ชิงคิดอย่างนั้นเหรอฮะ?” น้ำเสียงแบคฮยอนฟังดูตื่นเต้น อี้ชิงไม่สบตาแต่ก็พยักหน้าเบาๆ ...หัวใจจ๋า เต้นให้ช้าลงหน่อย แค่นี้ก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว...

     

    “แต่ทำไมผมไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้น” รุ่นน้องถอนหายใจ แสร้งทำสีหน้าอ่อนใจแล้วเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหาคนที่เงยหน้าแล้วกระพริบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ทั้งสายตาเวลาที่พี่เค้ามองพี่อี้ชิง คอยเอาใจใส่ ดูแลห่วงใย ผมไม่เคยเห็นพี่คริสอ่อนโยนกับใครมากขนาดนี้ ต่อให้พี่เค้าพูดเองว่าชอบผม ผมก็ว่าพี่เค้าต้องโกหกแน่ๆ”

     

    แบคฮยอนยิ้มจนตาเรียวเล็กยิบหยีเป็นประกาย เวลาพี่อี้ชิงทำหน้าไม่เข้าใจแบบนี้มันน่ารักมากๆ อดใจไม่ไหว เด็กหนุ่มเลยยืดตัวขึ้นแตะปลายจมูกและริมฝีปากที่ผิวแก้มนุ่มเบาๆ พอถอยออกมาก็เห็นรุ่นพี่หน้าหวานทำตาโต ยิ่งน่ารักเข้าไปอีก

    “เย็นมากแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า” แบคฮยอนบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินนำไปที่ประตู อี้ชิงยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้ วางช้อนวางตะเกียบแล้วเดินตามไปส่ง รุ่นน้องเปิดประตูเองแล้วหันกลับมายิ้มให้คนที่ยืนข้างหลัง “ผมชอบพี่อี้ชิงมากนะฮะ แล้วก็ชอบพี่คริสด้วย แต่ที่ชอบที่สุดคือเวลาที่พี่สองคนอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่พี่อี้ชิงต้องเชื่อใจแฟนตัวเองให้มากนะฮะ”

     

    แบคฮยอนกลับไปแล้ว อี้ชิงปิดประตูแล้วพิงแผ่นหลังลงกับเนื้อไม้เย็นเยียบอย่างอ่อนแรง ทาบหลังมือบนหน้าผากและข้างแก้มตัวเองเพื่อวัดไข้ ...รู้สึกปวดหัวจัง วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเกินไป จางอี้ชิงคนนี้เหนื่อยเหลือเกินแล้ว ป่านนี้คนที่รออยู่ข้างล่างจะกลับไปหรือยัง มืดค่ำแล้ว แมลงจะกัดเอาหรือเปล่า มือบางทาบลงบนหน้าอกด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบเพียงนึกถึงคนที่รัก

     

    ...พี่คริส ...ผมคิดถึงพี่คริสเหลือเกิน

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คริสแทบไม่มองนาฬิกาเพราะไม่อยากรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน รั้วปูนเตี้ยๆ ที่ใช้เป็นแนวต้นไม้หน้าหอพัก ปกติแล้วเป็นเขตห้ามนั่ง แต่คริสไม่รู้จะไปรอคนรักที่ไหน เขารู้ว่าอี้ชิงอยู่บนตึก รู้ด้วยซ้ำว่าห้องของจองชินเลขอะไร แต่เขาไม่กล้าขึ้นไปถึงห้อง อี้ชิงยังไม่อยากคุยกับเขา คริสรู้ เขาต้องให้เวลาน้องบ้าง เหมือนกับที่ให้เวลาตัวเองได้คิดอย่างในตอนนี้ คริสรู้ว่าตัวเองมีเหตุผลไม่ว่าจะทำอะไร แต่เหตุผลของเขาก็คือสิ่งที่เขาคิดเพียงด้านเดียว อี้ชิงไม่ได้รู้เรื่องด้วย และนั่นทำให้คริสละเลยความรู้สึกคนรักจนอี้ชิงต้องเสียใจแบบนี้

     

    “ยังไม่กลับบ้านหรือครับ” เพียงได้ยินเสียงนุ่มเอ่ยถาม คริสก็รีบหัน ร่างโปร่งบางที่ตรงเข้ามาด้วยจังหวะก้าวที่สม่ำเสมอทำให้หัวใจที่อ่อนแรงกลับเต้นกระหน่ำได้อีกครั้ง คริสยืดตัวขึ้นตรง จับสายตาเพียงดวงหน้าหวานแน่วแน่อย่างไม่ยอมละไปไหน แค่กระพริบตาก็ยังกลัวว่าภาพตรงหน้าอาจกลายเป็นลวงตาและเลือนหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ รู้สึกตื้อในอกเสียจนนึกอยากจะร้องไห้ อี้ชิงคือสาเหตุเดียวของความอ่อนไหว คริสทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่นั่งนิ่งตอนที่น้องทรุดกายลงนั่งข้างๆ กัน

    “...ยังกลับไม่ได้หรอก พี่รอแฟน เรากลับบ้านพร้อมกันทุกวัน”

    “พี่คริสกลับไปกับคนอื่นก็ได้นี่ครับ มีคนอยากกลับบ้านพร้อมพี่เยอะแยะ”

    “แต่คนที่พี่อยากให้กลับด้วยมีแค่คนเดียว ที่นั่นเป็นบ้านของเรา ถ้าเค้าไม่กลับ พี่ก็ไม่อยากกลับเหมือนกัน”

    รอยยิ้มบางยิ่งทำให้คริสใจหาย เขาอยากกอดน้องเหลือเกิน แต่หากเป็นตอนนี้ อี้ชิงคงผลักไสเขาแน่ๆ

    “เมื่อครู่แบคฮยอนมาหาผม มาบอกว่าเค้าออกไปกับพี่คริส บอกว่าพี่คริสโทรหาเค้าทุกวัน ...ถ้ามันจริง ...ก็แสดงว่าพี่คริสโกหกและปิดบังผมมาตลอด” อี้ชิงมองหน้าเขานิ่ง คริสเองก็ไม่หลบสายตาไปไหน หากคริสรู้ว่าก่อนหน้านี้น้องกังวลใจกับเรื่องที่เขาทำมากแค่ไหน คริสจะไม่ปิดบังเลย คริสจะเล่าทุกอย่างที่เขาทำเพื่อให้น้องหมดความสงสัย

    “พี่... ออกไปกับแบคฮยอนมาจริงๆ” แต่ที่คริสทำได้ตอนนี้คือการสารภาพ แสนจะปวดร้าวเมื่อดวงตาคู่สวยฉายแววผิดหวัง ริมฝีปากสีหวานถูกเม้มแน่น น้ำใสๆ กลิ้งผ่านแก้มขาวเป็นหยดแรกคริสก็ได้ยินเสียงเหมือนหัวใจตัวเองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    “ถ้าพี่คริสอยากเปลี่ยนใจ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม ...แต่อย่าโกหกกันได้มั้ยครับ”

    “อี้ชิง...” คริสทนเห็นหัวใจตัวเองต้องเจ็บไม่ไหว เขาดึงร่างขาวที่สั่นเทาเข้ามากอด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงจากดวงตาคู่สวยจนเปียกปอนเหนือไหล่ เสียงน้องสะอื้นหนักหน่วงเหมือนกระชากเอาลมหายใจของคริสไปด้วย คริสกลัวเหลือเกิน กลัวว่าน้องจะเสียใจจนนึกเกลียดกัน “กลับบ้านกับพี่นะ พี่ขอร้อง กลับไปคุยกันที่บ้านนะ”

    “ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น พี่คริสอยากบอกเลิก... ฮึก ...บอกตรงนี้ก็ได้นี่ครับ”

    “ไม่เลิก พี่บอกแล้วว่าเราจะไม่มีวันเลิกกัน พี่ไม่เคยคิดนอกใจ ความผิดเดียวของพี่คือเป็นคนมักง่าย พี่โกหกเรา แต่ขอแค่โอกาสให้พี่ได้อธิบายบ้าง ขอร้องล่ะ กลับบ้านกับพี่ก่อนนะ เราคุยกันดีๆ ถ้าอี้ชิงยังโกรธหรือไม่อยากให้อภัย พี่จะพามาส่งถึงห้องของจองชินด้วยตัวเองโดยไม่ขวางเลย”
     

     

     

    อี้ชิงนั่งเงียบมาตลอดทางในรถ ดวงหน้าหวานยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือ ดวงตาคู่สวยแดงช้ำ คริสปล่อยให้น้องมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รบกวน ทำได้ก็แค่กุมมือบางเอาไว้ บาดแผลแห่งความเจ็บปวดเหล่านี้เขาจะต้องจดจำมัน เตือนตัวเองว่าเขาผิด เขาทำให้น้องเสียใจมากแค่ไหน

     

    คริสยังกุมมือน้องไว้ตลอดทางจนห้องพัก เสียบคีย์การ์ดกดรหัสเพื่อเปิดประตูแล้วหลีกทางให้อี้ชิงเดินเข้าไปก่อน คนตัวบางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปอาณาเขตของคนรักอย่างอ่อนแรง กลิ่นไอและความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้คนที่เคยอยู่ร่วมกันน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่อี้ชิง คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เช่นกัน

     

    “อี้ชิง...” คริสเรียก และน้องก็หยุดยืนอยู่เพียงกลางห้อง ช่วงขายาวก้าวเข้าหาคนรักช้าๆ ก่อนจะโอบแขนกอดร่างขาวไว้ ให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับแผ่นอกของเขา คริสหวังให้น้องได้ยินเสียงหัวใจของเขา ต่อไปนี้สิ่งที่คริสจะบอก มีแต่ความจริงเท่านั้น “ขอบคุณที่กลับมานะ ขอบคุณที่ให้โอกาสกัน”

     

    มือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นปิดตาคนรัก คริสหมุนร่างขาวบางให้หันไปทางที่เป็นห้องรับแขก พาให้เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว กระซิบเสียงเบาที่ข้างใบหูนิ่ม ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือลง

     

    “...สำหรับคนที่พี่รักที่สุด”

     

    เมื่ออี้ชิงฝืนความหนักอึ้งลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพห้องรับแขกที่คุ้นตายังพร่าเบลอในทีแรก แต่ที่พอจะมองเห็นคือของตกแต่งทุกๆ ชิ้นยังวางอยู่ที่เดิมของมัน ยกเว้นวัตถุสีขาวขนาดใหญ่ที่ตั้งเยื้องเข้าไปทางมุมด้านในของห้องรับแขก อี้ชิงต้องกระพริบตาอยู่หลายครั้งเพื่อจะมองให้ชัด ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อรูปร่างของมันนั้นคุ้นตายิ่งกว่า

     

    "ก็ผมกับพี่คริสกำลังเถียงกัน พี่คริสบอกว่าพี่อี้ชิงต้องชอบสีขาวแน่ๆ”

      

    ถ้าสีขาวที่ว่า... คือเปียโนอัพไรท์สีขาวสะอาดตาหลังนี้ งั้นก็หมายความว่า...

     

    “ตอนที่พี่เห็นอี้ชิงเล่นเปียโน พี่ถึงได้เข้าใจว่าการที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข มันดีแค่ไหน พี่อยากฟังอี้ชิงเล่นเปียโนอีก เล่นให้พี่ฟังทุกวันเลยได้มั้ย”

    เสียงกระซิบออดอ้อนนั้นดังอยู่ข้างหู อี้ชิงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แก้มขาวที่เพิ่งหายชื้นจากคราบน้ำตากลับต้องเปียกปอนอีกครั้ง

     

    นี่น่ะหรือความลับของพี่คริสกับแบคฮยอน...? จางอี้ชิงเด็กโง่ ...โง่จริงๆ เลย

     

    “ทำไม... ฮึก ไม่บอกผม...”

    “พี่แค่อยากซื้อให้ อยากให้อี้ชิงดีใจก็เลยตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะได้ของ”

    “แต่มันแพงมากเลยนะครับ แล้วนี่ก็... ไม่ใช่วันครบรอบหรือวันเกิด...”


    “ซื้อให้คนที่รัก ต้องมีโอกาสด้วยหรือ?”


    คนตัวเล็กยิ่งปล่อยโฮหนักจนคริสต้องดึงเข้ามากอดไว้ปลอบ กำปั้นเล็กรัวทุบลงกับอก อี้ชิงตัดพ้อปนเสียงสะอื้น

    “พี่คริสนิสัยไม่ดี ฮึก.. รู้มั้ยว่าผมคิดมากแค่ไหน เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปิดกัน ผมโกรธ โกรธพี่คริสแล้วจริงๆ ด้วย”

    “พี่ขอโทษ... ขอโทษนะ” คริสยิ้มบางทั้งที่น้ำตาคลอ เขาอยากให้อี้ชิงโวยวายอย่างนี้มากกว่านิ่งเงียบเหมือนที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ น้องก็ได้ระบายออกมาบ้าง ร่างสูงกดจูบเหนือกลุ่มผมนุ่ม ลูบมือใหญ่บนแผ่นหลังบางหมายจะปลอบขวัญ “พี่แค่อยากให้เราเซอร์ไพรซ์ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้อี้ชิงคิดมากและเสียใจขนาดนี้”

     

    คริสดันตัวน้องออกเล็กน้อย กอบสองมือประคองแก้มขาวนุ่มแล้วไล้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้เบาๆ

    “พี่มันมักง่ายเอง ทำอะไรไม่นึกถึงใจแฟนตัวเอง อี้ชิงจะโกรธพี่ก็ได้ แต่อย่าเกลียดพี่เลยนะ แค่นี้พี่ก็ทรมานใจจะแย่แล้ว ถ้าอี้ชิงทิ้งพี่ไปจริงๆ พี่คงไม่อยากหายใจอีก”

    อี้ชิงยังสะอื้นฮั่ก มองหน้าคนรักแล้วกระพริบตาปริบ เขาเชื่อว่าพี่คริสเสียใจจริงๆ  

    “...แต่พี่มินโฮบอกว่า ผู้ชายเจ้าชู้ไม่ตายง่ายๆ”

    ร่างสูงจิ๊ปาก หมอนั่นแสบนัก รู้ว่าอี้ชิงใสซื่อก็ชอบเอาเรื่องไม่ดีมาใส่หัวให้แฟนเขาสับสนอยู่เรื่อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่อี้ชิงจะหนีไปนอนค้างกับเพื่อนน่ะ ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง!

    “แต่ผู้ชายกะล่อนน่ะตายง่ายนะ ฝากไปบอกรุ่นพี่ของอี้ชิงด้วย”

    คนตัวเล็กหัวเราะเสียงใสทั้งที่ยังไม่หายสะอื้น ยกมือขึ้นปาดป้ายน้ำมูกน้ำตาตัวเองเป็นพัลวันก่อนจะขอกับคนรักด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

    “ต่อไปนี้อย่าโกหกกันอีกได้มั้ยครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร”

    คริสพยักหน้า ชูสามนิ้วขึ้นระดับสายตาคนรัก

    “พี่สัญญาเลย ต่อไปนี้จะพูดแต่ความจริง มีอะไรจะไม่ปิดบัง ต่อให้อยากทำเซอร์ไพรซ์ก็จะบอกก่อน แต่อี้ชิงต้องให้ความร่วมมือ แกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วยนะ”

    พูดถึงเรื่องนี้แล้วอี้ชิงก็หน้าม่อยลงเพราะรู้สึกผิด

    “ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ไม่ไว้ใจพี่คริส แบคฮยอนก็ด้วย อุตส่าห์วางแผนกันอยากให้ดีใจแท้ๆ ผมนี่คิดมากจริงๆ เลย”

    “นั่นสิ คิดมากแล้วยังจะยกพี่ให้คนอื่นแบบนี้ น่าตีมากนะ”

    “ฮื่อ...~

    “ทีหลังเอาใหม่ อนุญาตให้หึงได้ แต่ห้ามยกพี่ให้ใคร ห้ามยัดเยียดใครให้พี่ด้วย เข้าใจรึเปล่า?”

    อี้ชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย

    “อื้อ...”

    “ห้ามบอกว่าจะไปนอนค้างที่อื่น”

    “อื้อ...”

    “แล้วก็ห้าม...” อี้ชิงปิดโอกาสไม่ให้คนรักได้เพิ่มข้อห้ามอะไรอีก คริสยังชูนิ้วค้างตอนที่น้องวาดแขนขึ้นโอบรอบคอเขาแล้วเขย่งเท้ายืดตัวขึ้นแต้มจูบที่มุมปาก ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากล่างเขาเบาๆ ด้วยความไม่ประสา

    “ขอบคุณสำหรับเปียโนนะครับ ผมรักพี่คริสที่สุด” แก้มขาวแดงปลั่งอย่างน่ารัก ขี้อายขนาดนี้ยังจะกล้าจู่โจมพี่ก่อน จางอี้ชิงคงรู้จักเพลย์บอยอย่างพี่นี้น้อยไป คริสสอดแขนเข้ารวบเอวบางไว้ มืออีกข้างประคองต้นคอขาวเผื่อน้องคิดจะชิ่งหลบ ยิ้มหวานหลอกล่อแล้วแตะจูบบนหน้าผากเนียน ไล้ริมฝีปากผ่านสันจมูกสวยแล้วจูบอีกครั้งเบาๆ บนปลายจมูกเล็ก

       

    “ห้ามรักใครมากกว่าพี่นะ”

     

    อี้ชิงหลบสายตาเจ้าชู้ของคนรักแต่ก็ยอมพยักหน้า

    “...ครับ”

    รางวัลของเด็กดีคือคริสป้อนจูบที่หวานซึ้งเสียจนคนรักตัวอ่อน พอร่างขาวบางอิงซบลงกับอก คริสก็เป็นฝ่ายกอบโกยทุกความหอมหวานเพื่อชดเชยความคิดถึงและหัวใจที่แหว่งหายตอนที่ไม่เข้าใจกัน คริสรัดแขนกอดคนรักให้ยิ่งแน่น เช่นเดียวกับที่อี้ชิงโอบรั้งต้นคอและช่วงไหล่ของเขาไว้มั่นคง แผ่นอกแนบชิดกันเสียจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน คริสรับรู้ว่าหัวใจดวงน้อยๆ ก็โหยหาเขาไม่แพ้กัน

     

    ความรักของคริสมีมากเกินไปจนบางทีก็ทำให้มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ความรักของอี้ชิงช่างแสนละเอียดอ่อน คริสรู้ว่าเขาอาจจะพลาดและทำให้อี้ชิงเสียใจในซักวัน แต่ตราบใดที่ยังอยู่เคียงข้างกัน ตราบเท่าที่อี้ชิงยังพร้อมจะรับฟังและให้อภัย คริสจะไม่มีวันโกหกหรือหลอกลวงให้อี้ชิงต้องเสียใจอีกแน่ๆ

     

     

     

     

     

     

     





    จบตอน ^^


     





    คนรอง: จบลงอย่างสวยงามและน้ำตา(คนเขียน)ซึมกันไป อ่านแล้วช่วยอินกันนิดนึงนะ กระท่อนกระแท่นไปบ้างเพราะใช้เวลาเขียนหลายวันกว่าจะจบ ติชมกันตามสบาย เดี๋ยวจะต้องออกเดินทางแล้ว จะกลับมาอ่านคอมเม้นท์ของทุกๆ คนนะคะ ^^

    ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม ^^





     
    (BG song: ชีวิตมีแต่เธอ by เจย์ เจตริน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×